คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Broken in silence .. // 3.5 //
.. Chapter 3.5 ..
ถ้วยกาแฟลายหรูถูกบรรจงยกขึ้นดื่มโดยมือของผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน
ท่าม
“วันนี้คุณพ่อมีประชุมที่พรรค .. ส่วนแม่ก็มีงานที่สมาคม ยังไงลูกช่วยจัด
“เข้าใจแล้วครับ ..ผมจะจัดการเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“ดีแล้วล่ะลูก พ่อแม่เคยผิดหวังที่ไหนล่ะ” ใบหน้าที่ยังคงความสวยของผู้เป็นแม่เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่คยูฮยอนจะยิ้มตอบกลับไป จริงอยู่ที่ครอบครัวของเขาอาจไม่คอยมีเวลาให้กัน แต่ทั้งหมดที่พ่อกับแม่ทำ คยูฮยอนรู้ดีทุกอย่าง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
“เฮ้อ .. ดูทำหน้าเข้าสิไอ้ลูกคนนี้ พ่อบอกแกแล้วไงว่าหัดยิ้มไว้บ้าง” ชายวัยกลางคนถอนหายใจเบาๆเมื่อมองมายังลูกชายคนเล็ก เขาส่ายหัวนิดๆก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาตบเข้าที่บ่า และคยูฮยอนก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
“ครับพ่อ” เสียงทุ้มเย็นเอ่ยรับที่บิดาบอก ทั้งที่ในใจกลับรู้สึกต่างไป ในชีวิตที่มันไม่ปกติอย่างคนอื่นๆทั่วไป กี่ปีแล้วนะที่เขาเกิดมาพร้อมเรื่องอย่างนี้ แต่พ่อกับแม่ที่มีหน้ามีตาและแทบไม่มีเวลาให้ พวกท่านทั้งสองก็ยังมีมุมอบอุ่นให้เขากับพี่ชายเสมอมา
“ว่าแต่ว่า คิบอมไปไหนซะล่ะ พ่อว่าจะใช้ให้ไปธุระด้วยเสียหน่อย”
“เค้าไม่อยู่หรอกครับ .. พอดีว่า ผมใช้ให้ไปทำธุระนิดหน่อย”
ล่วงเลยข้ามคืนมาได้ไม่นาน เช้ามืดของวันใหม่ที่อยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็ผ่านเลยไปอีก แสงแดดอ่อนๆของเช้าวันใหม่เข้าแทนที่ความมืดทั้งหมดที่เคยปกคลุม บ้านหลังเล็กในเมืองที่ไกลออกไป
กลับมายังห้องๆเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำ
ความฝันที่แม้แต่ยามหลับก็ยังคะนึงหา .. แม้พบเพียงแต่ความเจ็บปวด
แสงสว่างลอดผ่านม่านสีขาวสะอาดตากระทบบนใบหน้ายามหลับของคุณเจ้าของบ้าน ดวงตาบวมช้ำไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้นมาเลยแม้แต่นิด ร่างเล็กนอนขดกายเข้าหากันโดยที่ผ้าห่มผืนใหญ่ได้แต่กองอยู่ข้างๆ ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในฐานะแขกไม่ได้รับเชิญจึงต้องมีมารยาทช่วยดึงผ้าผืนนั้นขึ้นคลุมกายให้คนตัวเล็กกว่า หากแต่การเข้ามาในห้องนอนแบบนี้มันไม่มีมารยาทมากกว่าเป็นไหนๆ แต่เขาไม่ได้คิดสนใจ
คิบอมถอยห่างออกมาอีกก้าวพลางพินิจมองร่างตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง เขาคงช่วยอะไรไม่ได้ หรืออีกอย่าง เขาคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า .. ชายหนุ่มหันหลังกลับเตรียมจะออกไปโดยปล่อยให้อีกคนได้นอนอยู่ในห้องนี้ ทั้งที่ตัวเขาเองจะยังไม่ได้หลับแม้แต่นาทีก็ตาม ใบหน้านิ่งขรึมหันมามองคนข้างหลังอีกรอบก่อนจะย่างก้าวออกไปยังประตู
“อย่าไปนะ ...”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันกลับไปหา คิบอมหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงของซองมินเรียกเอาไว้ แต่คนที่เขาคิดว่าเรียกกลับไม่รู้สึกตัว เรียวปากอิ่มที่ไม่ค่อยมีสีเลือดขยับพูดบางอย่างที่ฟังไม่ค่อยได้ใจความนัก คิบอมขยับกายเข้าไปใกล้กว่าเดิมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะไม่ค่อยดี
“คุณ...”
