คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 : ห้องทดลองของอดัม
บทที่ 2 : ห้องทดลองของอดัม
"นะ นาย? นะ หนู? ธะ เธอ? ยะ ยูว? .อ่ะ..เอ่อ..!!?" ร่างสูงของหนุ่มหล่อ ดูสั่นเล็กน้อยเมื่อมือของเขาจับไปโดนหน้าอกเย็นๆราบเรียบ ของร่างบางเล็กตรงหน้า
"แบมแบม ครับ! ไม่ใช่หนู คิก คิก " ร่างบางเล็กสูงระดับคางของมาร์ค มีผมสีดำเส้นเล็กดูนุ่มนิ่ม ผิวสีขาวซีดเนียนละเอียด แก้มยุ้ยเป็นก้อน ดวงตากลมโตขนตายางอนยาวเป็นแพ แถมมีริมฝีปากสีเชอร์รี่อวบอิ่ม เต่งตึง สวย น่าจูบ ใบหน้าอ่อนเยาว์รวมดูน่ารักคล้ายเด็กผู้หญิงอายุราว 14 ปี ติดแต่ว่าอยู่ในชุดย้อนยุคแนววิคตอเรียเป็นสูทขาสั้นดูหรูหราเหมือนตุ๊กตาเด็กผู้ชายฝรั่งเศส ก็น่าจะเป็นเด็กผู้ชายนะ แต่ร่างบางเล็กมีเสียงหวาน น่าดึงดูดอย่างประหลาด จนมาร์คเผลอเลื่อนเมือขึ้นสัมผัสใบหน้า และริมฝีปากนั่นอย่างลืมตัว
ในความเงียบ มาร์คแทบกลั้นลมหายใจ เมื่อยื่นมือออกไปด้านหน้าช้าๆ เขาค่อยๆวางนิ้วโป้งของมือหนาทาบลงบนกลีบปากสีสวยที่ตูมอิ่มเต็มเล็กๆ ดั่งดอกกุหลาบแรกแย้ม แค่สัมผัสแผ่วเบาก็ทำให้กลีบปากน่ารักนั่นเผยอ ออกและขยับเคลื่อนตามแรงกดของมือใหญ่ .. นุ่ม คือความรู้สึกแรก ทำไมเขาเหมือนจะบังคับมือตัวเองไม่ได้ การรุกล้ำยังไม่หยุดแค่นั้น นิ้วมือนั่นยังบังอาจสอดเข้าไปแตะลิ้นเล็ก และเรียวฟันด้านใน ล้วงไล้ ลากเอาความชื้นหอมหวานนั่นออกมาด้วย แต่ก็ทำได้ไม่นานนัก....
"โอ๊ย!!" คนหมอสุดหล่อรีบหดมือแทบไม่ทัน เมื่อปากเล็กของคนน่ารักตรงหน้า งับนิ้วมือซุกซนของเขาเข้าอย่างแรงจนได้เลือด แถมร่างบางเล็กตรงหน้าอยู่ๆ ก็มีแรงมหาศาลขึ้นมาจนสามารถโถมผลักร่างของเขาที่สูงกว่าล้มลง แล้วจัดการปีนขึ้นมาบนตัวของเขาเพื่อมาอยู่ในท่าคร่อมเอวด้านบน
"เฮ้ย!? แบมแบม เป็นอะไร นายจะทำอะไรหน่ะ?" ตอนนี้ดวงตาของแบมแบมเปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองแสงในความมืด และมีเขี้ยวสีขาวกำลังงอกยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด แบมแบมก้มหน้าเตรียมฝังเขี้ยวโดยมีเป้าหมายที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณคอของมาร์คตามสัญชาตญาณโดยไม่มีสติรู้ตัว
มาร์ครีบยกมือ 2 ข้างของตัวเองจับข้อมือบางสองข้างของแบมแบมไว้ และพยายามฝืนขืนแรง ดันร่างเล็กด้านบนที่ดูเหมือนจะมีแรงมากกว่าเขาในเวลานี้อย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็กันได้แค่แขนและลำตัวหล่ะนะ เพราะใบหน้า และคอของแบมแบมยังยื่น กระหายเข้าหาจนเกือบจะถึงซอกคอของเขาอยู่แล้ว แม้มาร์คจะตกใจกลัวกับการกระทำแปลกๆของคนตรงหน้า แต่หน้าตาโหยหา(หิว) น้ำตาคลอ กลิ่นหอมอ่อนๆ และซอกคอขาวๆ ของแบมแบมเองก็อยู่แค่ปลายจมูกของเขาเท่านั้น เหมือนต้องมนต์ หรือโดนคำสาปให้ต้องหลงใหล เผลอไผล สุดท้ายมาร์คก็ยอมผ่อนปล่อยให้แบมแบมได้ทำตามใจ
ตอนที่คมเขี้ยวเล็กปักเข้าที่ซอกคอของเขา มันเจ็บแปลบนิดเดียวเท่านั้นเอง แต่จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนร่างกายจะเบาจนเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ ประหนึ่งบินได้ รู้สึกเคลิบเคลิ้มมีความสุข หัวใจก็เต้นรัวถี่เร็ว สักพักเมื่อแบมแบม คราง อื่อ อืมม...อย่างถูกใจกับรสชาดของเลือดที่ได้รับแล้ว ใบหน้าหวานก็ยิ้มหลับตาพริ้มพอใจ และทิ้งตัวลงบนร่างมาร์ค ก่อนจะหลับไปทั้งแบบนั้น แล้วไม่นานหลังจากนั้นมาร์คถึงรู้สึกตัว และหลุดออกจากภวังค์ที่ราวกับฝันดีนั้นได้
