ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Just A Beat (KaiBaek)

    ลำดับตอนที่ #7 : ◆ Just A Beat - Part [5]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.78K
      9
      8 เม.ย. 56












    .. Part 5..

     

    แสงสลัวของหลอดไฟข้างทางส่องเข้ามากระทบใบหน้า รถหลายคันในเลนข้างๆก็แล่นเฉียดผ่านรถของเขาไปตลอดทางหนุ่มนักศึกษาใบหน้าคมคายถอนหายใจออกมาเบาๆ ความเหนื่อยล้าเข้ายึดพื้นที่สมองของเขาแล้วสิ

    “วันนี้นี่มันอะไรล่ะเนี่ย เจ็บตัวอีกต่างหาก”

    หลังกลับออกมาจากบ้านของแพคฮยอน จงอินก็บังคับพวกมาลัยไปเรื่อยๆอย่างไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา แม้แต่อยู่คนเดียวก็ยังนิ่งสงบได้ แต่รอยหยักในสมองกลับคดเบียดต่างจากใบหน้าเฉยชา นี่กลับถึงบ้านแล้วเขาจะต้องอธิบายกับพ่อแม่ว่ายังไงกันนะ

     

    จู่ๆเขาก็นึกถึงใบหน้าของคนที่เอาแต่หัวเราะร่าก่อนจากมา ไหนจะข้าวกล่องธรรมดาๆแต่อร่อยนั่นอีก ความคิดซับซ้อนกำลังกลับมลายหายไปเอาง่ายๆ

     

    “นายได้ใช้หนี้ฉันแน่” ใบหน้าคมยกยิ้มน้อยๆกับตัวเอง

     

     

     

    รั้วของบ้านหลังใหญ่เปิดรับให้เขาพารถคันคู่ใจเข้าจอดเทียบที่ประจำอย่างรวดเร็ว จงอินก้าวขาลงมาจากรถเก๋งสีดำที่ความวาววับยังฝังแน่นอย่างเดิม ต่างจากอารมณ์ของเจ้าของมันที่เดี๋ยวก็ขึ้นเดี๋ยวก็ลง พักหลังมานี่ช่างไม่คงที่เอาเสียเลย

     

    “อยู่พร้อมหน้ากันเลยนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายพ่อกับแม่และพี่สาวทั้งสองที่ไม่รู้อะไรดลใจให้มานั่งรวมกันอยู่ในห้องโถงแบบนี้

     

    “แหม กลับบ้านมาเจอกันหน่อยล่ะทักเชียวนะว่าพร้อมหน้า” พี่สาวคนโตสุดเปรี้ยวที่ยังอยู๋ในชุดทำงานเอ่ยขึ้นก่อน

    “ว่าแต่แกเหอะ นั่นหัวไปโดนอะไรมา” พี่สาวคนรองเอ่ยขึ้นบ้างเมื่อสังเกตเห็นบางอย่าง หล่อนก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อขยับแว่นให้หลีกจากสายตาอันเฉียบคม

     

    พ่อกับแม่ก็เอาแต่พยักหน้าเป็นเชิงถามอีกด้วย

     

    “เอ่อ...”

     

     

    “ไหนมาให้พี่ดูซิ”

    “แม่ไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้เลยนะจงอิน”

    “พ่อก็ว่างั้น แอบไปเหลวไหลที่ไหนมารึเปล่า”

     

     

     

    แต่ละคำถามช่างจงใจยิงมาสมทบกับความเหนื่อยเหลือเกินนะ จงอินแอบทำหน้าแหยๆอย่างช่วยไม่ได้

     

     

    “ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ไปช่วยลูกหมาข้างทางมา ก็เลยได้แผลแบบนี้แหละ”

     

     

     

     

     

     

     

    คิมจงอินกลับบ้านไปแล้ว

    แพคฮยอนเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ผ่านสายน้ำเย็นฉ่ำชื่นใจออกมา ร่างกายที่สามารถสูงได้เท่านี้จริงๆนั้นทิ้งตัวลงไปบนเตียงแรงๆด้วยความเหนื่อยล้า แต่รอยวีรกรรมที่ผ่านมากลับประท้วงขึ้นผ่านความเจ็บปวด

    “โอ๊ย!