“อย่าไปนะ คุณจะทิ้งผมแบบนี้เหรอคยูฮยอน .. ฮึก คนใจร้าย” ซองมินเพ้อออกมาเบาๆทั้งที่ยังหลับอยู่ แต่ครั้งนี้คิบอมกลับได้ยินชัดเจน ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยกำลังฉายแววลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ .. คยูฮยอน คนโกหก” น้ำตาหลายหยดไหลออกมาจากดวงตาช้ำๆผ่านเลยลงไปยังหมอนใบนุ่ม คิบอมทำได้เพียงแค่นั่งมองอย่างไม่รู้จะทำยังไง หลายต่อหลายครั้งที่เขาต้องรู้สึกอึดอัดในเวลาที่ต้องมาอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ของผู้ชายคนนี้กับเจ้านายของตัวเอง
ชายหนุ่มนั่งชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจได้แล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำ ก่อนที่อีกไม่นานเขาจะรีบกลับออกมาพร้อมกับถาดใส่น้ำและผ้า
“ฮัลโหล .. ขอยาแก้ไข้ อืม รีบๆมาล่ะ” สั่งการเสร็จก็หันกลับไปหาคนบนเตียงอย่างเดิม และไม่ทันที่คิบอมจะได้คิดอะไรต่อ มือข้างหนึ่งของซองมินก็คว้าเข้าที่แขนของเขาอย่างไม่ให้ตั้งตัว แม้จะไม่มีแรงแต่สัมผัสที่ไม่อยากปล่อยของร่างข้างกาย บอกให้คิบอมรู้ว่าเขาไม่ควรดึงมือตัวเองออกมา
“ฮึก .. อย่าไปเลยนะ อยู่กับผมเหมือนเดิมได้มั้ย” เสียงแหบพร่ายังคงพร่ำเพ้อไม่หยุด ใบหน้าขาวซีดขยับไปมากับหมอนที่ใช้หนุน คิบอมไม่กล้าแม้แต่จะดึงมือตัวเองออกอย่างที่อยากจะทำ เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าเวลาอย่างนี้ควรจะทำอย่างไรดี ปล่อยมือตัวเองออกน่าจะดีที่สุด .. แต่เรื่องที่ดีที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าควรทำที่สุดเสมอไป
สายลมเอื่อยพัดพาเวลาแต่ละวินาทีผ่านไป และผ่านไป จากนาที สู่ชั่วโมง จากหลายชั่วโมง สู่ยามที่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ความเงียบรอบบ้านหลังเล็กพาให้ใจคนที่คงนั่งอยู่ที่เดิมพลอยหงอยเหงาไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้ นัยน์ตาดำสนิทฉายแววห่วง
ร่างสูงของคิมคิบอมยังคงนั่งอยู่ข้างซองมินที่ขอบเตียงตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็เริ่มจะเข้าสู่เวลายามแล้ว ใบหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มหันมองไปยังถุงยาและแก้วน้ำที่วางเอาไว้บนโต๊ะโดยใครบางคนที่เข้ามาแล้วก็กลับออกไปนานแล้ว น้ำเต็มแก้วยัง
