คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [SF] If u play (HanSoo) - part3 (Ending)
If u play
Pairing : Luhan x D.O. ft. Kai , Baekhyun
Writer : Gornhai
Rating : NC-17
140622
Ending part
- ฉากนี้เป็นฉากที่ถูกตัดออกค่ะ -
วิธีอ่านมี3ทาง
1. หาลิงค์ในทวิตเตอร์ แท็ก #ifuplay
2. หรือลิงค์ในไบโอทวิตเตอร์แอค @gorn_dbsk
3. E-mail มาขอที่ Alivegorn_no@hotmail.com
บทรักอันยาวนานจำต้องจบลงเพราะคนถูกกระทำไม่สามารถรับได้ไหว คยองซูหมดสติไปพร้อมกับน้ำตานองหน้า และนั่นก็ทำให้ลู่หานต้องหยุดการกระทำลง ร่างขาวเนียนแดงเรื่อไปทั้งตัว ไม่นับกับรอยแดงเป็นจุดๆพวกนั้นอีก หลังจากดึงผ้าห่มคลุมร่างของคยองซูแล้วลู่หานก็ลุกมาใส่กางเกงพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มือหนาลูบไล้ไปตามใบหน้าที่เกรอะกรังไปด้วยน้ำตา ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกแบบไหน ถึงจะยังอยากทำต่อแต่หยดเลือดที่ซึมเป็นวงอยู่บนที่นอนก็ทำให้เขาต้องดึงมือข้างนั้นกลับมาข้างลำตัวดังเดิม
ยังไงดีล่ะ .. ลู่หานรู้สึกว่าเกมอันแสนยาวนานที่เขาไม่เคยเล่นกลับใครมาก่อน สุดท้ายตัวเองก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดี ก็ดีใจอยู่หรอกนะ ดีใจ แต่มันก็ ... เขาใช้เวลาครู่ใหญ่อยู่กับการครุ่นคิดวกไปวนมา บุหรี่หลายมวนถูกกดลงไปในถาดแก้วชั้นดีพร้อมกับเสียงถอนหายใจของชายหนุ่ม
ใบหน้าหล่อเหลากลับมายิ้มร้ายกับชัยชนะของตัวเองอีกครั้ง
“หึ ...ก็บอกแล้วไง ว่าเล่นกับใครไม่เล่น”
◆◆◆◆◆◆
เหตุการณ์คืนนั้นได้ผ่านไปแล้ว
อีกแค่ไม่กี่วันก็จะครบเวลาที่ลู่หานจะต้องไปจากที่นี่ แต่คยองซูไม่มีเวลาเหลือให้สักวันเดียวแล้ว ชายหนุ่มเป็นฝ่ายขอไปเองโดยใช้อภิสิทธิ์ยื่นใบลาพักร้อนและทิ้งทุกอย่างเอาไว้ให้คนอื่นจัดการแทน เกลียดตัวเองที่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานแต่เขาอยากจะหนีและไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายสักพัก
และผลก็เป็นไปตามคาด ลู่หานไม่สามารถหาตัวคยองซูพบได้ และพอรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจหลบหน้าเขาก็เริ่มจะรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในอก ยิ่งไม่ได้เจอหน้าลู่หานก็เริ่มจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นอีกอย่างไปโดยสิ้นเชิง
ชายหนุ่มแทบไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเป็นฝ่ายกลัดกลุ้มกับเรื่องนี้ไปเสียแล้ว ก็เรื่องคืนนั้นจะให้อธิบายยังไงดีล่ะ ไม่คิดว่าตัวเองผิดหรอกนะในเมื่อเป็นผู้ชนะก็ทำถูกแล้ว อีกอย่างจะเรียกว่าขืนใจเต็มๆมันก็ไม่ถูกเพราะอีกฝ่ายก็สมยอมโดยดี แต่พอนึกถึงใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นแล้วก็พอจะยอมรับว่าตัวเองทำเกินไปจริงๆ
ลู่หานนั่งครุ่นคิดอยู่หลายวันกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพลย์บอยหนุ่มต้องสะบัดหัวไล่ความหงุดหงิดนี้ออกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง รู้ตัวอีกทีตัวเองก็กลับมานั่งกุมขมับอย่างเดิม และมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว
ที่ผ่านมาจะให้บอกไหมว่าเขาไม่เคยทำอะไรกับใครไปมากขนาดนั้นเลย ไม่เคยต้องการจนเก็บอาการไม่อยู่แบบนั้น คืนนั้นหากว่าอีกฝ่ายไม่สลบไปก่อนเขาก็คงได้ต่ออีกรอบ และอีกรอบจนเช้าแน่ๆ และที่สำคัญ ไม่เคยต้องลงทุนใช้เวลากับใครมากเท่านี้มาก่อน
“เฮ้อ........”
