คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : WHEN ? .. Chapter.[2]
Chapter 2
ห้องกว้างสะอาดตา ผนังสีขาวลายดอกไม้สีอ่อนและเตียงนุ่มที่แสนจะอบอุ่น มันจะต่างอะไรหากไร้บางสิ่ง ใครบางคนที่เฝ้าหวังมาเสมอว่าจะอยู่เคียงข้าง
.. นายรักฉันจริงรึเปล่า บอกเองว่าจะอยู่ แล้วนายหายไปไหน
ร่างบางที่ลืมตาตื่นขึ้นในยามบ่ายแก่ๆหลังจากที่หลับไปเพราะพิษไข้ เมื่อไม่เห็นคนที่บอกว่าจะอยู่ข้างกันเลยได้เพียงคลายยิ้มแสนเศร้าออกมา ความรู้สึกปวดหัวไม่สบายตัวในตอนนี้เริ่มจะบรรเทาลงแล้ว แต่ใจที่ยังคงไม่ปล่อยวางเรื่องของใครบางคนนั้นกลับยังคงคะนึงหาตลอดเวลา ซีวอนคงไปจากห้องนี้ตั้งแต่ที่เขาหลับไปแล้ว คิดไปก็ไม่ต่างจากทุกครั้ง พลันสายตาก็หันไปเจอเข้ากับบางสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง กระดาษแผ่นเล็กสีขาวกับลายมือที่คุ้นเคย
- ตื่นแล้วล่ะสิ เดี๋ยวฉันมานะ -
ใบหน้าที่เริ่มจะมีเลือดฝาดเริ่มยิ้มกว้างขึ้นทันที ทุกทีที่ตัวเองไม่สบายอีกฝ่ายก็จะทำเรื่องแบบนี้เสมอ ไม่ทันไรประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มอันอ่อนโยนเอ่ยถามภรรยาที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่แบบนั้น ในมือของชายหนุ่มไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีอะไรมาด้วย ดวงหน้าหวานอมยิ้มนิดๆเมื่อรู้ว่าทั้งหมดที่ตัวเองคิดนั้นไม่ผิดไปเลย
“อะแฮ่ม จะจ้องผมอีกนานไหมครับคุณคนน่ารัก” รอยยิ้มกว้างที่ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ถูกส่งมาให้ดงแฮที่อยู่ในท่านั่งพิงหมอนใบใหญ่ตรงหัวเตียง
.. ให้ตายสิ ฉันกำลังป่วยแต่นายก็ยังยิ้มอยู่นั่นแหละ เพราะรู้ว่ายิ้มของนายทำให้ฉันดีขึ้นเยอะใช่ไหม
“บ้า .. ใครจ้องนาย” ดงแฮว่าแล้วก็หันหน้าหนีไปอีกทาง แล้วมีหรือคนหน้าตาดีคนนี้จะไม่สนใจ ได้ทีซีวอนก็เดินเข้าไปหาอีกด้านก่อนที่คนขี้งอนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
“โอเค ไม่อยากมองก็ไม่เป็นไร อุตส่าห์หาช่อที่ใหญ่ที่สุดในร้านมาแล้วนะเนี่ย” ร่างสูงยักไหล่เป็นเชิงเสียดาย แต่ไม่ทันขาดคำมือเล็กก็คว้าเข้าให้ที่
คาร์เนชั่นสีชมพูช่อใหญ่ก่อนจะดึงเข้ามาหาตัวเองทันที ซีวอนอมยิ้มกับท่าทางของคนขี้งอนที่ปากไม่ตรงกับใจ
“ขอบใจนะ” มือบางไล้ผิวเนียนนุ่มของดอกไม้ที่ตัวเองชอบไปมา เมื่อเห็นว่าดงแฮดูสดชื่นขึ้นมากซีวอนก็ดีใจ
“ไม่ถามเหรอ”
“ถามอะไร”
“ก็อย่างเช่น ทำไมฉันถึงซื้อดอกคาร์เนชั่นให้เธอ”
“ทำไมล่ะ ก็เพราะฉันชอบล่ะมั้ง”
“ผิด!!” เมื่อเสียงทุ้มบอกว่าเขาทายไม่ถูกก็ชักจะเริ่มฉุนขึ้นมาแล้ว นี่จะมาเล่นอะไรอีก
“ทำไมล่ะ ก็รู้ว่าฉันชอบไม่ใช่เหรอ ถึงแม้ว่ามันจะไม่น่าพิสมัยสำหรับใครหลายๆคนก็เหอะนะ”ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงลูบไล้กลีบคาร์เนชั่นเล็กๆต่อไปเหมือนจะปลอบใจพวกมัน
“ใครบอกล่ะว่ามันไม่น่าพิสมัย รู้ไม่ใช่เหรอว่าดอกคาร์เนชันสีชมพูมันสื่อความหมายยังไง” ดงแฮได้ฟังก็เงยหน้าขึ้นมองซีวอนทันที
“รู้สิ แต่บางทีก็ไม่แน่ใจ” แววตาตัดพ้อของคนที่กำลังพูดนั้นทำให้ซีวอน
รู้สึกได้โดยที่เจ้าของมันไม่ได้ตั้งใจจะให้รู้เลยสักนิด วินาทีที่บอกออกไปก็เหมือนกับ
