ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] WHEN ? (WonHae , BumHan / Ft.KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #19 : WHEN ? .. Chapter.[17.5] Up!! 100%

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 54





    พาร์ทนี้ขอหั่นครึ่งสั้นๆนะคะ ยอมรับแต่โดยดีว่าไม่อยากให้มันจบเร็ว
    กร๊าซซซซซซ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่า^^ 
    ถึงตรงนี้ สมชื่อที่อุตส่าห์ตั้งจริงๆ "WHEN ?" อาถรรพ์มาก ครึครึ~

    *โค้งขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ ((_ _)) !


    ช้าอีกตามเคย คือจริงๆไม่ได้ตั้งใจดอง แต่พอจะลงก็ไม่ได้ลงซักที
    ไม่รู้ว่าลืมกันไปรึยังนะคะ^^~  ใครยังพอใจติดตามจนถึงตอนจบ
    ก็เต็มที่เลยค่ะ!!!





    --------------------------------------------------






    Chapter 17.5



     

     

                 กลิ่นไอจากน้ำทะเลยามเย็นชวนให้นึกถึงเมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่มาด้วยกันกับคิบอม แม้จะสั้นๆแต่สำหรับฮันคยองแล้วมันเป็นช่วงเวลามีค่าที่เยียวยาจิตใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ร่างโปร่งบางเดินเตะเท้าทั้งคู่ไปกับทรายริมชายหาด รอยยิ้มของเด็กๆที่วิ่งเล่นกันผ่านหน้าเขาไปทำให้อดนึกถึงหลานสาวตัวน้อยไม่ได้ ป่านนี้คงคอยอยู่ที่บ้านรอให้พวกเขากลับไปอยู่แน่ๆ


                
    พ่อกับแม่เค้าคืนดีกันเมื่อไหร่ ไว้ถึงตอนนั้นแล้วเราค่อยมาเที่ยวแบบพร้อมหน้าพร้อมตาให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยนะฮีชอล

                 คิดถึงหลานล่ะสิ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับชานมเย็นๆสองแก้วในมือ

                 ไปนานจังนะ ฮันคยองยิ้มให้ก่อนจะรับแก้วมาจากมือของคิบอม

                 คิวยาวน่ะ ว่าแล้วทั้งสองก็ก้มลงล้มรสชานมสูตรต้นตำรับของที่นี่ซึ่งคราวก่อนต้องพลาดเพราะขี้เกียจรอคิว สองร่างเดินเคียงกันไปบนหาดทรายยามเย็นผ่านผู้คนที่กำลังพักผ่อนหย่อนใจกันอย่างมีความสุข ความรู้สึกระหว่างกันมันไมได้อึดอัดเหมือนทุกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้อะไรหลายอย่างมันคลายลงจนรู้สึกว่ามันบางเบาราวกับปุยนุ่นสีขาวกำลังลอยอยู่กลางใจ ความสบายใจที่ไม่ได้รู้สึกมานานกำลังกลับมา แม้ว่าจะยังไม่ทั้งหมดก็ตามที

     

                 ฮะฮะ นี่พี่ยังไม่เลิกสนใจหมวกใบนี้อีกเหรอ

                  คิบอมหัวเราะร่วนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอื้อมไปยกหมวกปีกกว้างขึ้นมาดู ในร้านขายหมวกที่ถัดมาจากริมชายหาดร้านเดิมที่เคยมาเดินดูกัน คนถูกหัวเราะแสร้งทำหน้าเจื่อนให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกผิด และเมื่อคิบอมตายใจฮันคยองก็ถือโอกาสยัดมันลงบนหัวเพื่อเอาคืน ร่างสูงตกใจไม่น้อยที่ตัวเองถูกแกล้งและยิ่งไปกว่านั้นฮันคยองก็ดันเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขาเอาไว้ด้วยนี่สิ แล้วคิบอมจะเอาคืนอย่างไรนอกจากรีบดึงหมวกวางไว้ที่เดิมแล้ววิ่งตามฮันคยองออกมานอกร้าน

    .. รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของกันและกันทำให้หัวใจที่เคยแห้งแล้งกลับมาชุ่มชื้นได้อีกครั้ง คงไม่มีเวลาไหนจะสุขใจไปมากกว่าการที่ได้
    แบ่งปันช่วงเวลาดีๆกับคนที่อยากให้อยู่ด้วยมากที่สุด แม้ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร ขอเพียงมีความรักและเข้าใจให้กันมันก็เกินพอแล้วสำหรับคนสองคน