“วันนี้อารมณ์ดูแย่ๆนะ” จงอินเอ่ยขณะที่มานั่งดื่มกันอยู่ที่ผับประจำ ลู่หานนิ่วหน้ากับแก้วเครื่องดื่มโดยไม่ตอบอะไรคนข้างกาย
“เฮ้ ลู่หาน มึงโอเคป่าววะ”
“อืม .. เงียบๆหน่อยได้มั้ย ... นี่ก็โทรมาอะไรนักหนาวะ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปกับโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ ก่อนจะหมดความอดทนแล้วกดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
“โฮ่! พี่ลู่หานกล้ากดตัดสายน้องฮยอนอาได้ยังไงกัน” จงอินเอ่ยแซวก่อนที่เพื่อนรักจะตวัดสายตามอง
“ใช่ที่ไหน ยูมิต่างหาก”
“นั่นสินะ ลืมไปว่ามีหลายคน” จงอินหัวเราะเหน็บแนม ไม่รู้ว่าชมหรือด่ากันแน่
“กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่ เกมนี้ชนะใสๆไม่ใช่เหรอ แล้วจะมานั่งกลุ้มเป็นผู้แพ้อยู่ทำไม” จงอินเอ่ยอย่างรู้ที่ไปที่มาเป็นอย่างดี ลู่หานไม่ตอบ ปล่อยให้เพื่อนพูดไปตามใจทั้งที่ไม่ได้เล่าอะไรมากมายแต่เพื่อนคนนี้ก็จับต้นชนปลายเองได้เป็นอย่างดี
“ได้เค้าแล้วมานั่งทำหน้ายุ่งแบบนี้ไม่สมกับเป็นมึงเลยนะ”
“............”
“หาเค้าไม่เจอล่ะสิ ทั้งหมดที่มึงเริ่มก็เข้าข่ายหาเรื่องใส่ตัวแล้ว แล้วดันไปขุดหลุมฝังตัวเองด้วยการปล้ำเค้าอีก”
“กูไม่ได้ปล้ำ”
“อ้อ .. แค่หลอกให้ตายใจแล้วรวบหัวรวบหางว่างั้น”
“... ก็บอกแล้วไงวะว่าไม่ได้ตั้งใจ”
“แล้วเค้ารู้มั้ยล่ะ”
“แล้วเค้าอยู่ให้กูบอกรึไงกันวะ” ลู่หานสวนกลับอย่างสุดจะทน
“เฮ้อ ที่เคยบอกว่าให้เลือกคนหน่อยเพราะกลัวว่าถ้าถูกมึงทิ้งเค้าคงทนไม่ไหว แล้วไงทีนี้ สุดท้ายกลับเป็นมึงซะเองที่ถูกเค้าปั่นหัว”
จงอินพูดถูก ตั้งแต่ไม่เจอคยองซูลู่หานก็ยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลยล่ะว่าตอนนี้ไม่ต่างกับถูกอีกฝ่ายปั่นหัวอยู่จริงๆ
◆◆◆◆◆◆
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ลู่หานกลับมาทำงานที่บริษัทตัวเองแล้ว เขาใจลอยเหมือนคนไม่มีแก่ใจทำอะไร แม้แต่กาแฟในถ้วยยังปล่อยให้เย็นโดยไม่สนใจ เขาเฝ้าคิดว่าคยองซูหายไปอยู่ไหนแต่ก็ทำได้แค่รอเท่านั้น รอมาจนครบกำหนด รอจนลืมไปแล้วว่า ... ป่านนี้อีกฝ่ายคงกลับมาทำงานแล้ว
นั่นสิ ..
ลู่หานกลับมาหาคยองซูที่บริษัท ท่านประธานต้อนรับขับสู้เขาเป็นอย่างดี เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คยองซูเข้ามาในห้องท่านประธานพอดิบพอดี เขาไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ ต่างกับอีกฝ่ายที่ดูจะช็อกไปในทันที คยองซูหันกลับโดยไม่ฟังเสียงท่านประธานเลย
“คยองซู นั่นจะไปไหนน่ะ เห็นมั้ยว่าคุณลู่หานมาน่ะ .. เฮ้อ เด็กคนนี้” ท่านประธานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ แต่คนข้างกายที่เคยยิ้มให้กลับมีสีหน้าต่างไปจากทุกครั้ง
“ผมขอตัวนะครับ”
“อ้าว นั่นคุณลู่หานจะไปไหน”
คยองซูรีบกลับเข้ามายังห้องทำงานของตัวเองทันที แอบตกใจไม่น้อยเพราะไม่นึกว่าลู่หานจะกลับมาที่นี่อีก ในเมื่อเขาแพ้แล้วยังจะกลับมาหยามกันทำไม หรือว่ามีคุยธุระกับคุณอา แต่พอคิดอย่างนั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อรู้สึกว่าตัเองกำลังหวังอะไรอยู่
“ไม่นะคยองซู มีสมาธิหน่อยสิ”
และวันทั้งวันเรื่องที่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะตามมากลับไม่มีแม้แต่วี่แวว แม้จะแอบผิดหวังอยู่ลึกๆแต่ก็เตือนตัวเองว่ามันดีแล้ว ลู่หานก็แค่ต้องการเอาชนะ เรื่องมันจบไปแล้วและเขาก็ไม่อยากเจอหน้าคนแบบนั้นอีกด้วย คยองซูรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่คิดสับสนอยู่ในใจจนเวลาล่วงมาเยอะแล้ว สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังรายงานว่าลูกค้าที่ติดต่อเอาไว้มาขอพบ เขาจึงได้หลุดออกจากห้วงความคิดบ้าๆพวกนี้เสียที
