คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SF] My dear writer [BNior]
[SF] My Dear Writer [Bnior]
เทอมสุดท้ายของผม ณ โรงเรียนสาธิตแผนกมัธยม
ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ที่นี่จัดเป็นโรงเรียนรัฐบาลที่สอบเข้ายากอันดับต้นๆของประเทศเกาหลี
เป็นที่หมายปองของนักเรียนและผู้ปกครองมากมาย เด็กที่จบออกมาจากที่นี่การันตีได้ว่าสามารถสอบซูนึ่งเข้าศึกษาต่อในรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำ
คณะยอดนิยม ได้มากเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกันโรงเรียนมัธยมปลายอื่นๆทั่วประเทศ ซึ่งมีผลต่อเนื่องไปถึงหน้าที่การงานในอนาคตเวลาสำเร็จการศึกษาออกมาอีกด้วย
การเรียนในโรงเรียนนี้จึงเป็นไปอย่างเข้มข้น การแข่งขันระหว่างนักเรียนกันเองก็ดุเดือด
ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมอย่างหนักหน่วง กิจกรรมทั้งหลายในตอนเรียนมีส่วนในการใช้พิจารณาสอบเข้าเรียนต่อจนถึงสมัครงานเหมือนกัน ...ทำไมชีวิตวัยรุ่น มอ
ปลายมันเหนื่อยอย่างนี้น๊า
11.30 น. เวลาพักกลางวันของพวกที่เรียนคาบเช้า 3
คาบ ก่อนจะผลัดเปลี่ยนใช้โรงอาหารที่แออัด กับพวกที่เรียนเช้า 4คาบ เวลา 12.30 น. โรงอาหารเวลานี้ชุลมุนวุ่นวาย โกลาหล ไม่ต่างกับสมรภูมิรบย่อยๆ นักเรียนรีบกรูกันลงมาแย่งซื้ออาหารกลางวัน น้ำ
ขนม และจับจองที่นั่งพูดคุย
เมาส์มอยกับกลุ่มเพื่อนราวกันไม่ได้เจอกันเป็นปีๆทั้งที่ ก็คุยกันตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนครูสอนจนถึงเมื่อกี้แท้ๆ เสียงจ๊อกแจ๊ก จอแจไม่ต่างกับตลาดสด เป็นบรรยากาศที่พบเห็นได้ทุกวัน จนอดคิดไม่ได้ว่าหากปิดเทอมเมื่อไรโรงอาหารคงเงียบเหงาน่าดู
ส่วนพวกที่เอาข้าวกลางวันมาจากบ้านก็สบายหน่อย ได้นั่งตามม้านั่งหินอ่อนข้างอาคาร ตามสวนหย่อม สุมทุมพุ่มไม้ หรือปูเสื่อนั่งบนสนามหญ้า ใต้ร่มไม้ใหญ่
มีลมโชยเย็นสบาย ท่ามกลางสวนสวยของโรงเรียน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ซึ่งตอนนี้ใต้ต้นโอ๊คใหญ่ใบหนากลางสนามหญ้าสีเขียวนุ่ม ได้ถูกจับจองด้วยสองหนุ่มนักเรียน มอ ปลาย
หน้าตาดีเป็นที่รู้จักของ ครูและนักเรียนแทบจะทั้งโรงเรียน เวลานี้ทั้งสองคนพักผ่อนอยู่บนเสื่อปิคนิค คนนึงนอนเหยียดยาว ส่วนอีกคนนั่งขัดสมาธิถือกล่องข้าว ก็จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่ ปาร์ค จินยอง กับกันต์พิมุกต์
ภูวกุล ที่สุดของคิวท์บอย หนุ่มน้อยน่ารักประจำโรงเรียนแห่งนี้
"แม่เลี้ยงด้วยน้ำต้มมาม่ามาตั้งแต่เด็กหรือไงนะ นิยายที่พี่เขาแต่งถึงได้ดราม่าบีบหัวใจไปจนถึงไขสันหลังขนาดนี้" ไอ้เพื่อนหน้าหล่อแว่นหนา
เจ้าของฉายาหนอนหนังสือ
ควบตำแหน่งประธานนักเรียนแสนเฟอเฟ็ค เป็นที่รักของครูบาอาจารย์
และเพื่อนฝูง รวมถึงรุ่นน้องพูดออกมาทั้งน้ำตานองหน้า มันถอดแว่นกรอบหนาที่ใส่แล้วดูเป็นเด็กดีสุดเนริ์ดออกมาเช็ดน้ำตาที่ร่วงเผาะ
ป้อยๆ ใครจะไปนึกว่านักเรียนดีเด่นสุดยอดตัวแทนทุกงานแข่งขัน นักกิจกรรมตัวยง จะติดนิยายออนไลน์อะไรนั่นหนักมากขนาดนี้ ร่างบางนอนคว่ำพับขาตีไปตีมาในอากาศ ดูดนมไป
ยู่ปากอิ่มน่ามอง บ่นไป ระหว่างอ่านนิยายจากไอแพทไปอย่างหงุดหงิด ที่ไม่สบอารมณ์กับเนื้อหา
"เดี๋ยวอาจารย์ก็ด่าหรอก แอบอ่านไอแพทในคาบภาษาเกาหลีทีแระ นี่เวลากินข้าวก็กินดีๆสิ กินไปอ่านไปเมื่อไหร่จะเรียบร้อย แล้วดูนอนกินเป็นงูหลามระวังจะป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนนะ" ผมบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก็ในโรงเรียนนี้หน่ะใครจะไปกล้าว่า
ปาร์ค จินยอง เด็กดีอันดับ 1
นักเรียนตัวอย่างของที่นี่ได้กัน ถึงพวกครูจะดูแลมันอย่างสองมาตรฐานกับเด็กคนอื่น แต่ผมก็ยอมรับแหละว่า มันเป็นหน้าเป็นตาให้กับโรงเรียน
รวมถึงผมที่เป็นเพื่อนมันก็ยืดได้เต็มที่จริงๆ
กับสิ่งที่มันเป็นและใครๆล้วนสรรเสริญ สอบแข่งขันที่ไหนทีไรก็ชนะ มารยาทก็ดี กีฬาก็เก่ง แถมหน้าตาไม่ต้องพูดถึง คนรุมกรี๊ดทั้งหญิงทั้งชาย ผมตั้งหน้าตั้งตาใช้ส้อมเล็กๆจิ้มไส้กรอกที่แต่งเป็นรูปปลาหมึกในข้าวกล่องอาหารกลางวัน ที่วันนี้คนที่ทำมาให้ตกแต่งได้น่ารักน่าทานอีกแล้ว ทั้งน่ากินทั้งอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าทานเพลินก็จนเหลือไส้กรอกชิ้นสุดท้ายอยู่อันเดียวเสียแล้วสิ
"อ่ะ แบมให้
ชิ้นสุดท้ายเขาว่าจะได้แฟนสวยนะ" แบมแบมยื่นแขนเล็กๆบางๆส่งไส้กรอกให้จินยองเพื่อนรัก
" กินไปเหอะ จินยองมีนางในฝันแล้ว สวย ไม่สวย ไม่ใช่ประเด็น"
เด็กหนุ่มหน้าหวานเงยหน้ามองเพื่อนแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านนิยายในไอแพดต่อด้วยรอยยิ้มอวดๆให้อย่างน่าหมั่นไส้
