คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Make me blind , make me cry. (2)
[SF] Make me blind , make me cry.
Pairing : Kai x Baekhyun
Rate : PG-13
Author : Gornhai (gorn_dbsk)
- Part 2 -
ยามเช้าที่ยังเหน็บหนาวไร้ซึ่งแสงแดดอันแสนอบอุ่น ดั่งใจดวงนี้ที่อบอุ่นได้เพียงแค่ข้ามคืน กับคนที่ไม่ใช่ของตัวเอง มันก็ได้แค่นี้ล่ะนะ
พยอนแพคฮยอนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าที่ยังไม่สว่างดีเท่าไหร่นัก ที่นอนข้างกายยังอุ่นอยู่แต่ความว่างเปล่าตรงนั้นกลับทำให้รู้สึกหนาว
เค้าไปแล้วสินะ
จงอินคงออกไปนานแล้ว เป็นธรรมดาที่ได้ระบายก็จากไป ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ต่อ แพคฮยอนลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงไม่ขยับไปไหน ร่างขาวเนียนกำลังนั่งหน้าเศร้าท่ามกลางผ้าห่มที่พาดอยู่เพียงแค่ลำตัว เรียวขาขาวถดเข้าหาร่างกายเหมือนจะปลอบใจตัวเองในยามที่ต้องอยู่คนเดียว
แต่แล้วเสียงประตูห้องน้ำที่ผลักออกมาของใครบางคนก็ทำให้เขาต้องหันไปมอง แพคฮยอนสะดุ้งเบาๆเพราะไม่นึกว่าจงอินจะยังอยู่
“ตกใจอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทั้งที่ยังอยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างเอาไว้ คนที่มองอยู่พร้อมด้วยน้ำตาปริ่มๆเลยรีบเบือนหน้าหนี
“ผม .. คิดว่าคุณไปแล้วซะอีก”
“หึ อยากให้ไปมากก็บอกก่อนสิ วันหลังจะได้รีบกลับ” ว่าแล้วจงอินก็ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าของเขาอยู่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เป็นอย่างนี้ เพราะปกติถ้ามาค้างหรือเมาไม่รู้เรื่อง หรือแม้แต่อยากแวะมา เขาก็สามารถจัดการตัวเองที่ได้ตามต้องการ
แพคฮยอนมองอีกฝ่ายแต่งตัวไปโดยไม่พูดอะไร บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าสภาพแบบนี้หากว่าไม่ใช่เขากับจงอิน หากว่าเป็นคนอื่น หากว่าเป็นไปได้
แบบนี้มันเหมือนกับ ...
.. บ้าไปแล้ว แพคฮยอนคงกำลังฝันกลางวันมากกว่า
แม้มันจะคล้าย หากแต่ความจริงกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะในความเป็นจริง เขาต่างหากล่ะที่กำลังคบอยู่กับคนรักของคนอื่น
ร่างสูงของจงอินในชุดทำงานที่กำลังยืนจัดปกเสื้อของตัวเองอยู่หน้ากระจกนั้นรู้ตัวดีว่าถูกสายตาของใครอีก
คนจ้องมองอยู่ แพคฮยอนมองเขาอยู่เงียบๆขณะที่ตัวเองยังไม่ลุกไปไหนเลย ใบหน้าขาวใสต้องได้ขึ้นสีเพราะคนที่เขามองอยู่กลับเงยหน้าสบตากันในกระจกอย่างไม่ให้ตั้งตัว
“ทำไม มองอยู่นั่นแหละ หรือว่าอยากต่ออีกรอบ”
เอาอีกแล้วสิ ผู้ชายคนนี้มีดีแค่พูดให้เขาอยากจะร้องไห้ ทั้งที่แพคฮยอนทำหน้าไม่ถูก แต่จงอินกลับยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าคมหันกลับมามองกันตรงๆโดยที่มือข้างหนึ่งยังขยับจับเนกไทด์ของตัวเองไปมาอยู่อย่างเดิม
สายตาเจ้าเล่ห์มองไล่ไปตามเรียวขาที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาออกมา ทำเอาเจ้าของมันต้องรีบดึงขาตัวเองมาหลบใต้ผ้าห่มให้พ้นสายตานั่น แพคฮยอนไม่ค่อยพอใจนักที่ตัวเองจะต้องถูกลวนลามได้ทุกเวลาแม้แต่ด้วยสายตาก็ตามที
“ไม่ไปอาบน้ำล่ะเจ้าหมาน้อย หรือว่าอยากจะ....”
