ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF KAIBAEK] Imagination with KaiBaek

    ลำดับตอนที่ #7 :  [SF] Wish on Dark X’mas

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      6
      29 เม.ย. 56






















     

    [SF] Wish on Dark  X’mas

    Pairing : Kai x Baekhyun
    Rate : PG-13
    Author : Gornhai (gorn_dbsk)

    คำเตือน : แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้ เป็นเรื่องสมมติขึ้นเท่านั้น
    ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด!!












     

    ดาวดวงน้อยเปล่งแสงริบหรี่ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด

    ถ้าคุณเป็นดวงดาว ผมก็ไม่ต่างอะไรกับฟ้ายามค่ำคืน





    บ้านหลังเล็กสภาพซอมซ่อในค่ำคืนนี้ส่องสว่างด้วยไฟเพียงไม่กี่หลอดที่เปิดทิ้งไว้ ร่างของหญิงวัยกลางคนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเก่าๆโดยที่พื้นด้านล่างนั้นมีร่างของลูกสาวคนเล็กนอนหลับอยู่เช่นกัน

    ภาพนั้นสะท้อนสู่นัยน์ตาของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายคนโต เขาเพียงแค่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างเป็นห่วงเป็นใยก่อนจะปิดประตูห้องลงอย่างเบามือแล้วเตรียมออกจากบ้านพร้อมกับถุงดำขนาดใหญ่ที่เขาเตรียมเอาไว้ สองเท้าก้าวเดินไปตามทางในซอยขนาดเล็กที่ด้านหน้าเชื่อมต่อกับถนนละแวกบ้านของคนมีอันจะกินในย่านนี้

    กลิ่นขยะที่มือหยาบกร้านทั้งสองล้วงมันขึ้นมาจากถังขนาดใหญ่นั้นไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของเจ้าของมือคู่นี้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ความเคยชินที่คนอื่นมองว่าทำไปได้อย่างไร หากมันแลกมาด้วยเม็ดเงินก็เหมือนกับว่าจะสามารถต่อชีวิตไปได้ เขาเดินเก็บของที่พอจะขายได้ในถังขยะตามถนนอยู่เป็นชั่วโมงจนนาฬิกาเรือนเก่าที่ข้อมือนั้นขยับบอกเวลาว่าเที่ยงคืนตรง


    ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าปีในชุดเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ที่ซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้ฮูดเดินฝ่าอากาศหนาวในคืนนี้ไปตามทาง โดยที่มีถุงดำขนาดใหญ่ตามเขาไปด้วยแรงลากที่มี ระหว่างทางที่กำลังเดินออกมานั้นสายตาก็ไม่ลืมที่จะมองไปที่รั้วบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่เขาไม่เคยก้าวย่างเข้าไป อย่างดีที่สุดก็ได้แค่มองไกลๆอย่างนี้ทุกครั้งที่ผ่านมา

    ดวงตานิ่งเย็นที่ชินกับไฟสลัวจากรั้วใหญ่นั้นหรี่ลงเมื่อแสงไฟจากหน้ารถคันหรูค่อยๆเคลื่อนผ่านเขาไป และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้แต่มองคนบางคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังในรถคันนั้น แม้จะแค่เสี้ยววินาทีหรือแค่เงาก็ตาม โดยที่อีกฝ่ายไม่แม้จะหันมามองเขาเลยด้วยซ้ำ

    บ้าจริงนะแกเสียงทุ้มเอ่ยกับตัวเองก่อนจะก้มหน้าเดินต่อไปยังเป้าหมายข้างหน้านั่นก็คือร้านรับซื้อของเก่าและขยะที่เขารู้จักกับเจ้าของมันเป็นอย่างดี

    ไม่นานก็ถึงที่หมาย เขาเดินผ่านเข้าไปในรั้วเก่าๆของร้านที่มีเด็กหนุ่มเกือบสิบคนกำลังแบกยกทั้งเหล็กทั้งของเก่าหรือแม้แต่ขยะที่พอจะมีราคาที่มีมากมายรอบตัวพวกเขาด้วยสภาพที่เปรอะเปื้อนไปด้วยกลิ่นที่มาจากของพวกนั้น ชายหนุ่มไม่ได้หันไปมองหรือจดจ้องอะไรนักเพราะเป็นเรื่องที่เคยชินอยู่แล้วกับภาพตรงหน้าหรือที่พวกคนเหล่านี้เรียกมันว่าอาชีพ

    แขนแกร่งวาดออกเพื่อเหวี่ยงถุงขนาดใหญ่ไปกองไว้กับพื้นเมื่อมาถึงห้องด้านในที่มีโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งตรงหน้าเขาพร้อมกับผู้ที่นั่งอยู่

    ว่าไงไค วันนี้ได้เยอะเลยนี่เสียงเถ้าแก่ร่างท้วมตะโกนข้ามโต๊ะมาหาเขา คิมจงอินหันไปตามเสียงที่เรียกชื่ออีกชื่อหนึ่งของเขา

    รีบๆให้เด็กมาเอาไปแล้วรีบจ่ายมาเถ้าแก่ท่าทางนักเลงแบบนี้ทำเอาคนฟังไม่อยากจะทำตามเอาซะเลยหากว่าไม่ใช่คนรู้จักกันมานาน

    แบบนี้นี่น่าจะทำงานเดิมจะดีกว่านะ มาเก็บของขายเป็นรายได้เสริมในตอนกลางคืนนี่คงไม่เหมาะกับนายหรอกนะฉันว่าชายวัยกลางคนเอ่ยก่อนจะกวักมือเรียกเด็กแถวนั้นที่ยกของอยู่ให้มาลากเอาถุงของจงอินไปแล้วตนเองก็ไปยืนตีราคาว่าทั้งหมดเท่าไหร่ ไม่นานนักเถ้าแก่ร้านของเก่าก็เดินกลับเข้าก่อนจะยื่นเงินทั้งหมดให้

    แค่นี้เองเหรอจงอินทำหน้าไม่พอใจเหมือนกับว่าของทั้งหมดนั้นมันน่าจะมีราคามากกว่านี้

    เฮ้อ .. ฉันบอกนายไปกี่รอบแล้วว่าไม่เหมาะกับอาชีพแบบนี้หรอก นายเก็บของขายทั้งคืนหรือว่าทำอย่างอื่นในตอนกลางวันไปด้วยมันยังไม่เท่ากับนายทำงานให้ลูกพี่นายแค่คืนเดียวหรอกนะ

    หุบปากน่าเสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆหากแต่กำลังหมดความอดทน คนพวกนี้เป็นอะไรนักหนากับชีวิตของเขา เงินดีแล้วยังไง ถ้าสักวันแม่กับน้องรู้ว่าเขาเคยทำงานให้ไอ้พวกมาเฟียนั่น มีหวังทั้งสองคนต้องผิดหวังในตัวเขาอย่างมากแน่นอน แม้ว่าตอนนี้จะถอนตัวออกมาแล้วแต่มันยังมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ตัดออกมาไม่ขาดนี่สิ

    เมื่อเห็นสายตากร้าวตวัดมองเพียงวูบเดียว เถ้าแก่จึงรีบเปลี่ยนเรื่องไม่อยากซักไซร้อะไรมากไป ชายมีอายุถอนหายใจกับชีวิตของเด็กคนนี้ที่เขาเองก็เห็นมาแต่เล็กแต่น้อย ก็เอาใจช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นน่ะนะ