     

    แพคฮยอนร้องลั่นพลางงอตัวบนที่นอนทันที แอบก่นด่าตัวเองว่าท่าจะไม่เอาไหนจริงๆ ดูรอยช้ำตรงขากับหลังสิทำไมไม่ระวังเลยนะ

     

    “เจ็บชะมัด”

     

    หนุ่มวัยรุ่นตอนปลายที่ยังเฮ้วไม่หายจู่ๆก็คลายแขนขาออกนอนหงายมองเพดานห้อง ความเงียบชวนให้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ข้องใจตัวเองไม่หาย ตอนนั้นที่จงอินเข้ามาแย่งกระเป๋าคืน เขาคงไม่ถูกผู้ชายด้วยกันหอมแก้มหรอกใช่ไหม ก็แค่หันไปเจอะกันพอดี ไม่น่าหรอกมั้ง

    “อืม .. ไม่หรอกมั้ง แค่ใกล้ล่ะน่ะ” ใบหน้าขาวๆพลิกแนบลงไปกับหมอนใบใหญ่ ดวงตาทั้งคู่หลับลงพลางนึกคำนวณถึงระยะห่างระหว่างแก้มตัวเองกับจมูกของคนๆนั้นที่ไม่รู้ว่าจะตีตัวเลขออกมาได้กี่มิลลิเมตรกัน  

     

    ขณะที่พลั้งเผลอไปกับความนึกคิดของตัวเอง ภาพตอนนั้นก็วกกลับมาในความคิดอีกครั้ง เขาสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อจิตสำนึกตื่นตัวขึ้นมา แพคฮยอนยกมือยีหัวตัวเองไปมาหลายครั้ง

     

    “บ้าแน่ๆเลย ให้ตายสิ จะหาสาวคนใหม่ควงไปเย้ยยัยนั่นแล้วนี่กูดันถูกผู้ชายด้วยกันหอมแก้มเหรอวะ ... โอ๊ยยยยยยย ไม่ๆๆๆ แค่บังเอิญ แค่มันซวย!!!

     

    ไม่หรอก ไม่มีทาง

     

    แล้วหากทุกอย่างผิดเพี้ยนไป ใครล่ะจะรับผิดชอบใจหัวใจอันแสนอ่อนหัดกันนะ

     

     

      

     

     

     

    “เฮ้ย!!! จงอิน หัวนายไปโดนอะไรมาวะ”

     

    เสียงของหนุ่มเนื้อหอมตะโกนมาแต่ไกลเมื่อเห็นแผ่นอะไรขาวๆแปะไว้ที่ด้านหนึ่งของศีรษะเพื่อน จงอินเงยหน้ามองลู่หานที่กำลังก้าวเร็วๆมายังเขาซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะโล่งภายในมหาวิทยาลัย เขามองเพื่อนอีกคนที่เดินตามติดมาด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย มินซอกที่ทำหน้าหน่ายๆอยู่พอเห็นหัวของจงอินก็พลอยทำหน้าตกใจไปด้วย

    “จงอิน นายไปโดนอะไรมา”

    “เออๆๆ ใจเย็นๆไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”

    “ไม่มากได้ไงวะ”

    “แล้วนายจะตะโกนทำไมเล่าลู่หาน” จงอินบอกอย่างเหนื่อยใจ ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะนั่งลงแล้วเขาจึงค่อยๆปริปากเล่าไปตามระเบียบ

     

    หลังจากที่ฟังจบ คำถามแรกของเพื่อนรักทั้งสองกลับไม่ใช่เรื่องเป็นห่วงหรืออะไรเลย

    “แพคฮยอนเหรอ คนนั้นน่ะเหรอ หน้าตาเป็นไงวะ” ลู่หานถาม

    “ก็ธรรมดานี่แหละ จะถามทำไมเนี่ย”

