คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : WHEN ? .. Chapter.[3]
รวมเล่ม WHEN ? ---> http://gorn.exteen.com
*พาร์ทนี้เริ่มมีอะไรมากขึ้น เริ่มมีใครบางคนทนไม่ไหว ^^~
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter 3
ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ห้วงนิทราไม่น่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อยสำหรับร่างบางที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มโดยไร้เงาคนข้างกาย ดงแฮลุกออกมาจากห้องนอนโดยมีเพียงแสงสว่างจากไฟด้านนอกส่องเข้ามาให้พอเห็นพื้นทางเดินหลังจากออกมาจากห้องนอน ป่านนี้ฮีชอลคงจะหลับแล้ว เรียวเท้าพาตัวเองเดินตรงไปยังห้องข้างๆที่อยู่ติดกันของลูกสาว ส่วนอีกห้องที่ถัดไปอีกเป็นของพี่ชายตัวเอง ... ดวงตากลมแค่มองผ่านไปเท่านั้นแล้วก็หันกลับมาที่หน้าห้องเดิมทันที
ประตูบานใหญ่ที่ปิดไว้แต่ไม่ได้ล็อคถูกเปิดออก ร่างของพี่เลี้ยงสาวนอนหลับอยู่ข้างเตียงของฮีชอลน้อย ดงแฮทิ้งตัวลงนั่งมองร่างเล็กที่นอนหลับปุ๋ยอยู่อย่างมีความสุข มือบางลูบเบาๆที่แก้มนุ่มของลูกสาว จากหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนี้มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องมาเพียงให้เขาได้เห็นหน้าคนตัวน้อยคนนี้ คนที่แม้ว่าเขาจะไม่มีใครยังไงคนๆนี้ก็จะยังอยู่ข้างเขาเสมอ
“ฮีชอล วันนี้เล่นซนรึเปล่านะเรา ..” เสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบดังขึ้นอย่างเอ็นดู
“เหงารึเปล่า” รอยยิ้มบางๆในความมืดผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน
.. เหงางั้นเหรอ ไม่หรอกมั้ง ก็วันนี้คุณพ่อมาเล่นด้วยนี่นา
คิดแล้วก็เหนื่อยใจจนไม่รู้จะเหนื่อยอย่างไรดี ไม่อยากจะวิ่งตามแต่หัวใจมันกลับไม่เคยหยุด คนที่กำลังนึกถึงทำไมถึงไม่นึกถึงกันบ้างเลย
ถัดจากห้องของฮีชอลไปก็เป็นห้องของฮันคยองที่ดงแฮเพียงแต่มองผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภายในห้องนอนขนาดกว้างไม่ต่างกันนั้นปราศจากร่างของเจ้าของห้องเหมือนไม่มีใครอยู่ ประตูห้องน้ำที่ปิดเอาไว้ไม่สนิทนั้นเผยให้เห็นร่างของคนสองคนที่กำลังยื้อยุดอะไรกันสักอย่าง
“ปล่อยฉันซีวอน ..”
“ทำไม”
“เราเลิกกัน ไม่สิ! .. ฉันไม่เคยเป็นอะไรกับนาย เพราะงั้นต่อไปนี้นายเลิกยุ่งกับฉัน ให้ความสัมพันธ์ของเรามันจบแค่นี้เถอะนะ ฉันขยะแขยงตัวเองจะแย่แล้ว” น้ำตาเริ่มไหลลงมาตามแก้มสวยของฮันคยองอย่าห้ามไม่ได้
“นายเป็นของฉัน จำเอาไว้ซะ” ซีวอนไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้นในเมื่อจู่ๆ
อีกฝ่ายก็มาบอกตัดความสัมพันธ์กันอย่างนี้ เป็นใครจะตั้งรับทัน ร่างสูงดึงฝักบัวอาบน้ำลงมาก่อนจะเปิดน้ำเต็มที่
“ปล่อยนะจะทำอะไรน่ะ นี่มันดึกแล้วนะ” ฮันคยองร้องห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว สายน้ำเย็นเม็ดใหญ่ไหลลงมากระทบเส้นผมทุกเส้นรวมไปถึงร่างทั้งร่างทันที เสื้อผ้าที่เปียกไม่ได้มีความหมายเลยในตอนนี้ จะหนีก็สู้แรงอีกคนไม่ได้เสียด้วย
“หนาว ซีวอน หยุดนะ...” ฮันคยองร้องขึ้นพร้อมกับพยายามแกะมือของ
ซีวอนออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“เงียบเถอะน่า” แล้วใบหน้าคมก็โน้มลงไปมอบจูบอันเร่าร้อนให้คนตรงหน้าทันที ลิ้นร้อนลากเข้าความหาความหวานในโพรงปาก ดุนดันเสียจนร่างบางพยายามขัดขืนอย่างเต็มที่ คนที่ต่อต้านกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากจะครอบครองจุมพิตนี้ไว้คนเดียว แต่มันไม่ใช่ เพราะมันมีเจ้าของแล้ว ซีวอนคนนี้ที่ฮันคยองรู้จักมันช่างต่างจากแต่ก่อนมากนัก คนๆนี้งั้นเหรอที่ดงแฮเลือกมาเป็นคู่ชีวิต คนแบบนี้น่ะเหรอที่บอกว่ารักน้องชายของเขานักหนา แล้วทำแบบนี้ทำไม ปีศาจที่ไหนมาเข้าสิงถึงได้เป็นอย่างนี้
.. อย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำให้ฉันรู้สึกผิดไปมากกว่านี้
เหตุการณ์ที่เริ่มจะเกินเลยเกินความควบคุมจะเป็นอย่างไรต่อไป ความหนาวเหน็บของน้ำแทบจะทำให้ฮันคยองหมดสติอยู่แล้ว
“หยุดเถอะ ฉันขอร้อง” เสียงแหบพร่าพูดผ่านสายน้ำที่ไหลลงมาไม่หยุด ร่างทั้งสองไม่สามารถเปียกไปมากกว่านี้แล้ว
เพียะ !!