"เฮ้ แบมแบม แบมแบม" มาร์คยกแขนที่ตกอยู่ข้างลำตัวขึ้นกอดเขย่าร่างบางตรงหน้าเบาๆ สามสี่ที แต่แบมแบมก็ไม่ตื่น ลมหายใจของคนในอ้อมกอดเป็นจังหวะถี่สม่ำเสมอ สันนิษฐานว่าคงจะหลับไปแล้ว มาร์คจึงอุ้มร่างบางไปไว้บนเตียงของเขาในห้อง ก่อนจะเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทาง เพื่อคุ้ยค้นเอาอุปกรณ์หลายอย่างออกมา
สเตทโตสโคป(หูฟัง) เครื่องวัดความดันโลหิต เทอโมมิเตอร์ ไซริงค์ เข็มฉีดยา หลอดแก้วแคปปิลารี่ หลอดทดลอง ยังไม่นับ กล้องจุลทรรศน์ เครื่องเซนทิฟิว HPLC สไลด์ ปิเปต และน้ำยาสารพัด ที่ถูกควักคว้าออกมามากองอย่างลวกๆ ถูกวางสุมบนตู้ข้างหัวเตียงของเขา มาร์คไม่ได้พกของพวกนี้ติดตัวไปไหนมาไหนทุกวันหรอกนะ แค่วันนี้เขาขนมันมาจากอเมริกาด้วย เพื่อจะเอามาเข้าแล๊ปที่เกาหลีพรุ่งนี้ แต่เพราะเขาคาใจกับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงนี่ มันปลุกความอยากรู้อยากเห็นตามประสานักวิทยาศาสตร์ในตัวเขาขึ้นมา จนต้องตั้งห้องปฏิบัติการเฉพาะกิจในห้องนอนของตัวเองตอนตี 4
มาร์คในมาดคุณหมอสวมสเตทฯฟังจังหวะการเต้นของหัวใจของแบมแบม ฟังเสียงการหายใจ ฟังเสียงการเคลื่อนไหวของเกราะเพาะและลำไส้ จากนั้นก็วัดความดันโลหิต วัดอุณหภูมิร่างกาย และกะจะเจาะเลือด เพื่อตรวจค่าแล๊ป ตรวจหมู่เลือด และเก็บไว้วิจัยอย่างอื่นต่อ แต่เข็มเจ้ากรรมไม่สามารถแทงทะลุผิวของแบมแบมได้ ผิวที่เนียนนุ่มแต่กลับเหนียว ปักเข็มลงไปแล้วผิวหนังกลับสมานตัวอุดรูปลายช่องของเข็มทำให้ไม่สามารถดูดเลือดออกมาได้ แปลกมาก ดังนั้นผลคร่าวๆที่ได้ออกมาจึงไม่ตอบโจทย์เขาเท่าไหร่ เพราะไม่มีค่าใดของแบมแบมเหมือนคนปรกติสักอย่าง ความดันโลหิต 20/10 อันตราการเต้นหัวใจ 8 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 10 ครั้งต่อนาที อุณหภูมิร่างกาย 15 องศา เทียบได้กับคนไข้ ICU ที่อยู่ในอาการโคม่า อวัยวะภายในล้มเหลวแล้วหล่ะ นี่คงไม่ได้หมายความว่า เด็กแบมแบมนี่จะเป็นแวมไพร์ ของจริงหรอกนะ มากระโดดกัดคอชาวบ้านแล้วนอนหลับปุ๋ยอย่างไม่ระวังตัวแบบนี้
แต่ถ้าเป็นตัวจริงนี่น่าจับมาทดลองจัง มาร์คอยากรู้มานานแล้วว่าพวกแวมไพร์นี่ดูดเลือดเหยื่อแล้วเป็นยังไงต่อ เซลล์ของพวกนี้ดำรงชีวิตเป็นอมตะอยู่ได้ยังไง แล้วดูดเลือดมนุษย์ไปทำไม ปรกติเลือดมนุษย์จะมีหมู่เลือด ABO กำกับ แถมด้วยหมู่ Rh ด้วย แล้วในเลือดก็มีส่วนประกอบต่างๆ ทั้งสารน้ำ โปรตีน เอนไซม์ แอนติเจน แอนติบอดี้ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด เวลาแวมไพร์ดูดเลือดต่างหมู่ เช่น เหยื่อ A มีเลือดกรุ๊ป A แล้วไปดูดเหยื่อ B ที่มีเลือดกรุ๊ป B ตามหลักแล้วเลือดคนละหมู่จะเข้ากันไม่ได้ จะจับกันตกตะกันแล้วไม่สามารถหมุนเวียนไปตามเส้นเลือดเป็นอันตรายมากนี่นา เข้าไปปนกันในตัวของแวมไพร์แล้วไม่เป็นอะไรเหรอ? แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้มีโรคติดต่อทางระบบเลือดอีก ทั้งไวรัสตับอักเสบ บี ซี เชื้อHIV ซิฟิลิส มาลาเลีย พยาธิในเลือด CMV บลาๆๆ แล้วแวมไพร์ที่บริโภคเลือดพวกนี้เข้าไปนี่จะติดโรคไหม? แล้วส่วนไหนของเลือดคืออาหารที่นำไปใช้ บางคนเป็นทาลัสซีเมีย อนิเมีย ลูคิเมีย เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างปรกติ จะกินได้หรือป่าว รสชาดจะอร่อยเหมือนเลือดปรกติไหม? น่าสงสัย น่าสนใจจะตาย! มาร์ค อมยิ้ม ลูบผมหน้านุ่มๆของร่างบางอย่างเอ็นดู...
