ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Just A Beat (KaiBaek)

    ลำดับตอนที่ #13 : ◆ Just A Beat - Part [11]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.76K
      13
      7 ส.ค. 56








    Pairing : Kai x Baekhyun
    ft. LuMin , HunSoo



    *ฟิคเรื่องนี้ไม่มีจุดพีคค่ะ (คิดว่านะ) มันเรื่อยๆ และ เรื่อยๆ (?)
    ส่วนเพลงประกอบในตอนนี้ จริงๆเป็นทางฝั่งพระเอกนะคะ อิอิ
    #NowPlaying !!  Instinct - ทำไมต้องเธอ 











    130730

    .. Part 11 ..







     
     


     

    “มึงไม่เห็นต้องมาส่งเลยเซฮุน มันดึกมากแล้วนะ”

     

    คนตัวเล็กเงยมองหน้าหวานๆของเพื่อนสนิทหลังจากที่ไปขลุกอยู่ห้องของอีกฝ่ายจนดึกดื่น คยองซูขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบใจแต่อีกคนกลับยิ้มเสียจนตาหยี คยองซูมองใบหน้านั้นด้วยสายตาละห้อย ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้นะ เป็นผู้ชายรึเปล่านะ

     

    “หยุดยิ้มได้แล้ว อย่ามาทำหน้าตุ๊ดแถวนี้นะ”

    “อะไรเล่า ก็เพราะมันมืดไงเลยมาส่ง”

     

    คืนนี้คยองซูไม่ได้ค้างกับเซฮุนที่หอพักอย่างเมื่อคืน เขากลับบ้านในเวลาดึกดื่นแต่อีกฝ่ายก็ยังจะมาส่งให้ได้ ไม่ได้นึกเลยว่าตัวเองจะต้องนั่งรถเมล์กลับไปอีก ทำอะไรไม่คิดเลย

     

    “เดี๋ยวมึงก็ต้องกลับไปอีก ไม่ขี้เกียจรึไง”

    “ก็ขี้เกียจอยู่นะ”

    “แล้วมาทำไม”

    “ก็เป็นห่วงไง”

    “... เหรอ ดีใจชะมัด”

    “แล้วถามทำไม”

    “ก็ห่วงมากกว่าน่ะสิ กลับหอดึกๆแบบนี้ หยิ่งเหม่อๆเซ่อๆอยู่ด้วย เกิดถูกผู้ชายที่ไหนฉุดไปจะทำไง” คยองซูเผลอทำหน้าเป็นห่วงเซฮุนเอามากๆจนดูไม่ปกติ

    “จะบ้าเหรอ ใครจะมาฉุด”

    “ก็มึงน่ารักซะขนาดนี้”

    “ฮ่าฮ่าฮ่า ....”

    “หัวเราะอะไร” คยองซูหน้างอทันทีที่ถูกหัวเราะ

    “งั้นก็เจ๊ากันนะ มึงกลัวกูโดนฉุด ส่วนกูมาส่งมึงก็เพราะกลัวโดนอุ้ม โอเคนะ เสมอกันละ”

    “พ่อมึงสิ ... ใครจะทำแบบนั้นเล่า”

    “อ้าว ทำไมล่ะ มึงน่ารักจะตายไป ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนมึงนี่คงทำไปแล้วมั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า”

     

    เซฮุนหัวเราะด้วยเสียงที่คยองซูชอบบอกว่าอย่างกับเป็ด ชายหนุ่มยิ้มตาหยีพลางยกมือทั้งสองขึ้นยืดเส้นยืดสายไปมาในอากาศ ไม่ได้สนเลยว่าไอ้ท่าทางเอื่อยๆแบบไม่คิดว่าตัวเองพูดอะไรออกมานั้นจะทำเอาคนฟังต้องหมั่นไส้มากกว่าจะได้อาย

     

    “เฮอะ .. กูเกลียดมึงจังเซฮุน”

    “เอ้า ทำไมล่ะ คยองซูอ่า .....” ร่างสูงโปร่งเดินตามคนตัวเล็กที่ก้าวไวๆนำหน้าไป เซฮุนไม่รู้หรอกว่าคยองซูโกรธอะไรอีก ก็เป็นแบบนี้ประจำ เขาที่มักจะเอื่อยๆเฉื่อยๆบ้างหรือบางทีบทจะเด็ดขาดก็ไม่สนใคร ต่างกับคยองซูที่เป็นคนเอาจริงเอาจัง

     

    “คยองซูอ่า โกรธที่มาส่งเหรอ”

    “ไม่รู้เว้ย”

    “อ่า .. งั้นให้กูนอนกับมึงสิ”

    “เฮ้ย! ไอ้บ้านี่” ร่างเล็กหันมาร้องใส่เสียงดัง

    “ทำไมเล่า”

    “ปะ เปล่าเว้ย” คยองซูเผลอตกใจกับคำพูดกำกวมของเซฮุน ทั้งที่อีกฝ่ายจะหมายถึงว่าค้างที่บ้านต่างหาก

    “ทำไมเล่า แต่ก่อนยังมาค้างบ่อยๆ”

    “ช่างเหอะน่ะ”

     

    ว่าแล้วก็เดินนำเพื่อนออกไป เซฮุนยิ้มน้อยๆที่มุมปาก แตกต่างกับท่าทางไม่รู้เรื่องเมื่อกี้จริงๆ

     

     

     

    “แพคฮยอนมันกลับมาบ้านยังวะ แวะบอกหน่อยดีกว่ามั้ยเรื่องคะแนนรายงาน” คยองซูถามที่ขณะที่เดินข้างกันไปตามถนน

    “พรุ่งนี้คงรู้ แต่ติดประกาศตอนเย็นแบบนั้นคงมีคนรู้แล้วล่ะ”

    “หาคนติวให้ไม่ผิดคนจริงๆ”

    “นั่นสินะ”

    ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆตามถนนแคบๆที่ตรงไปอีกจะพบเนินทางเดินเข้าไปยังละแวกบ้านที่เรียงติดกันหลายหลัง บ้านของคยองซูเป็นร้านขายขนมที่อยู่ก่อนถึงบ้านของแพคฮยอน ใช้เวลาเดินสิบนาทีก็ถึง

     

    แต่แล้วทั้งสองที่เดินไปตามทางก็ต้องพบบางอย่างตรงหน้า เซฮุนรีบรั้งให้คยองซูหลบมาข้างเสาไฟฟ้าเก่าๆ คนตัวเล็กกว่าไม่ขัดอะไรเพราะเข้าใจดี

     

    “แพคฮยอนมันมากับใครวะ”

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ทั้งสองตรงไปที่ผับด้วยกัน ผู้จัดการจอมจู้จี้คนเดิมก็ต่อว่าแพคฮยอนไม่ยั้งเพราะมาทำงานสาย แต่พอแม้ชานยอลทำท่าสบายๆแล้วบอกว่าไปกับเขาเท่านั้น อีกฝ่ายก็ได้แต่เงียบ ถึงอย่างนั้นก็ยังแอบส่งสายตาดุๆมาให้เขาอยู่ดี เขาเองเลยไม่รู้ว่าจะซวยไปถึงไหน

     

    “ขอบคุณมากนะครับคุณชานยอล ที่จริงไม่ต้องมาส่งก็ได้”

     

     

     

    แพคฮยอนยืนพูดกับชานยอลที่หน้ารถสปอร์ตคันสวยที่เมื่อกลางวันเกือบได้ทำเขาดับไปแล้ว ร่างเล็กยิ้มเจื่อนๆให้คนตัวสูงที่เอื้อมมือมาตบปุๆลงทีบ่าของเขา

     

    .. เหอะๆ เบาๆสิเฟร้ย

     

    “ไม่เป็นไรๆๆๆ เนี่ย ตอนนายเลิกงานฉันก็จะกลับพอดี ที่สำคัญ ......” ชานยอลเว้นประโยคสุดท้ายไว้ เขาเบิกลูกตาโตๆของตัวเองขึ้นให้มันโตกว่าเดิมแล้วทำหน้าเหมือนกำลังจะให้ของขวัญกับเด็กน้อยยังไงยังงั้น ร่างสูงมุดหัวลงไปในเบาะหลังแคบๆแล้วพยายามดึงเอาอะไรสักอย่างออกมา

     

    แพคฮยอนได้แต่ทำหน้าเอือมๆเพราะไม่บอกก็รู้ว่ามันคืออะไร

     

    ... เหี้ยแล้วไง ก็กูบอกแล้วไงว่ากูไม่เอา โอ๊ย

     

    ร่างสูงดึงเอาตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวใหญ่เกือบเท่าคนออกมาอุ้มไว้ มันบังเขาจนมิดจึงต้องเอียงคอออกมาหาคนตรงหน้าแทน

     

    “แอ่น แอ๊น ... นี่ไงล่ะ ถ้านายกลับเองจะเอากลับบ้านมาได้ยังไง”

     

    .. ก็เพราะกูจะไม่เอาไงเว้ย โถ่เอ๊ย!

     

    “เอ่อ ผมว่าผมไม่....”

    “ไม่ดีๆๆๆ รับไว้เถอะๆๆ เชื่อฉันสิ เห็นว่าหน้าเหมือนนายอ่ะ แล้วซื้อมาแล้วด้วยอ่ะ เอาไว้เหอะๆ”

    “แต่ผม”

    “เหอะน่า” ชานยอลยื่นตุ๊กตาหมีสีชมพูให้ แพคฮยอนแอบทำหน้าขัดใจ เขาคิดว่าถ้าจะให้จบก็คงต้องรับไว้นั่นแหละ ให้ตายสิ ไม่น่าพาแวะร้านตุ๊กตานั้นเลยจริงๆ

     

    ร่างเล็กรับมันมาอุ้มเอาไว้ แพคฮยอนรู้สึกว่ามันหนักจนเขาเกือบจะเซ ต้องรีบวิ่งเข้าบ้านเร็วๆแล้วล่ะไม่อย่างนั้นได้อายคนตายเลย

     

    “นั่นไงล่ะ เหมาะกับนายจริงๆ” ชานยอลยิ้มกว้าง แต่แพคฮยอนไม่เห็นมันหรอกเพราะตุ๊กตาตัวใหญ่กว่าเขามันบังข้างหน้าจนมิด

    “ขะ ขอบใจมากนะครับ งั้นผมกลับก่อนล่ะ”

    “โอเค ไว้เจอกันนะ บาย”

     

    ชานยอลขึ้นรถด้วยท่าทางเท่ๆแล้วเหยียบคันเร่งแล่นฉิวออกไปอย่างรวดเร็ว แพคฮยอนหันข้างไปมองรถสปอร์ตสีขาวที่แล่นห่างออกไปแล้วเฉี่ยวเข้ากับรถขนปลาที่จอดไว้หลังร้านอาหารเล็กๆ ดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รถของชานยอลจึงแล่นต่อไปจนลับตาเขา

     

     

     

    “เฮ้อ ... อะไรวะเนี่ย ฮึบ!

     

    แพคฮยอนหันกลับจะเดินไปที่บ้าน ตอนนั้นเองที่เพื่อนรักทั้งสองปรากฏกายขึ้นพอดี

    “ว้าวๆๆๆๆ มากมายนะมึง นั่นใครวะ” เสียงเป็ดๆของเซฮุนแซวขึ้น

    “พวกมึงมาได้ไง”

    “มาส่งคยองซูน่ะ”

    “ดีเลย ช่วยกูแบกกลับหน่อยสิ” แพคฮยอนไม่ตอบอะไร เขารีบดันตุ๊กตาให้เซฮุนทันทีโดยไม่ถาม

    “เฮ้ย .. หนัก”

     

     

     

    แพคฮยอนปล่อยให้อีกคนอุ้มแทนเขาแล้วจึงกันมาหาอีกคนแทน

    “ว่าไงมึง กลับบ้านซะดึก”

    “เรื่องของกู ทำหน้าแบบนั้นทำไม” คยองซูว่าแล้วก็หลบตาแพคฮยอนที่ดูเหมือนจะทำหน้ารู้ดีในบางอย่าง

    “ก็คิดว่าจะค้างห้องมันอีกแล้ว หรือว่า มันทำอะไรมึง....”

