คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : WHEN ? .. Chapter.[4]
รวมเล่ม WHEN ? ---> http://gorn.exteen.com
เห็นมีคอมเมนท์บอกว่าเศร้าไปมั้ย จริงๆเรื่องนี้ไม่มีไรมากหรอกค่ะ ^^
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter 4
บางครั้งในยามที่จิตใจสงบ ในยามที่คิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันถูกต้อง แม้ว่ามันดีแล้วก็ตาม แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
ถามว่าอยากกลับไปเหมือนเดิมไหม
ร่างโปร่งบางที่เดินอยู่ข้างทางในยามเย็นก้าวเท้าไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายตามฟุตบาทข้างทางโดยที่ฝนเม็ดเล็กยังคง
โปรยปรายลงมาไม่หยุด ฮันคยองเดินออกมาจากบริษัทตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ๆได้แล้ว เขาเดินเลียบไปตามตัวตึกร้านค้าต่างๆ
เจ้ารถคู่ใจก็ดันยังไม่ได้ไปเอา ไม่งั้นเขาเองคงไม่ต้องมาเดินแบบนี้หรอก แต่ก็นั่นแหละ เพราะตัวเองเลือกจะมาแบบนี้เองไม่ใช่เหรอ
หยาดน้ำที่กระเด็นเข้ามาเพิ่มความเปียกให้กับเสื้อเชิ้ตตัวบางสีสะอาดได้ไม่ยาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด ในขณะที่เดินออกไปพลันสายตาก็สอดส่ายมองโน่นนี่ไปอย่างเหม่อลอย แววตาที่แสนเศร้าคงไม่มีใครสังเกตเห็นเป็นแน่
คู่รักหลายคู่บ้างก็วิ่งหลบฝน บ้างก็อยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน เห็นแล้วน่าอิจฉา เขาบอกกับตัวเองทุกนาทีที่ก้าวย่างว่ามันดีแล้ว
.. กับคนๆนั้นคงไม่มีวันเวลาที่ดีอย่างคู่รักคนอื่นเค้า เพราะว่าเค้าคนนั้นไม่ได้รักเราอย่างที่คนอื่นเค้ารักกัน
น่าแปลกที่ความเจ็บปวดจากซีวอนนั้นมันชาชินมากเกินไป มากเสียจนครั้งนี้หัวใจต้องแอบคะนึงถึงใครอีกคน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ไม่ใช่ไม่เคยทำให้คิบอมไม่สบายใจ แต่เมื่อตอนกลางวันที่โรงอาหารนั้นเขารู้สึกผิดจนไม่กล้าจะพบ ยิ่งโทรศัพท์ที่ต่อไปแล้วอีกฝ่ายไม่รับ มันยิ่งบ่งบอกว่าตัวเองคงไม่มีค่าพอที่คิบอมจะอยู่เคียงข้างอย่างที่เคย .. คนเราจะแปรเปลี่ยนก็คงไม่แปลก
.. พี่ขอโทษทั้งดงแฮแล้วก็นายนะคิบอม
อากาศเริ่มจะเย็นลงมากแล้ว ฝนที่ซาลงก็ยังคงเป็นแบบนั้นราวกับว่าสวรรค์จะหยุดร่ำไห้ แต่ใครบางคนยังคงไม่หายเจ็บปวด ฮันคยองทิ้งตัวนั่งลงหน้าม้าหินข้างกับกระจกบานใหญ่ของร้านสะดวกซื้อข้างทาง แผ่นหลังบางเอนพิงกับเก้าอี้ม้าหินอย่างช้าๆ เปลือกตาที่ลืมอยู่ได้ปิดลงไปแล้วแทนที่ด้วยห้วงคำนึงถึงดวงหน้าของน้องชายที่เขารักมากขึ้นมา ความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นมาอีกเล่นเอาใบหน้าต้องแย้มยิ้ม
