คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ◆ Just A Beat - Part [5]
.. Part 5..
แสงสลัวของหลอดไฟข้างทางส่องเข้ามากระทบใบหน้า รถหลายคันในเลนข้างๆก็แล่นเฉียดผ่านรถของเขาไปตลอดทางหนุ่มนักศึกษาใบหน้าคมคายถอนหายใจออกมาเบาๆ ความเหนื่อยล้าเข้ายึดพื้นที่สมองของเขาแล้วสิ
“วันนี้นี่มันอะไรล่ะเนี่ย เจ็บตัวอีกต่างหาก”
หลังกลับออกมาจากบ้านของแพคฮยอน จงอินก็บังคับพวกมาลัยไปเรื่อยๆอย่างไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา แม้แต่อยู่คนเดียวก็ยังนิ่งสงบได้ แต่รอยหยักในสมองกลับคดเบียดต่างจากใบหน้าเฉยชา นี่กลับถึงบ้านแล้วเขาจะต้องอธิบายกับพ่อแม่ว่ายังไงกันนะ
จู่ๆเขาก็นึกถึงใบหน้าของคนที่เอาแต่หัวเราะร่าก่อนจากมา ไหนจะข้าวกล่องธรรมดาๆแต่อร่อยนั่นอีก ความคิดซับซ้อนกำลังกลับมลายหายไปเอาง่ายๆ
“นายได้ใช้หนี้ฉันแน่” ใบหน้าคมยกยิ้มน้อยๆกับตัวเอง
รั้วของบ้านหลังใหญ่เปิดรับให้เขาพารถคันคู่ใจเข้าจอดเทียบที่ประจำอย่างรวดเร็ว จงอินก้าวขาลงมาจากรถเก๋งสีดำที่ความวาววับยังฝังแน่นอย่างเดิม ต่างจากอารมณ์ของเจ้าของมันที่เดี๋ยวก็ขึ้นเดี๋ยวก็ลง พักหลังมานี่ช่างไม่คงที่เอาเสียเลย
“อยู่พร้อมหน้ากันเลยนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายพ่อกับแม่และพี่สาวทั้งสองที่ไม่รู้อะไรดลใจให้มานั่งรวมกันอยู่ในห้องโถงแบบนี้
“แหม กลับบ้านมาเจอกันหน่อยล่ะทักเชียวนะว่าพร้อมหน้า” พี่สาวคนโตสุดเปรี้ยวที่ยังอยู๋ในชุดทำงานเอ่ยขึ้นก่อน
“ว่าแต่แกเหอะ นั่นหัวไปโดนอะไรมา” พี่สาวคนรองเอ่ยขึ้นบ้างเมื่อสังเกตเห็นบางอย่าง หล่อนก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อขยับแว่นให้หลีกจากสายตาอันเฉียบคม
พ่อกับแม่ก็เอาแต่พยักหน้าเป็นเชิงถามอีกด้วย
“เอ่อ...”
“ไหนมาให้พี่ดูซิ”
“แม่ไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้เลยนะจงอิน”
“พ่อก็ว่างั้น แอบไปเหลวไหลที่ไหนมารึเปล่า”
แต่ละคำถามช่างจงใจยิงมาสมทบกับความเหนื่อยเหลือเกินนะ จงอินแอบทำหน้าแหยๆอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ไปช่วยลูกหมาข้างทางมา ก็เลยได้แผลแบบนี้แหละ”
คิมจงอินกลับบ้านไปแล้ว
แพคฮยอนเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ผ่านสายน้ำเย็นฉ่ำชื่นใจออกมา ร่างกายที่สามารถสูงได้เท่านี้จริงๆนั้นทิ้งตัวลงไปบนเตียงแรงๆด้วยความเหนื่อยล้า แต่รอยวีรกรรมที่ผ่านมากลับประท้วงขึ้นผ่านความเจ็บปวด
“โอ๊ย!”
