คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : [SF] Let me be .. (KaiBaek) - special part
Let me be . .
Pairing : Kai x Baekhyun // Story and Art : Gornhai
“หวานมากเลย”
เสียงนั้นเอ่ยราวกับเด็กน้อยเจอของถูกใจ คุณหนูพยอนแพคฮยอนยิ้มแก้มปริกับส้มลูกโตในมือ ที่เพิ่งจะดึงออกมาสดๆจากต้น
คนทั้งสองนั่งอยู่บนเสื่อผืนขนาดกลางที่ปูไว้ใต้ต้นส้มริมสวน ไคนั่งมองคนตรงหน้าที่รบเร้าให้พามาเที่ยวตั้งแต่เช้าแล้ว ก็วันหยุดทั้งทีนี่นะ ชายหนุ่มมองผู้เป็นนายด้วยแววตานิ่งๆเช่นเคย แพคฮยอนยังคงสนใจกินส้มที่ไคเอามาให้โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกมองอยู่ จนกระทั่งเริ่มสังเกตว่าสายตาอีกฝ่ายจะนิ่งค้างมาที่ตัวเอง แล้วมันก็เงียบจนเกินไปนั่นแหละ
“ไค ...”
“เอ่อ ครับ”
“นายเป็นไรไป มองฉันแปลกๆนะ” แพคฮยอนถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ก็ไคดูเงียบๆ ถึงจะเงียบเป็นปกติแต่คราวนี้มันเงียบแปลกๆ บางทีก็ดูเหม่อๆอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“คะ ครับ เอ่อ .. ผมก็แค่ดีใจที่คุณชอบส้มของผม เดี๋ยวหาว่าส้มที่สวนไม่อร่อย ไร่ทั้งหมดของพ่อผมก็เสียชื่อแย่” ไคว่าไปนั่น ทั้งที่มันเกี่ยวกันเสียที่ไหนล่ะ
บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดลำลองเลยมีอาการเก้ๆกังๆอย่างน่าประหลาด ถึงอย่างนั้นแพคฮยอนก็ไม่ได้จะเอะใจอะไรอีกเพราะใบหน้านั้นยังคงมีอาการนิ่งขรึมซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างเคย จึงไม่คิดจะถามหรือแปลกใจอีก
“อ๊ะ นั่น .. นายชนขวดน้ำของฉันหกหมดแล้วนะ” แพคฮยอนรีบลุกขึ้นเอนกายตรงเข้าหาไคเพื่อคว้าเอาขวดน้ำที่วางอยู่ข้างไค เสื่อมันก็ไม่ได้ผืนใหญ่มากมายอะไร คุณหนูที่ไม่ได้คิดอะไรเลยแนบตัวเข้าชิดกับคนตรงหน้าเพื่อคว้าเอาขวดน้ำของตัวเองกลับมา กลิ่นกายหอมเฉียดผ่านจมูกโด่งให้อีกคนต้องนั่งยั้งใจอยู่เงียบๆ
“หกหมดแล้วแน่ะไค” แพคฮยอนส่งสายตาตำหนินิดๆมาให้ไค
“ข้างๆคุณก็มีอีกขวดนะครับ นี่ไง” ไม่ได้ตั้งใจจะคิดอะไรนะ แต่ร่างกายมันก็ดันไปเองโดยอัตโนมัติ ไคเป็นฝ่ายขยับกายเข้าหาบ้าง ก่อนจะเอื้อมเอาสองแขนโอบผ่านร่างตรงหน้าเพื่อคว้าเอาขวดน้ำด้านหลังที่วางอยู่มาให้ ขณะนั้นเองใบหน้าก็ลอบแนบปลายจมูกลงไปกับเรือนผมนุ่มโดยไม่ให้เจ้าของมันรู้ตัว
ไคผละออกจากแพคฮยอนที่นั่งเฉยๆไม่รู้เรื่องอะไร และเขาเองก็ไม่แสดงออกอะไร
“นี่ไงครับ”
“ขอบใจนะ ฉันซื่อบื้ออีกแล้วแฮะ”
“ไม่หรอกครับ” ไคยิ้มให้ตามปกติ
เขานั่งมองคนที่กินส้มเสร็จก็เริ่มจับนู่นแกะนี่เพื่อเตรียมอาหารมื้อกลางวันในตะกร้าที่เอามาด้วยแต่เช้า
ไคนั่งมองอยู่เงียบๆ แต่ในใจกำลังด่าว่าตัวเองเสียงดัง
ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งทรมาน คิมจงอินรู้สึกใจจะขาดทุกทีกับความเป็นคนดีของตัวเอง คนดีที่ฉาบไว้แต่ใบหน้า เพราะในใจนั้นคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว .. จะทนได้แค่ไหน เขาจะทนได้แค่ไหนกัน
.. อยากทำ
“ไค!”
