ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF KAIBAEK] Imagination with KaiBaek

    ลำดับตอนที่ #4 :  [SF] All in your head.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.51K
      15
      29 เม.ย. 56















    [SF] All in your head.

    Pairing : Kai x Baekhyun
    Rate : PG-13
    Author : Gornhai (gorn_dbsk)


    คำเตือน : แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้ เป็นการสมมติขึ้นเท่านั้น !!















    ไม่ว่าจะตอนไหน เมื่อไหร่ ก็เป็นแบบนี้เสมอ

     

     

    “.. ฮยอง เป็นอะไรไป เงียบเชียว” เสียงแปร่งๆเอ่ยถาม มันเบามาก หากแต่ก็ดังกว่าความเงียบในตอนนี้

    “เงียบ? บ้าเหรอ นั่งเฉยๆก็ว่าเงียบนะเซฮุน” แพคฮยอนตอบรุ่นน้องในวงที่เดินมาผ่านมาช้าๆแล้วหยุดถามเขา ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นไม่มีใครเลยยกเว้นเขาคนเดียว โทรทัศน์ก็ไม่ได้เปิดเพราะไม่รู้จะดูอะไร

    “ก็มันผิดปกติ” เซฮุนบอก เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรต่อ นอกจากก้มหน้าลงหมุนฝาขวดน้ำในมือ แต่ดูเหมือนมือจะลื่นไปหน่อย เลยเปิดมันไม่ได้สักที แพคฮยอนมองตามน้องคนนี้พลางคิดว่าอีกฝ่ายคงลืมไปแล้วว่าพูดอะไรออกมา ตอนนี้เรื่องสำคัญกว่าเห็นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการแกะขวดน้ำตรงหน้า

     

    ตามปกติแพคฮยอนไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่หรอกนะ แต่วันนี้บางทีเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมน้องเล็กคนนี้ถึงได้ต้องมีคนดูแล .. ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่แพคฮยอนก็อยากช่วย

     

    “มานี่มา” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่เป็นพี่เอ่ยขึ้นสั้นๆ แพคฮยอนหมุนฝาขวดให้เซฮุนอย่างง่ายดาย

    “ขอบคุณนะฮยอง”

    “อื้ม”

     
     

    ในห้องนั่งเล่นวันพักผ่อน โอเซฮุนนั่งดูดชาไข่มุกอยู่เงียบๆตรงพื้นห้องพร้อมกับขนมหลายอย่างที่หยิบมาจากตู้เย็น ไม่ต่างกับแพคฮยอนที่นั่งเฉยอยู่บนโซฟา สายตาคนเป็นพี่มองน้องไปพลางคิดอะไรไปเรื่อย
     

     

    นึกย้อนกลับไปในตอนที่ฝนเริ่มเท ตลอดเวลาบนเวทีคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย แม้ฝนจะไม่ตกหนักจนแสดงกันไม่ได้ แต่ก็เพราะฝนแบบนี้ล่ะ ที่ทำให้ไม่สนุกเลย

     

    ไม่โทษฝนหรอก ไม่ใช่เหตุผล ไม่ใช่แค่ที่นั่น ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

     

    แพคฮยอนเดินไปตามเวทีพร้อมโบกไม้โบกมือให้แฟนๆอย่างสนุกสนาน บางทีเขาก็มักจะรับเอาของเล่นจากแฟนๆในหลุมยืนมาถือเอาไว้ โดยเฉพาะปืนฉีดน้ำสีแดงที่เขาสามารถใช้แกล้งเพื่อนๆในวงและพวกรุ่นพี่ได้

     

    จำไม่ได้หรอกว่าตอนไหนเวลาไหนที่เดินข้างใคร แต่ที่มันจำไปเองคือหนึ่งในนั้นเป็นสมาชิกในวงที่อายุน้อยกว่าเขาไม่กี่ปี หลายคนชอบบอกว่าผู้ชายคนนี้เงียบ แต่มีเสน่ห์ ก็จริงนะ คิมจงอินมีสเน่ห์จะตายไป เขายังจำได้ดีเลยว่าตัวเองเคยตอบแฟนบอร์ดไปด้วยซ้ำว่าจงอินดึงดูดสายตาของเขาแค่ไหน

     

    แพคฮยอนรู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบกอดคนนั้นคนนี้ไปทั่ว หรือบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าที่กอดเล่นๆนั้นกำลังอยากให้ใครเห็นอยู่รึเปล่า

     

    คิดแล้วก็เหมือนคนบ้า

     

    แปลกที่ยิ้มให้ทุกคน หัวเราะร่าในบางครั้งกับคนอื่นๆ .. ที่ไม่ใช่เขาคนนี้

     

     

    “เงียบๆน่าแพคฮยอน ฉันรำคาญ”
     

    ประโยคนี้ ปาร์คชานยอลเคยพูดบ่อยๆ แต่คิมจงอินไม่เคยบอกเลย .. นอกจากเดินหนี

    .