แพคฮยอนร้องลั่นพลางงอตัวบนที่นอนทันที แอบก่นด่าตัวเองว่าท่าจะไม่เอาไหนจริงๆ ดูรอยช้ำตรงขากับหลังสิทำไมไม่ระวังเลยนะ
“เจ็บชะมัด”
หนุ่มวัยรุ่นตอนปลายที่ยังเฮ้วไม่หายจู่ๆก็คลายแขนขาออกนอนหงายมองเพดานห้อง ความเงียบชวนให้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ข้องใจตัวเองไม่หาย ตอนนั้นที่จงอินเข้ามาแย่งกระเป๋าคืน เขาคงไม่ถูกผู้ชายด้วยกันหอมแก้มหรอกใช่ไหม ก็แค่หันไปเจอะกันพอดี ไม่น่าหรอกมั้ง
“อืม .. ไม่หรอกมั้ง แค่ใกล้ล่ะน่ะ” ใบหน้าขาวๆพลิกแนบลงไปกับหมอนใบใหญ่ ดวงตาทั้งคู่หลับลงพลางนึกคำนวณถึงระยะห่างระหว่างแก้มตัวเองกับจมูกของคนๆนั้นที่ไม่รู้ว่าจะตีตัวเลขออกมาได้กี่มิลลิเมตรกัน
ขณะที่พลั้งเผลอไปกับความนึกคิดของตัวเอง ภาพตอนนั้นก็วกกลับมาในความคิดอีกครั้ง เขาสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อจิตสำนึกตื่นตัวขึ้นมา แพคฮยอนยกมือยีหัวตัวเองไปมาหลายครั้ง
“บ้าแน่ๆเลย ให้ตายสิ จะหาสาวคนใหม่ควงไปเย้ยยัยนั่นแล้วนี่กูดันถูกผู้ชายด้วยกันหอมแก้มเหรอวะ ... โอ๊ยยยยยยย ไม่ๆๆๆ แค่บังเอิญ แค่มันซวย!!!”
ไม่หรอก ไม่มีทาง
แล้วหากทุกอย่างผิดเพี้ยนไป ใครล่ะจะรับผิดชอบใจหัวใจอันแสนอ่อนหัดกันนะ
△▽ △▽ △▽
“เฮ้ย!!! จงอิน หัวนายไปโดนอะไรมาวะ”
เสียงของหนุ่มเนื้อหอมตะโกนมาแต่ไกลเมื่อเห็นแผ่นอะไรขาวๆแปะไว้ที่ด้านหนึ่งของศีรษะเพื่อน จงอินเงยหน้ามองลู่หานที่กำลังก้าวเร็วๆมายังเขาซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะโล่งภายในมหาวิทยาลัย เขามองเพื่อนอีกคนที่เดินตามติดมาด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย มินซอกที่ทำหน้าหน่ายๆอยู่พอเห็นหัวของจงอินก็พลอยทำหน้าตกใจไปด้วย
“จงอิน นายไปโดนอะไรมา”
“เออๆๆ ใจเย็นๆไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
“ไม่มากได้ไงวะ”
“แล้วนายจะตะโกนทำไมเล่าลู่หาน” จงอินบอกอย่างเหนื่อยใจ ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะนั่งลงแล้วเขาจึงค่อยๆปริปากเล่าไปตามระเบียบ
หลังจากที่ฟังจบ คำถามแรกของเพื่อนรักทั้งสองกลับไม่ใช่เรื่องเป็นห่วงหรืออะไรเลย
“แพคฮยอนเหรอ คนนั้นน่ะเหรอ หน้าตาเป็นไงวะ” ลู่หานถาม
“ก็ธรรมดานี่แหละ จะถามทำไมเนี่ย”
“ก็อยากรู้นี่หว่า”
“เออ ไว้เจอก็รู้เองแหละ .. อ้อ จริงๆเค้าเป็นเด็กโรงเรียนเราด้วยนะ เมื่อตอน ม.ปลาย”
“อ้าวเหรอ ห้องไหนล่ะ” มินซอกถามบ้าง
“ก็ ไกลจากห้องเราอยู่นะ ห้องไหนไม่รู้หรอก ไม่ได้ถาม”
“อ้าว แล้วทำไมไม่ถาม” ลู่หานเสริม
“พอเลยๆพวกนาย จะเอาอะไรนักหนา” จงอินทำหน้าหน่ายๆก่อนจะยกมือจับๆที่ผ้าปิดแผลบนหัว ลู่หานเห็นแล้วด้วยความเป็นห่วงจึงยื่นมือเข้าไปจับบ้าง
“อะ โอ๊ย .. เจ็บนะ” จงอินร้อง
“ขอโทษๆ ก็ไม่รู้นี่หว่า แค่เป็นห่วงน่ะ” ลู่หานทำหน้าสลด
“นายนี่นะ โง่จริงๆ” มินซอกแขวะเข้าให้ก่อนจะถามไถ่จงอินต่อไปอย่างเป็นห่วง เล่นเอาสายตาคนถูกเมินได้แต่มองอย่างหมั่นไส้อยู่ในใจ
“ใช่ซี้ ฉันมันโง่นี่หว่า”
“ว่าไงนะลู่หาน” มินซอกหันมาถาม
“เปล๊า ... ก็แค่ คิดว่าตัวเอง คงมีดีแค่หน้าตา”
“แหวะ ด่าหรือชมตัวเองกันแน่เนี่ย”
จงอินนั่งมองเพื่อนสองคนเถียงกันไปกันมาในแบบที่เคยชิน ลู่หานก็ยังเป็นลู่หาน ส่วนมินซอกก็ยังเป็นพวกไม่รู้เนื้อรู้ตัวอะไรเลย