    “แพคฮยอน เอาอีกแล้วนะมึง!” คยองซูโมโหที่ถูกแกล้ง เขามองไปยังอีกคนที่ตอนนี้คงไม่ได้ยินอะไรนอกจากพยายามไม่ให้ตุ๊กตาตัวใหญ่ทับจนล้ม ใบหน้าน่ารักรีบหันกลับมาหาไอ้เพื่อนตัวแสบแล้วเอาคืน

    “ว่าแต่มึงเหอะ นั่นใครวะ”

    “ใคร อ๋อ .. หลานเจ้าของผับน่ะ”

    “งั้นเหรอ เค้ามาส่งทุกวันสิท่า”

    “จะบ้ารึไง นี่ครั้งแรก แล้วก็คงครั้งเดียว”

    “ไม่จริงอ่ะ .. แล้วนั่นอะไร คนเราเค้าให้ตุ๊กตากันเหรอวะ แม่งพวกกูไม่ได้โง่นะเว้ย ....” คยองซูว่า

    “ใช่ๆๆๆ” เซฮุนตะโกนเห็นด้วย

    “ไม่ใช่แบบนั้น”

    “แพคฮยอนอ่า ... แล้วจงอินของนายเค้าไม่ว่าเหรอ”

     

    แพคฮยอนจิ๊ปากอย่างขัดใจอีกครั้ง นี่เขาเจอปาร์คชานยอลก็ว่ามากแล้ว ยังจะได้ยินชื่อคนๆนั้นอีก แล้วไหนจะเพื่อนบ้าๆที่เอาแต่แกล้งกันแบบนี้

     

    “โว้ยยยยยยยย .....”

     

     

     

     

     

    หลังจากที่แยกกับเพื่อนแล้วชายหนุ่มจึงทิ้งตัวลงบนที่นอนในห้อง เขามองตุ๊กตาหมีสีชมพูหวานแหววจนน่าขนลุกซึ่งวางเอาไว้ที่มุมห้อง แพคฮยอนมองไปที่เป้ของตัวเองบ้าง

    “เอาไงดีวะ มะรืนนี้แล้วสิ ไปดีมั้ยวะ แต่ไม่อยากเจอ ไม่อยาก ...........”

     

    แพคฮยอนหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ เขากลับมารับความรู้สึกแบบนี้เอาไว้อีกครั้งแล้ว ต้องทำยังไงดี

     

    ทันทีที่คิดภาพของคนๆนั้นก็ผุดเข้ามาในหัว แพคฮยอนรีบลืมตาขึ้นพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา เขารีบก้มดูหน้าจอแล้วก็ต้องชะงักไป ไม่ใช่เพราะตกใจอะไรแต่กำลังใจเต้น

    “ตายยาก .......”

     

     

    “มีอะไร”

    “นอนรึยัง”

    “นอนบ้าอะไร เพิ่งกลับถึงบ้าน”

    “เหอะ .. มันคงไม่ได้ไปส่งหรอกนะ”

    “มันไหน ใคร.... อ๋อ คุณชานยอลอ่ะเหรอ ทำไมนายรู้ว่าเค้ามาส่ง” แพคฮยอนแกล้งถามแบบใสซื่อเพราะรู้ว่าจงอินไม่ชอบชานยอล ก็แค่อยากกวนประสาท แต่แล้วการที่ปลายสายเงียบไปคืออะไร

     

    “เฮ้ .. จงอิน คิมจงอิน นี่นายฟังฉันอยู่รึเปล่า”

    “ ..... เออ”

    “แล้วเงียบไมวะ”

    “เปล่า แค่คิดว่ากลับเองไม่เป็นรึไง”

    “ก็เค้าจะกลับพอดี แล้วเป็นทางผ่านเลยมีน้ำใจ นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า”

    “เปล่า”

     

    จงอินตอบสั้นๆ แพคฮยอนจะกล้าบอกได้ไงว่าที่มาส่งเพราะไอ้ตุ๊กตาบ้านั่น ขืนอีกฝ่ายรู้ล่ะเขาคงถูกหัวเราะตายเลย

     

    “เออนี่แพคฮยอน คะแนนรายงานนายรู้รึยัง”

    “อืม เพื่อนบอกเมื่อกี้เอง”

    “ไงล่ะ เกือบเต็มแบบนี้ รู้รึยังว่าคู่กับฉันแล้วมันดีแค่ไหน”

    “อ่อ ... เหอะๆๆๆ คร้าบๆ คุณคิมจงอินเก่งมากเลย ขอบคุณมากนะครับ .......แหวะ!!

    “นี่กล้าด่าฉันเหรอ”

    “ก็แล้วทำไมจะไม่กล้า”

    “เอาเหอะ ฉันจะไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ว่าแต่เรื่องนั้นนายว่าไง”

    “เรื่องอะไร”

    “งานวันเกิดฉัน ไปถูกใช่มั้ย”

    “หึ ถามว่าฉันว่ายังไง แล้วฟังที่ตอบรึยัง ก็บอกว่าไม่........”

    “พอเลย นายไม่ได้ติดงานอะไร เพราะงั้นห้ามลืม”

    “จงอิน.....”

    “บาย”

     

     

    อีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว แพคฮยอนยิงฟันใส่โทรศัพท์มือถือครู่หนึ่งก่อนจะวางมันลงแล้วถอนหายใจ เขานอนมองเพดานห้องนอนด้วยความอึดอัด .. ทั้งที่คิดว่าจะไม่เจออีกแล้ว แต่ลึกๆมันก็อยากเจอ ไม่อยากเป็นแบบนี้เลยจริงๆ

     

     

     

     

    ทางด้านคนที่วางสายก็เอาแต่จ้องมือถือตัวเองอยู่อย่างนั้น

     

    จงอินอยู่ที่โรงหนังกับเพื่อนๆ หลังจากที่ดูหนังจบเขาก็นั่งรอคริสตัลที่ไปเข้าห้องน้ำ เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าสายตาเพื่อนทั้งสองที่นั่งกินป๊อบคอร์นที่เหลือจากในโรงหนังมานั้นกำลังมองเขาอยู่

    “มาแล้ว” คริสตัลยิ้มมาให้ก่อนจะเอื้อมมือจับกับจงอินแล้วเดินนำออกไป

     

    ลู่หานกับมินซอกเดินตามหลังไปอีกที

     

    “นายว่าแปลกๆมั้ยมินซอก”

    “รู้แล้วถามทำไม”

    “จงอิน มันยังไงของมันนะ”

    “นั่นสิ ส่วนยัยคริสตัลก็แปลกๆ ฉันว่านะ จงอินมันแปลกขนาดนี้แต่คริสตัลไม่ถามอะไรเราเลยเนี่ย มันแปลกกว่าเดิมนะลู่หาน นายลองคิดดูสิ คนที่ใส่ใจจงอินมากกว่าใคร แล้วก็ฉลาดแบบนี้ถ้าเป็นแต่ก่อนนะ ไม่ปล่อยไว้แบบนี้หรอก แล้วนี่อะไร”

    “เออจริง .. ลึกล้ำมากมินซอก”

    “และที่เห็นชัดๆ ต่างคนต่างไม่เหมือนเดิม”

    “จริงง่ะ ....” ลู่หานมองสองคนที่พวกเขาเดินตามหลังอยู่ มือทั้งสองก็ยังกุมกันเอาไว้เหมือนทุกทีนี่นะ

    “หรือว่าเราคิดมากไปเองนะลู่หาน”

    “นั่นสินะ .. หรือจะลองถามมันตรงๆเลยมั้ย”

    “อืม ไว้คิดกันอีกที” 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

     

    บ้านหลังโตโอบล้อมไปด้วยบรรยากาศมีชีวิตชีวา สนามหญ้ากว้างขวางถูกจัดเตรียมสำหรับงานวันเกิดเอาไว้ตั้งแต่เช้า จนเวลาล่วงเลยมาถึงยามเย็นแล้ว

     

    หลังจากที่ทั้งสองตรงไปที่ผับด้วยกัน ผู้จัดการจอมจู้จี้คนเดิมก็ต่อว่าแพคฮยอนไม่ยั้งเพราะมาทำงานสาย แต่พอแม้ชานยอลทำท่าสบายๆแล้วบอกว่าไปกับเขาเท่านั้น อีกฝ่ายก็ได้แต่เงียบ ถึงอย่างนั้นก็ยังแอบส่งสายตาดุๆมาให้เขาอยู่ดี เขาเองเลยไม่รู้ว่าจะซวยไปถึงไหน

     

    “แดดหมดแล้ว ฟ้าใสเชียว” เสียงของซองอินพี่สาวคนโตเอ่ยขึ้นหลังจากที่มองออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน เธออุตส่าห์รีบกลับมาบ้านหลังประชุมเสร็จในตอนบ่ายเพื่อมาเตรียมงานวันเกิดให้น้องชายคนสำคัญ เรียวขาขาวๆในชุดกระโปรงรัดรูปสั้นจู๋กำลังเดินมาทิ้งตัวลงข้างน้องชายที่โซฟา

    “อย่ามาใกล้น่ะ ผมอึดอัด”

    “แหม .. ทีคริสตัลล่ะทำได้นะ นี่พี่นะจงอิน”

    “พี่ซองอิน ผมโตแล้วนะ”

    “...ชิ”

     

    ใบหน้าสวยกับผมดัดเป็นลอนเบะปากอย่างเสียไมได้

    “พี่ก็ จงอินมันก็แบบนี้แต่ไหนแต่ไร” เสียงของพี่สาวคนรองเอ่ยขึ้นบ้าง ลีอินกำลังก้มอ่านนิตยสารในมือผ่านกรอบแว่นตาของเธอ

    “จ้ะๆแม่คนเก่ง น้องเธอมันน่าหมั่นไส้จริง คริสตัลทนคบมาจนป่านนี้ได้ไงนะ”

    “ก็น้องพี่ด้วยไม่ใช่เหรอ”

    “ย่ะ .. ก็น้องฉันหมดนั่นแหละ”

     

     

     

     

     

     

     

    ได้เวลาที่แดดร่มลมตกแล้ว เพื่อนๆของจงอินไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมต่างก็ทยอยกันมางานวันเกิดของเขากันในวันนี้ รวมถึงเพื่อนที่รู้จักกันผ่านผู้ใหญ่ด้วยอีกหลายคน ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่ๆกับแม่คงจัดการเชิญมาตามมารยาท เขายอมรับว่างานวันเกิดเขาทุกทีก็ไม่ได้ต่างไปจากงานเลี้ยงแม้แต่นิด

     

    ภายในสนามหญ้ากว้างๆลมเย็นพัดเอื่อยคลอเคล้าไปกับเสียงดนตรีเบาๆโดยวงดนตรีบนเวทีขนาดเล็กที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากสี โต๊ะกลมเป็นชุดหลายตัวถูกวางเรียงรายล้อมไว้ด้วยไลน์บุฟเฟต์ด้านข้างอีกที

     

    จงอินต้อนรับแขกและเพื่อนๆไปแล้วส่วนหนึ่ง ตอนนี้จึงหลบมายืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังทักทายท่านทูตกับภรรยาที่ตามติดลูกสาวมาด้วย แล้วไหนจะนั่น เจ้าของท่าเรือสินค้าที่ทำงานกับพ่อตั้งแต่เขายังไม่เกิด

     

