คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] RED MEMORY (ChanSoo)
130619
[SF] RED MEMORY
Pairing : Chanyeol x Kyungsoo
Rating : PG-13 + AU นิดๆ
Story and Art : Gornhai
Author note : เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติขึ้นมา
*คำเตือน : ฟิคเรื่องนี้ไม่ใส ไม่หนุก ไม่พีค ไม่กรี๊ดค่ะ
ก่อนอ่านอยากบอกว่า ค่อยๆอ่านนะคะ มันอาจจะอึดอัด มันอาจจะงง ... รึเปล่า ? ^^
Part : First before The Last ..
ยามใดที่แสงอาทิตย์มอดหมดลงไป แสงไฟหลากสีกลับสาดส่องกลบแสงจันทร์
หากแต่ฝันร้ายที่ไม่ใช่แค่ฝัน ยังตามหลอกหลอนให้จดจำราวกับความจริงที่เคยผ่าน
กุหลาบแดง ..
หรือ
..เลือด
ว่ากันว่า ถ้าไม่ใช่อดีต หรือปัจจุบัน .. งั้นอนาคตล่ะ เป็นไปได้หรือ
รักแล้วยากจะถอนใจ
รักแล้วผิดแค่ไหนก็จะยอม
ถ้าลองได้รักแล้ว .. เจ็บเพียงไรก็ไม่กลัว
บทเพลงเลื่อนลอยขับขานไปตามคีย์โน๊ตที่ปลายนิ้วของมนุษย์คนหนึ่งหรือที่เรียกกันว่านักดนตรีนั้นสัมผัส เครื่องดนตรีหลังขนาดพอดีตั้งเหนือเวทีที่ยกขึ้น .. เสียงเปียโนไพเราะ พาท่วงทำนองและเนื้อเพลงที่มีความหมายให้ฟังแล้วน่าเจ็บปวดยิ่งนัก
แววตาคู่หนึ่งที่มองมาจากโต๊ะอีกมุมนั้นเฉยชาผิดกับใบหน้าที่ใครก็ต่อใครต่างก็บอกว่าน่ารักน่าเอ็นดู รสฝาดเฝื่อนของแอลกอฮอล์มีระดับไหลรินลงไปเมื่อยามที่เรียวปากอิ่มก้มลงจรดริมขอบแก้วใส
ฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอน กลับนำพาให้อยากค้นหามากขึ้น
“เจ็บปวดงั้นเหรอ ...”
ริมฝีปากนั้นเอ่ยออกมาแผ่วเบาทั้งที่นั่งอยู่คนเดียว น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อยามที่นึกถึง
.. กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง สีแดงที่ไหลรินย้อมพื้นกระเบื้องขาวให้แดงฉาน
ฝันร้ายที่เพิ่งถึงเพียงเท่านั้นก็กลับทำให้เจ็บปวด .. มันกำลังดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน ค่อยๆเผยให้เห็นภาพทุกภาพ จนถึงตอนจบที่ไม่รู้ว่าจะมีตอนต่อไปหรือไม่
พระอาทิตย์สาดแสงในวันใหม่ผ่านหน้าต่างห้องโถงเรียนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยนักศึกษาชั้นปีสุดท้าย หลายคนมองไปที่ผู้ประสาทวิชาตรงหน้า หลายคนเหมือนกำลังตั้งใจแต่หาใช่อย่างนั้นเลย เช่นเดียวกับดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นบางที่เหม่อมองออกไปยังภายนอก
กลีบดอกไม้สีแดงที่ไม่รู้จักชื่อร่วงหล่นจากต้นไม้ตามแรงลมที่พัดผ่าน ช่างดูเปราะบางไม่ต่างจากตัวเองในฝันร้ายนั้นเลย
อยากรู้อยากค้นหาจนลืมไปว่ากำลังกลัว กลัวว่าจะจบแบบนั้นจริงๆ
“คยองซู...”
เสียงอ่อนโยนที่คอยเรียกหา สัมผัสอบอุ่นตั้งแต่แรกเริ่มยังคงไม่จางหาย และคิดว่าจะเป็นเช่นนั้นไปชั่วนิรันดร์
แล้วทำไม ทำไมต้องเจ็บล่ะ .. ทำไมต้องจาก ทำไม ..