ชายหนุ่มก้าวเข้ามายังห้องรับรองหลังจากที่ปรับสีหน้าให้พร้อมพบแขกคนสำคัญที่อยู่ในตารางนัดของวันนี้ อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายช่างมาตรงเวลาไม่ขาดไม่เกินเสียจริงๆ แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นรอยยิ้มที่มีก็จางหายไปในทันที
“คุณ .. มาทำไม” คยองซูชะงักเท้าลงเมื่อเห็นว่าลู่หานนั่งรออยู่ที่โซฟารับรอง ร่างสูงลุกขึ้นตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดจะถามหรอกว่าแขกของตัวเองหายไปไหนแล้วทำไมอีกฝ่ายถึงได้มาอยู่ที่นี่แทน เขาหันหลังจะเดินหนีแต่กลายเป็นว่าถูกสวมกอดเอาไว้แทน
“ปล่อยนะ ในที่แบบนี้กรุณาอย่ามาทำรุ่มร่ามกับผม”
“ไม่ปล่อย นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน หลบหน้าฉันทำไม”
“แล้วทำไมผมต้องอยู่เจอหน้าคุณด้วยล่ะ”
“ก็นายบอกว่าชอบฉัน แล้วหนีหน้ากันทำไม”
ถึงตรงนี้คยองซูก็ขอบตาร้อนขึ้นมาทันที น้ำตาเม็ดโตกลั่นมาจากไหนกันนะ เขาเม้มปากจนเป็นเส้นตรงเพื่อกลั้นอาการเหล่านั้นเอาไว้
“ปล่อย”
“ไม่”
“ผมบอกให้ปล่อยไง ถ้าแขกของผมมาเห็นเข้าจะทำยังไง”
“เอาจริงเอาจังเหมือนเดิมนะ”
“เรื่องของผม บอกให้ปล่อยไงล่ะ ถ้าแขกของผม ...”
“ไม่มีใครมาหรอกน่ะ”
“หมายความว่าไง”
“หึ .. จะยากอะไร”
คยองซูนิ่งไปก่อนจะผลักลู่หานออกห่างแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากัน เขามองผู้ชายที่แสนจะร้ายกาจด้วยแววตาหวาดระแวง ไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงใช้อำนาจของตัวเองมาก้าวก่ายงานของเขาแน่ๆ
“คุณนี่มัน ...”
“ก็อยากหลบหน้าฉันทำไมล่ะ ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะได้เจอมั้ย”
“ผมไม่ได้หลบ”
“แล้วหายไปไหนมา แบบนี้แหละที่เรียกว่าหลบ”
“ผมแค่ไปอยู่บ้านเพื่อน แล้วจำเป็นอะไรต้องบอกคุณ”
“ก็บอกแล้วไงว่านั่นแหละที่หลบหน้า”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม แล้วคุณเองจะอยากเจอผมไปทำไม”
“ก็ฉัน .....” ลู่หานเงียบไปเมื่อถูกถามกลับ ชายหนุ่มแสดงอาการหงุดหงิดใจออกมาอย่างไม่มีปิดบัง
“ก็ .. ก็เช้านั้นนายแทบไม่มองหน้าฉันเลยนี่”
“ก็คุณบอกเองว่าตัวเองชนะแล้วไม่ใช่เหรอ จริงอยู่ว่าผมชอบคุณ แล้วจะให้ผมอยู่เจอทำไม คนนิสัยไม่ดี” คยองซูแทบจะตะโกนใส่หน้าลู่หานเสียด้วยซ้ำ เรื่องคืนนั้นนึกแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล ทั้งเจ็บใจและเสียใจ ลู่หานมองหน้าคยองซูด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถจะอธิบายได้
“ฟังก่อนสิ ..”
“ผมบอกแล้วไงว่าแพ้แล้ว ผมชอบคุณจริงๆ ชอบคุณที่แม้ว่าจะมั่วกับใครไม่เลือกแต่คุณก็ดีกับผม แม้ว่านั่นจะเป็นลูกไม้ตื้นๆที่ผมหลงเชื่อก็ตาม” คยองซูพรั่งพรูความในใจออกไปตรงๆ
“คุณจะมาสนใจอะไรกับคนอย่างผม ผมแพ้แล้วนี่ .. เพราะงั้นก็อย่ามายุ่งกันอีกเลย” คยองซูยกมือปาดน้ำตาที่เริ่มซึมออกอย่างไม่อาย คนที่ฟังอยู่จึงหงุดหงิดใจไปใหญ่
“เลิกพูดคำว่าแพ้ชนะอะไรนั่นได้แล้ว ฉันไม่อยากฟัง”
“อึก....”
ลู่หานบีบแขนทั้งสองข้างของคยองซูดึงให้เข้ามาชิดมากกว่าเก่า
“ฟังฉัน .. ทั้งหมดนั่นตั้งแต่ที่มาที่นี่ จริงๆแล้วฉันต้องการเอาคืนนายจริงๆ”
“........”
“แต่หลังจากที่นายหายไป ฉันก็รู้แล้วว่าตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายหลงนายเข้าเต็มๆ”
“.........”
