คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 : ตากล้องตัวจิ๊ด
"ตึง ตึง ตุบ ตุบ เอี๊ยด เอี๊ยด อ๊าด ตึง ตุบ" เสียงลูกบาตตกกระทบพื้นสลับกับเสียงรองเท้ากีฬา สไลด์เสียดสีกับพื้นสนามบาสที่ปูด้วยไม้ปาเก้ ดังอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้การแข่งซ้อมระหว่างทีมปี 2 ที่มีนักกีฬาตัวจริง 2คน กับทีมน้องใหม่ปี 1 กำลังดุเดือด
หลังจากที่แบมแบมกลับมาจากการถูกทำโทษ ในควอเตอร์สุดท้าย (บาตสเกตบอลสากลจะเล่น เกมละ 4 ควอเตอร์ ควอเตอร์ ละ 10 นาที พักครึ่ง15 นาที ) และได้เปลี่ยนตัวลงสนาม เกมก็พลิกกลับมาเป็นของปี 1 โดยมีคะแนนตามปี 2 แค่ 10 แต้มเท่านั้น และตอนนี้ เหลืออีกแค่ 4 นาที จะหมดเวลา
MVP ( most value player = ผู้เล่นทรงคุณค่า) วันนี้คงตกเป็นของเด็กปี 1 ผมแดง บ้าพลังคนนั้นแน่ๆ มาร์ค ต้วน นักศึกษาแลกเปลี่ยนสัญชาติอเมริกา เพาเวอร์ฟอเวิร์ด ผู้ ทำคะแนนไปมากกว่า 40 แต้มคนเดียว เขาสามารถบล๊อก และรีบาวน์ ลูกใต้แป้นได้ดี แม้จะตัวเล็กกว่า เจบี ที่เล่นตำแหน่งเดียวกันของอีกทีม
มาร์ควิ่งขึ้นลง ตั้งแต่ต้นเกม จนตอนนี้ใกล้หมดเวลา นับว่าเหนื่อยเกินกว่าร่างกายจะรับไหวแล้ว ในขณะที่ เจบี ยังสบายๆยิ้มๆ ในการรีบาวน์ใต้แป้นคราวนี้ มาร์คหมดแรงจน กระโดดไม่ทัน ทำให้โดนศอก ของเซนเตอร์ ปี 2 กระแทก เสียหลัก ล้มออกนอกสนาม และร่างกายกระเด็นไปโดนกล้องบันทึกภาพที่ ตั้งไว้ห่างๆ ใต้แป้นบาส
"โครม!!" เสียงขาตั้งกล้อง และ เลนส์เทเล (เลนส์ข้าวหลามกระบอกยักษ์ขอบแดง) ตกกระทบพื้น แตกออกเป็นชิ้นๆ ตากล้องที่อยู่ไม่ไกลตรงนั้นรีบวิ่งเข้ามาดู
เกมส์ในสนามหยุดลงทันที ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปดู ...... กล้อง และเลนส์ที่แตก
มาร์ค โดน เจบีใช้เท้า เขี่ย ตัวเขาให้พ้นออกจากตรงนั้น (ไม่มีใครเป็นห่วงมาร์คเลยตอนนี้) ทุกคนจ้องไปยังตากล้องที่ก้มลงคุกเข่า แล้วจับเศษเลนส์ ที่แตก ฉีกตัวกล้องให้เสียหายไปด้วย
เจบี กลืนน้ำลายเอื๊อก ในฐานนะที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบชมรมตอนนี้ เพราะกัปตันและ สมาชิกตัวจริงอื่นๆไม่มีใครอยู่ ต้องแก้ไขสถานการณ์ให้ได้
"จินยอง..... เอ่อ กล้องนาย คงไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ?" เจบี ยื่นมือไปจับไหล่ ตากล้องที่สวมแว่นตากรอบหนา และสวมเสื้อฮูดสีเทาปิดศีรษะที่กำลังตัวสั่น เพราะความโกรธ