“เปล่าครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ได้ผลทันตาเห็น ความเศร้าสร้อยหายไปแล้วแทนที่ด้วยสายตาหวาดระแวง จงอินยกยิ้มมุมปากอย่างเคยเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังรีบคว้าเอาเสื้อคลุมที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาใส่อย่างก
ลัวเหลือเกินว่าเขาจะเห็นอะไร
โธ่เอ๋ย .. ก็เห็นกันมาหมดแล้วนี่พยอนแพคฮยอน
ไม่ทันที่แพคฮยอนจะวิ่งพรวดพราดเข้าห้องน้ำไป จู่ๆเสียงออดในบ้านก็ดังขึ้น ร่างเล็กของเจ้าของบ้านเลยได้แต่ขมวดคิ้ว ก่อนจะชะโงกหน้าลงไปดูว่าใครกันที่มากดกริ่งแต่เช้า
“ชานยอล...” แพคฮยอนครางชื่อของอีกฝ่ายออกมาเบาๆจนคนที่มองอยู่ชักสงสัย
“ใคร” จงอินถามคำเดียวตรงๆ และนั่นก็ไม่ต่างกับคำสั่งที่บังคับว่าต้องตอบ
“เพื่อนสมัยเรียนน่ะครับ บ้านเค้าอยู่แถวนี้”
“งั้นเหรอ”
“ครับ .. งั้นเดี๋ยวขอเวลาสักครู่นะครับ”
“ฉันให้ห้านาที อย่าให้ต้องรอล่ะ” จงอินสั่งตรงๆ แล้วแพคฮยอนก็วิ่งลงบันไดไปยังหน้าบ้านทันที
ร่างเล็กดึงประตูรั้วให้เปิดออกครึ่งหนึ่งเพื่อจะได้พบกับอีกคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ปาร์คชานยอลคุณชายของบ้านหลังใหญ่ที่ถัดไปไม่ไกลนักส่งยิ้มมาให้พร้อมกับถุงขนมลายน่ารักในมือ
“วันนี้ไม่ไปทำงานรึไงคุณพยอนแพคฮยอน” ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเอาแต่ใจ ทั้งที่คำถามนั้นก็รู้คำตอบดี ร่างสูงโปร่งไล่สายตาไปกับคนตัวเล็กในชุดคลุมนั่นแค่นิดหน่อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดตามปกติ
“ว่าไงล่ะ โดดงานรึไง”
“ใครว่าล่ะ ไม่ไปก็คงถูกไล่ออกน่ะสิ” ว่าแล้วก็รับถุงขนมนั้นมาถือเอาไว้ ชานยอลไม่ว่าอะไรกับคำพูดยียวนกลับมา เพราะเขาเองที่เริ่มก่อน ใบหน้าหล่อเหลาชะงักไปเมื่อชะเง้อไปเจอกับรถคันที่เขาไม่คุ้น ซึ่งใช่ว่าจะจำไม่ได้
“รถใครน่ะ เห็นมาบ่อยๆ”
“หืม .. อ๋อ รถเจ้านายฉันเอง ก็เรื่อยๆน่ะ”
“เรื่อยๆอะไร มาบ่อยจะตายไป” จู่ๆชานยอลก็ทำหน้าและน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจขึ้นมา แพคฮยอนเลยก้มหน้ากลบเกลื่อนไปอย่างเคย เขาไม่อยากให้คนอื่นมาถามเรื่องอย่างนี้นักหรอก
“ก็มาเรื่องงาน ประจำแหละ”
“’งั้นเหรอ .. งานอะไรจะยุ่งนักหนา กับแค่เลขาต้องมาดึกดื่นทุกวันเลยรึไง”
“อะไรเล่าชานยอล!! คุณจงอินเค้าไม่ได้มาทุกวันซะหน่อย”
“แล้วทำไมต้องขึ้นเสียง ฉันยังไม่ได้ว่าอะไร ร้อนตัวจริงนะ”
เอาแล้วไง คุณชายปาร์คชานยอลคนนี้ไม่มีความอดทนแล้วสินะ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังอดทนกับความรู้สึกของตัวเองได้ อุตส่าห์เก็บไว้เสียเนิ่นนาน จู่ๆพอจะมีคนตัดหน้าไป ใครล่ะจะยังอารมณ์ดี
ภาพของคนทั้งคู่ที่ยืนคุยกันนั้นกำลังอยู่ในสายตาของใครอีกคนซึ่งยืนมองลงมาจากระเบียงห้องนอน จงอินถอนหายใจแรงๆอย่างขัดใจขึ้นมา เขายืนกอดอกรอเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะรีบกลับขึ้นมา ไม่นึกว่าจะกล้าขัดคำสั่งของเขาแล้วยังไปยืนยิ้มกับผู้ชายคนนั้นให้มากเรื่องอีก