“ขี้เซาจริงนะ อยากให้ผมปลุกรึเปล่าเนี่ย ..” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆโดยไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาได้ยินแต่อย่างใด แต่ครั้นพอซองมินขยับตัวนิดหน่อยเขาก็ต้องรีบปิดปากลงทันที คนที่ยังไม่ลืมตาขยับได้เพียงนิดหน่อยก็นิ่งไป แล้วจู่ๆซองมินก็ปัดมือที่จับคิบอมไว้ออก ทำให้รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาที่ยังคงบวมช้ำค่อยๆลืมขึ้นก่อนจะกระพริบช้าๆให้มองได้ถนัดตา
“นาย ...” ซองมินดึงมือตัวเองออกมาก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง ความปวดหัวแล่นเข้ามาพร้อมกัน และนั่นทำให้คิบอมดูออก
“กินยาเถอะคุณ คุณไม่สบายนะ”
“นาย ยังอยู่อีกเหรอ ทำไม.. นายต้องการอะไร” ซองมินไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูดเลย เขากำลังตกใจที่ตื่นมาเจอคิบอมนั่งอยู่ข้างๆมากกว่า
“เฮ้อ .. จะให้ผมพูดอะไรอีกฮะ เอาเป็นว่าคุณ
“เอ้า กินซะ” คิบอมยื่นให้แต่ซองมินยังคงไม่หันหน้ามามองเขา ร่างเล็กกำลังกลั้นบางอย่างที่มันกำลังจะไหลออกมาจากดวงตา ในยามตื่นคนเรามักจะยังอ่อนแอกว่าที่ควรเสมอ และเมื่อนึกถึงเรื่องที่ใจยังจดจำ จู่ๆน้ำตาก็พาลจะร่วงหล่นเอาเสียง่ายๆ คิบอมยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง และก็อีกครั้งที่เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก
“ซองมิน .. ช่วยรับไว้ทีเถอะ ผมปวดแขน” ประโยคสั้นๆที่ไม่รู้สถานการณ์ดังแทรกผ่านความเงียบเข้ามา และมันก็ได้ผลอีกตามเคย คราวนี้คนดื้อดึงราวกับเด็กจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกลวกๆ มือบางทั้งสองรับเอาแก้วน้ำกับยาจาก
คิบอมมากินอย่างรวดเร็ว
“หึ .. แค่นี้ก็เรียบร้อย สมกับที่อุตส่าห์นั่งเฝ้าหน่อย”
“นั่งเฝ้า..” ซองมินทวนประโยคที่ได้ยินพลางขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่า...
นึกได้จึงมองไปยังนาฬิกาที่หัวเตียง ก่อนจะนึกบางอย่างในหัว เขาเข้ามานอนตั้งแต่เช้ามืด แล้วนี่อะไร เย็นมากแล้วด้วย
“นาย...”
“อืม คุณหลับตั้งแต่ตอนนั้น มาตื่นเอาก็ป่านนี้”
“แล้วนายอยู่นี่ตลอดเลยเหรอ”
“ใช่ .. คุณตื่นมาเห็นผมยังไง ผมก็อยู่แบบนั้นตั้งแต่เช้าแล้วแหละ” คิบอมบอกตรงๆไม่มีปิดบัง ไม่ใช่ว่าอยากจะทวงบุญคุณอะไรหรอก เขาเพียงแค่คิดว่าชวนพูดเรื่องอื่นเสียบ้าง บรรยากาศคงจะดีขึ้นกว่านี้
“งั้นก็แสดงว่านายยังไม่ได้นอนเลยสิ”
“ดูคุณจะตกใจจังนะ .. เรื่องแค่นี้เอง”
“แต่มันนานแล้วนะ ไม่ง่วงรึไง อีกอย่าง ..” พอจะพูดว่าคนตรงหน้า แต่ดันเป็นตัวเองเสียเองที่ท้องร้องขึ้นมาเสียดื้อๆ ใบหน้าสีซีดยกยิ้มขึ้นนิดหน่อย และนั่นก็ทำให้คนมองนึกว่ามันน่าดูกว่าเวลาที่ร้องไห้เป็นไหนๆ