ปาร์ค จินยอง รองประธานชมรมสื่อสารฯ นักศึกษานิเทศศาสตร์ ปี 2 ผู้ที่มีอิทธิพลระดับต้นๆของมหาวิทยาลัย เพราะชมรมสื่อสารฯ เป็นอีกชมรมที่สร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยไม่แพ้ชมรมกีฬา เพราะสร้างทั้ง นักข่าวดารา ผู้กำกับ นักโฆษณา นักประชาสัมพันธ์ ที่มีชื่อเสียงมามากมาย เป็นผู้ควบคุมสื่อ รวมถึงเก็บข้อมูล ข่าว ความลับ ของบุคคลากร และนักศึกษากันเองไว้นับไม่ถ้วน ใครที่เป็นศัตรูกับชมรมนี้ละก็ ชีวิตจะเหมือนสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปตลอดกาลทันที สามารถจัดหา ซาแซง แอนตี้ ส่วนตัวด้วยอิทธิพลด้านสื่อและโซเชียลมีเดีย ซึ่งเคยมีคนลองดี และต้องศิโรราบมาแล้ว ( คือเจบีนั่นเอง ตอนปี1 ด้วยความเป็นนักกีฬาดาวรุ่ง เคยโดน จินยอง แฉ ประวัติ จัดซาแซงให้ จนเข็ดขยาดไม่กล้าหือ เวลาชมรมสื่อสารขอมาสัมภาษณ์ หรือจะทำอะไร ปรกติ ชมรมบาตจะไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า-ออก หรือทำอะไรที่เป็นการรบกวนการซ้อม แต่ตอนหลัง เจบีไม่กล้าขัดชมรมสื่อสารฯและต้องดูแลอย่างดี )
"กล้องตัวนี้ ผมรักมาก เพราะ ประธานคนก่อนให้มา ราคา 2 ล้านวอน ส่วนเลนส์เทเล สีขาวขอบแดงตัวนี้ 3 ล้านวอน ตกแตกแบบนี้คงเคลมประกันไม่ได้ นายจะว่ายังไง?" ปาร์คจินยอง ค่อยๆ โอบอุปกรณ์ของเขาไว้ในอ้อมแขนอย่างถนุถนอมหวงแหน พร้อมกับทำปากบึน ริมฝีปากสีชมพูยื่นออกมานิดๆอย่างไม่พอใจ และดวงตาก็แดงเหมือนจะร้องให้
รุ่นน้อง ชมรมสื่อสารที่มาด้วยกัน อีกสองคน รีบวิ่งเข้ามาเก็บขาตั้งกล้องและอุปกรณ์ที่เสียหายตรงนั้น แล้วก็ถอดเมมโมรี่ออกจากกล้อง ก่อนจะบ่นกันงึมงำ
" รวม 5 ล้านวอน !! ชมรมเราไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก แล้วก็เป็นนายไม่ใช่เหรอที่ไม่ระวัง เอากล้องมาตั้งตรงนี้" เจบีพูดเสียงดัง
"พวกนายจะไม่ชดใช้ใช่ไหม..?" จินยองลากเสียง ยาวเย็นชา พร้อมกลับหยิบมือถือขึ้นมาโชว์รูปบางอย่างให้เจบีดู
ทันทีที่ได้ดู เจบีหน้าถอดสี แล้วเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน
"มาร์ค! มาร์ค! มานี่ หน่อย" เจบีตะโกนหา มาร์ค ซึ่งแอบนั่งปัดฝุ่น อยู่กับแบมแบม และแจ๊กสัน หลังเกาหลีมุง ไม่ไกลนัก
"ครับ?" มาร์คเดินเข้ามากลางวงล้อม ที่มี จินยอง ยืนอยู่กับเจบีเป็นเซนเตอร์
"เจ้านี่มันเป็นคนชน ก็ให้มันรับผิดชอบไปละกัน" เจบีลากคอมาร์คเข้ามาใส่จินยอง แล้วปรบมือเป็นสัญญานเลิกฝึกซ้อมวันนี้
สมาชิกชมรมที่เหลือรีบสลายตัวโดยพลันเพราะกลัวโดนหางเลขต้องชดใช้ไปด้วย เหลือแต่ แบมแบมกับ แจ๊กสันแอบยืนรอมาร์คอยู่ไกลๆ
"เอ่อ ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ มันเป็นอุบัติเหตุ ผมไม่ได้ตั้งใจ มันคงซ่อมได้ใช่ไหมครับ" มาร์คลูบต้นคอตัวเองแก้เก้อ ระหว่างเจรจากับเจ้าทุกข์จินยอง
"เลนซ์มันคือชิ้นแก้ว แตกแล้วก็ไม่เหมือนเดิมหรอกครับ ส่วนตัวกล้องก็เหมือนกัน มองไม่ออกเหรอครับว่าซ่อมไม่ได้"จินยองหน้างอ พูดเสียงหวาน กึ่ง เศร้าเหมือนจะร้องไห้