    แต่ละคนในสังคมของพวกเขามันช่างทำให้บรรยากาศไม่เป็นอย่างที่ควร ซึ่งจงอินรู้ดีว่าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แต่เขาก็แค่อยากมีปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนๆไม่กี่คนมากกว่า

     

    คิมจงอินอยู่ในชุดลำลองแบบดูดี ผมที่เคยปัดไปมาเรียบร้อยบ้างในตอนนี้กลับเซ็ตตั้งขึ้นเป็นทรง กางเกงเข้ารูปกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ทับอีกทีด้วยสูทสีเทาเปิดกระดุมหน้า ทำให้เขาดูดีในแบบสบายๆ ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรในใจภายใต้ใบหน้าที่ได้แต่ยิ้มน้อยๆ

    “จงอิน” เสียงลู่หานเรียกเขาให้หันไปหา มินซอกก็มาด้วยกันอย่างเคย

    “มานานยัง”

    “เพิ่งมา .. ดอกไม้ร้านไหนวะ จัดได้สะพรั่งมาก แอบเก๋ดีนะ” ลู่หานเอ่ยแซว

    “พี่ซองอินกับพี่ลีอินคุมจัดเองเลย” จงอินบอกแบบไม่ได้สนใจนัก

    “เหรอๆ ชอบๆๆ”

    “ว่าแต่พ่อแม่มาด้วยป่ะ” จงอินถาม แต่เป็นมินซอกที่ตอบบ้าง

    “มา มาหมดเลยทั้งพ่อแม่ฉัน พ่อแม่ลู่หาน นู่นไง เมาท์กันอยู่นั่นน่ะ” มินซอกชี้ให้จงอินดู ลู่หานยักไหล่แบบเบื่อๆ เขาเองก็เข้าใจเพื่อนเหมือนกัน

    “ทำใจเหอะจงอิน อยากปาร์ตี้แบบเราๆไว้ไปเมากันข้างนอก ฮ่าฮ่าฮ่า” ลู่หานเอ่ยทีเล่นทีจริงแต่จงอินรู้ดีว่าอีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาคิดอะไร

    “โอเค ฉันไม่ได้คิดอะไรหรอก ใครว่าพวกเราจะสนุกไม่ได้กันล่ะ” จงอินว่า

     

     

    ผ่านไปแล้วเกือบชั่วโมงที่เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของแฟนสาว ไม่ใช่แค่คริสตัลที่จงอินไม่เห็น แพคฮยอนก็ยังไม่โผล่มาเลย

     

    วงดนตรีกำลังเล่นเพลงจังหวะสนุกให้หนุ่มสาวหลายคนต้องออกลีลาเต้นกันบนพื้นหญ้า ส่วนแขกที่เป็นผู้ใหญ่ก็เป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่ทีต้อนรับไป จงอินเดินวนไปวนมาข้างกับโต๊ะของกลุ่มเพื่อนบางส่วนที่นั่งกินอาหารกันอยู่

    “จงอิน โทรไม่ติดเลยเหรอ” ลู่หานเงยหน้าจากจานขนมขึ้นมาถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

    “อืม ทั้งสองคนเลย”

    “สองคน....”

    “เออไง โทรไม่ติดทั้งสอง” จงอินพูดไปก็ก้มหน้าพยายามต่อสายไปใหม่ แต่แล้วก็กลับถูกลู่หานดึงให้เดินตามออกไป มินซอกมองตามอย่างรู้ทันแต่ก็ไม่ได้ตามออกไป เขาหันไปคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มต่อ

     

     

    ชายหนุ่มดึงเพื่อนรักเจ้าของงานให้หลบออกมาข้างกับรั้วใหญ่จะได้คุยกันถนัด จงอินขมวดคิ้วกับใบหน้าจริงจังของเพื่อน

    “มีอะไร” เขาถามเสียงแข็งเหมือนจะรู้ลางๆว่าต้องไม่ใช่เรื่องสนุกแน่

    “สองคนที่นายว่าน่ะมันใคร คริสตัลคนเดียวไม่ใช่เหรอที่ติดต่อไม่ได้ แล้วอีกคน อย่าบอกนะว่า.....”

    “เออ ถ้ารู้ก็ไม่ต้องถาม”

    “เอามานี่ซิ” ลู่หานถือวิสาสะคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเพื่อนมาดู จงอินตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดจะแย่งเอามาคืน

    “ทำอะไรน่ะ”

    “นี่ไง ... คริสตัลเจ็ดสาย แพคฮยอนสิบสี่สาย นายเป็นอะไรไปจงอิน นี่นายไม่ห่วงยัยนั่นเลยรึไง” ลู่หานเงยหน้าถามแล้วยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของมัน จงอินทำหน้าอึ้งๆเพราะไม่นึกว่าลู่หานจะพูดตรงแบบนี้ แต่แล้วเขาก็ต้องกลับมาทำเฉยอย่างเคย

    “ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าฉันรู้ว่าคริสตัลจะต้องมาไงล่ะ”

    “ก็แล้วถ้ามีปัญหาอะไรล่ะ”

    “ปัญหาอะไรล่ะ ก็เมื่อวานฉันอยู่กับเค้าทั้งวัน วันนี้ตอนเช้าก็ยังโทรคุยกันอยู่เลย ปัญหาแบบไหน”

    “ก็ปัญหาแบบที่ ................”

     
     

    ลู่หานพูดไม่จบประโยค ชายหนุ่มยั้งปากตัวเองเอาไว้ เขาไม่อยากจะพูดอะไรเลยจริงๆ

    “ลู่หาน นายมีอะไร นายสงสัยอะไรก็พูด ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้”

    “เฮ้อ .. ก็ได้จงอิน งั้นวันนี้ขอพูดตรงๆเถอะนะ”

    “ว่ามาสิ”

    “นายคิดยังไงเรื่องยัยคริสตัลกับคนที่ชื่อเฮนรี่นั่นน่ะ” คนฟังเงียบไปกับที่ได้ยิน

    “นาย ถามทำไม”

    “ฉันแค่อยากรู้ แต่ถึงนายไม่พูดจริงๆฉันก็รู้ .. นายไม่ได้คบกับคริสตัลอย่างเดิม ในใจนายกำลังระแวงบางอย่าง ระแวงมากจนนายไม่มีความสุข....”

    “ไม่จริง .. นายพูดถูกครึ่งเดียว ในตอนแรกที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นฉันอาจคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ฉันเชื่อใจเค้า”

    “นั่นไงล่ะ ฉันคิดถูกจริงๆด้วย นายเปลี่ยนไป” ลู่หานเอ่ยสั้นๆ

    “หมายความว่าไง”

    “ก็ถ้าเป็นนายคนเดิม เรื่องนี้มันจะไม่เป็นแบบนี้ ครั้งแรกที่นายแพ้แล้วหนีกลับมาเพราะเสียใจมาก แต่ครั้งนี้ในเมื่อคริสตัลกลับมาหานายแล้วเธอก็ยืนยันต่อหน้าผู้ชายคนนั้นแล้วว่าเธอเลือกนาย เพราะงั้นในตอนนี้นายจะไม่ยอมแพ้แบบครั้งแรก”

    “อืม ก็ใช่ แล้วไงล่ะ”

    “แต่นายกลับตอบฉันมาว่านายไม่ได้ระแวงเธอเลย นายทำตัวเหมือนคบกันปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

    “แล้วฉันเปลี่ยนไปยังไง”

    “ก็ถ้าเป็นนายคนเดิมจะไม่ตอบแบบนี้ยังไงล่ะ”

    “.................”

    “ยัยนั่นแปลกไป แต่นายกลับไม่สงสัย”

    “แล้วฉันต้องสงสัย......”

    “ก็เพราะว่า นายเองก็แปลกไปยังไงล่ะ”

    “.................”

    “ถ้าเป็นนายคนเดิม นายจะต้องเห็นชัดเจนว่ายัยคริสตัลแฟนตัวเองเปลี่ยนไปยังไง แล้วนายก็จะไม่ปล่อยเอาไว้แบบนี้ นายจะตามให้เรื่องมันเด็ดขาดกันไปว่าจะเอายังไงให้มันแฟร์ๆ”

     
     

    ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง อีกคนที่ปกติจะมีแต่ท่าทีเล่นๆไม่ใส่ใจอะไร แต่คราวนี้กลับต้อนเพื่อนรักให้จนมุมด้วยความจริงที่เจ้าตัวเถียงไม่ออก จงอินไม่ตอบเพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร อยากบอกเหลือเกินว่าลองมาเป็นเขาดูไหม จะได้รู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นสักนิด

     
     

    “หึ พูดอะไรของนายน่ะลู่หาน เพ้อเจ้อ...”

    “แล้วนายอธิบายได้รึไงล่ะจงอิน”

    “คนรักต้องเชื่อใจกันไม่ใช่รึไง”

    “ถูก ต้องเชื่อใจ แต่กลับต้องไปร้อนรนเพราะใครอีกคนงั้นเหรอ.....”

    “.........”

    “นายจะทำอะไรฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่หัดชัดเจนแบบนายคนเดิมซะทีเหอะ”

     

     

     

     

    จงอินจากลู่หานมาด้วยท่าทีเหมือนไม่มีอะไร เขายังยืนกรานบอกคำเดิมว่าอีกฝ่ายเอาแต่เพ้อเจ้อ ทั้งที่จริงที่พูดกันมานั้นกำลังวนเวียนไปในหัวของเขาตลอดเวลา

     

    .. เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ร้อนรนเพราะใครซะหน่อย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างเล็กของชายหนุ่มที่ผมเผ้ายุ่งๆยังคงนอนเกลือกกลิ้งไปมาบนที่นอน ความลังเลคิดไม่ตกได้จบลงไปแล้วเมื่อตะวันคล้อยต่ำลง แต่แล้วทำไมสุดท้ายเขาถึงได้กลายมาเป็นซากที่นอนเฉยอยู่แบบนี้

     

    แพคฮยอนมองโทรศัพท์มือถือที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง เขามองชื่อที่ปรากฏหน้าจอแต่ก็ไม่รับมันอย่างเคย

     

    “โทรมาอีกทำไมนะ......”

     

    แพคฮยอนอยากจะเป็นบ้า สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปงานวันเกิดของจงอิน เห็นทีครั้งนี้คงต้องตัดใจให้มันจบไป เขาจะต้องลืมให้ได้ ลืมมันให้ได้

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    เสียงเคาะประตูห้องนอนของเขาดังขึ้นแทรกเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ แพคฮยอนเบนสายตาไปยังประตูโดยไม่สนใจเสียงของมัน

     

    “ใครอ่ะ แม่เหรอ ... คยองซูเหรอ .....”

     

    ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด เขาจึงจำใจเดินไปเปิดประตูห้องออก แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นคือคนๆเดียวกับที่กำลังโทรมาหาเขา

    “จงอิน นายมาได้ไง...”

    “บ้านไม่ได้ล็อค ชั้นล่างไม่มีคนเลยเดินขึ้นมาชั้นบน  .. เห็นได้ชัดว่าจงใจไม่รับสายฉัน” ร่างสูงกำโทรศัพท์ไว้ในมือพลางมองเข้าไปในห้องนอนที่ยังได้ยินเสียงเพลงเรียกเข้าดังอยู่ไม่ขาด จงอินกดวางสายทันทีมันจึงเงียบลง แพคฮยอนทำหน้าตาเลิกลักเหมือนคนทำผิดที่ถูกจับได้

    “แล้วก็เห็นได้ชัดอีกด้วยว่านายไม่ได้มีธุระที่ไหน”

    “คือ ฉัน .....”