ชายหนุ่มก้มหน้าลงเปิดดูตารางงานแต่ละชั่วโมงที่โน้ตเอาไว้ดูคร่าวๆ สักพักก็คงได้เวลาเปลี่ยนผ้าปิดแผลแล้ว จงอินนั่งรอเวลาเพื่อจะไปเรียนในชั่วโมงของตัวเอง ระหว่างที่มองไปด้านหน้าเพื่อพักสายตาก็เจอใครบางคนที่เดินอยู่ไกลๆ
แพคฮยอนเดินก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือก่อนจะเงยขึ้นเดินไปตามปกติด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อะไร สาวๆกลุ่มไหนน่ารักหน่อยเดินผ่านมาก็มองตามจนเหลียวหลังอย่างทุกที ท่าทีพวกนี้กำลังอยู่ในสายตาของจงอินที่นั่งมองอยู่ไกลๆ
“อยากเห็นเหรอ มานั่นแล้วไง” จงอินบอกเพื่อนอีกสองคนให้ทำหน้าสงสัยไปตามระเบียบว่ากำลังพูดถึงใคร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรไปหาคนที่ตัวเองกำลังมองอยู่
“โทรมาอะไรแต่เช้าวะเนี่ย” แพคฮยอนบ่นอุบเมื่อเห็นเบอร์ ก่อนจะกดรับอย่างเสียไม่ได้
“ฮัลโหล”
“เดินตรงมาอีกหน่อยสิ ลานหน้าหอประชุมน่ะ”
แพคฮยอนทำหน้างุนงงกับสิ่งที่ได้ยินมาจากปลายสาย ก่อนที่มันจะหลุดไป
“ดะ เดี๋ยวนะ ให้เดินไปไหนนะ .. อ้าว เฮ้ย”
ว่าแต่นี่หมอนั่นมันสั่งเรางั้นเหรอ
คิดได้อย่างนั้นแต่ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวไปตามคำสั่งเสียแล้วสิ
“หวัดดีพยอนแพคฮยอน”
จงอินเอ่ยทักทายคนมาใหม่ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของพวกเขา
“อืม” แพคฮยอนยืนยิ้มเล็กน้อยไปเผื่อเพื่อนของอีกด้วย คนที่เขาจำได้ดีว่าเป็นคนในกลุ่มเพื่อนลูกคนรวยทั้งหลายของจงอิน
“นั่งก่อนสิแพคฮยอน ได้ข่าวว่าแต่ก่อนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเราเหรอ” ลู่หานเป็นฝ่ายเอ่ยออกไปด้วยความอยากรู้ตามประสาคนมีอัธยาศัย อัธยาศัยในแบบที่มินซอกได้แต่ยิ้มอยู่ข้างๆ
“อ๋อ ใช่ ทำไมเหรอ”
“เปล่าๆ เห็นรู้จักกับจงอินเมื่อวันก่อน โลกกลมเนอะ ว่าแต่นายอยู่ห้องไหนล่ะ” ลู่หานทำหน้าอยากรู้ แต่แพคฮยอนกลับได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ มินซอกที่เป็นพวกอ่านบรรยากาศออกจึงแอบดึงชายเสื้อเพื่อนเอาไว้
“ก็ ห้องสุดท้ายน่ะ” แพคฮยอนตอบเบาๆ
“งั้นเหรอ โชคดีจังนะ เด็กห้องพวกนายสอบติดกันด้วย” ลู่หานพูดไปยิ้มไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับแพคฮยอนเขาไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตัวเองจะหดเล็กลงไปเท่าไหร่แล้ว ทำไมจะต้องมาโดนดูถูกต่อหน้าคนพวกนี้ด้วยนะ เห็นเขาเป็นตัวตลกหรือยังไง
“นี่คุยกันเสร็จยัง ได้เวลาเปลี่ยนผ้าปิดแผลของฉันแล้ว”
จงอินลุกพรวดขึ้นทันที มือหนึ่งของเขาคว้ากระเป๋าเอาไว้แล้วเดินไปจับแขนของแพคฮยอนให้ลุกขึ้นตาม
“พวกนายไม่ต้องรอนะ ไว้เจอกัน” หันไปบอกเพื่อนเสร็จชายหนุ่มก็ดึงอีกคนให้เดินตามเขาไป
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิ” ลู่หานมองตามทั้งสองพลางร้องเรียกอย่างไม่เข้าใจว่าปุบปับจะไปก็ไป
“รู้ตัวบ้างเหอะนายน่ะ”
“อะไรล่ะมินซอก”
“คิดเอาเอง” ว่าแล้วมินซอกก็เป็นฝ่ายลุกเดินออกไปจากตรงนี้อีกคน ทิ้งให้ลู่หานขมวดคิ้วมากกว่าเก่า ก่อนจะวิ่งตามไปเพื่อจะเอาคำตอบจากอีกฝ่าย
“เหนื่อยแล้วนะ หยุดเดินทีได้มั้ย!”