    “ก็อยากรู้นี่หว่า”

    “เออ ไว้เจอก็รู้เองแหละ .. อ้อ จริงๆเค้าเป็นเด็กโรงเรียนเราด้วยนะ เมื่อตอน ม.ปลาย”

    “อ้าวเหรอ ห้องไหนล่ะ” มินซอกถามบ้าง

    “ก็ ไกลจากห้องเราอยู่นะ ห้องไหนไม่รู้หรอก ไม่ได้ถาม”

    “อ้าว แล้วทำไมไม่ถาม” ลู่หานเสริม

    “พอเลยๆพวกนาย จะเอาอะไรนักหนา” จงอินทำหน้าหน่ายๆก่อนจะยกมือจับๆที่ผ้าปิดแผลบนหัว ลู่หานเห็นแล้วด้วยความเป็นห่วงจึงยื่นมือเข้าไปจับบ้าง

     

    “อะ โอ๊ย .. เจ็บนะ” จงอินร้อง

    “ขอโทษๆ ก็ไม่รู้นี่หว่า แค่เป็นห่วงน่ะ” ลู่หานทำหน้าสลด

    “นายนี่นะ โง่จริงๆ” มินซอกแขวะเข้าให้ก่อนจะถามไถ่จงอินต่อไปอย่างเป็นห่วง เล่นเอาสายตาคนถูกเมินได้แต่มองอย่างหมั่นไส้อยู่ในใจ

    “ใช่ซี้ ฉันมันโง่นี่หว่า”

    “ว่าไงนะลู่หาน” มินซอกหันมาถาม

    “เปล๊า ... ก็แค่ คิดว่าตัวเอง คงมีดีแค่หน้าตา”

    “แหวะ ด่าหรือชมตัวเองกันแน่เนี่ย”

     

    จงอินนั่งมองเพื่อนสองคนเถียงกันไปกันมาในแบบที่เคยชิน ลู่หานก็ยังเป็นลู่หาน ส่วนมินซอกก็ยังเป็นพวกไม่รู้เนื้อรู้ตัวอะไรเลย

     

    ชายหนุ่มก้มหน้าลงเปิดดูตารางงานแต่ละชั่วโมงที่โน้ตเอาไว้ดูคร่าวๆ สักพักก็คงได้เวลาเปลี่ยนผ้าปิดแผลแล้ว จงอินนั่งรอเวลาเพื่อจะไปเรียนในชั่วโมงของตัวเอง ระหว่างที่มองไปด้านหน้าเพื่อพักสายตาก็เจอใครบางคนที่เดินอยู่ไกลๆ

     

    แพคฮยอนเดินก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือก่อนจะเงยขึ้นเดินไปตามปกติด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อะไร สาวๆกลุ่มไหนน่ารักหน่อยเดินผ่านมาก็มองตามจนเหลียวหลังอย่างทุกที ท่าทีพวกนี้กำลังอยู่ในสายตาของจงอินที่นั่งมองอยู่ไกลๆ

     

    “อยากเห็นเหรอ มานั่นแล้วไง” จงอินบอกเพื่อนอีกสองคนให้ทำหน้าสงสัยไปตามระเบียบว่ากำลังพูดถึงใคร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรไปหาคนที่ตัวเองกำลังมองอยู่

     

     

     

    “โทรมาอะไรแต่เช้าวะเนี่ย” แพคฮยอนบ่นอุบเมื่อเห็นเบอร์ ก่อนจะกดรับอย่างเสียไม่ได้

    “ฮัลโหล”

    “เดินตรงมาอีกหน่อยสิ ลานหน้าหอประชุมน่ะ”

     

    แพคฮยอนทำหน้างุนงงกับสิ่งที่ได้ยินมาจากปลายสาย ก่อนที่มันจะหลุดไป

    “ดะ เดี๋ยวนะ ให้เดินไปไหนนะ .. อ้าว เฮ้ย”

     