     

                 ฮันคยองหยุดยืนหน้าร้านเครื่องประดับอีกร้านที่เคยมา คิบอมชะงักฝีเท้าลงเช่นกัน เขานึกย้อนไปในครั้งก่อนด้วยความรู้สึกเดิมๆ ความรู้สึกไม่มั่นใจที่ชอบวนเวียนมาในหัวใจของเขาบ่อยๆ ร่างสูงยืนนิ่งอยู่หน้าร้านขณะที่อีกคนก้าวเข้าไปข้างในแล้วเขาถึงก้าวตามเข้าไป

                 อ้าว พ่อหนุ่มคนนั้นนี่นา ป้าเจ้าของร้านที่เป็นคนเกาหลีเหมือนกันร้องทักขึ้น ฮันคยองยิ้มกว้างจนตาหยีไปให้เพราะแอบซึ้งใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายยังอุตส่าห์จำกันได้ทั้งที่เขาเองก็ใช่ว่าจะน่าจดจำกว่าคนอื่นนัก ถึงจะเป็นคนประเทศเดียวกันก็เถอะนะ และเมื่อเธอมองไปเห็นคิบอมที่ตามฮันคยองเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะทักขึ้นมาอีกทำให้ลูกค้าบางคนต้องมองตาม

                 พ่อหนุ่มคนก่อนก็มาด้วยเหรอ

                 ครับป้า เป็นฮันคยองที่ตอบออกไปแทน คิบอมยืนเฉยอย่างกำลังรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกชะตากับป้าเจ้าของร้านคนนี้เท่าไหร่นัก ร่างโปร่งบางที่ไม่ได้สังเกตอะไรนั้นกำลังหยิบจับดูสินค้าเครื่องประดับที่เขาเริ่มรู้สึกมีไอเดียอะไรบางอย่างขึ้นมา ชั่วขณะเดียวเท่านั้นที่ฮันคยองสนใจอยู่กับของตรงหน้าจนลืมสังเกตไปว่าคนข้างกายนั้นกำลังหันหลังจะเดินออกไปแล้ว มือบางหันมาเจอเข้าพอดึงเลยรีบดึงมืออีกฝ่ายเอาไว้

                 จะไปไหน รอก่อนสิ นายว่าสีฟ้าน้ำทะเลแบบนี้เวลาอยู่กับสีโทนสว่างแล้วจะเด่นเหมือนกับโทนมืดรึเปล่า หรือว่าถ้าเราลองปรับระดับใหม่ ..

                 ก็แล้วแต่พี่สิ คิบอมตอบทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ ฮันคยองเอะใจขึ้นมาที่จู่ๆคิบอมก็เกิดจะรวนใส่เขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

                 หมายความว่าไงพูดแบบนี้น่ะ

                 ก็หมายความอย่างที่พูดไง จะถามทำไมล่ะ

                 เป็นอะไรของนายน่ะฮะ เมื่อดูท่าว่าจะขัดแย้งอะไรกันสักอย่าง ป้าเจ้าของร้านก็ยังอดจะแซวไม่ได้อย่างเดิม

                 แหม คู่นี้มาร้านป้าทีไรทะเลาะกันทุกทีเลยนะ ทั้งสองหันมามองคนพูดที่เอาแต่ยิ้มให้เป็นตาเดียวกัน คิบอมชักโมโหขึ้นมาตะหงิดๆแต่ฮันคยองกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย จากที่ผ่านมาบางทีเขาก็พอจะเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าเดิม .. แน่นอนว่าคิบอมต้องคิดอะไรไม่เข้าท่าอย่างครั้งก่อนแน่ๆ

                 ก็งี้ล่ะครับป้า ทะเลาะกันบ่อยจะได้รักกันนานๆ ว่าแล้วก็หันมายิ้มให้คนข้างกายซึ่งตอนนี้จะเรียกว่าหน้าบูดก็ไม่จะอมยิ้มอยู่ก็ไม่เชิง คิบอมเดินนำฮันคยองออกมานอกร้าน สองเท้าก้าวไปตามถนนทางเดินริมชายหาด ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงจนเหลือเพียงแสงสีส้มสุดท้ายที่กำลังจะหายไป