แพคฮยอนถึงขั้นต้องตะโกนออกมาดังๆแล้วสะบัดแขนตัวเองออก จงอินหยุดเดินแล้ว ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่ขอบสนามฟุตบอลใกล้ๆกับสแตนเชียร์ขนาดใหญ่
“นายลากฉันมาทำไม”
“ก็แล้วอยากอยู่ตรงนั้นรึไง”
“มีอะไรให้ต้องกลัวล่ะ”
“ทำหน้าแบบนั้นคิดว่าฉันดูไม่ออกรึไง น่าสมเพชชะมัด”
“วะ ว่าไงนะ”
แพคฮยอนตวัดตาจ้องจงอิน แต่อีกฝ่ายก็แค่ไม่โต้ตอบอะไร
“ก็ เรื่องธรรมดา คนเก่งๆอย่างพวกนายก็ดูถูกพวกฉันอยู่แล้วล่ะนะ”
“เพื่อนฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่มันชอบพูดอะไรไม่คิด” จงอินบอกไปตามตรง
“แล้วไง ทีนายยังพูดเลยว่าน่าสมเพช”
“ก็มันไม่ถูกรึไง ทำหน้าแบบนั้น ทำท่าเฉยๆให้มันถาม”
“...........”
“ปกติก็เก่งออกนี่ ที่แบบนี้ไม่โต้ตอบอะไรใครเค้า ทีกับฉันล่ะโวยวายตลอด”
“โอ๊ย......” จงอินร้องขึ้นเมื่อถูกแพคฮยอนผลักจนเซไปชนกับขอบแสตนเชียร์
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
“ก็บ้าไงวะ .. ฮึ่ย!” แพคฮยอนหันหลังเดินหนีจงอินออกมาด้วยความโมโห
“หัวฉันเป็นแผลเพราะใครกัน ลืมแล้วรึไง กลับมานี่เลยนะ” จงอินตะโกนไล่หลังแพคฮยอน แต่ความโมโหมันไม่ได้หายกันง่ายๆหรอก
จงอินนั่งอยู่คนเดียวที่ชั้นล่างสุดของโครงเหล็กกว้าง พอแพคฮยอนหายไปเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ารอบข้างแทบไม่มีใครเลย อากาศออกจะดีแท้ๆแต่อารมณ์มันดันเสียไปแล้ว คิดแบบนั้นก็ตกใจตัวเองไม่น้อย ปกติแทบจะไม่มีเรื่องไร้สาระที่ไหนมาทำอะไรเขาได้เลย
“นายมันไม่ได้เรื่อง”
ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าออกหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา คนไม่เอาไหนคนนั้นมาทำให้ชีวิตของเขาต้องปั่นป่วนอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก .. นิ่งไว้จงอิน
ทางด้านคนที่ผลุนผลันออกมาก็คุกรุ่นไปด้วยความโกรธ
“โคตรโมโหเลยว่ะ ตัวเองเอาไหนนักรึไงวะ ทำมาเป็นแบบนั้นแบบนี้ ถ้าหวังดีแล้วทำไมไม่ช่วยล่ะ เก่งแต่กับฉันรึไงไอ้บ้านี่” แพคฮยอนพูดกับตัวเองตลอดทาง จนประโยคท้ายนั่นแหละที่เพิ่งรู้ว่าแอบผิดหวังเข้าอีกแล้ว
“โอ๊ย!” ขาเล็กที่ยังช้ำๆอยู่ดันสะดุดก้อนหินขอบสนามจนล้มนั่งลงไปกับพื้น ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกแต่เจ็บใจมากกว่า พอเปิดดูรอยช้ำต่างๆก็หวนนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่อีกฝ่ายทายาให้ ที่สำคัญ เขาเจ็บแค่นี้แต่ไอ้บ้านั่นคงเจ็บกว่าหลายเท่า
ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในหัวของตัวต้นเหตุอีกครั้ง เมื่อกี้จงอินบอกเรื่องเปลี่ยนผ้าปิดแผล คิดๆไปก็กลับไปดีกว่า แต่มันก็เสียฟอร์มเหมือนกันนะ เอาไงดีล่ะ
“ทำไมมันไม่อยู่ล่ะ ติดยากเหมือนกันแฮะ” จงอินก้มลงเก็บเทปใสที่ติดไม่ถูกที่เสียทีเลยหล่นลงมาตลอด ดีนะไม่ค่อยมีคนแถวนี้ น่าอายจริงๆ
“ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ คนอะไรใจดำไม่พอยังมาใช้กำลังกันอีก”
“ถ้าใจดำคงไม่กลับมาหรอก!”
