คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : WHEN ? .. Chapter.[12]
โอพีวีที่ใช้โปรโมทเว็นในงานไก่(KFC#4)ที่ผ่านมา เผื่อใครอยากดู โหะๆ^^
*ใครที่มาอ่านย้อน มีสองพาร์ทที่กอนเซนเซอร์ไว้ อยากอ่านทิ้งเมล์ไว้เลยนะคะ^^
--------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter 12
.. แปลงดอกไม้ ฝนตก
.. บันได
.. พี่
“ไม่นะ..” เสียงแหบพร่าดังขึ้นเบาๆในความมืด ดงแฮลืมตาตื่นขึ้นกับตัวเองพลางหันไปมองรูปที่ตั้งไว้ที่ชั้นข้างเตียง รูปของเจ้าของห้องนี้ที่เขาเข้ามานอนได้สองวันแล้ว
“พี่ทิ้งผมหายไปไหนนะ ทำไมไม่บอกอะไรเลย” เสียงว่าตัดพ้อเอ่ยกับรูปภาพ ตอนนี้ตัวเองเหมือนคนไม่รู้อะไร ความจำเสื่อมงั้นเหรอ ทำไมมันทรมานแบบนี้ แล้วฝันร้ายเมื่อครู่ทำไมมันเหมือนจริงนัก เหมือนไม่ใช่ความฝัน เหมือนมีต่อจากนั้นแต่นึกไม่ออก
.. ความอ่อนแอในตอนนี้ทำให้รู้สึกบางอย่าง ..
“..ผมอยากจำได้”
“แน่ใจเหรอ .. ว่าอยากให้ฉันจำได้”
ประโยคเมื่อตอนหัวค่ำที่โรงพยาบาลยังคงฝังใจคนฟังให้ขบคิดไปไกล ซีวอนนอนเอามือก่ายหน้าผากคิดแต่เรื่องของคนที่อยู่อีกห้องถัดไป .. ทำยังไงดี จะค่อยเป็นค่อยไปหรือเล่าทุกอย่างให้ฟังเลย แล้วถ้าบอกไปจะจำได้หรือเปล่า ไม่อยากจะบอกใครเลยว่ามันเจ็บแค่ไหนที่คนรักจำตัวเองไม่ได้ ทั้งน้อยใจ ทั้งเสียใจ ถ้าใครมารู้เข้าคงสมเพชเขาน่าดู กับท่าทางที่อาจจะวางเฉยแต่ที่จริงแล้วแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ประโยคเดิมคอยวนเวียนไปมาในความคิดของเขาแทบทั้งคืน เหตุการณ์ต่างๆที่ได้ทำเอาไว้ผ่านเข้ามาเรื่อยๆ .. ตอนที่ทำไปไม่ได้คิดถึงตอนนี้เลย แต่พอถึงตอนนี้ กลับได้แต่คิดอยากย้อนกลับไป
“ที่ผ่านมาฉันมันโง่เอง .. ”
“ขอบใจมากนะคิบอม แต่พี่ว่าอย่าห่วงเลย ประชุมเสร็จแล้วพี่จะกลับบ้าน”
“แน่ใจนะ”
“อืม .. พี่ไม่ใช่เด็กนะ จะหนีแบบนี้ตลอดไปมันไม่ได้หรอก”
“ครับ ผมรู้”ทั้งสองเดินทางมาถึงบริษัทในยามเช้าก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม
ซองมินซึ่งเป็นผู้บันทึกการประชุมในครั้งนี้ได้ตรวจเช็ครายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมเรียบร้อย หากแต่สิ่งที่แปลกไปคือ
“หา คุณดงแฮจะร่วมประชุมด้วยเหรอครับ” เสียงใสร้องขึ้นเมื่อได้ยินจากปลายสาย
“ครับๆคุณ
“ได้ครับ.. ครับ” ซองมินวางสายไปพลางส่ายหัวกับตัวเอง หลังๆมาชักมีแต่เรื่องแปลกๆ จะเพิ่มรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมก่อนจะเริ่มประชุมเพียงหนึ่งชั่วโมงเนี่ยนะ เขาล่ะอยากจะบ้า ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติก็เถอะแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในเมื่ออีกฝ่ายก็ดันเป็นถึงลูกชายคนเล็กของอดีตประธานคนก่อน แล้วตอนนี้ก็เป็นคนรักของผู้บริหารระดับสูงเสียด้วย ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่มีส่วนเกี่ยวด้วยอยู่ดี
*************************
“พอใจรึยังล่ะ ..” ซีวอนเอ่ยขึ้นเมื่อวางสายไปในขณะที่ขับรถออกมาจากบ้านได้ไม่นานโดยที่มีอีกคนนั่งมาด้วย ดงแฮบอกว่าจะขอไปที่บริษัทด้วย พอเขาบอกว่าวันนี้มีประชุมใหญ่อีกฝ่ายก็ดันบอกว่าจะมาประชุมด้วยเสียอย่างนั้น นี่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องเลย เขาคงไม่ยอมเป็นแน่
“ก็ดี”
“อยากรู้อะไรก็ถามได้นะ”
“อันที่จริงก็ไม่ได้อยากรู้อะไรนักหรอก แค่ไม่อยากรู้อะไรจากใครก็แค่นั้นเอง” ซีวอนได้ยินก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาเหนื่อยใจจนแทบจะท้อ อยากให้จำได้แต่กลับเย็นชาและไม่มีความรู้สึกอะไรเลยแบบนี้ งั้นตลอดเวลาที่ร้องไห้ก็แค่ไม่อยากเห็นหน้าเขางั้นสินะ
ซีวอนนึกถึงคำถามที่คอยวนเวียนอยู่ในหัวเขาทั้งคืน ก่อนจะถามคนที่พูดประโยคนั้นกลับ
“ที่ถามเมื่อวานน่ะ .. เธอหมายความว่าไง”
“ก็หมายความอย่างที่พูดไป”
“ทำไมถามแบบนั้น ถ้าฉันไม่อยากให้เธอจำได้แล้วที่ผ่านมาฉันทำไปเพื่ออะไร พูดไปเธอเองก็คงไม่รู้สึกอะไร ฉันพูดไปเท่าไหร่มันก็แค่เท่านั้น แล้วอีกอย่าง..”