“อ่ะ ครับ คุณแพคฮยอน”
“นายเป็นอะไรน่ะ เหม่ออะไร ฉันเรียกก็ไม่ตอบ” แพคฮยอนทำหน้ามุ่ยเพราะเข้าใจว่าอีกคนคงกำลังไม่สนใจกัน ไคไม่อยากจะเอ่ยและอธิบายเลยรีบเบนเรื่องไปอีก
“อาหารน่าทานจังนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชมกับภาพข้าวกล่องตรงหน้าที่รู้ดีว่าอีกคนตั้งใจทำมันมาสำหรับมื้อนี้ แค่บอกว่าน่ากินแพคฮยอนก็ยิ้มแก้มปริแล้ว
“แต่ ฉันทำอาหารไม่ค่อยเป็นนะ ไม่รู้จะกินได้รึเปล่า” คุณหนูที่ตั้งใจมาอย่างดีกลับเอ่ยออกมาอย่างประหม่า
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทานได้”
แต่แล้วไคก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเพิ่งจับอะไรต่างๆในสวนมา มือคงไม่สะอาดแน่ๆ
“จะไปไหนน่ะ”
“ล้างมือครับ”
“ล้างทำไม ตะเกียบกับช้อนก็มี” แพคฮยอนแย้งขึ้นเพราะไม่อยากจะรอ
“จะดีเหรอครับ..”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นั่งลงเหอะ”
“งั้นฉันป้อนนะ”
“........”
ว่าไงนะ ไคหูฝาดไปหรือเปล่า
“อ่ะ อ้าปากสิ รอให้ชิมแต่เช้าแล้ว เผื่อจะอร่อยน่ะนะ” แพคฮยอนคีบอาหารในกล่องยื่นให้ไคที่ยังทำหน้าเหมือนกับชั่งใจอยู่ ก่อนจะค่อยๆอ้าปากรับอาหารจากปลายตะเกียบของแพคฮยอนแต่โดยดี
“เป็นไง อร่อยมั้ย” แพคฮยอนรอฟังผลด้วยท่าทีลุ้นๆ ไคเคี้ยวไปได้สักพักก็เงียบไป จะว่าไงดีล่ะ รสชาติมันก็งั้นๆแหละ แต่ทำไมถึง....
“จืดไป”
“ว่าไงนะ” แพคฮยอนทำเสียงสลดนิดหน่อย ก่อนจะคีบอีกอย่างในกล่องให้ไค
“อืม อันนี้ก็เค็มไป”
“จริงเหรอ .. ว่าแล้วเชียว ฉันไม่ได้เรื่องจริงๆด้วยสินะ” แพคฮยอนทำหน้าท้อใจก่อนจะคีบอย่างเดียวกันเข้าปากตัวเองบ้าง
พระเจ้า .. ไคอยากจะบ้าตายกับตะเกียบคู่เดียวกันนั่นเหลือเกิน
“นี่อย่าเอาแต่กินคนเดียวสิ ผมยังไม่อิ่มเลยนะ”
“ก็มันไม่อร่อยไม่ใช่เหรอ”
“ผมบอกรึยังล่ะว่าไม่อร่อย”
“คุณทำ .. อะไรก็อร่อยหมดแหละ”
แพคฮยอนได้ยินก็เขินขึ้นมาแทบแย่ แต่ไคกลับคิดว่าจะเขินทำไมกับคำพูดของเขาแค่นี้ แล้วทีไอ้ที่มาป้อน มาทำอะไรให้คนอื่นใจเตลิดเล่นเนี่ย มันไม่น่าให้คิดไปไกลกว่ากันเลยใช่ไหม
ไคก็ได้แต่คิดนั่นแหละ ก็เพราะแพคฮยอนไม่ได้คิดยังไงล่ะ มีแต่เขาเองที่คิดเลยเถิด คิดไม่ดีไปคนเดียว
สองคนบนเสื่อผืนเดียวกันจึงห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศมาปิกนิกในสวนส้มไปโดยปริยาย แต่ไม่มีใครรู้สักนิดว่ากำลังถูกสายตาสามคู่มองอยู่
ก็ใครจะกล้าเสียงดังในเวลาที่มาแอบดูคู่รักเค้าหวานชื่นกันล่ะ
“แม่คะ อย่าดันหนูสิ” เสียงใสบอกคนเป็นแม่ที่เอาแต่ขยับมาเบียดกันจนจะหลุดออกจากต้นส้มที่มาหลบอยู่แล้ว
“ชู่วววว เงียบกันหน่อยสองคนนี้ ถ้าพ่อถูกจับได้ล่ะเสียผู้ใหญ่หมด” เจ้าของไร่ตัวจริงหันมาเอ็ดภรรยากับลูกสาวตัวดีที่เกือบจะทำให้การแอบดูครั้งนี้ล้มเหลวเสียแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เห็นอยู่ตำตาก็ย้ำให้เขาทั้งสามแน่ใจมากกว่าเดิม
❤❤❤
ภายในบ้านสองชั้นขนาดกลางที่ติดกับฟากหนึ่งของสวนส้ม ระหว่างที่รอคนในครัวจัดการกับมื้อค่ำนี้อยู่ ไคก็นั่งอยู่ที่โซฟารับแขกพลางชะเง้อมองไปในครัวอยู่เป็นระยะๆ พ่อกับน้องสาวที่นั่งอยู่ด้วยเลยต้องแอบส่งสายตาหากันอย่างรู้ทัน
“เป็นไรไปลูก หิวแล้วเหรอ” พ่อแกล้งถาม
“เปล่าครับ ผมก็แค่....”