เสียงของแพคฮยอนดังขึ้นด้านหลัง จงอินหัวขวับมาทันที
“นาย”
“เออสิ .. ฉันเป็นต้นเหตุ เพราะงั้นจะช่วยก็ได้” ว่าแล้วก็นั่งแปะลงข้างๆด้วยใบหน้าบูดบึ้งทันที จงอินไม่ลืมสังเกตขากางเกงของอีกฝ่ายหรอกว่ามันเปื้อนดินกับเศษหญ้า
“นี่อย่าบอกนะว่าไปล้มมาอีก”
“อ่ะ อ้อ เปล่าๆ .. แค่ สะดุดนิดหน่อย”
“ซุ่มซ่าม”
“ไอ้บ้า” แพคฮยอนฟาดมือลงไปที่หน้าขาของจงอินอย่างแรง
“เฮ้ยจะบ้าเรอะ นายนี่มันบ้าจริงๆด้วย เอะอะก็ใช้กำลัง”
“ก็นายมันปากไม่ดีเอง”
จงอินไม่อยากจะเถียงกันไปกันมาไร้สาระจึงเลือกที่จะเงียบเสียเอง
ระหว่างที่หันหน้าเข้าหากันโดยมีแพคฮยอนเอื้อมมือขึ้นปิดแผลให้ จงอินก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร สายตาคมลอบมองใบหน้าขาวๆที่กำลังตั้งใจอยู่เงียบๆ
เวลาไม่อ้าปากก็ดูปกติดีนี่หว่า คนอะไรโหวกเหวกเป็นงานประจำรึไง
จงอินคิดในใจพลางมองแพคฮยอนจนเพลินไปเลย
“โทษนะ มองไม่เห็นอ่ะ”
แพคฮยอนว่าแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้กว่าเก่า เล่นเอาคนที่เผลอคิดนอกเรื่องไปต้องขยับนั่งตัวตรงแล้วกันหน้าไปอีกทาง จงอินเห็นว่าอีกฝ่ายมัวแต่สนใจเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้เขาจึงค่อยๆหันกลับมามองใบหน้าที่ห่างกันแค่คืบ
“ยังไม่ได้ขอบใจเลยที่มาช่วยบังท่อนไม้แทนฉัน ถ้าไม่ได้นายคนที่เลือดออกหรือดีไม่ดีอาจเจ็บกว่านี้ก็คงเป็นฉันไปแล้ว” แพคฮยอนเอ่ยไปพลางทำหน้าที่ไป หารู้ไม่ว่าคนฟังจะลอบยิ้มออกมานิดหน่อย
“ไม่เป็นไร”
“ถามจริงเหอะ สมัยที่อยู่โรงเรียนน่ะ ภาพลักษณ์คนดีมีน้ำใจของนายเนี่ย มันแกล้งทำหรือจริงๆแล้วนายเลือกปฏิบัติกันแน่” แพคฮยอนที่ตาจดจ้องอยู่กับแผลกำลังพูดไปด้วยโดยไม่ได้สบตากับคนตรงหน้า
“จะรู้ไปทำไม”
“ก็เปล่าหรอก แค่ข้องใจนิดหน่อย”
“ข้องใจหรือน้อยใจที่ฉันไม่เคยพูดดีกับนายกันแน่” คนฉลาดกว่าเปลี่ยนเรื่องในทันที และปากของจงอินก็พาลให้บรรยากาศดีๆระหว่างกันเสียไปหมด
“จะบ้ารึไง .. ใช่ซะที่ไหนล่ะ!” แพคฮยอนตกหลุมเสียแล้ว เลยรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่เรียวหลุบลงมาสบกันกับตาคู่นั้น
ในอกเหมือนใจมันเต้นตึกตักที่จู่ๆมีใครมาแอบล่วงรู้บางอย่าง ก็แต่ก่อนคนมันเคยชื่นชมนี่นะ แต่ไอ้น้อยใจอะไรเทือกนั้นใครมันจะไปรู้สึกกันเล่า