“ขอโทษนะที่ทำเรื่องไม่ดีกับนายไป .. แต่ฉันคงหลงรักนายเข้าแล้วล่ะคยองซู”
คนฟังอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดคำนี้ออกมาจากปากง่ายๆ แต่พอคิดดีๆแล้ว เขาจะเชื่อได้ยังไงกันล่ะ ถ้าทั้งหมด ...
“ไม่รู้หรอกนะว่ามันคืออะไร .. แต่ถ้าคุณจะแค่เล่นๆ ก็ไปหาคนอื่นเถอะ” คยองซูทำท่าจะเดินหนีไปแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้อีกครั้ง ลู่หานมีสีหน้าจริงจังอย่างเห็นได้ชัด
“บอกซักคำรึยังว่าแค่เล่นๆ”
“.........”
“ฉันอยากมีอะไรกับนาย จนตอนนี้คิดว่าถ้ามีอีกไม่ว่าจะกี่ครั้งก็คงไม่เบื่อ อยากเห็นหน้าทุกวันอย่างที่เป็นมา อยากเจอ อยากใช้เวลาร่วมกัน ... อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใคร แล้วแบบนี้เรียกว่าจริงจังพอรึยัง”
คยองซูแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาจนแดงเรื่อ คนตรงหน้ามาบอกว่าต้องการกันขนาดนี้แล้วเขาต้องตอบยังไงล่ะ แล้วจะเชื่ออะไรได้อีก
“หมายความว่าไง” จมูกแดงๆจากการร้องไห้รั้นขึ้นถามอย่างไม่ยอมง่ายๆทั้งที่ตัวเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
“ก็หมายความอย่างที่บอกไง ว่าฉันชอบนาย แล้วก็ไม่ได้เล่นๆด้วย”
“ผม .....”
“ใช่น่ะสิ .. บ้าชิบ นี่จะทำหน้าแบบนั้นทำไมเล่า”
ลู่หานยกมือขึ้นเสยผมลวกๆเหมือนทำอะไรไม่ถูก ไอ้อาการแบบนี้มันอะไรกัน เขาไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านของลู่หานแบบนี้คยองซูก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน นอกจากความป่าเถื่อนคืนนั้นแล้วก็ดูเหมือนกับว่าคนตรงหน้าที่พูดไม่อ้อมค้อมแบบนี้แหละที่มาจากตัวตนจริงๆ
“รู้มั้ยว่านายหายหน้าไปฉันทรมานแค่ไหน”
“ก็ ก็ ผมไม่รู้นี่ว่าจะมองหน้าคุณยังไงดี”
“อืม .. คืนนั้น ถ้าไม่ชอบก็ขอโทษแล้วกัน ฉันทำเกินไปหน่อย ถ้านายไม่สลบไปก่อนคงได้ทำอีกไม่หยุดแน่ๆ”
สัตว์ป่าชัดๆ .. คยองซูคิด
“อย่ามาทำพูดดีหน่อยเลย ผมจะมีความหมายอะไรถ้าเทียบกับคนอื่นๆของคุณ”
“มีสิ”
“........”
“ตอนนายไม่อยู่ ฉันบอกเลิกไปหมดแล้ว” ลู่หานบอกเสียงอ่อน
“ว่าไงนะ” คยองซูไม่อยากจะเชื่อเลย เลิกง่ายแบบนั้นเลยเหรอ
“คุณเลิกง่ายๆแบบนั้นเลยรึไง”
“ก็ง่ายเหมือนกับถูกนายปั่นหัวให้ฉันรักง่ายๆแบบนี้แหละ” ลู่หานสวนกลับจริงจังเล่นเอาคยองซูพูดไม่ออก
“ปั่นหัว ใครปั่นหัวคุณ ไม่ใช่ผมหรอกเหรอที่ถูกคุณปั่นหัวน่ะ .. โธ่เอ๊ย คุณมันบ้า ไม่รู้จักพอ ผมเกลียดคุณจริงๆเลย”
ลู่หานเห็นว่าคยองซูทำหน้าจะร้องไห้ออกมาอีกเลยรวบร่างนั้นมากอดเอาไว้ แรงดิ้นนั้นไม่ทำให้ลู่หานปล่อยง่ายๆหรอก
“อืม ฉันมันไม่ดี ดูนี่สิ” เขาโชว์มือถือที่ลบเบอร์คู่ขาแต่ละคนทิ้งไปหมดแล้ว
“มันอาจพิสูจน์ไม่ได้นะ แต่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ขอร้องล่ะ เชื่อทีเถอะ” ร่างสูงกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้นพลางกดจูบเบาๆที่หน้าผากอย่างโหยหา ท่าทางแบบนั้นทำให้ใจคนฟังเกิดหวั่นไหวเอาดื้อๆ
“คุณมันแย่ที่สุด” คยองซูเอ่ยเสียงอ่อนราวกับยอมรับ ไม่ได้คิดว่าจะเชื่อสักนิด แต่จะทำไงได้ล่ะในเมื่อใจตัวเองก็ไม่มีทางหนีได้อีกแล้วเหมือนกัน
คยองซูเงียบไม่ตอบอะไรอีก นอกจากปล่อยให้ลู่หานบดเบียดจุมพิตหวานๆลงมา
“อื้ม ....”