“หึ .. วุ่นวายจริงนะพยอนแพคฮยอน”
ว่าแล้วร่างสูงก็หันกลับออกไปจากห้องนอนห้องนี้แทบจะในทันที
“อะไรอีกล่ะชานยอล ฉันต้องรีบไปทำงานนะ” แพคฮยอนพยายามจะขอตัวเมื่อคนตรงหน้าเริ่มจะหาเรื่องให้เขารู้สึกอึดอัด ซึ่งอันที่จริงแล้วชานยอลแค่หงุดหงิดใจต่างหาก
“แล้วจะให้ฉันคิดยังไงล่ะ เจ้านายที่ไหนมาหาดึกดื่นตั้งหลายครั้งหลายหน แล้วยังอยู่ถึงเช้าอีก”
“ก็ .. ก็ บอกแล้วไงว่างาน” แพคฮยอนเริ่มไม่กล้าจะสบตาชานยอล ใบหน้าของคนโกหกเลยได้แต่ก้มมองพื้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
“งานอะไรล่ะ คิดว่าฉันไม่รู้รึไง” จู่ๆชานยอลก็ตรงเข้าจับที่แขนของแพคฮยอนอย่างคนจะเอาคำตอบให้ได้ ร่างเล็กเซถอยหลังไปอย่างไม่ได้ตั้งตัว
“ปล่อยฉันนะ นายจะเอาอะไรล่ะ บอกว่างานก็งานสิ”
“ก็ถ้ามันไม่ใช่ล่ะ”
“ก็ถ้าไม่ใช่แล้วนายจะทำไมเล่า” แพคฮยอนทนไม่ไหวเลยถามออกไปตรงๆบ้าง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าให้เขากลับต้องรู้สึกผิด ชานยอลยังไม่ยอมปล่อย เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้และกำลังจะพูดอะไรออกมาอีก แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นของใครอีกคน
“นั่นน่ะสิ ถ้าไม่ใช่แล้วคุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นขัดทำให้ทั้งสองต้องหันไปมองร่างสูงที่เดินออกมาช้าๆอย่างไม่รีบร้อนอะไร จงอินทำราวกับอารมณ์ดีทั้งที่ในใจกำลังเดือดอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่นัก
“คุณจงอิน...” แพคฮยอนเอ่ยเบาๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะตรงเข้ามาหา ชานยอลที่ยังไม่ยอมปล่อยมือทำให้จงอินตัดสินใจรั้งร่างของคนตัวเล็กให้หลุดออกมาอยู่ในวงแขนของเขาแทน คนที่เป็นฝ่ายเงียบในฐานะคนกลางแล้วจึงได้เพียงแค่มองคนทั้งสองสลับกันไปมา สายตาของจงอินมันนิ่งมากจนแพคฮยอนกลัว
“เอ่อ .. คุณจงอินครับ นี่ชานยอลเพื่อนผม ส่วนนี่.. ” แพคฮยอนยังไม่ทันจะได้พูดสิ่งที่ตั้งใจจบก็ถูกจงอินยกมือขึ้นห้ามเสียแล้ว ทั้งที่เขาพยายามจะทำให้บรรยากาศดีขึ้นแล้วแท้ๆเชียว แต่ในสายตาคนทั้งคู่มันคงแค่เรื่องเล็ก
“คุณสินะเจ้านายแพคฮยอน.. อย่าใช้งานเค้าจนเหนื่อยล่ะ” ชานยอลเอ่ยขึ้นมาก่อน
“อย่าห่วงเลย ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่ะ ..เพราะเพื่อนคุณเค้าไม่เคยบ่นซักคำว่าเหนื่อย” ประโยคธรรมดาหากแต่คนฟังกลับได้แต่ยืนกำมือ สายตาท้าทายของคนพูดนั้นแทนความหมายอะไรหลายอย่างได้ดี
จงอินรั้งแขนดึงให้แพคฮยอนเข้ามาใกล้กว่าเดิมเพื่อกระซิบอะไรบางอย่าง
“ฉันเลทให้มากแล้วนะ อย่าให้ต้องเสียอารมณ์ไปมากกว่านี้” ว่าแล้วจงอินก็ปล่อยมือจากแพคฮยอนแล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่แคร์เรื่องมารยาทแม้แต่นิด เขาปล่อยให้เจ้าของบ้านยืนเก้อๆอยู่กับใครอีกคนที่เอาแต่มองด้วยความไม่พอใจ