แพคฮยอนหลบสายตาจงอินแล้วรีบๆปิดแผลให้เสร็จ ส่วนอีกคนน่ะเหรอ แม้จะเงียบตามสูตรแต่คิดอะไรในใจใครเลยจะไปรู้
พยอนแพคฮยอนคนโง่ก็ยังเป็นอย่างเดิม แม้จะเถียงกับความรู้สึกตัวเองบ้างแต่เขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะปล่อยให้มันเป็นไปตามหัวใจ ดีมาก็ดีกลับ เห็นว่าดีก็นึกชอบ ไม่พอใจ นึกอยากเกลียดก็เกลียด
ส่วนคิมจงอินที่ฉลาดหลักแหลม รู้จักการแสร้งทำ กับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่นึกจะแยแส แต่เวลานี้เมื่อต้องมาเจอกับคนที่เขามองติดลบมาตลอด ..
.. และเมื่อบางสิ่งมันเริ่มจะผิดเพี้ยนไปนิดๆ น้อยนิดเสียจน ไม่ได้เอามา ใส่ใจ
△▽ △▽ △▽
เสียงนักศึกษาหลายคนในบริเวณนี้เริ่มเงียบไปบ้างแล้ว เพื่อนรักทั้งสองที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจ
“เซฮุนทำไงดีวะ แล้วนี่มึงโทรติดยัง” คยองซูเซ้าซี้เพื่อนขณะที่ยืนอยู่หน้าบอร์ดย่อยใต้ตึกคณะตัวเอง
“ยังไม่ติดเลย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แล้วนี่สายป่านนี้หายไปไหนไม่รู้ ฉันว่าเราไปเรียนรอมันเหอะ” เซฮุนว่า
“เฮ้อ ..”
“แล้วนี่จะทำไงดี คะแนนดิ่งซะขนาดนี้ แกตายแน่ๆแพคฮยอน”
.
.
Tbc.part6
พาร์ทนี้ก็มาไม่ยาวนะคะ ปั่นมาแบบจุกตูดเลยทีเดียว สัญญาว่าพาร์ทหน้ามาเต็มกว่านี้แน่ ;_____;
ใบ้ให้นิดค่ะว่าเรื่องนี้ไม่จบแค่ที่พาร์ท7อย่างที่คำนวณไว้แต่แรกแน่ๆ เรื่องวุ่นๆตามประสาวัยรุ่น(?)กำลังดำเนินไปเรื่อยๆค่ะ ฟิคเรื่องนี้อาจไม่เข้าคอนเซปท์พระเอกปากร้ายกับนายเอกตัวแสบซักเท่าไหร่ (หือ? .. ไม่ใช่และ== ) แต่ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
ฟิคลบเหลี่ยมความแมนของอิแบคลูก #เดี๋ยวนะ 555555
ปล.อย่างเคยค่ะ อาจลงช้าไปบ้างเพราะลงอีกเรื่องควบกันอยู่ แต่อาจช้าขึ้นอีกหน่อยเพราะช่วงนี้กำลังรวมเล่ม Lonely Flower (ChanBaek) ใครสนใจลองไปอ่านได้นะคะ ^^ // หลังจากเมษาไป Just A Beat คงมาเต็มกว่าเก่าค่ะ และเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ มี KaiBaek แบบดราม่าน้ำเน่าละครไทย มาให้อ่านกันแน่นอนค่ะ เตรียมไว้แล้ว ถ้าใครชอบนะ อิอิ^^
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ทุกกำลังใจสำคัญมากจริงๆ ((_ _))!!
เจอกันพาร์ทหน้าคร่า ~~
ความคิดเห็น