“เอ่อ .. อย่างน้อยฉันก็จะถือว่านายอุตส่าห์มานั่งเฝ้าและหายามาให้ละกันนะ เพราะงั้นฉันจะเลี้ยงข้าวเย็นเป็นการตอบแทน” ซองมินบอกเสร็จก็ดันตัวเองขึ้นจากเตียงเตรียมจะก้าวลงมา และพอหยุดลงยืนที่พื้นก็ถูกคนตรงหน้าขยับเข้ามาประชิดตัว
“จะไปไหน”
“ก็จะไปทำอาหารไง รึนายไม่หิว แต่ฉันว่าฉันหิวไม่แพ้นายนะ”
“ผมรู้ .. แต่คุณไม่สบาย จะไปทำได้ยังไง” ถึงตรงนี้แล้วซองมินก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งทำเหมือนกับว่าคิบอมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“หึ .. เห็นฉันดูขี้โรคมากรึไง จะบอกให้นะ ฉันอึดกว่าที่นายคิด เป็นไข้แค่นี้เดี๋ยวก็หาย เมื่อกี้ก็กินยาแล้วด้วย แค่ทำอาหารน่ะสบายมาก” ในเมื่อคิบอมพูดแล้วซองมินก็ไม่ฟัง และเอาเข้าจริงเขาก็ใช่ว่าอยากจะขัด เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไหว จึงปล่อยเลยตามเลย ซองมินเดินออกจากห้องมาด้วยความเหนื่อยอ่อน ทันทีที่เขาหันหลังให้คิบอม ใบหน้าปกติที่ฝืนเอาไว้ก็กลับกลายเป็นหมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ผู้เป็นเจ้าของบ้านตรงไปยังห้องครัวที่เขาไม่ได้สนใจมันมาเสียนาน โดยที่มีใครอีกคนเดินตามหลังไปดูอย่างเงียบๆ ร่างเล็กยกนู่นจับนี่ไปเรื่อยๆ ช้าบ้างเร็วบ้างตามแต่สภาพร่างกายจะอำนวย ขณะเดียวกันคนที่ยืนมองดูห่างๆก็ทำได้แค่มองต่อไปอย่างเดิม
ในเวลานี้จากที่เขาควรจะสนใจกลิ่นหอมๆของอาหารที่ซองมินกำลังปรุงอยู่ แต่คิบอมกลับมองภาพตรงหน้าเสียเพลินจนลืมไปเลยว่าตัวเองนั้นก็หิวอยู่ไม่น้อย ไม่นานนักอาหารเย็นมื้อนี้ที่เป็นมื้อแรกจะคงเป็นมื้อเดียวของวันก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหารขนาดสำหรับสองคน ซองมินนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของตัวเอง ดวงตากลมจับจ้องที่เก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามอย่างยากจะคาดเดาความรู้สึก แต่กระนั้นแล้ว คนเป็นแขกที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะก็พอจะเข้าใจได้
“นั่งลงสิ นายจะยืนกินรึไง” สักพักซองมินก็ตวัดสายตาขึ้นมองคนที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่นั่งเสียที
“จะให้ผมนั่งลงตรงนี้น่ะเหรอ”
“ใช่น่ะสิ มีเก้าอี้ว่างตัวเดียว นายคงไม่คิดจะนั่งพื้นหรอกใช่มั้ย” ซองมินพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆชวนให้คิบอมอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆ ร่างสูงถอนหายใจแล้วนั่งลงทันที เขาไม่ได้งี่เง่าขนาดที่ไม่รู้หรอกว่าเหลือเก้าอี้แค่ตัวเดียว แต่จะให้พูดอะไรอีกล่ะ ในเมื่อ ..