“อึก...” ลมหายใจสูดลึกเข้าเมื่อยามที่รู้สึกตัวจากการเผลอหลับไป
คยองซูยกนิ้วขึ้นขยี้ที่ริมขอบตาก่อนจะดึงแว่นกรอบบางออก ภายนอกที่ไม่สุงสิงกับใคร ทำให้เขาอาจจะไม่มีเพื่อนสนิทอย่างคนอื่นๆ จะมีก็แค่คนที่พอจะคุยด้วยได้ก็เท่านั้น
แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เช้ามีรถคันหรูกับคนขับมาส่ง แล้วคอยรับกลับตอนเย็นพร้อมทั้งดูแลไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง แต่ละวันนั้นเท้าจึงแทบไม่ต้องแตะดินเลยก็ว่าได้
ก็ไม่แปลกที่จะไม่รู้จักความรักอย่างใครเขาเลย
แค่ผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ไม่รู้จักความรัก ภายใต้ความเป็นทายาทของตระกูลผู้ดีมีเงินที่เหลือเพียงไม่กี่คนก็ทำให้จิตใจรู้สึกอึดอัดไม่น้อย จนถึงจุดที่ต้องแอบทำตามใจตัวเอง แต่กระนั้นก็คงได้แค่นั้น เพราะแต่ละค่ำคืนที่แอบออกไปไหนโดยไม่ให้ใครตามไป เขาเองก็ได้แค่นั่งเหงาคนเดียว
.. ใครบอกล่ะว่าไม่รู้จัก ฉันแค่กำลังมีความรักที่จบลงอย่างที่ไม่เข้าใจ
มีเพียงเสียงเบาๆในก้นบึ้งของจิตใจที่กำลังคัดค้านราวกับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และแน่นอน เขามั่นใจอย่างนั้น ถึงจะออกไปทางเพ้อเจ้อเพ้อพกไม่เข้าท่า แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ ใครที่ล่วงรู้คงอยากจะพาเขาไปหาพบจิตแพทย์เป็นแน่
น่าขันสิ้นดีไหมล่ะ ..
ตอนนี้อาจจะยังไม่กล้าตกลงใจว่าที่แท้นั้นมันคืออะไร แค่รอเวลาอย่างมีหวัง หวังว่าจะเจอคนๆนั้น หวังว่าจะได้รักใครคนหนึ่งที่อยู่แต่ในความรู้สึก คนที่รักกัน คนที่ห่วงใย
.................... คนที่ทำร้ายกันในที่สุด
เหมือนความทรงจำ หากแต่ไม่ใช่เรื่องที่ผ่านมาแล้ว .. กลับเหมือนกำลังจะเกิดขึ้น
ภาพเดิมๆปรากฏชัดในความฝัน ภาพตัวเองที่นอนจมอยู่ในอ่างที่ล้นไปด้วยน้ำอุ่นซึ่งย้อมไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากข้อมือ เพราะมีดบางอันคมกริบของตัวเอง
◆◆◆◆◆◆
“คุณหนูครับ .. พักหลังมานี้ตื่นเร็วนะครับ”
เสียงทุ้มที่แสนจะแหบพร่าของพ่อบ้านที่อยู่คู่กับบ้านหลังนี้มาเกือบสองชั่วอายุคนเห็นจะได้นั้นเอ่ยขึ้นกับคนตรงหน้าที่เขาใช้สรรพนามแทนอย่างนั้นเพื่อเป็นการแบ่งแยกฐานะ แต่กระนั้นคนถูกเรียกก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะอยู่สูงกว่าเลยสักครั้ง
“ก็ถ้าผมไม่ลงมา แล้วจะรู้เหรอว่ากุหลาบแดงยามต้องแสงตะวันนั้นมันสดใสแค่ไหน .. ใครล่ะจะอยากมองพวกมันในความมืด” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นลอยๆ คุณหนูคยองซูยิ้มให้คุณพ่อบ้านเล็กน้อย
แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ยังรู้สึกตัวว่าได้พูดอะไรไร้สาระออกไปยากที่คนอื่นจะเข้าใจ
หลังจากที่เอ่ยประโยคเกี่ยวกับเรื่องกุหลาบที่ตัวเองปลูกไว้แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ท่าทางเงียบๆของเขานั้นเป็นเรื่องปกติที่คนในบ้านจะเห็นออกบ่อย แต่กระนั้นทั้งคุณพ่อบ้านและบ่าวรับใช้ทุกคนก็มองเห็นบางอย่างในท่าทีเช่นนั้น
ความเหว่ว้า หงอยเหงา ..