ประโยคสุดท้ายเสียงอ่อนลงแล้วก็เงียบไป ใบหน้าคมบังคับพวงมาลัยรถให้แล่นไปบนถนนโดยไม่พูดอะไรต่อ แต่คนฟังกลับอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ ไม่เข้าใจที่อีกคนอยากจะบอก
“อีกอย่าง .. อะไร” ดงแฮถามออกไปในที่สุดโดยไม่หันหน้ามามองเช่นกัน เจ้าของเสียงทุ้มถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นตอบ
“ถ้าเธอเคยรักใครซักคน .. เธอคงรู้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหนที่คนรักของตัวเองจำตัวเองไม่ได้” แค่นี้แหละที่เขาอยากจะพูด แค่นี้ที่ซีวอนอยากจะเอ่ยออกไปให้คนฟังนึกได้ .. แค่ประโยคเดียวเท่านั้น ถ้าคนที่เคยบอกว่ารักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังอยู่ตรงนี้
เขาก็อยากจะบอกออกไป แม้ว่าอีกฝ่ายจะลืมกันไปแล้วก็ตาม
มือบางกำเข้าที่หน้าตักตัวเองเบาๆ ไม่ได้อยากฟังอะไรแบบนี้เลย ผู้ชาย
อยากจะถามนักว่าจิตใจอีกฝ่ายมันทำด้วยอะไร ทำไมทำกันได้ลงคอ นอกใจคนที่รักตัวเองให้ต้องเจ็บปวดและความจำเสื่อมแล้วยังกลับมาทำดีด้วยเพราะรู้สึกผิด อยากให้กลับมารักกันใหม่ .. ใครก็ได้บอกทีว่านี่มันละครน้ำเน่ารึเปล่า
เหมือนละครรักเรื่องหนึ่ง ที่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีตัวเองที่เป็นตัวเอก
.. มากไปแล้วซีวอน นี่ถ้าฉันไม่ได้ความจำเสื่อมคงโง่งมงายให้นายหลอกได้เหมือนเดิม แต่เสียใจด้วยที่ฉันจำนายไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ใช่นางเอกละครที่จะใจอ่อนทำตามคำพูดของนาย
“งั้นเหรอ หึหึ นั่นสินะ .. ถ้าฉันเคยมีความรักคงเข้าใจดี”
“..............”
“อ้อ ว่าแต่ .. คนรักลืมตัวเอง กับคนรักนอกใจเนี่ย อันไหนมันเจ็บกว่ากันเหรอ ช่วยบอกทีสิ” ใบหน้าที่ดูเป็นปกติ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรหันกลับมาถามซีวอน ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปกับประโยคที่ได้ฟัง อึดอัดจนพูดไม่ออก เหมือนกับคนที่ทำผิดแล้วไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป เพราะได้แต่คิดอย่างนั้นเลยไม่ได้เอะใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามเขาแบบนี้
“ล้อเล่นน่ะ ไม่ต้องตอบก็ได้ หึหึ.. สงสัยจะอินกับละครเมื่อวันก่อนไปหน่อย” ใบหน้าหวานตอนนี้แทบไม่เหลือคราบของคนเจ้าน้ำตาหรือมีความเศร้าหลงเหลือเลย เหมือนเป็นคนอื่นที่อยู่ในร่างของคนที่เขารักเท่านั้น แต่จะบอกว่าคนอื่นยังไงมันก็ไม่ใช่ เพราะคนๆนี้ ยังไงก็เป็นคนรักของเขาและเป็นคนเดียวที่เขารักมากที่สุด
ซีวอนยกยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะตอบคำถามของร่างบางออกไป
“อันไหนน่ะเหรอที่เจ็บกว่ากัน ..”
“............”
“ก็คงเป็นคนที่ผิดล่ะมั้ง” ดงแฮไม่นึกว่าซีวอนจะตอบคำถามเขาด้วยซ้ำ ได้ยินแบบนั้นเขาเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน ตลอดทางที่รถแล่นไปก็ไม่มีใครเอ่ยอะไร
“เรื่องลูกน่ะ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันจะให้ป้ายุนฮีพาฮีชอลไปอยู่บ้านพ่อแม่ฉันก่อน”
“
......” ดงแฮไม่มีความคิดเห็น จริงอยู่ที่เขาไม่ได้อยากเข้าใกล้เด็กคนนั้นนัก แต่ก็รู้สึกผิดนิดๆที่เพราะตัวเอง เด็กน้อยจึงต้องไปอยู่ที่อื่น
“ก็ทำไมล่ะ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนั้นเสียหน่อย”
“ใช่ ไม่ได้ทำ แต่คนเป็นลูกที่เห็นว่าแม่จำตัวเองไม่ได้นั่นน่ะ มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกนะ”
“แม่งั้นเหรอ .. ฉันช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกเลย”
“หึ .. ไม่น่าเชื่อเลยนะดงแฮ คิดถึงแต่ก่อน เธอออกจะรักลูก ห่วงลูกและก็รักฉัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย
“..............”
“เมื่อไหร่นะ เธอจะกลับมาจำได้”
บรรยากาศที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทั้งสองในตอนนี้ไม่ต่างไปจากที่ผ่านๆมานัก ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล ต่างคนต่างอยากจะพูดให้ทุกอย่างรู้เรื่อง แต่ทำไมล่ะทำไมอะไรๆมันถึงไม่ลงตัวเสียที .. บอกตามตรงว่าความจริงที่รับรู้มานั้น ดงแฮไม่เคยรับมันได้เลย จะมีสักกี่คนกันที่จะเข้าใจว่าเวลาที่จำอะไรไม่ได้ แต่ต้องมาเจอใครที่ไม่รู้จัก ใครที่ไม่เคยรู้ว่าจะเข้ามาในชีวิตตัวเอง กับความจริงที่มันแย่อย่างไม่เคยคิด เป็นใคร .. จะทำใจได้
ร่างบางหันหน้าออกไปมองข้างทางตลอด แต่สิ่งที่เห็นคือแววตาเศร้าๆของตัวเองที่สะท้อนกลับมาจากกระจกบานใสของรถ
.. อะไรบางอย่างทำให้จิตใจเปลี่ยนไป .. ที่จริง เขาเองก็อยากจำได้เหมือนกัน เพราะบางที การหนีแบบนี้เหมือนยิ่งไม่รู้อะไรเลย ..