    .

     

     
     

    “ฮยอง เงียบจัง”

    “หืม ...” แพคฮยอนมองหน้าเซฮุนที่เอ่ยคำเดิมๆกับเขาอีก

     

    เด็กคนนี้นี่ ...

     

    “อะไร” แพคฮยอนถามน้อง

    “เปล่า แปลกๆนะ”

    “เหรอ”

    “ปกติชอบโหวกเหวกโวยวาย”


    “.............”

     

    ให้ตาย เด็กคนนี้ พูดด้วยหน้าตาเฉยแบบนั้น เอาเถอะ.. แพคฮยอนไม่เถียง  ถ้าไม่ติดว่าดุไม่ออกนะ จะโวยวายใส่ให้สมใจเลย

     

    แพคฮยอนไม่ตอบอะไรนอกจากมองแผ่นหลังของน้องคนนี้ที่หันกลับไปแล้ว

     

    .. น่ารักนะ นายน่ารักแบบนี้ มิน่าล่ะ ถึงจงอินมันจะชอบทำหน้าบูดๆแต่ไม่ว่าอะไรก็ทำให้นาย

     

     

    .

    .

     

    เสียงเพลงดังก้องไปทั้งสนาม เหล่าศิลปินต่างพากันวิ่งไปตามสเตจที่ทอดยาว หยอกล้อกันบ้างและเล่นกับแฟนเพลงอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย หลายครั้งที่แพคฮยอนจะเห็นน้องเล็กอยู่ในสายตาตลอด ไม่ว่าจะลู่หาน ไม่ว่าจะแอมเบอร์ เซฮุนก็มักเป็นที่รักของใครต่อใคร

     

    และสายตาอีกคู่ของแพคฮยอนก็อดจะมองใครอีกคนไม่ได้

     

    “อ๊ะ ...”

     

    ขณะที่คิด ทั้งร่างก็ถูกสวมกอดจากข้างหลังเสียแล้ว จงอินกอดแพคฮยอนขณะที่สายตากลับมองไปที่เซฮุนตลอด พอน้องเล็กหันมาหรือไม่ยอมหันมาก็ตาม จงอินก็รีบปล่อยมือจากเขา .. ทุกครั้งเลย ไม่ว่าที่ไหน ก็เป็นแบบนี้

     

    อย่านะ ความคิดนี้หากใครรู้เขาคงอายจนไม่กล้ามองหน้าเลยล่ะ

    เรื่องธรรมดาที่ใครก็ทำกัน แต่แพคฮยอนไม่คิดว่ามันจะเหมือนคนทั่วไป จงอินทำกับทุกคน

    และเพราะจงอินไม่ได้คิดอะไร .. ใช่ ก็เพราะไม่คิดไง เลยมีแค่เขาคิดอยู่คนเดียว

     

    จงอินก็แค่อยากให้อีกคนสนใจ อยากให้อีกคนหันมามอง อยากประชดใคร .. ทำไมเขาจะไม่รู้

    .

    .

     

     

     

     

     

    “เฮ้ ! .. เงียบเป็นหมาหงอยเลยนะแพคฮยอน”

     

    จู่ๆชานยอลก็โพล่งถามเมื่อกลับมาจากข้างนอก เซฮุนนั่งนิ่งไม่กระดิกต่างกับแพคฮยอนที่สะดุ้งโหยงขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก คนตัวเล็กกว่าสวนกลับทันควันอย่างทุกที
     

    “หมาบ้านนายสิ แล้วหงอยอะไร ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

    “โฮ่ ดุซะด้วยนะพันธุ์นี้เนี่ย”

    “หนอย ไอ้บ้าชานยอล” แพคฮยอนมือไวคว้าหมอนใบเล็กโยนใส่ใบหน้าหล่อๆที่ยืนอยู่หน้าประตูนั่นเต็มแรง  แต่บังเอิญเหลือเกินว่าอีกฝ่ายดันหลบได้ และแทนที่หมอนจะเด้งตกพื้นไป มันกลับโดนหน้าคนที่เดินตามเข้ามาเต็มๆ

     

    “เฮ้ย!