    อืม ก็ดีแล้วแหละที่ไม่กลับไป อยู่กับคนพวกนั้นมันไม่เจริญหรอก

    ครับจงอินก้มหน้ารับคำหลังจากสงบอารมณ์ได้

     

     

     

    เขานำเงินที่ได้เก็บเอาไว้ก่อนจะออกจากร้านไปยังเป้าหมายสุดท้ายในคืนนี้


    นึกถึงคำพูดเถ้าแก่แล้วก็เห็นด้วย แต่มันจะดีกว่านี้มากหากว่าเขาไม่ได้ติดหนี้อย่างหนีไม่ได้กับคนพวกนั้นอยู่







    รถยุโรปคันหรูแล่นจอดลงอย่างเงียบเชียบในลานจอดรถขนาดใหญ่ของบ้านหลังโต ชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถรีบกุลีกุจอเดินอ้อมมาอีกทางเพื่อเปิดประตูให้คุณผู้หญิงกับคุณหนูที่เพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้

    แพคฮยอนลูก หลับเหรอเสียงผู้เป็นแม่เรียกให้ภวังค์ความคิดทั้งหมดหายไป ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนที่ไม่ถือว่าสูงมากนักในชุดสูทสีขาวเรียบร้อยหันมาส่ายศีรษะกับคนตรงหน้า

    เปล่าครับ ผมคงง่วงไปหน่อย

    งั้นก็รีบเข้าบ้านเถอะลูก พรุ่งนี้เช้าร้านที่แม่ติดต่อไว้เค้าจะเอาแบบงานมาให้เราดูกัน ลูกจะต้องเลือกให้ถูกใจหนูเฮรินเค้าด้วยนะ เพราะผู้หญิงน่ะ ถ้าผู้ชายที่กำลังจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันได้ทำอะไรถูกใจล่ะก็เธอจะปลื้มและประทับใจมากเลยรู้ไหมคนเป็นแม่พูดอย่างภาคภูมิใจและยินดีเป็นที่สุดที่ลูกชายคนคนเดียวจะเข้าพิธีหมั้นในคืนวันสำคัญที่หล่อนได้ดูฤกษ์ยามเอาไว้ดีแล้ว

    “...ครับ

     

    พยอนแพคฮยอนยิ้มให้พลางบอกด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ภายในนั้นกลับไม่ได้รู้สึกยินดีด้วยเลยสักนิด


    เปียโนหลังเล็กในห้องนั่งเล่นมุมหนึ่งถูกเปิดขึ้นโดยเจ้าของมัน กระจกใสบานใหญ่ที่เผยให้เห็นบรรยากาศในสวนภายนอก หากมองแล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกขังอยู่ก็ไม่ปาน ใบหน้าเรียวก้มมองดูเปียโนของตัวเองและไม่รีรอที่จะนั่งลงบนเก้าอี้พลางใช้ปลายนิ้วสัมผัสเข้าเบาๆที่แต่ละโน้ตให้ดังก้องขึ้นกลางความเงียบยามค่ำคืนนี้

    เสียงเปียโนก้องกังวานขึ้นบรรเลงเป็นเพลงจังหวะช้าๆ ท่วงทำนองหาได้ไพเราะจับจิตเหมือนมืออาชีพ  หากแต่ยามใดที่ปลายนิ้วสัมผัสลงบนแต่ละคีย์ แต่ละครั้ง ช่างกึกก้องลงไปในหัวใจเสียเหลือเกิน

    เรียวปากอิ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อจู่ๆความทรงจำคืนวันคริสต์มาสปีก่อนก็ย้อนกลับมาให้นึกถึงดังเช่นทุกครั้ง




    .
    .


    ร่างสูงของชายหนุ่มที่ไม่รู้จักนอนจมกองเลือดอยู่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปรายลงบนพื้นดินในคืนที่เหน็บหนาว คืนที่ทุกคนกำลังมีความสุขแต่คนๆนั้นกลับทำให้เขารู้สึกว่ายังมีคนที่ไม่มีใคร ไม่ต่างกัน

    ขาข้างหนึ่งเหยียบเบรกลงทันทีที่สายตาได้เจอะเจอ ร่างเล็กเปิดประตูรถออกมาพร้อมร่มที่พอจะใช้กางไว้กันหิมะได้ในเวลานี้ เขาตรงเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ สภาพปางตายแบบนั้นหากปล่อยไว้คงไม่ดีแน่

    เฮ้นี่ คุณแพคฮยอนออกเสียงเรียกให้ชายหนุ่มตรงหน้าตื่นขึ้นมา แต่มันคงเป็นไปได้ยากในเมื่อเลือดออกเยอะขนาดนี้และก็ไม่ใช่เวลาจะมาเรียกแล้วในเมื่อตัวเขาเองก็หนาวไม่แพ้กัน

    นี่คุณ ได้ยินมั้ยครับแพคฮยอนลองเรียกดูอีกครั้งเผื่อว่าจะยังไม่ตาย และก็จริงๆด้วยเมื่อเปลือกตาที่ปิดอยู่ลืมขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาแทบตกใจ

    คิมจงอินจ้องมองใบหน้าของคนที่ก้มลงเรียกชื่อเขาอยู่ ภาพนั้นปรากฏแก่สายตาอย่างชัดเจนว่านี่ไม่ได้ฝันไป คนตรงหน้าคือคนๆนั้นที่เขาไม่นึกเลยว่าจะได้มาใกล้กันขนาดนี้

    มาตะโกนอะไรตรงนี้กันคุณเสียงแหบพร่าพูดขึ้นอย่างไม่พอใจก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ลุกนั่ง แพคฮยอนเห็นท่าทางทุลักทุเลจึงยื่นมือช่วยพยุงอีกแรง โดยหารู้ไม่ว่ากลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเองจะทำให้อีกคนกำลังใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก

    ถอยไปน่ามือหนาผลักให้อีกฝ่ายขยับออกไปจากตนเอง จริงๆแล้วแค่ไม่ต้องการให้มายุ่งด้วยแต่ดูเหมือนว่าจงอินจะออกแรงมากไปหน่อยแพคฮยอนจึงล้มนั่งลงไปบนพื้นเสียอย่างนั้น

    พูดดีๆก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลยคนหวังดีช่วยเจอเข้าแบบนั้นเลยเป็นฝ่ายทำหน้าไม่พอใจบ้าง ว่าแล้วก็รีบดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

    จงอินไม่ตั้งใจจะใช้กำลังแต่จะพูดดีด้วยก็ไม่อยากจะทำเลยได้แต่เพียงเงียบไม่ตอบอะไร ร่างสูงลุกขึ้นยืนได้ทำให้แพคฮยอนแปลกใจมาก และด้วยความเจ็บใจที่ความหวังดีถูกมองข้ามสรรพนามเรียกอีกฝ่ายจึงเปลี่ยนไปในทันที

    นายเจ็บขนาดนี้ยังจะเดินได้อีกเหรอ ไปหาหมอดีกว่า มาเดี๋ยวฉันพาไป

    นี่คุณ เลิกมายุ่งเถอะ พวกคนรวยนี่เอะอะอะไรก็มีแต่จะหาหมอๆแพคฮยอนอึ้งไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าขาวขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร คนหวังดีก็มาด่าลูกเดียวแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย

    ก็สภาพแบบนี้ไปหาหมอดีกว่า มีแผลด้วย

    บอกว่าอย่ายุ่งไงเล่าจงอินตะคอกกลับไปจนคนตรงหน้าเขาเริ่มจะหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด และพอรู้ตัวว่าพูดแรงไปเลยรีบเปลี่ยนท่าที

    ขอบใจก็แล้วกันที่มีน้ำใจ แต่ไม่เป็นไรหรอกว่าแล้วจงอินก็ค่อยๆเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ท่าทางที่เดินจะแทบไม่ไหวทำให้แพคฮยอนอดห่วงไม่ได้ ร่างของคนที่ยังถือร่มเอาไว้วิ่งตามไปก่อนที่อีกฝ่ายจะหยุดทำให้ตัวเขาเองชนเข้าที่แผ่นหลังนั่นอย่างจัง

    โอ๊ย...แพคฮยอนร้องออกมา ขณะที่ร่มจะหล่นลงไปกับพื้น จงอินหันมามองดูแล้วก็ไม่เข้าใจว่าจะเอามาถือทำไม หิมะตกแบบนี้มันจะช่วยอะไรได้เท่าไหร่กัน เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าเขานั้นช่างดูวุ่นวายเหลือเกิน แต่กลับไม่ได้รู้สึกรำคาญอย่างที่อยากจะรู้สึก

     

    .. แน่ล่ะ คนที่แอบมองห่างๆมาตลอด คนที่เหมือนกับอยู่คนละโลก แค่สบตากันก็เกินพอแล้ว



    กลับไปเถอะ

    แต่นายคงไม่ไหวแล้ว ให้ฉันช่วยเถอะนะ เลือดออกเยอะแบบนั้นคุณคงถูกรุมมาล่ะสิน่าแปลกที่แพคฮยอนเดาถูก จงอินไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่พูดจาพาลๆออกไปโดยไม่คิด

    ฉลาดเหมือนกันนี่พวกคนรวย

    ว่าไงนะ .. คำก็คนรวย สองคำก็คนรวย ฉันผิดรึไงที่เกิดมารวยแพคฮยอนแทบอยากจะเอาร่มที่เก็บขึ้นมาฟาดคนตรงหน้าเสียจริงๆ

    เออ .. ผมเองแหละผิดที่เกิดมาจนจู่ๆเสียงทุ้มก็ตะโกนขึ้นมาอีกจนคนฟังได้ตกใจอีกรอบไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยากจะต่อยผู้ชายคนนี้ขึ้นมานัก

    แล้วคุณเองก็กลับไปได้แล้วนะครับ อย่ามายุ่งกับคนอย่างผมเลย

    “.............”

    อ้อ อีกอย่างนะ ผมน่ะมันพวกแก๊งมาเฟียครับ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่ามายุ่งเลยครับขอร้องเขากัดฟันพูดอย่างเหลือจะทน

    ทั้งที่พูดออกไปแล้ว ทั้งที่ในใจไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลยแท้ๆ แต่ทำไงได้ในเมื่อความเป็นจริงแค่ได้พบเจอกัน แค่อีกฝ่ายสนใจที่จะพูดกับเขาแค่นี้ก็ดีใจแล้ว


    ... ถ้าเป็นไปได้ ชาติหน้าก็อยากจะเกิดมาดีพอ พอที่จะกล้าบอกว่า ผมชอบคุณแค่ไหน

    ความคิดภายในใจที่ไม่สามารถปิดไว้ได้กำลังสวนทางกับความเป็นจริง จงอินเพิ่งรู้วันนี้เองว่าความต้องการที่ไม่มีวันเป็นจริงนั้น มันไม่ควรสักนิดกับการเริ่มต้น ไม่ควรแม้กระทั่งพบกันเพียงผ่าน .. มันทรมานเกินไป

    แพคฮยอนรู้ตัวว่าไม่ใช่คนใจร้อนแต่ครั้งนี้เขาคงต้องทำตามใจตัวเองเสียแล้ว หมัดหนักๆซัดเข้าที่ใบหน้าคมจนต้องเซไปทางด้านหลัง จากที่บอบช้ำอยู่แล้วยังต้องมาโดนแบบนี้อีกจงอินเองก็แทบยืนไม่ไหวเหมือนกัน เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปากของชายหนุ่มขณะที่สมองเริ่มจะคิดอะไรไม่ออก

    ทำเก่งได้เท่าไหร่กัน แค่หมัดเดียวจะล้มเลยรึไงคราวนี้เป็นทีของแพคฮยอนที่จะตะโกนออกมาบ้าง เขาแอบสะใจที่ได้ระบายออกไป แต่ดูแล้วจงอินคงไม่ไหวจริงๆ

    ทำบ้าอะไรเนี่ยคนถูกต่อยถามเสียงเบา

    ไปหาหมอกันเหอะ

    ว่างมากรึไง

    อย่างน้อยวันนี้ฉันก็ไม่มีคนฉลองคริสต์มาสด้วยอยู่แล้ว อีกอย่างถ้านายตายไปฉันคงเป็นคนบาปไปตลอดชีวิต

    จงอินมองอีกคนอย่างไม่อยากจะเชื่อหูเลย ก็คงไม่แปลกล่ะมั้งที่คนที่ถูกเลี้ยงมาดีจะมีแต่ความคิดดีๆ ต่างจากคนบางพวกที่พร้อมจะฆ่าคนได้เหมือนกับผักปลา คิดได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มจะเบลอขึ้นหนักกว่าเดิม หิมะที่โรยตัวลงมานั้นทำให้เลือดที่มุมปากของเขาหยุดไหลขณะเดียวกันสมองก็เริ่มจะหยุดคิด แล้วจู่ๆเลือดในกายก็เริ่มสูบฉีดอีกครั้งเมื่อสัมผัสของผ้าเช็ดหน้าสีขาวแนบลงมาที่มุมปากของเขา

    ฉันขอโทษนะที่ต่อยนาย”

     

    จงอินเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ สุดท้ายเขาก็แพ้ตัวเองจนได้เลยถูกผู้ชายคนนี้ลากไปโรงพยาบาลอย่างที่ต้องการ

    สำหรับคิมจงอินแล้ว ช่วงเวลาสั้นๆที่อยู่ด้วยกันนั้นราวกับเป็นของขวัญจากพระเจ้าในคืนวันคริสต์มาสที่แสนเหน็บหนาว และมันก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

    หลังจากทำแผลเสร็จ แค่ปล่อยให้คลาดสายตานิดเดียว คนที่แพคฮยอนยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อก็หนีหายออกไปจากโรงพยาบาลทันที โดยที่ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เลย

    .
    .