.. เมื่อเทียบกับน้องชายของพี่แล้วเขาคนนั้นก็แทบไม่จำเป็นสำหรับพี่เลย ที่ผ่านมาพี่รู้ตัวช้าไปก็เท่านั้น ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้วดงแฮ ถึงแม้ว่าตัวพี่เองจะเจ็บปวด แต่กับสิ่งที่พี่ทำไปมันถูกแล้วใช่ไหม
น้ำอุ่นๆที่ไหลลงมาตามใบหน้าในยามที่หนาวเหน็บช่างไม่ได้หักล้างความรู้สึกกันได้เลยแม้แต่น้อย มือบางยกขึ้นมาปาดมันออกอย่างอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะลุกขึ้นเตรียมเรียกแท็กซี่สักคันกลับบ้าน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นจะมีผ่านมาเลย ครั้นจะเดินออกไปที่ถนนใหญ่ก็กลัวจะเปียกไปมากกว่านี้ มือบางบางล้วงเข้าไปที่กระเป๋ากางเกงก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาไม่ได้เอากระเป๋ามา เห็นทีต้องโทรเรียกลุงซางฮยอนคนขับรถที่บ้านมารับเสียแล้ว .. แต่เอ๊ะ นี่เขาไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วยเหรอเนี่ย
“ตายล่ะ จะกลับบริษัทก็ไม่ได้ซะด้วย” ฮันคยองมองซ้ายทีขวาทีอยู่แบบนั้น หันหลังมองเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จะเข้าไปดีหรือเปล่านะ แต่ใครเขาจะมาสนใจแถมเจอว่าโรคจิตอีกล่ะก็แย่ ทั้งโทรศัพท์หรือแม้กระทั่งเงินสักวอนก็ไม่มีติดตัวเลยนี่สิ จะออกไปจากตรงนี้ข้างนอกก็ฝนตกแถมดูจะหนักกว่าเดิมอีก คิดแล้วก็สมเพชตัวเองอย่างสุดแสน เรื่องแค่นี้ทำไมจัดการไม่ได้กันนะ
คิบอมออกตามหาฮันคยองไปทั่ว แต่หายังไงก็หาไม่เจอเสียที ไปตามหาตามสถานที่ต่างๆที่คิดว่าน่าจะไปก็ไม่พบ โทรศัพท์มือถือจะโทรให้ตายก็ไม่มีคนรับ ความพยายามอย่างร้อนรนจนแทบจะบ้าคลั่งนั้นหยุดลงพร้อมกับความคิดใหม่ที่แทรกผ่านเข้ามาในหัว
“สงสัยจะกลับบ้านแล้วล่ะมั้ง”
ไม่นานนักรถคันที่เจ้าของบ้านคุ้นเคยก็เทียบเข้ามาจอดในรั้วบ้าน และยังไม่ทันที่ร่างบางจะเลิกเดินวนไปวนมาในห้องรับแขกผู้มาเยือนก็เข้ามาก่อนเสียแล้ว
“ดงแฮ พี่ฮันกลับมารึยัง” ร่างสูงที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในบ้านถามเจ้าของด้วยความรีบร้อนในเวลาที่เริ่มจะมืดแล้ว ดงแฮตกใจกับสภาพคนตรงหน้าไม่น้อย
“ก็ยังน่ะสิ ว่าแต่นายไปทำอะไรมา ไม่ได้ขับรถมาเหรอถึงได้เปียกแบบนี้” เสียงใสร้องถามอย่างเป็นปกติที่สุด