ดวงตากลมยังคงรักษาความเฉยเมยเย็นชาที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เล็กจนโตที่พ่อบ้านคนนี้ได้แต่เฝ้ามองดูคุณหนูของตนเติบโตมาโดยมีพร้อมทุกอย่าง ขาดก็แต่สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว จะส้กกี่ครั้งกันที่คุณหนูของเขาจะยิ้มออกมาจากใจ มันก็แค่ในเวลาที่คุณท่านทั้งสองว่างจากงานในต่างประเทศก็เท่านั้น
จนทุกวันนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย ทำให้เขาเข้าใจว่าความรักมันจำเป็นต่อมนุษย์เราแค่ไหน
บ้านที่มีพร้อมทุกอย่าง คนรับใช้ เสื้อผ้า รถยนต์ อาหาร เงินทอง ใครก็ต่างต้องการมัน ในสายตาของคนอื่นที่มองคุณหนูของเขาว่าเพียบพร้อมจนน่าอิจฉา หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วนั้นสิ่งสำคัญที่ปรารถนามากที่สุดกลับไม่มีอย่างคนอื่น
สายตาของชายอายุมากจดจ้องมองร่างของคนตรงหน้าที่กำลังนั่งรดน้ำต้นกุหลาบในแปลงเล็กๆแห่งนี้ ใบหน้าขาวๆนั่งยองก้มอยู่กับดอกไม้สีแดงราวกับพวกมันเป็นเพื่อนในยามที่ไม่มีใคร
“ถ้าคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายได้อยู่ใกล้ชิดคุณหนูบ้างก็ดีนะครับ”
“เค้าไม่ว่างหรอกครับ”
“คุณหนู”
“ช่างเถอะ เจอกันตั้งปีละสองสามครั้งแน่ะ ดีจะตายไป”
“คุณหนู...”
“ผมรู้ว่าพ่อกับแม่รักผม ผมก็รักเค้า”
แต่จนบัดนี้คยองซูก็ยังไม่เข้าใจคำว่ารักอยู่ดี ทั้งที่ความรักที่มีในชีวิตนี้นั้นกลับไม่ได้ตอบสนองกลับมาเต็มเปี่ยมอย่างที่คาดหวัง ทุกสิ่งอันเพียบพร้อมในชีวิตนี้จึงกลายเป็นเหมือนกับกำแพงหนาที่กั้นให้สิ่งต่ำต้อยกว่าตัวเองนั้นห่างออกไปเรื่อยๆ
จนท้ายที่สุดก็ไม่มีใคร
..ไม่ได้ต้องการแบบนั้นเสียหน่อย
◆◆◆◆◆◆
ว่ากันว่า ความทรงจำนั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่ผ่านมาแล้วเสมอไป
หรือในกรณีที่เคยเกิดขึ้นแล้ว สามารถเกิดขึ้นอีก
หลายคนเคยสงสัยว่าหากไม่ใช่อดีต อดีตชาติ ความฝัน
หรือในปัจจุบันก็ตามที เพราะฉะนั้น ... อนาคต
อนาคต
อนาคต
อนาคต
มือทั้งสองข้างประกบสันหนังสือเล่มหนาเข้าหากันอย่างรวดเร็วแต่ไร้เสียงอันใดในห้องสมุดขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย ใบหน้าเล็กภายใต้แว่นนั้นเอาแต่ครุ่นคิดติดอยู่กับประโยคไม่กี่บรรทัดตรงหน้าที่ได้อ่านมา
“อนาคต...”
