ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Just A Beat (KaiBaek)

    ลำดับตอนที่ #11 : ◆ Just A Beat - Part [9]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.45K
      11
      18 ก.ค. 56





    Just A Beat
    Pairing : Kai x Baekhyun






    .. Part 9 ..






     

    “แล้วฉันไปเป็นเพื่อนกับนายเมื่อไหร่กันเล่า!

     

    ประโยคนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวโดยไม่รู้ตัว ความหงุดหงิดใจก็อีกนั่นแหละที่ไม่รู้ตัวเลย เขาได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปแบบ .. ไม่รู้ตัว

     

     

     

    ภายนอกกระจกบานใสในยามบ่าย มองออกไปจากโต๊ะมุมหนึ่งของร้านกาแฟแห่งนี้จะเห็นผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปมาในย่านการค้า สองร่างนั่งอยู่ตรงข้ามกันโดยมีกาแฟอุ่นๆคนละแก้วเท่านั้น ร้านแห่งนี้หลบมุมออกมาจากความวุ่นวายและโต๊ะของพวกเขาก็อยู่ติดกับผนังกระจก

     

    ใบหน้าคมหันมองออกไปนอกกระจกใส

     

    “นายเหม่ออะไรอยู่น่ะจงอิน” เสียงหวานเอ่ยถามเรียบๆ

    “เปล่าหรอกคริสตัล แค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” จงอินหันมาตอบพลางยิ้มให้เล็กน้อย

    “มาเดทกันทั้งที ฉันไม่ได้เอาแต่ช็อปแล้วลากนายให้มาแบกของซะหน่อย .. เฮอะ” เรียวปากอิ่มเบะงอมาให้ และนั่นทำให้คนมองต้องหัวเราะออกมา

    “ฮะฮะ .. ก็เอาเลยสิ ให้แบกเท่าไหร่ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกน่ะ”

    “จริงเหรอ”

    “จริงสิ”

    “โอ๊ย คิมจงอิน คนตอแหล” คริสตัลเบะปากทำหน้าไม่เชื่อมาให้หนักกว่าเก่า ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มต่อไป จงอินยิ้มกว้างพลางยื่นมือออกมาบิดที่จมูกรั้นๆนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว หญิงสาวทำทีจะตีมือนั่นออกปต่อีกฝ่ายก็ดึงมันออกไปแล้ว

    “ทำได้ทีไปเหอะนะ ฝากไว้ก่อนฉันเอานายคืนแน่”

    “ให้มันจริงเหอะน่า”

     

    ทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างเคย บรรยากาศอย่างนี้ชวนให้หวนนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่เคยมี ถึงแม้ตอนนี้บางทีคริสตัลจะรู้สึกว่าจงอินเปลี่ยนไปบ้างแต่เธอก็แค่คิดว่านั่นอาจเพราะเธอคิดไปเอง อีกฝ่ายอาจโตในระหว่างที่ไม่เจอกัน เพราะทุกอย่างที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม จงอินยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนเดิมแม้ว่าเธอจะได้ทำร้ายเขาลงไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาก็ยังเหมือนเดิมเสมอ

     

    “นี่จงอิน.....”

     

    จู่ๆคริสตัลก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา ชายหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    “อะไรของเธอ มาทำเสียงอ่อนแบบนี้จะเอาอะไร” จงอินมองหน้าคริสตัล เขาสังเกตได้ถึงแววตาบางอย่างที่หลุบต่ำลงก่อนจะเงยสบกันอย่างเดิม

    “ขอบใจนายมากนะที่ยังเหมือนเดิมกับฉัน ขอบใจที่ยังรักกัน”

    “พูดอะไรแบบนั้น จู่ๆมาทำเศร้าอะไรเนี่ย เธอนี่เพี้ยนแน่ๆ”

    “ไม่หรอกจงอิน ฉันขอบใจจริงๆ นายให้อภัยฉันกับเรื่องนั้น ... ขอบใจนะ แล้วก็อยากขอโทษอีกครั้งด้วย”

    “อืม ไม่เป็นไรหรอก คิดมากน่ะ” จงอินถอนหายใจเบาๆก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวคนตรงหน้า

     
     

    Rrrrrrrr

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือของใครสักคนดังขึ้นพอดิบพอดี เป็นคริสตัลเองที่รีบหยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ ดวงตากลมที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆนิ่งไปเล็กน้อย เธอหุบยิ้มลงก่อนจะกดวางสายแล้ววางมันลงบนโต๊ะอย่างเดิม

    “ทำไมไม่รับน่ะ”

    “ช่างเหอะ เบอร์คนโทรผิดน่ะ หลายครั้งละ”

    “เหรอ .. อืม”

     

    ทั้งสองนั่งคุยกันไปตามประสา และบางทีก็มีเวลาที่ต่างฝ่ายต่างมองกันไปคนละทาง จงอินมักจะเผลอมองออกไปด้านนอกผ่านผนังกระจก คริสตัลมองอาการแบบนั้นและอยากจะถามแต่แล้วเธอก็ต้องเลือกเงียบเอาไว้เพราะอาจไม่ใช่เรื่องที่ควรยุ่งเกี่ยว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลย

    “นี่จงอิน โทษนะ .. นายคิดมากเรื่องเพื่อนนายอยู่ใช่ไหม แพคฮยอนคนนั้นน่ะ”

    “ทำไม .. ก็ เปล่านี่ ก็ไม่มีอะไรหรอก หมอนั่นเดี๋ยวก็หายโกรธเองแหละ”

    “แต่ฉันว่านายไม่คิดแบบนั้นนะ นายดูเป็นกังวล” คริสตัลอ่านใจจงอินทะลุปรุโปร่ง คนฟังอึ้งไปเล็กน้อยที่ถูกดูออกขนาดนี้ สมกับเป็นคริสตัลจริงๆ

    “งานนี้เธอเดาผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยสักนิด”

    “แต่ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้กับใครเลยนะ เพื่อนสนิทตัวเองยังไม่เห็นคิดตามขนาดนี้”

    “นี่คริสตัล ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไร .. ฮะฮะ หมอนั่นแค่คนทำรายงานร่วมกันน่ะ ผลการเรียนแย่จนเพื่อนเค้าต้องมาขอร้องฉันให้ช่วยติว เห็นไหมล่ะ คิมจงอินอีกแล้ว” พูดจบก็ยักไหล่ราวกับไม่ยี่หระอะไร คริสตัลถอนหายใจเบาๆ

    “งั้นเหรอ ให้มันจริงเหอะ .. ว่าแต่ไอ้ท่าทางอวดดีแบบนี้ ไม่พัฒนาบ้างเลยนะนายน่ะ”

    “นี่เธอว่าฉันเหรอ”

    “แน่นอนสิ ฮะฮะ อัจฉริยะไอคิวสูงแต่อีคิวนี่ต่ำนะบอกตรงๆ”

    “นี่เธอ....” จงอินหน้าบูดเมื่อถูกต่อว่า แต่ก็ต้องหลุดยิ้มตามอีกฝ่ายที่หัวเราะจนตัวโยน เขาปล่อยให้คริสตัลชนะอีกครั้งแล้วกัน

     

     

    จงอินมองตามแผ่นหลังของแฟนสาวที่เดินไปเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มยังคงยิ้มสบายอารมณ์อย่างเดิม เขายกกาแฟขึ้นจิบพลางมองออกไปด้านนอกและคิดในใจว่าตัวเองคงจะคิดไร้สาระไปแล้ว เรื่องของคนๆนั้นจริงๆมันก็แค่รู้สึกผิดที่ผิดนัดเท่านั้นแหละ เขาไม่ได้คิดอยากยุ่งด้วยไปมากกว่านั้น

                     เขามองหนุ่มสาวหลายคู่เดินผ่านกันไปมาก่อนที่สายตาของเขาจะสะดุดเข้ากับใครบางคน

     

    .. แพคฮยอน

     

    จงอินเบิกตากว้างก่อนจะขยับมองให้ชัดๆ เมื่อใบหน้านั้นหันมาก็กลายเป็นใครคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก เขานิ่งไปก่อนจะหันกลับมาอย่างเดิมแล้วส่ายหัวให้กับตัวเอง

     

    “เป็นเอามากแล้ว .. อะไรเนี่ย ก็แค่หมอนั่น”

     

    เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องที่มีความหมายอะไร จงอินถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกทีแต่มันไม่ใช่ของเขา มันคือเสียงเดิมของเครื่องที่วางอยู่อีกฝั่ง .. โทรศัพท์มือถือของคริสตัล

     

    จงอินนั่งจ้องมันก่อนที่โต๊ะรอบๆจะมองมาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครรับสักที เขาจำใจหยิบมันขึ้นมาและชื่อที่หน้าจอก็แจ่มชัดในสายตา ใบหน้าคมไม่ฉายแววใดๆเลยนอกจากมองมันอยู่อย่างนั้น สักพักเสียงเรียกเข้าก็หยุดลงทำให้จงอินรีบวางมันลงที่เดิม เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของมันเดินกลับมาพอดี

     

    เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้

     

     

    จงอินยังคงติดใจกับชื่อที่ปรากฏในหน้าจอมือถือ

     

     

    .. Henry

     

    ชายหนุ่มยิ้มให้คนรักอย่างเคย เขาไม่คิดจะก้มมองโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นหรือถามอะไร ในเมื่ออีกฝ่ายเคยเล่าให้ฟังแล้วว่าเรื่องมันจบไปแล้ว เขาเชื่อใจคริสตัลมากกว่าใคร จงอินไม่อาจบอกได้ว่ามันรู้สึกเจ็บหรือจุกที่ตรงไหนบ้าง แต่ครั้งนั้นที่อีกฝ่ายทำเขาเจ็บเจียนตายมันมากพอกับการที่คงจะไม่มีอะไรให้เจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว

     

     

    “เป็นไรไปจงอิน ทำหน้าแปลกๆ”

    “ปะ เปล่าหรอก ..”

     










     

    ในคืนนั้นเอง ทางด้านคนที่เอาแต่สันสนวุ่นวายอยู่กับตัวเองก็ตัดสินใจบางอย่างได้ แพคฮยอนรู้ดีว่าเขาไม่ได้โกรธจงอินเรื่องผิดนัดอะไรนั่นจนต้องหลบหน้าแบบนี้ ไม่สมกับเป็นตัวเองเลยจริงๆ

     

    แต่พอนึกถึงหน้าผู้หญิงคนนั้นใจมันก็แป้วๆอย่างไม่มีสาเหตุ แต่หากจะพูดถึงสาเหตุก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง

     

    “ไม่นะเว้ย .. ใจเย็นๆแพคฮยอน แกไม่ได้ชอบอะไรหมอนั่นหรอก ก็ไม่ใช่เกย์นี่หว่า ไม่ๆๆๆ” แพคฮยอนแทบจะทึ้งหัวตัวเองกับเรื่องแบบนี้ที่มารบกวนจิตใจของเขา

     

    “แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็แย่ล่ะสิ เฮ้อ ....”

     

    แพคฮยอนบอกตัวเองว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องหลบหน้าอีกฝ่าย เพราะงั้นจึงตัดสินใจได้ มือบางคว้าโทรศัพท์เครื่องเล็กขึ้นมาเตรียมจะกดโทรออก แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจเพราะยังไม่พร้อมเท่าไหร่ แพคฮยอนทำท่าจะวางมันลงแต่แล้วความเป็นตัวเองก็กลับมาอย่างเก่า เขารีบกดโทรหาจงอินอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

    “ฮัลโหล ... อะ เออ ฉันเอง .... โทรหาแล้วแปลกตรงไหน  ก็บอกว่าไม่ได้โกรธอะไรไงเล่า  .. เออ เจอกันที่เดิม”

     

     

     

    เมื่อวางสายไปร่างเล็กก็ต้องก้มจ้องหน้าจอมือถืออยู่พักใหญ่ หัวใจที่เต้นรัวค่อยๆกลับมาเป็นอย่างเก่า แพคฮยอนรู้สึกว่าใบหน้าจะชาขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาฝืนยิ้มออกมาให้กำลังใจตัวเอง

     

     

    “ ..... ดะ ดีแล้วล่ะน่า”



      

     

     

     

    ในที่สุดทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ใต้ตึกคณะมุมเดิมที่เขาทั้งสองมักนัดกันมาทำงานบ่อยๆได้กลายเป็นที่นัดพบอีกครั้ง

     

    จงอินเดินตรงมาที่โต๊ะตัวเดิมโดยมีลู่หานที่เดินกัดป๊อกกี้ตามมาด้วย เขามองฝั่งตรงข้ามของโต๊ะที่ปรากฎร่างของใครอีกคนเช่นกัน

    แพคฮยอนกระโจนลงนั่งที่อีกด้านของโต๊ะอย่างรวดเร็วทำเอาคนที่เพิ่งเดินมาถึงพอดีต้องแปลกใจ จงอินมองท่าทางแบบนั้นอย่างสงสัย แต่คนถูกมองกลับทำตาขวางมาให้

    “นี่ .. มองแบบนี้หาเรื่องรึไง เดี๋ยวจัดให้ซะเลยหรอก”

    “ก็สงสัยว่าเลิกบ้าแล้วจริงๆรึเปล่า เห็นกลับมาซ่าแบบเก่านี่แปลว่าหายแล้วแน่ๆ”

    “พูดดีๆนะคิมจงอิน” แพคฮยอนทำหน้ายู่มาให้คนที่เอาแต่นิ่ง จงอินมองอีกฝ่ายที่กลับมาเป็นคนเดิมเหมือนตอนเพิ่งรู้จักกัน เขาเผลอยิ้มออกมาก่อนจะรู้สึกตัวจึงรีบนั่งลงแล้วปั้นหน้าตายแบบเก่า

    “ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ฉันมาช่วยนายติวนะพยอนแพคฮยอน”

    “อ้อ โทษทีครับ ขอบพระคุณอย่างสูง”

    “ดีมาก”

     

     

    ลู่หานที่ยืนอยู่แบบเดิมมองภาพตรงหน้าขณะที่ปากจะกัดแท่งป๊อกกี้สีชมพูช้าลงๆ เขายืนถือกล่องขนมพลางคิดในใจว่าอะไรคือการที่เพื่อนตัวดีของเขามีท่าทีดีใจแบบนั้น ดูก็รู้ว่าไอ้ที่ปั้นหน้าเป็นจงอินคนเดิมนั้นมันเสแสร้งแค่ไหน แล้วนี่ไปทำอีท่าไหนแพคฮยอนถึงได้กลับมาพูดคุยด้วยตามปกติ เขาอุตส่าห์เดาไว้แล้วแท้ๆว่าการติวครั้งนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ

     

    “เฮ้ .. ลู่หาน ยืนทำหน้าเหมือนขนมติดคอแบบนั้นทำไม” จงอินเงยขึ้นถามเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

    “อ้อ เปล่าหรอก มานี่ซิจงอิน” ลู่หานลากเพื่อนตัวเองให้เดินตามเขาออกมายังมุมเสาด้านหนึ่งโดยมีสายตาของแพคฮยอนมองตามมาแบบงุนงงเล็กน้อย

    “อะไรของนาย”

    “ฉันอยากถามว่ะจงอิน ไม่กี่วันก่อนแพคฮยอนยังเกลียดขี้หน้านาย...”

    “นี่! พูดดีๆนะ หมอนั่นมีสิทธิ์อะไรมาเกลียดขี้หน้าฉัน

    “เออๆๆ ก็หลบหน้านั่นแหละ”

    “นั่นก็ไม่ใช่ แบบนั้นก็เหมือนฉันตามไปอยากเจอหน้าน่ะสิ ต้องเรียกว่าหมอนั่นมันบ้ามากกว่า”

    “เฮ้อ ... เออๆๆ จะอะไรก็เหอะ สรุป มันเป็นไงมาไง”

    “เมื่อคืนเค้าโทรมาน่ะ บอกว่าเลิกบ้าแล้ว ยอมให้ติวแล้วก็นัดกันมาที่เดิม ... เฮ้อ สรุปว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายขอร้องนะ” จงอินพูดแล้วก็ถอนหายใจ และพอจ้องหน้าเพื่อนที่ไม่พูดอะไรก็ต้องชะงักเล็กน้อย

     

    ลู่หานทำหน้าเหวอๆกับจงอินที่ดูเหมือนจะพูดเองเออเองอยู่คนเดียว เพื่อนเขานี่มันพวกปากไม่ตรงกับใจจริงๆนะ

    “ว่าแล้วเชียว นายคิดว่าพวกฉันกินหญ้าเหรอวะจงอิน”