มือขาวของฮันคยองฟาดเข้าที่ใบหน้าของซีวอนอย่างจังหลังจากที่ฉุดสติทั้งหมดกลับคืนมาได้ แต่แล้วคนที่เป็นฝ่ายไปไหนไม่รอดก็ยังคงเป็นตัวเองอยู่ดี ซีวอนกดจูบลงไปตามเนินไหล่ที่คลุมด้วยเสื้อที่เปียกชุ่ม
“อ๊ะ .. หยุดนะ” มือของซีวอนเริ่มขยับขยายเข้าไปในกางเกงของฮันคยอง
“เป็นยังไงบ้างที่รัก จะต่อแบบไหนดีล่ะ” ซีวอนกระซิบเบาๆที่ใบหูก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาเรื่อยๆ อีกมือก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของของอีกฝ่ายออกจนเผยให้เห็นอกขาวเนียนก่อนที่จะใช้ริมฝีปากสร้างรอยแดงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“อ๊า .. อืม ซีวอน” ปากเม้มแน่นเพื่อไม่ให้เสียงน่าอายเล็ดลอดดังออกไป
.. ทำไมกันนะ รสสัมผัสที่ถูกมอบให้กลับมีความสุขทั้งที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ..
“ปล่อยนะซีวอน ฉันเกลียดนายแล้ว อ๊ะ...” ฮันคยองพยายามจะผลักไสอกกว้างนั้นออก แต่การกระทำของอีกฝ่ายกลับเรียกเสียงครางหวานหูได้ไม่น้อย
“แน่ใจเหรอว่านายเกลียดฉัน แต่ร่างกายของนายกลับตอบรับดีแบบนี้เนี่ยนะ” ว่าแล้วมือหนาก็ค่อยๆเลื่อนลงไปในกางเกงอีกรอบโดยที่ทั้งสองไม่รู้เลย ว่าใครบางคนที่คิดว่าหลับอยู่จะมายืนอยู่ที่หน้าห้อง
.. ไม่ได้ตั้งใจจะมาอยู่ตรงนี้เสียหน่อย ก็แค่ได้ยินเสียง ได้ยินหมด ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่ชินเสียที
เรียวนิ้วที่แนบอยู่กับรอยสลักของบานประตูไม้ ค่อยๆเลื่อนกลับออกมาอยู่ที่ข้างลำตัว เท้าทั้งสองพยายามพาร่างหันกลับทันที เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีบังคับให้ต้องเดินตรงกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง ห้องที่ว่างเปล่าในความมืด แสงจันทร์สลัวที่สาดเข้ามาเพียงน้อยนิดทางหน้าต่างเผยให้เห็นหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มไม่ขาดสาย สองมือยกขึ้นมาปิดปากไว้แน่นเพื่อสกัดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ก่อนที่จะทรุดนั่งลงไปกับพื้นข้างเตียงกว้าง
ส่วนคนทั้งสองที่ไม่รู้อะไรเลยก็เกือบจะเผลอไผลกันไปทั้งสองฝ่าย แต่จนสุดท้ายอีกคนก็ตัดสินใจได้ว่ามันควรจะไม่เป็นแบบนี้อีกต่อไป มันควรจะจบเสียที แล้วฮันคยองก็ผลักซีวอนออกไปด้วยแรงทั้งหมด
“พอกันที!” มือบางคว้าไปที่ใบมีดซึ่งวางอยู่บนชั้นหน้ากระจกของอ่างล้างหน้าใกล้ๆกับมือ
“ฮัน..”
“หยุดได้แล้ว ถ้านายยุ่งกับฉันมากกว่านี้ล่ะก็นะ ฉันจะตายตรงนี้แหละ” ว่าแล้วใบมีดคมกริบก็จ่ออยู่ที่ข้อมือทันที ซีวอนเห็นแบบนั้นก็ได้แต่นิ่ง
“ออกไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้” ฮันคยองตะโกนไล่จนซีวอนต้องเดินถอยหลังก่อนที่จะออกจากห้องไป และเมื่ออีกฝ่ายออกไปแล้วร่างโปร่งบางก็ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นภายใต้สายน้ำจากฝักบัวที่ยังไม่ได้ปิดลง แต่มันไม่ได้ช่วยชำระล้างความเสียใจ ความเจ็บปวด หรือแม้กระทั่งความผิดได้เลย ..
คนที่ออกมาแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก ซีวอนกลับมาที่ห้องตัวเองก่อนจะกระชากประตูเปิดออกแล้วชะงักลงทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกคนที่นอนหลับในห้องนี้
ดงแฮคงไม่ต้องการได้ยินเสียงรบกวนเป็นแน่ ซีวอนเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงนอนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มมองออกไปยังหน้าต่างยามมืดท่ามกลางแสงจันทร์ตอนค่ำคืน
“โธ่เว้ย ..” เสียงสบถดังขึ้นแผ่วเบาเพราะไม่ต้องการรบกวนคนข้างๆที่เขาคิดว่าหลับไปแล้ว ร่างสูงเดินออกไปยังระเบียงด้านนอก บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าถูกจุดขึ้นมาแล้วก็มอดดับไปทั้งมวนในเวลาไม่นาน ควันสีเทาคละคลุ้งไปทั่วบริเวณระเบียงด้านนอกที่ซีวอนปิดประตูกระจกบานใหญ่กั้นเอาไว้ ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อไม่ให้ควันเข้ามาทำร้ายคนข้างในได้
เวลาล่วงเลยผ่านเที่ยงคืนเข้ามายังวันใหม่แล้วซีวอนก็ยังคงยืนอยู่อย่างนั้น เหมือนกับคนด้านในที่พยายามนอนหลับตานิ่ง ข่มใจให้หลับยังไงก็ทำไม่ลง ดงแฮไม่เข้าใจว่าทำไมซีวอนถึงออกมาจากห้องของฮันคยองแล้วอารมณ์เสียแบบนี้ ท่าทางที่กลัดกลุ้มอยู่นั้นสร้างความเป็นห่วงให้กับเขาไม่น้อย
.. นายเป็นอะไรไปนะซีวอน บอกฉันซักคำได้รึเปล่า ไม่ต้องแคร์กันมากก็ได้
แต่ในเมื่อไม่กล้าแม้แต่จะขยับ เปลือกตากลมก็ได้แต่หลับลงเหมือนเดิม
.. เฝ้าภาวนาให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปด้วยดี เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ..