หากมันไม่ได้เป็นเพียงความฝัน แน่ล่ะ.. จะเป็นไปได้ยังไง ใครจะมาฝันเอาทุกวัน ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน หรือแม้แต่ในความรู้สึก
เศร้าหมอง ทั้งที่ยังไม่รู้
เจ็บปวด แต่กลับโหยหา
ความสุขที่เกิดจากการได้รักกับใครคนหนึ่ง
ใครคนนั้นที่เป็นผู้ชายไม่ต่างไปจากตัวเอง
ใบหน้าที่ติดตา น้ำเสียงที่ตรึงใจ
ถ้ามันมีอยู่จริง แล้วเมื่อไหร่ที่เราจะได้พบกัน
.. ปาร์ค ชานยอล
ดวงตากลมหลับลงพร้อมทั้งโทษตัวเองอยู่ในใจราวกับคนบ้า มันมีจริงที่ไหนกัน ผู้ชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน แค่คนในความฝัน แค่คนที่ไม่มีตัวตน
ไม่จริง ....
ฮึก ... ทำไมผมถึงต้องร้องไห้เพราะเขาด้วย
◆◆◆◆◆◆
ค่ำคืนเงียบสงบวกกลับมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องมองแจกันใบเรียวรูปทรงเรียบหรูบนโต๊ะเขียนหนังสือ ราคาที่แสนแพงของมันไม่ได้ทำให้น่ามองเลยเมื่อเทียบกับกลุ่มกุหลาบแดงข้างใน กลีบสีสดบางส่วนตกอยู่ที่ข้างแจกัน
ทั้งที่ยังไม่เหี่ยวซีด แต่ร่วงโรยเสียแล้วหรือ ..
หลายครั้งหลายครา ยามเมื่อกลีบกุหลาบแดงร่วงหล่น หัวใจเหมือนดั่งถูกกรีด
กรีด .. จนสายเลือดไหลหยดแทบหมดกาย กลืนย้อมทุกอย่างให้เปลี่ยนเป็นสีแดง
แผ่นหลังบางทิ้งลงจนเกือบจมหายไปในเตียงกว้าง มือเล็กกำผ้าปูทอดความรู้สึกดึงรั้งมันลงไปจนหมด ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าอีกต่อไป จากที่รักกุกลาบแดงมาก แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าจะมองมัน .. เพราะเหมือนเลือด
เลือด ตัวเองยามที่ถูกความรักทำให้เจ็บปวดจนต้องหลั่งริน
เลือด ที่กระจายในสายน้ำอุ่นจนท่วมอ่าง
สายตาที่จ้องมองประตูห้องน้ำนั้นภาวนาให้มันถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของใครคนนั้น
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขากำลังเหนื่อยอ่อน หายใจไม่ออก
และกำลังจะหลับไปภายใต้สายน้ำอุ่นที่ย้อมไปด้วยเลือดของตัวเอง
... ไม่ ไม่ใช่ ทำไมล่ะ บอกฉันที
น้ำตาหลายหยดไหลลงอาบแก้มอย่างสุดจะทน ทุกอย่างไม่ปะติดปะต่อแต่พอเข้าใจได้ว่าเป็นอย่างไร ความรู้สึกที่เริ่มรับไม่ไหวของใบหน้าที่ร่ำไห้อยู่กับตัวเองนั้นคืออะไร
คนอย่างเขา คนอย่างโดคยองซู คนที่เคยเฉยชา
อยู่กับตัวเองได้โดยไม่ต้องมีใคร .. งดงามแม้ยามมืดมน เหตุใดเลยจึงร้องไห้
อยากสัมผัส อยากจับต้อง อยากจะรู้ว่ารักเป็นอย่างไร .. แม้สุดท้ายจะต้องตายก็ไม่กลัว
◆◆◆◆◆◆
เช้าที่อากาศสดใส ไม่ใช่ที่บ้านหลังใหญ่ แต่เป็นถนนคนเดินใจกลางเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“เย็นจังแฮะ...”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนาวกายไม่เท่าไหร่ แต่หนาวใจนี่สิ ทำอย่างไรจะหาย
เวลาผ่านมาอย่างไร้การพิสูจน์กับเรื่องราวของตัวเองและชายคนนั้น ทุกวันนี้ก็ยังชัดเจนไม่หายไปไหน ทั้งเวลาที่ดีและตอนจบที่รวดร้าวเกินรับไหว .. แต่จะเจ็บยังไง หัวใจก็ยังเรียกร้อง
ร้านกุหลาบเล็กๆที่เปิดโล่งออกมาด้านนอกนั้นดึงให้ร่างเล็กต้องเดินเข้าไปชมสิ่งที่ตัวเองสนใจที่สุดในชีวิต หลังจากที่บอกให้คนขับรถไม่ต้องเดินตามเขาทุกย่างก้าวอย่างที่ควรจะเป็น รอยยิ้มของผู้คนในร้านเรียกให้เขาต้องยิ้มตามไปด้วยเมื่อได้มองหรือซื้อกุหลาบแดงนั่นไป
คยองซูเอื้อมมือออกไปหมายจะหยิบมันขึ้นมาดู แต่แล้วก็ต้องพลาดโดนหนามนั่นปักเอาเมื่อร่างสูงในเสื้อโค้ทตัวยาวของใครไม่รู้ชนเข้าที่ด้านหลังของเขา
“โอ๊ย...”