"...ชริ" แบมแบม มองไส้กรอกในมือก่อนจำใจกินเข้าไปเองจนติดคอ แฟนสวยเหรอสำหรับเขาคงไม่มีหรอกมั้ง ถ้าแฟนหล่อหล่ะไม่แน่ คนที่ทำข้าวกล่องมาให้นี่ไง แต่.....แบมแบมอดที่จะถอนหายใจเรื่องของเพื่อนรักไม่ได้ ช่วงนี้จินยองไม่ค่อยกินอะไรเลย นอกจากกินนมบ้าง นมแค่กล่องนึงวันๆยังดูดแทบไม่หมด ที่บ้านคงมีเรื่องอีกแล้วแน่ๆ
ก่อนหน้านี้ที่บ้านของจินยองมีปัญหา พ่อแม่ทะเลาะกันหนักมาก ร่ำๆจะหย่าขาดจากกัน จนมันจิตตก
ไม่ร่าเริงแจ่มใส ผมเลยเบี่ยงเบนความสนใจให้มันหาอะไรทำนอกเหนือจากอ่านหนังสือเรียนบ้าง ด้วยความที่จินยองมันเป็นคนรักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือทุกประเภท ผมเลยแนะนำให้มันลองอ่านนิยายออนไลน์ในอินเตอร์เนทดู นิยายพวกนี้บางทีนักเขียนก็ไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพแต่กลับถ่ายทอดเรื่องราวได้มีชีวิตชีวา
หลากหลาย กล้าคิด กล้าเขียน เข้าถึงข้างในคนอ่านได้มากกว่านิยายที่มีภาษาสละสลวย พล๊อตเรื่องดี มีรางวัลการันตีเสียอีก แต่บางทีก็แย่หน่อย เพราะส่วนใหญ่ก็เขียนกันไม่จบ คนที่ติดตามอ่านก็เหมือนต้องวัดดวงกันไป จะเสียเวลา เสียความรู้สึกฟรีไหม ก็เป็นเสน่ห์ไปอีกแบบ แล้วยังมี ข้อดีอื่นอีก ก็คือมีให้เลือกอ่านเป็นหมื่นเป็นแสนเรื่อง
แล้วก็ฟรีเสียด้วย
ใช้คีย์เวิร์ดค้นหาเรื่องที่เราสนใจได้
อ่านสกรีนได้
แชร์ความเห็นกับนักอ่านคนอื่นๆได้ ติดตาม
โต้ตอบกับนักเขียนได้ ทำให้รู้สึกผูกพันเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องมากกว่าการซื้อนิยายเป็นเล่มๆ
มาอ่านเองคนเดียวที่บ้าน
ผมก็อ่านบ้างพวกแนวแฟนตาซีผจญภัย สนุกๆ
แต่ไม่ได้ติดมาก มีเวลาว่างตอนกลางคืนถึงค่อยอ่าน
แต่จินยองนี่สิ
พอได้รู้จักเริ่มอ่าน ก็อ่านเอาเป็นเอาตายมาก แรกๆมันก็อ่านทุกเรื่อง
ทุกแนวที่ขึ้นยอดวิวเยอะๆ ยิ่งตอนเยอะๆยิ่งชอบ
ตะบี้ตะบันอ่านให้จบรวดเดียวข้ามวันข้ามคืนจนสว่างคาตาก็บ่อย แต่พอนานเข้าในที่สุดมันก็เจอนักเขียนในดวงใจ ที่เขียนงานได้ถูกจริต ถูกใจมัน แล้วเขาก็ขยันอัพเดทตอนใหม่ๆ
และเขียนทีละหลายๆเรื่องมากๆ
แต่ละเรื่องก็มีพล๊อตน่าติดตาม
แตกต่างกันไป ยิ่งทำให้จินยองมันติดงอมแงม
ไม่ว่านิยายจะแจ้งอัพเดทใหม่ตอนไหน
มันจะเอาไอแพทคู่ใจมาเปิดอ่านในทันที แล้วก็คอมเม้นให้กำลังใจนักเขียนคนนั้นทุกครั้ง รวมถึงไปตามให้กำลังใจในเฟสบุ๊ค ไอจี
ทวิตเตอร์ เหมือนเป็นสาวกหรือทาสของลัทธิอะไรสักอย่าง
ทั้งที่ชีวิตมันก่อนหน้านี้ไม่รู้จักการเล่นโซเชียลเน็ทเวิกมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้จินยองกลับทำทุกอย่างทุกทางเพื่อให้ได้เข้าถึงนักเขียนคนนั้น
"บทนี้มีคำผิดด้วยหว่ะ.... สงสัยไรท์เตอร์จะรีบจัด..... ทำไมตัดแค่ 60% น๊า... อยากอ่านต่อเว้ย.....ไรท์มาต่อไวๆน๊า ใจจะขาดแล้ว " อะไรเทือกนี้เป็นคำที่มันพึมพำออกมาบ่อยก่อนจะอ่านทวนซ้ำนิยายนั่นอีก
3 รอบแล้วคอมเม้นท์อีกหนึ่งหน้า ยาวๆ
วันไหนเห็นจินยองจับไอแพทไม่ปล่อยเมื่อไหร่
แปลว่าที่บ้านมันมีปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ตอนนี้งานของนักเขียนคนนั้นจึงเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจของจินยองไปเลย ถ้าวันไหนเขามาอัพลงตอนใหม่ให้อ่าน มันก็พอจะยิ้มขึ้นมาได้หน่อย
"นี่ แกรู้หรือเปล่า นิยายเรื่องล่าสุดของคุณโนร่านักเขียนที่แกชอบหน่ะ
ถูกซื้อลิขสิทธ์แล้วนะ
แล้วก็จะได้ทำเป็นละครช่อง KBS ด้วย" ผมพยายามหาเรื่องคุยให้มันอารมณ์ดีได้บ้าง เพราะดูเหมือนตอนนี้นักเขียนคนนั้น(คุณโนร่า)
ไม่มาลงนิยายถี่ๆติดๆกันทุกวันเหมือนเดิม นั่นทำให้จินยองได้อ่านแต่ตอนเก่าๆ ซ้ำๆไปมา
จนพาลมาท่องให้ผมฟังจนหลอนไปหมดแล้ว
พอดีกับเพิ่งรู้เรื่องนี้มาหมาดๆ เลยเล่าให้มันฟังเป็นคนแรก
"แล้วแบมแบมรู้ได้ไงอ่ะ? ในเวปยังไม่ประกาศว่าถูกซื้อลิขสิทธิ์เลยหนิ เดี๋ยวเขาจะลบออกจากเวปใช่ไหม? ต้องรีบเซฟลงเครื่องแล้วสิ
" จินยองทำหน้าตาตื่น
แล้วก็กดเซพหน้าจอรัวๆ จากนั้นก็เอารูปใส่โปรแกรมทำเป็นไฟล์
.pdf เพื่ออ่านในรูปแบบ e-book อีกที จริงๆแล้วจินยองชอบอ่านจากแอปพิเคชั่นของเวปมากกว่าเพราะจะได้เห็นคอมเม้นของคนอื่น
และเป็นการเพิ่มยอดวิวให้นิยายเรื่องนั้น
จะได้แสดงถึงความนิยมไปด้วย
"ก็พอดีมีลูกพี่ลูกน้อง ทำงานอยู่สำนักพิมพ์ไง แต่จินยองอย่าเพิ่งไปโพสบอกใครนะ เดี๋ยวอีกไม่เท่าไหร่เขาจะประกาศเรื่องลิขสิทธิ์พร้อมเปิดกล้องละครด้วยเลย คงจะทำเซอไพรซ์แฟนๆนักอ่านหน่ะ"
"เอ....เรื่องล่าสุดมันเพิ่งลงในเวปไม่กี่ตอนเองหนิ ได้ทำเป็นละครหรือว่าเขียนจบแล้ว!!??"
"ไม่รู้ดิ แบมไม่ได้ตามอ่านเรื่องนี้"
"น่า นะ ไปถามลูกพี่ลูกน้องนายให้หน่อยว่าจบยังไง หรืออย่างน้อย
ปมมันเป็นไงต่อ ไม่ก็
สปอยก็ยังดีว่าตอนหลังใครคือนางเอก
มันมีตัวละคร สองตัวที่ยังไม่แน่ชัดคาใจมาก อยากรู้ว่าพระเอกจะเลือกคนไหน แล้วตัวละครที่จินยองชอบจะตายตอนหลังไหม?"