    ว่าแต่นี่หมอนั่นมันสั่งเรางั้นเหรอ

     

    คิดได้อย่างนั้นแต่ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวไปตามคำสั่งเสียแล้วสิ

     

     

     

     

    “หวัดดีพยอนแพคฮยอน”

    จงอินเอ่ยทักทายคนมาใหม่ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของพวกเขา

    “อืม” แพคฮยอนยืนยิ้มเล็กน้อยไปเผื่อเพื่อนของอีกด้วย คนที่เขาจำได้ดีว่าเป็นคนในกลุ่มเพื่อนลูกคนรวยทั้งหลายของจงอิน

    “นั่งก่อนสิแพคฮยอน ได้ข่าวว่าแต่ก่อนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเราเหรอ” ลู่หานเป็นฝ่ายเอ่ยออกไปด้วยความอยากรู้ตามประสาคนมีอัธยาศัย อัธยาศัยในแบบที่มินซอกได้แต่ยิ้มอยู่ข้างๆ

    “อ๋อ ใช่ ทำไมเหรอ”

    “เปล่าๆ เห็นรู้จักกับจงอินเมื่อวันก่อน โลกกลมเนอะ ว่าแต่นายอยู่ห้องไหนล่ะ” ลู่หานทำหน้าอยากรู้ แต่แพคฮยอนกลับได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ มินซอกที่เป็นพวกอ่านบรรยากาศออกจึงแอบดึงชายเสื้อเพื่อนเอาไว้

    “ก็ ห้องสุดท้ายน่ะ” แพคฮยอนตอบเบาๆ

    “งั้นเหรอ โชคดีจังนะ เด็กห้องพวกนายสอบติดกันด้วย” ลู่หานพูดไปยิ้มไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับแพคฮยอนเขาไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตัวเองจะหดเล็กลงไปเท่าไหร่แล้ว ทำไมจะต้องมาโดนดูถูกต่อหน้าคนพวกนี้ด้วยนะ เห็นเขาเป็นตัวตลกหรือยังไง

     

    “นี่คุยกันเสร็จยัง ได้เวลาเปลี่ยนผ้าปิดแผลของฉันแล้ว”

    จงอินลุกพรวดขึ้นทันที มือหนึ่งของเขาคว้ากระเป๋าเอาไว้แล้วเดินไปจับแขนของแพคฮยอนให้ลุกขึ้นตาม

    “พวกนายไม่ต้องรอนะ ไว้เจอกัน” หันไปบอกเพื่อนเสร็จชายหนุ่มก็ดึงอีกคนให้เดินตามเขาไป

     

    “เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิ” ลู่หานมองตามทั้งสองพลางร้องเรียกอย่างไม่เข้าใจว่าปุบปับจะไปก็ไป

    “รู้ตัวบ้างเหอะนายน่ะ”

    “อะไรล่ะมินซอก”

    “คิดเอาเอง” ว่าแล้วมินซอกก็เป็นฝ่ายลุกเดินออกไปจากตรงนี้อีกคน ทิ้งให้ลู่หานขมวดคิ้วมากกว่าเก่า ก่อนจะวิ่งตามไปเพื่อจะเอาคำตอบจากอีกฝ่าย

     

     

     

     

     

    “เหนื่อยแล้วนะ หยุดเดินทีได้มั้ย!

    แพคฮยอนถึงขั้นต้องตะโกนออกมาดังๆแล้วสะบัดแขนตัวเองออก จงอินหยุดเดินแล้ว ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่ขอบสนามฟุตบอลใกล้ๆกับสแตนเชียร์ขนาดใหญ่

    “นายลากฉันมาทำไม”

    “ก็แล้วอยากอยู่ตรงนั้นรึไง”

    “มีอะไรให้ต้องกลัวล่ะ”

    “ทำหน้าแบบนั้นคิดว่าฉันดูไม่ออกรึไง น่าสมเพชชะมัด”

    “วะ ว่าไงนะ”

     