มือบางยกดูเลือดตัวเองที่ผุดออกมาจากผิวหนังก่อนที่จะเริ่มไหลลงมาตามนิ้ว แผลลึกไม่เท่าไหร่แต่เลือดที่ไหลมันทำให้หวนนึกถึงความทรงจำที่ยังไม่แจ่มชัด
บ้าไหมล่ะ ..
ใบหน้าขาวผ่องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสับสนก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เดินชนตัวเอง แต่ไม่ทันแล้วเมื่อร่างสูงของชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขอโทษด้วยท่าทีรีบเร่งแล้วรีบเดินจากไปโดยยังไม่ได้มองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ
แต่ทุกอย่างในสายตาของคยองซูแทบจะหยุดลงหมด ไม่ใช่เพราะโกรธที่อีกฝ่ายเดินหนีไป ไม่ใช่เพราะว่าเจ็บมากจนต้องการให้มารับผิดชอบ
“ชานยอล...”
เรียวปากอิ่มเอ่ยออกมาเบาๆกับตัวเองโดยลืมไปเลยว่ามืออีกข้างกำลังกุมนิ้วที่เลือดออกอยู่ ชายหนุ่มยืนอึ้งไปกับตัวเองพร้อมกับทบทวนภาพแค่เพียงเสี้ยวหน้าของอีกคนที่เห็นตอนเงยขึ้นอีกครั้ง แต่คนๆนั้นได้จากไปแล้ว ลูกค้าที่จะเดินผ่านออกจากร้านไปก็ได้แต่ยืนมองอย่างไม่พอใจที่เขามาขวางทางแบบนี้ บางคนก็ชนเข้าอย่างไม่ทันระวัง
“ขอโทษครับ ผมไม่เห็น”
“เอ่อ .. ไม่เป็นไรครับ”
ว่าแล้วสองเท้าก็พาตัวเองออกจากร้านมา
คนเมื่อกี้นี้ คนที่ชนเขา ไม่ผิดหรอกมั้ง .. ไม่ผิดแน่ ไม่ผิดแน่ๆ
เหมือนกับคนบ้าที่คิดเองเออเองไปหมด เดินตามหาคนๆหนึ่งเสียจนทั่วแต่ก็ไม่พบ
“หายไปไหนของเค้านะ”
ที่ทำทั้งหมดก็แปลกใจตัวเองไม่น้อยเพราะมันขัดกับความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ว่าเขาไม่ใช่คนจะมาใส่ใจอะไรแบบนี้ และความเป็นจริงที่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือ จะใช่เค้าจริงๆหรือแค่หน้าเหมือนกัน แล้วถ้าทั้งหมดมันแค่ภาพหลอนล่ะ ..
ไม่
ไม่จริง
ต้องเป็นนายแน่ชานยอล เป็นนายใช่ไหม
ก็บอกแล้วไงว่าผมมันบ้า กับคนในความฝันที่คงไม่มีวันมีจริง แต่ทำไม ทำไม ....
ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ก่อเกิดจนเป็นความรักและคบกันในฐานะคนรักเรื่อยมา สุดท้ายแล้วต้องจบลงที่ความตายของฝ่ายหนึ่งอย่างนั้นหรือ
ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจเบาๆกับตัวเองทั้งที่ยังคงมองทางที่รถวิ่งผ่านพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่กุมศีรษะตัวเองเอาไว้ น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาตามใบหน้าที่ก้มอยู่เพราะไม่อยากให้คนข้างๆมาเห็น
แต่คนที่รับหน้าที่ขับรถให้ไหนเลยจะไม่รู้จึงต้องหันมาถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นไรมากป่ะวะชานยอล พักนี่นายเป็นไรวะ”
“เปล่าหรอก .. ช่างฉันเหอะแพคฮยอน ขับไปเร็วๆเหอะน่า” เสียงทุ้มออกคำสั่งกึ่งขอร้องกับเพื่อนรักที่อาสาขับรถให้เพื่อเอางานของพวกเขาทั้งสองไปส่งอาจารย์ให้ทัน
คนถูกสั่งทำได้เพียงพยักหน้าทำตามทั้งที่ก็ยังห่วงอยู่ดี
ปาร์คชานยอลไม่กล้าที่จะบอกใครว่าเขาเป็นอะไร ไม่กล้าแม้กับเพื่อนสนิทตัวเองด้วยซ้ำ เรื่องทั้งหมดที่รู้สึกมันคืออะไรกันแน่ .. ฝันร้ายหรือแค่คิดไปเอง กับคนที่มีตัวตนเพียงแค่ในความคิดยามหลับ คนๆนั้นคือใคร
ความรักที่ต้องจบลงเพราะความผิดของเขา ...
เขาทำอะไรลงไป ทำร้ายคนรักกันอย่างนั้นได้ยังไง ไม่น่าให้อภัยแม้ว่าจะรู้ตัวว่ารักแค่ไหนก็ตาม ช่วงเวลาดีๆที่มีให้กันจบลงง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ แล้วความผิดนั้นคืออะไรล่ะ ใครก็ได้ช่วยบอกที
ความสับสนรุมเร้าเข้ามาที่สมองของชายหนุ่มอยู่ทุกวี่วันและทุกค่ำคืน ความรู้สึกลึกๆที่บอกตัวเองได้คือมันกำลังจะเกิดอย่างแน่นอน .. มันจะเกิดมาแล้วได้อย่างไรในเมื่อเขายังไม่เคยพบคนๆนั้น
ไม่ว่าความผิดนั้นคืออะไร ฉันไม่ได้ตั้งใจ
..ฉันขอโทษนะคยองซู
◆◆◆◆◆◆
เวลาผ่านพ้นไปเป็นปีกับความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ในใจระหว่างคนทั้งสองที่ยังไม่เคยพบเจอ
แสงอาทิตย์สาดส่องอยู่อย่างใดก็เปรียบได้กับใจที่โหยหาความรัก
ดั่งราตรีที่เพรียกหาแสงจันทร์ยามถูกกลุ่มเมฆบดบัง
คยองซูยังคงเฝ้าคอยพบเจอแม้จะรู้ว่าต่อไปจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัส
ชานยอลก็เฝ้าคอยไม่ต่างกัน อยากจะยื้อเวลาให้ตัวเองได้แก้ตัวกับเรื่องที่ทำลงไป
ต่างคนต่างโหยหาและยอมแลก ต่อให้รู้ว่าตอนจบจะเป็นเช่นไรก็พร้อมจะยอมพบเจอ ขอแค่ให้ได้เจอ
และแล้ว หนึ่งปีผ่านไปที่ปาร์คชานยอลเรียนจบ งานก็เข้ามาอย่างไม่ตั้งตัว ถือว่าน่าภาคภูมิใจไม่น้อยที่ยังมีงานที่ให้เขาเลือกได้ แต่เรื่องส่วนตัวก็ยังไม่จางหายไปจากใจ เหมือนกันกับภาพที่ไม่มีวันลืม
ภาพเบื้องหน้าหลังจากที่ตัวเองเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปอย่างร้อนรน เลือดสีแดงไหลนองลงบนพื้นกระเบื้องสีขาว แต่ร่างของคนที่รักสุดหัวใจกำลังจมลึกลงไปในอ่าง
.. ใครจะลืมลงล่ะ กับความรู้สึกที่เหมือนกับหัวใจสลายอย่างนั้น
ต่างคนต่างเฝ้ารอให้วันเวลาผ่านไปเพื่อพิสูจน์ว่าทุกอย่างคืออะไร ด้วยหัวใจที่ปักเชื่อไปทั้งหมดแล้ว และยินยอมพร้อมสำหรับความเจ็บปวด
“คุณหนูครับ พอแล้วก็ได้ครับ”
เสียงแห่บแห้งที่ยังคงอบอุ่นของพ่อบ้านเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนกำลังก้มหน้าก้มตาพรวนดินให้กุหลาบแดงทั้งหลายในแปลงอย่างไม่ห่วงว่าตัวเองจะเหนื่อยเลย
“............” คยองซูไม่ตอบอะไรนอกจากหันมายิ้มให้
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ วันนี้ที่บริษัทมีงานเปิดอบรมพนักงานใหม่ด้วยไม่ใช่หรือครับ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับผม”
“คุณหนู .."