"แมร่งไม่น่าบอกเลย "
"น๊า แบมแบม สุดหล่อ ถ้าจินยองไม่รู้จินยองนอนไม่หลับแน่ ปมเรื่องมันดราม่ามาก
เพื่อนกันจะแย่งผู้ชายคนเดียวกันแล้วท้องอีก ตัวโกงนี่ตีหน้าซื่อใสไปวันๆ พระเอกก็โง่สุดๆ ชีวิตตัวละครที่เราเชียร์ก็รันทดลำบากลำบนโดนรังแกตลอดเรื่อง
ทำอะไรก็มีแต่คนเข้าใจผิด สงสัยชีวิตจริงของคนแต่งคงจะลำบาก ดราม่ามากๆ แต่คุณโนร่าเขาบรรยายได้ดี ภาษาสวย เราอินจนหลงรักตัวละครนี้ไปเลย แต่ก็ไม่เท่าที่เราหลงรักคุณโนร่าหรอกนะ คนอะไรเขียนเก๊งเก่ง
แต่ถ้าแบบตอนหลังให้ตัวละครนี้ตายนี่เราจะไปเผาบ้านไรท์ฯโนร่าแน่ๆ แม้จะรักมากก็ตาม"
"นายก็เป็นเอามาก เดี๋ยวแบมจะลองตะล่อมถามพี่มาร์คดูให้ แต่แบมก็ไม่รับปากนะ" ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่โรงพิมพ์ คอยทำข้าวกล่องให้
และเป็นเจ้าของบ้านที่แบมแบมอาศัยอยู่ด้วย
ก็คือ มาร์ค ต้วน
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของธุรกิจสายบันเทิงทั้งหลาย ตั้งแต่สถานีโทรทัศน์ วิทยุ ค่ายหนัง ค่ายเพลง
สำนักข่าว บริษัทจัดอีเว้น สิ่งพิมพ์และ แพลทฟอร์มทางอินเตอร์เนท สุดหล่อที่ชอบทำตัวว่างงานเพื่อคอยดูแล
แบมแบมที่มาเรียนต่อเกาหลีตั้งแต่เด็กๆ
"รักแบมแบมที่สุดนะครับ"
เพื่อนจินยองยิ้มเต็มแก้มจนตาหยี
ตีนการิ้วๆพาดผ่านใบหน้าขาวใสไม่ต่างกับหนวดแมว ทำให้แบมแบมยิ้มตามขึ้นได้
"ถอยไป จะอ๊วก" แล้วพี่มาร์คนี่จะบอกแบมฟรีที่ไหน แบมต้องไปให้พี่เขาเอาเปรียบอ่ะดิแมร่ง ถ้าไม่ใช่จินยองขอนะ แบมไม่อยากรบกวนพี่เขาด้วยซ้ำ แบมแบมได้แต่พองแก้มทำปากขมุบขมิบ
ไม่ใช่ไม่พอใจนะ
แต่พอคิดถึงพี่มาร์คแล้วมันเขินขึ้นมาเอง
.
.
.
.
แต่เรื่องก็ยังไม่จบง่ายๆ เพราะพอแบมแบมหาทางถามสปอยเรื่องจากมาร์คมาได้ จินยองยิ่งงอแงเข้าไปใหญ่
"แบม บอกเรามาเลยนะ บ้านไอ้คุณโนร่าแมร่งมันอยู่ไหน สำนักพิมพ์ของพี่มาร์คที่เซนต์สัญญาต้องมีชื่อที่อยู่นักเขียนอยู่แล้วใช่ไหมหล่ะ
ดูจากบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านอะไรก็ได้"
"เว่อร์ไปเปล่าจินยอง แค่ตัวละครในหนังสือตายเอง
จะให้แฮปปี้ตามใจคนอ่านอย่างนายทุกอย่างได้ไง ไรท์โนร่าเขาก็วางพล๊อตอะไรมาไว้แล้ว มันถึงสนุก น่าติดตามไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากให้เป็นอย่างที่ใจตัวเองคิดทำไมไม่เขียนเอง
อ่านเองเอาหล่ะ"
"ไม่เวอร์ ไม่รู้หล่ะ
แบมไปหามาให้หน่อยน๊า จินยองรับกับตอนล่าสุดไม่ได้จริงๆ
จะบุกไปถามคุณโนร่าเองที่บ้านเขาเลย
ถ้าไม่แก้ให้ตัวละครที่เราชอบฟื้นขึ้นมา
เราจะเผาบ้านเค้า"
"ไอ้บ้า!! จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว"
ปากก็ว่า แถมดวงตากลมโต สีอัลมอนด์ยังกรอกชี้ขึ้นฟ้า
แต่แบมแบมไม่เคยทำให้จินยองผิดหวังสักครั้งอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา 6 ปี
มีแต่จินยองเป็นฝ่ายช่วยแบมมาตลอด ตั้งแต่การปรับตัวเมื่อย้ายมาอยู่เกาหลี ช่วยเรื่องเรียน ติวหนังสือ ทำงานส่ง
ลอกการบ้าน พาไปเที่ยว เป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษา เป็นอาจารย์ส่วนตัว สารพัด
จนแบมอยากตอบแทนให้ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
แต่การดีลกับพี่มาร์คมันไม่ง่ายจริงๆนะ...
.
.
.
.
"แบมแบมทำไมสภาพนายโทรมจัง? หายไป 2-3 วัน นี่ไปทำอะไรมา?"
"อย่าถาม เราได้ที่อยู่ไอ้คุณโนร่ามาแล้ว ทำให้ได้อย่างที่พูดละกันนะจินยอง เผาบ้านเขาหน่ะ เราบอกได้แค่นี้ ไปแระ วันนี้โดดนะ ส่งใบลาป่วยให้ด้วย แบมเดินไม่ไหว ปวด..สะโพกชมัด" แบมแบมยัดกระดาษโน้ตจดที่อยู่ใส่มือจินยองไว้ แล้วหันหลังโบกมือให้
"เป็นไรอ่ะ แบม เห้ย!!"
พอดีคุณครูประจำชั้นให้เพื่อนมาเรียกจินยองไปช่วยงาน ร่างบางจึงไม่ได้ตามแบมแบมออกไป
...คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง
ได้แต่ภาวนาในใจ
แล้วหันมายิ้มให้กับประดาษโน้ตเล็กๆในมือ
นามปากกาโนร่า
ผมเดาว่านักเขียนคนนี้ต้องเป็นผู้หญิงน่ารัก เรียบร้อยแน่ๆ งานของเธอมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ตัวหนังสือเหมือนมีชีวิต เล่าเรื่องได้เห็นภาพ แค่อ่านไปสองสามบรรทัดก็จมดิ่งเข้าไปในโลกเนื้อเรื่องนิยายที่เธอสร้างไว้ได้ทันที ไม่ว่าจะอ่านเมื่อไหร่ ตอนไหน ความคิดจะวนอยู่แต่โลกใบนั้น แถมบางทีอารมณ์ฟุ้งก็ติดอยู่ในหัวไปทั้งวัน
เขียนเก่งขนาดนี้
กลับไม่เขียนหนังสือขายเป็นการเป็นงาน
ตั้งแต่ไปขุดตามงานเก่าๆของคุณโนร่ามา
มีนิยายลงในเวป เกือบ 30 เรื่อง เรื่องสั้นอีกเพียบ บทความ นับไม่ถ้วน ฐานแฟนคลับหลักแสน ยอดวิวหลักหลายสิบล้าน
เขียนงานได้หลายแนว ถ้าตีพิมพ์ออกมานี่คงรวยเละ แต่ก็เขียนให้อ่านฟรีมานานแล้ว นอกจากผลงานที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์แล้ว แนวคิด ชีวิตชีวาที่คุณโนร่า สอดแทรกใส่เข้ามาในเนื้อหางาน
ก็เป็นอีกเหตุผลให้จินยองตกหลุมรักเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างพิถีพิถันเหล่านั้นจนหมดหัวใจ จนถึงติดบ่วงตกหลุมรักคนแต่งอย่างคุณโนร่าจนถอนตัวไม่ขึ้นตามไปด้วย
.
.
.
.
คุณโนร่า สาวสวย แสนบอบบาง น่าถนุถนอม เจ้าของเรือนผมยาวสีอ่อนหยิกฟู เหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบฝรั่งเศษ ใส่ชุดกระโปรงยาวลูกไม้สีขาวพลิ้ว ผิวเรียบเนียนไร้ตำหนิ ขาวอมชมพู มีบ้านอยู่ในสวนดอกไม้ร่มรื่นแสนสวย ....ใช่เหรอ? กับคนที่มาเปิดประตูตรงหน้าจินยอง...