"แต่ตอนนี้ ! ....รู้สึกเวียนหัวจัง ไม่รู้เพราะบริจาคเลือดไปเยอะ หรือเพลียจากการเดินทางนะ ต้องขอนอนสักหน่อยก่อนดีกว่า ไว้ค่อยพูดคุยถามไถ่(ซักประวัติ) กันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ แบมแบม" มาร์คใช้มือหนาลูบแก้มที่เป็นก้อน แล้วยิ้มให้กับร่างบางเล็กอีกที จากนั้นก็ปีนขึ้นเตียงไปนอนข้างๆแบมแบมเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราบ้าง โดยไม่ลืมที่จะเอาแขนพาด(กอด) คนข้างๆไว้ เพราะกลัวแบมแบมจะหายไปเมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันดีๆเลยนะ...
.
..
...
....
พระอาทิตย์แรก หลังการนอนหลับอย่างยาวนาน 400 ปีกำลังจะขึ้นแล้ว แบมแบมลังเลว่าจะรอให้เจ้าของแขนอุ่นๆที่พาดคอเขาอยู่ตอนนี้ตื่นก่อน เพื่อบอกขอบคุณที่เลี้ยงอาหารมื้อเด็ด(เลือด) แล้วค่อยไปดี หรือจะรีบไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดี เพราะคนที่จะรับได้กับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้คงไม่มีอยู่บนโลกนี้หรอกมั้ง แต่ถ้ามองในแง่ดีบางทีคนคนนี้อาจจะได้คิดแค่ว่าเมื่อคืนหน่ะแค่ฝันไปอาจจะจำอะไรไม่ได้ก็เป็นได้หรือป่าว แม้สัญชาตญาณจะบอกว่าแบมแบมควรจะไปซะเมื่อมีโอกาสแต่แบมแบมก็ใจไม่แข็งพออีกนั่นแหละ หน้าตาที่หลับพริ้มของคนข้างๆช่างหล่อเหลา ดูดี ราวกับเทพบุตร ชวนให้รู้สึกแปลกๆมากๆ ความหวิวไหวในหน้าอกเป็นอะไรที่แบมแบมไม่เคยรู้จัก เลือดของคนคนนี้ก็อร่อยเลิศรส จัดว่าดีเยี่ยมที่สุดในชีวิตที่แบมแบมเคยลิ้มลองมา ช่างหอมหวาน กลมกล่อม เปี่ยมด้วยสารอาหาร และพลังงานในด้านดี เขาไม่ได้รู้สึกดีอย่างนี้มานานจนจำไม่ได้แล้ว
แต่เมื่อมาคิดดีๆแล้ว ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย? เตียงนุ่ม ที่มีร่างมนุษย์อุ่นโอบกอด แล้วพี่จูเนียร์ผู้ดูแล(และทาส)ของเขาหล่ะ หายไปไหน? ปรกติหลังจากการนอนหลับจำศีลอันยาวนาน พี่จูเนียร์จะเป็นคนแรกที่ แบมแบมตื่นขึ้นมาเจอ หรือว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นระหว่างนี้กัน? จะทำยังไงดีนะถึงจะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ถ้าเพียงแต่ได้ดูดเลือดของพี่จูเนียร์แบมแบมก็จะได้รับความทรงจำในรอบ 400 ปีที่หลับไปจากพี่จูเนียร์มาด้วย ตราบใดที่แบมแบมยังอยู่ดี ไม่เป็นอะไร ยังไงพี่จูเนียร์ก็ไม่มีทางตายอยู่แล้วหล่ะ ดังนั้นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ทำให้พี่จูเนียร์ไม่อยู่ข้างๆตอนแบมแบมตื่นขึ้นมารอบนี้ก็คือพี่จูเนียร์อาจจะถูกกักขังไว้ที่ไหนสักแห่ง หรืออาจจะบาดเจ็บได้รับอันตรายร้ายแรง แวมไพร์ True Blood ที่ไม่มีบริวารคอยปกป้องอย่างแบมแบมตอนนี้นี่ อ่อนแอกว่าเด็ก 5 ขวบเสียอีก ยังไงก็คงต้องขอรบกวนเจ้ามนุษย์หน้าตาดีคนนี้ไปสักพักจนกว่าพี่จูเนียร์จะกลับมารับแบมแบมนั่นแหละ
แบมแบมนอนลืมตาแป๋วคิดเรื่องของจูเนียร์เพลิน ไม่ทันรู้สึกตัว จนตอนจะหันตัวตะแคงข้างอีกทีก็พบว่า มาร์คหน่ะตื่นแล้วและกำลังมองหน้าเขาอยู่ ลมหายใจอุ่นๆของเจ้ามนุษย์นี่ทำให้รู้สึกดี แถมต้นคอขาวนั่นมีเส้นเลือดใหญ่กำลังเต้นตุ๊บๆร่าเริงอยู่ข้างใน น่าฝังเขี้ยวสุดๆ แบมแบมเริ่มแลบลิ้นเล็กๆเลียริมฝีปากสีเชอร์รี่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาร์คสังเกตเห็นเสียก่อนจึงรีบลุกขึ้นค้นกระเป๋าเสื้อผ้าหาผ้าพันคอมาพันรอบคออย่างมิดชิดทำให้เด็กตาแป๋วนั่น หน้าสลด กลืนน้ำลายอย่างเสียดายไม่ปิดบัง
"สวัสดีครับ แบมแบม ผมชื่อมาร์คนะ เมื่อคืนเรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย ก่อนอื่น ยินดีได้รู้จักนะครับ" มาร์คยิ้มด้วยรอยยิ้มจริงใจออกมาจากข้างในหัวใจของเขาอย่างที่ไม่ได้ทำมาหลายปีแล้วจนเขานึกแปลกใจตัวเอง นี่เขายังไม่ลืมวิธียิ้มแบบคนธรรมดาไปนี่นะ
เป็นรอยยิ้มที่สวยราวกับคุณเทวดา ถ้าสิ่งนั้นมีจริงคงไม่ต่างจากร่างมนุษย์ตรงหน้า แค่มาร์คไม่มีปีก แบมแบมหลุดยิ้มตอบคนตรงหน้า ด้วยท่าทีไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัย
"แบมแบม ครับ คุณมาร์ค ^^ ยินดีได้รู้จักเหมือนกัน อิอิ คือ....เมื่อวานแบมแบมขอโทษนะครับ ปรกติแบมแบมจะไม่เป็นแบบนั้น ...ฝืนใจดูดเลือดของมนุษย์ เอ่อ... คือ คุณมาร์คไม่ต้องกลัวจะกลายร่างเป็นพวกแบมแบมนะครับ คุณน่าจะรู้แล้วว่าแบมแบมไม่ใช่มนุษย์ คือเป็นแวมไพร์อ่ะ"
"อือ ก็พอเดาได้ แต่แบมแบมทำไมไม่เหมือนแวมไพร์ที่เคยได้ยินมาเลยนะ ทั้งยังเด็ก น่ารัก ไม่เห็นโหดเหี้ยม ทำร้ายอะไรมาร์คเลยนี่?"