    “ว่าไงนะ .. ฉันได้ยินไม่ถนัด พูดใหม่ซิ”

    “อ่ะ เอ้อ เปล่าหรอก ก็แค่บ่นอะไรนิดหน่อย” ลู่หานเบ้ปากแล้วหยิบป๊อกกี้ขึ้นมากัดๆๆๆ

    “ไหนว่ารอมินซอกไง ไปนู่นแล้วนั่น นายไม่ไปส่งเหรอ” จงอินเหลือบมองไปด้านหลังผ่านนักศึกษาหลายคนบริเวณนี้ก็พบว่าเพื่อนอีกคนของเขาที่เพิ่งไปส่งงานมากำลังเดินออกไปนอกตึกแล้ว ลู่หานมองตามแล้วตกใจ

    “เฮ้ย! มินซอกจะไปไหนแล้วนั่น ไม่รอกันเลยนะ”

     

    ร่างสูงโปร่งปัดประเป๋าที่พาดบ่าไปอีกทางแล้วออกวิ่งตามไป

     

    “มินซอก มินซอก!! รอฉันด้วย” ร่างสูงตะโกนไล่หลังอีกคนที่เหมือนจะไม่ได้ยิน มินซอกถูกมือของเขาแตะที่บ่า

    “อ้าว .. ก็นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก ฉันไปส่งงานมาแล้วหานายไม่เจอ” แก้มป่องๆทำพองลมมาให้

    “โทษทีพอดีคุยกับจงอินอยู่ อย่าโกรธน้าๆๆ”

    “บ้าอะไรของนาย อย่ามาทำท่าแบบนี้นะลู่หาน ว่าแต่จงอิน” มินซอกขมวดคิ้วแต่ลู่หานแค่ยักไหล่ให้แล้วชี้ให้ดูเอาเอง หลังจากชะโงกไปดูสองคนที่โต๊ะมุมหนึ่งใบหน้าน่ารักก็ต้องหลุดยิ้ม

    “ว่าแล้วเชียว ก็อีหรอบนี้แหละ ฉันล่ะงงกับสองคนนี้เหลือเกิน”

    “ฉันว่านะ คนที่น่างงน่ะมันเพื่อนเรามากกว่า คิดเหมือนกันมั้ยล่ะ”

    “ก็จริงของนาย” มินซอกว่า

    “ช่างเหอะๆ ว่าแต่เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวเย็นนี้จะต้องพาแม่ไปกินข้าวบ้านยัยคริสตัลอีก ฉันล่ะขี้เกียจจริงๆ อะไรๆก็ลูกชายตลอด” ลู่หานบ่นกระปอดกระแปดให้แม่ของตัวเอง

    “บ่นเป็นเด็กไปได้ แม่นายเป็นพี่สะใภ้ของแม่คริสตัล แล้วนานๆหลานสาวจะกลับมาที ไปมาหาสู่กันก็ออกจะแฟมิลี่ดีออก”

    “โอเคๆ ไม่บ่นก็ไม่บ่น” ลู่หานถอนหายใจกับคนน่ารักของเขาที่ทำท่าจะสาธยายเป็นแม่คนที่สองแล้ว

     

                    ทั้งสองเดินข้างกันไปช้าๆแต่คนตัวสูงกว่ากลับปากไม่อยู่สุขตามเคย

    “เนี่ยนะ เมื่อกี้ถ้าเรียกไม่ทันแล้วนายจะกลับยังไงกันน้า ....” ใบหน้าดูดีของหนุ่มลูกคนรวยทำท่าคิดเรียกร้องความสนใจจากคนข้างกาย แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ลู่หานอาสาแกมบังคับที่จะมารับมาส่งมินซอก ทั้งสองจึงมาเรียนด้วยกันกลับบ้านด้วยกัน ตัวแทบจะติดกันทั้งที่อีกคนไม่ได้เต็มใจสักนิด มินซอกเบะปากหมั่นไส้เกินทน

    “ฉันก็แค่โทรให้คนขับรถที่บ้านมารับน่ะสิ อย่าคิดนะว่าไม่มีนายแล้วฉันจะลำบากกลับเอง .. ชิ  หลงตัวเองชะมัด” ว่าแล้วก็ก้าวเร็วๆออกไปทิ้งให้ลู่หานยืนเหวอก่อนจะรีบวิ่งตามไปอย่างเคย

     

     

     


     

    ทั้งสองเริ่มต้นบทเรียนกันไปแบบช้าๆ จงอินถามแพคฮยอนเกี่ยวกับเนื้อหาแต่ละอย่างที่อยากจะให้ช่วยทบทวนและทำความเข้าใจ ติวเตอร์คนเก่งจัดการวางแผนจับประเด็นในแต่ละบทแต่ละวิชาให้รวบรัดและเข้าใจง่าย หลังจากนั้นจงอินก็เริ่มจากบทแรกๆที่คิดว่าแพคฮยอนควรจะเข้าใจมันก่อน

     

    “เริ่มจากหลักการตลาดง่ายๆที่นายยังติดอยู่ตัวนึงแล้วกัน....”

    “เฮ้ .. ทำไมต้องทำหน้าดูถูกกันขนาดนั้นด้วยเล่า”

    “ก็รึไม่จริง ง่ายจะตายยังไม่ผ่านเลย”

    “พูดดีๆนะจงอิน ฉันให้นายมาช่วยไม่ได้ให้มาว่า”

    “เออๆๆๆ ขอโทษก็ได้ ไม่ได้จะว่าซะหน่อย .. กลับมาต่อได้แล้ว”

    “...ชิ”

     

    ติวเตอร์คนเก่งรีบตัดบทกับคนตรงหน้า เขาพูดเรื่องจริงยังจะทำท่าอันธพาลใส่อีก เห็นแล้วมันน่านัก

     

    “เนื้อหาพวกนี้อ่านรอบเดียวก็ได้ แต่ส่วนท้ายที่เป็นย่อสรุปนายต้องจำให้แม่น เพราะพวกเรื่องเบื้องต้นหลักๆเนี่ยเรามักจะเอาหลักมันไปใช้ แล้วเดี๋ยวค่อยฝึกกับโจทย์หลายๆแบบเอา เวลาสอบจะได้วิเคราะห์ถูก”

     

    แพคฮยอนพยักหน้าช้าๆไปตามที่จงอินอธิบาย เขาอดจะทึ่งอีกฝ่ายไม่ได้เลยจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอใครที่พูดอะไรให้เข้าใจง่ายกว่าครูที่สอนเสียอีก

     

    หรืออันที่จริงเขาพยายามจะเข้าใจมันมากกว่านะ

     

    .. ไม่หรอกมั้ง ช่างเหอะ

     

     

     

     

    เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สมองของแพคฮยอนกลับรู้สึกว่ามันเต็มจนแทบจะล้น

    “นายอธิบายได้ดีมากนะ แต่ฉันเริ่มรู้สึกว่ารับไม่ไหวแล้วล่ะ”

    “หึหึ แค่เกริ่นๆน้ำออกไป นายก็หัดจับเอาแต่เนื้อๆบ้างสิ แค่นี้ยังบอกหนัก มิน่าล่ะผลการเรียนถึงได้ปวกเปียกแบบนี้ .....” เสียงทุ้มชะงักไปเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้ทำหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างเคย ดวงตาเรียวเล็กจ้องกลับมาโดยไม่พูดอะไร และนั่นก็ทำให้คนพูดรู้แล้วว่าตัวเองไม่น่าหลุดพูดแบบนั้นออกไปเลย

    “แพคฮยอน.....”

    “เออ ถูกของนาย ฉันมันก็ไม่เอาไหนจริงๆนั่นแหละ”

    “ไม่ใช่นะคือ ฉันหมาย...”

    “พอเหอะ เก็บของกันได้แล้ว ฉันต้องรีบไปทำงาน”

    “ที่ผับนั่นน่ะเหรอ”

    “ใช่”

    “วันนี้ไม่ต้องทำนี่”

    “......... นาย รู้ได้ไง” แพคฮยอนขมวดคิ้วแน่น จงอินอยากจะตีหัวตัวเองเหลือเกินที่หลุดปากออกไปอีกแล้ว

    “ก็ เอ่อ...”

    “บอกมานะ นายรู้ได้ไง” แพคฮยอนจะเอาคำตอบให้ได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรู้

    “ฉันถามเพื่อนนายมา”

    “หนอย ..”