    แพคฮยอนตวัดตาจ้องจงอิน แต่อีกฝ่ายก็แค่ไม่โต้ตอบอะไร

     

    “ก็ เรื่องธรรมดา คนเก่งๆอย่างพวกนายก็ดูถูกพวกฉันอยู่แล้วล่ะนะ”

    “เพื่อนฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่มันชอบพูดอะไรไม่คิด” จงอินบอกไปตามตรง

    “แล้วไง ทีนายยังพูดเลยว่าน่าสมเพช”

    “ก็มันไม่ถูกรึไง ทำหน้าแบบนั้น ทำท่าเฉยๆให้มันถาม”

    “...........”

    “ปกติก็เก่งออกนี่ ที่แบบนี้ไม่โต้ตอบอะไรใครเค้า ทีกับฉันล่ะโวยวายตลอด”

     

    “โอ๊ย......” จงอินร้องขึ้นเมื่อถูกแพคฮยอนผลักจนเซไปชนกับขอบแสตนเชียร์

    “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ

    “ก็บ้าไงวะ .. ฮึ่ย!” แพคฮยอนหันหลังเดินหนีจงอินออกมาด้วยความโมโห

    “หัวฉันเป็นแผลเพราะใครกัน ลืมแล้วรึไง กลับมานี่เลยนะ” จงอินตะโกนไล่หลังแพคฮยอน แต่ความโมโหมันไม่ได้หายกันง่ายๆหรอก

     

    จงอินนั่งอยู่คนเดียวที่ชั้นล่างสุดของโครงเหล็กกว้าง พอแพคฮยอนหายไปเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ารอบข้างแทบไม่มีใครเลย อากาศออกจะดีแท้ๆแต่อารมณ์มันดันเสียไปแล้ว คิดแบบนั้นก็ตกใจตัวเองไม่น้อย ปกติแทบจะไม่มีเรื่องไร้สาระที่ไหนมาทำอะไรเขาได้เลย

    “นายมันไม่ได้เรื่อง”

    ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าออกหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา คนไม่เอาไหนคนนั้นมาทำให้ชีวิตของเขาต้องปั่นป่วนอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก .. นิ่งไว้จงอิน

     

     

    ทางด้านคนที่ผลุนผลันออกมาก็คุกรุ่นไปด้วยความโกรธ

    “โคตรโมโหเลยว่ะ ตัวเองเอาไหนนักรึไงวะ ทำมาเป็นแบบนั้นแบบนี้ ถ้าหวังดีแล้วทำไมไม่ช่วยล่ะ เก่งแต่กับฉันรึไงไอ้บ้านี่” แพคฮยอนพูดกับตัวเองตลอดทาง จนประโยคท้ายนั่นแหละที่เพิ่งรู้ว่าแอบผิดหวังเข้าอีกแล้ว

    “โอ๊ย!” ขาเล็กที่ยังช้ำๆอยู่ดันสะดุดก้อนหินขอบสนามจนล้มนั่งลงไปกับพื้น ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกแต่เจ็บใจมากกว่า พอเปิดดูรอยช้ำต่างๆก็หวนนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่อีกฝ่ายทายาให้ ที่สำคัญ เขาเจ็บแค่นี้แต่ไอ้บ้านั่นคงเจ็บกว่าหลายเท่า

     

    ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในหัวของตัวต้นเหตุอีกครั้ง เมื่อกี้จงอินบอกเรื่องเปลี่ยนผ้าปิดแผล คิดๆไปก็กลับไปดีกว่า แต่มันก็เสียฟอร์มเหมือนกันนะ เอาไงดีล่ะ

     

     

     

     

     

    “ทำไมมันไม่อยู่ล่ะ ติดยากเหมือนกันแฮะ” จงอินก้มลงเก็บเทปใสที่ติดไม่ถูกที่เสียทีเลยหล่นลงมาตลอด ดีนะไม่ค่อยมีคนแถวนี้ น่าอายจริงๆ

    “ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ คนอะไรใจดำไม่พอยังมาใช้กำลังกันอีก”

     

     

    “ถ้าใจดำคงไม่กลับมาหรอก!