แล้วจงอินก็คิดไม่ผิด แค่เขาก้าวมาได้ไม่กี่ก้าวอีกฝ่ายก็วิ่งตามหลังมาเสียแล้ว
พยอนแพคฮยอนคนนี้ก็แบบนี้ล่ะนะ เจ้าตัวก็รู้ดี แต่ก็เต็มใจทำ
.. ผมก็ทำตามที่คุณต้องการได้ตลอดอยู่แล้วนี่ ต่อให้ไม่มีความหมายอะไรก็ช่าง
-----------
ตั้งแต่ออกจากบ้านมาอยู่ที่ทำงาน ตั้งแต่ตอนนั้นจงอินก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับแพคฮยอนอีก ทำให้หัวใจดวงน้อยเริ่มห่อเหี่ยวอย่างไม่มีเหตุผล ไม่สิ .. นี่ล่ะเหตุผล คิมจงอินคือเหตุผลทั้งหมดของพยอนแพคฮยอน
ภายในห้องทำงานยามสายที่ความวุ่นวายเพิ่งหายไปได้ไม่นาน คนเป็นเลขาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีไม่มีบกพร่อง แพคฮยอนหอบแฟ้มขนาดใหญ่เข้าออกห้องของจงอินหลายรอบได้แล้วตั้งแต่เช้า ร่างเล็กไม่มีท่าทีเหนื่อยหน่ายอะไรนอกจากหอบน้อยๆเพราะความล้าเป็นบางครั้ง แม้ในใจกำลังว้าวุ่นแต่เขาก็ไม่ได้แสดงอะไรออกไปให้คนเป็นเจ้านายรำคาญใจแม้แต่นิด
หารู้ไม่ว่าทุกอย่างที่ตัวเองทำไปนั้นล้วนแต่อยู่ในสายตาของคนที่นั่งมองอยู่ตลอดเวลา
จงอินลุกขึ้นยืนทำให้แพคฮยอนเงยหน้าจากแฟ้มหนึ่งที่วางบนโต๊ะขึ้นมามองอย่างสงสัย ไม่ทันจะได้ถามอะไรออกไปตัวเองก็กลายเป็นเป้าหมายของอีกฝ่ายเสียแล้ว
“จะทำอะไรน่ะ คุณ ...” แพคฮยอนไม่ทันจะได้ตั้งตัวอีกแล้วสิ จงอินเข้ามายืนตรงหน้าแพคฮยอนเสียจนชิด ดวงตานิ่งๆคู่เดิมทอดมองลงมาสบตากันอย่างไม่ได้นึกเลยว่าคนถูกจ้องจะรู้สึกอะไรยังไง
“คุณจงอิน .. มีอะไรรึเปล่า คุณโกรธผมเรื่องอะไรก็บอกมาสิ” แพคฮยอนเริ่มจะทนไม่ไหวเลยเริ่มจะถามออกไปบ้าง สองขาที่หยัดยืนไม่ยอมถอยออกมากำลังสั่นอย่างยากจะปิดบัง เห็นอย่างนั้นจงอินก็ยิ่งได้ใจ ร่างสูงก้าวให้ร่างชิดกันจนแพคฮยอนต้องเปลี่ยนใจก้าวถอยไปหนึ่งก้าว
“อ่ะ เอ่อคุณจงอิน” แพคฮยอนทำตัวไม่ถูกเมื่อถุกรุกไล่เข้ามาอย่างนี้ ถ้าตามปกติแล้วเขาก็พอเข้าใจ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ จงอินไม่ได้กำลังต้องการร่างกายของเขาอย่างที่เคยทำ
“แพคฮยอน.. ต่อไปอย่าไปคุยกับมันอีกนะ”
“ว่าไงนะครับ คุณหมายถึง”
“หมอนั่นไงเล่า แค่นี้ไม่รู้รึไง” พูดจบมือข้างหนึ่งก็ถือคว้าเข้าที่เรียวแขนคนตรงหน้า แพคฮยอนรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีกตามเคย เขารู้ว่าจงอินอารมณ์ไม่ดี เพราะงั้นเงียบไว้คงดีที่สุด
“ผม ผมขอโทษ ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจคุณ ต่อไปผมจะพยายามไม่ทำอีก” แพคฮยอนละล่ำละลักพูดออกไปอย่างที่ใจคิด เขาไม่รู้หรอกว่าจงอินไม่พอใจอะไร อย่างมากก็คงแค่อารมณ์ของคนหวงของ
คิดถึงตรงนี้ความเจ็บก็แล่นปราดเข้ามาในใจอีกอย่างไม่รู้จักชินเสียที
.. แค่ของเล่นที่ไม่อยากแบ่งให้ใครก็เท่านั้น
--------------------