    “หรือว่าอยู่กับใคร” จงอินถือวิสาสะเดินผ่านแพคฮยอนเข้าไปในห้อง แต่ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่เลย เจ้าของห้องที่ยังเอาแต่อึ้งไม่หายจึงรีบตั้งสติกลับมาเป็นคนเดิม

    “ฉันอยู่คนเดียว นายจะทำไม แล้วธุระของฉันมันคืออะไรแล้วยุ่งอะไรด้วย”

    “จับได้ขนาดนี้ยังมาโกหก”

    “แล้วไงล่ะ .. เออ ฉันไม่อยากไปงานวันเกิดนาย พอใจรึยัง” แพคฮยอนหมดความอดทนจึงโพล่งออกไปตามความจริง แต่แล้วเมื่ออีกฝ่ายเงียบกลับมาจึงคิดว่าคงพูดแรงไป

    “นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอแพคฮยอน”

    “เฮ้ย ปะ เปล่าๆนะ คือ....”

    “คือ คืออะไรล่ะ”

    “ก็ ฉันแค่ไม่อยากไปเพราะคิดว่าสังคมของนาย คงไม่เหมาะกับฉัน” แพคฮยอนบอกความจริงพลางก้มหน้าลง เขาบอกไม่หมดหรอกว่าอีกเหตุผลคือไม่อยากจะเจอกันมากไปกว่านี้แล้วด้วย

    “คิดอะไรของนาย คิดมากไปได้นะ”

    “ก็หรือไม่จริง พวกคนรวยน่ะฉันไม่เคยคบ บางทีต้องเจอเพื่อนนาย ฉันก็ทำตัวไม่ถูก”

    “หึ ..แล้วทีไอ้บ้านั่นนายยังคบกับมันได้อย่างสนิทสนม ไปกินข้าวด้วยกัน ไปร้านตุ๊กตาด้วยกัน อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ ทีกับฉันล่ะหน้าบูดอย่างกับอะไร”

     

    จงอินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนเคย ความเอาแต่ใจแบบนี้แพคฮยอนเจอมานักต่อนักแล้ว

     

     

    น่าแปลกที่คนทั้งสองไม่เคยเอะใจสักนิด ว่านับวันแต่ละโยคที่พูดกันมันได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากแค่ไหน จะรู้ตัวกันไหมนะว่าที่พูดๆกันเนี่ย .. คนเป็นเพื่อนเค้าไม่พูดกันหรอก ไปกันใหญ่แล้ว

     

    “อะไรของนาย พูดแบบนี้หาเรื่องเหรอ”

    “เปล่า .. แค่พูดตามความจริง” ใบหน้าคมหันหน้าหนีเหมือนข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้ จงอินมองไปรอบห้องก่อนจะพบกับบางอย่างที่มุมห้องติดกับหน้าต่าง ตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวใหญ่เกือบเท่าคน

    “แพคฮยอน .. หมอนั่นมันซื้อให้นายใช่มั้ย” จงอินถามเสียงเย็นโดยยังหันหลังให้ แพคฮยอนหน้าตื่นกับเสียงแบบนั้นที่เขารู้ดีว่าจงอินกำลังโกรธ

    “เอ่อ ฉันรู้ว่านายคงไม่ชอบเค้า แต่เค้าไม่ได้ไปทำอะไรให้นายนะจงอิน นายจะเกลียดเค้า.....อ๊ะ” แพคฮยอนตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็หันมาดึงแขนเขาเข้าไปหา

    “ฉันไม่ได้ไม่ชอบที่มันมาทำอะไรให้ แค่ไม่ชอบเพราะ.......”

    “......................”

     

     

    แพคฮยอนมองสายตานิ่งๆแต่น่ากลัวแบบนั้นด้วยสายตาหวาดหวั่น เขารอฟังเหตุผลแต่จงอินกลับเงียบไป

    “นายเป็นอะไรน่ะ โกรธอะไร”

    “ช่างเหอะ”

     

    จงอินนึกถึงสายตาของลู่หานที่มองเขาในตอนที่คุยกัน บางประโยคมันดังขึ้นมาในใจ มือของเขาปล่อยแขนอีกคนออกเร็วๆ

     

    แพคฮยอนอดไม่ได้ที่จะมองแขนตัวเองถูกสะบัดออก อยากจะถามเหลือเกินว่าสนุกนักเหรอที่อยากจะดีด้วยก็ดี อยากจะทำไม่สนใจก็ทำ

     

    ล้อเล่นกับหัวใจคนอื่น มันสนุกมากรึไง

     

    “ให้เวลาสิบนาที ไปอาบน้ำเร็วๆเข้า”

    “ฉันไม่ไป” แพคฮยอนกลับมาตั้งท่าเอาเรื่องอีกครั้ง แต่พอเจอสายตานั้นจ้องกลับแบบที่ไม่เล่นด้วยจึงได้แต่ทำหน้าบูดๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

     

     

    จงอินมองตามแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนที่ยับยู่ยี่เพราะความไม่เอาไหนของเจ้าของห้อง จงอินมองไปรอบๆห้องของแพคฮยอนที่ไม่ได้กว้างมากนัก ข้าวของก็เหมือนห้องวัยรุ่นชายทั่วไป บางมุมรกๆ บางมุมโล่งๆ แต่พอสายตาของเขามองไปเจอเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นอีก ....

     

     

     

    นั่นสินะ .. นายเพ้อเจ้อไปแล้วลู่หาน

     

     

     

    หลังจากขึ้นรถออกมากับจงอินแล้วแพคฮยอนก็สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายขับรถเร็วมากเหลือเกิน จงอินบอกสั้นๆแค่ว่าต้องไปรับรับคริสตัลด้วย

     

    “ห่วงว่าจะเป็นอะไรรึเปล่าน่ะสิ เห็นว่าพ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ โทรหาก็ไม่ติด เป็นไรมั้ยนะ”

     

     

     

     

     

     

     

    ทั้งสองมาถึงบ้านของคริสตัลในเวลาไม่นาน ทั้งบ้านเงียบมากยกเว้นแม่บ้านที่บอกว่าคุณหนูของเธออยู่ในห้องนอน จงอินรีบสาวเท้าขึ้นบันไดไปโดยที่บอกให้แพคฮยอนไปด้วยกัน

     

    ห้องของหญิงสาวที่เป็นคนรักของเขานั้น การขึ้นมาหาถึงที่ห้องแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แพคฮยอนมองจงอินที่ดูจะไม่ต้องเกร็งอะไรเลย เหมือนรู้ทุกซอกทุกมุมราวกับบ้านตัวเอง คงจะมาบ่อยสินะ

     

    “ห้องไม่ได้ล็อค” จงอินเรียกแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบจึงเปิดประตูเข้าไป ข้างในไม่มีร่างของคริสตัลนอนอยู่หรือทำอะไรอย่างที่คิด จงอินตะโกนเรียกก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับมาจากในห้องน้ำ

     

    “จงอินเหรอ ! ... นายมาได้ไงเนี่ย รอแป๊บนะๆ ขอโทษที่ช้า นั่งรอก่อน”

     
     

    คริสตัลตะโกนบอกก่อนเสียงน้ำจากข้างในจะดังลอดออกมา จงอินขานรับแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงของแฟนสาว

    “ค่อยยังชั่วนะ คิดว่าเป็นอะไรไป” ใบหน้าคมถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

    แพคฮยอนพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ เขายืนนิ่งๆมองไปรอบห้องนอนกว้างที่ดูเรียบๆแต่ก็ดูเป็นผู้หญิงเหมาะกับเจ้าของมันมาก ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงหันมาหาคนที่นั่งอยู่ .. จงอินกำลังหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาจากบริเวณที่วางหมอนของคริสตัล เขาไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของมันก่อน แต่พอกางออกเท่านั้นจงอินก็นิ่งไป แพคฮยอนที่ยื่นมองอยู่ด้านหลังจึงเห็นเนื้อความของจดหมายไปด้วยอย่างไม่ตั้งใจ

     

     

     

    ถึง คริสตัล

     

    ถึงเธอจะบอกว่าระหว่างเรามันจบไปแล้ว เธอไม่ยอมพบฉัน แม้แต่หน้ายังไม่อยากจะมองกัน วันนี้ฉันจะกลับอเมริกาแล้ว
    เปิดเทอมเมื่อไหร่ถ้าเจอกันฉันก็คงเป็นแค่คนอื่นสำหรับเธอ .. อย่ารู้สึกผิดเลยคริสตัล เธอทำถูกแล้ว ยังจำได้ไหมที่ฉันเคยบอกว่า
    ที่บ้านกำลังจะให้ฉันหมั้นกับคนที่พ่อแม่เลือกเอาไว้ให้ตั้งแต่เด็กๆ อีกไม่นานคงถึงเวลานั้น ฉันไม่รู้ว่าต้องทำตามหรือไม่ยอมรับดี

     

                  ตอนนี้เท่านั้นที่ฉันอยากบอกว่า ถึงยังไง เธอจะเป็นคนเดียวที่อยู่ในใจของฉันเสมอ

     

                    รัก

     

    .. เฮนรี่

     

     

     

    จงอินนิ่งไปกับสิ่งที่อยู่ในมือ เขานึกถึงคำพูดของเพื่อนรักขึ้นมาอีก ไม่ได้โกรธอะไรคริสตัลเลยแม้แต่นิด

     

    “นายโอเคมั้ย ....” แพคฮยอนถามเบาๆพลางวางมือลงที่บ่าของจงอิน เขาไม่รู้หรอกว่าพูดอะไร แค่รู้สึกว่ากับเรื่องนี้มันคาราคาซังมามากพอแล้ว ไม่อยากให้จงอินคิดมาก

     

     

    “มันก็แค่จดหมายของคนๆนั้น อย่าคิดมากสิ คริสตัลไม่ได้คิดอะไรกับเค้าหรอก เชื่อสิ”

    “อืม”

     

     

    แพคฮยอนปลอบใจจงอินออกไปแบบไม่รู้ตัว จงอินวางมือข้างหนึ่งทับลงที่มือของแพคฮยอนแล้วเงยขึ้นสบตา

    “ขอบใจนะ”

    “ไม่เป็นไร”

     

    แพคฮยอนมองมือที่ถูกกุมเอาไว้แบบที่เพื่อนอยากจะขอบคุณจากใจ เขายิ้มให้แต่ลึกๆกำลังเจ็บแปลบอยู่ที่หน้าอก ให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด ความรู้สึกเกินเลยที่แสนจะน่ารังเกียจแบบนี้

     

    พอยอมรับว่าตกหลุมรักแล้ว ความจริงที่ทำให้เจ็บปวดกว่าหลายเท่าคือการที่ไม่ใช่คนที่เค้าคิดอะไรด้วย

     

     

     

    ผ่านไปครู่ใหญ่ คริสตัลเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมสีขาว ท่าทางรีบร้อนของเธอทำให้จงอินรีบเอ่ย

    “ไม่ต้องรีบหรอก ฉันมารับแล้วเดี๋ยวมาส่ง”

    “โทษทีนะ ... อ้าว แพคฮยอนมาด้วยเหรอ โทษนะโทษ ฉันปวดหัวเลยนอนตั้งแต่บ่าย ตื่นมาก็เย็นมากแล้ว ขอโทษจริงๆนะ” เรียวหน้าได้รูปขอโทษจากใจในแบบของตัวเองที่คนรอบข้างไม่คิดจะถือสา จงอินเดินเข้าไปใกล้แล้วเอามือทาบลงที่หน้าผากของแฟนสาว

    “อืม ตัวไม่ร้อนก็ดีแล้ว”

    “แค่ปวดหัวน่ะ”

    “ตาแดงๆนะ ร้องไห้เหรอ”

    “อ่ะ เอ่อ .. เปล่าๆ จะร้องทำไมล่ะ สงสัยนอนนานไปหน่อย พวกนายไปรอข้างล่างก่อนนะ ขอสิบนาทีจะรีบลงไปเลย”

     