    “กร๊ากกกกกกกกกกกกก!

     

    เสียงหัวเราะหลังนั่นเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากชานยอลที่เดินหลบมาอีกทาง จงอินยืนนิ่งจ้องหน้าคนโยนที่ตอนนี้ยืนทื่อไปเหมือนกัน แพคฮยอนรีบสะบัดอาการนั่นทิ้งไป จะกลัวอะไรแค่คิมจงอิน
     

    “โทษทีนะ ไม่คิดว่าจะโดนนาย” แพคฮยอนว่า แต่จงอินก็ได้แต่ไหวไหล่ให้

     

    ไม่ได้โกรธก็ดีแล้ว แต่ไอ้ท่าทางไม่สนใจขนาดนั้นมันอะไรกัน

     

    “โอ๊ย ...” แพคฮยอนตัวแทบปลิวเมื่อชานยอลวาดวงแขนมารั้งให้นั่งลงไปบนโซฟาตัวนุ่มด้วยกัน เซฮุนมองการเล่นกันของพี่สองคนนี้ด้วยความเคยชิน ก่อนจะหันกลับไปง่วนกับการงัดผลไม้กระป๋องด้วยที่เปิดของมันต่อ

     

    “ดูนี่สิ ออกไปซื้อของกับจงอินมา เห็นนี่ที่นายชอบกินเลยซื้อมาเผื่อ” ชานยอลเอ่ยเสียงดังพลางหยิบกล่องขนมอะไรสักอย่างออกมาให้แพคฮยอน

    “อ้อ เอ่อ ขอบใจมากนะ” แพคฮยอนที่ยังคาใจกับเรื่องก่อนหน้านี้อยู่พยายามจะหันกลับไปมองจงอิน แต่โดนชานยอลล็อคตัวเอาไว้แบบนี้มันเลยขยับไม่ได้

     

    อยากจะบ้า จงอินจะโผล่มาทำไมเอาตอนที่เขากำลังว้าวุ่น

     

    นี่ก็อีกคน เอาเข้าไป บ้าบอไปใหญ่แล้ว คิดว่าเขาเห็นแก่กินนักรึไง

    “อืมๆ รู้แล้วๆชานยอล”

    “เออดีๆๆ แต่เถียงกับจงอินมันว่านายชอบรสไหน”

    “ฮะ ...” แพคฮยอนขมวดคิ้วอย่างสงสัย เถียงกับจงอินเนี่ยนะ

    “อ้อ โทษทีๆ ไม่ได้เถียงหรอก ฉันพูดคนเดียวมากกว่า หมอนั่นมันเอาแต่ทำหน้าเป็นตูดอยากกลับจะตาย” ชานยอลว่า แต่ก็ไม่ได้สนอะไรนอกจากล้วงขนมอะไรมากมายออกมากองไว้

     

    ชั่วขณะนั้น แพคฮยอนตวัดสายตาไปสบกับใครอีกคนเข้าพอดี จังหวะเดียวกันที่จงอินเบือนหน้าหนีและตรงไปนั่งลงข้างเซฮุน

     

    “โอ๊ย .. เจ็บ”

     

    เสียงน้องเล็กร้องขึ้น เรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง แพคฮยอนดีดตัวขึ้นทันทีที่เห็นเลือดที่มือของเซฮุน เขาตรงเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แต่นั่นมันช้ากว่าใครอีกคนเสียแล้ว ..