ว่าหัวใจกำลังดิ่งลงไปที่ปลายเท้า ทั้งที่ไม่อยากให้ความรู้สึกในตอนนี้เสียไปกับความเป็นจริง .. ขออยู่กับความฝันเสียหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร
“เอ่อ ฉันล้อเล่นน่ะ” ดงแฮเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“ถ้างั้นฉันจะบอกอีกทีแล้วกัน ความหมายของมันก็คือ ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ คุณจะอยู่ในใจผมเสมอ” ใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยให้คนรักฟังก่อนที่จะขยับกายเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ
.. ทำไมนายต้องโกหกฉัน
ดงแฮได้ฟังก็เพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น ทุกครั้งที่ได้ยินคำว่ารักมันหัวใจมันก็พองโตราวกับต้นไม้ที่ได้น้ำหล่อเลี้ยง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายสิ่งที่ได้ก็คือน้ำตาตัวเอง
“ทำไมฉันไม่ให้ดอกกุหลาบกับเธอนะดงแฮ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะมันไม่เหมาะกับเธอมั้ง”
“ใช่สิ ฉันมันก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่สบายง่าย ชอบดื้อดึง แถมมีลูกกับนายได้อีก ไม่เหมือนผู้หญิงสวยๆคนอื่นที่น่าให้รักมากกว่า” น้ำใสๆไหลกลิ้งลงมาตามแก้มเนียนแทบจะในทันที เล่นเอาตัวต้นเหตุทำอะไรแทบไม่ถูก เขาก็แค่ล้อเล่น
“อย่าร้องสิ ..” ว่าแล้วแขนแกร่งก็โอบเอาศีรษะเล็กมากอดไว้แนบบ่า เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีฟ้าตอนนี้เริ่มทำให้เจ้าของมันรู้สึกได้ถึงน้ำชื้นๆที่เปียกซึมมากขึ้น มือหนาลูบขึ้นลงที่แผ่นหลังบางไปมาแผ่วเบาหวังเพียงจะให้คนรักหยุดร้องไห้
“ไม่เอาน่าอย่าร้องนะ กุหลาบน่ะมันมากไป ยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ยิ่งโลกนี้ไม่มีใครให้คาร์เนชันช่อนี้กับเธอก็ยิ่งดีไปใหญ่เพราะฉันจะเก็บมันไว้ให้เธอคนเดียว .. คนอื่นอาจมองข้าม แต่ฉันจะไม่มองผ่านมันไปเพราะฉันเห็นค่าของมันเหมือนที่ฉันเห็นค่าของเธอ” ทุกถ้อยคำยิ่งพูดก็ยิ่งซึมลึกลงไปในหัวใจของคนฟัง ไม่ใช่เพราะ
เนื้อความที่ได้ยินนั้นเหมือนไม่เคยได้ฟังที่ไหนมาก่อน แต่เพราะเป็นคนๆนี้
คนที่อยากให้พูด อยากจะฟัง อยากจะได้ยินแบบนี้ไปจนวันตาย จากที่แค่โอบร่างบางเข้าหาตอนนี้ซีวอนกำลังกอดดงแฮเอาไว้แน่น
“เข้าใจใช่ไหม ..” กระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูเหมือนจะย้ำเตือนให้คนฟังได้รับรู้มากขึ้นไปอีก อยากให้รู้และอยากให้เข้าใจ แค่นี้ก็พอแล้วที่จะสามารถอธิบายออกมาได้ว่าทั้งหมดนั้นมันมาจากใจเขาจริงๆ
.. เข้าใจสิซีวอน ฉันรู้ว่าฉันมีค่าแค่ไหนสำหรับนาย .. ที่มันหยุดร้องไม่ได้เพราะนานๆทีไม่ใช่เหรอที่จะได้ยินแบบนี้ นานๆทีไม่ใช่เหรอที่จะคว้าอ้อมกอดนี้ไว้ได้ .. ถ้าฉันไม่ร้อง ไม่อ้อน ไม่เรียกร้องความสนใจ แล้วค่าของฉันที่นายว่าเห็นมาตลอด .. จนตอนนั้นมันจะพอสำหรับเหนี่ยวรั้งความรักนี้ต่อไปได้หรือเปล่า ... มีค่างั้นเหรอ ถ้าแค่นั้น แค่ค่าของฉันที่ไม่อาจเหนี่ยวรั้งใจนายไว้ได้ .. ฉันก็ไม่อยากจะมีมันต่อไปแล้ว