และแล้วเช้าวันใหม่ของการเริ่มงานในวันจันทร์ก็มาถึง ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าสังคมเมืองในตอนนี้นั้นมันน่าอึดอัดและแสนจะน่าเบื่อ แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาในตัวบ้านหลังใหญ่ผ่านรั้วสูงที่กั้นเอาบ้านทั้งหลังออกมาจากภายนอก ภายในห้องนอนอีกห้องที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกลจากห้องของน้องชายตัวเอง ร่างโปร่งบางซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา นาฬิกาปลุกเรือนเล็กตกอยู่ข้างกับหมอนบนเตียง เหมือนโดนทิ้งอย่างไม่ใยดีจากเจ้าของมัน
.. กี่โมงแล้วนะ
ห้วงความคิดของชายหนุ่มถามตัวเองแต่กลับไม่คิดที่จะลืมตาขึ้นมาเลย ฮันคยองจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับซีวอน เขาจำได้ว่าตัวเองนั้นได้ไล่อีกฝ่ายออกไปในทันที และตอนนี้ก็คงไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว ไม่ชอบหรือไม่พอใจก็ช่าง เขาไม่คิดจะแคร์แม้แต่นิด ในเมื่อมันเจ็บปวดนักก็จบกันไปเลยดีกว่าไหม เผื่อความผิดที่ติดตัวเขาเองมาตลอดนั้นจะได้หมดไปเสียที
.. หันไปรักคนที่เขารักเราไม่ดีกว่าเหรอฮันคยอง
แล้วความชื้นแฉะจากน้ำตาที่หมอนใบที่หนุนอยู่ก็เตือนให้ร่างกายต้องลุกขึ้นเมื่อรับรู้แล้วว่าต้องทำอะไรในเช้าวันใหม่ ผ้าห่มสีน้ำเงินถูกตวัดขึ้นช้าๆก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปทันที สายน้ำเย็นฉ่ำซึ่งเขาไม่คิดจะเปิดเจ้าเครื่องที่ติดอยู่ตรงผนังให้มันทำให้อุ่นแต่อย่างใดนั้นทำให้น้ำในตอนนี้เป็นน้ำเย็นดีๆนี่เอง เขาตั้งใจแบบนี้เพราะความเย็นไม่เคยตามใจใคร มีใครเคยคิดแบบเขาไหม ว่าความหนาวมันทำให้ยอมรับความเป็นจริงอย่างเมื่อคืนนี้ยังไงล่ะ
“ซีวอน .. ตื่นสิ” เสียงสดใสร้องเรียกคนข้างกายให้ตื่นมาเสียที แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาเลย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้กว่าที่ซีวอนจะได้นอนก็ปาเข้าไปตั้งตีสามแล้ว ในขณะที่ตัวเองก็นอนไม่หลับอยู่แบบนั้นเหมือนกัน นึกเรื่องเมื่อคืนแล้วจู่ๆเอวบางก็ถูกอ้อมแขนแกร่งคว้าให้ล้มมาในอ้อมกอด
“ปล่อยนะ รู้รึเปล่าว่าสาย”
“ไม่รู้แฮะ ถ้าคนน่ารักไม่ปลุก”
“บ้า” ดงแฮร้องใส่แล้วผลักร่างสูงตรงหน้าออกไปจนเกือบตกเตียง ซีวอนร้องออกมาเสียงดังแต่ดงแฮก็ไม่ได้สนใจ ร่างบางลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดมันออก พลางลงมือจัดเตรียมผ้าเช็ดตัวและชุดทำงานในวันนี้ให้กับคนที่นอนเพิ่งตื่น
“นายเนี่ยนะ เป็นถึงผู้บริหารแต่จะตื่นสายเข้าบริษัทช้าแบบนี้มันก็ไม่ดีนะ
ซีวอน” ปากว่าไปมือก็จับนั่นดึงนี่ไปด้วย เมื่อซีวอนเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังง่วนอยู่กับเรื่องของตัวเองก็เลยได้แต่นอนอมยิ้มมองการกระทำและเสียงพูดนั้นไปเพลินๆ แต่หากดงแฮได้หันหลังมามองก็คงจะได้รู้ว่ามันแฝงไว้ด้วยความเศร้าที่ไม่ต่างอะไรกันเลย
“ดงแฮ..” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าขึ้น
“อะไร” ใบหน้าเล็กกำลังจะหันกลับมาหาคนที่อยู่บนเตียง แต่ก็ต้องตกใจที่บัดนี้อ้อมแขนแกร่งเมื่อครู่ได้มาโอบเขาเอาไว้จากทางด้านหลังอีกครั้ง ไหล่มนถูกคางของอีกฝ่ายเกยอยู่อย่างแนบชิด
“ฉันขอโทษนะ ทั้งที่นายเป็นผู้ชายแท้ๆแต่ต้องมาท้อง มาเป็นแม่ของลูกฉันแบบนี้” ว่าแล้วซีวอนก็เงียบไป ทั้งสองนิ่งกันอยู่นานก่อนที่เสียงของดงแฮจะตัดบทขึ้นเองโดยที่ไม่ได้หันหน้ามาเลย
“จะขอโทษทำไม ฉันสบายดี ฮีชอลก็มีทั้งป้ายุนฮีกับซูยองคอยช่วยดูอยู่
อีกอย่างที่ฉันต้องอยู่บ้านไม่ต้องเหนื่อยไปทำงานก็ดีกว่านายกับพี่ฮันอีกนะ มีเวลาว่างเยอะจะตายไป” ว่าแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็ปรากฏ แต่คนที่มองจากด้านข้างกลับไม่ได้สบายใจไปด้วยเลย ยิ่งน้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูดีแค่ไหนเขาเองก็ยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่
“แล้วทำไมไม่ไปล่ะ อยู่บ้านเฉยๆแบบนี้ถ้าเหงาก็ไปทำงานได้นะ”