     

    “เป็นไรมากมั้ยเซฮุน”

    “ไม่หรอกจงอิน แต่เจ็บอ่ะ” ใบหน้าขาวๆเงยขึ้นบอกอย่างที่รู้สึก ก่อนที่มือข้างที่โดนปากกระป๋องบาดนั้นจะถูกคว้าไปเสียแล้ว

    “บอกแล้วว่าถ้าทำไม่ได้ให้บอกใครก็ได้” จงอินเอ่ยเสียงเข้ม

    “ก็ ก็ ...” เซฮุนไม่กล้าพูด ได้แต่มองมาที่แพคฮยอนซึ่งยืนอยู่คนเดียวเพราะชานยอลวิ่งไปหาผ้ามาเช็ดเลือดให้เซฮุน

    “ก็อะไร ทำไมไม่บอกแพคฮยอนทำให้”

    “ก็ ฮยองเค้ากำลังเศร้า ไม่อยากกวน แค่นี้ทำเองได้น่ะ” เซฮุนบอกเบาๆพลางก้มหน้า จงอินเงยมองแพคฮยอนอีกทีราวกับคาดโทษ

    “เฮ้ย ปะ เปล่า ไม่ได้เศร้า อีกอย่างนะเซฮุน นายจะเกรงใจอะไร ฉันทำให้ตั้งเยอะ เมื่อกี้ก็เปิดขวดให้ ทีหลังให้บอกเลยนะ เข้าใจมั้ย” แพคฮยอนบอกน้องด้วยเสียงจริงจัง แต่กลับถูกจงอินจ้องไม่หยุด

    “ดุเซฮุนทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยตรงๆ

    “ฉันไม่ได้....” แพคฮยอนไม่ทันจะพูดอะไร ชานยอลที่วิ่งไปเอากระดาษก็แทรกตัวเข้ามาซับเลือดที่นิ้วของเซฮุนให้

    “อย่ามัวแต่เถียงกันเลย ไปเอาผ้าชุบน้ำมาสิ” ชานยอลเวลานี้ดูจริงจังขึ้นมา

    แพคฮยอนยืนอึกอักก่อนที่จงอินจะส่ายหน้าให้แล้ววิ่งไปในห้องครัวแทน ชานยอลเงยสบตาหับแพคฮยอนราวกับว่าเขาเข้าใจดี

    “คือ ฉัน พี่ขอโทษ...”

    “อะไรของนายแพคฮยอน น้องมันว่าอะไรที่ไหน ตั้งสติหน่อยสิ” ชานยอลบอก

    “อ่ะ อืม...” แพคฮยอนถอนหายใจพลางนั่งลงอีกข้างของเซฮุนอย่างเป็นห่วง

     

    จงอินวางถาดใส่น้ำเย็นลงพลางคว้ามือเซฮุนไปจากมือของชานยอลเพื่อจะล้างเลือดออกให้หมด

    “สองคนนั้นไม่อยู่ซะด้วย ฉันก็ไม่ค่อยถนัดน่ะนะ” จงอินว่า ทั้งที่ตั้งอกตั้งใจทำให้เซฮุนอย่างเป็นห่วง ท่ามกลางสายตาของอีกสามคน

     

    บรรยากาศประหลาดเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสี่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่สองคนเท่านั้นที่คาใจระหว่างกันมากกว่า

     

    แพคฮยอนได้แต่นั่งมองจงอินทำแผลให้เซฮุนอย่างเป็นห่วง โดยไม่พูดอะไร

     

    พูดอะไรได้ล่ะ พูดอะไรก็ผิด

     
     

    --------------------

     
     

    นานๆทีถึงจะได้มีวันพักบ้างเสียที แต่ที่นี่มันดันไม่น่าอยู่ขึ้นมาทันใด แพคฮยอนอยากกลับบ้านเหลือเกิน ชายหนุ่มยืนเหม่อมองฟ้ามืดๆในคืนนี้คนเดียวที่ระเบียงของห้องนั่งเล่น

     



    “ยืนเหม่อเป็นบ้าอะไร”

     

    เสียงจากข้างหลังทักขึ้น แพคฮยอนที่ยืนอยู่จึงสะดุ้งออกจากความคิด เขาหันมาแทบจะทันที

    “นายเองเหรอจงอิน”

    “ทำไม คิดว่าเป็นรูมเมทคนนั้นรึไง” น้ำเสียงหาเรื่องแบบนี้กับหน้าแบบนั้น แพคฮยอนดูก็รู้

    “อะไรของนาย ง่วงก็ไปนอนไป หาเรื่องกันอยู่ได้”

    “เปล่าหาซะหน่อย” จงอินว่า ก่อนที่ร่างสูงจะเดินมาหยุดข้างๆคนตรงหน้า จงอินหันหลังให้ระเบียงพลางเท้าแขนไปด้านหลังกับราวเหล็ก แพคฮยอนรู้สึกปวดหนึบๆในอก ซึ่งมันเป็นมาก่อนแล้ว เขาเลยไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากันสองคน

    “เมื่อกลางวัน...”