******************
หลังจากที่ทุกคนเดินทางมาถึงที่ประชุมกันแล้วก็เตรียมเข้าห้องประชุมกันตามปกติก่อนที่การประชุมจะเริ่มในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ เลขาหน้าใสของเจ้าของเหมืองแห่งเดียวในบริษัทนั่งมองทุกคนที่ทยอยเข้าห้องประชุมไปเรื่อยๆพลันสายตาก็สะดุดเข้ากับใครบางคนที่เขาจำได้ดี
“หมอนั่น..” ร่างเล็กเอ่ยเบาๆกับตัวเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนที่เข้าร่วมประชุมนั้น ทุกคนเขารู้จักทั้งหมด แต่มีเพียงคนเดียวที่วันนี้นั้นจะเป็นผู้มาใหม่ ร่างเล็กก้มลงไปมองที่รายชื่ออีกครั้ง
“โจว คยูฮยอน” หัวหน้าฝ่ายการตลาดคนใหม่
“.. เป็นไปไม่ได้น่า” ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ร่างเล็กก็รู้ดีว่ามันเป็นไปแล้ว คนที่ถูกจ้องรู้ตัวก็หันมายักคิ้วให้เป็นเชิงทักทายก่อนจะเดินต่อไป ซองมินแทบอยากจะลุกไปบีบคอให้หายใจไม่ออกสักสิบนาที คนแบบนี้ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอ แถมเขาเองยังถูกต้มซะเปื่อยสนิทด้วยนี่สิ
และก็เป็นการเจอกันที่ดูจะลำบากไปหน่อยสำหรับสองพี่น้อง ในเมื่อ
“ดงแฮ...” เสียงคนเป็นพี่ดังขึ้นเรียกเอาสองคนที่เดินอยู่หยุดเดินทันที
ทั้งที่ไม่กล้าพบ แต่พอเจอเข้าความคิดถึงมันกลับมีมากกว่า ฮันคยองยิ้มกว้างเมื่อเห็นสายตาของน้องที่มองกลับมานั้นเหมือนจะไม่มั่นใจ เขาเองก็ได้แต่เก็บอาการเอาไว้พลางมองไปที่อีกคนเป็นเชิงถาม ซีวอนรู้ตัวจึงเอ่ยออกไป
“.. เอ่อ ดงแฮจะมาประชุมด้วยน่ะ”
“พี่.. สบายดีเหรอ” ดงแฮเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง
“พี่ต่างหากที่ควรจะถาม .. ขอโทษนะที่พี่ไม่ได้มาดูแลนาย” ว่าแล้วก็ค่อยๆดึงน้องชายเข้ามากอด ดงแฮเองก็กอดตอบเช่นกัน เหมือนน้ำตามันจะไหลแต่ก็พยามเก็บไว้ทั้งสองคน ดีใจที่ได้เจอพี่ชาย แต่อะไรบางอย่างเขาเองก็ยังคงไม่ลืม
ส่วนคนเป็นพี่ที่คิดว่าตอนนี้น้องไม่รู้อะไรก็ยังคงรู้สึกผิดเหมือนอย่างเคย ชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนมองอยู่ก็ได้แต่เหยียดยิ้มบางๆกับภาพตรงหน้า ยังไงมันก็เป็นเรื่องน่ายินดีในเวลานี้ที่พี่กับน้องได้เจอกัน ส่วนเรื่องอื่นนั้นก็ค่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น .. และตามที่ใครบางคนควรจะจัดการ
ฮันคยองค่อยๆดันไหล่บางนั้นออก สองมือยกขึ้นแนบใบหน้าของน้องชาย
“จำไม่ได้ใช่ไหม”
“ครับ ..”
“ดีจัง ยังดีที่นายจำพี่ได้”
“แต่ผมว่าถ้าจำใครไม่ได้เลย .. มันอาจดีกว่านะ”
“ดงแฮ..” น่าแปลก ฮันคยองรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เลวร้ายกว่าคนความจำเสื่อมเสียอีก เขาหันหน้าขึ้นมองอีกคนที่ยืนอยู่หลังน้องชาย อยากจะรู้นักว่าอีกฝ่ายทำอะไรน้องเขารึเปล่า
ซีวอนถอนหายใจเบาๆเป็นเชิงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ดงแฮความจำเสื่อม แต่ไม่เพียงสายตาของฮันคยองเท่านั้นที่มองมา คิบอมเองก็จ้องเขาอย่างจับผิดเช่นกัน ทั้งสองทำราวกับว่าเขาเป็นผู้ร้ายฆาตรกรที่พร้อมจะทำเลวตลอดเวลาและไม่น่าให้อภัยเสียอย่างนั้น
“พี่ฮันครับ .. ประชุมจะเริ่มแล้วนะ” คิบอมตัดบทขึ้นพลางสะกิดฮันคยองที่ยังคงยืนอยู่ข้างดงแฮ ร่างโปร่งบางของคนพี่พยักหน้ารับก่อนจะพาน้องชายเดินไปด้วยกัน
“มาก็ดีนะ อยู่บ้านคงเหงา .. เดี๋ยวเข้าไปกับพี่แล้วกัน ผู้ใหญ่ที่นี่เค้าคงดีใจที่เห็นนายมา” ฮันคยองว่าพร้อมกับยิ้มให้ดงแฮที่ตอนนี้ท่าทางเหมือนทำอะไรไม่ถูก แถมยังมีสีหน้าไม่มั่นใจอะไรเอาเสียเลยด้วย มองแล้วซีวอนก็อดคิดไม่ได้ว่าทีอยู่กับเขาอีกฝ่ายดูจะเก่งเสียเหลือเกิน ทั้งเย็นชา ทั้งประชดประชัน คิดแล้วก็อยากจับกอดให้ดิ้นไม่หลุด .. ให้ร้องไห้อยู่แต่ในอ้อมกอดเขาทั้งคืนเลยได้ยิ่งดี
“อืม ..” ใบหน้าหวานพยักหน้ารับคำพี่ชาย ก่อนที่จะหันไปมองอีกคนที่อยู่ข้างฮันคยอง
“นี่ฉันเองนะดงแฮ .. คิดถึงนายมากเลยรู้รึเปล่า” ว่าแล้วคิบอมก็ยิ้มอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนตัวเองคงจำไม่ได้ เลยได้แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายตอบกลับมาแทน .. ร่างสูงที่ยืนมองอยู่เหมือนเป็นคนนอกเริ่มชักสีหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมายุ่งกับคนรักของตัวเอง
ดงแฮเองไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่ได้เจอกัน แต่บางครั้งมันก็รู้สึกไม่สนิทใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น เหมือนกำลังถูกหลอกอยู่คนเดียว ความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเริ่มเกาะกินความรู้สึกอีกครั้ง
.. เจ็บ แต่ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก ..