“ดีมาก ต่อไปก็อย่าทำอีก” จงอินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆพลางสบตากับแพคฮยอนอยู่พักใหญ่ ดวงตากลมที่จ้องกลับมานั้นเอ่ยไปด้วยน้ำตาจนคนมองต้องเบือนหน้าหนี เขาจึงรีบปล่อยมือออกจากแขนนั่น
“คุณ...” แพคฮยอนอยากจะถาม แต่ก็ได้แต่เงียบอย่างเก่า
“ทำไม สงสัยอะไรนักรึไงพยอนแพคฮยอน”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ไม่ทันแล้ว ปากปฏิเสธไปก่อนทั้งที่น้ำตามันร่วงลงมาอย่างห้ามไม่ทัน ใบหน้าหมองเศร้ารีบฝืนยิ้มก่อนที่จะก้มลงเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าอารมณ์เสียไปกว่าเก่า แต่สำหรับคนที่มองอยู่แล้ว มันกลับตรงข้าม .. อย่างเคย คิมจงอินที่ยังคงอารมณ์ไม่ดีก็ทำได้แค่อย่างเดิม เขามองตัวต้นเหตุของความหงุดหงิดก่อนจะเข้าไปประชิดร่างอีกครั้ง
จะให้บอกหรืออย่างไร ว่าผู้ชายคนนั้นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่ทั้งหมดที่เขากำลังคิดมากอีกฝ่ายคงไม่รู้เลยแม้แต่นิด
“เลิกร้องได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเสียแผ่วเบาห่างกับใบหูเพียงนิด และนั่นก็ทำให้คนที่ร้องไห้พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ แต่ยิ่งกลั้นก็ยิ่งร้องไปใหญ่ แพคฮยอนทรมานเหลือเกินที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ น่ารำคาญอย่างนี้ไม่นานก็คงถูกทิ้งเข้าสักวัน
“เงียบได้แล้ว”
“ฮึก...”
จงอินถอนหายใจหนักกว่าเดิม ก่อนจะคว้าเอาร่างตรงหน้ามากอดไว้ เขาไม่พูดอะไรกับเรื่องพวกนี้ที่ไม่มีเหตุผลนัก จงอินยืนกอดแพคฮยอนเอาไว้อย่างนั้น ปล่อยให้เวลาผ่านไปไม่นานคนในอ้อมกอดก็เริ่มนิ่งแล้ว แก้มขาวๆที่แนบอยู่กับปลายจมูกของเขาก็ทำให้อารมณ์เดิมเริ่มกลับมาอีก
“ถ้าฉันหอมนายที่แก้มตรงนี้ ก็ห้ามให้ใครมาหอมอีก”
“...........”
“เข้าใจมั้ยที่บอก”
“ขะ เข้าใจครับ” แพคฮยอนรีบพยักหน้าอยู่ในอ้อมอกของจงอินราวกับลูกนกตัวน้อยที่ไม่ประสาอะไร เห็นอย่างนั้นคนเอาแต่ใจเลยอมยิ้มออกมา เรือนผมนุ่มหอมเสียจนจงอินอดจะก้มลงสูดดมไม่ได้ ใบหน้าคมซุกไซร้ลงมาตามแก้มเนียนและถูกดึงให้ติดกับจนถอนตัวไม่ขึ้น
แรงทุบเบาๆเพราะไม่ต้องการนั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจอะไร
รู้เพียงแค่ต้องการ เขากำลังต้องการคนๆนี้ ร่างกายที่ครอบครองเอาไว้คนเดียวอาจจะยังไม่พอ หัวใจด้วยที่จงอินต้องการ ..และไม่ยอมยกให้ใครเด็ดขาด
“หยุดเถอะครับคุณจงอิน”
“อือ .. อย่าดิ้นน่ะ”
ขณะที่ร่างสูงกำลังกอดจูบระรานร่างกายนี้เสียจนเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เริ่มจะแยกออกจากกัน หารู้ไม่ว่าหัวใจคนที่ถูกกระทำกลับรู้สึกบอบช้ำอย่างสุดจะบรรยาย
แพคฮยอนน้ำตาตกในทุกทีที่ต้องยอมรับกับสภาพของตัวเอง เขารู้ดีว่าก็แค่ที่ระบาย แค่ที่ต้องการทางร่างกาย ไม่เคยได้ความรักอย่างตัวจริงที่จงอินมีอยู่แล้ว
ใจดวงนี้กำลังร้องไห้ให้กับตัวเอง กับร่างกายที่ถูกใช้เป็นที่รองรับอารมณ์ใคร่อย่างทุกครั้งไป
ก๊อก ก๊อก !!