    รู้ตัวอีกทีว่ากำลังนึกอะไรไปไกล เขาก็เล่นเพลงไปหลายเพลงเลยทีเดียว น่าแปลกที่คนเราเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวแต่กลับนึกถึงได้ขนาดนี้

    คริสต์มาสปีนี้จะเจอนายอีกมั้ยนะเรียวปากอิ่มระบายยิ้มออกมาจนแทบลืมไปเลยว่าวันคริสต์มาสปีนี้คงเป็นอีกวันที่แสนเศร้า ที่ตัวเขาเองต้องทำอะไรที่ฝืนใจและแก้ไขมันไม่ได้เลย



    ---------------



    เลยเที่ยงคืนมาแล้ว สองขาคู่เดิมพาตัวเองไปยังโกดังร้างที่เป็นแหล่งที่อยู่ของแก๊งมาเฟียกวนเมืองในแถบย่านใจกลางเมือง จงอินไม่อยากจะเดินเข้าไปอีกเลย เขาอยากออกมาจากที่นี่ทุกครั้งแต่ก็ทำไม่ได้เสียที


    อ้าว มาเร็วดีนี่ไค

    เอามาเร็วๆสิที่อยู่น่ะจงอินเอ่ยเสียงต่ำ ท่าทีรีบร้อนแบบนั้นทำให้คนที่เห็นต้องขมวดคิ้ว ใบหน้าน่ากลัวของผู้ที่ได้ชื่อว่าลูกพี่ของหลายชีวิตในนั้นเอียงคอไปมาก่อนจะเดินตรงมาหาผู้มาใหม่อย่างไม่กลัวเกรงอะไร

    เดี๋ยวนี้กล้าสั่งฉันเรอะไอ้เด็กเมื่อวานซืน

    หึ .. ฉันไม่มีเวลาจะมายืนให้แกมองหน้านักหรอกนะ

    อ้อ นั่นสินะ แกต้องกลับไปเลี้ยงน้องกับแม่ที่บ้านล่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่าเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นก่อนที่อีกหลายเสียงจะดังขึ้นตาม จงอินรู้สึกว่าเขาเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ทำไงได้ในเมื่อเขาเองไม่มีทางสู้กับไอ้พวกหมาหมู่นี่อยู่แล้ว

    หนี้ที่แกติดพวกฉันไว้ ถ้าไม่เอามาใช้ก็ต้องทำตามนะรู้ไหม .. แต่ถ้าไม่อยากทำก็แค่เอาเงินก้อนนั้นมาคืน ง่ายจะตายไปคำขาดที่ไม่มีทางต่อรองนั้นถูกเอ่ยย้ำขึ้นทั้งที่เขาเองจำมันได้ขึ้นใจแท้ๆ

    ไม่อยากจะทำเรื่องพวกนี้อีกเลย ไม่อยากจะยุ่งกับคนพวกนี้เลย

    ชีวิตคนน่ะมันมีค่าแค่นี้เองรึไง

    โฮ่ .. นี่ฉันแค่จะให้แกไปสั่งสอนมันเท่านั้น ไม่ใช่ให้ไปฆ่ามันซักหน่อย จะทำป๊อดทำไมวะ แต่ก็ไม่แน่นะเว้ย คราวหน้าอาจต้องเอาชีวิตมันด้วยซ้ำ

    แก..

    ทำไม ห่วงชีวิตคนอื่นมากกว่าชีวิตแม่กับน้องของแกรึไงวะไค


    เหตุผลสุดท้ายทุกทีเลยที่เขามีชีวิตอยู่ ที่เขาทำได้ทุกอย่างเพราะเหตุผลข้อนี้ยังไงล่ะ


    กระดาษใบเล็กที่มีที่อยู่ของเป้าหมายเขียนเอาไว้ถูกโยนมาให้เขารับเอาไว้ก่อนจะถูกสั่งย้ำอีกครั้ง

    หกโมงที่งานปาร์ตี้พวกมันมะรืนนี้ เอาให้เละก็พอแล้วไม่ต้องถึงตาย




    จงอินหมดธุระกับที่นี่แล้วก็รีบออกมาเลยทันที ร่างสูงเดินผ่านสวนสาธารณะในยามค่ำคืนที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟเพื่อต้อนรับคืนวันที่ทุกคนกำลังรอคอย

    มะรืนนี้เหรอ..คริสต์มาสชายหนุ่มเดินช้าๆไปที่ชิงช้าตัวที่อยู่ไม่ไกลนัก ดึกมากแล้วจึงไม่มีผู้คนมากนัก มือหนาหยิบบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อออกมาหนึ่งมวนก่อนจะจุดไฟแล้วนำมันขึ้นมาสูบพลางนั่งลงบนชิงช้าตัวนั้น ใบหน้าคมแหงนมองท้องฟ้าที่หิมะหยุดโปรยปรายมาได้ไม่นาน ท้องฟ้ามืดมิดที่เมฆบดบังแสงจันทร์ให้หายไปเกือบหมดคล้ายกับตัวเขาไม่มีผิด

    ... ใครว่ากันล่ะ ไม่เห็นจะมืดเลย

    มีแม่กับน้องก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ชีวิตเขาสดใส แต่บางมุมที่มันยังคงมืดมนมาหลายปี ใครบางคนก็เป็นดั่งแสงสว่างไกลๆที่อย่างน้อยก็พอส่องแสงริบหรี่มาให้เขามองเห็นทาง

    จงอินพ่นควันบุหรี่ออกมาเบาๆขณะที่สองเท้าก็ดันพื้นให้ชิงช้าเคลื่อนที่ไปมาอย่างช้าๆ คริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงหวนให้นึกไปถึงคืนนั้นที่ผ่านมา คืนวันนั้นที่เขาได้ของขวัญชิ้นพิเศษจากพระเจ้า

    เขาเคยถามตัวเองหลายครั้งหลายคราว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรดี


    พยอน แพคฮยอน....


    คุณคงไม่มีวันได้เห็นผมเลยสินะ



    -----------------



    เช้าวันต่อมาในบ้านหลังเก่าที่มีเพียงพวกเขาสามแม่ลูก

    พี่จงอิน คริสต์มาสอีฟเร็วจังเนอะว่ามั้ย”’

    อืม

    คิดถึงพ่อจังเลยว่ามะ

    อืม พี่ก็คิดถึงจงอินพูดกับน้องสาวที่อายุห่างกันพอสมควร พลางเทน้ำร้อนลงในถ้วยเซรามิคก่อนจะเทผงยาสมุนไพรลงไปแล้วคนเข้าด้วยกัน


    ถ้าพ่ออยู่ เค้าคงกำลังทำแบบที่พี่ทำแน่

    ก็ถ้าไม่มีพ่อพี่ก็ต้องทำ แล้วถ้าไม่มีพี่ เราเองก็ต้องทำนะยูมิ

    “.. ชอบพูดอะไรแบบนี้จริงเลยนะ ยาพวกนี้แม่เค้าไม่ต้องการเท่ากับการมีพี่หรอกนะรู้ไว้ด้วยยูมิเอ่ยเสียงเครือเวลาที่พูดเรื่องเศร้าออกมา ดวงตากลมเหมือนกำลังจะร้องไห้จงอินจึงเอามือเขย่าหัวน้องสาวให้เลิกคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว

    ล้อเล่นน่ะ พี่จะไม่ไปไหนหรอกถ้าเรายังเลี้ยงแม่ไม่ได้แบบนี้น่ะเด็กโง่เอ๊ย .. ว่าแต่เรื่องเรียนเป็นไงบ้างล่ะ