    เสียงของแพคฮยอนดังขึ้นด้านหลัง จงอินหัวขวับมาทันที

    “นาย”

    “เออสิ .. ฉันเป็นต้นเหตุ เพราะงั้นจะช่วยก็ได้” ว่าแล้วก็นั่งแปะลงข้างๆด้วยใบหน้าบูดบึ้งทันที จงอินไม่ลืมสังเกตขากางเกงของอีกฝ่ายหรอกว่ามันเปื้อนดินกับเศษหญ้า

    “นี่อย่าบอกนะว่าไปล้มมาอีก”

    “อ่ะ อ้อ เปล่าๆ .. แค่ สะดุดนิดหน่อย”

    “ซุ่มซ่าม”

    “ไอ้บ้า” แพคฮยอนฟาดมือลงไปที่หน้าขาของจงอินอย่างแรง

     

    “เฮ้ยจะบ้าเรอะ นายนี่มันบ้าจริงๆด้วย เอะอะก็ใช้กำลัง”

    “ก็นายมันปากไม่ดีเอง”

     

     

    จงอินไม่อยากจะเถียงกันไปกันมาไร้สาระจึงเลือกที่จะเงียบเสียเอง

     

     

     

     

    ระหว่างที่หันหน้าเข้าหากันโดยมีแพคฮยอนเอื้อมมือขึ้นปิดแผลให้ จงอินก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร สายตาคมลอบมองใบหน้าขาวๆที่กำลังตั้งใจอยู่เงียบๆ

     

    เวลาไม่อ้าปากก็ดูปกติดีนี่หว่า คนอะไรโหวกเหวกเป็นงานประจำรึไง

     

    จงอินคิดในใจพลางมองแพคฮยอนจนเพลินไปเลย

    “โทษนะ มองไม่เห็นอ่ะ”

    แพคฮยอนว่าแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้กว่าเก่า เล่นเอาคนที่เผลอคิดนอกเรื่องไปต้องขยับนั่งตัวตรงแล้วกันหน้าไปอีกทาง จงอินเห็นว่าอีกฝ่ายมัวแต่สนใจเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้เขาจึงค่อยๆหันกลับมามองใบหน้าที่ห่างกันแค่คืบ

    “ยังไม่ได้ขอบใจเลยที่มาช่วยบังท่อนไม้แทนฉัน ถ้าไม่ได้นายคนที่เลือดออกหรือดีไม่ดีอาจเจ็บกว่านี้ก็คงเป็นฉันไปแล้ว” แพคฮยอนเอ่ยไปพลางทำหน้าที่ไป หารู้ไม่ว่าคนฟังจะลอบยิ้มออกมานิดหน่อย

    “ไม่เป็นไร”

    “ถามจริงเหอะ สมัยที่อยู่โรงเรียนน่ะ ภาพลักษณ์คนดีมีน้ำใจของนายเนี่ย มันแกล้งทำหรือจริงๆแล้วนายเลือกปฏิบัติกันแน่” แพคฮยอนที่ตาจดจ้องอยู่กับแผลกำลังพูดไปด้วยโดยไม่ได้สบตากับคนตรงหน้า

    “จะรู้ไปทำไม”

    “ก็เปล่าหรอก แค่ข้องใจนิดหน่อย”

    “ข้องใจหรือน้อยใจที่ฉันไม่เคยพูดดีกับนายกันแน่” คนฉลาดกว่าเปลี่ยนเรื่องในทันที และปากของจงอินก็พาลให้บรรยากาศดีๆระหว่างกันเสียไปหมด

    “จะบ้ารึไง .. ใช่ซะที่ไหนล่ะ!” แพคฮยอนตกหลุมเสียแล้ว เลยรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่เรียวหลุบลงมาสบกันกับตาคู่นั้น

     