มาร์คทำอะไรไม่ถูก โดนชกซะดีกว่ามาปลอบผู้ชายที่จะร้องไห้เนี่ยนะ เขาได้แต่ยืนเกร็ง ขยับมือไปมา เหมือนจะอธิบายอะไร แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรลอดออกมา
จินยองเงยหน้าขยับแว่นตามองมาร์คชัดๆ ผู้ชายคนนี้ ไม่โวยวายใส่เขาไม่แก้ตัว อะไร แถมยังขอโทษก่อนอย่างสุภาพ และยิ่งกว่านั้น หมอนี่หน้าตาดีสุดๆ ถึงตัวจะมอมแมม และเหม็นเหงื่อไปหน่อย
" 5 ล้านวอน (ประมาณ 1.6 แสนบาท) ครับ สำหรับตัวกล้อง และเลนส์ตัวนั้น" จินยองยิ้มให้มาร์ค
( 5 ล้านวอน 5 ล้านวอน 5 ล้านวอน 5 ล้านวอน 5 ล้านวอน 5 ล้านวอน 5ล้านวอน 5 ล้านวอน 5 ล้านวอน -เสียงหวานของจินยองดังก้องไปมาในหัวของมาร์ค ทำให้เขาหูอื้อ ตาลาย คล้ายจะเป็นลมซะตรงนั้น)
"ผะ ผะ ผมไม่ มีเงินขนาดนั้นหรอกครับ" มาร์คฝืนยิ้มตอบ โดยมีเหงื่อเม็ดเป้งจับตามขมับและใบหน้า
"แล้วนายจะชดใช้ยังไง ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายเหรอ หรือ จะใช้ผมทำลายชื่อเสียงชมรมบาต แล้วก็ สมาชิกชมรมทีละคนๆดีไหม รวมถึงนายด้วยก็ได้นะ ถ้าอยากรู้ว่าผมทำอะไรได้บ้าง ลองไปถาม เจบีดูไหมครับ" จินยองยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สวยมากจนน่ากลัว
มาร์คนึกถึงท่าทีของคนแข็งกร้าวอย่างเจบี ที่ต้องยอมคนคนนี้ก็พอจะเข้าใจ แต่เขาไม่มีเงินจริงๆนี่นา ทุนนักกีฬา ได้แค่เดือนละ 60,000 วอน(ประมาณ 2,000 บาท) กินข้าวยังจะไม่พอเลย เรียนก็หนัก แถมซ้อมกีฬาตลอดอีก เวลาเอาไปหางานพิเศษเพื่อหาเงินอย่าได้หวัง แล้วก็ไม่อยากให้คนอื่นและชมรมเดือดร้อน เขาจะทำยังไงดีนะ
"ผม ไม่มีเงินจริงๆนะครับ ให้ผมชดใช้อย่างอื่นได้ไหม อะไรก็ได้ ผมทำได้หมด" มาร์คต่อรองพร้อมกับพยายามจ้องตาจินยอง ทำแก้มป่องเลิกคิ้วใส่ อย่างน่ารัก เต็มพิกัด
"อืม.... งั้นก็ได้ ให้ชดใช้ด้วยร่างกายแทนละกัน" จินยองเอียงคอ พร้อมกับเอานิ้วชี้เคาะแก้มตัวเอง เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่
"ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน จะเอาผมไปชำแหละขายเหรอ ค้าอวัยวะมันผิดกฎหมาย น๊า" มาร์คทำตาโต ร้องเสียงหลง
จินยองหัวเราะคิก พร้อมกับคิดว่ามาร์คคงไม่เต็มหรือป่าวเนี่ย
"ป่าว แค่จะให้มาเป็นแบบถ่ายรูป นายรูปร่างดี มีกล้ามเนื้อ หน้าตาโอเค มีค่าจ้างนะ จะได้ผ่อนค่าเสียหายอุปกรณ์ถ่ายรูปที่ทำเสียหายไปด้วย " จินยองยิ้มเจ้าเล่ห์
มาร์ค ลังเลจะตอบตกลง เพราะกลัวรบกวนเวลาเรียน และเวลาซ้อมของชมรมบาส แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
"ไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนเวลาเรียนหรือเวลากิจกรรมหรอกครับ แค่นั่งๆนอนๆ ให้ผมถ่ายรูปจนกว่าจะพอใจ รับรองว่าไม่ทำรายร่างกาย ไม่มีเรื่องผิดกฎหมายแน่นอน หรือถ้าไม่มั่นใจจะเซนต์สัญญาด้วยก็ได้นะ" จินยองใช้ทักษะชักจูงขั้นเทพของสายสื่อสารมวลชนโน้มน้าวจิตใจของมาร์คประหนึ่งปิศาจร้ายที่ป้อนคำหวานก่อนเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของเหยื่อซึ่งมาร์คก็ตอบตกลงในที่สุด
ระหว่างที่จินยองกำลังก้มหาสมุดโน๊ทในกระเป๋าสะพายข้าง บังเอิญมีแมลงบินมาเกาะที่แก้มของเขา มาร์คก็หวังดีจะปัดให้แต่จินยองเงยหน้ามาพอดีจึงหดคอหลบมือของมาร์คเพราะนึกว่าจะโดนต่อย ทำให้มาร์คปัดไปโดนแว่นตากรอบหนาที่เขาสวม เลยไปถึงฮูดที่คลุมศีรษะไว้หลุดออก
จินยองทำหน้าตกใจนิดๆ ที่อยู่ๆ มาร์คจะมาทำอะไรเขา แต่ฝั่งมาร์คกลับตกใจยิ่งกว่า เพราะ สิ่งที่เห็นชัดหลังจากแว่นกรอบหนาไม่มาบดบัง คือใบหน้าสวยหวาน คิ้วคม จมูกสวย ตาหวานสดใส ขนตาเรียงตัวเป็นแพ ริมฝีปากสีชมพูอ่อน ผิวหน้าขาวเนียน ชวนตะลึง สวยกว่าผู้หญิงหรือใครที่เขาเคยเจอ จนแทบลืมหายใจ มาร์คเผลอยิ้มอวดฟันและเขี้ยวที่มีเกือบ32 ซี่ แทบจะพร้อมกัน
จินยองหน้าแดงกับรอยยิ้มกระชากวิญญาณของมาร์คจนต้องรีบคว้าแว่นตามาใส่ แล้วจับฮูดขึ้นมาคลุมศีรษะเหมือนเดิม
"เบอร์โทรนายหล่ะ?" จินยองยกโทรศัพท์ขึ้นมารอกดบันทึกเบอร์ของมาร์ค
"ไม่มีครับ (ไม่มีตังซื้อ และไม่มีตังค์จ่ายค่าโทรศัพท์อ่ะ) ถ้ามีอะไรให้มาหาที่บ้านก็ได้ครับ ผมพักอยู่บ้านกับเพื่อนหลังโรงยิมนี่เอง" มาร์คเริ่มผ่อนคลายเมื่อได้เห็นอะไรดีๆ ในขณะที่จินยองเริ่มหลบสายตา และยังไม่หายหน้าแดง
"งั้น นายต้องมาอยู่กับชั้นจนกว่าจะใช้หนี้หมดก็แล้วกันนะ ชั้นอยู่คอนโดหลังมหาวิทยาลัยแค่นี้เอง ชื่อ คอนโด G.O.T. อยู่ชั้น 7 พร้อมเมื่อไหร่ก็ไป แล้วก็บอก รปภ. ว่าเป็น เพื่อนกับ ปาร์ค จินยอง จูเนียร์ ถ้ารีบไป หนี้ก็หมดไวนะ ค่านายแบบชั่วโมงละ 1000 วอน ( ประมาณ 30 บาท ) ก็ทำงาน 5,000 ชั่วโมง คิดเป็น 208 วัน ไม่ถึงปีก็ปลดหนี้แล้ว สู้ๆนะครับ" จินยองขยับแว่น แล้วยิ้มให้มาร์ค ก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋ากล้อง แบบล้อลาก ในนั้นยังมีเลนส์อีกหลายตัว รวมถึงขาตั้งกล้องที่พับเก็บใส่กระเป๋าแยกสำหรับสะพายหลัง นับว่าอุปกรณ์พะรุงพะรังน่าดู สำหรับ ตากล้องร่างบางตรงหน้า
เมื่อนึกถึงใบหน้าหวานสวย ภายใต้กรอบแว่นหนานั่น มาร์คก็รู้สึกใจเต้นอยู่ไม่สุข จึงอาสาช่วยขนข้าวของไปส่งจินยองที่คอนโด โดยเขาส่งซิกให้แบมแบม และแจ๊กสันที่รออยู่กลับบ้านไปก่อน
"ให้รุ่นน้องของนายกลับไปเลยก็ได้นะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง" มาร์คยิ้มยืดอกอย่างมั่นใจ โชว์ออฟ
"จริงๆนายจะเรียกผมว่า จินยอง หรือ จูเนียร์ก็ได้นะ" จินยองเรียกรุ่นน้องให้มาส่งงาน และสั่งให้กลับบ้านได้