“หาไม่เจอ พี่นายหายไปไหนนี่ไม่รู้เลยเหรอ ฉันตามหาตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนะ” คิบอมไม่ตอบที่ดงแฮถาม แต่ดงแฮก็ไม่ได้ต้องการคำตอบแล้วในเวลานี้ เขารู้ดีว่าคิบอมกำลังทำอะไร
“ทั้งที่วันนี้ทั้งสองคนบอกว่าจะกลับมาเร็วแท้ๆ” ดงแฮบอกพลางครุ่นคิด
“นั่นสินะ เมื่อวานลืมไปเอารถของพี่ชายนายซะด้วยสิ” คิ้วหน้าขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะคลายออกในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา ยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ใบหน้าอย่างคนปลงตก ฮันคยองไปกับซีวอนด้วยกันตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว และหลังจากที่ไปด้วยกันสองคนก็น่าจะอยู่ด้วยกันแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วทั้งหมดที่เขาทำลงไปมันเพื่ออะไรกัน
.. แล้วเราทำอะไรอยู่ เลิกดีไหม ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
คิบอมไม่รอถามอะไรอีกต่อไป เขาออกมาจากบ้านทันทีโดยที่ดงแฮก็ไม่ได้เรียกไว้แต่อย่างใด อาจเป็นเพราะว่ารู้และเข้าใจดีจึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องรั้งคิบอมไว้ให้มาอยู่ในสภาพเดียวกัน ณ ที่ตรงนี้
“เค้าคงไม่เป็นไรมั้ง .. ก็น่าจะอยู่ด้วยกัน” น้ำเสียงแสนเศร้าที่พูดตามหลังอีกฝ่ายไปนั้นช่างแผ่วเบาเสียจนคิบอมไม่ได้ยินอะไรเลย
ชายหนุ่มถอยรถออกจากบ้านหลังใหญ่อย่างรวดเร็วเพราะไม่อย่างนั้นหากพวกเขากลับมากัน จะไม่ต้องมาเห็นเหรอว่าคนโง่ๆคนหนึ่งกำลังอยู่ในสภาพที่น่าหัวเราะสักแค่ไหน เพียงเพราะมัวแต่ทำอะไรบางอย่างที่เหมือนตัวตลก .. ตามหาคนๆหนึ่งที่กำลังมีความสุขกับอีกคน
.. ทั้งที่เค้ามีความสุขแท้ๆ แล้วยังจะมีหน้ามัวไปห่วงเค้าอีก ..
อากาศเริ่มเย็นลงอีกแล้ว เสื้อที่เปียกชื้นก็ยังคงเหมือนเดิม ผิวเนื้อบางที่สัมผัสกับน้ำผ่านเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่โดยที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเริ่มจะสั่นน้อยๆเพราะความหนาว เมื่อไหร่กันฝนจะหยุดตก ที่แอบหวังไว้นิดว่าจะมีใครสักคนตามหามันก็ได้สลายหายไปหมดแล้ว บอกตัวเองว่าให้ยอมรับความจริงเสียที ไม่ใช่เด็กที่จะมาดื้อทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทาง เรียวปากอิ่มยกยิ้มบางๆให้กับตัวเอง น่าสมเพชสิ้นดีกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ทำเหมือนคนปัญญาอ่อนไปได้ คนระดับเขาแล้วมานั่งอะไรอยู่นี่ล่ะ เลิกไร้สาระได้แล้วฮันคยอง คิดแล้วก็วิ่งฝ่าสายฝนออกไปในความมืดทันที แสงไฟหน้ารถที่ผ่านไปมาไม่กี่คันทำเอาเริ่มจะเวียนหัวไม่น้อย ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านเสียดแทงเข้ามาในเนื้อผ้าทำให้หวนนึกถึงใครบางคนขึ้นมาอีก เวลาแบบนี้