“จงอิน อยู่รึเปล่าเนี่ย”
เสียงหวานใสจากด้านนอกห้องทำงานขัดให้ทุกอย่างภายในห้องต้องหยุดชะงักไปจนหมดสิ้น เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินก็นิ่งไปก่อนที่จะรีบผละออกจากร่างเล็กที่ดันตัวเองออกเช่นกัน ทั้งสองตกใจจนไม่ทันได้ตั้งตัว แพคฮยอนรีบก้มหน้าดึงปกเสื้อตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอย่างรีบร้อน ต่างกับจงอินที่เพียงแค่ดึงคอเสื้อตัวเองให้เข้าที่นิดๆหน่อยๆอย่างไม่ได้ตกใจอะไรมากมายนัก
แล้วลูฮานก็ผลักประตูเข้ามาทันทีกับที่ทั้งสองยืนหันหน้าออกมา ร่างบางยิ้มกว้างให้แพคฮยอนที่ยิ้มกลับก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บเอาแฟ้มงานบนโต๊ะจงอินออกมาเพื่อความสะดวกที่จะได้นั่งคุยกับคุณลูฮาน
“ไม่เป็นไรหรอกแพคฮยอน ไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันก็ไปแล้ว”
“แต่ว่า..”
“เอาน่า เชื่อสิ” ลูฮานทำหน้าเป็นเชิงว่าไม่อยากให้ลำบาก แต่เจ้านายตัวจริงกลับตรงกันข้าม
“ไปเอาน้ำมาให้คุณลูฮานด้วยนะ”
“ครับ” แพคฮยอนก้มหน้ารับคำสั่ง แม้มันจะดูเย็นชาต่างจากก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์คิดอะไร
“คุณมีอะไรล่ะ มาไม่บอกก่อนเลยนะลูฮาน”
“แหม ..จะอะไรซะอีกล่ะ เมื่อคืนนายลืมโทรศัพท์ไว้น่ะสิ ไม่รีบเอามาให้เดี๋ยวก็เสียงานการแย่”
“นั่นสิ .. นี่ผมลืมได้ไงเนี่ย ขอบคุณมากนะลูฮาน ไม่ได้คุณคงแย่”
“ไม่เป็นไร ฉันกับนายก็คบกันมานาน เรื่องแค่นี้ฉันไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย”
แพคฮยอนได้ยินที่ทั้งสองคุยกันก่อนจะออกจากห้องไป ยิ่งเห็นคนรักอยู่ด้วยกันก็ยิ่งช้ำใจ เห็นความห่วงใยพวกนั้นก็ยิ่งย้ำให้รู้ว่าเขาก็แค่ตัวสำรอง ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งเท่าตัวจริงของเค้าอยู่แล้ว
ผ่านไปไม่นานนัก ลูฮานก็ออกมาจากห้องของจงอิน ชายหนุ่มหยุดยืนข้างกับแพคฮยอนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของตัวเอง
“จะกลับแล้วเหรอครับคุณลูฮาน”
“อื้ม .. ว่าแต่ว่าคุณเจ้านายคนนี้คงเอาแต่ใจมากเลยสินะ”
“ว่าไงนะครับ”
“ฉันหมายถึงว่า เจ้านายของนายเนี่ย หน้าบูดจริงนะ ไงก็ฝากดูแลด้วยล่ะ คุณเลขาคนเก่งคงทำได้แน่” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างมาให้ เล่นเอาแพคฮยอนรู้สึกกระตุกวูบลงไปที่ใจ เขายิ้มกลับพลางพยักหน้าตามคำของคู่หมั้นเจ้านาย
“ขอบใจนะแพคฮยอน ฉันไปล่ะ”
คุณลูฮานที่แสนดีและมาพร้อมกับร้อยยิ้มกำลังเดินจากเขาไปพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจเช่นเคย แต่เขาคงไม่มีทางรู้หรอกว่ารอยยิ้มที่ให้มามันจะแลกกับความรู้สึกผิดที่แพคฮยอนมีอยู่เต็มอก