ฮันคยองเองก็ใช่ว่าจะไม่สังเกตเห็นสายตาของน้องชายตัวเอง แต่เพราะเข้าใจว่ามันย่อมเป็นธรรมดาของคนความจำเสื่อมอยู่แล้ว เขาเลยไม่ได้ติดใจอะไร
“พี่ว่าไปกันเหอะ” แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในที่ประชุมโดยทิ้งให้อีกสองคนข้างหลังยืนอยู่ที่เดิม
“หึ .. ได้พี่แล้วก็อย่ามายุ่งกับน้องแล้วกัน” แล้วก็เป็นซีวอนอีกจนได้ที่เริ่มขึ้นก่อนเวลาที่อยู่กับคิบอม คนถูกเตือนได้แต่หัวเราะอยู่ในใจกับอาการหวงที่ดูไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
“ประโยคดักทางทุเรศๆแบบนี้ไม่มีใครเค้าใช้กันแล้วล่ะ .. อีกอย่างนะ อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าจะเป็นเหมือนตัวเองสิซีวอน”
“นั่นสินะ ลืมไป นายมันพ่อคนดี .. ว่าแต่เป็นไงล่ะ ได้ข่าวว่าไปฮันนีมูนกันถึงไซปันเลยเหรอ”
“ใช่ .. ทำไม” คิบอมถามกลับอย่างไม่เกรงใจ ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ยอมลดราท่าทางเย้ยหยันแบบนี้เสียที
“เปล่าหรอก แค่คิดเล่นๆว่าไปกับฉันหรือกับนาย ฮันจะสนุกกว่ากัน” ทันทีที่ถูกอีกฝ่ายพูดแทงใจดำ คิบอมก็เจ็บขึ้นมาที่ใจ ในหัวนึกถึงแต่หน้าของคนที่ถูกกล่าวถึง แต่เขาก็ไม่แสดงอะไรแบบนั้นออกมาให้ซีวอนได้เห็น
“นายนี่มันไม่รู้จักจำจริงๆเลยนะ” คิบอมพูดไปทั้งที่เขาเองก็รู้ว่าซีวอน
รู้ตัวเองดีเหมือนกัน ซีวอนไม่ตอบอะไรเพราะทุกอย่างที่คิบอมพูดมันก็ถูก
“จริงๆนะซีวอน นายเพิ่งคิดจะมาแคร์ดงแฮตอนนี้หรือไง” คิบอมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตอกย้ำใจคนฟังมากขึ้นไปอีก แต่ผิดคาด ซีวอนไม่ได้โต้ตอบอย่างที่ควรจะเป็น แววตาคมกล้าเปลี่ยนมาเป็นสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซีวอนยกยิ้มขึ้นหัวเราะให้กับตัวเอง
“ใช่แล้วล่ะ .. แค่นี้ก็สาสมแล้ว” เอ่ยกับเพื่อนเสร็จก็บ่ายหน้าหนีเดินเข้าห้องประชุมไป
ไม่ใช่ว่าคิบอมจะไม่เห็นอีกฝ่ายเอาเสียเลย แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่านี่มันเพียงพอแล้วกับที่ซีวอนควรได้รับหรือเปล่า และแน่นอน บางเรื่องที่ยังครุ่นคิด
.. ถ้าซีวอนไม่มีดงแฮ แล้วจะใช่เขารึเปล่าที่ฮันคยองเลือก ..
เข็มนาฬิกาตู้เรือนใหญ่ที่ตั้งไว้มุมห้องประชุม บอกว่าได้เวลาประชุมแล้ว
ก่อนที่ซีวอนจะเดินไปที่นั่งของตัวเอง เขาก็สะกิดเข้าให้ผู้บันทึกการประชุมที่ชะเง้อคอรอเจ้านายตัวเองอยู่
“มันอยู่ที่หน้าห้องน่ะ .. ไปตามสิ”
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ซองมินคิดว่าถ้าเขาไม่ไปเรียกตามที่ซีวอนบอก เจ้านายตัวเองคงยืนอยู่คนเดียวแบบนั้นอีกนาน คิบอมเห็นเลขาของตัวเองมาตามเลยรีบรุดเข้าห้องประชุมไป ก่อนที่เรื่องส่วนตัวจะเกาะกินสมองจนทำให้คิดเรื่องงานไม่ได้
*****************************
และก็เป็นไปตามคาด ร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากที่ประชุมพร้อมด้วยพี่ชายได้แต่หายใจเข้าลึกๆกับตัวเอง ผู้บริหารที่เขาไม่รู้จักต่างก็ยินดีที่ได้เจอ เหมือนกับว่าพอเขามาเข้าร่วมประชุมก็ทำให้บรรยากาศการประชุมดูเป็นกันเองมากขึ้นเสียอย่างนั้น แถมดันหลวมตัวตกปากรับคำว่าจะมางานเลี้ยงของบริษัทในคืนวันพรุ่งนี้ด้วย .. ทั้งที่ตัวเองดึงดันจะมาเอง แต่เอาเข้าจริงดงแฮกลับเกิดอาการกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ดงแฮ โอเคมั้ย” ฮันคยองหยุดเดินก่อนจะก้มหน้าลงมองน้องตัวเอง
“ผมไม่ได้เป็นไรซักหน่อย” เสียงหวานตอบพี่ชาย ทั้งที่ความจริงแล้วจะให้พูดมันก็ยาก .. หัวใจดวงน้อยได้แต่เก็บมันไว้ สงสารตัวเองจับใจ ทั้งแต่ก่อนและตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกันเลย
“พี่ฮัน ..”