    ชายหนุ่มสองคนทำตามโดยการลงมารอที่ห้องรับแขก จงอินไม่พูดอะไรแต่แพคฮยอนรู้ดีว่าทำไม คริสตัลที่แอบร้องไห้และจดหมายฉบับนั้น สองอย่างที่ทำให้คิดตามได้ไม่ยาก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในที่สุดงานปาร์ตี้ก็กลับมาดำเนินไปอย่างเป็นปกติ เจ้าของวันเกิดกำลังถูกกลุ่มเพื่อนสนิทรุมล้อมอยู่ท่ามกลางแสงไฟสีสวยที่ส่องมาจากขอบเวที เสียงดนตรีดังขึ้นอย่างสนุกสนานให้กลุ่มวัยรุ่นได้เฮฮากันเต็มที่

     

    แพคฮยอนมองบรรยากาศหน้าเวทีไปขณะที่นั่งจิ้มอาหารเข้าปากอยู่เงียบๆข้างกับมินซอกที่ไม่ได้ไปร่วมแจมอย่างคนอื่นๆ เขาไม่น่ามาเลยจริงๆ งานปาร์ตี้วันเกิดหรืองานเลี้ยงสำหรับแขกผู้มีเกียรติกันแน่นะ แต่ละคนแต่งตัวเหมือนที่เห็นในทีวีทั้งนั้น แล้วดูเขาสิ เสื้อคอปกสีขาวธรรมดากับกางเกงตัวเก่งที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ไหนจะเป้ที่อุตส่าห์เอาพาดไหล่มาอีก ปีก่อนที่ใส่ไปงานวันเกิดคยองซูที่บ้านไม่เห็นจะรู้สึกอายแบบนี้เลย

     

     

    เขานั่งอยู่ที่โต๊ะร่วมกับเพื่อนๆของจงอินที่ต่างก็เป็นลูกคุณหนูกันทั้งนั้น กลุ่มนี้รู้สึกจะดูหยิ่งๆมากกว่ากลุ่มที่กำลังเต้นกันอยู่หน้าเวที พวกเขากำลังพูดเรื่องที่แพคฮยอนไม่เข้าใจด้วยเลย

     

    “คุณอาสบายดีไหม แล้วนายล่ะ”

    “ฉันก็เรื่อยๆ เนี่ยปีหน้าว่าจบแล้วจะไปต่อโทที่อังกฤษ แล้วนายล่ะ งานวิจัยไปถึงไหน”

    แพคฮยอนแอบมองคนพวกนี้คุยกันแต่ก็แสร้งมองไปทางอื่นบ้าง เขาเห็นสาวตรงหน้าที่ช่างสังเกตกว่ากำลังจ้องมาที่เขา เธอคนนั้นเอียงคอเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นกับเพื่อนผู้ชายที่นั่งข้างกัน

     

    “นายชื่ออะไรเหรอ ทำงานอยู่นี่เหรอ” เสียงหนุ่มแว่นคนหนึ่งเอ่ยถาม

    “ฉันชื่อแพคฮยอน .. งานอะไรเหรออยู่นี่ แบบไหน”

    “ก็งานไง พ่อแม่นายทำงานที่นี่เหรอ”

    “งานอะไร”

    “เข้าใจยากจริงๆ พ่อนายมาขับรถหรือทำสวนล่ะ หรือเค้าจ้างมาอีกที”

     

    แพคฮยอนชะงักไปก่อนจะส่ายหน้าว่าไม่ใช่ แต่ดูเหมือนคนพวกนั้นจะไม่ฟังเลย เหมือนกำลังมองเขาแล้วหัวเราะอะไรสักอย่าง

    “แล้วมาได้ไงอ่ะ ไม่เคยเห็นหน้าเลย”

    “ฉันเป็นเพื่อนจงอิน เค้าชวนมา”

    “จริงเหรอ ... ใช่เหรอ” คนพวกนั้นทำหน้าตกใจเล็กน้อยเหมือนมันเหลือเชื่อนักหนา แพคฮยอนไม่เข้าใจเลยจริงๆ





     ------------------- Just A Beat 60% ------------------


     

    “แล้วที่บ้านนายทำอะไรน่ะ”

    “อ๋อ .. ไม่ได้ทำหรอก”

    “อ้าว พ่อแม่ทำงานอะไร”

    “พ่อฉันไม่มีหรอก แม่ฉันเป็นนักร้องที่ผับน่ะ” แพคฮยอนตอบไปตรงๆทั้งที่ประหม่าจะแย่ คนพวกนั้นทำหน้าอย่างกับว่าไม่เคยพบเคยเจอ เหมือนกำลังอยู่กับตัวประหลาด

     
     

    “แล้วเป็นเพื่อนกับจงอินได้ไงเนี่ย” ผู้หญิงอีกคนเปรยออกมา แต่แล้วคนที่ตอบให้แทนกลับไม่ใช่คนถูกถาม เป็นคนที่นั่งข้างกันซึ่งทนดูมาตั้งแต่แรกแล้ว มินซอกเงยหน้าจากจานขนมแล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่แพคฮยอนเอาไว้

    “เป็นได้ไงไม่รู้อ่ะจำไม่ได้แล้ว แต่เป็นเพื่อนพวกเรามานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ได้รู้จักกับพวกเธออีกนะ แพคฮยอนเค้าเรียนโรงเรียนเดียวกับพวกเราแล้วตอนนี้ก็เรียนคณะเดียวกันด้วย ทำงานคู่กับจงอินบ่อยๆด้วย เห็นแบบนี้เก่งมากเลยล่ะ” ใบหน้าน่ารักของมินซอกยิ้มจนตาหยี แพคฮยอนมองคนพวกนั้นที่กำลังยิ้มเจื่อนๆมาให้

     

     

    เพิ่งรู้ว่าเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่น่ามาเลยจริงๆ

     


     

    สักพักใหญ่ที่คนกลุ่มนั้นลุกขึ้นเดินออกไปทักทายพ่อของหนึ่งในนั้น ทั้งโต๊ะจึงเหลือแค่มินซอกกับแพคฮยอนสองคน

    “ทนฟังมานานแล้ว พวกนี้ไม่น่าพูดอะไรแบบนี้กับนายเลยนะแพคฮยอน”

    “ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนายมากนะมินซอก” แพคฮยอนกล่าว ในใจอดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นถิ่นตัวเองเขาคงไม่ยอมให้คนแบบนี้มาพูดจาดูถูกหรอก ไม่มีพ่อแล้วไง เป็นนักร้องแล้วไง มันแปลกตรงไหนกัน

    “จริงๆแล้ว นอกจากเพื่อนๆที่สนิทกัน นายก็ดูจะสนิทกับจงอินดีนะ” มินซอกพูดจบก็หันมาถาม แพคฮยอนไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จึงรีบหัวเราะออกมาเบาๆ

    “งั้นเหรอ ไม่หรอกมั้ง ฮะฮะ”

    “ไม่จริงอ่ะ สนิทกันอย่างกับอะไร นี่รู้อะไรมั้ย จงอินไม่เคยเป็นเดือดเป็นร้อนกับใครเลยนะ หมายถึงแบบว่า ทุกเรื่องเลย” มินซอกกำลังพูดบางอย่างที่ไม่ร้อยเรียงกันเท่าไหร่ แต่ถ้าคนฟังจะแอบคิดตามทันสักหน่อยคงรู้ได้ว่ามันเป็นคำถามที่ไม่ได้พูดออกมาแบบเพิ่งนึกได้

     

    ระหว่างที่แพคฮยอนไม่ตอบอะไร จงอินกับใครสักคนก็เดินมาที่โต๊ะแล้ว หญิงสาวคนนั้นกอดแขนคนข้างกายไม่ยอมปล่อย หากจะเป็นคริสตัลก็คงไม่แปลก มินซอกมองภาพตรงหน้าพลางหันหน้ามองหาแฟนตัวจริงของเพื่อนที่ตอนนี้เขาพบว่าเธอกำลังติดใจค็อกเทลอยู่มุมหนึ่งกับลู่หานและเพื่อนๆ

     

    แพคฮยอนจำได้ว่าสาวสวยในชุดเดรสสั้นสีชมพูคนนี้เขาเคยเจอที่ไหน ... ร้านเค้กหลังมหาลัย

     

    ทันทีที่สบตากันรังสีอาฆาตจากเธอคนนั้นก็แผ่มาถึงเขาอย่างรวดเร็ว

     

     

    ... เอาแล้วไง ยัยคนนี้

     

     

    “จงอินคะ นี่ยังคบคนๆนี้อยู่เหรอคะ”

    “หมายถึงใครล่ะซูจิน”

    “มินซอกน่ะรู้จัก แต่อีกคนไงล่ะ พวกไม่มีมารยาทตอนที่ร้านเค้กไง” ดวงตากลมโตที่กรีดเฉี่ยวด้วยเครื่องสำอางชั้นดีมองมาที่แพคฮยอนตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

    แพคฮยอนนึกไม่ถึงเลยว่าเธอคนนี้จะหลุดพูดออกมาตรงๆราวกับจะแก้แค้นเขา ใครกันแน่นะที่ไม่มีมารยาท จงอินมองแพคฮยอนที่ทำท่าจะลุกขึ้นยืนจึงรีบส่งสายตาปรามเอาไว้ แพคฮยอนสูดหายใจเข้าแล้วนั่งลงตามเดิม

    “เขาเป็นเพื่อนฉันน่ะซูจิน”

    “เป็นลงไปได้ยังไงนะจงอิน ดูสิ แค่ภายนอกก็รู้แล้วว่ามาจากไหนก็ไม่รู้ ว่าแต่นี่มาถูกงานรึเปล่าเนี่ย” เสียงแหลมยังคงเอ่ยต่อไป มินซอกนั่งอดทนดูโดยไม่ตอบโต้ออกไปแทนอย่างก่อนหน้า ... เขาแค่อยากจะดูอะไรบางอย่าง

     

    “ดูสิจงอิน ดูเค้ามองฉันสิ ไร้การศึกษา .........”

    “พอได้แล้วซูจิน”

     

    เสียงทุ้มหันมาบอกคนข้างกายเสียงดังฟังชัด ใบหน้าของหญิงสาวตกใจไม่น้อยที่ถูกบอกให้หยุดพูดพร้อมกับสายตาไม่พอใจ จงอินดึงแขนตัวเองออกมาจากการกอดเกี่ยวของเธอ

    “จงอิน....”

    “แพคฮยอนไม่ใช่แบบที่เธอพูด ต่อไปอย่าว่าเค้าอีก” จงอินบอกเรียบๆอย่างคนที่ถูกสอนมาดีว่าควรแสดงออกอย่างไร แต่ดูก็รู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ

     

    ซูจินลูกสาวของบริษัทคู่ค้ากับพ่อของเขา หากเธอเอาเรื่องที่เขาทำให้เธอเสียหน้าไปฟ้องผู้ใหญ่ก็ปล่อยเธอไป เขาไม่คิดจะสนใจหรอก ร่างสูงก้มลงมาหาคนที่นั่งไม่พูดไม่จาอะไรแล้วดึงแขนให้เดินตามเขาออกไปจากที่ตรงนี้

     

    “จงอิน จงอินคะ ....”

    “นี่คุณหนูซูจิน นั่งก่อนมั้ย ทำใจร่มๆแล้วมากินขนมด้วยกัน”

    “อย่ามากวนประสาทนะมินซอก”

    “เอ้า ... อะไรกัน คนอุตส่าห์หวังดี”

    “เฮอะ”

     

    เธอคนนั้นเดินจากไปทิ้งไว้แต่เพียงเจ้าของจานขนมที่เอาแต่หัวเราะตามหลังไป มินซอกหุบยิ้มลงก่อนจะมองไปอีกทางที่เพื่อนตัวดีของเขาเดินไปกับคนที่ไม่ยอมปล่อยให้ห่าง

     

     

    “ถึงนายจะไม่สนุกนะลู่หาน แต่ฉันเริ่มเห็นเค้าลางสนุกๆแล้วสิ......”