“แค่ห่วงว่าแม่จะใช้งานลูกมือคนใหม่หนักเหรอคะพี่” ฮายองน้องสาวตัวดีหลุดโพล่งออกไปตรงๆ เล่นเอาไคส่งสายตาดุไปให้
“พี่ก็แค่เป็นห่วง เพราะคุณหนูเค้าไม่ค่อยจะได้เข้าครัวเท่าไหร่ เค้าไม่ถนัดน่ะ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คุณท่านเจ้านายพี่จะเอาตายน่ะสิ เดี๋ยวจะยุ่งเปล่าๆ” ไคเอ่ยตรงๆเพื่อกลบเกลื่อน ท่าทีก็เนียนอยู่หรอกนะ แต่คนทั้งสองไม่ได้เชื่อเลยสักนิด
ทางด้านในครัว คนเป็นแม่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับว่าที่ลูกสะใภ้ที่หล่อนคิดเอาเองว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงใครจะว่าหล่อนเพี้ยนไปก็เถอะนะ
คุณหนูที่ได้ชื่อว่าทำอะไรไม่เป็นนั้นไม่จริงเลยสักนิด แพคฮยอนตั้งใจและพยายามเต็มที่โดยไม่บ่นอะไรสักคำ ถึงจะไม่ได้คล่องแคล่วน่ามากมายแต่คุณแม่คนสวยก็ปลื้มกับความตั้งใจไม่น้อย
“อันนั้นไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณหนู แค่หั่นผักให้ก็พอแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทำได้ .. เอ่อ แล้ว อย่าเรียกว่าคุณหนูเลยนะครับ เรียกแพคฮยอนดีกว่านะครับ” แพคฮยอนยิ้มบอกอีกครั้ง ซึ่งก็เคยบอกไปแล้วแต่คุณแม่ก็คงจะติดปาก
“จ้ะๆ โทษที แม่ลืมไป”
แม่ของไคคิดในใจว่าหากเป็นไปได้อยากจะเรียกว่าลูกเลยมากกว่า เสียดายที่เป็นผู้ชาย .. แต่แล้วยังไงล่ะ เป็นชายหรือหญิงก็เหมือนกันนั่นแหละ
“อ้าว เข้ามาทำไมล่ะไค” คุณแม่ตกใจนิดหน่อยที่เห็นลูกชายตัวโตมายืนกอดอกพิงขอบประตูมองใครอีกคนอยู่ แพคฮยอนหันกลับมาก็สบตากันเข้าพอดี เขาเงยขึ้นจากการตีแป้งขนมแล้วยิ้มให้ไค
ไคเดินผ่านแม่ตัวเองตรงไปยังคนที่ยืนยิ้มค้างเพราะรู้สึกประหม่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากันใกล้ๆ ไคมีแววตานิ่งๆก่อนจะก้มลงพูดกับแพคฮยอน
“ระวังหน่อยสิครับ เลอะอีกแล้วนะ” ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดแก้มที่มีเศษแป้งขนมติดอยู่ เรียวนิ้วยกขึ้นสัมผัสมันออกให้เบาๆ
“ขะ ขอบใจนะ” แพคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น นึกแล้วก็เบี่ยงตัวหันไปตีแป้งต่อแก้เก้อ ไคมองตามแผ่นหลังที่ไขว้ด้วยผ้ากันเปื้อนนั่นอีกทีด้วยสายตาที่ปิดความคิดไม่มิด
“อะแฮ่ม...” แม่ของไครีบกระแอมขัดจังหวะขึ้นมาพอดี
“นี่เราน่ะ อย่ามายืนเกะกะเลย แล้วก็บอกคุณน้องสาวด้วยนะว่ามีอย่างที่ไหนให้แขกมาช่วยในครัวแล้วตัวเองมัวนั่งเล่นไม่มาช่วยกันบ้าง ไม่ไหวจริงๆเลยลูกคนนี้” ไคได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆแล้วเดินออกไป แม้จะแอบมีสายตามองไปที่อีกคนอยู่แต่คนเป็นแม่ก็ไม่คิดจะปล่อยให้มายืนมองเอาๆอยู่แบบนี้หรอก
มื้อค่ำที่ดูพิเศษกว่าปกติจึงดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศครอบครัวเล็กๆที่แสนอบอุ่น คนทั้งห้านั่งล้อมโต๊ะอาหารทรงกลมที่เชื่อมต่อมายังห้องรับแขก
แพคฮยอนนั่งมองสองพี่น้องคุยกันรวมทั้งพ่อกับแม่ที่ยิ้มแย้มทานอาหารกันไปอย่างมีความสุข เขายกแก้วของตัวเองขึ้นจิบเครื่องดื่มอุ่นๆพลางอดคิดไม่ได้ว่าแต่ก่อนเขาก็เคยมีช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกัน
มีพ่อ มีแม่ มีตัวเอง
แต่แล้ว วันที่แม่จากไป แพคฮยอนก็เหงาจับใจ
แต่แพคฮยอนก็ยังมีพ่อ แค่พ่อไม่ค่อยว่าง พ่อกลับบ้านดึกเพราะพ่องานเยอะ
ไม่เหงาหรอก แพคฮยอนมีเพื่อนเยอะจะตายไป เขามีทั้งพี่เลี้ยง ทั้งเพื่อนที่โรงเรียน ทั้งลูกน้องของพ่อที่คอยเดินตามเวลาไปไหนมาไหน อยากได้อะไรก็ได้.. ตอนเด็กๆน่ะ ไม่เหงาสักนิด
“คุณแพคฮยอนครับ” ไคยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรียกให้แพคฮยอนหลุดออกจากห้วงความคิดตัวเอง ใบหน้าขาวใสซีดไปเล็กน้อย ไคเห็นแพคฮยอนยิ้มแบบฝืนๆเลยพอจะเข้าใจ เขาจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
“โทษนะคะ พี่แพคฮยอนมีพี่ไคเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว เวลาทำอะไรก็อยู่ด้วยกันตลอดเลยเหรอ” ฮายองโพล่งถามขึ้นมาเปลี่ยนให้บรรยากาศเป็นอีกแบบไปทันที
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วรึไง” ไคหันหน้าไปดุน้องสาว
“เปล่าซะหน่อย ก็แค่คิดว่าพวกพี่สนิทกันดีจังนะ เลยลองถามดู ก็คนเป็นเจ้านายชอบมาบ้านลูกน้องเนี่ย คงสนิทกันน่าดูไง ถูกมั้ยคะ” พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแกล้งไม่รู้ร้อนรู้หนาว แพคฮยอนไม่รู้จะกลบเกลื่อนแบบไหนเลยได้แต่ยิ้มนิดๆตามสภาพ
“เอ่อ ก็ เพิ่งจะเคยมาสวนส้มครั้งก่อน ทั้งไร่กว้างมากเลยนะครับ วันนี้เลยอยากลองมาอีก...” แพคฮยอนพูดไม่ทันจบไคก็รีบขัดขึ้น ไม่อยากให้คุณหนูของเขาต้องมาลำบากใจตอบเพราะโดนต้อนแบบนี้
“พอแล้วๆ คุณไม่ต้องไปสนใจเด็กคนนี้หรอก”
“ใครเด็กคะพี่”
“เธอนั่นแหละ จุ้นไม่เข้าเรื่องนะฮายอง”
พี่กับน้องทำท่าจะเถียงกันเอง คุณแม่เลยไม่อยากจะสนใจลูกสองคนนี้เท่าไหร่
“แพคฮยอนช่วยแม่ในครัวเมื่อกี้ ขอบใจมากนะ ปกติทำอาหารรึเปล่าล่ะ”
“ก็ไม่หรอกครับ เป็นพวกผู้ชายที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำเป็นแล้วนะ” ท้ายประโยคเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ พลางนึกถึงข้าวกล่องมื้อกลางวันที่เพิ่งผ่านไป
“คงทำให้คุณพ่อทาน ไม่ก็ทำทานเองใช่มั้ยจ๊ะ” คุณแม่ถาม
“เปล่าหรอกครับ ก็เพิ่งจะหัดทำจริงๆจังๆให้ไคเมื่อเช้านี้เองครับ” แพคฮยอนยิ้มแก้มปริกับสิ่งที่ตัวเองตั้งใจ อย่างน้อยก็ไม่มีใครมาว่าได้ว่าเขาทำอะไรไม่เป็น
แต่แพคฮยอนคงลืมนึกไปว่าที่พูดน่ะ ....
“เอ่อ ...” พอเริ่มนึกกับสิ่งที่พูดออกไป ได้ใบหน้ายิ้มแย้มก็กลายเป็นยิ้มแห้งๆไปโดยอัตโนมัติ
คนทั้งสามที่แม้จะแอบดูเหตุการณ์นั้นมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงตาเป็นกระกายขึ้นมาพร้อมกัน ผิดกับคุณลูกชายที่แทบจะเอามือตบหน้าผากตัวเองแรงๆ
“ผมหมายถึง หมายถึงว่า ...” แพคฮยอนอยากจะอธิบาย ซึ่งมันไม่ต้องอธิบายอะไรกันอีกแล้วล่ะ ไคสงสารคนข้างกายที่ต้องตกที่นั่งลำบากอีกครั้ง ใครล่ะจะปล่อยให้คนที่รักต้องมานั่งน่าสงสารแบบนี้
“ขอตัวนะครับพ่อแม่ .. คุณหนูคงจะเมาไวน์ ไปเดินเล่นหน่อยท่าจะดี”
ว่าแล้วไคก็ดึงแขนแพคฮยอนให้ลุกเดินออกไปด้วยกัน โดยไม่ฟังเสียงค้านของเจ้าตัวเลย ส่วนคนที่เหลือน่ะเหรอ…….