“นั่นสินะ ฉันเคยบอกพ่อกับแม่ไว้ก่อนพวกท่านเสียว่าจบมาแล้วจะ
ช่วยกันดูแลบริษัทที่พวกท่านและเพื่อนพ้องร่วมกันก่อตั้งมา แต่สมัยนี้อะไรก็เปลี่ยนไปนะ บางทีฉันก็คิดว่าการที่เราขายหุ้นให้คนนอกไปบ้างมันก็ทำให้มีแนวคิดอื่นๆเพิ่มขึ้น นายว่าฉันคิดอะไรตลกมั้ยซีวอน” ดงแฮจบประโยคด้วยประเด็นที่เป็นเรื่องอื่นไปเสียอย่างนั้น
“แต่ฉันก็รูสึกไม่ดี”
“นายจะคิดมากอะไรกันล่ะ ฉันก็ไม่ได้หายไปไหนซักหน่อย แล้วก็อย่าเข้าใจผิดนักเลย ฉันมีเรื่องให้ทำเยอะกว่าที่นายเข้าใจแล้วกันน่ะ”
“แต่ทั้งหมดเพราะฉัน” ซีวอนยังคงพูดเรื่องเดิมที่เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ช่างมันเถอะซีวอน เรื่องมันผ่านมาจนตอนนี้แล้วนะ เราคงไปแก้อะไรมันไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่าง ไม่ดีรึไงที่ตอนนี้เรามีฮีชอล” ซีวอนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาได้ทันที นั่นสินะ ถ้าจะย้อนเวลากลับไปตอนนี้เขาเองก็คงไม่อยากจากลูกสาวตัวน้อยไปหรอก
“ซีวอน..”
“หืม” รับคำก่อนที่สันจมูกโด่งจะก้มลงแนบสูดความหอมของเรือนผมนุ่ม
“นาย รักฉันรึเปล่า” ได้ยินแบบนั้นคนฟังก็แปลกใจไม่น้อย มือหนาคลายอ้อมกอดออกแล้วดันให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้ากับเขา
“ทำไมเหรอ ถามแบบนี้เพราะเธอไม่รักฉันแล้วเหรอดงแฮ”
“ถ้าไม่รักแล้วฉันจะถามนายแบบนี้ทำไม ก็แค่อยากรู้”
“หมายความว่าไง”
“ถ้าวันหนึ่ง .. นายไม่มีฉัน”
“ไม่เอาน่ะ อย่าพูดอะไรแบบนี้เลย ฉันรักเธอคนเดียว รักที่สุดเลยล่ะ” ว่าแล้วก็ดึงคนตรงหน้าเข้าไปกอดไว้แน่น แม้ถ้อยคำที่เขาพูดออกไปอีกฝ่ายจะเชื่อเสียสนิทใจรึเปล่านั้นก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่รู้คือมันออกมาจากใจจริงของผู้ชายคนนี้ แต่ต่อให้คำพูดมันจริงแค่ไหน สิ่งที่บ่งบอกก็คือการกระทำอยู่ดี
.. ซีวอนจะรู้ไหมว่าหัวใจคนฟังมันกำลังร้องไห้ ..
“เอาล่ะๆ ไปอาบน้ำ!!” เสียงที่เงียบไปเมื่อครู่ดุขึ้นก่อนจะผลักแผ่นหลังกว้างนั่นเข้าห้องน้ำไปทันที ดงแฮคลายยิ้มให้หายไปจากใบหน้าเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้ากัน ร่างบางแบกเอาความช้ำทั้งหมดในใจเดินออกจากห้องไปยังห้องรับแขกชั้นล่าง
“อ้าว ผมคิดว่าพี่ไปแล้วซะอีก สายพอกับซีวอนเลยนะเนี่ย” ดงแฮทัก
ฮันคยองที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวนุ่มเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองยังไม่ออกไปทำงาน เขาเดินเข้าไปหาลูกที่กำลังนั่งกินข้าวกับพี่เลี้ยงอยู่ มือบางยื่นออกไปหยิกแก้มลูกสาวตัวน้อยเบาๆอย่างเอ็นดู
“พี่กำลังรอลุงซางฮยอนเอารถออกนี่แหละ คงต้องเอาอีกคันที่บ้านไปน่ะ” ว่าแล้วก็เตรียมจะลุกออกไปที่หน้าบ้าน
“ทำไมเหรอครับ รถพี่ล่ะ”
“เมื่อวานที่ออกไปกับคิบอมพี่ดันลืมแวะไปเอารถ” เมื่อเห็นสีหน้าเครียดของพี่ชายแล้วดงแฮก็ได้แต่ยิ้ม
“ไม่เอาน่าอย่าเครียดไปเลย เดี๋ยวไปกับซีวอนก็ได้ อีกแป๊บคงลงมาแล้ว” ดงแฮว่า
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ ..” ยังพูดไม่ทันจบ คนที่กำลังถูกพูดถึงก็ลงบันไดมาพอดี
“อะไรเหรอ ใครจะไปด้วย” ซีวอนที่รีบก้าวเท้าอย่างรีบเร่งลงมาหยุดชะงักทันทีที่เห็นฮันคยองนั่งอยู่
“พี่ฮันลืมไปเอารถ งั้นก็ไปกับนายแล้วกันนะซีวอน ทำงานที่เดียวกันแท้ๆไปด้วยกันทุกวันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ประหยัดดีออก”
“แต่ว่าวันนี้พี่ต้องใช้รถนะ” พูดหาทางปฎิเสธออกไปเพื่อดงแฮจะเข้าใจ
“งั้นพี่เอารถผมไปสิจะได้สะดวก” ดงแฮเสนอแต่กลับโดนซีวอนขัดขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องหรอก ไปด้วยกันนี่แหละ ถ้านายจะใช้ค่อยเอารถที่บริษัทไปก็ได้ไม่เห็นจะยาก” แม้ว่าฮันคยองจะเป็นถึงพี่ชายของคนรักตัวเอง แต่การเรียกกันโดยใช้สรรพนามแบบนี้ของซีวอนกลับไม่ได้ทำให้คนอื่นๆแปลกใจนัก เพราะก่อนที่จะแต่งงานกับดงแฮมาฮันคยองก็เคยเป็นรุ่นพี่เขามาเหมือนกัน ก็เลยไม่จำเป็นที่ต้องแสดงอะไรเป็นพิธีรีตองหนักหนา และเมื่อเถียงไม่ออกฮันคยองก็ต้องยอมจำนนไปทำงานพร้อมกับซีวอนในเช้านี้