                 รอด้วยสิคิบอม ร่างโปร่งบางของฮันคยองร้องเรียกให้คอยด้วย ใบหน้าได้รูปเริ่มมีแววลำบากใจขึ้นมาชัดเจน

                 อย่าเดินหนีได้มั้ย รู้รึเปล่าว่าพี่ตามนายจนเหนื่อยแล้วนะ .. วิ่งตามความรักของนายจนจะหมดแรงแล้ว ฮันคยองพูดจบคิบอมก็หยุดเดินแล้วหันกลับมา ร่างสูงเดินตรงเข้าหาจนอีกฝ่ายต้องขยับถอยออกมา

                 อะไรน่ะคิบอม ใบหน้าเฉยเมยอย่างนั้นทำให้ฮันคยองเดาไม่ออกว่อีกฝ่ายคิดจะทำอะไร มือหนาสองข้างจับเข้าที่เรียวแขนของฮันคยองให้หยุดถอยออกไป

                 ผมมีอะไรจะให้น่ะ ฮันคยองขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย แต่ก่อนจะได้ถามอะไรออกไป สร้อยคอเส้นเดิมที่เคยใส่อยู่ประจำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า จะเปลี่ยนไปจากเดิมก็คือสายสร้อยที่เขาจำได้ว่ามันเป็นเส้นเดียวกับที่ตัวเองเป็นคนเลือกในวันนั้น แต่จี้รูปดอกทานตะวันเล็กๆนั้นยังเป็นอันเดิม

                 ตอนนั้นพี่ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะให้ใคร” ..ใช่ ฮันคยองรู้ดี แค่ไม่เคยมั่นใจเลยสักครั้งต่างหาก รอยยิ้มอบอุ่นของคิบอมส่งมาให้คนที่กำลังมีน้ำคลอที่ดวงตา เขาเอื้อมมือไปใส่สร้อยเส้นนี้ให้คนตรงหน้าอย่างเดิม

                 พี่ไม่คัดค้าน แสดงว่ายอมใส่มันอีกครั้ง

                 ก็ใช่น่ะสิ .. ตอนที่ดึงออกไปรู้มั้ยว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เสียใจมากด้วยที่ทำไม่ดีกับนาย ทำร้ายความรู้สึกนายมาตลอด

                 ใครบอกล่ะ คนที่ถูกทำร้ายน่ะ มันก็พี่ด้วยไม่ใช่รึไง .. อย่าคิดว่าความรักของตัวเองไม่มีค่าสิ พี่น่ะชอบทำเพื่อคนอื่นอยู่เรื่อย

                 .. แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรดี ฮันคยองต่อประโยคนั้นด้วยความจริงที่กำลังเป็นอยู่ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้สุดท้ายก็ไหลกลิ้งลงมาตามแก้มเนียนอีกจนได้

    คิบอมเอื้อมไปเช็ดมันออกอย่างเบามือ

                 สรุปแล้ว นายจะหยุดอยู่ตรงนี้ใช่มั้ยคิบอม

                 ผมเคยวิ่งหนีรึไง

                 พูดเหมือนไม่เคยนะ คิบอมได้ฟังอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ

                 โอเคๆ ยอมรับผิดก็ได้ แล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ เพราะผมขี้เกียจจะเช็ดน้ำตาให้พี่แล้ว พูดจบฮันคยองก็ดึงมือของคิบอมออกจากใบหน้าตัวเอง ก่อนที่จะเป็นฝ่ายถูกดึงเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม

                 ไม่อยากเช็ดก็ไม่ต้องสิ ฉันไม่ได้ขอร้อง

                 น้อยใจไปได้

                 ไม่ได้น้อยใจ ..

                 งั้นอะไร คิบอมเซ้าซี้คนในอ้อมกอดที่พยายามจะเบือนหน้าหนีเขา ชายหนุ่มรุ่นน้องอมยิ้มกับท่าทีของอีกฝ่ายที่พยายามจะดึงตัวเองออกมาจากเขา แต่คิบอมก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย 

                 จะดิ้นทำไม .. รู้มั้ยว่าผมจะไม่ปล่อยพี่ไปอีกแล้ว ฮันคยองชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน เขาเงยหน้าขึ้นมองคิบอมด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มันอัดแน่นอยู่ในอกจนไม่รู้จะสรรหาคำๆไหนมาพูด สำหรับคนอย่างตัวเองแล้ว แม้อีกฝ่ายไม่บอกมากไปกว่านี้เขาก็เชื่ออยู่เต็มหัวใจ .. ก็เพราะฮันคยองเลือกที่จะวางหัวใจไว้ที่คิบอมตั้งแต่แรกแล้ว