อย่างน้อยคนๆนั้นก็คงกำลังยื่นร่มสักคันหรือผ้าขนหนูสักผืนให้เขา แล้วก็ต้องมีคำพูดดีๆที่คนพูดต้องเจ็บปวดที่ใจไม่น้อยเวลาที่ต้องพูดมันออกมา แต่คนเห็นแก่ตัวอย่างเขาก็ยังสบายใจได้อีกเมื่อได้ฟังมัน .. แต่มันคงจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะต่อจากนี้คนที่จะเจ็บคงจะมีแต่ตัวเขาเท่านั้น
ขายาวที่ก้าวไปตามถนนกับสภาพที่เปียกปอนหวังจะเรียกรถกลับบ้าน จู่ๆก็เหมือนไร้จุดหมายขึ้นมาเสียอย่างนั้น ร่างกายเริ่มจะขยับไม่ออก สมองเริ่มจะไม่สั่งการ เปลือกตาที่กำลังปิดลงอย่างอ่อนแรง .. ไม่ไหวแล้ว
คิบอมขับรถฝ่าสายฝนไปเรื่อยๆ ในหัวสมองตอนนี้แบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ฝ่ายหนึ่งอยากจะกลับคอนโดไปอาบน้ำนอนเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกฝ่ายก็อยากจะขับรถวนรอบเมืองหลวงทั้งคืน อยากเจอและอยากเห็นกับตาให้รู้ว่าคนที่เขาตามหากำลังมีความสุขดี ทั้งสองฝ่ายตีกันไปมาอยู่อย่างนั้นดังเช่นล้อยางที่บดไปตามพื้นถนนเปียกลื่นโดยไม่หยุดลงเสียที แต่ก่อนที่ใจจะว้าวุ่นไปกันใหญ่นั้นเขาก็ต้องเหยียบเบรกลงกะทันหันเมื่อร่างที่เห็นแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นใครล้มลงมาขวางหน้ารถเขาไว้ โดยที่ไม่ต้องคิดเลย ประตูรถถูกผลักออกไปอย่างไม่ใยดี ร่างสูงวิ่งเข้าไปประคองคนตรงหน้าเอาไว้แน่น ใบหน้าที่ซีดเหมือนจะไม่มีเลือดแล้วเนื้อตัวเปียกปอนแบบนี้อีกมันอะไรกัน
“ฮันคยอง พี่.. พี่เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มเริ่มจะคุมตัวเองไม่อยู่ ฮันคยองไม่ได้ไปกับซีวอนเหรอ หรือว่าอีกฝ่ายทำอะไรคนตรงหน้าถึงได้เป็นอย่างนี้ อยากถามใจจะขาดแต่คนในอ้อมกอดก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้สติ ในเวลาแบบนี้คนที่ควรจะมีสติที่สุดควรจะเป็นเขามากกว่า คิดได้แบบนั้นคิบอมก็อุ้มร่างบางขึ้นมาเพื่อจะพาไปโรงพยาบาล แต่ในระหว่างทางบนรถฮันคยองก็ได้สติขึ้นมา เสียงแผ่วเบาเพ้อไม่หยุด
“คิบอม .. อย่าทิ้งกันไปสิ” อีกคนที่ได้ยินหันมาก็พบว่าคนข้างๆกำลังเพ้ออะไรไม่หยุด
“ผมกำลังจะพาไปโรงพยาบาล พี่รอหน่อยนะ” แต่คนที่แทบไม่ได้สติกลับได้ยินชัด
“ไม่ พี่ไม่ไป อย่าพาไปนะ” เสียงที่แทบจะไม่มีแรงพูดเล่นเอาคนฟังยิ่งเป็นห่วง
“แต่พี่ ..”