    “พอเลยจงอิน ฉันเป็นพี่พวกนายนะ ถ้าจะมาหาเรื่องและหาว่าฉันผิดก็พอได้แล้ว ฉันยอมรับก็ได้ว่าไม่ดูน้องจนได้แผล แต่นายก็เลิกมาว่าฉันได้แล้ว ... อ๊ะ เฮ้ย” แพคฮยอนพูดไม่ทันจบก็ถูกอีกฝ่ายตวัดดันให้หลังเขาแนบไปกับราวระเบียงแทน จงอินใช้สองมือยึดราวไว้ไม่ให้มีทางหนีไปไหน

    “จงอิน ทำอะไร” แพคฮยอนเชิดหน้าถามเสียงแข็ง เขาโตกว่านะ

    “เงียบๆทีได้มั้ย พูดไม่หยุดไม่เหนื่อยรึไง”

    “ว่าไงนะ”

    “ฉันไม่ได้จะมาว่านายเรื่องเซฮุนซะหน่อย”

    “นี่ เรียกฉันว่าพี่สิ”

    “จะอะไรก็เหมือนกันแหละน่ะ ยุ่งยากจริง” ใบหน้าคมเข้มลอบเดาะลิ้นเบาๆอย่างเบื่อหน่าย

    “ไม่ได้”

    “ได้สิ”

    “ไม่ได้ ไอ้บ้านี่ แล้วนี่อะไร ปล่อยนะเว้ย”

    “ไม่”

    “อะไร” แพคฮยอนเบือนหน้าหนีเมื่อจงอินยื่นหน้ามาใกล้กว่าเก่า

     

    มากไปแล้ว ทำเกินไปแล้ว

     

    “เมื่อกลางวันน่ะ....”

    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันผิดเอง คราวหลังถ้าพวกนายไม่อยู่ฉันจะดูแลเซฮุนดีๆ โอเคมั้ย เลิกมาว่าได้แล้ว”

    “ใครว่า ไม่ได้จะมาถามเรื่องนั้น”

    “......... แล้ว แล้วอะไร” แพคฮยอนหันกลับมาก้มๆเงยๆอยู่กับไหล่ของจงอินที่แนบมาใกล้จนจะมองกันตรงๆไม่ได้อยู่แล้ว

    “ก็เห็นเซฮุนบอกว่านายเศร้า เป็นอะไร”

    “เปล่า .. แล้วถามทำไม สนด้วยเหรอ”

    “เออ ไม่ได้สน” จงอินเองก็เริ่มจะหงุดหงิดใจเข้าจริงๆ นี่เขาพูดอะไรไปอีกฝ่ายไม่เข้าใจเลยรึไงนะ

    “งั้นก็ดี” แพคฮยอนกลั้นใจตอบออกไป ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองหรอกว่าอีกฝ่ายจะมาสนใจอะไร

     

    ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กันอยู่อย่างนั้น สักพักจึงเป็นจงอินที่เริ่มเอ่ยออกมาก่อน

     

    “แล้วอีกอย่างนะ ก็แค่ไม่ชอบ”

    “อะไร อะไรอีก ... เรื่องที่ปาหมอนใส่นายน่ะเหรอ บอกแล้วไงว่า....”

    “ฟังก่อนสิ!  เฮ้อ .. ทำไมชอบโวยวายจังฮะ ไหนว่าโตแล้วไง เงียบๆบ้างได้มั้ย” ท้ายประโยคเอ่ยข้างหูอย่างเหนื่อยใจ จงอินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรนักหนา ถ้ารำคาญแล้วจะมาใกล้แพคฮยอนทำไมกัน

     

    ให้ตายเหอะ ทำไมเขาต้องมาถูกรุ่นพี่ที่ไม่เอาไหนคนนี้ปั่นหัวเอาด้วยนะ

     

    “หัดรู้จักวางตัวบ้างนะ เล่นหยอกกันตีกันแบบนั้น อายน้องๆบ้างเหอะ”

    “อย่าบอกนะว่าหมายถึงฉันกับชานยอลน่ะ”

    “แล้วจะใคร”

    “แล้วทำไม”

    “ก็ฉันไม่ชอบ”

    “..............”