                 ผมรักพี่นะ


                 ... เหมือนกัน จุมพิตอุ่นๆอันแสนหวานถูกมอบให้แก่กันและกันแทนคำขอบคุณสำหรับความรักที่มีให้กันเสมอมา

                

                 สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะหนียังไงหรือปฏิเสธแค่ไหน ไม่ว่าจะต้องเข้าใจผิดกี่ร้อยพี่พันครั้ง ทั้งสองก็ไม่เคยนึกเสียเวลาและหยดน้ำตาที่เสียไปเลยสักนิด หากว่ามันจะทำให้รู้ว่าต้องการกันและกันมากแค่ไหน .. อย่างในวันนี้

     

                                                                                      -------------------------------    

                                        

     

                 ใบหน้าน่ารักที่กำลังจดจ้องมองคนฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอยู่ขณะนี้ คยูฮยอนกำลังเพลิดเพลินกับการลิ้มรสไอศกรีมถ้วยใหญ่ตรงหน้าอย่างมีความสุข ต่างจากซองมินที่กลับรู้สึกอึดอัดและแอบผิดหวังกับอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ เขาไม่เข้าใจนักหรอกว่าการที่ถูกอีกฝ่ายลากออกมาจากห้องเพื่อให้มานั่งกินไอศกรีมเป็นเพื่อน มันจะดูมีอะไรตรงไหน .. แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ คนๆนี้เคยทำให้เขารู้สึกดีเสียที่ไหนกันล่ะ อีกอย่าง เขากับอีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย จะคิดให้เปลืองสมองทำไม


                
    เฮ้ .. ไม่กินล่ะ เดี๋ยวก็ละลายหมดหรอก 

                 นั่นไง นิสัยเอาแต่ใจของคุณหนู
    บ้านตรงข้ามสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวินาทีจริงๆ ให้ตายสิ .. ซองมินไม่เคยรู้มาก่อนว่าชีวิตนี้ต้องมาเจอช่วงที่ในหัวมีแต่เรื่องไร้สาระของคนแบบนี้เลย คิดแล้วก็เท่านั้น เขาจึงทำได้เพียงตักไอศกรีมสีสดใสเข้าปากไปอย่างเสียไม่ได้ และมันก็อร่อยถูกใจอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ

                 ถามจริง นายกินไอติมพวกนี้แทนอาหารเย็นทุกทีเลยเหรอ

                 ก็นะ แล้วแต่ ซองมินถามทีเล่นทีจริงแต่คยูฮยอนกลับตอบตรงๆทำเอาเขาแอบอึ้งอยู่นิดๆ

                 มิน่าล่ะ ความคิดถึงได้เหมือนพวกสมองขาดสารอาหาร

                 หือ .. เมื่อกี้ว่าไงนะ คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นถามเพราะรู้สึกว่าได้ยินอะไรเกี่ยวกับตัวเองแว่วๆ

                 เปล่านี่ แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองเหมือนขาดสารอาหารน่ะ

                 ตรงไหนกัน ออกจะสมบูรณ์ดีแบบนี้ กลับเป็นซองมินเองที่เป็นฝ่ายถูกเล่นเอาง่ายๆอย่างเคย ดวงตากลมถลึงใส่คนพูดอย่างหมั่นไส้ เจอกันกี่ทีก็ไม่เคยเปลี่ยน พูดจากันแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้น .. เรื่องบางอย่าง ซองมินคิดไปเองคนเดียวงั้นสิ
     

                 อึดใจใหญ่ที่ไม่มีใครยอมเอ่ยอะไรออกมา ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างลอบมองกันอยู่เงียบๆ สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวก็ตัดสินใจลุกออกจากโต๊ะไปท่ามกลางสายตาอีกคู่ที่คาดไม่ถึง

                 โธ่เว้ย .. ไอ้โง่คยูฮยอน ร่างสูงด่าตัวเองในใจก่อนจะวางเงินไว้ที่โต๊ะแล้วตามซองมินออกไปทันที เห็นอย่างนี้ซองมินก็เดินเร็วใช่เล่น คยูฮยอนเดินตามออกมาถึงลอบบี้ของโรงแรมแต่ก็ไม่พบ คิดไปสายตาก็พลันสะดุดเข้ากับร่างที่กำลังตามหาตรงบริเวณสนามหญ้าด้านนอกโรงแรมซึ่งถูกจัดไว้ข้างสระว่ายน้ำที่มองออกไปเห็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา ร่างเล็กนั่งบ่นกับตัวเองอยู่ตรงม้านั่งตัวหนึ่งโดยไม่ได้สนใจคนที่ผ่านไปมาเลย