“ครับ ครับ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” เสียงหวานเอ่ยรับคำก่อนจะเดินอืดๆอย่างไม่อยากจากกุหลาบแดงในแปลงพวกนี้ไปเลย แต่ก็ทำไงได้ ในเมื่อเขามีหน้าที่ให้ต้องรับผิดชอบ
พ่อบ้านวัยชรามองตามร่างนั้นจนหายไปในตัวบ้านหลังใหญ่ พักหลังมานี้เขารู้สึกได้ว่าคยองซูนั้นเปลี่ยนไป อย่างไรน่ะหรือ เขาเองก็บอกไม่ถูก
แค่ดูแล้วรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นก็เท่านั้น .. เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
ชานยอลยืนมองตึกสูงระฟ้าตรงหน้าอย่างทึ่งในความยิ่งใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปในฐานะคนที่จะเข้ามาทำงานใหม่ที่นี่ ขายาวพาร่างสูงโปร่งผ่านประตูเข้าไปในชั้นลอบบี้ของบริษัทก่อนจะสะดุดกับความคิดตัวเอง วูบหนึ่งเท่านั้นที่ความรู้สึกบางอย่างตรงเข้าสู่กลางใจ
.. สถานที่นี้ เขาจำได้ ที่ๆมีความทรงจำมากมาย ไม่สิ .. ความทรงจำในห้วงความคิดที่ยาวนาน
เหมือนกับว่าเวลาที่ผ่านมานั้นจะทำให้ความกลัวเริ่มจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยความโหยหามากกว่า
เมื่อไหร่จะได้พบ เมื่อไหร่จะได้เจอ และ .. เมื่อไหร่จะได้รัก
เสียงบรรยายของการอบรมและต้อนรับพนักงานใหม่หลายคนที่บริษัทจัดขึ้นนั้นไม่ได้เข้าหูของร่างสูงที่นั่งอยู่ท่ามกลางคนหลายคนนั้นเลย เมื่อสายตานิ่งงันนั้นเอาแต่จดจ้องที่ใบหน้าของคนที่เป็นที่รู้กันดีว่าคือหลานชายของผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้
แค่วินาทีแรกที่เห็น หูของเขาก็แทบไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป ราวกับว่าทุกอย่างรอบกายนั้นคลายความสำคัญลงจนแทบหมดสิ้น
ใบหน้าน่ารักยังคงนิ่งเฉยต่อสิ่งรอบกาย คยองซูเริ่มเบื่อหน่ายกับการมานั่งให้เกียรติหรืออันที่จริงแล้วมานั่งเฉยๆมากกว่า แต่ด้วยความที่โตขึ้นแล้วจึงไม่ต้องใช้วิธีเอาแต่ใจแต่เขารู้จักเปลี่ยนมันเป็นเก็บมันเอาไว้แทน เขาเริ่มมองไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่เพื่อลองใช้ความคิดกับเรื่องของงานดูบ้าง ดวงตากลมเหม่อมองอย่างเฉยเมยจนสะดุดเข้ากับสายตาใครบางคนที่กำลังมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว
และโดยไม่ต้องคิด
เสียงบรรยายของการอบรมก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีอะไรติดขัด มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่เหมือนกับพบเจอสิ่งที่รอคอยมานาน