"อ่ะแฮ่ม! เห็นอย่างนี้ แบมแบมอายุ 997 ขวบแล้วนะครับ ถึง 2 ใน 3 ของชีวิตจะหมดไปกับการนอนก็เถอะ"
"โหย งี้ก็แก่เป็นคุณปู่ ของคุณปู่ ของคุณปู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ของมาร์คได้อ่ะดิ งั้นไม่ต้องเรียกคุณมาร์คแล้ว มั้ง?"
"ง่า... แบมแบม สะเทือนใจ....จัง แต่ช่างมันเถอะ ... คือ แบมแบมมีเรื่องจะขอร้องคุณมาร์คอ่ะครับ"
"มีอะไรเหรอ มีอะไรที่แวมไพร์อายุ เกือบ พันปีต้องให้มนุษย์เดินดินอย่างผมช่วยหล่ะ?"
"คือ...ทุกครั้งที่แบมแบมตื่นจากการจำศีล ความทรงจำส่วนใหญ่จะหายไป และรวมถึงพลังต่างๆด้วย แบมแบมไม่รู้จักโลกที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย จูเนียร์เคยบอกว่าความสามารถของแบมแบมหลังจากตื่นก็ไม่ต่างจากเด็ก 4-5 ขวบเท่าไหร่ ปรกติจูเนียร์จะคอยดูแลจนความสามารถของแบมแบมจะกลับมาเหมือนเดิม แต่รอบนี้จูเนียร์หายไป แบมแบมไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน และจะหายไปนานเท่าไหร่ เลยอยากรบกวนขออยู่กับคุณมาร์คไปก่อนได้ไหมครับ แบมแบมไม่มีอะไรจะตอบแทนคุณยกเว้นแบมแบมจะทำตามที่คุณมาร์คสั่งทุกอย่าง นะครับ ให้แบมแบมอยู่ด้วยนะ?" ดวงตากลมโตมองมาอย่างคาดหวัง ก่อนจะหลุบต่ำเมื่อได้สบตามาร์คอย่างเขินอาย
"นายจะทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่าง...จริงๆเหรอ ไม่ใช่พอเจอคนชื่อจูเนียร์อะไรนั่นก็จัดการดูดเลือดฉันจนตายทีหลังนะ?" รอยยิ้มเต็มที่อวดฟันสวย ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับสิ่งที่ได้ฟังไม่ยอมเลิก แม้จะลองถามหยั่งเชิงเรื่องที่ยังสงสัย
"มะ ไม่ ไม่ แบมแบมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ อาจจะขอบริจาคเลือดจากคุณมาร์คบ้าง นิดๆหน่อยๆ คือไม่เป็นอันตรายแน่นอนครับ ถ้าเสียเลือดไม่ถึง 70 เปอร์เซนต์ก็ไม่ถึงตายและไม่กลายร่างเป็นแบบพวกเราแน่ๆ มันมีหลักการหลายอย่างประกอบกัน แต่เอาเป็นว่าคุณมาร์คไม่เป็นอะไรหรอกครับ เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดใหม่ผิวพรรณ หน้าตาจะสดใสขึ้นด้วยซ้ำ" แบมแบมพูดด้วยแววตาจริงจัง กับข้อมูลที่พอจะจำได้จากที่จูเนียร์เคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว
"โอเค โอเค ถ้าได้ทุกอย่างแน่ๆ ต่อไปนี้ให้เรียกมาร์คว่า พี่มาร์ค ไม่ใช่คุณมาร์คนะ แล้วเวลาใครถามให้บอกว่านายเป็นญาติห่างๆของชั้น ต่อไปนี้ให้ทำทุกอย่างเหมือนมนุษย์ อาบน้ำแปรงฟันทุกวัน ทานอาหาร 3 มื้อ ไปโรงเรียน มีเพื่อนเล่นห้ามทำอันตรายหรือดูดเลือดมนุษย์เด็ดขาด ถ้าทำได้ดีชั้นจะให้เลือดของชั้นกับนายเอง วันละ 30 ซีซี ตกลงไหม?" มาร์คเอามือมาลูบหัวแบมแบมที่นั่งพับตัวอยู่บนเตียงตั้งใจฟังเขาพูด อ้าปากหวออย่างน่าเอ็นดู
"30 ซีซี นี่เยอะไหมฮะ แบมแบมขอก่อนเลยได้ไหม เลือดของพี่มาร์คอ่ะ อร่อยที่สุดเลย นะครับ นะ?" เด็กน้อยหันมายิ้มกว้าง ตาเป็นประกายเว้าวอน น่ารัก พร้อมกับจับแขนมาร์คเขย่าไปมา