.. คุณกำลังมองมันแบบนั้น แล้วจะให้ผมเสียมารยาทนั่งทับรอยคนที่คุณรักลงไปได้ยังไง
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง จะมีก็เพียงเสียงช้อนจานกระทบกันเบาๆไประหว่างที่ทานอาหารมื้อนี้กันสองคน คิบอมเงยหน้ามองซองมินที่ยังคงไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“ไม่อร่อยเหรอ” ซองมินถามขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงที่คอยหาเรื่อง
“เปล่าหรอก .. เคยมีใครบอกมั้ย ว่าคุณน่ะ ทำอาหารอร่อยมากเลย”
“มีสิ..” ถึงตรงนี้ซองมินก็หลุดยิ้มออกมาก่อนที่มันจะกลายเป็นยิ้มเศร้าๆแทน ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าหมายถึงอะไร ครั้งนี้คิบอมไม่ได้ตั้งใจอยากจะพูดออกไปให้ต้องนึกถึง เขาก็แค่พูดไปตามที่คิด
“เอ่อ โทษที ผมหมายถึงคุณทำอร่อยจริงๆ”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยนี่ ขอบใจนะที่ชม” ซองมินเองก็พูดจากใจจริง
“ว่าแต่คุณไหวรึเปล่า ไม่สบายแล้วยังตื่นมาแบบนี้เนี่ย”
“หึ ขืนนอนต่อไปจะไม่ยิ่งแย่เหรอ กินข้าวสิจะได้แข็งแรง” ก็ถูกอย่างที่บอก คิบอมจึงไม่ได้ถามอะไรอีก ทั้งสองทานอาหารกันจนอิ่มเรียบร้อย และก่อนที่แขกจะลุกไปจากโต๊ะคุณเจ้าของบ้านก็ต้องเรียกเอาไว้ก่อน
“นั่งก่อนสิคุณคิมคิบอม” ซองมินเอ่ยเสียงเย็น คิบอมจึงหยุดแล้วทำตามที่บอก ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไรกับเขา
“นายต้องการอะไร” ซองมินยิงคำถามออกไปตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้โง่ขนาดนั้น แม้ว่าจะเคยหมดทางจนยอมคนพวกนี้แล้ว แต่มันก็อดทนต่อไปไม่ไหวหรอกนะ
“บอกมาดีๆว่านายต้องการอะไร ฉันไม่ได้โง่นะที่จะไม่รู้”
“ใช่ คุณไม่โง่หรอก แต่ถ้าคุณไม่รู้ ....”
“ไม่รู้งั้นเหรอ! ไม่รู้อะไรล่ะ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าคุณชายของนายเค้ามีน้ำใจขนาดไหน หึ .. ส่งแขกถึงที่ยังไม่พอ ยังอุตส่าห์ให้เฝ้าเอาไว้อีก”
“...........”
“กลัวว่าฉันจะแฉหรือทำเรื่องให้เขาต้องเสียชื่องั้นสิ”
“...........”
“โอเค ว่ามาเลย นายคงกำลังรอจังหวะอยู่สินะ แต่ไม่ต้องรออีกแล้วล่ะ บอกมาเลยว่าเจ้านายของนายเค้าให้งบมาฟาดหัวฉันเท่าไหร่ ..”
“...........”
“ .. มันมากกว่าเงินก้อนนั้นที่เค้าทิ้งไว้ให้ฉันก่อนไปรึเปล่า”
ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาดั่งหัวใจที่แกว่งไหวยามเมื่อเอ่ยถึง ใบหน้าเอาเรื่องกลับอ่อนลงเหมือนคนกำลังเจ็บปวด ซองมินเม้มปากแน่นในยามที่ต้องฝืนเข้มแข็งเอาไว้ คิบอมเหนื่อยใจอีกหนกับสิ่งที่กำลังได้ยิน เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะนึกเรื่องแบบนี้ออกมาได้ แต่อย่างว่าล่ะนะ ต้องเจอกับตัวเองคงจะเข้าใจ
.. ใช่แล้วซองมิน คุณไม่ได้โง่จริงๆ .. แต่สุดท้ายแล้วคุณก็เข้าใจไม่ถูกอยู่ดี
“ดูท่าคุณจะดูละครมากไปนะ”
“ .. แล้ว ที่พูดไปไม่ถูกรึไง
“...........”