คุณลูฮานอุตส่าห์ไว้ใจให้ดูแล แต่สิ่งที่เขาทำนี่สิ มันผิดมหันต์เหลือเกิน
.. สมแล้วกับสิ่งที่ได้กลับมา พยอนแพคฮยอนคนนี้เลยต้องทุกข์ทรมานเพราะบาปกรรมที่ทำเอาไว้ ต้องเป็นคนในมุมที่ปิดซ่อน ไม่มีวันได้เป็นตัวจริง ไม่มีทางได้ความรักของแท้จริงจากหัวใจ
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็กลับเข้าไปในห้องของจงอินพร้อมกับกาแฟหนึ่งถ้วยตามที่คุณลูฮานอยากจะให้ใส่ใจ
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างปกติทั้งที่ก้มหน้าก้มตาจัดการกับงานของตัวเองอยู่ แพคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาก็เก็บเอาไว้อย่างคนไม่มีสิทธิ์เช่นเดิม ไม่ได้อยากจะให้มาสานต่อจากก่อนหน้านี้หรอกนะ แค่มันน้อยใจที่อีกฝ่ายอยากยุ่งด้วยก็มา อยากจะเฉยใส่กันก็ทำ เหมือนกับเขามันไม่มีหัวใจเสียเลย
ขณะที่สองขาก้าวมายังประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จงอินรับสายอย่างปกติ
“ว่าไงลูฮาน ... คุณขับรถอยู่เหรอ” ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานพลางเดินไปยังหน้าต่างบานกว้างเพื่อมองออกไปยังด้านนอกตัวตึก
ไม่เห็นว่าใครบางคนกำลังหันมองมาที่เขาด้วยแววตาเศร้าๆ แพคฮยอนถอนหายใจแผ่วเบาเหมือนคนกำลังหายใจไม่ออก ถ้วยกาแฟที่ตั้งใจชงไม่นานมันก็คงเย็นชืดอยู่อย่างนั้น และรสชาติจืดสนิทก็คงจะเทียบไม่ได้เลยกับความหอมหวานของความรักที่พวกเขามีให้กัน
ใบหน้ายิ้มแย้มกับท่าทางกระตือรือร้นของจงอิน ยิ่งเห็นก็ยิ่งตอกย้ำเป็นอย่างดีว่าที่ตัวเองได้ก็แค่ชั่วคราว ไม่ใช่ของจริง ไม่มีทางเป็นจริง
ไม่อยากเห็น แพคฮยอนเดินออกมาด้วยหัวใจที่แหลกละเอียดกับหนทางที่ตัวเองเป็นฝ่ายเลือกเองอย่างทุกครั้ง
---------------
สามวันผ่านไปแล้วกับการที่จงอินไม่อยู่ ครั้งนี้แพคฮยอนไม่ได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศด้วยกัน อีกฝ่ายไปคนเดียวโดยที่เขาเองต้องอยู่ที่นี่คนเดียว ซึ่งไม่กี่วันจงอินก็จะกลับมาแล้ว แต่นั่นก็เหมือนเคย ถึงมันไม่มีความหมายอะไรแต่แพคฮยอนก็ยอมแลกความเจ็บกับการเป็นสุขที่ได้อยู่ใกล้จงอิน
“นั่นมัน....” ขณะที่กำลังเดินปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศรอบข้างของย่านการค้าตอนพลบค่ำในวันหนึ่ง ความเหงาที่มีกระเจิงหายไปหมดเมื่อความสนใจของแพคฮยอนวิ่งมารวมกันอยู่ที่ภาพตรงหน้าของเขา
ห่างออกไปไม่ไกลแต่เห็นได้ชัดเจน เขาจำได้ดีว่านี่ไม่ผิดแน่ถ้าจะเป็นคู่หมั้นของเจ้านายตัวเอง แพคฮยอนเห็นลูฮานไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ที่มักแปลกเพราะเขาดูออกน่ะสิ อีกฝ่ายไม่ได้อยู่คนเดียวแต่กำลังเดินจับมืออยู่กับใครอีกคน ผู้ชายร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาที่มองเผินๆราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารหรือหน้าจอโทรทัศน์