“ว่าไง”
“ผมอยากจำได้”
“.........”
“พี่ .. ไม่มีอะไรจะบอกผมเลยเหรอ ช่วยบอกอะไรที่ผ่านๆมาให้ผมรู้หน่อยได้รึเปล่า” แล้วก็มีแต่เพียงความเงียบเท่านั้นที่คนเป็นพี่มีให้น้องชาย มือบางที่โอบไหล่น้องชายไว้เลื่อนลงมานิดหนึ่งเมื่อได้ยิน จะให้เขาบอกว่าอะไร
.. จะให้บอกรึเปล่าว่าพี่กับคนรักของนายทำอะไรกันบ้าง ทำร้ายนายยังไงบ้าง
แววตาที่มองมาที่ฮันคยองอย่างคาดหวังนั้น เจ้าตัวคงจะไม่ได้เห็นเมื่อสิ่งที่ทำอยู่คือได้แต่ก้มหน้าโดยไม่มองสบตาดงแฮเลย ทั้งที่คนฟังอยากจะให้บอกเหลือเกิน
.. บอกผมสิ ว่ามันไม่มีอะไร บอกเรื่องราวปกติธรรมดามา บางทีผมอาจเชื่อที่พี่พูดมากกว่าที่ได้ยินมากับหูก็ได้นะ
แต่มันก็แค่นั้น ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด ดงแฮเลยได้แต่ปวดใจเมื่ออาการของพี่ชายที่เก็บไม่มิดนั้นทำให้เขาเข้าใจว่าความจริงทั้งสองฝั่งนั้น คงไม่ต่างอะไรกัน .. ทุกอย่าง มันคือความจริง
“อยู่นี่เอง .. พอดีคุยกับผู้ใหญ่อยู่น่ะ” ซีวอนบอกพลางกระชับเสื้อสูทเข้าด้วยกันหลังจากที่วิ่งตรงมาหาสองคนที่ยืนอยู่
“อ้อ .. มาก็ดี เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านไปทีหลัง นายพาดงแฮกลับไปก่อนแล้วกันนะ”
“แต่ผมว่าผมกลับ...” ไม่ทันที่ดงแฮจะพูดจบซีวอนก็กำเข้าที่ข้อมือของเขาเสียแล้ว ใบหน้าไม่พอใจหันไปมองอีกคนที่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อะไรเลยแม้แต่นิด
“เอาน่าดงแฮ เดี๋ยวพี่ทำธุระก่อนแล้วจะรีบกลับบ้านนะ” ฮันคยองบอก
“อื้ม” ดงแฮรับคำ เขาไม่ใช่เด็กแต่แค่ไม่อยากกลับบ้านพร้อมอีกคนก็เท่านั้นเอง
แล้วซีวอนก็พาคนรักของตัวเองเดินจากไปโดยที่ฮันคยองได้แต่ยืนมองตามหลัง แวบหนึ่งในจิตใจอดคิดไม่ได้อีกแล้ว ภาพของคนทั้งสองที่เดินจากไป ความรู้สึกเก่าๆเริ่มเข้ามาแทนที่ เคยคิด .. ว่าถ้าที่ตรงนั้นเป็นของตัวเอง จะดีกว่านี้หรือเปล่า เขาจะดีใจที่ได้รับความรักจากผู้ชายคนนั้น หรือจะเจ็บปวดอย่างที่น้องชายตัวเองเป็นอยู่
ฮันคยองปล่อยความคิดแย่ๆเข้ามาภายในจิตใจ ก่อนหน้านี้ที่ดงแฮถาม ถ้าหากว่าต่อไปเขาถูกถามขึ้นมาอีกหรือถูกถามมากกว่านั้นแล้วจะตอบอย่างไรดี สักวันหนึ่ง ดงแฮก็ต้องกลับมาจำได้ แล้วถ้าน้องกลับมาจำได้ เรื่องเก่าๆที่ยังไม่เคลียร์มันจะเป็นอย่างไร .. ร่างโปร่งบางยืนเอนกายติดกับผนังตึกก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เขาไม่ไหวแล้ว น้ำตากับความกลัวมันห้ามไม่อยู่จริงๆ
“คิบอม .. นายอยู่ไหน”
.. บางทีฮันคยองเองคงยังไม่รู้ ว่าคนที่เขาคิดว่าพึ่งพิงได้มากที่สุดตอนนี้ อีกฝ่ายอาจจะกำลังกลัวมากกว่าที่ตัวเขาเองเป็นอยู่ก็ได้
“รออยู่ตรงนี้นะ .. เดี๋ยวจะรีบมา” ซีวอนบอกดงแฮให้นั่งรออยู่ที่ลอบบี้ของบริษัท ร่างสูงเดินไปหาพนักงานประชาสัมพันธ์ให้คอยดูแลอีกฝ่ายในระหว่างที่รอเขา แม้ไม่อยากห่างแต่ก็จำเป็นเพราะมีโทรศัพท์จากผู้ใหญ่เรียกไปคุยเรื่องงานวันพรุ่งนี้ .. ดงแฮมองตามอีกคนที่จากไปอย่างรีบร้อน ร่างบางนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในชุดรับรองตรงมุมหนึ่ง ไม่นานนักน้ำส้มคั้นเย็นฉ่ำพร้อมกับน้ำเปล่าอีกแก้วก็ถูกวางลงตรงหน้า เขาจิ๊ปากกับตัวเองเพราะไม่ชอบแต่พอนึกได้ว่าใครที่เป็นคนจัดการ
ก็ทำเอานึกถึงตอนที่เพิ่งออกจาโรงพยาบาลใหม่ๆ
.