แรงสะอื้นที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงจนตอนนี้ที่ผ่านไปได้อึดใจก็เริ่มจะนิ่งไปกันทั้งสองฝ่าย เสียงลมหายใจที่ดังผะแผ่วกับเรียวแขนที่ค่อยๆคลายออกจากไหล่กว้างเป็นสัญญาณบอกว่าคนในอ้อมกอดได้ลงสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว
.. ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้นะคนดี
ซีวอนเอนร่างของคนรักที่หลับไปแล้วลงที่เตียงนุ่มตามเดิม ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นมาห่มให้คนที่นอนอยู่ นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามคราบน้ำตาที่ยังคงเปียกชื้น ความร้อนของพิษไข้เริ่มกลับมาแล้วซีวอนจึงได้แต่ส่ายหัวกับตัวเอง
“ให้ตายสิ พอเริ่มจะดีขึ้นไม่ทันไรก็เริ่มไม่สบายอีกแล้ว เด็กดื้อจริงๆเลยนะ” เมื่อจัดผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทางอีกรอบใบหน้าหล่อเหลาก็เหลือบมองไปที่ช่อคาร์เนชันช่อใหญ่ที่วางอยู่บนเตียง เห็นแล้วมันก็อดหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ มือหนาหยิบมันขึ้นมาวางไว้ข้างโคมไฟดวงเล็กบนโต๊ะข้างเตียง
.. ที่ผ่านมาไม่ว่าเธอจะโกรธแค่ไหน ของที่ฉันให้มันก็ไม่เคยเสียหาย แม้ว่าอยากจะโยนมันทิ้งมากเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่เคยทำ .. และมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด
แรงยวบขึ้นของที่นอนบ่งบอกว่าอีกคนได้ออกไปจากห้องแล้ว ดวงตาคู่สวยที่หลับอยู่ค่อยๆลืมขึ้น ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงไปอีกครั้ง ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินยังคงดังก้องไปมาในหัวใจ
.. เด็กดื้องั้นเหรอ ก็ฉันไม่ใช่ผู้ใหญ่แบบที่นายชอบซักหน่อย ไม่ใช่เค้าคนนั้น
เหมือนกับเป็นโชคชะตากำหนดมา แม้เพียงเสียงที่เปล่งออกมาก็ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หากแต่เสียงหัวใจของอีกฝ่าย .. ทำไมเขาถึงกลับไม่ได้ยินมัน
เสียงเครื่องยนต์ดับลงอีกครั้งหน้าบ้านหลังเดิม เป็นเวลาเกือบจะเย็นแล้วตั้งแต่ที่คิบอมและฮันคยองออกไปทานข้าวนอกบ้านจนถึงตอนนี้ที่พวกเขามา
“ขอบใจมากนะ วันนี้พี่อิ่มแปล้เลยล่ะ” ฮันคยองบอกกับคิบอมหลังจากที่ลงจากรถมายืนอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว
“ครับ”
“งั้นพี่ไปแล้วนะ ขอบใจอีกครั้ง กลับบ้านดีๆล่ะ” คิบอมไม่ได้บอกลาแต่กลับเดินตามเข้าไปทำให้ฮันคยองสงสัย
“อ้าว นายไม่กลับเหรอ” ดวงตาเรียวหันมามองรุ่นน้อง
“วันนี้ทั้งวันผมว่างครับ อีกอย่าง น้องพี่ไม่สบายไม่ใช่เหรอ ขอผมไปเยี่ยมหน่อยละกัน”
“อ่ะอื้ม ก็เชิญเลย” แม้ไม่ค่อยจะเต็มใจนักแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรที่จะให้
คิบอมเข้าบ้านในตอนนี้ แต่ที่ไม่เต็มใจก็เพราะว่าไม่อยากให้เจอกันกับบางคน
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กน้อยเพียงคนเดียวของบ้านทั้งหลังมันช่างทำให้คนที่อยู่นั้นรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมามากทีเดียว ต่างจากแต่ก่อนที่ทั้งบ้านหากไม่มีเจ้าของบ้านอยู่แล้วมันก็เงียบเสียจนหงอยเหงา ร่างสูงของคนเป็นพ่อกำลังนั่งวาดรูประบายสีอยู่กับลูกสาวตัวน้อยที่ห้องนั่งเล่น พี่เลี้ยงสาวก็ได้แต่นั่งอมยิ้มเอ็นดูพ่อลูกอยู่ห่างๆ เป็นเรื่องดีที่สุดที่เวลาคุณหนูตัวน้อยของเธอได้อยู่กับคุณพ่อ เพราะนานๆทีที่คุณผู้ชายของเธอจะว่างพอมีเวลาให้กับลูกสาวตัวน้อย อีกอย่างเธอเองก็จะได้นั่งพักเสียที คุณหนูฮีชอลของเธอถึงจะน่ารักรู้ความเกินเด็กไปหน่อยแต่ด้วยความเป็นเด็กยังไงก็ยังมีความซนอยู่ดี .. เป็นพี่เลี้ยงก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา
“อ๊ะนั่น พ่อว่าสีนี้ดีกว่านะ”
“ไม่เอาอ่ะคุณพ่อ ฮีชอลชอบสีแดงมากกว่านะ”
“โอเคงั้นมานี่ พ่อจะวาดภาพนี้ให้ดู” ว่าแล้วซีวอนก็ลงมือวาดลวดลายตัวการ์ตูนหมีตัวใหญ่ให้ลูกสาวที่กำลังตาโตตื่นเต้นกับภาพที่จะได้เห็น
“โอ้โห คุณพ่อเก่งจังเลยค่ะ แป๊บเดียวก็ได้คุณหมีตัวโตแล้ว”
“ฮ่าๆๆ เป็นไงล่ะ พ่อเก่งล่ะสิ งั้นพ่อตั้งชื่อให้หมีตัวนี้ดีกว่านะ เอาชื่ออะไรดีน้า อืมม”
“อืมมม” ฮีชอลน้อยเห็นผู้เป็นพ่อทำท่าคิด ก็ทำตามบ้างตามประสาเด็ก
“ได้แล้ว ชื่อคังอินดีกว่าเนอะฮีชอล”
“คังอินๆๆๆๆ ชื่อเหมือนคุณอาคังอินเลย”
“ช่างมันลูก มันคนละตัวกัน นั่นมันหมีเถื่อน”
“คุณอาคังอินหล่อจะตายไป” เด็กน้อยทำหน้าสงสัยจนคนเป็นพ่อ
เริ่มจะเหนื่อย ก็ช่วยไม่ได้ที่เขามีลูกวัยกำลังจะรู้เรื่อง แต่พอเอาเข้าจริงฮีชอลก็เด็ก
มากเกินกว่าจะพูดรู้เรื่องในบางเรื่อง
“แต่ฮีชอลชอบชื่อนี้จังเลย อยากได้คังอินตัวเป็นๆจังเลยค่ะคุณพ่อ”
ตากลมแป๋วอ้อนพ่อตัวเองจนคนถูกอ้อนต้องรีบรับปาก
“โอเค งั้นไว้พ่อว่างเมื่อไหร่จะไปหาเจ้าคังอินตัวใหญ่มาให้นะ”
“เย้ๆๆๆ ฮีชอลรักคุณพ่อที่สุดเล้ย!” ร่างเล็กกระโดดกอดผู้เป็นพ่อเสียแน่น ชายหนุ่มก็อุ้มลูกสาวตัวน้อยเหวี่ยงไปมาเบาๆ ทั้งพ่อทั้งลูกสุขสันต์กันเสียนี่กระไร พี่เลี้ยงสาวส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู
“อ๊ะ คุณป้าฮันนี่กลับมาแล้ว” ฮีชอลน้อยกระโดดออกจากอ้อมอกซีวอนเข้าหาคนที่มาถึง ฮันคยองยิ้มกว้างแล้วย่อตัวลงอ้าแขนรับหลานสาวตัวน้อย คิดแล้วก็เหนื่อยใจ เขาเป็นผู้ชายนะแต่เจ้าตัวเล็กดันเรียกแต่ป้าๆอย่างเดียว แถมยังต้องกลายเป็นป้าฮันนี่ไปอีก .. คิดแล้วก็ตลกดี น้องชายมีลูกได้แล้วผู้ชายอย่างเขาก็กลายเป็นป้าไปเสียนี่
“ว่าไงจ๊ะ หนูน้อยฮีชอล” เสียงทุ้มของผู้ที่เดิมตามเข้ามาอีกคนร้องทักคุณหนูเล็กของบ้านที่เอาแต่กอดและอ้อนพี่ชายของแม่ตัวเองอยู่อย่างนั้น
“คุณอาคิบอมมี่ ไปเที่ยวกันมาเหรอคะ” ว่ากันว่าเด็กคิดแบบไหนก็พูดไปอย่างนั้น คิบอมอมยิ้มนิดๆยักไหล่หน่อยๆเหมือนจะบอกว่าก็ไม่เชิง หนูน้อยฮีชอลของคุณอาคิบอมก็ได้แต่หัวเราะคิกคัก แซวป้าฮันนี่ของตัวเองใหญ่ ฮันคยองก็ได้แต่ยิ้มตามน้ำไปไม่รู้จะพูดอะไร แต่เขาก็ไม่ลืมหรอกว่ามีใครอีกคนที่กำลังยืนดูอยู่
“อะแฮ่ม ..” เสียงกระแอมเบาๆพอให้ไม่น่าเกลียดดังขึ้น แต่ก็พอที่จะทำให้คนสองคนตรงนั้นได้ยินชัดเจน
“อ้าว หวัดดีซีวอน วันนี้อากาศดีนะ” คิมคิบอมแม้จะไม่พูดมาก แต่กับชเวซีวอนแล้วเขาไม่จำเป็นจะต้องไปเสียอารมณ์ด้วยเลยสักนิด
“อืม ก็ดี ว่าแต่มาทำไมล่ะ” เอาแล้วไง ใจจริงก็อยากจะพูดดีๆด้วยหรอกนะ แต่เห็นระริกระรี้มีความสุขกันดีแบบนี้เขาเองเห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ทุกคนที่ได้ยินต่างก็หยุดนิ่งไปตามๆกัน ก็วันนี้เพียงแค่ประโยคเดียว น้ำแข็งกับไฟก็ชนกันจนได้