     

    แพคฮยอนเงียบไปราวกับคนคิดอะไรไม่ออก ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไม่ชอบอะไร ปกติก็เล่นกันประจำ

     

    ใจดวงน้อยคิดวกไปวนมาหลายรอบท่ามกลางความเงียบ แพคฮยอนเงียบมากเสียจนจงอินต้องก้มหน้ามอง

    “นี่ เป็นอะไร”

    “ไม่ชอบใช่มั้ย เออดี งั้นเวลาอยู่บนเวทีนายก็อย่ามายุ่งกับฉันนะ ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันที่นายจะมากอดข้างหลังกันบ่อยๆ ถ้าอยากให้เซฮุนสนใจก็นู่น .. คนอื่นที่นายทำด้วยน่ะ ทำไป อย่ามาใกล้ฉัน ไอ้เด็กไม่ได้เรื่อง”

    “เฮอะ .. รู้ดีเกินไปแล้วนะ”

    “แล้วไง พูดผิดตรงไหน เจ็บใจเหรอที่ฉันรู้ทันน่ะฮะ ทำไม ..”

    “.............”

    “นายอยากให้เซฮุนมาสนใจใช่มะ อยากให้เค้าหึงเหรอ แต่บอกไว้เลยว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก”

    “.............”
    “แค่การแสดง แต่ฉันไม่ชอบ”

    “จบยัง พูดจบรึยัง”

     

    จู่ๆจงอินก็ตาขวางขึ้นมา แพคฮยอนเงียบไปทันที เขากลั้นหายใจไปชั่ววินาทีเมื่อคิดว่าอาจจะพูดแทงใจดำคนตรงหน้า

    “ฉันถามว่าพูดจบรึยัง จบแล้วใช่มั้ย”

    “อะ เออ”

    “เฮอะ ฉลาดเกินไปก็แย่นะพยอนแพคฮยอน”

    “เออ ฉันมันโง่ แล้วจะทำไม”

    “ก็เรื่องที่ต้องมองเซฮุนตลอด มันผิดรึไง ลองมันเป็นอะไรขึ้นมาพี่จูมยอนไม่ฆ่าพวกเราเหรอ” จงอินอธิบาย

    “หมายความว่าไง ....”



    “ก็หมายความว่านายคิดไปเองน่ะสิ .. เฮ้อ เข้าใจอะไรยากจังนะ”

     

     

    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันมันโง่!” แพคฮยอนหมดความอดทนเข้าจริงๆแล้ว ว่าเขาอยู่ได้

    “เฮอะ .. คนที่โง่น่ะมันฉันต่างหาก โง่ที่ทนดูพวกนายอยู่ได้” จงอินหลุดปากออกมาก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นยีผมตัวเองก่อนจะวางมันลงที่ระเบียงกั้นร่างของคนตรงหน้าไว้อย่างเดิม

    “อะไร อะไรอีก”

    “ว่าแต่คนอื่นเค้า แล้วล่าสุดที่ไทยน่ะ เอาหน้าผากชนกันจนแทบจะกอดกันแล้ว พวกนายทำบ้าอะไรฮะ”

    “อะไรของนาย ฉันกับชานยอลน่ะเหรอ”

    “เออสิ”

    “ละ แล้วทำไม ทำไมล่ะ เล่นกันออกบ่อยแล้วมาไม่พอใจอะไร”

    “ก็ไม่พอใจมันทุกครั้งนั่นแหละ”

    “ก็แล้วทำไมเล่า ทำไมๆๆๆๆ”

    “หนวกหูจริง”

    “แล้วทำไม ...อื้อ”

     

    เสียงโวยวายของคนตัวเล็กกว่าเงียบหายไปเมื่อริมฝีปากถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว จงอินแนบจูบหนักๆให้แพคฮยอนเงียบ เขาไม่รู้จะพูดยังไง ทำแค่นี้เพราะอยากให้เข้าใจเองมากกว่า  

     

    คนอย่างคิมจงอินไม่ได้โง่ แต่บางทีเรื่องแบบนี้เขาก็รับมือได้ไม่เก่งเหมือนกัน .. โดยเฉพาะกับพยอนแพคฮยอนที่อวดดีไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรง่ายๆบ้างเลย

     

     

     

     

    แพคฮยอนดึงสติกลับมาก่อนจะเริ่มประท้วงโดยการดึงทึ้งที่เสื้อของจงอินให้ปล่อยเสียที

    “อื้อ ..อื๊อ”