“เมื่อกี้นี้ หนูเอาแก้วโกโก้ร้อนให้พี่แพคฮยอนนะคะ ..” ฮายองบอก
คนทั้งสามมองไปยังขวดไวน์ที่ตั้งอยู่โดยที่ยังไม่ได้เปิดเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้กัน
❤❤❤
“ไค พาฉันออกมาทำไม เสียมารยาทหมด”
แพคฮยอนเอ่ยถามเมื่อผ่อนแรงเดินข้างกันไปตามทางในสวนส้มตอนค่ำ อากาศเย็นแบบนี้ใครเค้ามาเดินเล่นกันล่ะ แพคฮยอนสงสัย
“แล้วคุณอยากจะนั่งให้พวกเค้าจ้องรึไงล่ะ รึอยากจะตอบคำถามของน้องสาวผมอีก” ไคส่ายหน้าให้คุณหนูที่อุตส่าห์จะพยายามเป็นคนดีทั้งที่ตัวเองต่างหากที่กำลังเสียเปรียบ
“จริงสินะ .. โทษที”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ คุณไม่ผิดหรอก”
“อืม แต่เรื่องของเรา ก็ไม่ควรให้ใครรู้อยู่แล้ว ฉันเข้าใจ” แพคฮยอนเข้าใจแต่ก็แอบก้มหน้าผิดหวังนิดๆกับความรักครั้งนี้ที่บอกใครไม่ได้ ไคมองคนตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะกุมมือให้เดินไปด้วยกันยังลานหญ้าริมสวน ที่รอบๆจะเป็นคลองน้ำซึ่งก็กว้างใช้ได้เลยทีเดียว
ท้องฟ้ากว้างไกลเหน็บหนาวเต็มไปด้วยดวงดาว แต่ที่นี่โชคดีที่ไม่มีหิมะตกให้ต้องกังวล
ทั้งสองนั่งอยู่ข้างกันบนผืนหญ้าที่ลาดเป็นเนินต่ำลงไปไม่ชันมากนัก ภายหน้าเป็นผืนน้ำ ภายหลังเป็นสวนส้ม ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยับ
คนตัวเล็กกว่าเริ่มกอดตัวเองเพราะอากาศที่แทรกซึมลงมาผ่านเสื้อตัวเดียวที่สวมใส่ ก่อนที่เสื้อแขนยาวหนักๆจะทับตามลงมาอีกที
“เมื่อกี้รีบพาออกมา ไม่มีเสื้อคุณคงหนาว” ไคว่า ยังดีที่เขาใส่เสื้อนอกตัวนี้มาด้วย
“ขอบใจนะ แต่นายไม่หนาวเหรอ”
“ก็ ถ้าทำแบบนี้คงไม่หนาวเท่าไหร่” ว่าแล้วอ้อมแขนแกร่งก็โอบรวบร่างบางเอาไว้ทั้งเสื้อกันหนาว แพคฮยอนไม่ตอบอะไรนอกจากแอบยิ้ม ใบหน้าคมแนบจมูกสูดเอาความหอมจากแก้มของคนในอ้อมกอด
ได้แค่นั้นแต่มันไม่พอ ได้หอมแล้วก็อยากหอมอีก อยากจะได้มากกว่านั้น อยากจะทำ ...
ไคกระชากความคิดตัวเองลงก่อนจะหันหน้าหนีจากแพคฮยอน
“ไค..”
“ครับ”
“มีอะไรก็บอกนะ เอ่อ ฉันหมายถึงว่านายดูแปลกๆไป” แพคฮยอนหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ดวงตาทั้งคู่จ้องมาอย่างเป็นห่วงเป็นใย
ซึ่งเจ้าตัวไม่รู้เอาเสียเลย ว่าไอ้ที่ถามน่ะ ต้นเหตุมันจะมาจากตัวเองทั้งนั้น
“เปล่าครับ ผมสบายดี” บอดี้การ์ดหนุ่มที่พ่วงตำแหน่งอื่นไว้ด้วยยกยิ้มมาให้ แต่แล้วก็หันสายตาไปทางอื่นอีกครั้ง ไคแลดูเลิกลั่กจนแพคฮยอนคิดว่ามันผิดสังเกต คนรักกันมีอะไรก็น่าจะบอกสิ คิดแล้วก็ยกมือประคองใบหน้านั้นให้หันมาสบตากัน
“นายเป็นไข้เหรอ หน้าแดงแบบนี้คงไม่ไหวมั้ง .. ไหนดูซิ” หน้าผากของแพคฮยอนที่ว่าใกล้กันแล้วยื่นเข้ามาแนบกับหน้าผากของไคเพื่อวัดไข้
“อืม .. ก็ไม่ได้ร้อนมากนี่นา”
“พอเถอะครับ”
“หือ...”
ไครวมมือทั้งสองข้างของแพคฮยอนลงมาไว้ตรงหน้าอกพลางถอนหายใจกับคนตรงหน้าที่ยังขมวดคิ้วไม่รู้อะไรเลยสักนิด เขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้วเชียว
.. ได้โปรดเถอะคนดีของผม
“ไค...”