ใครจะรู้ล่ะว่าผู้ชายคนนี้หากกับคนที่รักแล้วจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆอย่างเพลย์บอยที่สลัดคู่นอนทิ้งภายในชั่วข้ามคืน ไหนจะทั้งเรื่องความต้องการที่มากกว่าปกตินั่นอีก แต่ทั้งหมดนั้นอีกฝ่ายก็เตรียมใจไว้แล้วหากจะต้องละลายไปกับมือคู่นี้
If u play ♥ Extra
“ไม่รู้หรอกนะว่าต่อไปจะยุ่งกับใครอีกมั้ย .. ”
เพลย์บอยก็ยังเป็นเพลย์บอยอยู่วันยังค่ำ ประโยคที่ได้ยินจากปากของลู่หานในวันที่ตกลงคบกันนั้นทำให้คยองซูออกจะว้าวุ่นใจอยู่ไม่น้อย ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่แอบเก็บเรื่องนั้นมากลัดกลุ้ม
“อย่ากลุ้มไปเลยคยองซู เกือบจะปีนึงแล้วนะที่เค้าลงทุนบังคับให้นายย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน ถึงจะแค่บางวันเพราะว่านายทิ้งแม่ไว้กับคนช่วยดูแลบ้านไม่ได้ก็เถอะนะ ถ้าไม่จริงจังคงไม่เสี่ยงทำอะไรที่หากที่บ้านเค้ากับนายรู้เข้ามีหวังยาวแน่ๆแบบนี้หรอก” แพคฮยอนเอื้อมมือข้ามโต๊ะเตี้ยในผับมาเขย่าไหล่ให้กำลังใจเพื่อนรักเบาๆ
ตั้งแต่คบกันมาลู่หานก็ดูจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ แทบจะบังคับคยองซูให้ออกมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดส่วนตัวแต่ก็ติดว่าแม่ของอีกฝ่ายต้องอยู่กับคนดูแลบ้านแค่สองคน ทั้งคู่จึงใช้เวลาบางวันในการอยู่ด้วยกันและคิดว่าหลังจากนั้นคนอายุมากกว่าก็จะบอกกล่าวผู้ใหญ่เป็นเรื่องเป็นราวเสียที
“เค้าทำขนาดนั้นเลยนะคยองซู อย่ากลุ้มไปเลย”
“อ่ะ อื้ม .. ก็ไม่ได้กลุ้มอะไรหรอก ขอบใจนะแพคฮยอน”
คยองซูยิ้มออกมาเล็กน้อยเหมือนจะตัดบทเรื่องนี้ไป แพคฮยอนถอนหายใจและอดจะรู้สึกไม่ได้ว่าเพื่อนตัวเองเหมือนจะมีบรรยากาศรอบตัวแปลกๆออกมา ไม่สิ จะเรียกว่าดูเหมือนมีออร่าดึงดูดหรือมีเสน่ห์ขึ้นน่าจะถูกกว่า ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ทำตัวเด่นขึ้นก็ตาม ตรงกันข้าม แพคฮยอนรู้สึกว่าตั้งแต่คบกับลู่หาน คยองซูที่เป็นคนเงียบๆอยู่แล้วดูจะเงียบขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ยกเว้นแต่กับลู่หานที่อีกฝ่ายจะยิ้มให้และใส่ใจตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแอบกลุ้มใจเรื่องอดีตเพลย์บอยอยู่ดี เรื่องราวทั้งหมดแพคฮยอนรู้หมดแล้ว และในเมื่อมันออกมาเป็นแบบนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้
“ฉันก็แค่ไม่ค่อยสบายใจน่ะแพคฮยอน”
“เอาน่า .. ก็เห็นรักกันดีออก ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“แต่ฉันรับไม่ได้หรอกนะ ถ้าเค้าจะมีใครต่อใครอีกเหมือนเดิมน่ะ”
“ได้ข่าวว่าเวลาว่างจากงานก็ไม่ค่อยมีนี่นา แล้วไหนจะ....” แพคฮยอนทิ้งท้ายประโยคไว้ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังต้นคอขาวๆของเพื่อนตัวเองที่เป็นรอยคิสมาร์คแดงจัดเสียขนาดนั้น จะว่าไปเขาก็สังเกตได้ว่าคยองซูดูจะปล่อยออร่าแปลกๆออกมาหลังจากคบกับลู่หานจริงๆ
“อะ มองอะไรเล่า” คยองซูยกมือปิดต้นคออย่างรู้ทัน แต่มันไม่มิดหรอก เยอะออกขนาดนั้น
“ปิดไปเหอะ เห็นอยู่ดีนั่นแหละ”
“แพคฮยอน!” คยองซูถลึงตาต่อว่ามาให้ แต่เขาก็รู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ดูออกหมด ก็ถูกลู่หานทำอย่างว่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แบบนั้นมัน ..