     

    ถึงจะจ้องตากันแบบไม่ลดละ แต่สักพักก็ต่างเบนหน้าหนีกัน แพคฮยอนใจเต้นไปกับเรื่องที่ถูกล่วงรู้ นี่จงอินถึงขั้นไปถามเรื่องานของเขาเลยเหรอ ส่วนอีกคนก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าตัวเองจะกลัวอะไร จงอินหยุดความคิดแล้วเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน

    “ในเมื่อนายโกหกว่าจะไปทำงานทั้งที่จริงก็ไม่ต้องไป เพราะงั้นอย่าอ้างว่ารีบ”

    “แล้วยังไงเล่า ฉันจะกลับบ้าน”

    แพคฮยอนหน้างอโดยไม่ยอมแพ้ แต่แล้วสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง เขาจ้องไปที่หัวของจงอินที่ไม่มีผ้าปิดแผลอยู่แล้ว

    “เฮ้ย นายไปหาหมอมาแล้วเหรอ”

    “เออสิ ล้างแผลครั้งสุดท้ายเอาผ้าปิดแผลออกก็จบ แต่เซ็งมากที่ตัวการอย่างนายไม่รับผิดชอบ”

    “รับผิดชอบ รับผิดชอบอะไรอีก”

    “ก็นายไม่รับโทรศัพท์ฉัน ปล่อยให้ฉันต้องไปโรงพยาบาลคนเดียว มันใช้ได้ที่ไหนกัน”

    “คนเดียวอะไรกัน แฟนนายก็อยู่ไม่ใช่เหรอ”

    “แต่เรื่องนี้มันต้องเป็นนายไม่ใช่รึไง”

    “.................”

     

     

    เอาอีกแล้วสิ แพคฮยอนเกลียดที่สุดเลยเวลาที่จงอินพูดอะไรไม่เข้าท่าให้เขาต้องคิดตาม ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เจตนาอะไรก็แค่พวกลูกคุณหนูเอาแต่ใจ ปากร้ายเป็นปกติ แต่ทำไมกันนะถึงได้เป็นแบบนี้ตลอด จากที่เตรียมใจมาแล้วว่าไม่ได้กลัวอะไร แต่นี่อะไร ทำไมความรู้สึกที่เขาไม่ชอบมันกลับหนักลงกว่าเดิมเสียอีก

     

    .. หงุดหงิด

     

     

     

    เมื่อนึกได้แบบนั้นแล้วเขาจึงหยุดกึกความคิดลงแล้วปรับตัวเองให้เป็นปกติ แพคฮยอนเชิดหน้าสบตาจงอินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  .. แน่นอน เขาต้องไม่แพ้ไอ้บ้าหน้าตาย คนไม่เอาไหนกว่าเขาเสียอีก

     

    “นายเป็นอะไรน่ะ”

    “อ้อ .. เปล่า แค่สงสัยนิดหน่อย” แพคฮยอนหลุดพูดบางอย่างในใจออกมา

    “ว่ามาสิ”

    “เคยอยากถามนานแล้ว อาจเสียมารยาทไปหน่อยนะ แต่แค่อยากรู้ว่านายกลับมาเรียนที่เกาหลีอีกทำไม คนเก่งอย่างนายที่อุตส่าห์ไปร่ำไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา”

     

    จงอินไม่ได้ตอบออกมาทันทีอย่างที่ควรจะเป็น อย่างน้อยต่อว่ากลับมาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่องก็ได้นี่นา ทำไมต้องเงียบแล้วไม่สบตาด้วย

    “ไม่รู้สิ เบื่อมั้ง”

    “ไม่จริงอ่ะ”

    “เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของนายเหอะ .. บางทีนายก็ไม่เข้าใจหรอก”

    “งั้นเหรอ ก็แค่คิดว่าเกี่ยวกับผู้หญิงในรูปที่นายเก็บไว้ในกระเป๋าหรือเปล่า แฟนนายน่ะ” แพคฮยอนหลุดปากพูดตามใจคิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่น่าพลั้งออกไปเลย ก็ดูอีกฝ่ายสิ เงียบไปเลย

    “เอ่อ โทษทีนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ”

    “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่มีปัญหากันนิดหน่อย ตอนนี้ระหว่างเราไม่มีเรื่องให้ต้องคาใจแล้ว” จงอินพูดไปยิ้มไป แพคฮยอนเลยได้แต่พยักหน้า แต่แล้วเรื่องที่จงอินกลับมาเกาหลีเขาเองก็ไม่รู้อยู่ดีว่าทำไม แต่ถึงอีกฝ่ายจะปฎิเสธว่าไม่ใช่เรื่องของความรักแต่แพคฮยอนก็พอจะเดาออก

     

    แต่จะว่าไป เรื่องแค่นี้ถึงขั้นกลับมาเกาหลีทั้งที่ไปเรียนที่นั่นแล้ว แบบนี้ไม่ใช่รักกันธรรมดาแล้วล่ะมั้ง .. รักมากสินะ

     

    .. รักกันดีก็ดีแล้ว

     

     

     

    .. แล้วทำไม ทำไมฉันต้อง

     

    “แพคฮยอน เหม่ออะไรของนายน่ะฮะ ตอนติวให้ก็แอบเห็นนะว่าใจลอย เก็บของเร็วๆฉันจะไปส่ง”

    “ว่าไงนะ”

    “ฉันบอกว่าเก็บเร็วๆ จะไปส่ง ต้องให้พูดซ้ำอีกมั้ย” จงอินเอ่ยเสียงแข็งพลางทำหน้าแบบที่แพคฮยอนรู้เลยว่าถึงวิ่งหนีไปตอนนี้ก็ไม่รอด

    “ชอบออกคำสั่งจริงนะ!

     

     

     

     

    ระหว่างทางที่นั่งเงียบกันมา จู่ๆเจ้าของรถที่ดูท่าจะอารมณ์ดีกว่าก็เอื้อมมือไปเปิดเพลงคั่นบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้ คนที่หน้าเป็นตูดมาตลอดทางจึงได้ผ่อนคลายลง ก่อนที่สักพักจะทำหน้าตื่นแบบคนดีใจ

    “เพลงนี้  I do ... ให้ตายสินายชอบเหรอ ไม่ได้ฟังนานมากเลยนะ คิดถึงจัง”

    “ก็ เอ้อ .. ชอบนะชอบ ก็เพราะดี”

    “โหย เห็นแบบนี้ฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของพี่เรนเลยนะ สมัยก่อนจนถึงตอนนี้ นักร้องเกาหลีก็พี่เค้านี่แหละที่หนึ่งในใจของฉันเลย” แพคฮยอนพูดไปยิ้มไปทำเอาจงอินต้องหันมามองบ่อยๆ เขาพยักเพยิดหน้าเออออตามอีกฝ่ายที่กำลังพูดถึงขวัญใจตัวเอง

    จริงๆแล้วจงอินออกจะหมั่นไส้เล็กน้อยกับท่าทีออกนอกหน้าของแพคฮยอน แต่เมื่อเทียบกับรอยยิ้มร่าเริงในแบบที่เขาไม่เคยเห็นแล้วจึงเลือกจะเงียบเอาไว้แล้วมองเพลินๆไปตลอดทางดีกว่า

     

     

    Rrrrrrrrr

     

    จงอินก้มดูชื่อที่ปรากฏหน้าจอมือถือของเขา เพื่อนรักคนเดิม

    “ว่าไงลู่หาน ขับรถอยู่มีอะไรว่ามา” ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงโทรมาพล่ามเรื่องไร้สาระไม่ก็เรื่องของมินซอกที่แสนจะมีสาระสำหรับเจ้าตัว

     

     

    “ว่าไงนะ .. โอเค หน้าบ้านคริสตัลใช่มั้ย เออๆจะไปเดี๋ยวนี้” จงอินกระแทกโทรศัพท์มือถือลงข้างๆ ใบหน้าติดจะเครียดทำเอาแพคฮยอนสงสัย

    “มีอะไรเหรอจงอิน”

    “ลู่หานโทรมาเรื่องคริสตัลน่ะ โทษทีนะถ้านายกลับบ้านช้า” จงอินเหยียบคันเร่งพุ่งขึ้นไปข้างหน้าแล้วยูเทิร์นกลับมาอีกทางอย่างรวดเร็ว แพคฮยอนได้แต่มองเงียบๆเพราะไม่กล้าถามอะไรออกไป

     

     

     