.. เจอแล้ว
หากเป็นด้ายแดงที่ว่ากันว่าผูกมัดคนที่คู่กันเอาไว้
ดอกกุหลาบแดงในร้านวันนั้นที่ทำให้มั่นใจว่าคนที่รอคอยมีอยู่จริงก็คงจะไม่ต่างอะไรกัน
และบทเพลงที่ขับขานขึ้นในจิตใจไม่มีลืมเลือน
รักแล้วยากจะถอนใจ
รักแล้วผิดแค่ไหนก็จะยอม
ถ้าลองได้รักแล้ว .. เจ็บเพียงไรก็ไม่กลัว
วันที่คยองซูกรีดข้อมือตัวเอง
วันที่ชานยอลกำลังกลับมาหาอย่างร้อนรนไปทั้งใจ
คนหนึ่งกำลังรอแม้จะถึงลมหายใจสุดท้าย
คนหนึ่งกำลังมาด้วยหัวใจที่ยังรักไม่เปลี่ยนแปลง
คยองซูจะรู้ไหมว่าประตูตรงหน้าที่รอให้เปิดออกนั้นจะเป็นดั่งที่ภาวนาไว้จริงๆ
แล้วชานยอลจะรู้หรือเปล่าว่าหัวใจของเขาที่สลายไป มันจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่
หัวใจดวงน้อยที่เขาเผลอทำลายมันนั้น จะจากเขาไปจริงๆหรือเปล่า
ความทรงจำสีแดงฉานหยุดอยู่แค่ตรงนั้น
และจะเป็นเช่นไรต่อไปคงไม่มีใครรู้ได้
นอกจากเขาทั้งสองคน
ในยามที่อนาคตกลายเป็นปัจจุบัน
.. และแปรผันเปลี่ยนเป็นความทรงจำในอดีตไปพร้อมกับกาลเวลา
.
.
END .. of RED MEMORY
จบแล้วค่ะ ^^
อย่างกับเดจาวู .. เรื่องนี้ไม่หวาน แต่สารภาพว่าไม่ถนัดเรื่องราวน่ารักๆ เลยค่อนมาทางดาร์คนิดๆ (นิดเดียวจริงๆ)
รู้นะทุกคนคง "อะไรเนี่ย นี่ฟิคอะไร" T vT #นังไรท์เตอร์มโนมากมาย
จะมีคนอ่านไหมหนอ แล้วงงกันไหมหนอ แต่อ่านดีๆจะรู้ว่าไม่มีอะไรค่ะ เป็นเรื่องราวธรรมดาๆ แค่รู้สึกว่าคาแร็คเตอร์น้องคยองเข้ากับบทแบบนี้มาก (จริงๆแค่อยากเขียนน้องแบบนี้มากกว่า^^) เปราะบางและเก็บกดนิดๆ
edit* ขอเคลียร์ในเรื่องให้ก่อนนะคะ เห็นน้องๆถามมา คือแปลไทยเป็นไทยว่า ในตอนแรกที่คยองซูฝัน และตามติดในหัว ขณะนั้นเองชานยอลก็เป็นค่ะ(แต่เราจะไม่เอ่ยถึงกัน) ... แล้วมาชนกันที่ร้านดอกไม้ นี่ก็ไม่ได้มองกันอีกค่ะ แต่น้องคยองเห็นก่อนเลยตามไปแต่ไม่ทัน หลังจากนั้นอีก ก็มาเจอกันครั้งแรกตอนงานอบรมค่ะ ... ที่ติดในห้วงความทรงจำ แท้จริงแล้วเป็นความทรงจำที่ยังไม่เกิดค่ะ ตอนนี้ยังเป็นอนาคต รอคอยให้มันมาถึง จบปิ๊ง~~~
เรื่องนี้เป็น SF จบในตัวค่ะ จึงไม่มีให้ค้างอารมณ์ 555
แต่ติดตามตอนต่ออีกตอนได้ใน RED LINE Part : At Last .. เป็นตอนต่อที่สักพักใหญ่ๆถึงจะมาลงให้อ่านกันค่ะ ในตอนนี้จะมีบทของนายปาร์คมาเพิ่ม จะมีกลิ่นอายดาร์คนิดๆแบบนี้ แต่เรื่องจะเคลียร์ค่ะเคลียร์ว่าทำไม ...
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ (อีกพักใหญ่ไว้เจอกันค่ะ ^^V)
ความคิดเห็น