                 โธ่เอ๊ย ! คิดว่าตัวเองเป็นใคร  .. ไม่เอาน่ะซองมิน ใจเย็นๆ นายจะบ้าบอไปไหน นี่มาทำงานนะไม่ได้มาเที่ยวไร้สาระไปวันๆอย่างคนบางคน บ่นกับตัวเองอยู่อย่างนั้นราวกับคนบ้า ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แย่ขนาดที่ตัวเองพูดแต่เวลานี้เขาก็พาลได้หมดทั้งนั้นแหละ ซองมินไม่รู้ตัวสักนิดว่าคนที่กำลังถูกตัวเองพาดพิงนั้นจะ

    มายืนอยู่ข้างหลังได้พักหนึ่งแล้ว

                 จะว่าใครก็หัดเกรงใจเจ้าตัวเค้าบ้างนะ เสียงทุ้มดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของซองมินทำให้เขามีสติขึ้นก่อนจะลุกพรวดจากม้านั่งอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาแอบฟังแบบนี้

                 อะไร .. มีปัญหาอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า แต่ถ้าต้องการแกล้งกันอย่างทุกทีก็ฝันไปเถอะนะ เรียวปากอิ่มตอกกลับมาเป็นชุดพร้อมกับใบหน้าที่พร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเมื่อหากว่าไม่พอใจอะไร

                 เฮ้อ .. ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมนะซองมิน คยูฮยอนเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนคนมองรู้สึกแปลกใจ

                  .. ทำไม

                 ก็นายชอบหน้าบึ้งใส่ ชอบเดินหนี ไม่ยอมพูดกันดีๆ

                 ก็ใครใช้ให้นายชอบแกล้งฉันกันเล่า แบบนี้ใครอยากจะพูดดีด้วย

                 ยอมรับก็ได้ว่าแต่ก่อนมันมีความสุขที่ได้แกล้งนาย คยูฮยอนยอมรับออกมาทำเอาซองมินอยากจะขว้างอะไรสักอย่างแถวนี้ใส่เหลือเกิน

                 แต่ตอนนี้มันไม่ใช่..

                 เดี๋ยวสิ นี่อย่าบอกนะว่ากำลังกลุ้มใจที่ฉันไม่อยากพูดด้วย ทำเหมือนเป็นเด็กถูกเพื่อนทิ้งไปได้นะคยูฮยอน

                 ไม่ใช่สักหน่อย

                 แล้วอะไร บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนาย

                 แล้วใครว่านายเป็นเพื่อนเล่นของฉันกันล่ะ

                 งั้นสำหรับนายแล้ว ฉันเป็นอะไร ........ พูดออกไปแล้ว จู่ๆปากมันก็เผลอพูดอะไรที่ค้างอยู่ในใจออกไปจนได้ สองสายตาสบกันราวกับกำลังแน่ใจอะไรบางอย่างในตัวอีกฝ่าย ก่อนที่จะล้มเลิกความคิดเข้าข้างตัวเองเพราะมันคงเป็นไปได้ยาก แต่มาถึงขนาดนี้แล้วยังไงเขาก็ไม่ถอยกลับหรอก คยูฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่ซองมินก็กำลังใจเต้นแรงกับสิ่งที่รอฟังต่อไปโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร

                 จริงๆแล้วสำหรับฉัน นายไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่คิดไปหรอก

                 ..........” 

                 ราวกับถูกก้อนหินหนักๆทับลงมากลางอก ในชีวิตของคนอย่าง
    อีซองมินร้องไห้มานับครั้งได้ ไม่รวมกับครั้งนี้ที่น้ำตามันกำลังซึมออกมาจากดวงตาทั้งคู่ ร่างเล็กฝืนยิ้มออกมาก่อนจะก้มหน้าลงทันทีที่รู้ว่าน้ำตามันกำลังไหลลงมาสุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับทุกอย่างที่พยายามปฏิเสธมาตลอด

    .. นี่ใช่มั้ยที่เค้าเรียกว่าอกหัก เพิ่งจะรู้ว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง 

     

                 คยูฮยอนได้เพียงแค่มองคนตรงหน้าอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าจะเดินเข้าไปหาอยู่ดี เสียงทุ้มเริ่มขยับจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

                 .. แล้วถ้าฉันอยากให้เป็น นายจะยอมเป็นรึเปล่าล่ะ

                 ..........