    รถเก๋งสีดำปลาบเบรกลงที่หน้ารั้วบ้านหลังใหญ่ในเวลาพลบค่ำ ภายใต้แสงไฟที่นวลจากหลอดข้างรั้ว ภาพของคนรักกำลังยื้อยุดอยู่กับชายหนุ่มที่หันหลังให้เขานั้นทำเอาต้องร้อนใจ ลู่หานที่ยืนแอบอยู่ที่ขอบรั้วนั้นสบตากับจงอินพลางดึงเพื่อนตัวเองให้หลบมาหา

    “เกิดอะไรกับคริสตัล นายมาดึงฉันไว้ทำไมเล่า”

    “เดี๋ยวก่อนเว้ย แค่จะบอกว่าผู้ใหญ่น่ะอยู่ในบ้าน พวกเรากำลังทานข้าวกันแล้วยัยคริสตัลเหมือนรับสายใครแล้วเดินออกมา ฉันว่ามันแปลกๆเลยแค่ตามออกมา ดันเห็นซะนี่ว่ามีปัญหากับหมอนี่แล้ว.... เฮ้ยจงอิน”

    ลู่หานอธิบายไม่ทันจบคนที่ร้อนใจก็ตรงเข้าไปหาคนทั้งสองแล้ว แพคฮยอนที่เดินตามลงมาช้าๆจึงสบตาเข้ากับลู่หานพอดี

    “แพคฮยอน นายมาได้ไง”

    “จงอินกำลังไปส่งฉันที่บ้านน่ะ แต่เผอิญรีบมาที่นี่ก่อน”

     

    ทั้งสองหันมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้

     

    จงอินตรงเข้าไปรั้งเอาร่างของคริสตัลออกมาจากมือของผู้ชายคนนั้น เขาตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่ไม่รู้ว่าคืออะไรแต่แล้วเมื่อผู้ชายคนนั้นหันหน้ากลับมาเขาก็ต้องชะงักไป

     

    ใบหน้าขาวของหนุ่มเอเชียที่เติบโตอยู่เมืองนอก คนๆนี้คือคนที่จงอินชอบเรียกสั้นๆว่าหนุ่มฝรั่งที่เคยทำให้หัวใจของเขาพังยับเยินมาแล้วครั้งหนึ่ง มือหนากำแน่นอยู่ที่แขนของคนรักขณะที่ตัวเขาจะยืนขวางคนทั้งสองเอาไว้

    Hi คิมจงอิน ไม่เจอกันนานนะ”

    “หวัดดี .. เฮนรี่” จงอินฝืนกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่นึกว่าคนตรงหน้าที่เคยเรียนด้วยกันที่อเมริกาจะมายืนอยู่ที่นี่ได้ในเวลานี้ ไม่ได้คิดว่าแปลกอะไรหรอกกับลูกคนมีเงินจะลำบากอะไรกับแค่ค่าตั๋วเครื่องบิน แต่การที่มาถึงที่นี่คงไม่ได้มาแค่เที่ยวหรอก

     

    อย่าบอกนะว่าคนๆนี้ตามคริสตัลมาถึงเกาหลี

     

    แม้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายจะฝืนยิ้มมาให้แต่เขากลับไม่ได้ยิ้มกลับเลยสักนิด ใบหน้าคมตวัดมองแฟนสาวช้าๆ คริสตัลยกมือปาดน้ำตาทั้งหมดของเธอออกไปพลางส่ายหน้าไปมาเหมือนกำลังปฎิเสธอะไรสักอย่าง

    “ไม่ไช่นะจงอิน ..ฮึก ฉัน ฉัน.....”

    “อย่าโทษเธอเลย ฉันเองต่างหากที่อยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง” ชายหนุ่มที่ชื่อว่าเฮนรี่นั้นรีบให้คำตอบแทนหญิงสาว คริสตัลสบตากับเฮนรี่ ทั้งสองต่างมีสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน เฮนรี่ไม่ยอมแพ้ที่จะคุยกับคริสตัลให้ได้ นิสัยตรงๆแบบฝรั่งของเขาจึงทำให้แสดงออกมาอย่างชัดเจน

    “คริสตัล .. ฉันไม่รู้ว่าระหว่างเรามันจบลงได้ยังไง เธอให้คำตอบฉันที”

    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ ฉันแค่เผลอสนุกไปกับนาย ฉันมีเค้าอยู่แล้ว นายเข้าใจมั้ย ..อึก นะ นายเข้าใจซะทีสิเฮนรี่” คริสตัลพูดไปเท่าไหร่ น้ำตาเม็ดโตก็ร่วงลงมาตามแก้มเท่านั้น

    เฮนรี่ที่แบกความเศร้าเอาไว้ไม่แพ้กันกำลังจะก้าวเข้าหาคริสตัล แต่มือของจงอินกลับเบี่ยงร่างของแฟนสาวให้หลบไปข้างหลังของเขามากกว่าเดิม

    “ถอยออกไปนะ ไม่ได้ยินรึไงที่คริสตัลบอก”  

    “แต่......”

    “ฉันยืนอยู่ที่นี่ทั้งคน นายไม่เกรงใจกันบ้างรึไง ฉันกับคริสตัลเรากลับมารักกันเหมือนเดิมแล้ว เรารักกันมานานก่อนที่จะได้เจอนายที่อเมริกาด้วยซ้ำ .. นายรู้เรื่องนี้ดีแต่ก็ยังคบหากับเธอลับหลังฉัน สำหรับคนที่ฉันรักเมื่อกลับมาฉันก็อภัยให้ได้ แต่นายที่ยังไม่ยอมจบทั้งที่เธอก็บอกไปแล้วชัดเจน มันหมายความว่ายังไง” จงอินเอ่ยเสียงแข็งอย่างหมดความอดทน เขาไม่ขยับให้คนทั้งสองได้ใกล้กันแม้แต่นิด

     

    คริสตัลซบหน้าลงร้องไห้ที่หลังของจงอินโดยมีเพียงสายตาอาวรณ์ของเฮนรี่ที่มองอยู่อย่างทำอะไรไม่ได้

    “โอเค .. ที่นายพูดมาถูกหมดนะคิมจงอิน”

    “งั้นนายก็กลับไปได้แล้ว...”

    “ฉันยอมแพ้ โอเค ฉันแพ้ .. แต่ขอพูดอะไรกับเธอหน่อยได้มั้ย” เฮนรี่จ้องร่างที่เอาแต่หลบหน้าเขา จงอินไม่ตอบอะไรนอกจากยืนดู

    “คริสตัล .. ได้โปรด มองหน้าฉันที...”

    “.............” เรียวหน้าสวยไม่ขยับแม้แต่นิด เธอไม่ตอบอะไรก่อนที่สักพักจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากเสื้อของคนที่เธอพึ่งพิง

    “ฟังฉันนะ ตลอดมาฉันไม่คิดว่าเธอแค่สนุก แต่ถ้าเธอยืนยันแล้วว่าระหว่างเรามันเป็นแค่ภาพลวงตา ฉันก็ขอยอมแพ้ ....”

    “..............”

    “พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับอเมริกาแล้ว แม้จะอีกแค่ไม่นานที่เราจะได้เจอกันที่มหาลัย แต่สำหรับเธอ .. เธอของฉัน ทั้งหมดมันคงไม่มีอีกแล้ว ... คริสตัล ฉัน.....”

     

    เฮนรี่เงียบไปเพราะความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่ทำให้เขาจุกจนหมดแรง ชายหนุ่มสบตาชื้นๆของหญิงสาวที่มองมา ความหวังเล็กๆแค่เธอยิ้มให้หรือพูดอะไรกับเขาสักนิดก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย แม้ว่าเฮนรี่จะมั่นใจแค่ไหนว่าภายใต้ความเย็นชานั้นเธอยังมีใจให้เขา แต่วันนี้มันพิสูจน์แล้วว่าเขาคงคิดไปเอง น้ำตาลูกผู้ชายหนึ่งหยดหล่นกระทบพื้นปูนเบื้องล่าง

     

     

     

     

    ท่ามกลางสายตาของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ลู่หานและแพคฮยอนยืนนิ่งกับเหตุการณ์ที่ไม่รู้จะเรียกว่าสะเทือนใจดีไหม ทั้งสองอึ้งไปกับภาพตรงหน้าที่ดำเนินไปเรื่อยๆ พวกเขาที่ไม่เคยจริงจังเสียทีอดคิดไม่ได้ว่านี่หรือความเสียใจที่เกิดจากความรัก

     

    “สำหรับเธอ ระหว่างเรามันได้จบไปแล้ว  แต่ฉัน .. ”

    “.............”