    ก็โอเคอ่ะ แต่บางทีก็แย่นะ

    แย่ .. แย่อะไร

    ก็เรื่องเดิมๆแหละน่าถามได้พูดจบยูมิก็ดึงเอาถ้วยยาของแม่จากมือของพี่ชายมาถือไว้แล้วเดินเอาไปให้แม่เสียเอง คนเป็นพี่ได้ยินน้องสาวพูดออกมาแบบนั้นมีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ทุกอย่างก็ไม่พ้นเรื่องเงินทองอยู่ดี


    เขาจะทำอย่างไรดีที่จะให้แม่กับน้องอยู่อย่างไม่ลำบาก จะกลับไปทำงานให้พวกนั้นต่องั้นเหรอ ไม่มีทาง เขากำลังจะเริ่มใหม่และถ้าทั้งสองคนที่เขารักนั้นรู้ ไม่ ไม่มีทาง .. จงอินบอกตัวเองแล้วว่าไม่มีทางเด็ดขาด

    แต่ในเมื่อเงินที่ติดพวกนั้นอยู่มันมากเสียจนเขาไม่รู้ว่าจะหามาจากที่ไหนได้ในเวลาสั้นๆแบบนี้ และที่ต้องทำไปก็เนื่องมาจากว่าแม่ป่วยหนักและยูมิก็เพิ่งจะเข้ามัธยมปลายเลยต้องใช้เงินจำนวนที่เยอะมาก
    ใช่อยู่ว่าการไปยืมคนอื่นมันจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกหากไม่ใช้คืน แต่สำหรับเขาคงไม่มีปัญญาใช้แน่ถ้าไม่แลกกับการทำเรื่องแย่ๆต่อไป นี่เขาควรจะทำอย่างไรดีเมื่อทุกอย่างมันเลือกไม่ได้ เขาไม่อยากจะทำเลยจริงๆ


    ในเวลาที่แสนบีบคั้นนี้ หรือว่าเขาต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างให้มันเด็ดขาดกันไป ..




    --------------------------


     



    ชายหนุ่มในชุดเสื้อโค้ทสีครีมเดินเคียงคู่ไปกับหญิงสาวที่สูงไล่เลี่ยกันในย่านห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง ทั้งสองเดินเงียบๆข้างกันไปตามทางเดินด้านนอกที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศของคืนคริสต์มาสอีฟ


    พี่แพคฮยอนจบบริหารมาเหรอคะ น่าแปลกนะ ฉันว่าพี่เหมาะกับการเล่นดนตรีมากกว่าเสียอีกเสียงใสเอ่ยขึ้น

    พี่ไม่เก่งขนาดจะทำเป็นอาชีพหรอกเฮริน

    ตรงไปไหมคะเนี่ย ฉันเองก็คิดเหมือนกันนะว่าอยากจะเป็นนักดนตรีมืออาชีพ แต่ว่าคงไม่ได้หรอก เพราะเล่นอะไรไม่เป็นเลยว่าแล้วก็หัวเราะออกมาทำเอาแพคฮยอนต้องหัวเราะตามไปด้วย บางทีเขาเองก็รู้สึกว่าอยากจะมีน้องสาวขึ้นมาจริงๆเสียแล้วสิ แต่ชะตามันกลับนำพาให้กำลังจะต้องหมั้นกันเสียอย่างนั้น

    ตลกเกินไปแล้วเฮริน

    ฮ่าฮ่า นี่แหละที่เพื่อนชอบว่าฉันอยู่บ่อยๆ

    งั้นพี่ก็ขอว่าด้วยอีกคนละกัน

    ได้เลยค่ะ”

    ทั้งสองหัวเราะให้กันตามประสาคนที่พอจะเข้าใจกัน แพคฮยอนเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้อยากจะหมั้นกับเขาเช่นกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย .. จนบางทีก็รู้สึกเจ็บใจ




    เสื้อโค้ทสีดำตัวยาวถูกดึงให้กระชับขึ้นมากกว่าเก่าหลังเสร็จงานในเย็นนี้ ร่างสูงเดินผ่านผู้คนที่ขวักไขว่สวนทางกับเขาไป ใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของหนุ่มสาวชาวเมืองมันช่างทำให้เขารู้สึกอิจฉาอย่างห้ามไม่ได้ มีเรื่องหนึ่งที่จงอินคิดเอาไว้ในใจหลายวันแล้ว บอกตัวเองว่าไม่อยากข้องแวะก็จริง แต่ต่อไปที่เขาจะไม่ได้เห็นแม้สักวินาที

     

    อย่างน้อย ก็อยากให้รับรู้เอาไว้สักนิดก็ยังดี


    จงอินหยุดเท้าลงที่หน้าร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้กับสิ่งที่กำลังมองดูอยู่ สร้อยข้อมือรูปดาว

     

     ...นี่เขาคิดบ้าอะไรอยู่นะ


    ป้ายราคาติดโชว์หราบอกเอาไว้ว่ามันแพงแค่ไหน จงอินค่อยๆเดินออกมาจากตรงนั้น ในใจแอบคิดเล่นๆว่าถ้าเกิด ถ้านะ ถ้าแพคฮยอนอยากได้ เขาคงต้องซื้อมันให้ได้มาเลย แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ

    “เพ้อเจ้อจริงนะแก....”

     

    แต่แล้วจะทำยังไง ก่อนจะจากกันไปก็แค่อยากให้รู้เอาไว้

    ขายาวทั้งคู่หยุดลงเมื่อเดินห่างออกมาแล้ว ใบหน้าคมหันกลับไปมองมันอีกครั้งจากอีกฝั่งของทางเดินที่เขายืนอยู่ ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมาตรงหน้าแต่สายตาเขานั้นกำลังเบิกกว้าง ...

     

    ล้อเล่นน่ะ ...


    แพคฮยอนหยุดยืนที่หน้ากระจกใสของร้านโดยปล่อยให้เฮรินเดินเข้าไปข้างในตามประสาผู้หญิง ชายหนุ่มยืนรออยู่ด้านนอกก่อนจะมองอะไรไปเรื่อย สักพักสายตาทั้งคู่ก็หยุดลงที่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่โชว์อยู่หน้าร้านใกล้ๆกับเขา จงอินยืนนิ่งมองอีกฝ่ายที่อยู่ห่างออกไปอย่างนั้น มองร่างที่ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนอยู่หน้าสร้อยข้อมือเส้นนั้น เจ้าของสายตาที่มองไปกำลังใจเต้นอย่างไม่มีสาเหตุ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่ แพคฮยอนเงยหน้าจากตู้กระจกแล้วหันกลับมาตามสัญชาตญาณ และทันทีที่สายตาสบกัน จงอินกลับเป็นฝ่ายถอยห่างออกไป

     

    “เดี๋ยว!...”