“ขอร้องล่ะครับ คุณอย่าใกล้ผมให้มากเลยนะ ผมกลัวว่าจะ .... เฮ้อ” ไคถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ที่ผ่านมาก็แค่จูบ กอด จับมือ หอมแก้ม เขาอนุญาตตัวเองแค่นั้น แต่คนคิดกลับปฏิบัติเองลำบากเหลือเกิน
แพคฮยอนมองสีหน้าลำบากใจของไคอยู่พักใหญ่ ต่างคนต่างเงียบ
“นายหมายถึง”
“ก็อย่างที่บอกไงครับ ยิ่งใกล้กัน ผมก็ยิ่งคิดว่าตัวเองจะทนไม่ไหวเข้าซักวัน”
ถึงตรงนี้แล้ว คนที่เอาแต่ขมวดคิ้วก็ต้องคลายมันออกกับความกระจ่างที่สมองซึ่งไม่ใช่ว่าไม่ฉลาดนั้นจะประมวลมันออกมาได้ ก็เรื่องแบบนี้ใครมันจะไปรู้ตัวง่ายๆกันเล่า
แพคฮยอนหันหน้าหลบมาอีกทาง ก็ไคเล่นทำหน้าแบบนั้นแล้วบอกกันตรงๆมันก็อายเป็นเหมือนกันนี่ แก้มขาวๆจึงก้มงุดลง เห็นอย่างนั้นคนมองก็แทบอยากจะบ้า ต้องให้บอกตรงๆแบบนี้สินะถึงจะเข้าใจน่ะคุณหนู
“ไม่ต้องแล้วก็ได้นะไค”
“อะไรนะครับ”
“ที่ว่าอดทนน่ะ ไม่ต้องก็ได้” แพคฮยอนทำหน้ามุ่ยนิดๆเมื่อต้องเอ่ยซ้ำในบางอย่างที่ยากจะบอก ก็เล่นมาทำหน้าทรมานใจขนาดนี้ นั่นไงล่ะ ว่าแล้วก็ยังนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร
“เฮ้อ .. หนาวมากเลย ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า” แพคฮยอนเอ่ยแบบไม่สบตาก่อนจะดันตัวขึ้นเพราะทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วก็ถูกไครวบเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“อย่าเพิ่งไปเลยครับ ถ้าคุณหนาวผมก็จะกอดไว้แบบนี้” ไคกอดแพคฮยอนเอาไว้บนตักของตัวเอง หัวใจที่หันแนบกันคนละฝั่งเหมือนจะเต้นตึกตักไม่ต่างกัน
“ขอโทษที่ผมพูดไม่ดี ผมแค่หยุดคิดเรื่องแบบนั้นกับคุณไม่ได้ซักที ทั้งที่เราไม่ควรจะเกินเลยกัน และผมก็ควรจะให้เกียรติคุณในฐานะคนที่คุณท่านฝากให้ผมดูแล .. แต่ว่าเวลาที่เราใกล้กันทีไร เวลาที่ผมจูบคุณ ผมก็มักจะอยากทำมากกว่านั้น .. ผมขอโทษนะแพคฮยอน”
บ้าจริง .. พยอนแพคฮยอนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย ทั้งอายทั้งโมโหที่มาขอโทษๆอยู่นั่น มันอะไรกันนักหนาล่ะ
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องทนหรอก เอ่อ .. หมายถึงว่ามันคงไม่ดีแน่ที่นายจะต้องเก็บมันไว้” แพคฮยอนว่าแล้วก็เอาแต่ก้มหน้าอีกครั้ง คนมันพูดไม่เป็นภาษาแล้วนี่นะ แล้วไอ้การจะบอกว่าอนุญาตมันก็ใช่ว่าอยากจะทำ
“ผม...”
แพคฮยอนรู้ดีว่าไคไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ เขามั่นใจ มั่นใจมากด้วย
แต่แพคฮยอนคงไม่รู้หรอกว่าอีกแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ
ใบหน้าน่ารักของคนที่คิดอะไรไม่ถูกเงยขึ้นจูบคนตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ ในใจคิดว่าหากไคจะทำก็คงไม่เป็นไร แต่อีกใจก็มั่นใจมากว่าอีกฝ่ายคงไม่ทำแน่ ถ้าแค่จูบกันนานๆแบบนี้คงจะพอแก้ขัดได้บ้างล่ะนะ
“อืม...”
ลิ้นอุ่นๆแทรกเข้าหากันภายในโพรงปากยามแรกเริ่ม จูบแบบช้าๆโดยคุณหนูที่เริ่มก่อนดำเนินไปได้สักพัก แล้วก็กลับกันอย่างคาดไม่ถึง แพคฮยอนลืมตากว้างเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกรุกเข้าเสียแล้ว ไคดันลิ้นเข้ามาสอนให้แพคฮยอนรู้ว่าแบบดูดดื่มมันเป็นยังไง
แล้วคุณหนูแพคฮยอนก็เผลอไปทำลายเส้นแบ่งเขตของบอดี้การ์ดที่อุตส่าห์ขีดขึ้นมาเอาไว้จนได้
“อ๊ะ ...” แพคฮยอนรู้ตัวอีกทีก็ล้มลงไปบนผืนหญ้าแล้ว ร่างของไคตวัดคร่อมทับเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตาคมกล้านิ่งขึงที่เคยเห็น ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนโหยหาและต้องการ แพคฮยอนอึ้งไปกับสัมผัสแนบชิดของจุมพิตที่อีกฝ่ายมอบให้อีกครั้ง
ความหอมหวานแผ่ซ่านไปทั้งกายผ่านริมฝีปากและอ้อมกอดอันอบอุ่น
“อืม.....”