"ให้กินก่อนนอนเท่านั้น ตอนนี้หน่ะเช้าแล้ว ลุกมาทำกิจวัตรแบบมนุษย์ซะดีดี คนเราเวลาตื่นนอนแล้วต้องอาบน้ำแปรงฟัน ....นั่น อย่ามาทำตาแป๋ว เรียกร้องความเห็นใจ มา มา เดี๋ยวพี่มาร์คจะสอนวิธีอาบน้ำแปรงฟันให้ อย่าบอกนะว่าพวกแวมไพร์ไม่อาบน้ำกันหน่ะ อี๋สกปรก" หนุ่มหล่อแกล้งทำท่าเอามือปิดจมูกแล้วใช้ปลายนิ้วจีบจับปลายแขนเสื้อของแบมแบมพร้อมกับแอ๊คติ้งท่าทำเป็นรังเกียจใส่
"โอ้ย!! อะไรเล่า?" มาร์คร้องโวยวาย เมื่อโดนเขี้ยวเล็กคมงับเข้าที่มือหนาที่กำลังเปลี่ยนไปลูบเนื้อผ่านเสื้อผ้าของแบมแบมก่อนจะถอดมันออก
"เราเคยอาบน้ำละกันน่า จำได้ว่าจูเนียร์อาบให้....เมื่อ 400 ปีที่แล้วหล่ะ -..-" แบมแบมแลบลิ้นใส่ร่างสูงที่หันไปถอดชุดนอนของตัวเองออกแล้วหยิบเสื้อคลุบอาบน้ำที่เป็นผ้าขนหนูสีขาวมาสวม
"งือ....400 ปีเลยเหรอ ฟังแล้วขนลุก งั้นแบมแบมต้องรีบลงไปแช่น้ำร้อนฆ่าเชื้อแล้วหล่ะ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วลงไปในอ่างอาบน้ำเดี๋ยวนี้!" มาร์คเอาฝักบัวใหญ่ฉีดน้ำใส่แบมแบมจนเสื้อผ้าเปียก แบมแบมวิ่งหนีไปจนจนมุม แล้วจึงลงไปหลบในอ่างอาบน้ำใหญ่เข้าทางของมาร์คซะงั้น
"ถอดชุดที่เปียกออกเร็ว เดี๋ยวจะเปิดน้ำวนให้เล่นด้วยนะ ...เอ้า ยกแขนขึ้น " มาร์คถอดสูทผ้าไหม และแกะกระดุมเสื้อเชิตแขนสั้นข้างใน ออกสองสามเม็ดแล้ว ยกเสื้อถอดออกจากตัวแบมแบมด้านศีรษะเลย ส่วนกางเกงก็จัดการปลอดตะขอให้แล้วถอดออกธรรมดา เผยเรียวขาขาวเนียน ชวนใจเต้น
แบมแบมที่ความคิดเหมือนเด็ก 5 ขวบยังไม่ประสาอะไรก็จับนั่นจับนี่ และบังเอิญหยิบได้ขวดของเหลวสีสวยแถวนั้นจึงเทเล่น ขวดนั้นเป็น foam bath กลิ่นหอม หลังจากหยดใส่น้ำไม่เท่าไหร่ก็เกิดฟองฟอดลอยฟ่องฟูเต็มอ่าง ช่วยบังอะไรอะไรจากสายตาคนหล่อที่เริ่มคิดไม่ซื่อได้บ้าง
"พี่มาร์ค มันคืออะไรหอมจัง สนุกด้วย ยิ่งตียิ่งมีฟอง ฮิฮิ" แบมแบมชอบใจ กลิ้งไปกลิ้งมา แอบทิ้งตัวดำผุดขึ้นลงในอ่างอย่างชอบใจ
"Bubble bath อ่ะ เดี๋ยวแบมแบมต้องมาล้างตัวอีกทีนะ มาเกาะขอบตรงนี้ๆก่อน เดี๋ยวพี่มาร์คจะสระผมให้นะครับ" มาร์คกวักมือเรียกแบมแบมมาหา แล้วเทแชมพูใส่ฝ่ามือ แล้วค่อยๆลูบไปตามเส้นผมนิ่มจนเกิดฟองแล้วก็นวดศีรษะให้แวมไพร์ตัวน้อยเบาๆ ก่อนจะล้างน้ำออก สองสามรอบจนสะอาดดี
"พี่มาร์ค ทำไมไม่มาแช่ฟองกับแบมแบมอ่ะ มาเล่นด้วยกันเร็วๆ" แบมแบมที่ตอนนี้ไม่ได้ใส่อะไรเลย ใช้แขนกับหน้าอกแบนแบนเบียดจับแขนของมาร์คแล้วออดอ้อนดึงร่างสูงให้ลงมาเล่นน้ำในอ่างด้วยกัน
มาร์คจ้องหน้าอกแบนๆนั่น จ้องแล้วจ้องอีกอย่างไม่ปรกติ ...ทำไมเขาถึงสงบใจไม่ได้เนี่ย แค่อาบน้ำให้เด็กคนนึง จะใจเต้นเร็วไปไหน ผิวขาวๆเนียนนุ่มลื่น หนาอกของเด็กผู้ชายที่ราบเรียบ มีตุ่มไต สีชมพูสวย แค่นั้นเอ๊งงงง ฮึก.!..เหมือนความดันจะพุ่ง กำดาวจะไหลยังไงไม่รู้ ตอนนี้มาร์คได้แต่แช่น้ำลงไปเกือบมิดศีรษะ เหลือแต่ส่วนจมูกกับดวงตาโผล่พ้นน้ำแอบมองร่างบางเล็กเล่นน้ำตรงหน้าอย่างใกล้มาก HD สุดๆ แล้วก็เอ่อ....นะ
"นี่เราเป็นคนแบบนี้เหรอวะ ใจเต้นกับร่างกายเด็กผู้ชาย ให้ตายเถอะ แถมรู้สึกเหมือนมี....อารมณ์...." นี่ถือเป็นเรื่องที่น่ากลุ้มใจไม่แพ้การที่มีแวมไพร์มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยอีกนะ ความรู้สึกเกินเลยแบบนี้หน่ะ มัน......อยากจะบ้าตาย