และคงจะไม่แปลกเลยที่บรรยากาศในรถตอนนี้จะเงียบผิดปกติ
“โอเค ฉันทำอะไรผิด ทำไมนายต้องเงียบแบบนี้ด้วย แล้วเมื่อคืน..” เป็น
ซีวอนเองที่ทนไม่ไหวเลยเริ่มเปิดปากพูดก่อน เขาเองก็โกรธเหมือนกันที่จู่ๆก็เล่นเย็นชาใส่กันแบบนี้
“นายเลิกยุ่งกับฉันซักทีจะได้ไหม”
“ทำไม งอนเหรอที่เมื่อวานฉันพูดว่านายกับมัน อีกอย่างนายเองนะผิดที่ไปยุ่งกับมันก่อน” ได้ยินแบบนั้นคนฟังก็ฉุนขาดขึ้นมาทันที
“อย่ามาว่าคิบอมเสียหายแบบนี้นะ แล้วฉันผิดตรงไหน ฉันจะทำอะไรจะไปกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับนายเลยซีวอน” พูดจบก็โกรธจนแทบจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย .. เอาสิ เขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ซีวอนเถียงไม่ออกแม้แต่น้อย เขารู้ตัวดีมันไม่เกี่ยวเลยที่คนๆนี้จะไปทำอะไรกับใคร แล้วตัวเองจะต้องมาสนใจทำไม
.. รู้ตัวดี แต่แค่นี้มันก็เลวพอแล้วไม่ใช่เหรอ จะเป็นแบบไหนอีกก็ช่างประไร
รถคันหรูสีดำสนิทแล่นเข้าสู่ตัวตึกสูงใจกลางเมืองแล้วจอดเข้าช่องประจำตำแหน่งในโรงจอดรถของบริษัท ฮันคยองจะกระชากตัวออกมาจากรถอย่างรวดเร็วและแทบจะกลายเป็นวิ่งเข้าบริษัทไป ซีวอนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาอารมณ์เสียไม่น้อยที่เป็นแบบนี้ ในขณะที่ฮันคยองเริ่มเดินช้าลงเหมือนกับที่น้ำตามันเริ่มจะไหลออกมาช้าๆ
.. ไม่น่าเลย ไม่น่ายุ่งเลย ตั้งแต่แรกแล้วที่รู้จักนาย รุ่นน้องหน้าตาดีที่มหาวิทยาลัย คนที่ฉันแอบชอบแต่นายไม่ได้ชอบฉัน นายมีคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว ก็ช่วยไม่ได้นะที่โลกกลมจนฉันหนีนายไม่ออกเพราะคนที่นายมีอยู่ตอนนั้นเป็นน้องชายของฉันเอง ทำไมนะ ทำไมฉันไม่รู้ตั้งแต่แรก อีกนิดเดียวไม่ใช่เหรอที่จะรู้จักนายในฐานะคนรักของดงแฮ ไม่น่ามารู้จักเพราะฉันเป็นรุ่นพี่นายเลย เพราะถ้ารู้ว่านายมีดงแฮอยู่แล้วฉันก็คงไม่กล้าแม้แต่จะคิดอะไรกับนายเลยซีวอน .. สุดท้ายคนที่ผิดก็คือฉันที่ปล่อยให้นายมาเล่นด้วยแบบนี้
บริษัทผลิตและส่งออกเพชรรายใหญ่ที่ขายหุ้นครึ่งหนึ่งให้กับเศรษฐีเจ้าของเหมืองทางตอนใต้ ตอนนี้กิจการทั้งสองจึงไปด้วยกันได้ดีโดยมีคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยกันบริหารกิจการด้านนี้
“พี่ฮันคยอง”
“อะไรเหรอคิบอม”
“ผมเห็นพี่เหม่อ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มผู้สืบทอดกิจการเหมืองใหญ่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนได้แต่นั่งเหม่อคิดอะไรไม่รู้ เขาเรียกก็ไม่ยอมตอบเสียที เป็นอย่างนี้ตั้งแต่วางถาดรองจานอาหารลงแล้ว
“หรือว่าอาหารที่โรงอาหารบริษัทเราไม่อร่อย” เสียงทุ้มถามขึ้นอีกทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่เลย เพราะฮันคยองเองที่เป็นคนชวนเขามาทานอาหารกลางวันที่นี่เพราะว่าจะได้ไม่ต้องไปข้างนอก แถมอาหารที่นี่แม่ครัวก็ทำอร่อยมากเสียด้วย
“ไม่มีอะไรหรอก ทานต่อเถอะ” ว่าแล้วก็ก้มลงตักอาหารที่แทบจะเย็นชืดเต็มจานเข้าปากทันที
“ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้นะ” แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังคงยิ้มตาปิดมาให้ ดูแล้วน่าหมั่นไส้นักในสายตาของคนมอง
“ครับ พ่อคนเก่ง” ฮันคยองรับคำแล้วยิ้มตอบกลับไป เขาเองก็บอกไม่ถูก
เหมือนกันว่าทำไมนานวันเข้าความรู้สึกมันถึงได้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ฮันคยองเพิ่งมาสังเกตตัวเองได้ไม่นานนักหรอกในเรื่องนี้ ก็แค่รู้สึกว่าคนตรงหน้าคนนี้อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นอย่างยากจะปฏิเสธ
ทั้งสองรับประทานอาหารกันไปอย่างเงียบๆท่ามกลางสายตาของพนักงานทั้งหลายที่ต่างแปลกใจทุกทีเวลาที่คนระดับสูงของบริษัทจะมานั่งทานอาหารกันที่นี่ แล้วก็ต้องต่างแปลกใจกันไปใหญ่เมื่อจู่ๆอีกคนที่มาที่นี่นับครั้งได้นั้นมาปรากฏตัวขึ้น เหล่าพนักงานต่างก็หลบทางให้เป็นแถว ร่างสูงตรงเข้าไปยังโต๊ะมุมหนึ่งที่คนทั้งสองนั่งอยู่ทันที