ให้ตายสิ คนเป็นเพื่อนกันคงไม่ทำอะไรที่แพคฮยอนคิดว่ามันเกินเลยกว่านั้นหรอก คนทั้งสองไม่ได้รู้หรอกว่าเขากำลังมองอยู่ ในสายตาเหมือนจะมีกันและกันจนไม่ได้สนใจคนภายนอกเลย ก็ไม่ผิดหรอกนะ เหมือนคนรักกันอยู่ด้วยกันปกตินั่นแหละ
และหากจะผิด .. คุณลูฮานทำแบบนี้ได้ยังไง
ร่างของแพคฮยอนหลบออกมาอีกทางเมื่อเห็นว่าคนทั้งสองกำลังเดินผ่านเข้ามาใกล้ เขาเร่งฝีเท้าเดินห่างออกไปให้ไกลกว่าเก่าและพยายามไม่ให้เป็นที่สังเกตของลูฮาน
สมองที่มีอยู่เริ่มประมวลเหตุการณ์เพียงแค่ฉากเดียวที่เขาได้เห็น แต่ไม่ว่ายังไงมันก็คือเรื่องจริง แพคฮยอนรู้สึกว่าหัวใจมันกระตุกวูบทันทีเมื่อนึกถึงใบหน้าของใครอีกคน
จงอินจะรู้สึกยังไงนะถ้ารู้เรื่องนี้ เขาจะคิดมาก จะร้องไห้ จะเสียใจมากแค่ไหนถ้ารู้ว่าคนรักของตัวเองกำลังนอกใจ แพคฮยอนเจ็บขึ้นมาที่อกอย่างไม่มีเหตุผล เพียงแค่นึกว่าจงอินจะต้องเจ็บปวดและเสียใจ เขาก็แทบจะทนไม่ได้
“ทำแบบนี้กับคุณจงอินได้ยังไงกันคุณลูฮาน”
จากวันนั้นมาแพคฮยอนก็เก็บเรื่องนี้มาครุ่นคิดจนบางทีเขาแทบนอนไม่หลับ สำหรับคนอื่นแล้วน่าจะต้องดีใจหากว่าทั้งสองจะต้องเลิกกัน แต่นี่มันไม่ใช่ แพคฮยอนไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเองสักนิด เพราะเรื่องที่ทำจิตใจมันว้าวุ่นก็คงหนีไม่พ้นความรู้สึกของใครบางคนที่เขานึกถึงขึ้นมาเป็นอันดับแรก
แพคฮยอนไม่รู้ว่าจงอินรู้หรือไม่ เขาไม่แน่ใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
“แล้วผมต้องทำยังไง ถึงคุณกลับมาแล้วผมจะบอกยังไง” ว่าแล้วก็ถอนหายใจอยู่กับตัวเองอย่างหมดทาง แพคฮยอนจะบอกก็บอกไม่ได้ จะปิดไว้ก็กลัวว่าสักวันคนที่เจ็บจะเป็นคนที่ถูกนอกใจ
ต่อให้สวรรค์คิดจะลงโทษคิมจงอินให้ได้รับผลกับสิ่งที่ตัวเองทำยังไง
แต่พยอนแพคฮยอนคนนี้ที่ยกหัวใจให้หมดก็ยังคงเลือกที่จะเข้าข้างอยู่ดี
.
.
Tbc. Part 3
สวัสดีค่ะ^^
เกือบลืมมาลงซะเลยนะเนี่ย
ชีวิตวุ่นวายมาก เรื่องนี้เป็นฟิครีเวอร์ชันไคแบค เคยลงที่บ้านใหญ่ไปแล้วด้วยน่ะนะคะ
คาแร็คเตอร์ไม่ใช่แบคลูกเลย (หม่ามี้ขอโทษ = A =) เรื่องหน้าละกันนะ หุหุ
มีคอมเมนท์เล็กๆน้อยๆให้ชื่นใจด้วย ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ ^^V
ปล.ขอโปรโมทนิดๆ ใครที่เมนพยอนแพค ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะคะ
[SF] Choose ... (Baekhyun x Chanyeol x D.O.)
http://writer.dek-d.com/gorn-dbsk/writer/view.php?id=873301
ความคิดเห็น