หลังจากเสร็จสิ้นการอาบน้ำที่น่ากระอักกระอ่วนใจที่สุดในชีวิต มาร์คก็สอนแบมแบมให้แต่งตัวเอง ในกระเป๋าเดินทางของเขาไม่มีเสื้อผ้าไซท์พอดีสำหรับคนตัวเล็กเลย แถมแบมแบมก็ยังไม่รู้จัก เสื้อยืด หรือกางเกงชั้นในด้วยซ้ำ ชักรู้สึกถึง สัญชาตญาณความเป็นพ่อขึ้นมาในบัดดล เอาน่าอย่างน้อยเขาก็เคยดูแลน้องชายที่มีอยู่หนึ่งคนมาก่อน การสอนเด็กที่เรียนรู้ไวอย่างแบมแบมจึงไม่เป็นปัญหามากนักนอกจากความคิดด้านลบที่ลอยมาเป็นพักๆ -//////-
วันนี้เป็นวันแรกที่มาร์คจะต้องไปเริ่มทำงานที่โรงพยาบาลประสาทปูซาน หลังจากแต่งตัว ใส่แสล๊กสีดำ สวมเสื้อเชิตแขนยาวสีอ่อน ผูกไทด์ เรียบร้อยดีแล้ว มาร์คก็เดินไปเปิดม่านใหญ่ตรงห้องนั่งเล่น แสงสว่างนุ่มนวลของยามเช้าสาดเข้ามาพร้อมวิวสดใสของท้องฟ้าสีฟ้า ไร้เมฆหมอก กับท้องทะเลสีเข้มสวย สดชื่น ทำให้คุณหมอสุดหล่อ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เป็นวิวที่สวยคุ้มค่ากับคำร้องขอไปจริงๆ
"แบมแบมมาดูอะไรนี่สิ วิวทะเล สวยนะ" มาร์คตะโกนเรียกแบมแบมที่ไม่ยอมออกมาจากห้องนอนเสียทีทั้งที่แต่งตัวเสร็จแล้ว
"พี่มาร์ค แบมแบมไปไม่ได้ ...แพ้แสงอ่ะ พี่มาดูสิครับ" แบมแบมพูดเสียงอ่อย ..ทำให้มาร์ครีบเดินกลับเข้าไปดู
หลังมือแบมแบมส่วนที่โดนแสงพองแดงลอกเป็นปื้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก และท่าทางจะเจ็บแสบไม่น้อย แบมแบมก้มหน้างุด แอบกัดฟัน ซี๊ดปาก เช็ดน้ำตาจากความเจ็บแผล ไม่ได้เป็นอย่างอื่นจริงจริ๊งง
"ง่า อย่างงี้ทำไงถึงจะหายอ่ะ นายออกมาเดินตอนกลางวันไม่ได้จริงๆเหรอเนี่ย น่าสงสารจัง พี่จะช่วยแบมแบมยังไงดี?"
"ไม่เป็นไรหรอกฮะ แบมแบมชินแล้ว..." บรรยากาศในห้องกลับมาเงียบสงัด พร้อมเสียงถอนหายใจเบาๆของคนตัวเล็ก เงาที่มองไม่เห็นกำลังทอดตัวแบ่งโลกแห่งแสงสว่างเวลากลางวันที่มาร์คยืนอยู่ กลับโลกที่มืดดำในส่วนของเงาห้องด้านในที่แบมแบมยืนอยู่ออกจากกันอย่างชัดเจนเป็นการตอกย้ำ
แบมแบมลากเท้าเล็กที่รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา กลับไปที่เตียงนอนแล้วล้มตัวลง ...ไปทำงานดีๆนะครับ ....พี่มาร์ค เสียงอวยพรอู้อี้ ไม่ได้ตั้งใจให้คนพี่ได้ยินหรอก... ตอนนี้หัวใจเล็กๆข้างในหน้าอกข้างซ้ายรู้สึกเจ็บแปรบขึ้นมา ร่างเล็กทำได้หันหน้าซุกหมอนนิ่ม
...ไม่ได้ทิ้งเวลาให้ความรู้สึกแย่จมดิ่งได้นานนัก มือหนาอุ่นก็ถูกวางลงบนศีรษะของแวมไพร์ตัวเล็ก มือใหญ่ลูบผมนิ่มไปมา ทำให้ร่างบางเล็กรู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย
"....เดี๋ยวพี่จะลองหาทางพาแบมแบมออกมาเดินภายใต้แสงอาทิตย์ให้ได้นะ จะลองพยายาม" มาร์คกดมือหนักในจังหวะสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
พี่มาร์คทำไมเป็นมนุษย์ที่ใจดี อบอุ่นและดีกับใจของแบมแบมขนาดนี้นะ แค่คิดเขี้ยวยาวของแบมแบมก็งอกโผล่ออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
.
..
...
....