    “... I love you

     

    เฮนรี่พูดจบก็เดินจากไปยังรถคันสวยที่เขาเช่ามาขับ ชายหนุ่มดันกายเข้าไปข้างในอย่างคนหมดแรง รถทั้งคันพุ่งออกไปจากที่ตรงนี้ทันที คริสตัลมองตามไปโดยไม่คิดจะเอ่ยอะไรแม้แต่นิด จงอินเอื้อมไปจับแขนของแฟนสาวเอาไว้ เขาเองก็ใช่ว่าจะชอบใจนักกับการที่เห็นใครสักคนต้องเสียใจ

    “คริสตัล....”

    “จงอิน ฉันผิดใช่ไหมที่ทำให้เค้าเสียใจ ..ฉันผิด ทั้งกับนายและกับเค้า ฉันมันคนไม่ดี”

    “ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่ .. เธอดีเกินไปต่างหาก”

    “แต่ฉันกับเค้าเราจบกันแล้ว ฉันมีนายคนเดียว ฉันรักนายคนเดียวแต่แรก ... จงอิน ฉันขอโทษนะที่เคยทำให้นายเสียใจ”

    “ไม่หรอก คริสตัล ...”

    “ฮึก....”

    “เงียบซะนะ”

     

    ชายหนุ่มโน้มกายลงรวบกอดหญิงสาวเอาไว้ เขาอยากจะปลอบโยนคนที่รักให้หายจากความเสียใจและตระหนกตกใจกับเหตุการณ์นี้

     

     

     

    เมื่อสถานการณ์คลายลง จงอินจึงเดินโอบไหล่คริสตัลมาหาคนทั้งสองหน้ารั้วบ้านที่ยังปิดเอาไว้

    “ลู่หาน นายพาคริสตัลเข้าบ้านทีนะ ป่านนี้ผู้ใหญ่คงสงสัยแล้วล่ะว่าพวกนายหายไปไหน”

    “อ่ะ .. อืมๆๆ ว่าแต่นายไม่เข้าไปด้วยเหรอ”

    “ไม่หรอก...” จงอินบอกก่อนจะหันมามองแพคฮยอน เป็นอันเข้าใจกันว่าเขาต้องไปส่งอีกฝ่ายที่บ้าน

     

    “เฮ้ย ไม่เป็นไรนะ นายไม่ต้องไปส่งหรอกฉันกลับเองได้”

    “เงียบน่ะ”

     

    จงอินเบนสายตาจากใบหน้าที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เขาก้มกระซิบบางอย่างกับคริสตัลก่อนจะดันร่างของเธอเบาๆเพื่อให้เพื่อนรักดูแลแทน หญิงสาวที่เคยมาดมั่นกำลังอยู่ในอาการเซื่องซึมที่ไม่บ่อยนักหรอกที่ใครจะเห็น คริสตัลหันมายิ้มให้แพคฮยอนเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าเดินเข้าบ้านไป

     

    ลู่หานมองหน้าจงอินพลางเลิกคิ้ว

    “ฉันจะไปส่งแพคฮยอน ไว้เจอกันพรุ่งนี้”

    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันกลับเองได้ นายไม่ต้อง....”

    “เงียบเหอะน่า บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งไงเล่า” จงอินหันมาพูดเสียงแข็ง เขาทำตาดุมาให้แพคฮยอนที่สุดท้ายก็ไม่กล้าแย้งอะไรอีกอยู่ดี จงอินคว้าเข้าที่แขนของแพคฮยอนแล้วออกแรงบังคับให้เดินตามเขาไปที่รถ

     

    ลู่หานมองคนทั้งสองพลางคิดอะไรในใจ เขาถอนหายใจก่อนจะเดินตามลูกพี่ลูกน้องเข้าบ้านไป

     

     

     

     

     

     

     

    ตลอดทางที่แพคฮยอนนั่งรถออกมากับจงอินก็สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายดูจะตั้งใจกับถนนตรงหน้าเป็นพิเศษ คนอาศัยไม่กล้าทักอะไรจึงได้แต่มองถนนรอบข้างในยามค่ำคืนแทน

     

    จู่ๆรถทั้งคันก็เบนออกนอกเลนด้วยความเร็ว จงอินรู้สึกตัวในเวลาคับขันจึงเหยียบเบรกลงอย่างแรงทำให้รถที่ตกมานอกทางต้องหยุดลง

     

    ครึก!!!

     

    “อึก.....”

     

    ทั้งสองกระแทกเข้ากับคอนโซลอย่างแรง จงอินเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยช้าๆ เขาหันไปมองคนข้างกายที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นเลย

    “เฮ้ย .. แพคฮยอน นายเป็นอะไรรึเปล่า” เขาเอื้อมไปดึงให้อีกคนเงยขึ้นทันที ใบหน้าขาวๆนั้นเบลอไปชั่วขณะ จงอินเห็นรอยแดงที่หน้าผากของแพคฮยอนจึงรีบรั้งร่างนั้นเข้ามาใกล้

    “นายเจ็บมากมั้ยแพคฮยอน ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

    “เจ็บสิถามได้ .. นาย ยะ อย่าเขย่าฉันได้มั้ย”

    “โทษที ฉันตกใจไปหน่อยน่ะ” จงอินปล่อยมือปล่อยมือออกแต่สายตายังคงไม่ละไป เขาถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าที่ไหล่ทั้งคู่ของแพคฮยอนอีกครั้ง

    “อ๊ะ เดี๋ยว..”

     

    จงอินไม่สนอะไรนอกจากยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับรอยแดงที่หน้าผาก เขาประคองหน้าของแพคฮยอนขึ้นแล้วปัดปอยผมที่หน้าผากออกให้เห็นชัดๆ แพคฮยอนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอีกฝ่ายที่เป่ารดลงมาที่หน้าผากของเขา

    “อืม .. ไม่ได้ช้ำมากอะไร ดีนะที่ไม่เลือดออก เฮ้อ” เสียงทุ้มถอนหายใจอีกครั้งด้วยความโล่งใจ โดยไม่รู้เลยว่าอีกคนได้ลืมความเจ็บไปแล้ว

     

    แพคฮยอนเม้มปากเข้าหากัน เขาเผลอผลักจงอินออกแรงๆ

    “โอ๊ย .. อะไรของนายเนี่ย”

    “ก็นายมาเบียดทำไมเล่า ฉันหายใจไม่ออก”

    “คนอุตส่าห์เป็นห่วง ยังจะมาใช้กำลัง”

    “ก็ฉันไม่ชอบ....”

    “ไม่ชอบ ไม่ชอบอะไร”

    “ก็ไม่ชอบให้นายมา ........”

     

    จงอินขมวดคิ้วให้กับประโยคที่พูดไม่จบแบบนั้น แพคฮยอนกำมือเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ในใจ จะให้บอกรึไงว่าเขาไม่ชอบให้มาทำอะไรแบบนี้ด้วย ไม่ชอบให้มาเป็นห่วงเป็นใยทั้งที่ก็ไม่ได้พิเศษอะไร

     

    .. ไม่นะ คิดอะไรวะแพคฮยอน

     

    “ไม่มีอะไรหรอก ... ว่าแต่นายเหอะ มัวแต่เหม่ออะไรนักหนา ฉันเกือบได้ตายแล้วมั้ยล่ะ” แพคฮยอนต่อว่า แต่จงอินกลับเงียบไป ชายหนุ่มไม่คิดจะเถียงอะไรนอกจากเอนหลังลงกับเบาะรถ เขายอมรับว่าเป็นเพราะตัวเองไม่มีสติ

     

    แพคฮยอนจ้องคนตรงหน้าที่ใบหน้าสลดเรื่อยๆก็พอจะเข้าใจอะไรได้ เขาเอ่ยถามออกไปเสียงแผ่ว

    “เรื่องของคริสตัล ใช่มั้ย....”

    “.............”