“ไม่ ไม่ .. กลับบ้าน”
“แต่พี่ครับ”
“กลับเดี๋ยวนี้นะ” พูดแล้วก็นิ่งไปทันทีให้คิบอมได้แต่ทำตามราวกับถูกสั่ง
คนที่นั่งรออยู่ที่โซฟาจนเวลาจวนจะสามทุ่มก็ยังไม่เห็นมีใครกลับสักคน และไม่นานนักดงแฮก็ลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นคนทั้งสองที่เข้าบ้านมาในตอนนี้ คิบอมที่เพิ่งออกไปได้กลับเข้ามาพร้อมกับพี่ชายตัวเองที่สภาพแทบไม่ต่างกันเลยกับคนที่อุ้มเอาไว้ ดงแฮตกใจอย่างมาก
“คิบอม พี่ฮันเป็นอะไรไป” ร่างบางวิ่งเข้าหาทันที เป็นห่วงจนทำอะไรไม่ถูก หลายคำถามที่มีเกิดขึ้นในใจว่าฮันคยองไปทำอะไรมา ไม่ได้อยู่กับซีวอนหรอกหรือ แล้วซีวอนล่ะหายไปไหน
“อย่าเพิ่งถามอะไรเลยดงแฮ พาขึ้นไปที่ห้องก่อนดีกว่า” คิบอมว่าแล้วก็พาฮันคยองขึ้นบันไดไปยังห้องนอนทันที ทิ้งไว้เพียงคนบางคนที่ยืนทำอะไรไม่ถูก
“ป้ายุนฮีครับ ป้า ..” เสียงใสตะโกนเรียกป้ายุนฮีที่กำลังตรงเข้ามาหา
“คะๆ คุณหนู มีอะไรรึเปล่า ป้าเพิ่งพาคุณหนูฮีชอลไปนอนเมื่อกี้นี่เอง”
“คือว่าพี่ฮันไม่สบาย อยู่กับคิบอมข้างบน ป้าช่วยโทรหาซีวอนให้ผมที
นะครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปดูพี่ฮันก่อน” ว่าแล้วก็รีบวิ่งขึ้นบ้านไปทันทีโดยที่คนฟังยังไม่ทันได้รับปากอะไรเลย
“คิบอม.. เป็นไงบ้าง” ร่างบางที่เปิดประตูเข้ามาถามขึ้นอย่างเป็นห่วงแต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นร่างสูงที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของพี่ชายเขาออกจนหมด
“คิบอม อย่าเพิ่ง” เมื่อได้ยินแบบนั้นมือหนาก็หยุดลงทันทีที่ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อออก
“ทำไมล่ะ เห็นไหมว่าพี่นายเปียกจะแย่แล้ว ทิ้งไว้แบบนี้เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมหรอก”
“ไม่ได้ นาย
“อะไรกันเล่า จะมาอายอะไร ผู้ชายเหมือนกัน” คิบอมหันมาว่าก่อนจะหันกลับไปแกะเสื้อออกตามเดิมแต่แล้วก็ต้องถูกมือบางดึงไว้เสียก่อน
“หยุดเลยคิบอม ออกไปก่อน” ดงแฮว่าพร้อมฉุดให้คนตรงหน้าลุกตามเขาออกไปนอกห้อง
“รู้ไว้นะ ถึงผู้ชายเหมือนกันแต่มันก็ไม่เหมือนกันหรอก” ว่าแล้วก็กลับเข้าห้องไปแล้วกระแทกประตูใส่หน้าร่างสูงทันที ประโยคเมื่อครู่เล่นเอาคนได้ยินนิ่งไปนิด .. นั่นสินะ จะเหมือนกันได้ยังไง
เมื่อดงแฮเปลี่ยนเสื้อให้ฮันคยองแล้วคิบอมก็ขอเข้ามาเช็ดตัวให้อย่างเป็นห่วงจนคนเป็นน้องอย่างเขาต้องได้อายเสียเอง พี่ตัวเองแท้ๆแต่กลับเป็นคนอื่นที่ดูแลได้ดีกว่า ดงแฮคิดโทษตัวเองที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย แต่เห็นแบบนั้นเขาเองก็หายห่วงจึงรีบลงมายังห้องรับแขกทันที
“คุณหนูคะ ป้าโทรหาคุณซีวอนยังไงก็ไม่ติด สงสัยแบตหมดล่ะมั้งคะ” เสียงป้ายุนฮีบอกก่อนที่ดงแฮจะเดินเข้าไปหา
“ไปไหนของเค้านะ ถ้าติดงานก็ต้องโทรมาบอกสิ”
“นั่นน่ะสิคะ แล้วนี่คุณหนูฮันเป็นไงบ้างคะ” ป้ายุนฮีถามอย่างร้อนใจ มันอะไรกัน ไหนจะคุณหนูอีกคนของเธอ แล้วไหนจะคุณซีวอนอีก .. ทำไมวุ่นวายกันแบบนี้นะ