     

    แพคฮยอนจำได้ดี ไม่ผิดหรอก ไม่ผิดแน่ๆ สองขาออกวิ่งตามสมองสั่งการ ร่างเล็กวิ่งตามใครคนนั้นที่วิ่งหนีเขาออกไปแล้ว ผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมาทำให้แพคฮยอนมองแทบไม่เห็นทาง เขาไม่สนอะไรแล้วแม้จะต้องชนคนนั้นคนนี้สักกี่คนก็ตาม

     

    และแม้ว่าสุดท้ายแล้ว จะต้องจบที่การหยุดยืนหอบหายใจอย่างหมดหวัง ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางได้เห็น

     

     

     

    คิมจงอินลอบมองร่างนั้นจากซอกตึกมุมหนึ่งที่เขายืนอยู่

     

    .. คุณอย่าเห็นเลย แค่ให้ผมได้เห็นคุณก็พอแล้ว



    ----------------------







    แล้วเช้าวันคริสต์มาสก็มาถึง บ้านเล็กๆหลังเดิมที่น่าจะกำลังพักผ่อนในวันสำคัญอย่างที่คนทั่วไปเค้าทำกันแต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย


    แม่ๆ ยูมิๆ เก็บของทั้งหมดเลยนะ เก็บทั้งหมดเลยนะเสียงทุ้มตะโกนออกมาดังจนน้องสาวตกใจแล้ววิ่งออกจากห้องนอนมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    อะไรของพี่น่ะ พี่ทำอะไรยูมิถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจกับการที่จงอินดึงลังเก่าๆและกระเป๋าออกมาพลางเก็บของบางส่วนที่พอจะเก็บได้เข้ากระเป๋าไปหมด

    ทำอะไรน่ะลูกแม่ของพวกเขาเดินออกมาพลางถามอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเมื่อดูท่าว่าจะต้องไปไหนหรือเปล่า

    แม่ครับ แม่กับยูมิ ไม่สิ .. เราต้องย้ายบ้านแล้วนะครับ

    ย้ายบ้านเสียงเล็กตะโกนออกมาจนคนเป็นแม่ตกใจอีกรอบ

    ใช่ ย้ายบ้านจงอินทวนคำพูดให้น้องสาวและแม่ฟังอีกครั้ง ท่าทางรีบร้อนแบบนั้นทำให้ทั้งสองคนที่มองอยู่รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

    แต่เราจะย้ายไปไหนล่ะลูก นี่เป็นบ้านหลังสุดท้ายที่แม่มีนะจงอิน

    แม่ครับ .. เราไม่ได้ขายบ้านไปไหน แต่ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ แม่เชื่อผมนะแล้วผมจะอธิบายให้ฟัง

    แต่..

    ขอร้องล่ะ ยูมิเอานี่ไปเก็บของเร็วว่าแล้วยูมิก็ยอมทำตาม แม่กับลูกไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลยกับเรื่องแบบนี้ แต่พวกเขาก็เชื่อว่าจงอินต้องมีเหตุผลเป็นแน่

    ทุกคนทำตามที่จงอินบอกก่อนที่จะมีรถมารับเขาทั้งสองไปในที่แห่งหนึ่ง จงอินให้เงินส่วนหนึ่งกับยูมิไว้ดูแลแม่ขณะที่เขาเองเก็บไว้ส่วนหนึ่ง

    เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะตามไปนะ ไปกับเพื่อนพี่ก่อน คนนี้ไว้ใจได้

    ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วจนบางทีก็ใจหาย จะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ไม่ได้อยู่ที่นี่ .. และจะไม่ได้เห็นคุณอีก






    แพคฮยอนกำลังนั่งดีดเปียโนในมุมเดิมของตัวเอง บ่ายวันนี้อากาศยังคงหนาวเย็น เขานั่งอยู่ตรงนี้ตรงที่ไม่มีใคร ในใจมันอึดอัดสุดจะทนเลยก็ว่าได้ เขาไม่ใช่เด็กแล้วที่ต้องรู้สึกอย่างนี้ ไม่ชอบใจแล้วทำไมต้องทำ

    เดี๋ยวสองทุ่มจะให้คนมารับนะลูก

    คำพูดของแม่ที่บอกเอาไว้ทำให้เขาต้องรออยู่อย่างนี้ ชีวิตที่ไม่มีใครเป็นพิเศษและไม่เคยพิเศษสำหรับใครกำลังร่ำร้องหาอะไรบางอย่าง

     

    “นายเป็นใครกันนะ”




    หกโมงเย็น

    เวลาที่คนสั่งงานยื่นคำขาดมานั้นมันได้ผ่านเลยไปแล้ว จนป่านนี้ทางนั้นคงรู้แล้วว่าเขาไม่ได้ทำตามที่สั่ง ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่หน้าบ้านของตัวเองอย่างรู้สึกผิด ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะเขาคนเดียวทั้งนั้น แม่กับน้องต้องไปอยู่ที่อื่นก็เพราะเขา ทุกอย่างก็เพราะเขา

    บัดซบเอ๊ย!” เสียงทุ้มสบถออกมากับตัวเองก่อนที่จะออกจากบ้านหลังนี้ไปอีกนาน

    สองเท้าเริ่มออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปตามถนนก่อนจะโบกรถแท็กซี่ตรงไปยังร้านเครื่องประดับร้านนั้น ตอนนี้เขารู้ดีว่าคนพวกนั้นคงกำลังตามเขาอยู่โทษฐานที่ไม่ทำตามคำสั่ง หรือจะเรียกว่ากำลังหนีหนี้ที่ก่อเอาไว้แล้วไม่มีไปใช้คืน แต่เขาไม่มีทางเลือก จะเลือกเงินแต่ต้องทำผิดหรือว่าหนีไปเริ่มใหม่ให้โอกาสตัวเองเพราะขืนอยู่อย่างนี้ต่อไปเขาไม่มีทางจะแก้ไขมันได้เลย ยิ่งทำก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไม่มีวันจบ พอกันทีกับชีวิตแบบนี้

    ถึงที่หมายแล้วจงอินก็รีบเอาเงินทั้งหมดที่มีจ่ายไปแลกกับสร้อยข้อมือเส้นนั้นอย่างไม่รีรอเขาพยายามจะไม่มองอย่างอื่นที่ตัวเองกำลังเดินผ่านเลยแม้แต่นิด ทั้งที่วันนี้ควรจะมีความสุขอย่างที่คนอื่นเป็นกันแท้ๆ

    น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาตามใบหน้าที่ฝืนความรู้สึกเอาไว้เต็มทีอย่างไม่มีทางห้าม เวลาไม่มีแล้วที่เขาจะให้อะไรกับคนๆนั้น คืนวันนี้ไม่มีเวลาให้เขามากขนาดนั้น ตอนนี้เขากำลังหนีและกำลังจะจากใครอีกคนไปไกล



    .. จะไม่ได้มองเห็นคุณอีกต่อไป ผมจะทำยังไงดี



    เวลาเริ่มเดินเข้าสู่ยามค่ำ ร่างของชายหนุ่มในชุดสูทสุภาพกำลังนั่งรอคนมารับไปยังพิธีหมั้นในวันนี้ งานที่จัดขึ้นในคืนคริสต์มาส .. ตลกไหมล่ะ


    .. พระเจ้า คริสต์มาสปีนี้ลูกอยากจะขออะไรสักอย่างจะได้ไหม




    จงอินวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตกลับมาที่ถนนทางเดิม แต่เขาไม่ได้กลับมาบ้านหากแต่เป้าหมายของเขาคือบ้านหลังใหญ่ที่ห่างออกไปไม่ไกลนั่นต่างหาก และเป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด สายตาคมมองผ่านหิมะบางๆที่กำลังโรยตัวลงมาไปยังภาพตรงหน้าที่เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจน

    ลูกน้องของแก๊งที่กำลังตามเขามาที่บ้านนั้นกำลังวิ่งกรูออกมาจากปากทางเข้าบ้านของเขาร่างสูงไม่รอช้ารีบวิ่งตรงไปยังรั้วบ้านหลังใหญ่ทันที ถึงไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงแต่คงไม่มีเวลาเหลือสำหรับเขาแล้ว ขาที่วิ่งแทบไม่หยุดกับอากาศหนาวที่แทรกซึมผ่านเข้ามาในเสื้อโค้ทตัวใหญ่สู่ผิวหนังนั้นช่างแสนทรมานเหลือเกิน


    ระยะทางแค่นี้ แต่เขากำลังวิ่งจนแทบหมดแรง เสี้ยววินาทีที่มือหนากดกริ่งที่รั้วได้เพียงแค่หนึ่งครั้ง ..