     

     

     

    แพคฮยอนถูกจงอินลากออกมาจากโต๊ะ แอบดีใจที่อีกฝ่ายพูดปกป้องเขา จงอินเดินผ่านส่วนของบาร์เล็กๆที่มุมหนึ่งของสนามหญ้าซึ่งมีกลุ่มเพื่อนของเขากำลังเฮฮากันตามประสา

    “เฮ้ .. จงอิน นั่นจะไปไหน” เพื่อนคนหนึ่งตะโกนเรียกเขาโดยถือแก้วค็อกเทลสีสวยเอาไว้ในมือ จงอินหันไปมองแต่คนที่โผล่หน้าออกมาสบตากับเขาก็คือลู่หานที่ยืนอยู่ข้างกับคริสตัลและเพื่อนๆ สายตานิ่งๆที่มองมานั้นไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร จงอินไม่ชอบให้ใครมาจับผิด

     

    เขาปล่อยมือออกจากแพคฮยอนเร็วๆ คนตัวเล็กทำตัวไม่ถูกอีกแล้วกับท่าทีแบบนี้

     

    แพคฮยอนไม่อยากจะให้จงอินต้องลำบากใจที่ต้องแนะนำเขากับเพื่อนๆของตัวเอง จึงถือโอกาสนั้นรีบเดินหนีออกมาไม่ให้อีกฝ่ายเรียกเอาไว้ทัน

     

    ร่างเล็กถอนหายใจกับรอบกายที่ไม่ใช่ที่ของเขาเลยสักนิด มองไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยกล่องของขวัญสวยๆมากมายที่วางเรียงกันเอาไว้ มือบางจับบางอย่างผ่านเป้ที่พาดข้างไหล่ของเขา .. คนละเรื่องกันเลย

     

     

     

     

    หลังจากออกมาจากห้องน้ำที่ถามทางจากคุณแม่บ้านที่ดูใจดีกว่าใครหลายคน แพคฮยอนจึงเดินช้าๆออกมาอย่างไม่มีจุดหมาย เขาจะแอบกลับเลยดีไหมนะ

     

    “ว่าไงล่ะ ถูกเพื่อนคนสำคัญทิ้งให้อยู่คนเดียวเหรอพ่อคุณ”

    “เธอ....” แพคฮยอนไม่คิดว่าจะมาเจอคนที่ชื่อซูจินอีกแล้ว คราวนี้เธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว แต่ถ้าจำไม่ผิดก็คงเพื่อนอีกสองคนที่เขาเจอในร้านเค้กนั่นแหละ

    “ตกใจเหรอ”

    “เปล่าหรอก เธอบอกเองว่าฉันไม่เหมือนกับพวกเธอ เพราะงั้นก็อย่ามายุ่งกันเลย”

    “ก็ไม่ได้คิดจะยุ่งหรอก แค่เจ็บใจที่ทุกครั้งนายทำฉันเสียหน้าได้ตลอด”

    “ทำตัวเองมากว่านะ”

    “นี่นาย ....”

    “โทษทีนะ ฉันเป็นผู้ชายแมนๆ ชอบอะไรแฟร์ๆ เพราะงั้นพวกเธออย่ามาทำให้ต้องฉันได้ด่าผู้หญิงเลย” แพคฮยอนเปลี่ยนมามีท่าทีเอาเรื่อง เขาล้วงมือทั้งสองเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วก้าวช้าๆมาที่กลุ่มสาวสวยด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้ม พวกเธอต้องถอยหลังไปเพราะความกลัวที่เอาเข้าจริงผู้หญิงก็ได้แค่นี้แหละ

     

    “นะ นี่นาย จะทำอะไรน่ะ อย่ามาอันธพาลแถวนี้นะ” ซูจินกอดแขนเพื่อนอีกสองคนไว้แน่น

    “หึ งั้นก็หลบไปซะสิ”

    “ก็ได้!

     

    แพคฮยอนแอบหัวเราะในใจกับการที่ได้แกล้งเอาคืนพวกเธอ นี่อย่าให้ใครได้รู้เชียวนะว่าเขาทำอะไรแบบนี้ เสียความเป็นสุภาพบุรุษหมด

     

    “มีอะไรกันน่ะ”

    เสียงหวานๆของใครสักคนดังเข้ามายังบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ คริสตัลที่กำลังจะไปห้องน้ำนั้นเดินเร็วๆเข้ามาพลางเสยผมสลวยของเธอขึ้น แพคฮยอนส่ายหน้าให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “นี่เธอ มาก็ดีแล้ว เพื่อนของจงอินคนนี้จะแกล้งพวกฉัน ดูสิท่าทางอย่างกับอันธพาล” ซูจินพูดไปทำท่าหวาดกลัวไปด้วย

    “ไม่จริงง่ะ แพคฮยอนไม่ทำแบบนั้นหรอก” คริสตัลตอบเรียบๆ ท่าทางของเธอดูจะเบื่อหน่ายเต็มที ซูจินและเพื่อนๆอ้าปากค้างกับคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน คริสตัลรู้จักคนพวกนี้ดีจึงอยากจะลองเล่นอะไรสนุกๆดูบ้าง ร่างเพรียวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นกอดคอแพคฮยอนอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย.....”

    “นี่แพคฮยอน บอกเค้าไปสิว่านายไม่ใช่อันธพาล ใช่ป้ะ” คริสตัลยิ้มกว้าง

    “อ่ะ เอ่อ ฉันไม่ใช่อันธพาล เคยเป็นซะที่ไหน”

    “นั่นไงล่ะ ใช่ซะที่ไหน”

     

    ทั้งสองดูเหมือนพวกเดียวกันกำลังหัวเราะลั่น เล่นเอาคนทั้งสามที่มองอยู่ต้องกำมืออย่างเจ็บใจ

     

    “อ้อ .. นี่ซูจิน แฟนฉันจะคบเพื่อนแบบไหน ขอแค่จริงใจก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

     

     

     

     

     

    หลังจากได้ตอกกลับคนสวยกันไปแล้ว คริสตัลก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับแพคฮยอน ทุกคนอยู่ที่โต๊ะกันหมดยกเว้นแค่เจ้าของวันเกิดที่หายไปไหนไม่รู้

     

    คริสตัลนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับลู่หาน เยื้องกับแพคฮยอนและมินซอกที่นั่งข้างกัน

    “เห็นจงอินมันถามหาพวกนาย ไปไหนมา .... อ้าว นั่นไง มานู่นละ” มินซอกบอก

     

    จงอินเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วนั่งลงข้างกับคริสตัล ทั้งสองคุยกันกระหนุงกระหนิงแบบคนรักทั่วไป แพคฮยอนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพลางแอบมองคนทั้งสองไปด้วย เขาไม่ได้คิดว่างานวันนี้มันจะเลวร้ายอย่างที่คิด เพราะอย่างน้อยก็มีมินซอกและคริสตัลที่ดูจะไม่ได้มองเขาแบบที่คนพวกนั้นมอง แต่ที่รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็เพราะไม่อยากจะเจอหน้าใครบางคน

     

    ใครบางคน ..  ที่เขาไม่อยากเจอเพราะกลัวว่าอยากจะเจอมากไปกว่านี้

     

     

    “เป็นไงกันบ้างจ๊ะหนุ่มๆสาวๆ ...” พี่ซองอินเดินมาที่โต๊ะพร้อมด้วยพี่ลีอินที่แม้จะแต่งสวยแค่ไหนแต่เธอก็ยังไม่ยอมถอดแว่นออก หลายคนตะโกนกลับมาหาพี่สาวเพื่อนอย่างสนิทสนม ใบหน้าสวยจัดในชุดราตรีสีเข้มเน้นส่วนโค้งส่วนเว้านั้นก้มมองคนที่นั่งอยู่ข้างกับที่เธอยืน

    “อ้าว นี่ใครเนี่ย ทำไมพี่ไม่เคยเห็น” ซองอินก้มหน้าถาม แพคฮยอนประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ตอบออกไปตามปกติ

    “ผมชื่อแพคฮยอนครับ”

    “อ๋า ... เพื่อนใหม่นายเหรอจงอิน ทำไมพี่ไม่เคยเห็น” ซองอินมองหน้าน้องชายที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ชายหนุ่มพยักหน้าให้พี่สาว

     

     

    ซองอินที่แม้จะหน้าแดงก่ำเพราะแก้วไวน์แดงในมือแต่เธอกลับไม่ได้เมาอะไร ต่อมความอยากรู้ของสาวมั่นเริ่มทำงานทันที เธอคว้าเอาเก้าอี้ว่างอีกตัวมานั่งลงข้างแพคฮยอนโดยมีลีอินน้องสาวยืนจิบไวน์อยู่ข้างกัน

     

    จงอินรู้ดีว่าพี่สาวของเขากำลังจะทำการสอบประวัติแพคฮยอน ชายหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ก็อีกแล้วที่ลู่หานมองมาเขาจึงต้องนั่งอยู่เฉยๆอย่างเดิม

    “มีอะไรลู่หาน”

    “เปล๊า ...”

     

     

     

    ซองอินใช่เวลาไม่นานในการถามไถ่เพื่อนใหม่ของน้องชายที่เธอเพิ่งเคยพบ มือคู่สวยเผลอเอื้อมออกไปหยิกแก้มนั้นจนแพคฮยอนต้องร้องออกมา

    “นี่จงอิน เพื่อนนายคนนี้น่ารักนะ”

    “ก็น่ารักแค่ตอนไม่พูดแหละ อยู่กับผมไม่เห็นเป็นแบบนี้” จงอินตะโกนข้ามโต๊ะมาตอบพี่สาว แพคฮยอนจ้องกลับที่มาว่าเขา แต่จงอินก็เบ้ปากให้อย่างไม่สนใจ

     


     

    ระหว่างที่คนทั้งสองจ้องจะกัดกันอยู่นั้น หารู้ไม่ว่ากำลังมีบางคนที่สนใจประโยคนั้นมากกว่า ลู่หานสะกิดมินซอกเบาๆ

    “ได้ยินป่ะ มันพูดคำว่าน่ารักแหละ”

    “เหอะๆ ....”

     

     

    จงอินมองแพคฮยอนที่คุยอยู่กับพี่สาวของเขาอย่างออกรสออกชาติ เขาเดินออกไปตักผลไม้มาโดยจานแรกเอาวางลงตรงหน้าคริสตัล ส่วนอีกจานกำลังจะเดินอ้อมเอาไปให้แพคฮยอน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคงกำลังถูกจับตาจากเพื่อนตัวเองจึงเดินกลับมานั่งลงที่เดิม จงอินทำทีไม่สนใจลู่หานแม้แต่น้อย ให้รู้ไปสิว่าสิ่งที่อีกฝ่ายคิดมันก็แค่เรื่องเพ้อเจ้อ

     

    แพคฮยอนแอบมองจงอินและคริสตัลที่กำลังมองไปบนเวที เขาแค่คิดว่าอีกฝ่ายดูไม่เห็นเหมือนทุกที ปกติจะชอบมาจุ้นจ้านเหมือนเขาเป็นเด็กอมมือ พอมาวันนี้ก็กลับบึ้งตึงและอารมณ์เสียใส่ จะเอายังไงกันแน่

     

     .. แต่ถ้าถามตัวเองก็กลับยิ่งแย่ พอเค้าดีด้วยก็ตีตัวออกห่าง พอเค้าไม่สนใจก็เหมือนตัวเองไม่สำคัญ

     

     

    ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย

     

     

     

     

     

     

     

    “อะไรนะๆ แล้วนายทำไงล่ะทีนี้” ซองอินถามถึงเรื่องที่เพื่อนของน้องชายกำลังเล่าให้ฟัง

    “ก็ ผมก็กลัวมากน่ะสิ” แพคฮยอนแสร้งทำหน้าปลงๆ

    “นั่นแหละ แล้วทำไงต่อเล่า นาก็เลยชกไอ้ผีปลอมนั่นไปเลยใช่มั้ย” ใบหน้าสวยเข้มเบิกตากว้างอย่างอยากรู้

    “เปล่าครับ .. ผม ก็ วิ่งน่ะสิ จะยืนอยู่ทำไมเล่า!!!