“อะไรเนี่ย .. ฉันไม่ชอบน้ำส้ม”
“จะเปลี่ยนไหมล่ะ”
“ช่างเหอะ กินได้ อันที่จริงมันก็รสชาติไม่เลวไม่ใช่เหรอ”
......
และไม่เพียงแค่นั้นที่นึกได้ จู่ๆสมองก็นึกย้อนกลับไปในอดีตก่อนที่จะความจำเสื่อม อะไรบางอย่างทำให้ดงแฮรู้สึกว่ามันคุ้นเคยยิ่งกว่าความฝันที่ว่าชัดเจนเสียอีก
.
“กินไปเหอะน้ำส้มน่ะ มันมีแค่นี้จะเรื่องมากทำไม”
“แต่ฉันไม่ชอบ นายกินไปสิซีวอน”
“งั้นเอามานี่เลย มีแค่แก้วเดียวไม่กินก็..”
“เออๆๆ กินก็ได้”
.
.. ความผูกพันมันจะกลายเป็นเพียงอดีตไปได้อย่างไร ..
“อึก..” ดวงตากลมหลับลงอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่ารับไม่ทันกับสมองที่คิดย้อนกลับไป ร่างบางพร้อมกับทิ้งแผ่นหลังไปบนพนักนุ่ม พนักงานสาวที่กำลังจะเดินออกไปเห็นเข้าก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เอ่อ .. คุณดงแฮเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมไม่เป็นไร .. คุณไปทำงานต่อได้เลยนะ” เสียงแผ่วๆเอ่ยบอกกับอีกคนหลังจากที่ขืนตัวขึ้นนั่งตรงๆเหมือนไม่เป็นอะไร
“ค่ะ ถ้ามีอะไรเรียกดิฉันได้นะคะ”
“ครับ ขอบคุณมาก”
ดงแฮตกใจไม่หายกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ เหมือนเห็นภาพตัวเองกับคนๆนั้นอยู่ที่ไหนสักแห่งที่แสงแดดจ้ามาก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรต่อ .. มือบางยกแก้วน้ำส้มตัวต้นเหตุขึ้นมอง ก่อนยกขึ้นดื่มจนหมด
.. ดงแฮจะรู้ไหม ว่าทุกครั้งที่ซีวอนให้อะไรไป เขาไม่คิดจะทวงคืนเลย
ประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้นลอบบี้ของบริษัท ร่างสูงของผู้บริหารคนใหม่เดินก้าวเท้าฉับไวเสียจนพนักงานสาวๆแถวนั้นเหลียวหลังมองตามแทบไม่ทัน ไม่ต่างจากคนเดินตามหลังที่แทบจะออกวิ่งตามเสียให้ได้
“โอ๊ย ! ...” และเท่านั้นเองที่คยูฮยอนหยุดเดินร่างเล็กที่วิ่งตามมาก็ชนเข้าไปเต็มๆที่แผ่นหลังกว้าง
“หึหึ ดูท่าจะเหนื่อยแล้วใช่ไหม เอามาสิ”
“.........”
“อ้าว ไม่ให้เซ็นแล้วเหรอ” น้ำเสียงยียวนที่คนฟังไม่สามารถทำอะไรได้นั้นทำเอาทรมานสิ้นดี ซองมินสูดหายใจลึกๆ พยายามข่มอารมณ์ไว้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะต้องเอาเอกสารการประชุมก่อนหน้านี้มาให้เซ็นเขาคงไม่มาง้อขนาดนี้หรอก มือเล็กยื่นแฟ้มออกไปให้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะจัดการกับมันเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะยื่นให้คืน เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับซองมินเลย เพราะเขารู้ตัวดีว่ากำลังถูกแกล้ง
“หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไง” คยูฮยอนว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา
“หึ...” ซองมินกระแทกปกแฟ้มเข้าหากัน ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปทันที
ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเบาๆ
.. คนอะไรหลอกได้ง่ายชะมัด ไม่สิ แกล้งง่ายมากกว่า
“แต่ก็น่ารักดี...” เอ่ยกับตัวเองเบาๆแล้วก็หันมายิ้มให้สาวๆที่มองกันเกรียวกราวก่อนจะเดินตรงไปทางประตูเพื่อจะกลับ แต่ไม่ทันไรสายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่ชุดโซฟารับรองมุมหนึ่ง .. เพียงเสี้ยวหน้าด้านเดียวก็ทำเอาคยูฮยอนจำได้ ท่าทางเศร้าๆเหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรกไม่มีผิด และเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้ที่ห้องประชุม ก็ทำให้เขารู้ว่าคนๆนี้เป็นใคร ร่างสูงไม่รอช้า เดินตรงเข้าไปหาทันที