“ก็พี่ฮันชวนมา อีกอย่างนี่ก็บ้านเพื่อนฉันทำไมจะมาไม่ได้ ฉันมาหาดงแฮ”
“งั้นเหรอ เดี๋ยวก็พี่เดี๋ยวก็น้อง ไม่ว่างเลยนะนายน่ะ” ร่างสูงว่าแล้วก็เดินลากขาไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่นอย่างสบายอารมณ์โดยลืมไปด้วยซ้ำว่ามีคนอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ ฮีชอลไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่พูดกันแต่ฮันคยองที่นั่งย่อตัวอยู่ข้างหลานก็ได้แต่บอกว่าไม่มีอะไร คิบอมกำมือแน่น มันจะมากไปแล้วนะ ว่าเขาไม่เท่าไหร่แต่นี่มันดูถูกอีกสองคนที่กำลังพาดพิงชัดๆ
.. เพราะเห็นแก่พี่ฮันและนายหรอกนะดงแฮ อีกอย่างฉันไม่อยากให้เด็กตัวเล็กๆ
ต้องมาเห็นว่าพ่อตัวเองมันทำอะไรไว้บ้าง
ครู่เดียวคิบอมก็ปรับอารมณ์ให้เหมือนเดิมทันที ฮันคยองที่เฝ้ามองอยู่ก็ได้แต่นิ่งอยู่แบบนั้น ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องพูด
.. เหมือนไม่มีตัวตนมาตั้งแต่แรก ที่นายพูดไปเพราะไม่เห็นฉันหรือเพราะไม่คิดว่า
มีฉันอยู่แล้วตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมซีวอน
ใบหน้าที่เศร้าสร้อยแม้จะยิ้มสักเพียงใด .. ยังไงคนที่เฝ้ามองอยู่ก็ดูออก
ในห้องกว้างห้องเดิมภายในชั้นบนของบ้าน ประตูได้ถูกเปิดออกโดยคนทั้งสองที่เพิ่งเข้ามาเพียงเพื่อจะมาดูว่าคนข้างในอาการเป็นอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า ประตูห้องน้ำก็เปิดอยู่ ส่วนผ้าปูที่นอนที่ยับย่นอยู่บนเตียงไม่ได้เป็นที่สนใจต่อสายตาคนทั้งสองเลยเมื่อสิ่งที่น่าสนใจกว่ากลับกลายเป็นผ้าม่านสีขาวลายลูกไม้ผืนยาวที่ปลิวสะบัดเอื่อยๆไปตามแรงลมตรงหน้าต่างบานใสที่ถูกเปิดกว้าง
ออกตรงระเบียงทั้งที่อากาศก็ออกจะเย็นไม่น้อย
“ดงแฮ ..” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน โดยไม่ต้องเอ่ยปากก็ต่างรู้กันว่าต่างฝ่ายต่างก็คิดเหมือนกัน ขาสองคู่วิ่งตรงไปที่ระเบียงอย่างรวดเร็วพร้อมหัวใจที่แทบจะหล่นมาที่ตาตุ่มของคนเป็นพี่ เพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่สมองมันคิดไปในทางร้ายๆโดยไม่ได้ตั้งใจ คิบอมและฮันคยองชะโงกหน้าออกไปที่ระเบียงทันทีที่มาถึง แต่แล้วไม่รู้จะดีใจหรือไม่เมื่อพบแต่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม
“ดงแฮ ดงแฮอยู่ไหนคิบอม เค้าไม่ได้กระโดดลงไปใช่ไหม” ฮันคยองหันมาถามอย่างร้อนรน ก็ไหนซีวอนบอกว่านอนอยู่ แล้วสภาพแบบนี้ อากาศเย็นๆแบบนี้ หน้าต่างก็เปิดเอาไว้อีกไว้ คนเป็นไข้ที่ไหนเค้าทำกัน ว่าแล้วก็หันเตรียมออกไปหาน้องตัวเองต่อแต่ถูกคนข้างๆดึงไว้ได้ทัน
“เดี๋ยวครับ พี่ใจเย็นนะ ใจเย็นๆ เค้าอาจลงไปข้างล่างก็ได้” คิบอมบอกพลางพยายามไม่คิดอะไปตามฮันคยอง สงสัยว่าดงแฮคงไม่อยู่ในห้องนี้มากกว่า
“ไม่ได้หรอก พี่จะไปหาดงแฮ นี่มันแปลกแล้วคิบอมเค้าไม่เคยไปไหนไม่บอก อีกอย่างซีวอนบอกว่าอยู่ในห้องนี่นา นอนหลับ เป็นไข้ แล้ว แล้ว ..” ท่าทีร้อนรนแบบนี้เล่นเอาอีกคนแทบบ้า ถึงคิบอมจะห่วงดงแฮแค่ไหนแต่ตอนนี้ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างมีหวังคนตรงหน้าเขาได้เป็นลมไปก่อนแน่
“พี่ใจเย็นๆ..”