“เค้าอยู่กับนายตลอดใช่มั้ยล่ะ จะปีนึงแล้ว ถือว่ายังยืดนะนั่น” แพคฮยอนหัวเราะร่วนอย่างพอใจ เขามั่นใจลึกๆว่าทั้งสองคงไม่แคล้วกันแน่ๆ
“เอ้า อย่าคิดมากเลย ชนแก้วๆ” แพคฮยอนยิ้มให้คยองซูอีกทีเพื่อเรียกสติ แต่ก่อนจะเอื้อมแก้วมาหากันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“อะไรกัน ชนแก้วกันสองคนไม่เรียกเลยนะ”
คิมจงอินยิ้มตาหยีมาให้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกับแพคฮยอนที่เปลี่ยนมาทำหน้าบูดบึ้งแล้วขยับออกห่าง แต่เบาะหนังก็กลับไม่กว้างพอเสียนี่
“อีกตัวมีทำไมไม่นั่ง”
“ก็อยากนั่งใกล้นายมากกว่า”
“พูดบ้าอะไร” แพคฮยอนหันหน้าหนีจงอินที่เอาแต่ยิ้มยียวนกวนประสาทไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของเขาเสียที แต่พอจะชวนคยองซูคุยกันตามปกติก็เป็นอันว่าพูดไม่ออกกับสภาพแบบนี้ไปแล้ว
คยองซูอมยิ้มนิดๆกับภาพตรงหน้า เขานับถือจงอินอย่างมากที่ใช้เวลาแรมปีตามจีบแพคฮยอนอย่างไม่ลดละ ทีแรกคยองซูคาดว่าเพื่อนตัวเองอาจจะถูกอีกฝ่ายรวบหัวรวบหางเข้าสักวัน แต่ผ่านมานานขนาดนี้จงอินก็ยังไม่ทำอะไรเสียทีทั้งที่จะทำก็ทำได้ ที่สำคัญดูก็รู้ว่าแพคฮยอนก็คงมีใจอยู่บ้างล่ะ เพียงแต่อาจจะยังไม่ถึงเวลา จะว่าไปแล้วถึงจงอินจะไม่ต่างจากพวกเพลย์บอยทั่วๆไปแต่นิสัยใจเย็นและดูเป็นสุภาพบุรุษก็ทำให้คยองซูนึกเปรียบเทียบกับอีกคน
“คยองซู” แพคฮยอนสะกิดเรียก
“ว่าไงเหรอ”
“จู่ๆหน้าแดงทำไม”
“อ้อ เอ่อ .. ไม่มีนี่ เออนี่ฉันขอตัวไปนั่งตรงนั้นแล้วกันนะ จงอินเหมือนอยากคุยกันกับนายสองคนมากกว่า” คยองซูลอบยิ้มแล้วลุกขึ้นไปนั่งคนเดียวที่บาร์ฝั่งตรงข้าม ที่ทำแบบนี้เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอคนทั้งคู่
“อ๊ะ คยองซู เดี๋ยวก่อน”
“ปล่อยเพื่อนนายบ้างเหอะน่ะแพคฮยอน” จงอินบอกอย่างใจเย็นจนคนข้างกายอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาทำให้เพื่อนผมลุกหนีไปอย่างนั้น”
“ก็เค้าคงอยากให้เราอยู่กันสองคนน่ะสิ”
“พูดอะไรบ้าๆ” แพคฮยอนยกแก้วขึ้นดื่มพลางทำทีไม่สนใจ จงอินรู้ดีว่าคนข้างๆกำลังห่วงเพื่อน
“อย่าห่วงเลยน่ะ ลู่หานมันคงไม่ไปมั่วกับใครอีกหรอก”
“เอาอะไรรับประกันล่ะ” แพคฮยอนถามกลับทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าคยองซูคงคิดมากไปเอง แต่ยังไงก็ขอเข้าข้างเพื่อนไว้ก่อน
“ก็ .. ไม่รู้สินะ แค่เซ้นส์มันบอก” จงอินยักไหล่นิดๆอย่างช่วยไม่ได้ แพคฮยอนไม่ทันจะได้พูดอะไรสายตาก็สะดุดอยู่ที่คยองซู ผู้ชายที่ไหนไม่รู้จู่ๆก็เข้ามาตีเนียนนั่งข้างเพื่อนของเขาจึงตั้งใจจะลุกขึ้นแต่จงอินกลับคว้าแขนเอาไว้ก่อน จังหวะเดียวกันเสียงโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น จงอินหยิบมันออกมาดูว่าใครกันที่โทรเข้าแล้วเขาก็ยิ้มออกมาเหมือนคาดเดาอะไรได้ถูก
“บังเอิญจังน้า” จงอินเอ่ยกับแพคฮยอนก่อนจะกดรับสายโดยมีคนข้างกายนั่งมองไปด้วย
“ว่าไงลู่หาน”
“ไม่ว่าไงหรอก โทรหาแพคฮยอนให้ทีซิ ถามให้ด้วยว่าเพื่อนเค้าอยู่ไหน กูโทรหายังไงก็ไม่ติด ป่านนี้ไปแบตหมดที่ไหนกันนะถึงยังไม่กลับบ้าน เจอตัวเมื่อไหร่คอยดูนะจะทำโทษให้เข็ดเลย” ลู่หานกรอกเสียงขุ่นมาตามสายจนจงอินต้องรีบดักทางเอาไว้ก่อน
“ครับๆ ใจเย็นๆสิ คยองซูเค้าไม่ได้ไปไหนหรอก มากับดื่มกับแพคฮยอนน่ะกูก็อยู่ด้วย”
“งั้นเหรอ เออก็ดีไป ว่าแต่ดื่มเหรอ อย่าให้ดื่มมากนะ .. อ้อ ขอคุยทีสิ” ลู่หานบอก ก่อนจะเข้าทางจงอินพอดีเป๊ะ
“โทษที เค้านั่งดื่มอยู่คนเดียวที่บาร์ด้านนู้นน่ะ .. เฮ้ย ไม่สิๆ นั่งกับใครก็ไม่รู้แฮะ”
“ใคร!”