                 เป็นแฟนกับฉันนะซองมิน

                 ซองมินไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง กี่ครั้งแล้วที่เขาถูกคยูฮยอนแกล้ง กี่ครั้งแล้วที่รู้สึกแย่มันเสียทุกครั้งไป แต่ครั้งนี้ล่ะ .. มันคงเป็นครั้งแรกแน่ๆที่ยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อย ร่างสูงของคยูฮยอนเป็นฝ่ายอึดอัดขึ้นมาอีกรอบเมื่อไม่มีการตอบรับของคนที่ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น เห็นทีว่าเขาคงต้องผิดหวังจริงๆแล้ว

    .. นั่นสินะ โจวคยูฮยอนจะอกหักสักครั้งจากใครบางคนก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร

                 นายพูดจริงเหรอ ซองมินเงยหน้าถามด้วยดวงตาช้ำๆ ทำให้คนมองรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายร้องไห้

                 ร้องไห้ทำไม

                 ที่พูดเมื่อกี้มันจริงรึเปล่าล่ะ..

                 เรื่องแบบนี้ใครเค้าพูดเล่นกันเล่า เอาอีกแล้ว คุณชายขี้เอาแต่ใจกำลังทำหน้าไม่ถูกเข้าจริงๆ ซองมินเลยหัวเราะออกมากับท่าทีแบบนั้น

                 หัวเราะอะไร ฉันน่าขำมากรึไง คยูฮยอนเริ่มมีโมโหเพราะจู่ๆก็ถูกหัวเราะไม่เลิกราวกับเป็นตัวตลก ร่างสูงยืนมองคนตรงหน้าอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง บางทีคนเรามันก็มีสัญชาตญาณกับเรื่องบางเรื่องที่แม้ไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้ เขาตรงเข้าหาซองมินก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว 

                   สันจมูกโด่งแนบลงที่แก้มใสอย่างจงใจจนคนถูกหอมแก้มได้แต่ยืนอึ้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ คยูฮยอนถอยออกมาที่เดิมขณะที่ยกยิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์อย่างที่เคยเป็น และครั้งนี้คนที่แพ้ก็เป็นซองมินเหมือนเดิม ร่างสูงยืนกอดอกอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

                 ไม่ตอบก็แสดงว่านายตกลงนะซองมิน

                 .. ใครบอกนาย

                 ไม่มี เพราะไม่ว่านายจะโอเคหรือไม่ ถ้าฉันอยากให้เป็นก็ต้องเป็น

                 นาย ..

                 เจอกันพรุ่งนี้นะ .. อ้อ อย่าคิดถึงฉันจนทนไม่ไหวซะล่ะ ว่าแล้วก็หายตัวเข้าโรงแรมไปอย่างเดิมทิ้งให้คนที่ยืนพูดไม่ออกได้แต่หน้าแดงอยู่อย่างนั้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆก่อนที่รอยยิ้มจะผุดออกมา
                 ไอ้บ้าคยูฮยอน .. ไอ้คนหลงตัวเอง แม้จะกำลังด่าไล่หลังอีกฝ่ายไป แต่ในใจกลับรู้สึกดีอย่างอธิบายไม่ถูก  .. ก็ใครว่าฉันไม่โอเคกันล่ะ

                 ส่วนคนที่เดินจากมาก็ยิ้มแทบไม่หุบ สุดท้ายก็พูดไปแล้ว และคำตอบมันก็ทำให้หัวใจพองโตจนแทบทำอะไรไม่ถูก สงสัยว่าต่อไปนี้เขาคงต้องแวะไปบ้านหลังตรงข้ามบ่อยๆแน่เลย ..