“ฉันถามนายไม่ได้ยินเหรอ”
“อย่าพยายามเดาเลยดีกว่าน่ะคุณ” ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้คนที่นั่งอยู่ทำอะไรไม่ได้เลยเอาแต่มองตามอย่างรู้สึกไม่ชอบใจนัก
ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป เปลี่ยนยามเย็นให้เข้าสู่ยามค่ำคืน
โต๊ะอาหารตัวยาวมุมเดิมในบ้านหลังใหญ่วางเรียงรายไปด้วยอาหารมื้อเย็นชั้นดีโดยสาวใช้ในชุดเรียบร้อย ที่ตอนนี้ต่างยืนเรียงกันเพื่อรอคำสั่งจากเจ้านายในขณะที่รับประทานอาหาร ในเวลานี้ไม่ต่างจากเมื่อเช้าเลยแม้แต่นิด จะไม่เหมือนกันก็แค่ตอนนี้มีเพียงร่างของชายหนุ่มนั่งอยู่เพียงลำพังโดยปราศจากบุพการีทั้งสอง
“คุณคยูฮยอนจะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะ”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ”
เป็นที่รู้กันดีว่ามื้อเย็นมักจะมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มานั่งอยู่คนเดียว ครอบครัวมักไม่พร้อมหน้าเพราะเวลาที่ไม่ตรงกัน แม้แต่คยูฮยอนเอง หลายครั้งที่เขาไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านก็ได้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาไม่มีอะไรให้ยุ่งและไม่อยากไปไหน คยูฮยอนทำให้บรรยากาศมันนิ่งจนคุณแม่บ้านและสาวใช้ต่างพากันอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณชายของพวกหล่อนเป็นอะไรไป ไม่สิ
.. บางทีก็อดรู้สึกไม่ได้อีกเช่นกัน ว่ามันดูเศร้าๆเหลือเกิน ดวงตาคมนิ่งสงบเสียจนทุกคนคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ชายหนุ่มตักอาหารขึ้นทานอย่างเชื่องช้าก่อนที่จะหยุดมองโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้ข้างๆราวกับมันมีอะไรให้น่าสนใจในเวลานี้ สักพักเขาก็เบือนหน้าหนีแล้วเอื้อมไปตักอาหารมาไว้ในจานต่อไป แต่ละวินาทีที่ร่างกายขยับ เขารู้ตัวดีกว่ามันเหมือนไร้ชีวิต
เช้าวันต่อมา ซองมินตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่โล่งกว่าเก่า พิษไข้ที่เขาต้องสู้กับมันได้พ่ายแพ้ไปแล้วเกือบครึ่ง เรื่องอย่างนี้อีซองมินไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว .. ก็มีแค่บางเรื่องเท่านั้น ที่เขาไม่เคยชนะใจตัวเองให้เลิกนึกถึงได้เสียที ร่างเล็กก้าวขาตรงมายังประตูห้องนอน ก่อนที่จะเปิดออกไปพบกับใครอีกคนที่เขายังจำได้ดีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน ก็อีกฝ่ายเล่นบอกว่าไม่คิดจะหลับจะนอน เขาอุตส่าห์จะยกโซฟาในห้องให้คิบอมก็ไม่ยอม จะเอาผ้าห่มมาให้ก็ไม่เอา ครั้นพอจะไล่ให้ไปก็ไม่ไปอีกเช่นกัน
ซองมินคิดว่าเขาเองก็ไม่มีเวลาพอมาเล่นตลกด้วยหรอกนะ
ร่างเล็กยืนมองไปยังคนที่เอนกายบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วต้องถอนหายใจยกใหญ่ แล้วดูสภาพ .. ถ้วยกาแฟว่างเปล่าวางไว้ที่โต๊ะข้างกาย แต่คนดื่มนี่สิ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซองมินไม่รู้หรอกว่าความจริงนั้นคิบอมเพิ่งจะยอมปล่อยให้ตัวเองหลับไปตอนที่กำลังจะเช้าแล้วในก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง
“ .. หวังว่าฉันจะไม่ต้องเห็นหน้านายอีกนะ แค่วันนี้แหละคิมคิบอม” ว่าแล้วก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง แล้วออกมาพร้อมกับผ้าห่มหนึ่งผืน ซองมินกางมันออกแล้ววางเบาๆลงไปบนร่างของคิบอม แต่ผลของการหวังดีกลับตรงกันข้ามจากที่ควรจะเป็น ดวงตาดำสนิทลืมขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะตวัดดึงเอาร่างตรงหน้าเข้ามาล็อคไว้
“อ๊ะ!!”