“ไม่ต้องห่วงหรอกป้า มีคิบอมดูแลแล้วล่ะครับ” เมื่อได้ฟังแบบนั้นคนเก่าคนแก่ของบ้านก็หายห่วงไปอีกคน แต่ยังไม่ทันจะได้หายใจคล่องขึ้นมาก็ต้องทำอะไรไม่ถูกไม่อีกรอบ
“นั่นจะไปไหนคะ” ป้ายุนฮีร้องถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าจู่ๆก็คว้าเอากุญแจรถแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากบ้าน
“ผมจะไปตามซีวอน” ร่างบางหันมาบอก
“แต่นี่มืดแล้วนะคะ ฝนก็ตกไม่เลิกแบบนี้ ป้าว่าอย่าไปเลยนะคะ คุณซีวอนเดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้วล่ะค่ะ” ร้องบอกอย่างไม่ยอมเด็ดขาด ก็ดูข้างนอกตอนนี้สิ แล้วคุณหนูของเธอเองก็เพิ่งหายไข้ ใครจะกล้าปล่อยให้ออกไปกัน
“แต่ว่าผมเป็นห่วงเค้า เผื่อไม่ได้ติดงานแล้วไปติดฝนอยู่ที่ไหนซักแห่งล่ะ .. ป่านนี้แล้วจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้” ท้ายประโยคแสนแผ่วเบา แม้เสียงฝนจะกลบไปบ้างแต่คนฟังก็ได้ยินชัดเจน ดวงตากลมหลุบต่ำลงนิดหน่อยหลังจากที่พูดออกไป
ป้ายุนฮีเอื้อมมือมาสัมผัสเข้าเบาๆที่เรียวแขนคุณหนูของเธอ
“คุณหนูดงแฮ เชื่อป้านะ เค้าไม่เป็นไรหรอก ไม่เห็นต้องห่วงขนาดนั้นเลย”
.. ทั้งที่เค้าทำแบบนี้กับคุณหนูทั้งสองของป้า ทั้งที่เค้าชอบทำให้เจ็บปวดแล้วยังจะไปแคร์อะไรหนักหนา
ถึงอยากจะพูดต่อแค่ไหนแต่ก็ได้แค่เก็บไว้ในใจ ดงแฮเงยหน้ามองป้ายุนฮี ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น มืออีกข้างค่อยๆดันมืออีกฝ่ายออกจากแขนตัวเอง
“..ผมรักเค้า” แล้วรอยยิ้มสุดท้ายในตอนนี้ก็หายไปพร้อมกับร่างที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว คนเป็นป้าได้แต่ส่ายหัวกับสิ่งที่เห็น
.. เชว ซีวอน รู้รึเปล่านะ ว่าคนๆหนึ่งรักตัวเองมากแค่ไหน
ร่างของหญิงสูงอายุค่อยๆพาตัวเองขึ้นบันไดไปหวังว่าจะได้เห็นคนที่เป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เธอก็ได้แค่มองจากประตูที่แง้มออกดูเท่านั้นเมื่อเห็นว่ามีคนดูแลอยู่ก็ไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะอะไรๆที่เธอเองนั้นดูไม่ผิด
หลังจากที่คิบอมเช็ดตัวให้ฮันคยองเสร็จก็จัดแจงดึงผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทาง สายตาคมมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นห่วง มองแล้วมองเล่า เหมือนกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป มือหนาเลื่อนออกไปกุมมือบางเอาไว้
“ที่บอกว่าอย่าทิ้งไป .. พี่แน่ใจนะว่าหมายถึงผม” เสียงทุ้มพูดเสียงแผ่วเบากับคนที่นอนอยู่ อย่างน้อยถึงไม่ได้ยิน ไม่ได้รับรู้ แต่ให้เขาได้พูดบ้างก็ยังดี
“ผมรักพี่นะ ..” กระซิบอุ่นๆที่แสนนุ่มนวลสัมผัสกับใบหูของฮันคยองที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง เสียงถอนหายใจของคิบอมดังขึ้นเบาๆ .. ถอดใจไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ทั้งที่เขาเองก็รักมากขนาดนี้ .. แล้วความหวังที่เคยยังมีอยู่ตอนนี้หายไปไหน แล้วที่คิดว่ายอมแพ้แล้วล่ะทำไมยังแอบหวัง นี่เขาควรจะทำยังไงกับคนตรงหน้าดี ยิ่งใกล้ก็เหมือนยิ่งไกล แต่ครั้นจะปล่อยไปก็ทำไม่ได้