“สวัสดีครับดงแฮ ยังไม่กลับเหรอ” และโดยไม่ต้องขออนุญาตคยูฮยอนก็ถือวิสาสะนั่งลงไปที่โซฟาตัวตรงข้าม ไม่ต่างกับที่เขาเรียกอีกฝ่ายอย่างกับว่าเป็นเพื่อนกัน แต่กระนั้นดงแฮก็ไม่ได้ถืออะไร
“เอ่อ .. ครับ คุณคยูฮยอน”
“เรียกคยูฮยอนเฉยๆก็ได้ครับ อีกอย่างผมยังเรียกคุณว่าดงแฮเฉยๆโดยไม่ได้ถามเลย” ดงแฮฟังแล้วก็อึ้ง ไม่นึกว่าคนตรงหน้าจะตรงๆแบบนี้
.. แต่ก็ดี ดูจริงใจกว่าคนที่คอยแต่จะพูดดีไปวันๆ
“งั้น ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะคยูฮยอน”
“ครับ .. ว่าแต่นี่ยังไม่กลับเหรอ”
“ผมรอเค้าน่ะ” ได้ยินแบบนั้นคยูฮยอนก็รู้ว่าหมายถึงใคร ซึ่งอันที่จริงก็ไม่แปลก เพราะเขาก็รู้อยู่แล้ว ก็แค่ถามไปงั้นๆเพราะอยากชวนคุยมากกว่า
“ไม่ต้องเรียกตัวเองว่าผมก็ได้นะ คุณอายุมากกว่าผมอีกแน่ะ”
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ พูดปกติเหอะ”
“อื้ม” ท่าทางที่ไม่ค่อยสดใสของดงแฮทำเอาคยูฮยอนยิ่งอยากรู้จักมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ที่คอยดึงดูดเขาเข้าหาอีกฝ่ายได้แบบนี้ .. ยิ่งเห็นคนตรง
“แล้วทำไมถึงเลือกที่นี่ล่ะ”
“ลูกพี่ลูกน้องของผมเค้าเป็นเพื่อนกับแฟนคุณน่ะครับ .. แต่ผมก็เจอเค้าแค่ไม่กี่ครั้งเอง ส่วนที่บอกว่ารู้จักก็แค่พี่ผมเค้าแนะนำผมมาเพราะที่นี่ขาดตำแหน่งที่เหมาะกับผมอยู่พอดี เลยมาลองดูแล้วก็ผ่าน เลยได้เข้ามา”
“งั้นเหรอ ฟังดูง่ายดายดีจัง แต่ก็ดีใจด้วยนะ”
“ครับ” แม้ว่าคยูฮยอนจะเป็นคนฉลาด แต่เป็นใครก็คงดูออกว่าเวลาที่พูดถึงซีวอนทีไรดงแฮมักจะไม่มีอะไรเอ่ยถึงเขาคนนั้น
และไม่รู้อะไรดลใจ ยิ่งพูดยิ่งคุยคยูฮยอนก็มักจะรุกไล่เรื่องราวของดงแฮมากขึ้น ซึ่งบางอย่างที่ดงแฮจำไม่ได้ก็ได้แต่ตอบแบบปัดๆไปอีกใจก็อยากบอกเหลือเกินว่าเขาความจำเสื่อม แต่ก็คิดว่าถ้าบอกไปอาจคุยกันลำบากก็เป็นได้
อย่างนี้คงดีกว่า
“พรุ่งนี้ดงแฮมางานเลี้ยงของบริษัทด้วยใช่ไหมครับ”
“อื้ม .. ผม เอ่อ ฉันคงต้องมาแหละ บอกผู้ใหญ่ไว้แล้วด้วย แต่คยูฮยอนก็ต้องมาอยู่แล้วนี่ใช่มั้ย ต้องแนะนำตัวเองด้วยไง”
“ครับ ผมต้องมาอยู่แล้ว”
ทั้งสองคุยไปได้ไม่เท่าไหร่ คยูฮยอนก็มองไปทางข้างหลังดงแฮที่อีกคนกำลังเดินตรงเข้ามา ซีวอนเห็นคนรักของตัวเองพูดไม่หยุดก็ชักไม่พอใจ ท่าทางร่าเริงแบบนั้น ทีกับเขาไม่เห็นว่าจะทำเลยสักนิด ส่วนคยูฮยอนก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นต่อไป
“พรุ่งนี้ให้ผมไปรับมั้ย”
“จะดีเหรอ”
“ครับ .. ดีสิ อยากรู้จักบ้านดงแฮด้วยไง เผื่อแวะไปเที่ยว”
“อืม .. แต่ว่า” ดงแฮครุ่นคิดก่อนจะตอบตกลงไปเมื่อเห็นใบหน้าไม่พอใจของใครบางคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา
“โอเค .. แต่คยูฮยอนไม่รู้ที่อยู่ฉันไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ดงแฮ!” ซีวอนเรียกเบาๆพลางหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
แม้ว่าจะทักทายออกไปตามมารยาทแต่ซีวอนคงเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“ทิ้งให้ดงแฮรอนานเลยนะครับคุณซีวอน” ว่าไปพลางยิ้มให้ แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้น ใช่ว่าซีวอนจะไม่รู้ คนเราทำไมจะมองกันไม่ออก แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดกับคนที่นั่งอยู่นี่ยังไง
“พอดีไปคุยธุระน่ะ ว่าแต่นายยังไม่กลับเหรอ วันนี้ยังไม่มีอะไรนี่นาหัวหน้าฝ่ายคนใหม่”
“ก็กำลังจะกลับน่ะครับ พอดีเห็นดงแฮนั่งเหงาอยู่เลยมาทักเสียหน่อย”
“ไม่หน่อยแล้วมั้ง” ว่าแล้วร่างบางก็มองหน้าเขา แต่ซีวอนก็ไม่สน พูดแค่นี้จะทำไมกัน
“งั้นฉันคงต้องขอตัวเมียฉันกลับก่อนละกันนะ”
“ซีวอน..”