“ไม่ๆๆ ปล่อยพี่นะ ...” ฮันคยองขัดขืนดึงตัวเองออกจากการถูกดึงไว้จนร่างสูงไม่รู้จะทำยังไง สองแขนแกร่งดึงรวบร่างบางเข้ามากอดไว้แน่นจนหยุดดิ้น
“เชื่อผมนะ พี่ใจเย็นก่อน ดงแฮไม่อยู่คือไม่เป็นไร เขาไม่ได้ตกลงไปหรือคิดสั้นอย่างที่เราคิดหรอก” น้ำเสียงอ่อนโยนข้างใบหูค่อยๆอธิบายให้คนในอ้อมแขนฟังเพื่อให้ใจเย็นลง ฮันคยองยกแขนขึ้นกอดแผ่นหลังกว้างนั่นช้าๆ น้ำตาเริ่มจะไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เขารู้ดีว่าที่อีกฝ่ายพูดมานั้นถูกหมด แต่ตัวเองเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ ราวกับเรื่องที่ปิดบังเอาไว้นั้นพร้อมจะถูกดงแฮรู้ตลอดเวลา
พอมีอะไรที่ผิดแปลกน่าตกใจขึ้นก็จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ โดยเฉพาะกับน้องชายที่รักแสนรักดั่งดวงใจ
“ทำอะไรน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างสูงของซีวอนตรงปรี่เข้ามากระชากแขนของฮันคยองออกจากอ้อมกอดนั้นทันที ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่แบบไม่ทันตั้งตัว สองมือตรงเข้ากระชากคอเสื้อคิบอมเอาไว้แน่น แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น
“เลิกทะเลาะกันเป็นเด็กได้แล้ว !” ประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ปรากฏร่างของคนที่กำลังถูกตามหา ร่างบางยืนอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว มือที่กำลังขยับผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดเส้นผมที่เปียกอยู่หยุดค้างนิ่งเพราะภาพตรงหน้า
“ดงแฮ ..” คิบอมร้องเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ซีวอนผลักคิบอมออกทันที
“พวกนาย
.. อยู่เฉยๆแบบไม่รู้เหมือนเดิมดีกว่านะดงแฮ
คนทั้งสองที่ถูกถามก็ได้แต่มองหน้ากัน ก่อนจะหันหนีแล้วเงียบไป
“ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” ว่าแล้วก็เดินเข้ามาใกล้กว่าเดิมแต่ทันทีก็ดันถูกว่ากลับ
“ใครใช้ให้เธอไปอาบน้ำกัน แล้วนี่สระผมทำไม” ซีวอนว่าให้ ไม่เข้าใจว่าเป็นไข้แล้วยังไปสระผมอีกทำไม มันจะดื้อเกินไปแล้วนะ
“นั่นสิ นายตัวยุ่ง .. เป็นไข้แล้วไม่เจียมนะนายน่ะ” คิบอมว่าแล้วก็ยกมือขึ้นยีหัวเปียกๆของคนตรงหน้าไปแรงๆ ดงแฮร้องขึ้นทันทีกับที่ซีวอนคว้าตัวเข้าไปกอดไว้แนบอก
“ปล่อยเลยนะแก ใครใช้ให้แตะ” ซีวอนมองหน้าคิบอมอย่างหาเรื่อง
โทษฐานมายุ่งกับคนๆนี้
“ทำไม ไม่เห็นเป็นไรเลย หอมแก้มก็เคยนะ” หนุ่มหน้าตี๋เอ่ยล้อเลียนจน
ซีวอนแทบจะเข้าไปสั่งสอนให้รู้เรื่องกันไป แต่ก็ถูกดึงเอาไว้ก่อนอีกนั่นแหละ
“ไม่เอานะซีวอน พอแล้ว!” ดวงตากลมส่งสายตาดุมาให้ เขาเลยได้แต่ยืนเจ็บแค้นในขณะที่ดงแฮและคิบอมก็เริ่มหัวเราะกันออกมา .. คนสามคนกับมิตรภาพ
.. เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้มาตลอดเลยพวกนายน่ะ แย่งกันจีบคนน่ารักไม่เว้นว่าง
ภาพที่เห็นทำให้คนที่เงียบมาตลอดเวลากำลังจะเดินออกไปจากห้องไปหลังจากที่เบาใจเรื่องน้องชายแล้ว อีกอย่างอยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร
“พี่ฮันจะไปไหนน่ะ” เสียงหวานร้องถามพี่ชายพลางคว้าข้อมือบางเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“พี่ว่านายน่ะไปแต่งตัวไป เดี๋ยวเป็นหวัดเปล่าๆ” แต่น้องชายก็ได้แต่ทำหน้างง ก็ถามอีกอย่างแต่คนเป็นพี่กลับพูดอีกอย่าง
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปแต่งตัวก่อนแล้วเดี๋ยวลงไปหานะ”
“อืม แล้วนี่หายไปไหนฮะ พี่เป็นห่วงนะ” ฮันคยองถามน้ำเสียงจริงจัง แล้วดงแฮและซีวอนก็สังเกตเห็นคราบน้ำตาของคนที่กำลังพูดได้ชัดเจน ซีวอนหันหน้าไปหาคิบอมเป็นเชิงต่อว่าว่าอีกฝ่ายทำอะไรฮันคยองถึงร้องไห้
“พี่ร้องไห้ .. ทำไม”