“ฮันคยองมานี่” มือหน้าคว้าเข้าให้ที่แขนของคนตรงหน้าก่อนจะดึงให้ลุกจากที่
“ปล่อยนะซีวอน นายอย่ามาทำอะไรป่าเถื่อนตรงนี้นะ” เสียงของคนที่พยามขัดขืนไม่ได้ช่วยอะไรเลย ใบหน้าของฮันคยองที่ไม่สู้ดีนักมองไปรอบๆก็พบว่าตอนนี้คนทั้งหมดเล่นมองกันมาที่พวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
“ปล่อยมือนะซะซีวอน” คิบอมว่าก่อนที่จะเข้าไปดึงแขนอีกข้างของ
ฮันคยองเอาไว้
“นายไม่เกี่ยวคิบอม” ซีวอนบอกตรงๆอย่างไม่ไว้หน้าเพื่อนคนนี้เลย
“ฉันไม่เกี่ยวแต่อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ อย่ามาทำนิสัยเลวๆของนาย
คนกลาง ตอนนี้ฮันคยองอายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วขืนปล่อยไว้แบบนี้คงได้เป็นเรื่องนินทากันไปทั้งบริษัทแน่
“คิบอมปล่อยพี่เถอะ ไม่มีอะไรหรอก” ฮันคยองตัดสินใจเลือกที่จะไปกับซีวอน ได้ยินแบบนั้นแล้วคนฟังก็แทบไม่เชื่อหู ผิดกับรอยยิ้มแสยะที่มุมปากอย่างเยาะเย้ยของซีวอน
“แต่ว่าผม ...”
“ไม่เป็นไรหรอกคิบอม พี่ไม่เป็นไร นายทานข้าวต่อเลยนะเดี๋ยวพี่กลับมา” เมื่อเจ้าตัวเค้าบอกมาขนาดนี้แล้วเขาเองก็คงไม่หน้าด้านพอที่จะรั้งเอาไว้ มือของคิบอมค่อยๆคลายออกก่อนจะนั่งลงกับที่ตามเดิม ซีวอนหันหน้ามามองเขาอีกครั้งก่อนจะดึงร่างของฮันคยองออกไปจากที่นี่ทันที ทิ้งไว้เพียงคนๆเดิมที่นั่งอยู่ที่เดิมอย่างนั้น และมันก็คงกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้กันไปหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนมองมาทางเขากันหมดแต่ด้วยมารยาทแล้วก็ไม่ได้มีเสียงอะไรแต่อย่างใด พนักงานทุกคนรีบหันกลับทันทีเมื่อคิบอมแสดงสีหน้าไม่พอใจ
.. ผมคงทานต่อได้หรอกนะ นั่งรอพี่ตรงนี้เนี่ย
“หยุดเดินซักทีได้มั้ย ! .. อ๊ะ” เมื่อซีวอนหยุดลงกระทันหัน ฮันคยองก็แทบจะเซล้มเพราะแรงดึง
“หยุดแล้วไง” ร่างสูงหันมาว่าก่อนที่มือบางจะรีบสะบัดให้หลุดออกจากมือเขา ร่างโปร่งบางยืนหอบอยู่กับที่เพราะความเหนื่อย ก็ถูกพาวิ่งมาที่ดาดฟ้าแบบนี้เป็นใครก็เหนื่อยเป็นธรรมดา
“หายใจพอรึยัง” ซีวอนยังไม่วายที่จะแขวะอีกฝ่าย ใบหน้าที่ก้มหายใจอยู่เงยขึ้นทันที
“มีอะไรว่ามา ฉันไม่มีเวลามากนัก”
“อ้อ เวลาที่จะไปกินข้าวกับมันน่ะเหรอ”
“บอกแล้วว่าอย่าพูดถึงคนอื่น คิบอมไม่เกี่ยว นายมีอะไรก็รีบๆพูดมา ฉันไม่ว่างนักหรอก” ฮันคยองพยามที่จะกดเสียงให้เป็นปกติที่สุดแล้ว
“ได้ ฉันไม่พอใจที่นายไปยุ่งกับมัน” ร่างสูงบอกออกมาตรงๆพลางมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
“แล้วไง แล้วมาบอกทำไม” ร่างบางแค่เลิกคิ้วถามแบบไม่สนใจ มันยิ่งกลับสร้างอารมณ์ให้คนฟังเป็นอย่างมาก
“ก็นายเป็นของฉันเข้าใจไหม ใครใช้ให้ไปยุ่งกับมันฮะ” เมื่อหมดความอดทนเสียงตะคอกก็ดังขึ้น
“นายนี่มัน จะให้ฉันบอกอีกไหมว่าฉันกับนายเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เลิกยุ่งกับฉันซักที ฉันสงสารน้อง” พอพูดมาถึงตรงนี้แล้วซีวอนก็เงียบ
“เป็นไรไป นายจะเถียงเหรอว่าถ้าดงแฮรู้ นายก็ไม่ขัดข้อง”
“เลิกพูดถึงเค้า ดงแฮไม่เกี่ยว” ซีวอนบอกเสียงเรียบแต่แฝงความไม่พอใจเต็มเปี่ยม น้ำเสียงที่ไม่อยากให้คนๆนั้นมาเกี่ยว ไม่อยากให้มารับรู้เรื่องความเลวของตัวเองและไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง ทำไมคนฟังจะดูไม่ออก
“นายไม่แน่จริงนี่ ถ้านายเป็นลูกผู้ชายจริงก็เลิกกับดงแฮสิ” ถึงตรงนี้ซีวอนก็ทำได้เพียงแต่เบิกตากว้าง ไม่นึกว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“เห็นมั้ย เอาเข้าจริงนายก็ทำไม่ได้ จะบอกอะไรให้นะ รักมาก ทนุถนอมดั่งดวงแก้วที่แสนเปราะบางแบบนี้ หากวันไหนที่มันจะต้องแตกขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ มันก็จะแตกละเอียดจนไม่เหลือแม้แต่เศษให้นายต่อกลับ หรือแม้แต่ผงนายก็อาจไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ” ฮันคยองพูดความจริงที่แสนจะคับแค้นใจออกมาจนหมด ความจริงที่เขาเองก็มีส่วนผิดไม่น้อยไปกว่ากัน
“.........”