                                                                                       --------------------------------


                 ความเย็นเริ่มเข้ามาเยือนในยามที่อาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้าไป บริเวณริมหาดที่แม้ว่าไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวแต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับอยู่ห่างออกไปจากบริเวณบ้านพักไม่กี่หลังนี้  ร่างของดงแฮในชุดลำลองสีน้ำตาลอ่อนยืนรับลมอยู่คนเดียวตั้งแต่ตอนเย็นจนตอนนี้พลบค่ำแล้วก็ยังคงไม่ไปไหน แววตาคู่เดิมหันมองคนอื่นที่อยู่ห่างออกไปเดินกลับกันไปบ้าง บ้างก็นั่งเล่นหรือว่าทานอาหารกันในร้านอาหารบรรยากาศดีที่ห่างออกไปอีก ใบหน้าหมองเศร้าหันกลับมาแล้วมองไปยังสุดปลายขอบฟ้า

    .. ขอบฟ้าที่ไม่รู้ว่ามันมีจริงหรือว่าเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

                 เมื่อไหร่ล่ะ ..

                  เสียงแผ่วเบาเอ่ยกับตัวเองขณะที่สองแขนยกขึ้นมากอดอกเอาไว้ราวกับว่ากำลังปลอบใจตัวเอง จะนึกออกก็ได้เพียงแค่นึกออก แต่ทั้งหมดมันคืออะไร แค่เรื่องดีๆในอดีตหรือแค่กำลังคิดไปเอง .. และที่สำคัญ ความทรงจำที่กำลังจะกลับมามันทำให้เขาเริ่มจะกลัว

                 เม็ดทรายตามทางประเด็นไปตามแรงที่เท้าของร่างสูงเหยียบลงไปขณะที่กำลังเดินอย่างรีบร้อน และเมื่อพบว่าคนที่เขาไม่เห็นว่าอยู่ในบ้านได้มายืนอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ซีวอนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ร้อนใจอะไรนักหนา แต่มันไม่ใช่ข้อสงสัยที่คาใจเขาเลยสักนิดในเมื่อทุกอย่างมันก็บอกอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลต่อจิตใจตัวเองอย่างไร .. มีมากจนแทบไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น

                 ยืนคนเดียวแบบนี้ คิดอะไรอยู่น่ะซีวอนเอ่ยถามเมื่อมาถึงร่างของอีกฝ่ายที่ยืนหันหลังให้ขณะที่ตัวเองก็เริ่มจะก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างๆ สายลมเอื่อยในยามเย็นพัดเอาเส้นผมไหวแนบไปตามใบหน้าของดงแฮที่เอาแต่มองออกไปยังทะเลกว้าง

    ซีวอนรู้ดีว่ามันยากที่อีกฝ่ายจะยิ้มให้เขาแต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว สีหน้าของตัวเองที่ก่อนหน้านี้มีแต่ความเคร่งเครียดตามอารมณ์ความรู้สึก บัดนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นปกติอย่างตั้งใจให้เป็น อย่างน้อยในเวลาอย่างนี้เขาเองก็อยากจะเก็บเอาความรู้สึกดีๆไว้ให้มากที่สุด  

    .. ถึงแม้ต้องฝืน เขาก็จะทำ ถึงแม้ว่าจะต้องยิ้ม แม้ในใจกำลังร้องไห้ก็ไม่เป็นไร

                 ร่างบางที่ยังคงเฉยชาต่อซีวอนเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ดงแฮไม่รู้จะพูดหรือจะถามอะไรกับซีวอนดี เขาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง

                 วันนี้เหนื่อยมากเลยรู้มั้ย สงสัยเพราะว่าเธอไม่ได้ไปด้วยล่ะมั้ง ซีวอนพูดไปยิ้มไปขณะที่ลอบมองคนข้างกายตลอดเวลา ได้ฟังอย่างนั้นคนใจแข็งที่เอาแต่นิ่งก็เริ่มจะมีอาการออกมาบ้าง ดงแฮถอนหายใจเบาๆเพื่อบอกให้รู้ว่าตัวเองกำลังรำคาญและไม่อยากจะฟัง

                 แน่นอนที่ซีวอนก็รู้ดีอยู่แล้วแต่งานนี้ไม่ว่าเขาจะต้องเจ็บแค่ไหนหรือว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็คงไม่มีความหมาย ตอนนี้รู้เพียงแค่ ไม่ว่าจะ
    ต้องทำอย่างไรเขาก็จะต้องได้ดงแฮคนเดิมกลับมา เพราะนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่คนผิดอย่างไม่น่าให้อภัยคนนี้จะแก้ไขทุกอย่างให้กลับมาอย่างเก่า .. แม้ว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายไปก็คงไม่เป็นไร

                 เราคบกันมากี่ปีแล้วนะ เธอยังพอนึกออกมั้ย

    .. นึกออกสิ นึกได้แม้กระทั่งครั้งแรกที่เจอกันด้วยซ้ำ

                 นั่นสินะ เธอจำไม่ได้นี่นา..