"มาทำไม?" เสียงทุ้ม ออกแหบ
สุดแมนดังขึ้นหลังจากจินยองกดกริ่งหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง ในเขตย่านคนรวยเก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงโซล
เชรี้ยยยยยยยยยยยยยย!!! เด็กที่พูดจาสุภาพมาทั้งชีวิตถึงกับต้องสบถออกมา เมื่อพบว่าคนที่เปิดประตูออกมาคือผู้ชายร่างใหญ่
สูง เกือบ 180 cm ได้มั้ง
ผมสั้นย้อมสีน้ำตาลสว่าง ไถข้าง ตาเรียว ดูหงุดหงิดเอาเรื่อง ท่าทางดุร้าย
กร้านโลก มีจุดสองจุดบนเปลือกตาซ้าย แม้จะสวมแว่นตาไว้ แต่ก็ไม่อาจบัดบังโครงหน้าหล่อเหลาอยู่
สันกรามคม จมูกโด่งสวย แต่เขาสูบบุหรี่ผุย แถมยังพ่นควันใส่หน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูน่ากลัวชมัด มันจะฆ่าผมไหม หรือแบมแบมให่ที่อยู่มาผิดกัน
เลขที่1704 ถนน XXxx เขต XXXxX ก็ไม่ผิดนี่นา ผมยกกระดาษโน้ตของแบมแบมขึ้นมาดูซ้ำอีก 5
รอบ พร้อมน้ำตาจะไหลคิดหาทางตอบคำถามไปสารพัด
"คือ...คือ..ผมมาสมัครทำงาน
ตามป้ายนี้อ่ะครับ" มือเรียวรีบชี้ไปยังโปสเตอร์หน้าประตูบ้านที่แขวนไว้ ผมรีบเอาตัวรอดไปก่อนดีกว่า งือออออ เอาวะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป พี่เขาคงไม่ฆ่าคนกลางวันแสกๆหรอกมั้ง จินยองรีบตอบไปด้วยเสียงที่สั่นมากๆ
"หือ!?
นายอ่านหนังสือไม่ออกเหรอ?
นั่นเขียนว่ารับสมัครแม่บ้าน เพศ
หญิง อายุ 50 ปีขึ้นไปนะ ดูยังไงนายก็ไม่น่าใช่...ผู้หญิง และอายุก็ไม่น่าถึง.....50 ปี" คนน่ากลัว โยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าขยี้ซ้ำ เขายื่นหน้ามาใกล้
แยกเขี้ยวและส่งเสียงขู่ใส่ผม งือออ
จินยองกลัวจนฉี่จะแตกอยู่แล้วเนี่ย
"คะ..คะ.. คุณ ..คุณ..คุณมาร์คที่สำนักพิพม์
N.Ze. แนะ...แนะ..นำมาครับ
กรุณาชะ..ชะ..ช่วยให้ผมเข้าไปพบคุณโนร่าหน่อยได้ไหม คะ .. ครับ" ร่างบางทำใจดีสู้เสือทั้งที่ตัวสั่นหงึกๆงักๆด้วยความกลัว เกร็งมากจนแทบไม่กล้าหายใจแล้ว
"อ่าว? รู้จักกับมาร์คเหรอ ถ้ามาร์คมันให้มานี่ มันไม่ได้บอกหรือไง ว่าชั้นนี่แหละ คุณโนร่า" ร่างสูงเอนตัวพิงประตูรั้วด้านที่เป็นประตูเล็กๆสำหรับพอดีคนเดินเข้าออก แล้วหรี่ตาจ้องมองร่างบางตรงหน้าอย่างจับผิด
เxรี้ย!! จินยองจิเป็นลม
คุณโนร่าผู้อ่อนแอ บอบบาง
ชีวิตดราม่าน้ำตาแตก สาวงาม
นางในฝันของผม....กลายเป็นผู้ชายล่ำกล้ามโต หน้าโหด ไปได้ยังงายยยยยยยย แล้ว ดู ดู๊ สูบบุหรี่ แถมเจาะหูด้วย
เอาคุณโนร่าแสนสวยของผมคืนมา
"บ่นอะไร มาทำงานใช่ไหม ไปๆ ทำงานๆ" ร่างใหญ่คว้าข้อมือเล็กลากเข้าไปในบ้าน
แล้วจัดการล๊อกประตูรั้วคล้องโซ่ ใส่สายยูอย่างแน่นหนา จากนั้นคว้ารีโมทมากด
มีประตูรั้วเป็นเหล็กทึบเลื่อนมาปิดฝั่งประตูซี่รั้วที่มีรถเข้าออกได้ไป
จนถึงฝั่งเปิดเปิดสำหรับคนเดินเข้า
ซ้อนอีกชั้นจนไม่สามารถมองออกไปนอกถนนได้อีก นี่บ้านคนหรือคุกเนี่ย
กว่าสมองจินยองจะประมวลผลเพราะ
ช๊อคกับร่างจริงคุณโนร่า ก็ถูกพรากออกจากโลกภายนอกสู่โลกใบเล็กในตัวบ้านเสียแล้ว ให้ทำงานอะไรนะ
"อ่อ ครับๆ" คือเสียงรับปากไปส่งๆ เอาวะ
ตอนนี้ก็สอบเสร็จหมดแล้ว จะปิดเทอมแล้วด้วย
พ่อแม่ก็มัวทะเลาะกันคงไม่มีใครสนใจผม
บางทีพวกท่านก็ไม่กลับเข้าบ้านกันเลยทีละหลายๆวัน พ่อไปทาง แม่ไปทาง
ผมก็คงต้องไปทางของผมบ้าง
นอกจากน้อยใจที่บ้าน อีกเหตุผลนึงที่จินยองใจกล้าตามเข้ามาในบ้านนี้โดยไม่ค่อยอิดออดเท่าที่ควร
ก็คือ ต้องมาแอบอ่านนิยายตอนต่อไปให้ได้ แล้วค่อยโน้มน้าวให้ตัวละครที่เขาชอบฟื้นขึ้นมา ถึงคุณโนร่าตัวจริงจะไม่เหมือนกับที่คิดไว้ แต่จินยองจะลองพยายามดูก็แล้วกันนะ
หงึก งือ
ฮรือออ ทุกอย่างในบ้านคุณโนร่า ผิดจากที่จินยองเคยจินตนาการไว้ทั้งหมด บ้านสวนสไตน์วินเทจโปร่งสบายอากาศถ่ายเทกลางสวนดอกไม้ร่มรื่น
กลับกลายเป็นบ้านมืดทึบแนวโมเดิลน่าอึดอัดแทน งานแรกที่เขาต้องทำคือซักเสื้อผ้า ผ้าไหมชั้นดี
ผ้าชีฟองเนื้อนิ่ม ลูกไม้ระบาย
โบว์ ริบบิ้น อะไรหญิงๆ ไม่มีให้เห็น บ๊อกเซอร์ และ กกน.ใส่แล้วเหวี่ยงเป็นเลข 8
กองสุมล้นตะกร้า เสื้อยืดสีดำ สีเทา
มีเยอะรองลงมา ส่วนกางเกงยีนส์ ใส่แล้วแขวนไว้เป็นสิบๆตัว
เจ้าของบอกว่าไม่ต้องซัก แง กลิ่นเหงื่อ คราบไคลที่ติดมามันชวนเวียนหัว รู้สึกขนลุกขนชัน ขยะแขยงคันตามตัว
อยากจะอาเจียน แต่ก็ต้องทนไว้ ถ้าไม่ไหว ทำไม่ได้ต้องโดนไล่ออกไปแน่ๆ
แต่..ฮึบ
จินยองรีบเอามือปิดปากที่กำลังจะขย่อนอาหารพร้อมน้ำย่อยของเก่าในกระเพาะกลับออกมา
จนหน้าแดงน้ำตาคลอ ทรมานเหลือเกิน รู้สึกเหมือนเป็นนางเอกที่ถูกรังแกเลย
"จะให้เรียกนายว่าอะไร ?"
คุณโนร่า เอาถุงเท้าอีกหลายสิบคู่ที่ยังไม่ได้ซักเทออกจากตะกร้าผ้าโรยใส่หัวผม กลิ่นมันแสนจะ!@#$%^&*(() ชวนแหวะหนักกว่าเดิม
"..จะ จ..จินยองครับ"
เสียงหวานพยายามกลั้นหายใจไม่สูดกลิ่นนรกเข้าไป ใช้หายใจทางปากเอา ทำให้เสียงอู้อี้หนัก
"พูดกับฉันดีๆสิ ไม่เต็มใจทำงานนี้เหรอ? รังเกียจ?"