    “ห๊ะ ... ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันก็นึกว่าจะแน่จริง”

     

    ซองอินและแพคฮยอนระเบิดหัวเราะใส่กันเพราะเรื่องโจ๊กที่กำลังสลับกันเล่าโดยมีลีอินยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

     

    จงอินมองพี่สาวก่อนจะแอบจดจ้องอีกคนที่กำลังหัวเราะเสียงดัง แต่พอแพคฮยอนมองกลับมาเขาก็หันไปมองอย่างอื่นแทน

     

     

     

     
     

    “นี่ลู่หาน นายเลิกกดดันจงอินมันเหอะ แล้วดูแพคฮยอนทำหน้า .. โอ๊ย มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว” มินซอกแอบกระซิบเบาๆ

    “แบบนี้สิดี มันจะได้ระเบิดออกมาไงล่ะ”

    “อ้าว .. ไอ้เราก็คิดว่าซีเรียส นี่นายสนุกกว่าฉันหรอกเหรอเนี่ย”

    “แน่ล่ะ จะว่าซีเรียสก็ถูก แต่เรื่องนี้เห็นแล้วก็อยากดูต่อไป หมั่นไส้มันว่ะ”

    “ก็ขอให้ไม่หนักหนาจนเกินไปก็แล้วกัน”

     

     

     

     

    งานปาร์ตี้วันเกิดแบบที่แพคฮยอนไม่เคยเจอนั้นกำลังดำเนินไปในแบบของมัน เขามองเจ้าของวันเกิดที่ขึ้นไปกล่าวขอบคุณอยู่บนเวที เขามองบรรยากาศรอบข้างไม่ว่าจะเป็นผู้คนหรือบ้านหลังโตที่ล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้สัมผัสเลยสักนิด

     

    สายตาหม่นๆอดไม่ได้ที่จะมองไปที่โต๊ะของขวัญนั้นอีกครั้ง มือบางกำสายเป้เอาไว้กับบางอย่างในกระเป๋าที่ต่างชั้นกันมาก อีกฝ่ายก็คงไม่ได้หวังอะไรจากเขาอยู่แล้ว เก็บกลับไปในที่ๆมันควรจะอยู่ดีกว่า

     

     

     

     

    งานปาร์ตี้จบลงในเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี

     

    คิมจงอินเดินไปส่งเพื่อนๆของเขาโดยที่อีกฝั่งจะเป็นพ่อกับแม่ที่ยืนส่งแขกอยู่เช่นกัน แพคฮยอนยืนอยู่ข้างกับคริสตัลที่รอเวลาให้ทุกคนกลับหมดแล้วจงอินจะได้ไปส่งพวกเขาเสียที

     

    “นายไม่ชวนคริสตัลกลับล่ะลู่หาน” มินซอกถาม

    “ไม่หรอก อยากให้พวกมันกลับด้วยกัน .. เออแต่ว่า ลองถามดูดีกว่า”

     

    ลู่หานทำตามที่มินซอกบอกเพราะคิดว่าอยากจะลองดูปฏิกิริยาของเพื่อนรัก และมันก็ผิดคาดไปอย่างสิ้นเชิง จงอินหันกลับมาบอกชัดๆว่าเขาจะไปส่งคริสตัลเอง

    “ฉันไปรับมา ก็จะพาไปส่ง”

     

     

     
     

    “นี่มินซอก นายว่ามันจงใจตอบแบบนั้นเพราะรู้ทันเรารึเปล่า นี่สรุปแล้วมันยังไงกันฉันเริ่มดูไม่ออกแล้วนะ”

    “ใจเย็นๆน่า วันนี้กลับก่อนดีกว่าลู่หาน แล้วไว้ดูไปเรื่อยๆ”

     

    ทั้งสองคนยังคงกระซิบกระซาบกันต่อไปกับพฤติกรรมของเพื่อนรักที่พวกเขาอยากจะรู้นักว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป

     

     

     

     

     

     

    ภายในรถนั้นคลอไปด้วยเสียงเพลงเบาๆ คริสตัลเลือกเพลงที่เธอชอบขณะที่นั่งมองทางไปข้างกับจงอินโดยมีแพคฮยอนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง

     

     

    “เดี๋ยวแวะส่งเธอก่อนนะคริสตัล”

    “โอเค”

     

    หญิงสาวตอบสั้นๆ แม้ภายในใจจะแอบคิดอะไรบางอย่างแต่เธอก็ไม่คิดจะถามอะไรออกไป

     

     

     

     

     

    “ไม่ต้องเข้าไปหรอก ส่งตรงนี้แหละจงอิน”

     

    คริสตัลบอกให้จงอินจอดแค่ที่หน้าประตูรั้ว เธอยังนั่งเฉยไม่ยอมลงไป เป็นอันรู้กันว่าเพราะอะไร

    “ต้องให้ถามทวงตลอดนะของขวัญน่ะ”

    “แหม .. ก็คิดว่านายลืมทวง”

    “จะลืมได้ไง ของสำคัญขนาดนี้”

    “จะให้วางรวมกับคนอื่นได้ไงล่ะ ..”

    “ก็คนพิเศษของเธอนี่นะ

    “หลงตัวเอง” คริสตัลค้อนให้จงอินแต่ใบหน้ากลับยิ้มอย่างมีความสุข เธอก้มหน้าลงหยิบเอาบางอย่างในกระเป๋าออกมา มันคือกล่องยาวๆขนาดเล็กห่อด้วยกระดาษเรียบๆแต่ดูหรูไม่เบา

     

    “อ่า .. ปากกาอีกแล้วเหรอ ปีก่อนก็ปากกา”

    “รู้อีกนะ”

    “แหงล่ะ ฉันฉลาดนี่”

    “ผิดแล้วต่างหากล่ะ”

    “งั้นอะไร”

    “ไม่บอก ไปเปิดดูเอาเองแล้วกัน”

     

     

    จงเอื้อมมือมาบีบเบาๆที่ปลายจมูกรั้นอย่างหมั่นเขี้ยว ใบหน้าคมหัวเราะเล็กน้อย สายตาทั้งคู่ที่เบนออกดันสบเข้ากับใครบางคนผ่านกระจกมองหลังพอดี แพคฮยอนไม่ทันตั้งตัวจึงรีบหลบตาไปอีกทาง

     

    จงอินเดินลงจากรถไปส่งคริสตัลที่หน้าประตู้รั้วใหญ่

    “พ่อแม่ยังไม่กลับเหรอ”

    “กลับพรุ่งนี้น่ะ”

    “งั้นเหรอ .. รีบเข้าบ้านเถอะดึกมากแล้ว” จงอินบอกแฟนสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขายืนรอจนกว่าคริสตัลจะเดินเข้าไป แต่เธอกลับยังไม่ยอมขยับ

    “จงอิน ....”

    “หืม ว่าไง”

    “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ”

    “อืม ขอบใจมาก แต่อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ชอบมาทำซึ้งนะ อย่าร้องนะคริสตัล”

    “เปล่าซะหน่อย”

    “เฮ้อ .. เธอเนี่ยน้า”

     

    ร่างสูงเดินเข้าหาร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนรัก ใบหน้าคมโน้มลงแนบริมฝีปากที่แก้มเนียนอย่างทะนุถนอม

     

    “ฝันดีนะ”

     

     

     

     

     

    สายตาของคนที่นั่งรออยู่ในรถกำลังจดจ้องภาพตรงหน้าที่ห่างออกไปไม่ไกล

     

    แพคฮยอนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะดีใจแค่ไหนที่เห็นรอยยิ้มของจงอิน

    พอๆกับที่ไม่เคยรู้สึกเจ็บหัวใจเท่านี้มาก่อน .. ที่ยิ้มละมุนแบบนั้นเขาคงไม่มีวันจะได้มัน

     

     

    พอทีเถอะแพคฮยอน หยุดได้แล้ว

     

     

     

     

     

     

    ระหว่างทางทั้งสองนั่งเงียบกันมาตลอด แม้ว่าจงอินจะไม่อยากเก็บเอามาใส่ใจแต่เขาก็ยังไม่หยุดครุ่นคิดกับสิ่งที่เพื่อนได้พูดเอาไว้ เขามองคนข้างกายที่นั่งเงียบผิดปกติ

    “นี่ เป็นไรไป ไม่สนุกเหรอ”

    “เปล่า ก็สนุกดี”

    “นั่นสิ พี่ซองอินยังฝากบอกนายเลยว่าให้ไปเล่นที่บ้านบ่อยๆ รายนี้ชอบคนง่ายซะที่ไหนล่ะ”

    “พูดเหมือนพี่นายเค้าชอบฉันงั้นแหละ”

    “ก็คุยกันสนุกขนาดนั้น หรือนายไม่สนุก”

    ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึงว่า ไม่น่าจะมีใครชอบฉัน สงสัยพี่เค้าคงไม่เคยเจอแบบนี้ล่ะมั้ง ปกติคงเจอแต่พวกผู้ดี ฮะฮะ” แพคฮยอนพูดไปพลางหัวเราะเบาๆ จงอินหันมามองคนที่ยิ้มเขื่องๆเหมือนมีอะไรในใจ

    “นายเป็นไรรึเปล่า”

    “ฉันดีใจนะถ้าพี่ๆนายจะชอบฉัน แต่ฝากบอกด้วยแล้วกันว่าคงไม่ได้ไปที่นั่นอีกหรอก”

    “หมายความว่าไง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมามองอย่างจริงจัง จงอินไม่ชอบใจกับสิ่งที่แพคฮยอนพูดเลย

    “อะไรเล่า ฮ่าฮ่า ก็กว่าจะได้ไปอีกก็ปีหน้านู่นไง งานวันเกิดนายจัดปีละสองสามครั้งเหรอคิมจงอิน ... ไม่รู้เรื่องเลย วู้” แพคฮยอนทำท่าทีอย่างทุกทีที่อยู่ด้วยกัน แต่คนฟังกลับคิดว่ามันช่างไม่ตลกเอาเสียเลย

     

    จากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไร นอกจากเงียบกันไป

     

     

     

    จงอินมาส่งแพคฮยอนข้างทางที่ต้องเดินขึ้นไปยังละแวกบ้าน ลมหนาวยามดึกสงัดพัดเบาๆเข้ากับร่างที่ยืนรอให้อีกคนกลับไป มือของแพคฮยอนที่กำสายเป้เอาไว้เริ่มสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ คนตรงหน้าคงจะกำลังเดินจากไปและมันจะไม่มีวันเหมือนเดิม

     

    จะไม่มีวันที่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว

     

    “ขับรถดีๆล่ะ ..”