    จุมพิตแบบดึงดันทำให้ร่างในอ้อมกอดรับไม่ทัน แพคฮยอนยกมืออีกข้างจะทุบจงอินแต่กลับถูกกำข้อมือไว้ อ้อมแขนแกร่งถือโอกาสรวบร่างเล็กเข้ามากอดไว้แนบแน่นกว่าเดิม เรียวลิ้นอุ่นแทรกผ่านเรียวปากอิ่มเข้าสัมผัสลิ้นนุ่มที่หมดทางหลีกหนี ยิ่งแพคฮยอนปฏิเสธเท่าไหร่จงอินก็ยิ่งรุกให้ล้ำลึกจนอีกฝ่ายเริ่มหมดแรง

     

    จากความเจ็บใจกลายเป็นในหัวเริ่มขาวโพลน แพคฮยอนคุมอารมณ์ไม่ได้ว่าจะต้องคิดแบบไหน จะว่างเปล่าหรือขุ่นมัว ความไม่ชัดเจนตีกันจนกลั่นให้น้ำใสๆปริ่มออกมารื้นอยู่ขอบตา

    “อึก ....”

     

    จงอินกอดรัดร่างขาวๆพลางบดจูบไม่ยั้งจนลืมไปว่าตัวเองทำเกินตั้งใจไปหน่อย ชายหนุ่มจึงจำใจผละออกช้าๆ

    “แพคฮยอน....”

    “ฮึก...”

    “อย่าร้อง” เสียงทุ้มเอ่ยเสียงอ่อน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำอะไรลงไป

    “ฉันไม่ได้ร้อง ..” แพคฮยอนรีบยกมือปาดน้ำตาปริ่มๆจะล้นนั่นออกให้หมด คนอย่างเขาจะร้องไห้ได้ยังไง

     

     

    “ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันหมดความอดทนแล้วนะ รู้มั้ยว่าคิดเรื่องนายขนาดไหน แล้วทำแบบนี้ได้ยังไง นายมาล้อเล่นกับความรู้สึกฉันได้ยังไง”

    “ใครบอกว่าล้อเล่นกันเล่า”

    “ว่าไงนะ”

    “ก็ไม่ได้ล้อเล่น ฉันจริงจัง”

    “.............”

    “แล้วที่ทำเมื่อกี้น่ะ ไม่ได้อยู่บนเวที ไม่ได้อยู่กับใคร แล้วทำทำไม คิดเอาแล้วกัน”

    “..............”

     

     

     

     

    ในเมื่อคิมจงอินประมวลผลได้เร็วกว่า ก็เป็นฝ่ายชนะไป

     

    ร่างสูงเดินออกไปจากระเบียง ทิ้งแพคฮยอนเอาไว้ให้ยืนทื่ออยู่คนเดียว

     

    คนเป็นพี่ได้แต่มองตามหลังนั่นไปจนเหลือเพียงความว่างเปล่า เรียวปากอิ่มที่ถูกทำให้เป็นสีชมพูเพราะจูบหนักๆกำลังเม้มเข้าหากัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แพคฮยอนใจเต้นแรงกับประโยคสุดท้ายที่จงอินพูด

     

    ถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แพคฮยอนรู้แน่แล้วว่าหน้าตัวเองคงแดงไปถึงหูเพราะรู้สึกถึงความร้อนฉ่าไปทั้งหน้าแล้ว

     

    ..  ไอ้เด็กบ้า ใครใช้ให้ทำแบบนี้

     

     

     

     

    “ยืนบื้ออะไรอีก อยากเป็นหวัดรึไง” จู่ๆจงอินก็เดินกลับมาที่ระเบียง แพคฮยอนสะดุ้งอีกครั้ง เขาอึกอักพลางไม่กล้าสบตาเพราะยังตั้งตัวไม่ทัน

    “อ่ะ เอ่อ ... ฉันกำลังจะเข้าไป” ร่างเล็กสะบัดเสียงใส่หน่อยๆเพราะไม่อยากให้รู้ถึงความผิดปกติ ก่อนจะก้าวขาเพื่อเดินผ่านเข้าไป ขืนได้อยู่มองหน้ากันอีกเขาคงเก็บอาการไม่ไหวแน่ๆ

     