    “จริงๆแล้ว นายกำลังรู้สึกแย่ใช่มั้ย”

    “ฉัน ... “

     

    จงอินหลบสายตาแพคฮยอนที่มองมาแล้วหลับตาลง เขานิ่งไปก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับพวงมาลัยรถ แพคฮยอนอ่านไม่ผิดจริงๆด้วย ในตอนนั้นถึงจงอินจะเป็นฝ่ายเหนือกว่าเฮนรี่แค่ไหนแต่ภายใต้ใบหน้าที่ไม่แสดงความอ่อนแอใดๆ ข้างในใจต่างหากที่กำลังหวั่นไหวแกว่งไกวอย่างไร้ที่นึดเหนี่ยว

     

    แพคฮยอนไม่รู้หรอกว่าตัวเองเข้าใจถูกหรือไม่แต่ในเวลานั้นที่เขาเห็น ความรู้สึกมันกำลังบอกว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างนั้น ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองสภาพอีกคนด้วยความสงสารจับใจ

     

    “จงอิน....”

    “ถึงเค้าจะบอกว่ารักฉัน เลือกฉัน แต่สายตาที่พวกเค้ามองกันทำไมมันถึง ... ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้โง่นะ เค้ารักฉันจริงหรือเปล่า หรือแค่เลือกฉันเพราะไม่อยากทำผิดต่อกัน”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยความในใจออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากทุกที แพคฮยอนไม่เคยคิดเลยว่าจะเห็นจงอินเป็นแบบนี้

     

    ไม่ผิดหรอก ทั้งเรื่องที่กลับมาจากอเมริกาด้วย .. คนอย่างคิมจงอินที่ถึงกับหนีมา มันต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ จงอินเสียใจกับรักครั้งนี้ เสียใจถึงขั้นยอมทิ้งความทะเยอทะยานของตัวเองเพียงเพราะผู้หญิงคนนั้นที่มีอิทธิพลต่อเขาเหลือเกิน ไม่แปลกหรอก

     

     

    .. รักมากสินะ

     

     

     

    มือบางวางลงที่ไหล่นั้นเบาๆ แพคฮยอนไม่รู้หรอกว่าเวลาแบบนี้ควรทำอย่างไร เขาแค่อยากให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาแล้วต่อว่าหรือดูถูกอะไรเขาก็ได้ จะไล่เขาลงตรงนี้เลยก็ยังได้ .. แค่ไม่อยากให้ต้องเสียใจแบบนี้

     

    “จงอิน นายโอเคมั้ย”

    “.............”

    “คิดมากไปได้น่า คริสตัลก็เป็นคนปกติคนนึงนะ ยังไงเธอก็ต้องทำตามหัวใจของเธออยู่ดี การที่เธอเลือกนายก็เพราะว่าเธออยากเลือกยังไงล่ะ นายก็รู้จักเธอดีไม่ใช่เหรอ คริสตัลฉลาดนะ ถ้าเค้ารักคนๆนั้นจริงๆ เค้าคงไม่ยอมเลือกนายแล้วทิ้งอีกฝ่ายได้ลงหรอก”

    แพคฮยอนพูดไปตามใจคิดเพราะแค่หวังจะปลอบใจจงอิน เขาไม่มีทฤษฎีหรือหลักการอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าจะพูดไปแล้วเรื่องของความรักมันมักจะเป็นไปของมันเองมากกว่า

     

    “เห็นมั้ยล่ะว่าคนๆนั้นตื๊อเธอแค่ไหน จนตามมาเกาหลีแบบนี้ เธอยังไล่เค้าไปเลย”

    “.................”

    “จงอินอ่า .. นายอย่าเศร้าสิ ด่าฉันก็ได้นะ เงยหน้าขึ้นมาด่าฉันเดี๋ยวนี้เลย”

     

    แพคฮยอนหมดหนทางแล้วที่จะทำให้อีกฝ่ายกลับมาเป็นเหมือนเก่า ใบหน้าขาวๆเบะปากลงแล้วหันกลับมาที่เดิม

     

    “นี่!! คิมจงอิน ฉันบอกว่าให้นายเงยหน้าขึ้นมาด่าฉันไงเล่า ได้ยินมั้ยๆๆๆ” แพคฮยอนเสียงดังขึ้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ไหวติงอย่างเก่า คนตัวเล็กหน้าบูดลงกว่าเดิม เขาตวัดสายตามาหาอีกครั้ง

    “งั้นฉันด่านายเองก็ได้วะ  ดูซิจะทนได้แค่ไหน ... คิมจงอิน ไอ้คนขี้เก๊ก ไอ้คนไม่เอาไหน ไอ้คนหน้าตายนิสัยไม่ดี หน้าบูดๆของนายใช้อะไรกับฉันไม่ได้หรอก มีแต่เด็กอมมือเท่านั้นแหละที่กลัว.....”

    “หึ....”

     

     

    จู่ๆคนที่เอาแต่ซึมก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แพคฮยอนเงียบไปทันทีขณะที่กำลังสรรหาคำด่ามาอีกสารพัด

    “แน่ใจนะว่าไม่กลัว”

    “นาย เออ เลิกซึมแล้วใช่มั้ยฮะ”

    “เออสิ ใครจะบ้าให้คนไม่เอาไหนอย่างนายมาด่าเอาๆแบบนี้ ไร้สาระ”

    “ชิ ... ถ้ามั่นใจว่าตัวเองดีนักก็กลับมาทำเก่งเหมือนเดิมสิ นี่อะไร แหวะๆๆ” แพคฮยอนเบ้ปากไปให้ จงอินไม่พูดอะไรก่อนจะค่อยๆหลุดยิ้มออกมากับท่าทางแบบนั้น

    “เฮ้ .. หัวเราะอะไรวะ”

    “ฮะฮะ ... ขอบใจนะแพคฮยอน นายพยายามในแบบของนายได้ดีมากเลยจริงๆ” จงอินหยุดหัวเราะแล้วยิ้มมาให้ แพคฮยอนกรอกตาไปอีกทางพลางยักไหล่เป็นเชิงว่าเรื่องแค่นี้เล็กน้อย

    “ฉันก็มีปัญญาแค่นี้แหละ จะให้เสนอไหล่ให้นายมาร้องไห้ซบก็คงจะไม่สามารถน่ะนะ ถ้าสาวๆก็ว่าไปอย่าง” แพคฮยอนยังคงพูดไปตามเรื่อง แต่แล้วก็ต้องหยุดไปอีกเพราะจงอินจ้องเขาไม่วางตา

    “อะไร”

    “เปล่าหรอก แค่คิดว่านายก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”

    “งะ งั้นเหรอ.........”

    “ขอบใจมากนะแพคฮยอน ก็จริงของนาย เรื่องคริสตัลฉันคงคิดมากไปเอง เราคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในแบบที่ฉันไม่เคยเจอ เธอมีทุกอย่างที่ฉันต้องการโดยเฉพาะความเข้าใจ คนอื่นอาจมองว่าฉันน่าคบหาแต่พอได้รู้จักกันจริงๆก็ไม่มีใครชอบตัวตนของฉันสักคน จะมีก็เพียงคริสตัลเท่านั้นที่ฉันรับเค้ามาอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันเป็นความรักที่ฉันจะไม่ยอมเสียไป .. เค้าเชื่อใจฉัน เพราะงั้นฉันก็จะเชื่อใจเค้า”

    “อะ อืม ดีแล้วล่ะที่นายคิดได้แบบนั้น”

    “ขอบใจนายอีกครั้งนะ ฉันมีไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถแสดงความอ่อนแอให้เห็นได้”

    “...................”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “นายเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ”

     

     

     

     

     

     

     

    นึกย้อนไปสมัยก่อนที่คอยแอบมองไกลๆ ชื่นชมอยู่ในใจลึกๆ แม้ไม่เคยนึกว่าจะได้เป็นเพื่อนกันอย่างวันนี้ แค่อีกฝ่ายมองมาหรือยิ้มให้ก็พอใจแล้ว ... แต่ตอนนี้ล่ะ คำว่าเพื่อนที่ได้ยินไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กลับสวนทางกับความดีใจที่ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนแล้ว

     

     

     

     

     

    จงอินมาส่งแพคฮยอนถึงที่บ้าน เขาจอดรถลงที่ถนนทางขึ้นที่เป็นเนินแคบๆให้เดินเข้าไปแล้วจะพบอาคารบ้านเรือนทั้งเป็นหลังๆและห้องแถวเรียงชิดติดกัน

     

    แพคฮยอนเอ่ยขอบใจอีกฝ่ายแล้วเดินลงจากรถมา จงอินวิ่งตามลงมาแล้วเรียกเอาไว้ รอบข้างมีเพียงแสงไฟจากหลอดข้างทางที่ให้ความสว่าง

    “แพคฮยอน เดี๋ยวก่อน”

    “อะไรอีกล่ะ”

    “คือ เสาร์นี้ที่บ้านจัดงานวันเกิดให้ฉันน่ะ นายไปนะ”

    “เอ่อ จะดีเหรอ ฉันคงไม่....”