     

    จงอินขมวดคิ้วเล็กน้อย แพคฮยอนช้อนสายตามองเหมือนซ่อนอะไรอยู่

     

    “อะไรอีกล่ะ”

    “ก็ให้มาสิ ไม่มีใครแล้ว”

    “อะไรของนาย จะเอาอะไร”

    “ก็ของขวัญของฉันไง รู้หรอกน่ะว่าไม่ได้เอาไปวางที่โต๊ะตอนอยู่ในงาน”

    “นายรู้ได้ไง”

    “ก็ฉันมองนายตลอด”

     

     

    ถึงตรงนี้คนที่หลุดปากพูดออกไปก็ต้องรีบตีหน้ากลับมาเป็นอย่างเก่า เขาหลบสายตานั้นด้วยการวกกลับมาเรื่องเดิม

    “ว่าไงล่ะ หรือไม่ได้เตรียมมา”

    “เอ่อ ก็ คิดว่าจะไม่ไปเลยไม่ได้หาอ่ะ แปลกตรงไหน” แพคฮยอนปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ แต่จงอินก็ยังไม่ยอมเชื่อ

    “แล้วนั่นอะไร” ใบหน้าคมจ้องลงไปที่ประเป๋าเป้ตุงๆที่เขาสังเกตตั้งแต่มารับแล้ว แพคฮยอนเลิกลั่กอีกครั้งเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังโกหก ใบหน้าเล็กก้มๆเงยๆอยู่สักพักก่อนจะตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    “ใช่ที่ไหน ก็แค่ของพกติดตัว”

    “เฮอะ ปากแข็งจริงๆนะ”

    “ไม่ได้ปากแข็ง”

    “งั้นก็ยอมรับมาดีๆ”

    “ก็บอกว่าไม่มีไงเล่า”

    “แล้วทำไมไม่สบตา แบบนี้แปลว่าโกหก”

     

    แพคฮยอนอยากจะเดินหนีไปเลยจริงๆกับคนที่ชอบบังคับ ชอบทำให้เขาว้าวุ่นแม้แต่ในตอนสุดท้ายที่จะได้เจอกันแบบนี้

     

    นั่นสินะ ไหนๆต่อไปเราก็จะไม่ได้เจอกันแล้ว มันอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะให้นายก็ได้

     

     

    “เฮ้อ ... ให้ก็ให้ คนอะไรชอบบังคับชะมัด”

     

    ใบหน้าบูดบึ้งดูจะประหม่านิดๆเมื่อต้องหยิบเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ตุ๊กตาหมีสีดำตัวขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือหนึ่งเท่าถูกยื่นมามาให้ตรงๆ จงอินมองมันอยู่พักหนึ่ง

     

    “อะไรล่ะ มีปัญญาหาให้ได้แค่นี้แหละ ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไรนะ” แพคฮยอนจะดึงมันคืนไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรับมันเสียที แต่แล้วมือหนาก็คว้าเข้าที่ข้อมือของเขาไม่ให้ดึงหนี  จงอินมีสีหน้าจริงจังอย่างที่แพคฮยอนไม่เข้าใจ

    “จะ จับฉันทำไม”

    “นายซื้อมาจากไหน”

    “ก็ร้านตุ๊กตาไง”

    “ร้านไหน วันไหน” ใบหน้าคมรั้งข้อมือนั้นให้ขยับเข้ามาใกล้กว่าเก่า เขาก้มลงถามเสียงแข็ง

    “อะไรเล่า นายจะทำหน้าแบบนี้ทำไม”

    “ก็ตอบมาสิ”

    “ก็วันที่เจอนายตอนกินข้าวไงเล่า แล้วร้านที่ซื้อก็ร้านตุ๊กตาหมีที่นายบอกว่าฉันกับคุณชานยอลไปด้วยกันอย่างสนิทสนมอะไรนั่นยังไงล่ะ !

    “จริงเหรอ.....”

    “เออสิ ก็ตอนจะกลับฉันเดินผ่านหน้าร้านแล้วเห็นไอ้ตัวนี้มันจ้องฉันอยู่เลยคิดถึงนายขึ้นมา”

    “...................”

    “พอคิดถึงนายแล้วก็เดินผ่านเลยไปไม่ได้ ฉันก็เลยแวะร้านนั้นกับคุณชานยอล แล้วก็ซื้อไอ้ตัวนี้มาให้นายไงเล่า!

     

    แพคฮยอนพูดออกไปจนหมดกับทุกอย่างที่เขาไม่ได้โกหก แก้มขาวๆขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะหลบสายตาคนที่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเขาออก จงอินไม่พูดอะไร เขาค่อยๆคลายท่าทางน่ากลัวแบบนั้นลงแล้วยกยิ้มขึ้น

     

    “พอใจยัง ทีนี้ปล่อยฉันได้แล้ว”

     

    จงอินคลายมือที่กำแขนอีกฝ่ายออก เขารับเอาตุ๊กตาตัวนั้นมาแทนแล้วมองมันอยู่เงียบๆ ความดีใจล้นปรี่ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

     “คิดว่ามันเหมือนฉันงั้นเหรอ”

    “อ่ะ เออสิ โดยเฉพาะสี นี่ถ้ามีโถน้ำผึ้งด้วยจะเหมือนมากเลยนะ หมีกินผึ้งไงล่ะ”

    “เฮอะ ขำไปเถอะ .. คราวนี้จะยกโทษให้เพราะเห็นแก่ของขวัญชิ้นนี้หรอกนะ”

    “แค่ตุ๊กตา ธรรมดาไปล่ะสิ”

    “ไม่เลย ... พิเศษมากต่างหาก”

    “..................”

     

    แพคฮยอนพูดไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยิน ประโยคที่แสนดีของจงอินกับรอยยิ้มนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่บาดลึกลงไปในใจอย่างร้ายกาจ

     

     

    “ขอบใจมากนะแพคฮยอน”

    “อ่ะ อืม”

     

     

     

     

     

    บางที คำขอบคุณมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด แพคฮยอนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

     

     

     

    “เพิ่งรู้ว่าพออยู่ใกล้นายแล้วฉันมีความสุขจัง”

    “................”

     

     

    จงอินมองคนตัวเล็กกว่าที่สบตากับเขาเช่นกัน เขาถอนหายใจก่อนจะเอื้อมแขนข้างหนึ่งโอบเอาร่างนั้นเข้ามากอดไว้ มือหนาตบปุเบาๆที่แผ่นหลังนั้น จงอินแปลกใจเล็กน้อยที่แพคฮยอนไม่ร้องโวยวายอะไรอย่างที่คิด สักพักมือบางก็ค่อยๆดันร่างเขาออกมา

     

    ดวงตาเศร้าๆมองมาอย่างตัดพ้อในแบบที่เพิ่งเคยเห็น

     

    “แพคฮยอน......”

    “นายมีความสุข แต่ฉันไม่”

    “.....................”

    “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับนาย”

     

     

    ไม่ไหวแล้ว ..

     

    แพคฮยอนฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก เขากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา จงอินอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน และทันทีที่แพคฮยอนหันหลังให้น้ำตาเม็ดโตก็กลิ้งหล่นลงมาตามแก้ม เรียวแขนข้างหนึ่งถูกดึงกลับให้หันไปเผชิญหน้ากัน

     

    “นาย ร้องไห้ ......”

    “ช่างฉันเถอะ”

    “ใครทำอะไร บอกฉันมา”

    “ไม่มีหรอก ฉันทำตัวเองทั้งนั้นแหละ”

     

     

    แพคฮยอนปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้นั้นไหลออกมาเงียบๆ จงอินแทบจะต้องกลืนก้อนสะอึกลงไปเพราะเขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีกนอกจากมือข้างเดียวที่ยื่นออกไปหาอย่างที่อยากจะทำ ใบหน้าคมโน้มลงใกล้กันก่อนจะเกลี่ยน้ำตานั้นออกเบาๆ

     

    “ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าทำไม่ดี ฉันขอโทษ”

    “ฮึก .. ไม่หรอก นายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”

    “แล้วทำไมถึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน”

    “ก็เพราะ ... ฉันไม่ได้อยากเป็นไงล่ะ”

     

     

    แพคฮยอนเรียกสติตัวเองกลับคืนมาแล้วดันมือของจงอินออกไป

     

     

    “เก็บการกระทำพวกนี้ของนายเอาไว้ใช้กับเค้าคนเดียวเถอะ”

    “.............”

    “ฉันไม่ใช่คริสตัล ไม่ใช่เพื่อนนาย อย่าพยายามทำดีกับฉันเลย”

     

     

    แพคฮยอนหันกลับก่อนจะวิ่งออกไป จงอินรู้สึกเหมือนถูกก้อนหินก้อนใหญ่ทับลงมาในหัวใจ สองขาที่อยากจะก้าวตามกลับไร้แรงแม้แต่จะยืน เขาได้แต่มองภาพอีกฝ่ายวิ่งจากไปโดยที่ยังไม่เคลียร์เลยว่าทำไม

     

    ร่างสูงยืนนิ่งโดยที่มือข้างหนึ่งยังคงกำเจ้าตุ๊กตาหมีสีดำเอาไว้

     

     

    เลยเที่ยงคืนแล้วสินะ หรือเวลาแห่งความสุขของวันครบรอบวันเกิดของเขามันจะหมดลงไปแล้ว

     

     

     ... ถึงได้ตบท้ายกันด้วยความรู้สึกที่แย่ราวกับกำลังดำดิ่งลงไปที่ไหนสักแห่ง

                   







     

    แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป

    ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย

    ...







     

     

    .

    .

    Tbc.part12

     

     









     

    เมื่อวานอัพให้60% วันนี้มาต่อส่วนที่เหลือค่ะ .. ไม่รู้ถูกใจกันมั้ยนะ 
    อ่านจบแล้วคนอ่านคงแบบ เรื่องนี้มันอะไร ลงทุ่งแล้วยัยคนเขียนช่วยกลับมารับผิดชอบด้วย ... สินะๆๆๆๆ
    TvT
    / ขอโทษที่ลงช้าๆตามแบบฉบับนะคะ คือทำแต่งานจริงๆ

     

     

    อิรุงตุงนังนิดๆ และก็เอื่อยๆไปตามที่บอกอ่ะค่ะ (เรื่องนี้เริ่มมีสไตล์เป็นของตัวเองละ==)

     

     

    หลังๆมาบทจงอินเด่นมาก แต่คนจะระเบิดตายน่ะมันน้องแพค โง้ยยยยยยย
    แล้วพวกที่อยากรู้จนนอนไม่หลับนี่ก็ไม่พ้นพี่ลู่กับมินซอก แต่ชอบนะคะ นางสองคนช่างสังเกตดีอ่ะ

     

    จะมีใครถามมั้ยว่าน้องตัลคิดอะไร?? อิอิ หรือไม่คิด หรือยังไง ^^

     

    สงสารแพคฮยอนที่มันขวัญเสียไปแล้ว อยากเข้าไปโอ๋มากมายอ่ะ นางซ่าไม่ออกเลยกับเรื่องนี้ ก็ทำไมไม่บอกไปเลยล่ะคะลูก
    ว่าจงอินมันผิด มันผิดๆๆๆๆ ไม่ใช่หนูที่ผิดคนเดียวนะคะ .. ส่วนคิมจงอิน คือชอบที่มันหลากอารมณ์ดี จริงๆแล้วเป็นผู้ชายเอาแต่ใจ
    ที่อบอุ่นไม่น้อยสินะ มันไม่ซึนแบบมึนๆอ่ะ แต่ซึนมากกกกกก มอบโล่ความซึนให้เลยอ่ะ คนเขียนไปไม่เป็นเลย มันซึนเกินไปอ่ะ
    (ได้ข่าวว่าเขียนเอง
    55555)

     

    แต่ละคนในเรื่องนี้ต่างก็คิดกันไปในแบบของตัวเอง

     

     

    เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์อีกครั้งนะคะ ซึ้งใจจริงๆบอกตรง TT

     

     

    ปล.ฟีดแบ็คนุ้งชานดีมากเลยค่ะ ขอบคุณที่ชอบกันนะ 5555





    ปล.2 รูปน้องหมีที่แพคฮยอนซื้อให้จงอินค่ะ เครดิตในรูปเลย


     

     

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×