ดวงตาเรียวเล็กเห็นเพียงแค่ดาวบนท้องฟ้าและเสี้ยวหน้าที่แนบชิดกัน ก่อนที่บทเพลงอันหอมหวานภายใต้ริมฝีปากของกันและกันจะจบลงเพราะหนึ่งฝ่ายรีบทำลายมัน .. ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลย
“ไค” แพคฮยอนเรียกเบาๆเมื่ออีกคนดันตัวขึ้นแล้วจ้องลงมาที่เขา
“คุณบอกผมมาคำเดียว .. แค่คุณบอกว่าไม่ แล้วเราจะกลับบ้านกันทันที” ไคกลั้นใจพูดอย่างมีสติ เขาอดทนได้มากพออย่างที่แพคฮยอนคิด แต่นั่นมันยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกแย่ มือสองข้างจึงยกขึ้นสัมผัสที่แก้มของคนที่รักสุดหัวใจ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิไค ขอร้องล่ะนะ บางทีก็ช่วยลืมมันไปบ้างก็ได้ อย่างน้อยเรื่องระหว่างเรามันก็ไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้อง บางทีฉันก็อยากให้เราอยู่ในฐานะอื่น ไม่ใช่เป็นได้แค่คุณหนูกับบอดี้การ์ด”
สองสายตาสบกันนิ่ง
“ถึงเรื่องของเรา นายจะไม่อยากให้คนอื่นรู้...”
“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณ...”
“แล้วฉันว่าอะไรรึยังล่ะ นายให้รอ ฉันก็จะรอ” แพคฮยอนเอ่ยชัดเจน อยากจะย้ำให้รู้เหลือเกินว่าเรื่องนั้นมันไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของพวกเขาหรอก
ไคถอนหายใจอย่างสับสน นึกแล้วก็พาลเกลียดตัวเองที่ทำให้คนที่รักต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย
“ผมรักคุณนะแพคฮยอน”
“ฉันก็รักนายเหมือนกันนะไค”
เมื่อยิ้มให้กัน บรรยากาศก็พลันสดใสขึ้นมาทันตา
แพคฮยอนหลับตาลงช้าๆเมื่อคนด้านบนเอนหน้าแนบลงมาหา กระซิบเบาๆทำเอาหัวใจที่วูบไหวเริ่มจะเต้นตึกตักขึ้นมาอีก
“ถ้าไม่ไหว รีบบอกผมนะ..”
ฉากที่ถูกตัดค่ะ สามารถขอได้โดย
1. เมนชันมาถามที่ @gorn_dbsk
2. อีเมล์มาขอ alivegorn_no@hotmail.com
❤❤❤
เวลาเท่าไหร่แล้วนะ
รู้แค่ว่าดาวยังสวยอยู่เลย
แพคฮยอนพยายามจะเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาของไคบนพื้นที่ห่างออกไปขึ้นมาดู แต่ทำยังไงก็เอื้อมไม่ถึงเพราะมีวงแขนที่โอบร่างของเขาเอาไว้ จะขยับออกไปก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น แพคฮยอนนอนตะแคงซุกอยู่ในอ้อมกอดเปลือยเปล่าของไค เขาเพิ่งลืมตาขึ้นมาก็พบว่ายังอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ จะดีก็แค่ไคกอดเขาเอาไว้กับเสื้อที่ใส่แบบลวกๆให้ คงเพราะห่วงว่าจะหนาว
นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้แล้วก็ยังอึ้งไม่หาย ความรู้สึกปวดแปลบที่ช่วงล่างยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าพวกเขามีอะไรกันไปแล้ว แพคฮยอนไม่กล้าจะเงยหน้ามองคนที่หลับอยู่ ลมหายใจของเขาผ่อนเข้าออกปะทะอกแกร่งก่อนจะหน้าแดงอยู่คนเดียว ทำไปขนาดนี้แล้วพรุ่งนี้เขาจะทำหน้ายังไงดีนะ คนอย่างพยอนแพคฮยอน บางเวลาที่จะไม่กล้าก็คงไอ้เรื่องแบบนี้แหละ
แพคฮยอนรีบแกล้งหลับตาลงเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของไคที่แนบลงมายังศีรษะของเขา ไคจุมพิตให้ชื่นใจก่อนจะเอื้อมไปหยิบเอานาฬิกาตัวเองมาดูเวลา
“ตีสามครึ่ง......” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆก่อนจะก้มมองคนในอ้อมกอดที่ยังนอนนิ่ง จะว่าไปแล้วที่บ้านไม่มาตามไม่รู้ว่าไม่ห่วงหรือคิดว่าปลอดภัยกันดี หรือคิดว่า ...
ถึงตรงนี้ไคก็ต้องยิ้มแห้งๆกับตัวเอง ซวยแล้วมั้ยล่ะ ที่บ้านจะรู้มั้ยเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ ที่น่าห่วงคืออีกคนที่เขากอดอยู่ต่างหาก เป็นหวัดขึ้นมาล่ะได้แย่แน่
“อุ้มไปเลยดีมั้ยนะ”
แพคฮยอนเกร็งไปหมดกับการแกล้งหลับที่ชอบทำออกบ่อย มันไม่ใช่เขาเลยสักนิด
ไคจ้องอีกฝ่ายพลางนึกถึงเรื่องที่ทำไปแล้ว จะว่าเครียดก็เครียด แต่จะว่าไปเขาก็มีความสุขอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน แก้มชมพูกับรอยแดงตามเนื้อตัวที่เขาทำเองกับมือ แอบดีใจอยู่ลึกๆ แต่ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากจะทำอีก .. ชายหนุ่มสะบัดหน้าแล้วเสยผมตัวเองลวกๆ นึกด่าตัวเองในใจว่าจะบ้าไปถึงไหนกัน
บอดี้การ์ดหนุ่มที่เป็นมากกว่านั้นก้มหน้าลงแนบข้างแก้มของคุณหนูที่เขารักยิ่งกว่าใคร
“.... good night”
❤❤❤
เพิ่งกลับมาจากไร่ของไค พอถึงบ้านแพคฮยอนก็เดินเข้ามาเจอกับสายตามีคำถามของคนที่นั่งรออยู่
“ไหนบอกพ่อว่าจะกลับมาเมื่อวาน”
คนเป็นพ่อเอ่ยถามลูกชายเสียงเรียบ แต่แววตานั้นแพคฮยอนรู้ดีว่ามันกำลังฉายแววคาดโทษอยู่เป็นนัย ชายวัยกลางคนนั่งกอดอกโดยมีลูกน้องอีกสองคนยืนตัวตรงอยู่ด้านหลัง แพคฮยอนรู้ว่าพ่อกำลังจะออกไปข้างนอกแต่ว่าคงรอเขาอยู่
“ขอโทษครับ คือว่า...”