"เรียกเนียร์ได้ไหมครับ มาร์ค ว่าไม่เหมือนใครดี" มาร์คก้มหน้าเกือบชิดขาแว่นของจินยอง แล้วกระซิบเสียงทุ้มต่ำข้างหู
"ตามใจ ดูแลกระเป๋านั่นดีๆนะ ถ้าของในนั้นพัง มาร์คต้องขายไตชดใช้จริงๆแน่" จินยองกำชับมาร์คที่ลากกระเป๋ากล้องหนักกว่า 20 กิโลกรัม เดินตามเขาไป ด้วยใบหน้าที่พยายามนิ่งเฉยที่สุด แต่จริงๆตอนนี้หน้าแดงไปถึงใบหูแล้วหล่ะ
แค่ดูภายนอกก็รู้ว่าคอนโดนี้ไม่ธรรมดา ตั้งแต่ล๊อบบี้ข้างล่างที่หรูอย่างกับโรงแรมห้าดาว และลิฟท์ซึ่งจินยองบอกว่า มันเป็นลิฟท์ส่วนตัว ของเขาเพราะต้องไขกุญแจ และจอดเฉพาะชั้น 7 เท่านั้น และยิ่งกว่านั้น ชั้น 7ทั้งชั้น เป็นของจินยองคนเดียว มาร์คแอบถอนหายใจในโชคชะตาชีวิตของเขากับจินยอง ทำไมช่างต่างกันขนาดนี้
ชั้น 7 ทั้งชั้นถูกแบ่งเป็น สตูดิโอ ถ่ายภาพ ที่มีอุปกรณ์ครบ เหมือนมืออาชีพทุกอย่าง ไฟสปอตไลท์ ไฟ led ไฟ แฟลช ซอฟ บ๊อก บิวตี้ดิช หลายไซส์ วางเรียงรายอย่างกับโชว์รูม กล้องและเลนส์ หลายตัววางตั้งไว้ ไม่ไกลนักมีตู้ใส่เลนส์ขนาดใหญ่ หลายตู้วางเรียงราย ราคาของพวกนี้คงไม่ต้องพูดถึง ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว โดยเฉพาะห้องนั่งเล่นนั้น ติดกระจกรอบด้านเห็นวิวแบบพาโนราม่า 270องศา ของมุมตึก สวยมาก ( คนรวยนี่มันรวยจริงๆน๊า )
มาร์คแอบหายใจเบาๆและเดินย่องด้วยความระมัดระวังกลัวจะทำอะไรเสียหายอีก จนจินยองหัวเราะคิก
"เนียร์สายตาไม่ดีเหรอครับ ถึงใส่แว่นหนาเตอะนั่น" มาร์ควางกระเป๋าลากไว้ในสตูดิโอ พร้อมกับเดินไปหาจินยอง แล้วเอามือเสยผมม้านุ่ม ดำขลับของเขาให้ปัดเข้าทรง
จินยองตกใจถอยตัวชิดผนัง แล้วก้มหน้าเขินพยายามเอาผมม้าข้างหน้ามาปรกหน้าปรกตาไว้
"ก็ใส่เวลาอ่านหนังสือ แต่ปรกติในบ้านไม่ใส่ก็ได้" จินยองตอบ
"ไม่ใส่จะดีกว่านะ เนียร์หน้าตาดีมากรู้ไหม สวย... สวยมาก" มาร์คเดินเข้าไปประชิดแล้วถอดแว่นตาของจินยองออก
"อย่าเข้ามานะ !! ห้ามนายเข้ามาใกล้ชั้น เกิน 1 เมตร" จินยองโวยวายแล้วผลักมาร์คออกไป
มาร์คยักไหล่ อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวพร้อมกับกัดริมฝีปากยิ้มน่าเจ้าเล่ห์ ให้จินยอง
"เนียร์นี่รวยชมัด แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ ?" มาร์คแกล้งเดินสำรวจห้องโน้นห้องนี้ โดยมีจินยองเดินตามห่างๆ จะห้ามก็ไม่ทันแล้ว
"...ใช่" จินยองหยุดเดินตาม แล้วก้มหน้านิ่ง
"ไม่เหงาเหรอ?" มาร์คเดินมาจูงมือจินยองให้เดินตามเขาสำรวจห้องต่อซึ่งห้องต่อไปก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
"อยู่คนเดียว มีคอมตั้ง 4 เครื่อง โน๊ตบุค อีกแล้วนั่น เล่นโปรแจ๊คเตอร์เลยทีเดียว แล้วยังมีห้องอัดเสียงในบ้านด้วย อย่างกับสตูดิโอทำหนังแหนะ" มาร์คค่อยๆเนียนจากจับมือเป็นโอบไหล่จินยองแทน