เจ้าของบ้านข่มขู่เขาอีกแล้ว
จินยองไม่มีทางเลือกเท่าไหร่นัก
ข้อมือบางฉวยถุงเท้าเน่าสีเทาได้คู่หนึ่ง
รีบยกขึ้นดมติดจมูก ทำหน้าตาพริ้ม ยิ้มรันจวน แล้วตอบกลับไปว่า "นี่มันหอมมากๆ ผมชอบมันจริงๆครับ" แต่คุณโนร่าก็ไม่วายหน้าตึง
เดินกระแทกเท้าขึ้นไปชั้นบนของบ้านแทน
ในขณะที่เขาต้องรีบวิ่งเข้าไปทำความรู้จักกับอ่างล้างหน้าในห้องน้ำเพื่อคายของเก่าออกมาทันใด
.
.
.
.
"ฮะ ฮร่า ฮ่า ฮ่า โอ้ย
ตลกชมัด
ไอ้เด็กจินยองนี่จะทำให้เขาหัวเราะจนขาดอากาศหายใจตายหรือไงนะ หยิบถุงเท้าเขามาดมแล้วทำหน้าเคลิ้มใส่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้นั่นมันกลิ่นหฤโหดมหาวิบัติทำลายล้างขนาดไหน ไม่เป็นลมไปก็เก่งแล้ว ขำโว้ย สงสัยไอ้มาร์คจะส่งมาคลายเครียดก่อนปิดต้นฉบับ หน้าตาน่ารักแต่ทำตัวตลกชะมัด เดี๋ยวตัวสั่นเหมือนลูกนก
เดี๋ยวขู่ฟ่อเหมือนแมว ชอบคิดอะไรคนเดียว
แต่เสียงดังจนเขาได้ยินหมด คิดว่าคนอย่าเขาน่าตาน่ากลัว โหดร้ายอะไรไปได้ แหม่ เอ๊ะ หรือว่าจะจริงนะ ริมฝีปากบางหยักยกยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ......อ่าห์
รู้สึกสมองกำลังแล่นเลย
ไปเขียนนิยายต่อดีกว่า
.
.
.
.
"โอ๊ะ ขอโทษคร๊าบบ" จินยองรีบตะโกนออกมาทั้งๆที่กำลังเพลียพอเคลิ้มๆจะหลับ
หลังจากซักผ้า กองโต แล้วนำไปตากกลางแดดร้อนจัด
แต่กลับถูกปลุกตื่นด้วยอะไรสักอย่างเย็นๆมาแนบแก้ม
"กินซะ" น้ำอัดลมกระป๋องสีน้ำเงินเย็นเฉียบ ถูกส่งมาให้หลังจากแกล้งเขาไปได้แล้ว คุณโนร่าเรียกให้จินยองตามมายังห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยสีดำเป็นส่วนใหญ่
ดูลึกลับน่ากลัว ไม่เหมือนห้องรับแขกของคุณโนร่าในจินตนาการที่เป็นสีขาว
สว่างสดใส มีโซฟานุ่มๆตัวใหญ่
ประดับด้วยตุ๊กตานุ่มนิ่มน่ารักวางเต็มไปหมด ....เฮ้อ ว่าแล้วก็ถอนหายใจนิดหนึ่ง
"ดูไว้ แล้วทำตามนี้"
คุณโนร่าพามาดูกระดานดำเขียนชลอก์แบบวิทเทจ
ที่ระบุงานที่แม่บ้านต้องทำเหมือนๆกันทุกคน เริ่มตั้งแต่ อาหาร สามมื้อ เวลา 12.00, 16.00 และ 20 .00 เบรกเป็นกาแฟ
สามเวลาเช่นกัน 14.00, 18.00 และ 22.00 น. แต่ละวัน ก็มีงานอื่นอีกเช่น ทำความสะอาดบ้าน
ชั้นล่างทุกวันคู่ ชั้นบนทุกวันคี่ ซักผ้า ล้างจาน ทำสวน ดูแลสระว่ายน้ำ
ล้างรถ จ่ายตลาด ซ่อมท่อ ปีนหลังคา
เปลี่ยนหลอดไฟ จ้า เจ้าของบ้านมีหน้าที่หายใจ
กับจ่ายตังแค่นั้นเอง อ๊ะ
มีหมายเหตุตัวใหญ่บะเริ่มด้วยว่า **ห้ามเข้าไปในห้องนอนเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ
ห้องนี้ไม่ต้องทำความสะอาด
"อ่อ
แล้วก็เลิกเรียกชั้นว่าคุณโนร่าได้แล้วนะ
นั่นเป็นแค่นามปากกา
ชื่อจริงของฉันคือ อิมแจบอม
จะเรียก แจบอม หรือ เจบีก็ได้"
"ครับๆ" จินยองรับคำตัวลีบ ทั้งยังก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าด้วยความกลัว ท่าทางน่าเอ็นดู จนแจบอมแอบขำ
"อายุเท่าไหร่แล้วหน่ะ เตรียมสำเนาบัตรประชาชน
กับสำเนาบัญชีธนาคารหน้าแรกมาไหม?"
"มีครับ มีๆ แล้วก็ จินยอง..เอ่อ อายุ 18 ปีครับ"
เพราะเป็นนักเรียนเตรียมสอบ และเจนสนามแข่ง เอกสารพวกนี้มักติดกระเป๋าพร้อมเสมอเวลาที่จินยองจะไปไหนมาไหนอยู่แล้ว
"อืม... ดี
ห้องนอนของนายอยู่ใต้บันไดชั้น 1 นะ
บ้านนี้มีอินเตอร์คอมหลายจุด
ฉันจะจะติดต่อหรือสั่งงานอะไรผ่านทางนั้น
อ่อ แล้วก็ที่นี่มีกล้องวงจรปิดด้วย
อย่าคิดจะขโมยอะไรไปหล่ะ" ตาเรียวแอบหรี่เล็งดูสีหน้าตลกๆของเด็กตรงหน้า
ที่เหวอไปเลยเมื่อพูดถึงเรื่องกล้องวงจรปิด สงสัยมีอะไรไม่บริสุทธิ์ใจหรือเปล่านะ ริมฝีปากอวบอิ่มสีสวยนั่นถึงถูกฟันซี่ขาวเล็กๆขบกัดลงไปอย่างน่ามอง ...ไม่ได้การละ
แจบอมดึงสติตัวเองกลับมาก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกลกว่านี้ ไปเขียนงานต่อดีกว่า
คุณโนร่า เอ๊ย
คุณแจบอมนี่ท่าทางจะติดกาแฟมากทีเดียว
วันนึงทาน 3 แก้ว แล้วยังมีเครื่องชงกาแฟสดไว้ในบ้าน ยังดีที่มีคู่มือ และสูตรไว้ให้ เพราะจินยองเป็นคนไม่กินกาแฟจึงไม่รู้ว่ารสชาติที่เหมาะสมควรเป็นแบบไหน ห้องพักที่ให้ใช้ก็สะดวกสบายพอสมควร
ถึงไม่มีห้องน้ำในตัวก็สามารถออกมาใช้ห้องน้ำสำหรับแขกใกล้ๆได้ ติดแต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้เตรียมตัวมาทำอะไรแบบนี้เสียหน่อย เสื้อผ้าก็ไม่มีติดมาเปลี่ยน แต่ไม่รู้หล่ะถ้าได้อ่านนิยายตอนต่อไปแล้วสถานการณ์ในเรื่องยังไม่ดีขึ้น
เขาจะเผาบ้านนี้ทิ้งจริงๆด้วย
จินยองสบัดศีรษะสูดหายใจเข้าลึกเรียกพลัง
เอาไอแพทออกมาชาร์จ
แล้วเริ่มชงกาแฟ
คู่มือบอกละเอียดตั้งแต่วิธีคั่วเมล็ดกาแฟ
อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ต้ม ปริมาณน้ำตาล และนมที่ใส่ การสตรีมฟองนมให้หอมนุ่ม นี่จินยองจะเปิดร้านเองได้แล้วใช่ไหม แค่นั้นยังไม่พอในครัวยังมีจอทีวี LED
ขนาดใหญ่เปิดมาเป็นวิธีสอนชงกาแฟ การทำขนม ของว่าง และทำอาหารอีกด้วย จินยองเป็นเด็กหัวไว
ดูและทำตามไม่เท่าไหร่ก็ใช้อุปกรณ์ทุกอย่างได้คล่องแคล้ว ทำคาปูชิโน่ร้อนออกมาได้อย่างสวยงาม ทันตามเวลาที่ต้องเสริฟพอดี
"คุณโน..เอ้ย
คุณแจบอมกาแฟพร้อมแล้วครับ ให้จินยองนำไปเสริฟที่ไหนดี?" จินยองลองกดอินเตอร์คอมแล้วพูดใส่ โดยหารู้ไม่ว่า
อินเตอร์คอมที่ใช้มีกล้องติดไว้ด้วย
เขาทำหน้าตาประหลาดๆแล้วคุยกับแก้วกาแฟไปด้วยจนคนที่มองจากจอข้างบนนึกขำ คนบ้าอะไรคุยกับถ้วยกาแฟได้เป็นวรรคเป็นเวร
"เอาขึ้นมาให้ที่ห้องทำงานชั้นสองได้เลย