“โอเค หมดเรื่องแล้วใช่ไหม งั้นฉันไปนะ” ฮันคยองเดินออกมาจากตรงนั้นโดยที่ไม่หันกลับไปมองอีกเลย น้ำตาที่กลั้นมันเอาไว้ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ จากนี้เขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว
.. ฉันเองก็เป็นคนเริ่มด้วย จากนี้ก็ขอให้มันจบตรงนี้เลยแล้วกันนะ ไม่ได้ใกล้ชิดนายแบบหลบๆซ่อนๆเหมือนเดิมฉันก็ไม่ตายหรอกซีวอน ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเข้มแข็ง ..
คนที่ถูกทิ้งไว้ที่ดาดฟ้าคนเดียวในตอนนี้แทบจะยืนไม่อยู่ นี่มันอะไรกัน ราวกับว่าตัวเองจะเสียทุกอย่างไป ซีวอนกำมือแน่นและรู้สึกอย่างเดียวว่าทนไม่ไหว แล้วเม็ดหยดน้ำที่หล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างไม่มีทีท่าก็เตือนให้ร่างสูงหันกลับออกไปจากที่ตรงนี้โดยที่เสื้อเชิ้ตนั้นติดเม็ดฝนมาแค่เพียงประปราย
ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองกำลังตกอยู่ในสายฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ท้องฟ้ายังโปร่งเช่นเดียวกันกับที่บ้านหลังเดิม ลมที่พัดแรงเหมือนจะพัดเอาแปลงดอกไม้ขนาดเล็กของเจ้าของบ้านที่ดูแลมันมากับมือให้พังยับเยิน
“คุณแม่คะ ฮีชอลกลัวเสียงฟ้าร้องจังเลยค่ะ” เสียงเล็กของเด็กน้อยพูดขึ้นท่ามกลางเสียงฟ้าร้องและเสียงฝนที่สาดกระทบประตูกระจกบานใหญ่ที่ห้องนั่งเล่น
“ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวฟ้าก็ไม่ร้องแล้ว” ดงแฮบอกลูกสาวพลางกอดร่างเล็กไว้แน่น ก็เล่นกลัวเสียจนคนเป็นแม่เดินไม่ไหนไม่ได้เลยนี่สิ ป้ายุนฮีคนเก่าแก่ของบ้านเห็นอย่างนั้นก็แอบขำไม่ได้ คุณหนูดงแฮของเธอเป็นผู้ชายแล้วก็ยังเด็กกับเรื่องแบบนี้นัก จู่ๆมามีลูกแบบนี้ดูยังไงก็เหมือนพี่กับน้องไม่มีผิด แต่ก็น่ามองอยู่ไม่น้อยในเมื่อหน้าตาคุณหนูของเธอจะสวยหวานออกปานนี้
“คุณพ่อทำอะไรอยู่น้า คุณพ่อจะเปียกรึเปล่าคะ” เสียงเล็กๆถามผู้เป็นแม่แก้มกลมถูกหอมเข้าไปฟอดใหญ่
“คุณพ่อทำงานนะฮีชอล ไม่เปียกหรอก เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว”
“แต่ฮีชอลคิดถึงคุณพ่อจังเลย นานๆคุณพ่อจะมาหา”
“แหม พูดเหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกันงั้นแหละนะ”
“ก็คุณพ่อ ไม่ค่อยมีเวลาให้ฮีชอลนี่นา”
“แต่คุณแม่มีตั้งเยอะเลยนะ ฮีชอลไม่ชอบเหรอ” ว่าแล้วก็หอมเข้าให้ที่แก้มนุ่มของลูกสาวอีกรอบ จนคนตัวเล็กซุกหน้าหนีกับแผ่นอกอุ่นนั่น แม่ลูกหยอกล้อกันอยู่แบบนั้น หากใครมาเห็นก็อดเอ็นดูไม่ได้
“เอ๊ะ.. ฮีชอล แปลงดอกไม้ของแม่”
“ทำไมเหรอคะ”
“ก็ฝนตกแรงแบบนี้ จะพังรึยังนะ” ว่าแล้วก็หันไปหาคนข้างๆทันที
“ป้ายุนฮีครับ ฝากฮีชอลด้วยนะ ผมจะออกไปดูดอกไม้หน่อย ฝนตกแรงมากเลย”
“ไม่ได้นะคุณหนู ป้าว่ามันคงไม่เป็นไรหรอก เพิ่งหายไข้ด้วยอย่าออกไปเลยนะคะ”
“แต่ว่า..”