"เครื่องแรก เอาไว้ทำภาพที่ถ่ายแล้ว ต้องใช้การ์ดจอดีๆหน่ะ เครื่องที่สองเอาไว้เรนเดอร์และตัดต่อหนังที่ถ่ายไว้ ใช้สเป๊กสูงหน่อย เครื่องที่สามเอาไว้แบคอัพข้อมูล คลิป งานชมรม เครื่องที่ 4 เอาไว้เล่นโซเชียล อ่านข่าวอ่ะ" จินยองหันมาตอบเหมือนเป็นเรื่องปรกติ แต่มาร์คนึกถึงบ้าน 3หนุ่มของเขา ที่มีคอมพ์เก่าๆไว้แย่งกันทำรายงานเท่านั้นเอง แต่การอยู่แบบนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร วันๆที่ผ่านไปก็สนุกดี เขารู้สึกสงสารจิงยองมากกว่าที่ต้องอยู่กับอุปกรณ์พวกนี้คนเดียวไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จริงๆ
"เนียร์ เคยพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านมั่งไหมเนี่ย?" มาร์คถาม
"ไม่นะ ผมไม่ค่อยมีเพื่อน" จินยองตอบก้มหน้าพยายามไม่สบตามาร์ค
"เนียร์ ไม่สบายหรือป่าว ทำไมหน้าแดงๆ ?" มาร์คเอาหน้าผากตัวเองชนหน้าผากจินยอง เพื่อวัดอุณหภูมิ ทำให้จมูกทั้งสองชนกัน และริมฝีปากก็ห่างกันนิดเดียว
จินยองหัวใจกระตุกวูบวาบในหน้าอก รู้สึกใจเต้นแรง เขารีบถอยตัวออกห่างมาร์ค แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด
"มาร์คไปอาบน้ำก่อนไหม ชุดกีฬานายเหม็นเหงื่ออ่ะ เสร็จแล้วให้ใส่ชุดอะไรก็ได้ในตู้นั่น แล้วออกมาลองถ่ายรูปซักเซท หนึ่งก่อนกลับ นะ.." น้ำเสียงจินยองหวาน และทิ้งช่วงก่อนจะพูดคำว่านะ แบบอ้อนๆ ทำให้มาร์คยิ้มก่อน เดินเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย
วันนี้มาร์คใช้เวลาอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์นานกว่าปรกติ เพราะห้องอาบน้ำของจินยองนั้น กว้างขวางหรูหราสะดวก สบาย มีอ่างจากุชชี่ ให้นอนแช่ มีน้ำอุ่น น้ำเย็น สบายตัว ผิดกับที่บ้าน 3หนุ่ม ที่ไม่มีน้ำอุ่น เพราะไม่มีตังจ่ายค่าแก๊ซ ค่าไฟ ทำให้ต้องอาบน้ำแต่ตอนเช้า เพราะอากาศหนาว ซึ่งบางทีก็ไม่ได้อาบ
พอออกมา จินยองก็หลับไปซะแล้ว เขานั่งกับพื้นพรมหน้าทีวีรอมาร์คแล้วเอาแขนหนุนศีรษะพิงตัวบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
"เนียร์ ...เนียร์ ....ไม่ระวังตัวเล๊ย เพิ่งเจอกันวันนี้แท้ๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก" มาร์คเขย่าปลุก แต่จินยองงัวเงียไม่ยอมลืมตา ทำให้มาร์คต้องอุ้มร่างบาง ไปวางบนเตียงในห้องนอนเอง
"สงสัยเวลาอยู่คนเดียว จะนอนตรงไหนก็นอนสินะ" มาร์คถอดแว่นออกจากหน้า จินยอง แล้วก็ลูบเรือนผมเบาๆ ก่อนจะจ้องใบหน้าที่เขาต้องยอมรับแล้วหล่ะ ว่าตกหลุมรักเข้าเต็มเปา อย่างไม่วางตา ก่อนจะหลับไปด้วยท่านั่งเฝ้าข้างเตียง
ความคิดเห็น