“ฮันคยอง ..” คิบอมเรียกชื่อคนตรงหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แต่แล้วก็ถูกความเงียบท่ามกลางเสียงฝนกลบลงไปเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องตอนนี้ ไม่ต้องรีบร้อน
ก็ได้ แค่มันอยากให้จบๆไปเร็วก็เท่านั้น เอง
.. ผมจะไปแล้วนะ ไปจากตรงนี้ จะไม่กลับมาแล้ว
ผ่านไปเพียงอึดใจ ดูเหมือนมันคงจะต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ความรักคือการให้ใช่ไหมล่ะ
..ทำไมคนเราชอบบอกว่า เราจะมีความสุขเมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุข แน่ใจเหรอว่ามันเป็นแบบนั้นจริง
แต่ก็เถียงไม่ได้เพราะใครก็ตามที่เกิดกับตัวย่อมเข้าใจดี
เห็นเค้ายิ้มเราก็จะยิ้ม หรือแม้แต่เค้าจะร้องไห้เราก็จะร้องไปด้วยอย่างไม่มีเหตุผล .. แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่า
ก็เวลาที่เราแอบร้องไห้ เค้าคนนั้นกลับไม่ได้มาอยู่ข้างๆเราเหมือนที่เราคอยอยู่ข้างๆเค้า
.. ทำไมกันล่ะ คำตอบมีอยู่แล้ว .. คนหนึ่งรัก แต่อีกคนไม่
มือที่วางอยู่เริ่มคลายออก ดวงตาฉายแววเศร้าออกมาอย่างไม่มีปิดบัง และแล้วแค่ปลายนิ้วก็ผิวผ่านมือบางไป
.. จบแล้วงั้นสินะ
ร่างสูงของชายหนุ่มค่อยๆหันหลังออกมาเตรียมจะลุกขึ้นจากเตียงเสียที แต่เหมือนวินาทีนั้นสวรรค์จงใจกลั่นแกล้ง ทั้งที่จะปล่อยไปแล้ว ทั้งที่จะหลุดออกจากบ่วงที่แสนห่วงหานั่นแล้วแท้ๆแต่ทำไมกัน .. มือบางข้างที่เขาคิดว่าจะได้สัมผัสเป็นครั้งสุดท้ายนั้นได้เอื้อมดึงมือเขาเอาไว้ คิบอมหันกลับมาได้ไม่เท่าไหร่คนที่ลืมตาตื่นก็โผเข้ากอดเขาทันที เล่นเอาทำอะไรแทบไม่ถูก ฮันคยองกระชับกอดคนตรงหน้าไว้แน่นพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่กว้างนั่นก่อนที่น้ำใสๆจากดวงตาทั้งคู่จะไหลรินไม่หยุด
“ฮึก ..ฮือ .. คิบอม คิบอม”
“พี่ฮันครับ .. พี่ร้องไห้ทำไม” คิบอมตกใจ มือทั้งสองข้างค่อยๆรั้งร่างบางไว้ เขานั่งกอดฮันคยองอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรแล้วเอาแต่ร้องไห้
“พี่ ไปทำอะไรมาครับ”
“นาย ..ฮึก .. ขอโทษนะ พี่ผิดเอง” เสียงอู้อี้ที่คิบอมพอจะฟังออก ทั้งร้องไห้ ทั้งพูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจอยู่แบบนั้น
“อย่าร้องนะครับ ผมอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ”
“ฮึก .. ไหนบอกว่าจะอยู่ข้างๆไง”
“พี่ฮัน..” คิบอมเริ่มไม่สบายใจแต่จนแล้วจนรอดก็ทำอะไรไม่ถูกอีก ก็เล่นพูดแล้วก็หยุดแล้วก็ร้องไห้ต่ออย่างเดียวเลยนี่ ให้ตายสิ .. อย่ามาร้องไห้แล้วบอกเหมือนต้องการกันแบบนี้ได้ไหม เห็นใจกันบ้างได้รึเปล่า
“นายจะไม่อยู่แล้วใช่ไหม ไม่อยู่ข้างๆกันก็บอกมาก่อนสิ..”