    ในอกเหมือนใจมันเต้นตึกตักที่จู่ๆมีใครมาแอบล่วงรู้บางอย่าง ก็แต่ก่อนคนมันเคยชื่นชมนี่นะ แต่ไอ้น้อยใจอะไรเทือกนั้นใครมันจะไปรู้สึกกันเล่า

     

    แพคฮยอนหลบสายตาจงอินแล้วรีบๆปิดแผลให้เสร็จ ส่วนอีกคนน่ะเหรอ แม้จะเงียบตามสูตรแต่คิดอะไรในใจใครเลยจะไปรู้

     

     

    พยอนแพคฮยอนคนโง่ก็ยังเป็นอย่างเดิม แม้จะเถียงกับความรู้สึกตัวเองบ้างแต่เขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะปล่อยให้มันเป็นไปตามหัวใจ ดีมาก็ดีกลับ เห็นว่าดีก็นึกชอบ ไม่พอใจ นึกอยากเกลียดก็เกลียด

    ส่วนคิมจงอินที่ฉลาดหลักแหลม รู้จักการแสร้งทำ กับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่นึกจะแยแส แต่เวลานี้เมื่อต้องมาเจอกับคนที่เขามองติดลบมาตลอด ..

     

    .. และเมื่อบางสิ่งมันเริ่มจะผิดเพี้ยนไปนิดๆ  น้อยนิดเสียจน  ไม่ได้เอามา  ใส่ใจ

     

     

     

     

    เสียงนักศึกษาหลายคนในบริเวณนี้เริ่มเงียบไปบ้างแล้ว เพื่อนรักทั้งสองที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจ

    “เซฮุนทำไงดีวะ แล้วนี่มึงโทรติดยัง” คยองซูเซ้าซี้เพื่อนขณะที่ยืนอยู่หน้าบอร์ดย่อยใต้ตึกคณะตัวเอง

    “ยังไม่ติดเลย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แล้วนี่สายป่านนี้หายไปไหนไม่รู้ ฉันว่าเราไปเรียนรอมันเหอะ” เซฮุนว่า

    “เฮ้อ ..”

     

     

     

     

    “แล้วนี่จะทำไงดี คะแนนดิ่งซะขนาดนี้ แกตายแน่ๆแพคฮยอน”

     

     



     

     

     

    .

    .

    Tbc.part6

     

     

     




     

    พาร์ทนี้ก็มาไม่ยาวนะคะ ปั่นมาแบบจุกตูดเลยทีเดียว สัญญาว่าพาร์ทหน้ามาเต็มกว่านี้แน่ ;_____;

    ใบ้ให้นิดค่ะว่าเรื่องนี้ไม่จบแค่ที่พาร์ท7อย่างที่คำนวณไว้แต่แรกแน่ๆ เรื่องวุ่นๆตามประสาวัยรุ่น(?)กำลังดำเนินไปเรื่อยๆค่ะ ฟิคเรื่องนี้อาจไม่เข้าคอนเซปท์พระเอกปากร้ายกับนายเอกตัวแสบซักเท่าไหร่ (หือ? .. ไม่ใช่และ== ) แต่ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ

     

    ฟิคลบเหลี่ยมความแมนของอิแบคลูก  #เดี๋ยวนะ 555555

     

    ปล.อย่างเคยค่ะ อาจลงช้าไปบ้างเพราะลงอีกเรื่องควบกันอยู่ แต่อาจช้าขึ้นอีกหน่อยเพราะช่วงนี้กำลังรวมเล่ม Lonely Flower (ChanBaek) ใครสนใจลองไปอ่านได้นะคะ ^^ // หลังจากเมษาไป Just A Beat คงมาเต็มกว่าเก่าค่ะ และเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ มี KaiBaek แบบดราม่าน้ำเน่าละครไทย มาให้อ่านกันแน่นอนค่ะ เตรียมไว้แล้ว ถ้าใครชอบนะ อิอิ^^

     

    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ทุกกำลังใจสำคัญมากจริงๆ ((_ _))!!

     
    เจอกันพาร์ทหน้าคร่า ~~






     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×