    ร่างทั้งร่างที่เพิ่งจะหยุดวิ่งกลับถูกกระชากจากทางด้านหลังจนตัวปลิวไปตามแรงนั้น จงอินกลิ้งลงไปกับพื้นถนนท่ามกลางคนเกือบสิบที่ยืนรอบตัวเขาอยู่ มือทั้งสองข้างที่ถือกล่องเล็กๆอยู่นั้นกอดมันไว้อย่างดี


    หึหึ คิดว่าลูกพี่ไม่รู้รึไงว่าแกกำลังทำอะไร

    อึก ..หลายเท้าที่กระทืบลงมาทำเอาเขาจุกจนพูดไม่ออก ชายหนุ่มรวบรวมสติทั้งหมดและแรงสุดท้ายที่มีวิ่งฝ่าคนเหล่านี้ออกมาแล้วตรงไปที่รั้วใหญ่นั่นอีกครั้ง

    วูบเดียวที่ความเสียใจแล่นปราดเข้ามา เสียใจที่ไม่ได้ให้เองกับมือ



    กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆสีเทาลอยผ่านแสงไฟจากมุมรั้วข้ามไปในรั้วบ้านที่ยังปิดอยู่ไม่ต่างจากร่างของเจ้าของมันที่ถูกดึงกระชากกลับไปที่เดิมอย่างไร้ความปราณี จงอินถูกรุมกระทืบอีกไม่รู้กี่ครั้งก่อนจะถูกลากขึ้นรถไปยังที่ที่ไกลออกไป








    ที่ๆเดิมที่เคยถูกทำร้ายแล้วทิ้งเอาไว้ให้เหมือนกับสุนัขที่กำลังจะตายจากโลกนี้ไป


    ฉลาดดีนี่ จะย้ายบ้านหนีรึไงวะไอ้หมาทรยศคนพูดจงใจเอ่ยแล้วถ่มน้ำลายลงไปบนร่างที่กำลังนอนขดด้วยความเจ็บปวด โดยที่เขายังไม่ทันจะได้แก้ตัวหรือพูดอะไรทุกร่างที่ยืนล้อมอยู่ก็รุมเข้าทำร้ายเขาอย่างไม่รีรอเลยสักนิด


    สมองส่วนที่ใช้ในการรับรู้ตอนนี้กำลังขาวโพลนไปหมด .. หรือว่าเขาจะตายไปแล้ว





    .
    .

    นี่ยูมิ ถ้าไม่มีพี่เราต้องดูแลแม่ให้ดีนะ


    เลิกพูดแบบนี้เหอะน่า


    ก็แค่บอกเอาไว้


    แต่หนูกลัว


    “อย่ากลัวไปเลย พี่เชื่อเรานะน้องพี่”

    .
    .







    คริสต์มาสปีก่อนและปีนี้ไม่ต่างกันเลย .. จะต่างไปก็แค่ไม่มีเค้าคนนั้นอยู่ข้างๆผมอย่างปีก่อน และคงไม่มีทางตลอดไป

    พระเจ้า ถ้าลูกยังพอมีความดีเหลืออยู่บ้าง คริสต์มาสปีนี้ขอให้ .....






    ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน

     

    ใครอีกคนที่แต่ยืนเหม่อมองออกไป


    ซานต้ามีจริงหรือเปล่านะ ถ้าผ่านมายังไงช่วยพาผมติดไปด้วยได้หรือเปล่าประโยคที่ฟังดูน่ารักแต่คนพูดกลับอยากจะร้องไห้ ทำไมชีวิตจริงมันไม่เหมือนกับในนิยายเลยล่ะ


    .. เข้มแข็งไว้แพคฮยอน


    “ไม่รอในบ้านล่ะครับคุณหนู ข้างนอกหนาวนะครับ” เสียงพ่อบ้านที่เดินผ่านมาเอ่ยทักขึ้น แพคฮยอนได้แต่ยิ้มให้แล้วพยักหน้าทำตาม แต่พอจะก้าวกลับเข้าบ้านไปนั้นสายตาก็สะดุดกับอะไรบางอย่างในมือของชายวัยหลางคน

    ลุงครับ นั่นกล่องอะไร

    ไม่รู้เหมือนกันครับคุณหนู ใครไม่รู้มากดกริ่งแล้วกล่องมันก็หล่นอยู่กับพื้นแล้ว สงสัยจะโยนเข้ามา

    ผมขอดูหน่อยสิ..

    จะดีเหรอครับ เผื่อเป็นระเบิดล่ะแย่เลย ผมว่าค่อยเอาไว้เรียนคุณผู้ .....

    เอามาเถอะครับแพคฮยอนไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้รีบเอากล่องมาจากมือลุงพ่อบ้านที่ได้แต่ยินยอมเขาโดยไม่กล้าขัดอะไร

    มือบางแกะกล่องมันออกอย่างไม่รีบไม่ร้อนนัก ก่อนจะพบกับสร้อยข้อมือรูปดาวที่อยู่ข้างในและเขาก็จำมันได้ดี สร้อยเส้นที่เขามองมันในวันนั้น .. ใครกัน


    กระดาษแผ่นเล็กที่อยู่ข้างในถูกเปิดออกอ่าน ลายมือหวัดๆปรากฎแก่สายตาทันที



    คริสต์มาสปีนี้มีของขวัญตอบแทนจากเมื่อปีก่อน รู้ไหมว่าผมมองคุณมาตลอดแทบทุกวัน
    คุณอาจไม่เคยเห็นผมหรอก ก่อนที่จะจากคุณไปไกล... รู้ไหมว่าผมชอบคุณมาก ... ไค




    แพคฮยอนก้มหน้าอยู่กับของในมือครู่หนึ่ง กระดาษแผ่นน้อยยังเปิดเอาไว้ก่อนที่ตัวหนังสือจากหมึกปากกาจะจางเลอะไปเพราะน้ำตาหนึ่งหยดที่ร่วงหล่นลงมา




    --------------------




    ลูกหายไปทั้งคนนะคะคุณ นี่ไม่ห่วงเลยเหรอคุณผู้หญิงของบ้านเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนหลังจากที่เมื่อคืนนี้เธอต้องเสียหน้าและเสียคำพูดกับพ่อแม่ของว่าที่คู่หมั้นที่กำลังจะหมั้นกันแล้วกับลูกชายคนเดียวของเธอ ขณะเดียวกันคุณผู้ชายของบ้านกลับไม่ได้ร้อนรนไปด้วยเลย ในใจยังแอบดีใจด้วยซ้ำที่แพคฮยอนหนีไปแบบนี้