“ไม่ได้ร้อง แล้วนายยังไม่ได้บอกพี่เลยนะ อาบน้ำที่นี่ไม่ได้รึไง แล้วหน้าต่างเปิดไว้ทำไมยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย อากาศแบบนี้พี่บอกกี่หนแล้ว ข้างนอกมันเย็นน่าจะนอนพักนะ” คนเป็นพี่รัวคำถามมาแบบนี้มีหรือที่คนถูกถามจะตอบได้ทีเดียว
“ผมก็แค่ตื่นมาแล้วมันเบื่อ เลยลุกมาเปิดหน้าต่างรับลมเสียหน่อย อากาศมันร้อนเลยจะอาบน้ำแต่ฝักบัวที่ห้องก็ดันพังเอาซะตอนนั้น ผมเลยออกไปอาบอีกห้องมาน่ะ ไว้เดี๋ยวให้ลุงซางฮยอนมาดูให้พรุ่งนี้แล้วกัน” เมื่ออธิบายอย่างสบายอารมณ์แล้วคนเป็นพี่ก็เบาใจ ก็เล่นทำตามใจตัวเองแบบนี้คงไม่มีใครไปห้ามได้แน่
“ก็พี่เป็นห่วง ไม่มีพ่อกับแม่แล้วคนที่จะดูแลนายก็มีแค่พี่นะดงแฮ”
แล้วฮันคยองก็เดินออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียงคนสามคนในห้อง
.. พี่ไม่อยากเป็นห่วงมาก เพราะคนอื่นก็ห่วงนายกันอยู่แล้ว
..แล้วฉันก็ไม่เข้าใจนายเลยซีวอน ว่าที่ทำไปแบบนั้นเพราะหวงฉันหรือหวงของเล่นของนายกันแน่
ฮันคยองเดินใจลอยออกมาจากห้องที่มีคนททั้งสามอยู่ด้วยกัน หัวใจดวงเดิมเต้นเบาๆตามจังหวะความรู้สึกที่มันเหนื่อยลงทุกที
“เดินดีๆสิ ทำเป็นคนแก่ไปได้” เสียงของคนที่เดินตามหลังมาทำเอาห้วงความคิดที่หมองเศร้าทั้งหมดหายไป
“ใครแก่ พี่ยังแข็งแรงอยู่เลยนะ”
“นั่นไง พูดเหมือนคนแก่อีกแล้ว”
“สนุกนักนะนาย” จากที่กำลังเศร้า พอเจอใบหน้ากวนๆกับอารมณ์ดีๆแบบนี้ก็ ฮันคยองเลยอดไม่ได้จะยิ้มออกมา
“ผมล้อเล่นน่า พี่น่ะน่ารักจะตายไป”
“เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าพี่ไม่แก่ซักหน่อย”
“อันนี้ผมก็ล้อเล่นอีกเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ถอยตัวออกห่างทันทีเมื่อมือบางวาดออกมาจะตีเขาเข้าให้
“บ้า ...”
“ฮะฮะ ถึงบ้าก็บ้ารักนั่นแหละ” คิบอมยิ้มยียวนปล่อยคำพูดกวนๆออกมาทิ้งท้าย ฮันคยองทำตาโตใส่อย่างไม่คิดจะเชื่อผู้ชายคนนี้ที่พูดแล้วก็กำลังเดินผ่านเขาไป แต่ก็มิวายจะหันหน้ากลับมาหาอีกครั้ง
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ บาย” คนที่ยืนอยู่เห็นแล้วก็ยิ้มกว้างพลางส่ายหัวไปมากับพฤติกรรมทีเล่นทีจริงของผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอีกคนที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กเมื่อวานซืนในเวลาที่เขากำลังกลุ้มใจ
.. แค่นี้พี่ก็สนุกมากแล้วล่ะคิบอม
ฮันคยองเดินมานั่งลงที่โซฟาข้างกับหลานสาวที่ผล็อยหลับไปบนโซฟาในห้องรับแขกโดยมีพี่เลี้ยงอยู่ข้างๆ
“ฮีชอลหลับนานแล้วเหรอซูยอง” ฮันคยองถามพี่เลี้ยงสาว
“ค่ะคุณฮันคยอง คุณหนูฮีชอลไปวิ่งเล่นที่สวนด้านนอกมาเลยคงจะเหนื่อยตามประสาเด็ก”
“แต่ดูท่าทางเธอก็เหนื่อยนะซูยอง” ฮันคยองพูดแซวพี่เลี้ยงสาวที่ใบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมาให้เห็นได้ชัด
“ก็จะปล่อยให้คุณหนูวิ่งเล่นคนเดียวได้ไงล่ะคะ เลยต้องวิ่งตามแกไปด้วย” ซูยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อยามมองไปที่เด็กน้อย
“ดงแฮก็ไม่ค่อยสบาย ..ทุกอย่างมัน” ที่พูดไปมันสะท้อนกลับมาที่ใจอีกครั้ง อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าไม่ใช่เพราะตัวเอง ครอบครัวของซีวอนและดงแฮก็คงไม่เป็นอย่างนี้
“ทุกอย่าง ทำไมเหรอคะ” ซูยองถามเมื่อเห็นว่าเจ้านายดูแปลกไป
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
คิบอมเดินออกมาจากบ้านแล้ว ยิ้มที่ค้างอยู่ค่อยๆหุบลงเมื่อยามอยู่คนเดียว ร่างสูงเปิดประตูรถออกอย่างเชื่องช้า
.. ผมทำแบบนี้ดีแล้วใช่ไหม ถึงไม่ได้อยู่ในหัวใจหรือแม้แต่สายตา
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือทำให้พี่หัวเราะ .. แค่นั้นก็ดีถมไปกับคนที่ใจมันไม่รักดีแบบผม ..