“คือผม ..” อะไรกัน นี่มันอะไร ส่วนคนที่เอาแต่ร้องไห้ก็ใช่ว่าไม่รู้สึก ก็ที่พูดไปน่ะ เหมือนเห็นแก่ตัวอย่างมาก พูดไปเหมือนคนเอาแต่ได้ .. พูดไปตามความจริง
“นายบอกมาสิ ว่าจะไม่ไปไหน ..” ค่ำคืนที่แสนเงียบกับเม็ดฝนที่เทลงมาซักสาดกระจกบานใหญ่ เสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นมาเอาตอนี้ เหมือนจะตอกย้ำให้รีบรับคำออกไป
“ผม คือผม..”
“บอกมาสิ..”
“ผม..”
.. ไม่คิบอม นายบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะปล่อยมือ ถอดใจมาแล้ว คิดมาดีแล้ว
“ผม .. ขอโทษนะ ผมต้องไปแล้ว พี่นอนต่อเถอะเดี๋ยวไม่สบาย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆก่อนที่จะดันร่างตรงหน้าออกมาช้าๆ มือบางคลายออกจากแผ่นหลังกว้างเพราะสิ่งที่ได้ยินมันบอกให้ปล่อย
.. ได้ยินรึเปล่าฮันคยอง ได้ยินแล้วใช่ไหม เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว
ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาก้มลงโดยที่ไม่หันขึ้นมามองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
คิบอมจับไหล่ของ ฮันคยองไว้ก่อนที่จะค่อยๆดันลงไปให้นอนอยู่กับเตียงตามเดิม
ดวงตาที่บอบช้ำหลับลงอย่างไม่อยากเห็นหน้าทำเอาอีกคนรู้สึกแย่ไปใหญ่
“พี่นอนนะ ผมไปล่ะ” ว่าแล้วก็รีบลุกออกมาทันที เขาหันกลับไปมองคนที่หลับตานิ่งแล้วรีบเดินออกมาจากห้องไป ถึงจะคาใจเรื่องวันนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ไม่จำเป็นแล้วล่ะมั้งเมื่อเขาเองที่เลือกจะออกมา
ห้องๆเดิมที่แสนว่างเปล่า มีเพียงคนปวดร้าวคนเดียวเท่านั้นที่นอนอยู่
ทิ้งปัญหาที่ก่อไว้แล้วหนีออกมา พอจะหาที่ๆจะสร้างปัญหาได้ใหม่ กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ต้องการ .. ตัวปัญหา
รักคนมีเจ้าของก็ผิด ไม่รักคนที่มารักก็ผิด ... แล้วสายเกินไป มันก็ผิดงั้นสิ
น่าแปลก เวลาที่ไม่มีค่าในสายตาของซีวอนเขาเองก็เจ็บปวดมากพอ แต่ทำไมกันมันถึงเทียบไม่ได้เลยกับเวลาที่ไม่มีคิบอมอยู่ข้างๆ เพราะว่าใกล้ตัวเลยไม่รู้งั้นเหรอ ไม่ใส่ใจ จนเวลาที่ไม่มีแล้วถึงเพิ่งจะมาเห็นค่าเมื่อสายไป
.
.
.
Tbc. Chapter 5
ความคิดเห็น