ณ โรงพยาบาลศูนย์ทางระบบประสาทปูซาน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเฉพาะด้านระบบประสาทที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของเอเชีย เป็นศูนย์กลางความร่วมมือของโรงพยาบาลด้านระบบประสาทชั้นนำของทุกประเทศในเอเชียในตอนนี้ ที่นี่ผู้ป่วยไม่ได้หนาแน่น รอคิวนานเหมือนโรงพยาบาลรัฐทั่วไป เพราะผู้ป่วยต้องผ่านการคัดกรอง และรักษาเบื้องต้นจากโรงพยาบาลในพื้นที่ของตนเองก่อนแล้วว่ามีอาการรุนแรง หรือเป็นโรคที่รักษายาก นานๆเจอที หรือรักษาไม่หาย ถึงจะถูกส่งตัวมารักษาที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นโรคทางสมองที่เกิด หนึ่งในแสน หนึ่งในล้านเท่านั้น เป็นกรณีศึกษา ให้แพทย์เฉพาะทางได้เรียนรู้อีกที จนไม่นานมานี้ ต้องรับบทหนักจากการจัดการผู้ป่วย ไลเคนโทรฟี และแวมไพร์มาเนีย ที่ถูกส่งมารักษาและวิจัยจากทั่วเอเชีย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในรอบ 5 ปีนี้ถึงมีจำนวนผู้ที่ป่วยในโรคดังเกล่าวพุ่งขึ้นสูงมาก
หมู่ตึกทรงทันสมัยเรียงตัวใกล้กันไม่ต่ำกว่า 15 อาคาร ทั้งเตี้ยและสูง ดูทันสมัย ทั้งภายนอกและภายในได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างดี เหมือนโรงแรม 5 ดาวมากกว่าโรงพยาบาลเสียอีก นับว่าเป็นหน่วยงานที่มีเงินถุงเงินถังสนับสนุนอยู่อย่างแน่แท้
มนุษย์ที่ใจดี อบอุ่นเหรอ มันคงไม่อยู่ในบรรณานุกรมของอีหมอเทวดาคนนี้หรือป่าวนะ...คำพูดลอยๆของใครบางคนดังขึ้น
มนุษย์คนแรกที่คุณเลขาฯมิน เดินเข้ามาจ๊ะเอ๋อย่างเป็นทางการรายแรกของเช้าวันจันทร์ที่ไม่นับยามโรงพยาบาลหน่ะนะ คือคนที่ทำให้วันจันทร์ที่น่าจะเป็นวันอันแสนน่าอภิรมย์ ลัลลา อยากทำงาน กลายเป็นวันซวยในบัดดล ก็คือไอ้คุณหมอไฮโซ จากอเมริกา ด๊อกเตอร์มาร์ค ต้วนอะไรนี่ ร่างสูงกำลังยืนทำหน้าตาหล่อเหล่าปั้นยิ้มแบบผู้ดี แจกจ่ายให้คนที่เดินผ่านไปมา ให้ชาวบ้าน กรี๊ดกร๊าดตกตะลึง อยู่ที่หน้าเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ตรงทางเข้าตึกอำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลพอดิบพอดี
หึ! เลขามินกระแทกยิ้มมุมปากพร้อมกับเมินหน้าหนี และกำลังจะเดินไปอีกทาง แต่ดันมีเสียงดังที่แสนจะเสแสร้งนั่นเรียกดังขึ้นมาจากร่างตรงหน้า
"สวัสดีครับ เลขาฯมิน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมานะครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา?"
กริบ........
อย่างกับคนทั้งล๊อบบี้กำลังรอฟังคำตอบ เลขาฯมินกอดแฟ้มงานตัวแข็งทื่อพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆโถงใหญ่อย่างระแวดระวัง ทุกคนเหมือนกำลังจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว เพราะไอ้หมอ(เทวดา)นั่น!
"งานเข้าอีกแล้วตู" สาวมั่นผมสั้น ที่วันนี้ใส่ชุดวันพีซสีดำสั้น สวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ด(เพราะตัวเตี้ย) หันหลังกลับมาแสยะยิ้มตอบ
"อ้าว!! คุณหมอมาร์คนั่นเอง เดี๋ยวฉันจะให้ผู้ช่วยปาร์ค พาไปชมโรงพยาบาล และแนะนำตัวตามแผนกต่างๆนะคะ การประชุมอย่างเป็นทางการจะเริ่มตอนบ่าย 2 แต่วันนี้คุณหมอสามารถเริ่มทำงานได้เลยที่แผนกศัลกรรมประสาท ปีกซ้ายมือของตึกนี้แหล่ะค่ะ หากมีอะไรขาดเหลือสามารถแจ้งผ่านทางคุณปาร์คได้เลย"
"ผมว่า คุยกับคุณเลขาฯมินโดยตรงจะไวกว่า เพราะคุณเป็นคนรู้เรื่องสัญญาดี วันนี้ผมมีตารางตรวจคนไข้ VIP แต่ผมก็สามารถลาป่วยได้ตามสิทธิ์พื้นฐานของลูกจ้างใช่ไหมครับ ถ้าผมไม่ตรวจลูกค้า เอ้ยคนป่วยท่านนี้ ทางโรงพยาบาลคงเสียเครดิตน่าดู" มาร์คยิ้ม แล้วทำเป็นหรีตามองคุณเลขาฯ
"...งืมมมมมมม ฟหกดเสวงงวสาพัคีตรลบยว้สเ" เสียงคำรามแปลก ไม่สามารถจำแนกภาษาหรือความหมายหลุดดังออกมาจากคุณเลขาที่กำลัง ฮึบระงับความโกรธอยู่ นี่เลขาประธานกรรมการผู้บริหารนะนาย ไม่ใช่เจเนอรัลเบ๊ ที่นึกจะใช้อะไรก็ได้ แล้วการข่มขู่แบบนี้มัน .... แบบนี้มัน......