ปืนกระบอกเดิมถูกคว้าไว้ง่ายดายเพียงปลายมือของเจ้าของมัน ใบหน้าคมแนบติดกับพวงแก้มขาวอย่างไม่ได้จงใจ และพอรู้ตัวว่าคนในอ้อมกอดหาใช่ใครอื่นที่จะมาประทุษร้ายตัวเองได้ คิบอมจึงต้องเป็นฝ่ายตกใจบ้าง
“คุณ ...” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆเมื่อกลิ่นหอมจากร่างที่กอดเอาไว้นั้นทำให้เขารู้สึกตัวมากขึ้น คิบอมคลายแรงลงก่อนที่ซองมินจะรีบดันตัวเองออกมาแล้วยืนขึ้น
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ..” ใบหน้าขึ้นสีที่ทั้งตกใจทั้งโกรธจดจ้องลงมายังคนที่นั่งอยู่ไม่วางตา ร่างสูงรีบเก็บปืนในมือลงอย่างรวดเร็วพลางหันข้างให้คนพูดเพียงเพราะไม่อยากสบตาด้วย
“โทษที .. ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณน่ะ”
“พูดเหมือนมีใครคนอื่นนะ” ซองมินพูดถูก แต่สำหรับคิบอมแล้วมันไม่ถูกเสมอไป
“เอาเป็นว่า ผมขอโทษละกัน”
“ช่างเหอะ .. ฉันเข้าใจว่ามันเป็นอาชีพของนาย”
“............”
“ถ้าง่วงก็นอนไปซะ เดี๋ยวคุณชายของนายเค้าจะหาว่าแขกคนนี้ไม่มีน้ำใจ ปล่อยให้ลูกน้องของเค้าต้องอดหลับอดนอนมาตั้งสองคืน” คนเป็นเจ้าของบ้านเอ่ยกับแขกที่หันหน้ามามองเขาอีกครั้ง คนเจ้าน้ำตาที่คิบอมรู้จักในตอนนี้กำลังเหยียดยิ้มออกมาอย่างไม่คิดจะแยแส .. ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บเจียนตายเมื่อหลุดปากพูดถึง
“แล้วสรุปว่านายจะออกไปจากบ้านฉันได้เมื่อไหร่ ฉันจะเปิดร้านแล้วนะ รีบๆกลับไปเสียทีได้มั้ย” ซองมินถามตรงๆ และนั่นยิ่งทำให้คิบอมอดจะโหวงๆในอกไม่ได้
“ .. นั่นสินะ ผมคงรบกวนคุณมาก แต่อย่าห่วงเลย เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว”
“อ้อ ... เรื่องเปิดร้านคุณน่ะ ถ้าจะมาคอยไล่กันแบบนี้ ผมว่าคุณเอาเวลาไปเตรียมร้านคุณเผื่อวันพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“นายสอนฉัน ..”