                 ......

                 เราเจอกันครั้งแรกตอนไหนนะ ครั้งแรกที่เจอกันตอนนั้นฉันย้ายจากต่างจังหวัดมาที่โซลและเข้าเรียนไฮสคูลปีสองที่โรงเรียนแห่งหนี่ง โรงเรียนของเธอนั่นแหละ .. แล้วก็บังเอิญมากที่ได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ ครั้งแรกที่มาแนะนำตัวหน้าห้องก็มีสาวๆสนใจกันใหญ่ อย่าว่าหลงตัวเองเลยนะ ก็คนมันหน้าตาดีใครเห็นก็เป็นต้องชอบอยู่แล้ว .. แล้วรู้อะไรมั้ย ฉันยังจำหน้าเธอตอนนั้นได้เลย ท่ามกลางเพื่อนๆทั้งห้องที่ต่างสนใจฉันมีแต่เธอคนเดียวที่มองฉันอย่างกับว่าเจ็บใจที่ฉันไปทำอะไรให้เธอ อย่างว่าล่ะนะ .. สาวๆที่ไหนก็หันมาสนใจฉันกันหมดจนหนุ่มสุดฮอตอย่างอีดงแฮต้องตกกระป๋องไป..พูดไม่ทันจบดงแฮก็เดินหนีออกมาเสียอย่างนั้น ร่างสูงเห็นอย่างนั้นมีหรือจะปล่อยไป ขายาวก้าวตามไปอย่างไม่ลดละและเมื่อถึงตัวเขาก็ดึงเอาอีกฝ่ายให้หันมาหากันอย่างเดิม

                 เธอจะหนีไปไหน

                 .. ฉันไม่เคยคิดจะหนี !! 

                 แววตาจริงจังกับถ้อยคำเย็นชาที่แสนเจ็บปวด
    นั้นบาดลึกลงไปในใจของคนฟัง ดงแฮเงยหน้าจ้องซีวอนที่ยังกำเรียวแขนของเขาอยู่อย่างไม่ยอมปล่อย ความโกรธแค้นที่ผ่านออกมาทางสายตาทำให้ความพยายามของซีวอนที่มีมาทั้งหมดเริ่มจะต้องถดถอย เขากำลังมองดงแฮกลับไปด้วยแววตาที่ราวกับร้องขอ   .. ความรู้สึกระหว่างคนสองคนถูกกดลึกลงไปมากกว่าเดิม 

    ใครกันจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหว ใครกันที่จะเริ่มพูดออกมาก่อน .. คงไม่มีทางล่ะมั้ง ในเมื่อความจริงที่อยากจะพูดออกไปมันบาดลึกอยู่ในหัวใจมากกว่านั้น และคนแพ้ก็เป็นคนแรกที่ร้องไห้อยู่วันยังค่ำ


    .. ความทรงจำที่สลับทับซ้อนกันลงมา เมื่อไหร่กันที่ดงแฮจะเรียงมันให้เข้าที่ได้อย่างเก่า



    .
    .

    Tbc.Chapter 18


     




    ในที่สุดบอมฮันก็บรรจบกันเสียที รู้สึกผิดที่ชอบพลัดพรากสองคนนี้จริงๆ
    (ได้ข่าวว่ามันพลัดพรากเค้าทุกคนเลย เง้ออออออ) น้ำตาจะไหลไม่ไหวแล้ว คนอ่านคงคิดเหมือนกัน
    ว่าสองคนนี้รักกันจะตายไปตั้งแต่แรกแล้ว กอนว่าฮันมบอมในใจมาตั้งแต่เริ่มเลยเหอะ
    หึหึ สาบานว่านี่พูดถึงคาแร็คเตอร์ที่แต่งเอง 555+
    *และคยูมิน ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ ต้องบอกตัวเองอย่างจริงจัง
    "นี่กุชอบคยูมิน?" T T โอว แอบแฝงมานานหลายปี

    และท้ายที่สุด (แม้จะไม่พลิคล็อคเพราะกอนมันน้ำเน่า)
    แต่คู่ทะเล(SeaHae)จะเป็นเช่นไรต่อไป ตอดตามตอนต่อไปค่า^^~


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×