"โอเค ค่ะ คุณหมอมีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ?" เสียงของคุณเลขาฯมินฟังดูไพเราะนอบน้อม หน้าตายิ้มแย้ม แต่แววตาของคุณเลขาราวกับจะกินเลือดคนตรงหน้า แต่มาร์คก็ไม่ได้สนใจ
"คือ ผมอยากให้คุณช่วยเดินเรื่องฝากญาติห่างๆของผมเข้าโรงเรียนมัธยมแถวนี้หน่อย บังเอิญแม่เขารู้ว่าผมจะมาทำงานที่นี่เลยส่งเขามาอยู่ด้วย พอดีเขาทำเอกสารหายไม่มีบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สูจิบัตรอะไรสักอย่าง คงไม่ต้องบอกนะว่าต้องทำยังไง แล้วก็อยากได้เบอร์ของหัวหน้าแผนกจักษุ กับหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมหน่ะ พอดีมีธุระเกี่ยวกับงานวิจัย ผมว่าคุณน่าจะถนัดเรื่องพวกนี้ มากกว่างานเลขาที่ทำอยู่เสียอีก หึ หึ" มาร์คเดาะลิ้น ทำเสียงยียวน พร้อมกับควักสเตท(หูฟัง)ขึ้นมาคล้องคอแล้วเดินจากไป ทิ้งให้คนรับคำสั่งโมโหกระทืบเท้าอย่างขัดใจ
ภายในห้องทำงานส่วนตัวของมาร์ค.....
"อาจารย์หมอมาร์คคะ OPD card กับประวัติของคนไข้พิเศษ ที่จะมาตอนบ่ายโมง นี่จะให้หนูวางไว้ไหนดีคะ ประวัติหนามาก ผ่านมาหลายโรงพยาลหลายหมอแล้วด้วย แถมฟิล์มเอ็กซ์เรย์สมองทั้งเก่าใหม่ ยังมีเยอะอีก? " มิสปาร์ค ผู้ช่วยของเลขาฯมิน กำลังลำเลียงเอกสารหลายอย่างเข้ามาในห้องของเขา
"คนไข้...ชื่อ อิม แจบอมเหรอ... เขาเป็นใคร ใหญ่โตยังไงเหรอ?" มาร์ค กรอก HN ( Hospital number) ของ อิมแจบอม เข้าไปคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน เพื่ออ่านข้อมูล เบื้องต้น และดูรูปคนไข้
" เขาเป็นคนดังของประเทศเลยค่ะ อาจารย์ เป็นทายาทตระกูลอิมที่มีทรัพย์สินมากกว่า GDP ของประเทศเกาหลีของเราเสียอีก บริษัทในเครือตระกูลอิมทำธุรกิจหลายอย่าง มั่งคั่งน้องๆซัมซุงเลยนะคะ ไม่นานมานี้คุณ อิม แจบอมได้รับมรดก ทั้งหมดจากผู้ก่อตั้งตระกูลที่เพิ่งเสียชีวิตไป แล้วทีนี้เหมือนเขามีอาการผิดปรกติทางสมองบางอย่าง ทำให้คนอื่นในตระกูลที่อิจฉาพยายามฟ้องให้คุณ อิม แจบอมเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ เพื่อรับช่วงเป็นผู้อนุบาล ครอบครองทรัพย์สินของคุณอิม ต่ออีกที ทั้งเรื่องฟ้องร้องทางกฎหมายอิรุงตุงนัง กดดันทั้งบนโต๊ะ และใต้โต๊ะ ทำให้ทางตระกูลส่งคุณอิมมารักษาที่โรงพยาบาลของเราที่ได้ชื่อว่า น่าเชื่อถือที่สุดแล้วในตอนนี้ ในประวัติเหล่านี้แพทย์บางรายก็วินิจฉัยว่าคุณอิมมีปัญหาจริง บางท่านก็ให้ความเป็นว่าปรกติดี ใบรับรองแพทย์จะมีผลอย่างมากในคดีนี้ พอแพทย์วินิฉัยอีกอย่างอีกฝ่ายตรงข้ามก็อุทธรณ์กันไปกันมาไม่ยอมจบ แล้วแพทย์ชื่อดังหลายท่านที่เคยรักษาคุณอิม ก็หายตัวไปเฉยๆไม่รู้โดนปิดปากไปหรือป่าว ยังไงอาจารย์หมอมาร์คก็ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะคะ" คุณผู้ช่วยปาร์ค ขนเอกสารอยู่ 2-3 รอบ จนกองสุมเต็มโต๊ะเสร็จ ก็ขอตัวออกไปทำงานต่อ
มาร์คเคาะดูผลการวินิจฉัย ค่า Lab. ในคอมพิวเตอร์ และอาการล่าสุดของคนไข้รายนี้ จนไปเจอว่า....
"Im Jaebum R/O Lycanthropy /Vampiremania unidentified with psychosis " หืม !!!? สงสัยจะเป็นอาการพวกหลอนไปเองคิดว่าเป็นมนุษย์หมาป่า หรือแวมไพร์ โดยไม่ทราบสาเหตุร่วมกับ อาการทางจิต เหรอ? แล้วเคยมีประวัติ สมองได้รับความกระทบกระเทือน หรือ ติดยา อะไรหรือป่าวนะ? อายุ 22 แต่หน้าตาในรูปดูมีอายุกว่าตัวจริงแล้วก็น่ากลัวชมัด ตาขวางขอบตาดำ ดูหงุดหงิดไม่น่าเข้าใกล้ ...ได้ยาอะไรอยู่ตอนนี้บ้างหล่ะเนี่ย ....แล้วนั่นมัน...!!!??
.............................................
To be continue จ้า ^^
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น