“น่า .. กลับกันเถอะที่รัก”
“นี่นาย” ดงแฮจะแกะมือของซีวอนออกขณะที่กำลังถูกดึงให้ลุกขึ้น มิหนำซ้ำยังถูกโอบเอวเอาไว้เสียแน่นเลยดิ้นไม่หลุด เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้คยูฮยอนมองออกไปใหญ่ ความคิดไม่ดีเริ่มเข้ามาในหัวของเขา ร่างสูงลุกขึ้นยืนตามก่อนจะกล่าวลาพร้อมกับสายตาที่มองมาที่ดงแฮอีกครั้ง
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคยูฮยอน”
“ครับ อย่าลืมที่สัญญากันไว้ล่ะ” ว่าแล้วก็หันมายิ้มนิดๆให้กับซีวอนด้วย
จนคนที่ถูกยิ้มให้แทบทำอะไรไม่ถูก ยอมรับว่าตัวเองใจร้อน แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว
เมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะเปิดเผย เขาเองก็คงยอมไม่ได้ แต่คนของตัวเองนี่สิ ยิ้มให้คนอื่นเสียจนเขาต้องรีบดึงให้กลับออกไปพร้อมกัน
คยูฮยอนยืนมองคนทั้งสองที่จากไปก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงตามเดิม ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้คิดว่าจะยุ่งด้วยหรอก เพียงแต่พอนึกถึงหน้าของคนที่เพิ่งนั่งคุยด้วยมันก็ชักอยากจะเข้าถึงมากขึ้น .. บอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง แต่รู้ตัวแค่ว่า ชอบ
ความรู้สึกที่มีมันบอกอะไรได้หมดเสียเมื่อไหร่ คยูฮยอนคงคิดว่าตัวเองรู้จักคำว่าชอบกับรักเป็นอย่างดี .. ทั้งที่ความจริงเขาแยกมันไม่เคยออกเลย
และเมื่อออกมาจากตัวตึกแล้วดงแฮก็สะบัดแขนของซีวอนออกให้พ้นตัว
พลางก้าวเดินตรงไปที่รถโดยไม่พูดไม่จาอะไร ร่างสูงเดินตามหลังมาหยุดลงเมื่อถึงรถตัวเองที่จอดอยู่
“สนิทสนมกันดีนะ”
“ใช่ เค้าจริงใจดี”
“รู้ได้ไง”
“ไม่ยากหรอก .. คนเราแค่จริงใจ ยังไงมันก็รู้สึกได้อยู่แล้ว” น้ำเสียงที่ตอกย้ำลงมายังหัวใจคนฟังเปรียบดั่งมีดที่พร้อมจะกรีดลงมาลึกได้ทุกเมื่อ ซีวอนไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ดงแฮเข้าไปนั่งรอในรถทันทีทิ้งให้อีกคนยืนมองโดยทำอะไรไม่ได้ ร่างสูงพยายามข่มอารมณ์ไว้เพราะไม่อยากรุนแรงออกไป .. อดนึกน้อยใจกับทุกอย่างไม่ได้ เมื่อไหร่จะได้คนรักกลับคืนมา แม้จะต้องแลกกับความผิดที่ทำไว้แล้วต้องเสียอีกฝ่ายไป แต่อย่างน้อย ก็ยังรู้ว่าตัวเองยังเคยถูกรัก
..แล้วตอนนี้ล่ะ เขาผิดใช่ไหมที่หึง ผิดใช่ไหมที่หวง .. ผิดใช่ไหมที่รัก
เสียงร้องไห้ดังมาตามสายที่เขากดรับ คิบอมปล่อยให้อีกฝ่ายร้องไห้เสียให้พอ
“.. ถ้าดงแฮจำได้ พี่จะทำยังไงต่อดีล่ะ” ฮันคยองคิดอะไรไม่ออกนอกจากปล่อยทุกอย่างในอกให้อีกฝ่ายฟัง พอจะเข้มแข็งหน่อยใจมันก็อ่อนง่ายเสียยิ่งกว่า ที่แท้แล้วการเผชิญหน้ากับความจริงมันยากยิ่งกว่าอะไรดี
“พี่ .. จะพยามนะคิบอม แต่ตอนนี้มันแย่ไปหมด แล้วต่อไปพี่จะตอบน้องยังไงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าโกหกไปแล้วดงแฮจำได้มันก็ยิ่งแย่ แต่ถ้าบอกตอนนี้มันก็คงไม่ต่างกัน ที่สำคัญพี่ไม่กล้า.. ควรทำยังไงดี”
“ยอมรับไงครับ ยอมรับความจริง”
“งั้นเหรอ .. นั่นสินะ ความจริงที่ดงแฮต้องเกลียดพี่ อย่างที่เค้าเคยบอกไว้ก่อนจะจำไม่ได้”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ .. บางทีทุกอย่างอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้” คิบอมบอกไปแต่ก็ใช่ว่าตัวเองจะเข้าใจ ที่พูดก็แค่คำปลอบที่อยากให้สบายใจหรือบางทีก็อาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“อาจดีกว่าที่คิดงั้นเหรอ”
“ใช่ เค้าเป็นน้อง พี่น้องน่ะตัดกันไม่ขาดหรอกนะ”
“...........”
“เชื่อผมสิ แค่ยอมรับความจริงก็ใช่ว่ามันจะโหดร้ายเสมอไป
จริงไหม .. บางคนเค้าอาจกำลังรู้สึกแย่กว่าพี่ก็ได้นะ”
“หมายความว่าไงน่ะคิบอม”
“ผมก็หมายถึงคนอื่นๆไง ในโลกนี้ เราต่างก็ต้องยอมรับความจริงกันทั้งนั้น”
“.............”
“ฮะฮะ .. จำที่ผมบอกได้ไหม ว่าพี่อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ อยากร้องไห้ก็ร้องไป จะเก็บไว้ทำไมเพราะยังไงมันก็คือความจริง”
“อ่ะ อื้ม.. ขอโทษนะ” เพียงแค่นั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไร น้ำตาหลายหยดแย่งกันไหลลงมาตามแก้มเนียนของร่างโปร่งบางที่ยืนพิงกายอยู่มุมหนึ่งไม่ไกลจากห้องประชุม
ความเงียบและเสียงสะอื้นเบาๆยังคงได้ยินชัดเจนแม้ว่าคิบอมจะยกโทรศัพท์มือถือ ออกจากหูแล้วก็ตาม เพราะเขาเองก็ยืนดูอีกฝ่ายมาตลอดโดยไม่ให้รู้ตัว ก็แค่ไม่บอกว่าอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่อยู่ข้างกายตลอดเวลา
... ผมเข้าใจว่ายอมรับความจริงมันยาก
.
.
Tbc. Chapter13
ความคิดเห็น