    ก็ลูกทิ้งจดหมายบอกไว้อยู่นี่นาคุณ

    แต่มันก็อดห่วงไม่ได้นี่คะ

    เอาน่า แพคฮยอนโตแล้วนะ บางทีคุณเองน่าจะลองคิดใหม่ซักทีนะ


    จดหมายที่เขียนขึ้นจากกระดาษหนึ่งแผ่นหลังจากที่ถูกเปิดอ่านแล้วก็ถูกวางเอาไว้ที่โต๊ะรับแขกของบ้าน


    - พ่อครับแม่ครับ ผมขอโทษที่ทำอย่างนี้ลงไป ผมรู้ดีว่าตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ผมอาจทำให้แม่ผิดหวังมาก แต่ถ้าผมยังเป็นลูกของแม่ก็ขอให้แม่ให้อภัยผมเถอะนะครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ แล้วผมจะกลับมา... แพคฮยอน -




    ----------------------



    คริสต์มาสปีนี้ที่แสนมืดมิดและมีเรื่องแย่ๆสำหรับผมได้ผ่านไปหลายวันแล้ว บางทีผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพรที่ขอจากพระเจ้ามันจะเป็นจริงหรือไม่ แต่หากว่าเป็นจริงขึ้นมาก็คงจะน่าแปลก ..




    โอย ไม่ชอบกลิ่นปลาเลยอ่ะพี่เสียงเล็กบ่นเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้งหลังจากที่พวกเขาย้ายมาอยู่ที่นี่ ยูมิทิ้งตัวนั่งลงข้างจงอินที่กำลังแยกปลาทั้งหมดที่ไปรับมาจากชาวประมง อีกสักหน่อยพวกเขาก็จะต้องออกไปยังตลาดของเมืองท่าแห่งนี้เพื่อที่จะนำปลาไปขายต่อในตลาด

    เลิกบ่นได้แล้ว แล้วเรื่องโรงเรียนที่นี่น่ะโอเครึเปล่า

    อืม .. ก็น่าอยู่ดี แต่เทียบกับโซลแล้วชอบที่นี่มากกว่านะ

    ก็ดีแล้ว

    ว่าแต่ว่าทุกอย่างที่พี่บอกพวกเราน่ะมันจริงเหรอถามเรื่องนี้ขึ้นมาคนเป็นพี่ก็หยุดชะงักเล็กน้อย

    แม่คงเสียใจ..

    เปล่าเลย

    “.......”

    เราดีใจที่พี่ไม่เคยทิ้งเราเลยต่างหาก .. แต่ที่หนูไม่พอใจรู้ไหมทำไม

    ทำไมล่ะ

    ถ้าวันนั้นพี่ไม่โชคดีรอดมาได้เพราะตำรวจ หนูกับแม่จะทำยังไงใบหน้าของน้องสาวที่เขารักกำลังเอ่ยตัดพ้อเขาอยู่

    นั่นสินะ .. ถ้าวันนั้นไม่ไปที่นั่นก็คงไม่ต้องเกือบตายอย่างที่ยูมิบอก เขานี่มันแย่จริงๆ







    ลมจากริมปากอ่าวพัดผ่านมาอย่างหงอยเหงา ชายหนุ่มในชุดลำลองจอดรถทิ้งไว้ริมทาง สองขาก้าวเดินทอดอารมณ์ไปตามทางใต้ต้นไม้ริมพื้นทรายอย่างเงียบๆ หลายวันแล้วที่เขาได้ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ด้านหลังแล้วทำตามใจตัวเองเสียบ้าง หายมาแบบนี้คงได้เวลากลับบ้านเสียทีนะ

    ใบหน้าขาวๆของชายหนุ่มลอบถอนหายใจก่อนที่แสงแดดจ้าจะส่องตรงมาที่เขา หมวกผ้าใบหนึ่งที่ถือติดมือมาถูกยกขึ้นสวมไว้บนหัว มือบางยกข้อมือขึ้นดูบางอย่างอีกครั้งเมื่อยามนึกถึง

    เฮ้อ .. นายเป็นใครกันนะแพคฮยอนเอ่ยกับตัวเองพลางนึกถึงใครคนนั้นที่เขาไม่เคยลืม สร้อยข้อมือรูปดาวถูกจ้องมองอีกครั้ง และโดยไม่ทันระวัง ลมแรงจึงพัดเอาหมวกของเขาปลิวออกไปจากศีรษะแล้วกลิ้งไปกับพื้น แพคฮยอนตกใจพลางวิ่งตามไปเพื่อจะเก็บมัน

    ชายหนุ่มลูกผู้ดีที่เกิดมาท่ามกลางความเรียบร้อยและพรั่งพร้อม ไม่เคยคิดเลยว่าการวิ่งตามหมวกของตัวเองสักใบแข่งกับลมแรงๆแบบนี้จะทำให้หงุดหงิดได้ไม่น้อย และแล้วก็มีมือของผู้หวังดีเอื้อมมาจับมันเอาไว้ให้ แพคฮยอนยิ้มออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเอื้อมไปจับมันไว้อีกทางเช่นกัน


    ขอบคุณนะครับ


    วินาทีนั้นเองอีกคนซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามชะงักไปเมื่อจ้องมองที่ข้อมือเล็ก .. ก่อนที่สองสายตาจะเงยขึ้นสบกัน



    ลมแรงๆยังคงพัดผ่านไปไม่ยอมหยุด เหมือนกับคนทั้งสองที่จ้องมองกันไปละสายตาไปไหน


    จงอินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสร้อยข้อมือเส้นนั้นที่ไม่นึกว่าจะได้เห็นมันอีก กลับนำพาให้เจ้าของที่ใส่มันไว้มาพบกับเขาอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าพรที่ขอไปนั้นเป็นจริง .. หรือว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญกันแน่

     

     

    “ไค......”


    และหากจะถามว่าครั้งนี้จงอินจะหนีไปแบบครั้งก่อนไหม คำตอบคือคงไม่
    เพราะกว่าจะได้พบเจอกันนั้น  มันไม่ได้ง่ายดายอย่าง “เรื่องบังเอิญ” ในวันนี้เลย

     












    .
    .



    THE END  [ Wish on Dark X’mas ]  KaiBaek





















    หวัดดีค่ะ
    เรื่องนี้เรียบเรื่อยไม่มีฟีลลิ่งเท่าไหร่เลยเนอะ แถมยาวกว่าตอนก่อนๆมาก (แอบน้ำเน่าและไม่เห็นเงาจันทร์เสียด้วยสิคะ
    ^^)

    คิดว่าคงไม่ได้ลงฟิคไคแบคสักพักค่ะ แต่พอเข้าคริสต์มาสดันไปเจอเรื่องนึงซึ่งก็คือเรื่องนี้
    จากเวอร์ชันเก่าเป็นคู่คังทึก ได้โอกาสเลยจับมารีไรท์เล็กน้อยค่ะ เรื่องตามแบบฉบับแต่ว่าก็ต่างกันอยู่หน่อย
    คาแร็คเตอร์จงอินมันให้มากๆ เลยแอบฟินเบาๆ

     

    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×