ได้ผล ลู่หานถามกลับอย่างรวดเร็ว เดาจากน้ำเสียงแล้วไม่บอกก็รู้ว่ากำลังทำหน้าแบบไหน
“ไม่รู้ว่ะ ผู้ชายนี่แหละ ใส่สูทด้วยแฮะ อายุน่าจะมากกว่าพวกเราหน่อย หน้าตาก็ .. หล่อเกือบใช้ได้ ...”
“พอเลย ไม่ได้ให้มาบรรยาย ไปเรียกมาคุยซิ”
“ไม่ได้จริงๆว่ะกูอยู่กับแพคฮยอนน่ะ ไม่อยากลุกไปจากตรงนี้เลย” จงอินเอ่ยพลางหันมายิ้มให้คนตรงหน้าที่ถลึงตาใส่อย่างไม่ชอบใจ ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อนตัวเองไปด้วย
“มึงแกล้งกูเหรอจงอิน งั้นเฝ้าไว้ดีๆล่ะ กูจะไปรับคยองซูเดี๋ยวนี้แหละ”
“โอเค .. อ้อ รีบๆหน่อยล่ะ กูว่าพักนี้เมียมึงเหมือนจะปล่อยฟีโรโมนออกมาดึงดูดคนรอบๆไงไม่รู้นะ” พูดจบจงอินก็กดวางสายไปเหมือนทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้อีกคนต้องหัวปั่นไปมากกว่าเดิม
“ไงล่ะแพคฮยอน ถึงไม่มีอะไรรับประกัน แต่แค่นี้พิสูจน์ได้มั้ยล่ะ” จงอินหันกลับจากภาพคยองซูและผู้ชายคนนั้นมาหาแพคฮยอนที่ดูจะแอบเห็นด้วยหน่อยๆ
“ก็จริงนะ ก็ดูจะหวงซะขนาดนั้น”
ไม่นานสักพักร่างสูงโปร่งของลู่หานในชุดสูทดูดีที่เพิ่งกลับจากทำงานก็บึ่งออกมาจากบ้านอย่างรีบร้อน เขาโผล่มาหาคนรักในทันทีโดยใช้เวลาไม่นาน ไม่ได้คิดว่าจงอินพูดเกินไปเลยสักนิดเพราะใบหน้าที่เงยขึ้นมองเขายิ่งเห็นแบบนั้นมันก็ยิ่งอยากพากลับบ้านจะแย่ คยองซูไม่ได้เปลี่ยนไปแต่เหมือนมีอารมณ์บางอย่างชวนให้น่าลุ่มหลงและอยากเข้าใกล้มากขึ้น
.. ฟีโรโมนงั้นเหรอ
“มารับผมเหรอ” คยองซูยิ้มกว้างเมื่อเจอหน้ากัน ชายคนที่นั่งข้างๆหันมายิ้มให้ลู่หาน
“ใครเหรอครับคยองซู พี่ชายเหรอ” คนๆนั้นหลุดถามออกมาและนั่นก็เป็นการพลาดครั้งใหญ่เห็นจะได้ คยองซูขมวดคิ้วอ้าปากจะแย้งไปอย่างบริสุทธิ์ใจว่าไม่ใช่พี่ชาย แต่แล้วลู่หานที่ยืนอยู่กลับรีบแย่งตอบออกไปเสียก่อน
“ไม่ใช่พี่ชายหรอกครับ .. สามีน่ะ”
คนทั้งสองที่นั่งมองอยู่ห่างๆไม่สามารถได้ยินเสียงแต่ก็อ่านปากออกได้ว่าลู่หานพูดอะไร จงอินกับแพคฮยอนมองหน้ากันแล้วยิ้มนิดๆ ส่วนคยองซูน่ะเหรอ .. ก็ถูกลากกลับบ้านไปแล้วน่ะสิ
“เบาๆก็ได้น่ะ”
คยองซูบอกเมื่อกลับมาถึงบ้าน บ้านที่ว่านั้นก็คอนโดกว้างขวางของลู่หานนั่นแหละ
“ทีหลังอย่าไปดื่มที่นั่นอีกนะ”
“ทำไมล่ะ”
“เป็นห่วงน่ะสิ” ลู่หานเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ว่านั่นมัน...” คยองซูทำท่าจะแย้ง แต่จู่ๆคนตรงหน้าก็ดันเผลอปล่อยอารมณ์ให้ปะทุออกมาด้วยการดันร่างเขาเข้าไว้กับผนัง แขนยาวกางกั้นพลางแนบใบหน้าลงมาระยะประชิด ลู่หานไม่ได้ตะคอกหรือทำอะไรรุนแรงเพราะรู้ว่าคยองซูไม่ได้ทำอะไรผิด เขานิ่งไปก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“เฮ้อ ... รู้ตัวบ้างสิว่าคนอื่นเค้ามองนายยังไง”
“ก็ยังไงล่ะ”
“ก็แบบนั้นนั่นแหละ แบบที่ฉันอยากจะทำด้วยไงล่ะ”
“........”