“ซีวอน ซีวอน..” เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ซีวอนหันหน้ากลับมาที่ห้องขณะที่ตัวเขากำลังยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงในยามค่ำคืน
“อาบน้ำแล้วเหรอ”
“อื้ม แล้วไม่หนาวเหรอมายืนแบบนี้” ดงแฮตรงเข้ามาถามพลางกระชับเสื้อคลุมนอนเข้าหาตัวเองมากขึ้น ซีวอนเห็นอย่างนั้นก็พลอยห่วงมากขึ้นไปอีก
“ไม่หรอก ว่าแต่เธอน่ะไปนอนเถอะ แล้วอย่าลืมกินยาล่ะ” ร่างสูงว่าแล้ว
ก็จูงมือเล็กให้เดินเข้าไปในห้องพร้อมทั้งจัดแจงเตรียมยาแก้ไข้ตามที่หมอสั่งไว้ออกมาให้คนป่วยที่ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ
“เมื่อกี้เป็นอะไรกัน เพราะอะไร” จู่ๆก็ถามขึ้นแบบนี้มีหรือทีซีวอนจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องเขากับคิบอมเมื่อก่อนหน้านี้
“ฉันกับมันแค่เล่นๆกัน” เมื่อเทน้ำลงเต็มแก้วแล้วก็ขยับมานั่งลงข้างๆคนรักบ้าง
“งั้นเหรอ แล้วพี่ฮันล่ะ ร้องไห้ทำไม”
“ดูไม่ออกเหรอ เพราะห่วงนายล่ะมั้ง” ว่าไปอย่างนั้นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันคือความจริง และแม้แต่ตัวเองในเวลานั้นก็ยอมรับว่าหึงหวงฮันคยองไม่น้อย
“งั้นเหรอ ..” เสียงคนฟังเอ่ยขึ้นเบาๆอย่างว่าง่ายโดยที่มีท่าทีไม่คิดอะไร
“อืม ช่างมันเหอะ เธอเองก็กินยาแล้วนอนได้เลยนะ ไม่ต้องรอให้ค่ำกว่านี้หรอก พักผ่อนมากๆแล้วเดี๋ยวฉันขึ้นมา จะลงไปดูลูกก่อนเพราะก่อนขึ้นมาหาเธอก็กำลังเล่นกับฮีชอลอยู่เลย”
“นั่นสินะ รีบลงไปเถอะ แต่ฉันว่าเงียบไปแล้วแบบนี้คงหลับแล้วมั้ง” ว่าแล้วดงแฮก็ยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงคนน่ารัก นางฟ้าตัวน้อยแสนซนของเขา แต่อีกอย่างที่ยิ้มเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้ว่าในใจของเขามันกำลังร้องไห้ และเมื่อซีวอนลงไปที่ห้องรับแขกแล้ว ดงแฮก็อดไม่ได้ที่จะแอบเดินลงไปดูว่าเป็นอย่างที่คิดไหม แล้วมันกใช่อย่างไม่ต้องสงสัย ภาพของร่างสูงที่เดินลงบันไดแล้วตรงไปที่โซฟา
โซฟาตัวนุ่มที่ลูกสาวของเขานอนอยู่ และข้างๆก็มีอีกคนนั่งอยู่ .. คนที่เป็นพี่ชายของตัวเอง แต่ก่อนที่จะเห็นไปมากกว่านั้นก็ต้องรีบเดินกลับขึ้นห้องมาก่อนเพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก ทั้งที่เพิ่งบอกว่าห่วง ทั้งที่เพิ่งอยู่ด้วยกัน
.. ทุกวันนี้ที่ฉันไม่เหลือความไว้ใจให้นาย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยากจากไปไหน เพราะรักอย่างนั้นหรือ คนเราถึงได้โง่อย่างที่ฉันกำลังเป็นอยู่ .. แล้วหากถึงวันที่ฉันฉลาดขึ้นมาล่ะ นายจะทำยังไงซีวอน
แม้จะเหมือนคนที่ไม่รู้อะไรเลย หรือแม้แต่เรื่องเมื่อกลางวันที่ต้องแสร้งไม่รู้อะไรสักนิด แท้ที่จริงแล้วดงแฮรับรู้อยู่เต็มหัวใจ แล้วเมื่อไหร่ที่ความอดทนของตัวเองจะหมด และหากวันนั้นมาถึง เขาจะกล้าตัดหัวใจตัวเองทิ้งได้อย่างนั้นหรือ ..
.
.
.
Tbc. Chapter 3
ความคิดเห็น