เดินขึ้นบันไดมาห้องตรงกลางนะ พอดีกำลังจัดหน้าจอนิยายที่จะลงต่อ"
กรี๊ดสิครับ รออะไร คุณโนร่าจะโพสนิยายแล้ว จะเป็นเรื่องไหนใน 7
เรื่องที่กำลังแต่อยู่ก็ช่าง ผมอ่านได้หมด
สนุกหมดทุกเรื่องแหละ งืออออออ ดีใจจนอยากจะวิ่งรอบบ้าน ตื่นเต้นๆๆๆ
เป็นอีกทีที่แจบอมส่องใครบางคนจากกล้องวงจรปิดแล้วนึกขำ เจ้าเด็กจินยองมันเป็นอะไร ทำท่าดีใจอย่างกับถูกหวย โดนใช้งานจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? น่าแปลกที่เขาเองก็ยิ้มได้อย่างผ่อนคลาย พร้อมกับกดปุ่ม enter
ตกลงโพสนิยายตอนใหม่ลงไป
ปรกติแล้วแจบอมเป็นนักเขียนบทมืออาชีพ ทำงานกับสตูดิโอดังๆทั้งในฮอลลีวูด และช่องทีวีที่มีชื่อเสียงอย่าง
Fox และ NBC เขาอยู่ในทีมเขียนบททั้งภาพยนตร์
ละครเวทีและซีรีส์ดังเรทติ้งดีมานักต่อนัก ได้ชื่อเสียงและรางวัลติดไม้ติดมือมาก็มาก
มีชื่อขึ้นต่อท้ายเครดิทหนังทำเงินที่ฉายไปทั่วโลกอยู่หลายสิบเรื่อง การทำงานใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ตัวเขาไม่ต้องไปบรีฟงานถึงอเมริกาก็จะมีทีมแจกจ่ายบทมาให้ งานทั่วไปเขียนโดยใช้ภาษาอังกฤษ การเขียนนิยายออนไลน์ภาษาเกาหลีเป็นแค่งานอดิเรก บางทีลงไว้เก็บพล๊อทบ้าง
ใช้ขยายพล๊อทหรือฉากที่คิดไว้บ้าง การแชร์ให้คนอื่นอ่านได้รับฟีคแบคมุมมองใหม่ๆกลับมา
ก็ช่วยให้เขาขัดเกลางานของตัวเองให้ได้ดียิ่งขึ้น
แต่ในที่สุด มาร์ค
ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่สมัยไฮสคูลของเขาที่อเมริกาดันกลับมาทำงานที่เกาหลี แล้วรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ จึงเริ่มก่อกวน
ป้อนงานให้โดยอ้างว่าอยากยกระดับวงการบันเทิงเกาหลี อยากให้มีมือเขียนบทเก่งๆ ทีมถ่ายทำดีๆ ทำซีรีส์ และหนังเป็นอุตสาหกรรมส่งออกหลักของประเทศ พูดแบบนั้นทั้งๆที่วันๆตัวเองเอาแต่ตามดูเด็ก ก็อย่างว่า ระดับผู้บริหาร กับอาร์ทติสใช้แรงงาน
ร่างกาย และมันสมอง สองมือหาเงิน
ความว่างมันต่างกันนี่ แจบอมจึงขายลิขสิทธิ์นิยายให้มาร์คไป
แถมโดนบังคับจับเซนต์สัญญาให้รับเป็นคนเขียนบทนิยายของตัวเองเวอชั่นซีรีส์
ละครทีวีอีกด้วย ถึงตอนนี้แจบอมก็ยังรับงานจากทางอเมริกาอยู่
ทำให้เวลานอน เวลาดีลงานของเขากับฝั่งเกาหลีไม่ค่อยสัมพันธ์กัน เอาจริงๆ บางทีเกิน 24
ชั่วโมงไปแล้วยังไม่ได้นอนเลยก็บ่อย
ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แม้มันจะค่อยๆทำลายสุขภาพเขาอย่างช้าๆ แต่ตอนนี้เขายังแข็งแรงดีนี่ อยากทำอะไรก็รีบทำให้เต็มที่ไปเลย คนเราเกิดมามีชีวิตเดียวนี่นะ จริงๆแล้วแจบอมอยากให้วันๆนึงมีมากกว่า
24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ เขาจะได้ทำงานที่ต้องการให้เสร็จทุกอย่าง เขาเป็นคนชอบค้นคว้า ชอบคิด
ชอบเขียน
ชอบจินตนาการมาตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เขาอายุได้
5 ขวบ แจบอมเรียนไม่จบปริญญาทั้งๆที่เขาสามารถเรียนได้
แจบอมไปมหาวิทยาลัยเพื่อลงเรียนแต่วิชาที่เขาสนใจ และทำความรู้จัก สร้างคอนเน๊กชั่นกับผู้คนหลากหลายมากมายในชีวิตจริง เขามีเรื่องที่สนใจใคร่อยากรู้อยู่มหาศาลเกินว่าจะใช้เวลา
4 ปีเรียนในคณะเดียว ศาสตร์เดียวตามที่ปริญญาใบหนึ่งบังคับไว้ นอกจากความสนใจในศาสตร์แทบจะทุกแขนง
แจบอมยังสนใจเรื่องทางศาสนาและจิตวิญญาณอีก
เขาเคยไปบวชที่ประเทศไทย ไปแสวงบุญในอินเดีย
ไปนั่งสมาธิใต้น้ำตกกับพระลัทธิเต๋า หรือแม้แต่ไปศึกษาธรรมกับพระลามะที่
ทิเบต
ผ่านช่วงเวลานั้นอยู่หลายปีก่อนจะเริ่มตกตะกอนสิ่งที่เรียนรู้ออกมาเป็นงานเขียน จากสารคดีมีข้อเท็จจริง
สู่บันเทิงคดีที่ไม่มีกรอบครอบงำจนทำเป็นอาชีพได้
ภายในหัวของเขามีความคิดตีกันอยู่มากมายไม่สามรถหยุดคิดได้เลย
เขาจึงเขียนมันออกมาทุกอย่าง แล้วค่อยๆเรียบเรียงจัดระเบียบจนเป็นชิ้นงานออกมา ยิ่งทำงานเขียนออกมามากเท่าไหร่ความแยบคายพัฒนาการก็ยิ่งมีมากขึ้น ความคิดบางอย่างที่อยากบอกต่อกับใครสักคน ความปรารถนาดี
ความรู้ จึงถูกนำมาใส่กระจายไปในรูปของบทความ
และนิยายให้คนทั่วไปเข้าถึงง่าย
ได้นำไปคิดต่อ
แน่นอนว่าพอแจบอมเติบโตขึ้น ผ่านช่วงค้นหาตัวเองมาได้ และย้ายกลับมาเกาหลี เขาคิดจะลงหลักปักฐานให้ชีวิตแล้ว และวางแผนต่อไปจนถึงขั้นบั้นปลายของชีวิต แจบอมศึกษาเรื่องของความรัก
และเขียนงานเกี่ยวกับมันมามากมาย
เขาคิดว่าเขาเข้าใจมันดีและคิดว่าตัวเขาคงไม่ต้องมีความรักจะดีกว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะเขาคิดทุกอย่างด้วยสมองไม่ใช้หัวใจ
ในงานเขียนของเขาที่เกี่ยวกับผู้คนมักจะมีหัวข้อความรักมามีอิทธิพลไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นรักที่สมหวัง
หรือรักที่ผิดหวัง แจบอม คิดว่ามันเป็นแค่อารมณ์ที่ไม่ยั่งยืน
นั่นเพราะเขายังไม่เคยได้สัมผัสความรักที่แท้จริงเลย
แจบอมด่วนสรุปว่าเขาจะอยู่เป็นโสดคนเดียวไปจนแก่ตายคือทางเลือกที่ดีที่สุด เขาสร้างกำแพงขึ้นมาและกำลังดำเนินตามแผน การมีแฟนแต่งงานก็แค่การหาคนมาดูแล ทำอาหาร ทำงานบ้านให้
แล้วก็ใช้สืบพันธุ์ สุดท้ายก็ตายจากกันไป
ถ้าชีวิตมีแค่นั้นทำไมไม่สู้หาแม่บ้านแก่ๆมาดูแล มาทำงานให้ไปเลยหล่ะ
จะมามัวเสียเวลาจีบกัน แต่งงานกันทำไม ทั้งเปลืองทรัพยากรและเสียเวลา เผลอก็ต้องเลิกกันไป
และไม่ใช่ทุกคนจะได้เจอคนที่ใช่สำหรับตัวเองด้วย
นั่นจึงเป็นที่มาของป้ายรับสมัครแม่บ้านอายุ 50 ปีที่หน้าบ้านของเขา
.