“พ่อติดต่อไม่ได้เลยนะ”
“แต่ผมก็เปิดเครื่องอยู่นี่ครับ แล้วก็ไปกับไคด้วยไม่มีอะไรต้องห่วง” แพคฮยอนอธิบาย เขารู้ดีว่าพ่อไม่ได้คิดว่าเขาเป็นเด็ก แต่ที่ห่วงก็เพราะครอบครัวเราไม่เหมือนคนอื่น
“ก็ติดต่อไม่ได้ทั้งสองคนนั่นแหละ”
ว่าแล้วบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยถึงก็เดินเข้ามาพอดี ไคเห็นท่าทางว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะดี คุณท่านจ้องมาที่เขาก่อนจะเดินเลยคุณหนูแล้วตรงเข้ามาหา
“ครับท่าน” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยรับเสียงเรียบ แต่ในใจเริ่มประหม่าเพราะกลัวว่าบางอย่างจะถูกจับได้
ผู้เป็นนายขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยเบาๆออกมาให้ได้ยินกันแค่สองคน แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับลูกน้องที่เดินตามหลังออกไปติดๆ
ไคยืนนิ่งพร้อมกับตีความในสิ่งที่ได้ยินซ้ำไปซ้ำมาในหัว
“อะไรน่ะไค พ่อว่าอะไรนาย” แพคฮยอนตรงเข้ามาหาอย่างจริงจัง แต่ไคก็ไม่ตอบ เห็นอย่างนั้นคนที่รออยู่ก็ชักเป็นห่วงกว่าเก่า
“นี่ ฉันถามว่าพ่อพูดอะไร พ่อโกรธนายเรื่องฉันเหรอ หรือเค้าคิดว่านายตามใจฉันมากเกินไป”
“เปล่าหรอกครับ คุณท่านไม่ทำเหมือนคุณเป็นเด็กขนาดนั้นหรอก”
“แล้วอะไรล่ะ บอกมาซักทีสิ”
“อยากรู้เหรอครับ”
“ใช่น่ะสิ!!”
“งั้น .. เอาไว้เราไปนั่งเล่นที่สวนแบบเมื่อคืนอีก แล้วผมจะบอกนะครับ”
ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เรื่องเมื่อคืนที่ว่าก็หวนกลับมาอีกครั้ง ได้ผล คุณหนูแพคฮยอนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที จากจะตื๊อเอาคำตอบที่อยากรู้เลยไม่สนใจมันแล้ว
“อืม ช่างเหอะ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” แพคฮยอนบอกเบาๆพลางก้มหน้าหนีไค แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของตัวเอง ปล่อยให้คนที่ยืนหน้าตายได้เพียงมองตามและคิดว่าเอาไว้ค่อยบอกจะดีกว่า
ไคระบายยิ้มบางๆออกมาคนเดียว ขณะที่ประโยคสำคัญของเจ้านายเมื่อครู่นั้นจะยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
“ ยกให้แล้ว ดูแลดีๆล่ะ ”
.
.
The complete of "Let me be .." – special part
หวัดดีอีกรอบงับ
เข็นสเปพาร์ทมาลงช้าไปหน่อยมั้ย (ไม่หรอกมั้ง .. 555 ) พาร์ทนี้เป็นบทเพิ่มให้สมบูรณ์ ให้เขินเล่น(?)เท่านั้นเองค่ะ NCในสวนส้มนี่ ละมุ้นนนนน ละมุนโนะ เขียนไปยังบิดไปเลยค่ะ ขนาดเขียนเองนะ มดจะขึ้นคอมให้ได้เลยทีเดียว จริงๆแล้วฉากนั้นมันควรจะหนาวกันนะ ทำไปได้ .. นี่ว่าแต่ ใกล้เช้าแล้วจะมีคนงานในสวนเดินผ่านมาเห็นป้ะ? ==* .. ช่างมันๆๆๆๆ หะหะ อยากสิงพระเอกสุดใจเลย ณ จุดนี้
ก็เป็นอันจบไปสำหรับบทน่าทะนุถนอมของชายพยอนกับมาดขรึมๆของจงอินนะคะ ขอบคุณที่ติดตาม และที่มาเวิ่นในแท็ก #ลมบ ด้วยนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
เจอกันเรื่อง(ยาว)หน้านะงับ แฮร่ ~~ ^^V
ความคิดเห็น