“เป็นผู้ชายด้วยกัน ก็หัดสังเกตบ้างสิ” ลู่หานถอนหายใจอีกครั้ง คนเขาเป็นห่วงแต่อีกฝ่ายดันไปทำตัวน่ารักให้คนอื่นมาเข้าใกล้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว อย่างนี้แล้วจะให้เฉยได้ไงล่ะ ถึงอย่างนั้นก็รู้ดีว่าคยองซูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นเลย น่าโมโหตัวเองมากกว่าที่หงุดหงิดไม่เข้าเรื่อง
“เอ่อ ..โทษนะ แบบว่า”
“ว่า ว่าอะไร หืม” ลู่หานถามพลางคลอเคลียจมูกอยู่กับพวงแก้มหอมๆของคยองซู ใบหน้านั้นแดงเรื่อก่อนจะช้อนตาขึ้นสบอย่างกล้าๆกลัวๆ
“คะ คุณ หึงผมเหรอ” คยองซูถามออกมาจนได้ กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะสำคัญตัวผิดไป ลู่หานชะงักทันที ไม่ใช่เพราะคำถามหรือกลัวว่าตัวเองจะไม่กล้ายอมรับว่าหึงหรอกนะ แต่ที่ทำให้ลมหายใจเขาติดขัดก็เพราะตาคู่นั้นมากกว่า ดูทำหน้าเข้าสิ .. อย่ายั่วกันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนั้นได้ไหม
ลู่หานคิด แต่ก็พอจะรู้อยู่ว่าไอ้ต้นเหตุที่ทำให้คยองซูน่ารักขึ้นผิดหูผิดตาแบบนี้มันก็จะใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ตัวเอง
ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งยอมไม่ได้หากว่าอีกฝ่ายจะไปเป็นเป้าหมายให้ใครหน้าไหนก็อยากเข้าใกล้ด้วยจุดประสงค์ไม่ดีอีก เพราะงั้นปัญหาแบบนี้ก็แก้ได้แค่ทางเดียวเท่านั้น คือทำให้เป็นของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเคยมันเนี่ยแหละ
.. เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆกับความคิดหมกมุ่นไม่เป็นอันทำอะไรแบบนี้
“อ๊ะ ..เดี๋ยวสิ”
คยองซูร้องด้วยความตกใจที่ถูกแขนแกร่งตวัดช้อนอุ้มขึ้นทั้งอย่างนั้น เรียวแขนสองข้างเกี่ยวคออีกฝ่ายไว้เพราะกลัวตก ลู่หานยิ้มอย่างได้ใจก่อนจะอุ้มคนรักเข้าไปในห้องนอนตามด้วยประตูที่ปิดลงตามหลัง
“สมน้ำหน้า เล่นกับใครไม่เล่นนะ มาเล่นกับโดคยองซู .. คุณรูปหล่อไร้น้ำยา”
ถ้อยประโยคเมื่อครั้งเก่าก่อนของคยองซู ลู่หานยังจำมันได้ดี และแม้ว่าเกมนี้อีกฝ่ายจะแพ้ไปอย่างราบคาบ แต่กลับชนะใจเขาได้ใสๆอย่างที่เจ้าตัวก็คงยังไม่รู้
เพลย์บอยหนุ่มที่ไม่เคยสิ้นลาย สุดท้ายก็คงไม่มีเวลาจะไปยุ่งกับใคร เพราะแค่คอยตามหึงตามหวงสุดที่รักของตัวเองก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
.
.
The complete of [ If u play ]
ขอบคุณที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้นะคะ คิดว่าคงมีคนอ่านไม่กี่คน 5555
เรื่องนี้การ์ตูนมาก และพี่ลู่หื่นมาก เลยรู้สึกผิดเล็กน้อยค่ะ แอบมีไคแบคมางุ้งๆงิ้งๆ (เพื่อ??? ==)
หลายคนคงคิดว่า เอ .. ทำไมมันจบเร็วจัง คือจริงๆแล้วเรื่องมันสั้นค่ะแต่ไปแก้ให้ดูซะควรจะยาว เลยออกมาเหมือนจบง่าย ถ้าไม่ดียังไงขอโทษด้วยนะคะ อยากให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของฟิคHanSooค่ะ ^^
ก่อนจากไม่มีอะไรจะฝาก นอกจากไคแบคเรื่องใหม่ที่อีกสักพักคงจะอัพให้ได้งงงวยกัน (หืมมมม?) เผื่อใครตามอ่านไคแบคของกอนก็ฝากไว้ทีนะคะ เขียนช้ามากเลย ;-;
เจอกันค่ะ ((_ _))
#ifuplay
ความคิดเห็น