“ไม่ได้ค่ะ อยู่นิ่งๆเลยนะคะ ป้าไม่ให้ออกไปเด็ดขาด” เมื่อสิ้นเสียงของป้ายุนฮีคนที่เลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว ดงแฮก็ได้แต่นั่งหน้างออยู่แบบนั้น หล่อนเห็นคุณหนูของตัวเองก็อดนึกถึงคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงของบ้านไม่ได้
.. นี่ถ้าคุณทั้งสองยังอยู่ ป่านนี้คงได้เห็นหน้าหลานเร็วกว่าที่คิดอีกนะคะ
แต่บางเรื่องที่วุ่นวายอยู่ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างก็ต้องแก้ไขกันเอาเอง
มือเรียวหมุนปากกาในมือไปมาในห้องทำงานอย่างเหม่อลอย งานที่เคลียร์เสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย กระจกบานใหญ่เผยให้เห็นเมืองทั้งเมืองที่ยังคงตกอยู่ท่ามกลางสายฝน แม้จะเข้าช่วงบ่ายมาสองสามชั่วโมงแล้วก็ตามแต่ฮันคยองก็แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเขานั่งถอนหายใจไปกับอากาศกี่ครั้ง เหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไปอย่างนั้นแหละ คิดกับตัวเองไม่ทันไรก็นึกได้ว่านี่เขาลืมไปแล้วเหรอว่าจะกลับไปที่โรงอาหาร แต่ป่านนี้แล้วคิบอมคงไม่อยู่รอแล้วแน่ๆ คิดได้อย่างนั้นก็รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดหาอีกฝ่ายทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีการตอบรับเลย
“.... เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ....” เสียงสัญญาณโทรศัพท์บอกมาตามสายเป็นรอบที่สิบติดกันแล้วทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นได้แต่ส่ายหัว ดงแฮลุกออกมาจากโซฟานานแล้วทิ้งไว้เพียงเจ้าตัวน้อยที่ยังหลับอยู่หลังจากที่เขาเองเผลอหลับไปด้วยจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น เม็ดฝนเริ่มจะซาลงบ้างแต่ก็เพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น ทำไมซีวอนถึงต้องปิดเครื่อง ดงแฮโทรหาฮันคยองทันทีเพราะอย่างน้อยก็น่าจะกลับด้วยกัน หรือจะอยู่ด้วยกันก็ตาม แต่แล้วต่อสายเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับเหมือนกัน อดคิดไม่ได้จริงๆว่าทำอะไรกันอยู่ที่ไหน โทรศัพท์เครื่องบางถูกวางเอาไว้อย่างเดิม แต่หากว่าเจ้าของมันหันกลับมามองอีกสักรอบก็คงจะเห็นว่าหน้าจอที่สว่างขึ้นนั้นสั่นไปมาไม่หยุด
ดงแฮลุกขึ้นยืนแล้วมองออกไปยังภายนอก ไม่ชอบเลยเวลาที่ทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้สายฝน ราวกับว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
.. ฝนตกแบบนี้กำลังทำอะไรกันอยู่นะ
บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ทำไมมันจึงได้ดูแสนเศร้านัก คิดแล้วมือบางก็แนบลงกับกระจกบานใหญ่ที่อีกด้านมีหยาดฝนไหลเรื่อยลงมาเป็นสาย ราวกับว่ากระจกใสบานนี้กำลังร่ำไห้
“ทำไมดงแฮไม่รับโทรศัพท์นะ” เสียงทุ้มของคิบอมบ่นขึ้นเบาๆอย่างหัวเสียในห้องทำงาน หลังจากที่ต่อสายไปแล้วแต่ปลายทางกลับไม่รับเลย เขาแค่อยากจะถามว่าฮันคยองกลับบ้านหรือยัง ครั้นพอโทรเข้าบ้านก็ไม่ติด ไม่รู้สัญญาณเป็นอะไรไปหมด ก็เพราะเมื่อกลางวันที่เขากำลังคุยกับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งอยู่นั้น
ฮันคยองได้โทรเข้ามาแต่เขาก็ไม่ได้รับ และพอเขาโทรกลับอีกฝ่ายก็ไม่รับสายเขาเสียทีจนเริ่มเป็นกังวล ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่และไม่มีใครรู้ว่าไปไหนแม้กระทั่งเลขาเองก็ตาม ส่วนอีกคนที่เขาอยากจะถามว่าอยู่ด้วยกันรึเปล่าก็ติดต่อไม่ได้ หาตัวก็ไม่พบอีก ให้ตายสิ คิดแล้วความห่วงและความน้อยใจก็เกิดขึ้นมาอีก ก็แค่ไม่อยากให้คนที่รักต้องไปอยู่กับใครอื่นแถมใครคนนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้มีความสุข กลับมีแต่ทำให้ชอกช้ำ แล้วแบบนี้เขาจะอยากปล่อยให้ไปเหรอ
ร่างสูงหงุดหงิดอย่างปิดไม่อยู่ จนเลขาหนุ่มที่เดินหอบเอาแฟ้มงานเข้ามาต้องทักขึ้น
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณคิบอม” ร่างเล็กถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจมาก” ว่าแล้วก็หยิบแฟ้มหนาขึ้นมากางออกทันที แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อมือเล็กตรงหน้ายื่นมาขวางไว้
“งานนี้ไม่ด่วนครับ”
“ซองมิน..” เสียงปรามของคิบอมดังขึ้นเบาๆหากแต่คนฟังกลับตกใจได้ไม่ยาก ใบหน้าสดใสสลดลงทันทีพร้อมกับความเหนื่อยใจกับเจ้านายคนนี้
“ผมก็แค่คิดว่าคุณฮันคยองเขาอาจจะกำลังกลับบ้านเอง .. ในเวลาที่ฝนตกแบบนี้” พูดเสร็จก็ออกจากห้องไปทันทีโดยที่คิบอมยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่เวลาแบบนี้เขาเองคงไม่คิดอยากจะว่ากล่าวอะไรลูกน้องตัวเองหรอกในเมื่อสิ่งที่ได้ยินนั้นทำให้ต้องคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
.. นั่นสินะ ถ้าพี่ไม่ได้ไปกับเค้า แล้วพี่จะกลับยังไง ฝนตกหนักแบบนี้
คิดแล้วชายหนุ่มก็คว้าของที่จำเป็นติดตัวออกไปจากห้องไปทันที ผ่านหน้าเลขาที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับเก้าอี้
“เฮ้อ ..เจ้านายเราเนี่ยนะ” เสียงเล็กถอนหายใจกับภาพตรงหน้าก่อนจะหันไปยุ่งอยู่กับงานที่กองตรงหน้าต่อ เห็นทีเย็นนี้เจ้านายเขาคงจะไม่กลับเข้ามาอีกแล้ว
.
.
.
Tbc. Chapter 4
ความคิดเห็น