    ไม่ทันจะได้เดินเข้าห้องนั่งเล่นไป เรียวแขนข้างหนึ่งก็ถูกมือหนาคว้าไว้เสียก่อน จงอินดึงให้แพคฮยอนหันกลับมาเผชิญหน้ากัน  ร่างสูงประคองแก้มนุ่มๆให้เงยขึ้นสบตากับเขา แพคฮยอนรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาให้ได้

     

    “อะไรอีก เดี๋ยวเป็นหวัดไม่ใช่รึไงเล่า” แพคฮยอนตีหน้าไม่พอใจกลบเกลื่อนอาการเอาไว้ เขาภาวนาให้จงอินเลิกรั้งเอาไว้เสียที หารู้ไม่ว่าหน้าแดงๆเวลาเขินๆแต่แสร้งตีหน้าเฉยแบบนี้ คนที่มองอยู่มันจะอดไม่ไหวเอา

     

    คิมจงอินจ้องหน้าแพคฮยอนไปพักหนึ่ง ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น ใครเลยจะรู้ว่ามันทรมานจนอยากจะบ้าตายอยู่แล้ว .. อย่าทำหน้าแบบนี้ได้มั้ยแพคฮยอน จงอินได้แต่คิดในใจ

     

    “ช่างมันสิ หวัดน่ะไม่เป็นหรอก ที่แย่น่ะมันฝ่ายนี้ต่างหาก” จงอินเอ่ยเบาๆให้ได้ยิน ซึ่งแพคฮยอนได้แต่ขมวดคิ้วกลับไป

    “แย่ นายแย่อะไร”

    “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว รับผิดชอบหน่อยนะฮยอง”

     

     

     

     

     

    “... นะ” จงอินเอ่ยเสียงแผ่ว

    “วะ ว่าไงนะ”

    “อีกนิดเหอะนะ แบบเมื่อกี้น่ะ”

     

     

    ไม่ทันแล้ว แพคฮยอนพูดอะไรไม่ทันเสียแล้วเมื่อจงอินดึงร่างเขาเข้าไปกอดแล้วแนบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว

     

    คนถูกจูบได้แต่หอบหายใจอยู่กับการกระทำที่เอาแต่ใจของอีกฝ่าย แพคฮยอนอยากจะบอกเหลือเกินว่าเชื่อแล้วว่าจงอินไม่ได้ประชดใคร ส่วนคนเอาแต่ใจน่ะเหรอ ... ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้ว นอกจากทำตามใจอย่างทุกที

     

     

    ก็ให้มันรู้ไปสิว่าอีกฝ่ายจะยัง “คิดไปเอง” อยู่อีกไหม

     

     

     

     

     

     

     














     

     

     

     

    “ที่บอกว่าอยากให้ผมเลิกยุ่งกับพี่น่ะ .. ฝันไปเถอะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    .
    .

     

    Finish  [ All in your head. ]


















     

    หวัดดีค่า!!

    ไม่ได้มาอัพเดตอะไรนานมาก แต่ก็แวะมาดูคอมเมนท์อยู่นะคะ (จริงๆแอบอยากรู้ว่าวิวเพิ่มแต่เมนท์น้อยเนี่ย
    มาอ่านกันไหม หรือแวะมาดูฟิคคู่นี้เฉยๆ ....ฮา
    ^^!) ไม่ว่ากันค่ะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์ละกันนะคะ

     

    จริงๆแต่งไว้พอประมาณสองสามเรื่อง แต่ยังไม่มีเวลาเกลาให้มันดีๆ เลยเข็นเอาSFเรื่องนี้มาคั่นกันก่อน สาเหตุก็มาจาก
    บนเวที
    SMTในไทย (จริงๆก็รวมทุกที่แหละค่ะ) บังเอิญว่าเพื่อนรักที่เป็นไคฮุน หลังกลับจากคอนกันมาเหนื่อยๆ มันก็พูดบางอย่างออกมา
    ให้เราเผลอจิ้นเรื่องนี้ขึ้น แม้จะหลุดคอนเซปท์ไปเยอะ แต่เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมาก แต่งพอฟินเองเบาๆ

     

    หวังว่าแฟนๆคู่นี้จะชอบนะ

     

    ปล.เรื่องนี้แต่งวันเดียว เลยมาสั้นๆง่ายๆ >~< // เจอกันเรื่องหน้าค่ะ






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×