    “แต่ฉันอยากให้นายไป”

    “ทำไมล่ะ”

    “ก็ .........”

     

    จงอินยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองแบบที่ไม่เคยจะทำ

     

    “ก็ .. เพื่อนฉันก็ไปกันหมด นายก็ไปด้วยสิ”

    “..... งั้นเหรอ”

     

    แพคฮยอนยิ้มแห้งๆพลางหลุบตาลงมองพื้นแทน ถึงไม่นับเรื่องที่เขามันคนละสังคมกับอีกฝ่ายมากมายแค่ไหน แต่ก็ต้องเจ็บใจตัวเองจนได้ที่คิดว่าจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่วันนี้มันคืออะไร ยิ่งวิ่งหนีก็ยิ่งต้องเจอ .. ความผิดหวังอะไรกัน มันใช่ที่ไหนเล่า

     

    จงอินขมวดคิ้วเล็กน้อย

     

    “เป็นไรไป ไม่ว่างเหรอ”

    “อ่ะ  อืม”

    “อืม อืมอะไร ว่างหรือไม่ว่าง”

    “เออไม่ว่าง บอกว่าไม่ว่างก็ไม่ว่างสิ ไม่ว่างๆๆ เข้าใจมั้ย” แพคฮยอนตอบชัดเจน เข้าจ้องกลับไปอย่างแน่วแน่

     

    ถึงแม้จะเคยบอกตัวเองว่าไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องกลัว ต้องหนี หรือหลบหน้า แต่เอาเข้าจริงเขาขอยอมแพ้ แพคฮยอนไม่ไหวแล้วกับการที่ต้องเจอจงอินด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดแบบนี้

     

    “ไม่ว่างงั้นเหรอ จะไปไหน” จงอินถามเสียงแข็ง

    “เอ่อ ก็ ....”

    “งั้นก็แปลว่าว่าง ตามนั้นแล้วกัน เดี๋ยวฉันบอกที่อยู่ที่บ้านให้อีกที”

    “เฮ้ย .....”

    “เออน่า ไว้เจอกัน”

    “................”

     

    แพคฮยอนได้แต่อ้าปากค้างมองตามหลังอีกคนไป เขาถอนหายใจอย่างคนหมดแรงที่เหมือนกำลังแพ้ไปหมด จงอินเดินไปที่รถแล้วจับประตูจะเปิดออกแต่แล้วก็ต้องหันกลับมา เขาสบตากับแพคฮยอนที่มองอยู่ห่างๆ จู่ๆจงอินก็เดินกลับมาหาอีกครั้ง

     

    “อะไร”

    “เปล่า”

     

    สองสายตาสบกัน คนตัวสูงกว่าจ้องกลับลงมาไม่วางตา

    “อะไรของนาย จ้องอยู่ได้” แพคฮยอนถามเสียงอ่อน เขาอยากจะรีบกลับบ้านเสียเหลือเกิน ไม่รู้อีกฝ่ายจะรั้งเอาไว้ทำไม

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากขอบใจที่นายยอมพูดด้วยเหมือนเดิม”

    “ขอบใจทำไม นายไม่ได้ทำอะไรผิด”

    “ถึงนายจะไม่เหมือนเพื่อนที่ฉันเคยมี แต่ก็ขอบใจที่ยอมเป็นเพื่อนกับฉันนะ”

     

    แพคฮยอนไม่รู้จะตอบยังไง เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จงอินวางมือทั้งสองข้างลงที่ไหล่ของแพคฮยอนแล้วดึงเข้ามาใกล้กว่าเก่า คนตัวเล็กสูดหายใจเข้าแล้วยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

     

     

     

    “รอยที่หน้าผากใกล้หายแล้วนี่ .. ฝันดีนะเพื่อน”

     

     

     

     

     

     

    ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่คิมจงอินทำให้พยอนแพคฮยอนต้องใจกระตุก

     

     

     

     

     

     

    แสงไฟสีเหลืองจากหลอดเก่าๆข้างทางสะท้อนผ่านรถคันสีดำวาววับที่แล่นจากไปจนลับตา ชายหนุ่มที่ยืนอยู่คนเดียวมองตามไป เขากำสายเป้ที่สะพายไว้ไม่ไหวติง แพคฮยอนปล่อยมือลงพลางหันหลังเดินกลับไปยังบ้านของตัวเองโดยที่ในหัวสมองจะยังไม่ละทิ้งเรื่องราวที่เขาแสนจะเกลียดนี้ออกไปจากใจ

     

     

     

    คนอย่างนาย คนอย่างนาย...

    ถามกันสักคำหรือยัง

    .. ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายรึเปล่า

     

     

    .. บ้าเอ๊ย

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    Tbc. Part 10

     

     


     

     

     

    หวัดดีค่า ...

    ขอออกตัวก่อนว่าที่มาอัพช้าๆคราวนี้ไม่ได้โดนเรื่องไหนลัดคิวแต่อย่างใด แต่อิคนเขียนมันป่วยค่ะ
    ไมเกรนขึ้นอย่างหนัก มากมายจริงๆค่ะ ไหนจะชีวิตกากๆของนางอีก (นางบ่นทุกพาร์ท อย่าถือสา ....ฮา)

     

    ตั้งแต่พาร์ทก่อนๆยังไม่ได้ขอเสียงปรบมือต้อนรับน้องตัลเลยค่ะ พาร์ทนี้มีเฮนรี่มาด้วย *ข่มเสียงไม่ให้กรี๊ด 555

     

     

    เรื่องนี้ว่าจะไม่ยาว มันดันออกทุ่งทะเลมหาสมุทรมาจนได้ แต่จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เขียนให้อ่านกันสบายๆอ่ะบอกตรง

    ชอบเรื่องนี้อย่างที่พระนายของเรื่องมีพัฒนาการ คือมันหาสาระไม่ได้หรอกแต่จะเห็นได้ว่าตัวนายเอกเองก็พัฒนามาตลอดนะ
    ตั้งแต่เจอกับพระเอก ส่วนพระเอกนี่ก็ไม่ใช่แค่ไอ้คนหน้าตาย หรือเย็นชาแบบไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จงอินเป็นคาแรคเตอร์ที่มีมิตินะคะ
    หลังจากเหตุการณ์ในพาร์ทนี้หลังๆจะเห็นว่าให้ความสนิทใจกับแพคฮยอนมากกว่าเก่า สามารถพูดได้ บอกได้ แสดงออกด้วยได้
    จากที่เราๆเห็นว่าจงอินเป็นเด็กเรียนที่ไม่เคยสนใจใครที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อเรื่องเรียน แต่พอโตขึ้นชีวิตในรั้วมหาลัยที่กว้างกว่าเดิม
    ก็ทำให้ไม่ต้องคอยแคร์อะไรอย่างแต่ก่อน พอไม่มีกรอบก็เลยได้เรียนรู้อะไรมากกว่าเก่า ... แต่ถึงอย่างนั้น ความเป็นผู้ชายก็มากขึ้น
    ตาม (ประโยคนี่อย่าจิ้นอินนี่นะคะ
    5555)  // สรุปว่าทั้งสองคน มันซึนกันทั้งเรื่องล่ะค่ะ ==

     

     

     

    ว๊ากกกกก ... อินนี่ของพี่ ><!!!! (ไม่ใช่และ)

     

     

    เรื่องนี้หลังๆคิดว่าคนอ่านจะต้องยิ้ม คือแบบ หน่วงไม่ลงนะ เหมือนกำลังเห็นภาพเด็กซึนๆสองคนที่ชีวิตกำลังเรียนรู้กับคำว่ารัก
    .. แล้วเราจะรอดูว่าพวกเขาจะก้าวเดินตามความรักไปอย่างไร
    55555

     

     

    ขอบคุณทุกคนที่ยังรออ่านนะคะ (หรือมาอ่านรวดเดียวตอนมันจบแล้วก็ได้นะ กลัวรอจังขอโทษจริงๆ)

     

     

     

     

    ปล.อิคนเขียนขอตัวไปติ่งน้องแพคคนแมนก่อนค่ะ *เหนื่อยกับเมน แอร๊ยยยยย

     

    เจอกันคร่า !!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×