.
.
.
"อ๊าาาาาาาาาาา!!!" เสียงหวานร้องขัดใจพร้อมกับทุ่มไอแพท ลงบนเตียง หลังจากอ่านนิยายตอนล่าสุดของคุณโนร่าเสร็จ ให้ตายเถอะ อุส่าห์ รีเฟรสรอทุก สองนาที
แต่เนื้อเรื่องของตอนนี้กลับทำร้ายจิตใจของจินยองอย่างมาก ก็มีอย่างที่ไหน พอน้องของตัวเองจะแฉตัวโกง
พระเอกก็งี่เง่าเข้าอีก
โดนตัวร้ายปั่นหัวเข้าหน่อยก็หูเบา
แล้วตัวละครที่เขาชอบยังไม่มีวี่แววจะฟื้น
ยังมีหน้ามาย้อนความถึงช่วงเวลาที่โดนรังแกอีก โอยยยยยยย
หงุดหงิด โมโห โมโห งือออออออ
ทิ้งปมที่แสนจะคาใจให้ลุ้นตอนต่อไป
แล้วเนื้อเรื่องยังไม่ลดความดราม่าเลย กราฟความสุขของคนอ่านดิ่งเหวสุดๆ ไม่ได้การละ!!
จินยองต้องทำอะไรสักอย่างกับความอึดอัดคับข้องใจนี้
ห้องทำงานของแจบอมชั้นสองเป็นห้องกว้างและค่อนข้างรกมาก
ภายในห้องเต็มไปด้วยหนังสือที่อัดแน่นเต็มชั้นสูงท่วมศีรษะ ตู้หนังสือไม้เนื้อแข็งบิ้วอินหรูหราติดผนังทั้งสี่ด้านไม่เหลือที่ว่างเลยสักนิด ทั้งยังเหลือหนังสือวางระเกะระกะกองเต็มพื้นจนแทบไม่มีทางเดิน ส่วนใหญ่เป็นหนังสือภาษาอังกฤษ มีภาษาเกาหลีบ้างและภาษาอื่นๆที่จินยองไม่รู้จักอีกเยอะแยะ
ตอนขึ้นมาเสริฟกาแฟจินยองพยายามก้าวแทบแย่ไม่ให้เหยียบหรือเดินข้ามหนังสือเล่มใดเลย
เพราะถูกสอนมาว่าหนังสือเป็นของสูงต้องให้ความเคารพ แต่รอบที่สองนี่ จินยองขึ้นมาเสริฟมื้อดึก ด้วยความหงุดหงิดนิยายตอนล่าสุดของคุณโนร่า
เลยเผลอใส่อารมณ์ ลืมระวังไปเหยียบโดนหนังสือเล่มหนึ่งจนลื่นแทบล้ม ดีว่าคุณโนร่ามือไว
เข้ามาประครองถาดอาหารและตัวเขาไว้ได้ทัน
"ไม่ต้องเก็บ ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ" เสียงตวาดกึ่งดุ
ดังขึ้นเมื่อจินยองจะช่วยเก็บเรียงหนังสือที่กระจัดกระจายแตกกองเพราะฝีมือเขา ร่างบางตัวลีบเหลือสองนิ้ว ลืมความโกรธก่อนหน้าไปหมด เหลือแต่ความกลัวเข้ามาแทนแทน รีบยืนตรงตัวแข็งไม่กล้าขยับไปไหน มองยังไงคุณโนร่าก็ยังน่ากลัว
"ข้อมูลอ้างอิงที่หาไว้หน่ะ นึกจะใช้อันไหนจะได้หยิบมา ฉันจำตำแหน่งหนังสือที่วางๆกองๆไว้ได้หมด ถ้านายขยับมันฉันจะหาไม่เจอ เลิกยืนนิ่งเป็นรูปปั้นได้แล้ว" แจบอมพ่นลมหายใจออกมา พยายามอธิบายด้วยเสียงที่เบาลงกว่าก่อนหน้า นั่งประจำโต๊ะทำงาน
แล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหาร
"บ้านก็ออกจะกว้าง ทำไมคุณแจบอมต้องทานอาหารบนโต๊ะทำงานด้วยหล่ะครับ เจียดเวลาลงไปทานที่ห้องอาหารข้างล่าง น่าจะผ่อนคลายและเจริญอาหารกว่านี้" พอเห็นแจบอมใจดีหน่อย จินยองเลยถือโอกาสถาม จริงๆไม่ใช่แค่เรื่องทานอาหารนะ มีหลายเรื่องที่แจบอมวางเงื่อนไขไว้
แล้วจินยองคิดว่ามันแปลก รวมถึงความอยากรู้อยากเห็นของเขาเองนิดหน่อยถึงการทำงานเบื้องหลังของนักเขียนนิยายที่เขาชื่นชม อ๊ะ ไม่ใช่ชื่นชมสิ ตอนนี้เขากำลังโกรธคุณโนร่าแจบอมอยู่นะ
"เสียเวลาหน่ะ" แจบอมตอบสั้นๆ พร้อมส่งสายตาดุๆใส่ ไม่ให้จินยองรบกวนเวลาอันมีค่าของเขา จริงๆแล้วขี้เกียจสาธยายว่าการลุกออกไปยืดเส้นยืดสายบางทีก็ทำให้ลืม
ฟิลลิ่ง หรือหัวข้อที่ตั้งใจเขียนไป
ถ้าเขาอยากผ่อนคลายก็จะมีบ้างที่ออกไปเอง
แต่จินยองเพิ่งมาวันแรกอาจจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วคนโดนดุก็เดินหน้าจ๋อยหูลู่หางตกถอยหลังกำลังจะออกจากห้อง
"'งั้นขออีกคำถามได้ไหมครับ
แล้วผมจะไม่มารบกวนคุณอีกเลย" จินยองทำใจกล้าไม่กลัวตายหันหน้ากลับมาหาเขาในก้าวสุดท้ายที่กำลังจะพ้นห้องทำงานไปอยู่แล้ว
"ว่ามา? แต่คำถามเดียวนะ" แจบอมวางส้อมที่ใช้จิ้มสลัดผักเข้าปากอย่างอ่อนใจ มีอะไรสงสัยอีกหล่ะ
วิถีชีวิตของเขามันไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่อง อันนี้แจบอมรู้ตัวดี แต่จะมานั่งอธิบายก็ใช่ที่ไหม เด็กนี่เป็นใคร ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจ
หรือความเป็นส่วนตัวหรือไงนะ
"ถามแล้วคุณต้องตอบผมจริงๆนะ?"
จินยองกัดริมฝีปากสวยนั่นอีกแล้ว
คงติดเป็นนิสัยเวลาใช้ความคิดอะไรสินะ แจบอมก็อดไม่ได้ที่จะมองเสียด้วย
"อืม รีบๆถามแล้วก็รีบๆไปซะ
ชั้นยังมีงานเหลืออีกเยอะ" พูดกลบเกลื่อนไปอย่างนั้น ทั้งๆที่หัวใจตัวเองก็เต้นแรง
"...."
"..."
"ผมอยากรู้ว่าอลิส(ตัวละครที่จินยองชอบในนิยายที่แจบอมเขียน)จะฟื้นไหม?"
พบจบคำถาม แจบอมได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับ อยากจะร้องย่าห์ แต่ว่าดันรับปากว่าจะตอบคำถามไอ้เด็กนี่ไปแล้ว นี่เขามัวแต่คิดงานจนลืมไปแล้วว่าจินยองมาถามหาคุณโนร่า แปลว่าเป็นแฟนนิยายของเขา นี่แฟนคลับหรือซาแซงนะ มาบุกถึงบ้านขนาดนี้ ทำทีอ้างว่ารู้จักมาร์ค หรืออาจจะรู้จักจริง แต่มันน่าตีไหมหล่ะ เออ ออ ไปว่ามาสมัครงาน ไอ้เราก็ลืมคิด
แจบอมได้แต่เขกกะโหลกตัวเองที่เสียรู้เด็กคนนี้เข้าให้แล้ว
แต่ดูหน้าตาคาดหวังของเด็กคนนี้แล้วก็ใจร้ายไม่ลง ดวงตากลมวาวราวลูกแก้วคริสตัลจ้องมาทางเขาพร้อมรอยยิ้มที่พร้อมจะรับฟังทุกสิ่ง ทุ่มทุนสร้างมาทำงานให้โดยไม่ปริปากบ่นอะไรทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวรูปลักษณ์หน้ายักษ์
มนุษยสัมพันธ์ติดลบที่เขาแสดงออกไป จินยองชอบงานเขียนของเขาจริงจังขนาดนี้ ลึกๆก็รู้สึกดีใจอยู่เหมือนกันนะ จะยอมบอกนิดนึงก็ได้
"ไม่หรอก อลิสตายแล้วจริงๆ"
"กริ๊ก... แชะ!!" ผมว่าผมได้ยินเสียอะไรนะ ...
"เฮ้ย จินยองนายจะทำอะไร!!?"
แจบอมตกใจอย่างที่สุด เมื่อเห็นจินยองหยิบของบางสิ่งออกจากเสื้อขึ้นมาถือไว้ คนตรงหน้าขยับนิ้วนิดหนึ่งก็เกิดแสงสว่างพร้อมเปลวไฟเล็กๆขึ้นมา เด็กนั่นกำลังถือไฟแช๊ก
"ผมสาบานกับตัวเองไว้ว่า ถ้าอลิสไม่ฟื้นขึ้นมาผมจะเผาบ้านไรท์เตอร์ คุณแจบอมว่าผมควรทำไหมครับ?"
"จะ จ ..ใจ เย็นๆก่อนนะจินยอง"
ตายโหงแล้ว
ห้องนี้เต็มไปด้วยกระดาษหนังสือ
ถ้าติดไฟเพียงนิดต้องลามไหม้หมดไม่ซากเหลือแน่ แจบอมนึกว่าชีวิตนี้ผ่านมาหมดแล้วทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่เจอเด็กคนนี้จัดเซอไพรซ์มาให้เขาครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย เห็นติ๋มๆน่ารัก ตัวซีดตัวสั่นน่ารังแก ประมาทไม่ได้เลยนี่นา
"จะฟื้น ไหม!!?" นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่ดูเหมือนเป็นประโยคคำสั่ง เพราะจินยองเตรียมง้างมือขึ้นสูงเหมือนจะเหวี่ยงเจ้าไฟแช๊กลงบนกองหนังสือของเขาแน่ๆ
"ฟังก่อนสิ ถ้านายเป็นแฟนคลับนิยายของชั้นจริงๆ ช่วยฟังสักนิดเถอะนะ ที่อลิสต้องตายหน่ะ
เพราะเป็นการให้บทเรียนแก่พระเอกที่ทำผิดพลาดอย่างไม่อาจแก้ไขได้ ในชีวิตจริงพวกเราเองก็อาจจะมีสักครั้งที่ต้องเผชิญเหตุการณ์คล้ายๆอย่างนั้น พระเอกต้องตกต่ำถึงขีดสุดก่อนที่เรื่องราวจะกลับมาคลี่คลาย ดังนั้น ฟื้นไม่ได้ ให้ฟื้นกลับมาไม่ได้จริงๆ แต่เพื่อเป็นการปลอบใจนาย ฉันจะให้นายอ่านต้นฉบับนิยายอีกเรื่องที่จะมาทำเป็นละครเร็วๆนี้ก่อนใครดีไหม?
นะ นะ นายดับไฟนั่นเถอะนะ" แจบอมพยายามหว่านล้อม
คิดข้อเสนอที่น่าจะดีจนจินยองพอใจ
"ตกลงครับ ผมเข้าใจแล้ว"
จินยองยอมดับไฟให้อย่างไม่อิดออด
แล้วเดินเข้ามาใกล้ผมกว่าทุกที ใกล้มากจนหัวใจของผมเต้นรัวถี่ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องตกใจก่อนหน้า
หรือว่าเพราะตัวตนของเด็กคนนี้กันแน่
"ผมนึกแล้วว่า คุณโนร่าต้องไม่ใจร้าย ขอบคุณมากนะครับ" ริมฝีปากแสนสวยที่ผมไม่อาจละสายตาไปได้เข้ามาใกล้แก้มสากของผมจนรู้สึกถึงความนุ่ม
หยุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆ
เสียงจุฟเบาๆเป็นดั่งสัญญาณเริ่มสตาร์ทของก้อนเนื้อในอกให้บีบตัวหนักขึ้นจนแทบระเบิด รู้สึกมีความสุข แต่ก็ทรมานไปหมด
ความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อเป็นร้อยๆตัวบินอยู่ในท้องมันเป็นอย่างนี้เองสินะ
ร่างเล็กอวดรอยยิ้มเต็มแก้มพร้อมกับซองต้นฉบับที่เขาส่งให้
คนตัวเล็กเก็บถาดสำรับอาหารกลับลงไปแล้วทิ้งให้แจบอมอยู่ในห้องทำงานที่แสนคุ้นเคย ทั้งที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นสถานที่แปลกใหม่ไปแล้ว
บทกวี เสียงเพลง
เสียงระฆังแห่งความสุขไม่รู้ดังมาจากทางไหน
อยู่ๆแจบอมก็นึกถึงมุมมองใหม่ๆของคำว่ารักที่เขาไม่เคยเข้าถึงจนถึงกับต้องจดความรู้สึกในใจตอนนี้เก็บไว้ในสมุด
ทั้งๆที่เขียนนิยายเกี่ยวกับความรักมานักต่อนัก แต่จริงๆแล้ว อิม แจบอมยัง
อินโนเซนต์ต่อเรื่องของความรักมากกว่าใคร
ทำเป็นปิดตัวปิดใจ สุดท้ายก็โดนกามเทพเล่นตลกจนได้
ความรักที่ไม่เลือกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ อายุ เพศ สถานที่
ความเหมาะสม และช่วงเวลา
ความรักได้มาเคาะประตูทักทายเขาแล้ว
ตั้งแต่เด็กที่ชื่อ ปาร์ค จินยองเดินได้เข้ามาในดินแดนแห่งนี้
.
.
.
.
"แล้วเป็นไงต่อ
ตกลงนายก็อยู่ที่บ้านหลังนั้นตลอดปิดเทอมเลยเหรอ" แบมแบมถือโอกาสถามจินยองขณะกำลังถ่ายรูปวันจบการศึกษาเล่นกับเพื่อนๆ
"ฮิ ฮิ" ...ถามไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มหน้าแดงใส่ จินยองทำท่าเขินอายได้น่าหมั่นไส้ที่สุด
"ถึงตัวจริงภายนอกคุณโนร่าจะไม่เหมือนกับที่เราเคยจินตนาการไว้ แต่ตัวตนภายในไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้เลยสักนิด
หน้าตาดุ ทำเป็นสร้างอณาเขตปกป้องโลกส่วนตัวไว้ก็เท่านั้น จินยองหน่ะ
ตกหลุมรักเขาไปก่อนตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำ"
"จ่ะ งั้นคงจะไม่เผาบ้านหลังนั้นแล้วสินะ"
"ใครบอกหล่ะ ถ้าแต่งเรื่องต่อไปไม่ถูกใจ คราวนี้ไม่เผาแต่จะตามไปวางระเบิดบ้านไรท์แทนเลยต่างหากหล่ะ
อิอิ."
ความคิดเห็น