“ฮะฮะ .. คุณนี่ตลกดีจังนะ ผมพูดความจริงยังมาหาว่าสอน” คิบอมเปลี่ยนท่าทางแปลกๆของตัวเองมาหัวเราะคนตรงหน้าให้ได้อายเล่นพอเป็นพิธี และซองมินก็ไม่ชอบเป็นตัวตลกให้ใครดูเสียด้วย
ร่างเล็กเดินหนีคิบอมออกไปยังอีกฝั่งของห้องโถงกว้างที่เขาใช้เปิดเป็นหน้าร้าน คุณเจ้าของบ้านเปลี่ยนสถานะมาเป็นคุณเจ้าของร้านทันที จากที่ตอนแรกต้องจำใจทำนู่นเตรียมนี่ไปอย่างเสียไม่ได้ แต่ในตอนนี้
คิบอมเปลี่ยนจากนั่งมาเป็นนอนมองซองมินไปเงียบๆ ภาพที่อีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนดอกไม้ในตู้แช่ ภาพที่คุณเจ้าของร้านกำลังจัดดอกไม้ลงในแจกัน ภาพที่คนตรงหน้าเดินไปเดินมาจนทั่ว ภาพพวกนั้นที่คนๆนี้กำลังทำหน้าที่ได้อย่างชำนาญ
คิบอมล้วนชื่นชมจากใจจริง เหมือนแสงสว่างที่ตรงกันข้ามกับอาชีพของพวกเขาเหลือเกิน
.. พวกเขาที่ว่า ไม่ใช่จะทำผิดกฎหมาย แต่จะต่างอะไรในเมื่อจิตใจต้องเจอแต่ความมืดมนหม่นหมอง
กลิ่มหอมอ่อนๆ อากาศเย็นๆ ชวนให้เคลิ้มจนชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานความรู้สึกนั้นได้ จึงต้องปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเข้ายึดพื้นที่ในสมองแล้วพาจมสู่ห้วงนิทราในเช้าวันนี้หลังจากที่เขาได้มันมาแล้วแค่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง ส่วนซองมินที่ทำหน้าที่ไปก็ระบายยิ้มออกมากับตัวเองยามที่เดินผ่านบานประตูกระจกใสที่หน้าร้าน เขาพยายามจะยิ้มกว้างๆแล้ว แต่ทำไมมันดูเหมือนร้องไห้มากกว่าล่ะ
.. นั่นสินะ ทำไมนายต้องทำหน้าแบบนี้เล่า เข้มแข็งทีสิ อีซองมิน
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า แทรกผ่านม่านลายหรูกระทบบนใบหน้าของเจ้าของห้องนอนห้องหนึ่งที่แสนกว้างในบ้านหลังใหญ่ ยิ่งกว้างขวางเท่าไหร่ ยิ่งไกลห่างจากความอบอุ่นมากเท่านั้น ไม่เหมือนกับห้องเล็กๆในบ้านของใครบางคน ยิ่งเล็กเท่าไหร่ กลับทำให้ใกล้ชิดและอบอุ่นเกินบรรยาย
ไออุ่นที่เคยกระชับกอดเอาไว้ในตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ดวงตาคมลืมขึ้นมองเพดานห้องอยู่อย่างนั้น ร่างกายที่นอนนิ่งบนเตียงกว้างไม่ขยับไหวติงไปไหน กี่วันแล้วนะที่เขาเป็นอย่างนี้ ภายนอกยังคงเย็นเยียบอย่างเก่า แต่หัวใจกลับเหมือนถูกแช่แข็ง คยูฮยอนหลับตาลงช้าๆขณะที่มือเริ่มจะกำลงบนผ้าปูที่นอน ไม่อยากลุกไปไหน ไม่อยากจะทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกอย่างระหว่างกันยังคงประทับแน่นอยู่ในใจของเขาไม่เคยจางหาย จนถึงภาพสุดท้ายที่เห็น หยดน้ำตามากมายที่ไหลหลั่งพร้อมสายตาตัดพ้อต่อว่า ร่างของคนที่รักสุดหัวใจที่นั่งกองอยู่กับพื้นเพื่อรอตัวเองลงไปหา ทำไมนะ ..
.. ทำไมฉัน ทำได้แค่นั้นล่ะซองมิน
หลังจากที่จัดการกับร้านของตัวเองไปครึ่งค่อนวันแล้วซองมินก็ออกไปซื้อของข้างนอกภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะกลับเข้ามา ร่างเล็กหยุดยืนมองร่างของคนที่ยังนอนอยู่ที่เดิม ก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วเดินผ่านไปด้านในอย่างไม่คิดจะสนใจ
เขาใช้เวลาในยามบ่ายทำอาหารและจัดการหลายๆอย่างภายในร้านไปโดยไม่รีบร้อนเพราะวันนี้ไม่ได้เปิดรับลูกค้าเหมือนปกติ
เวลาล่วงเลยไปจนเข้าสู่ยามเย็น ชายหนุ่มหยุดมองออกไปยังด้านนอก ตะวันเริ่มคล้อยลงแล้ว พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับชุดโต๊ะไม้ตัวเดิมที่เขาไม่ได้เป็นคนซื้อ มือบางแนบลงที่กระจกหน้าต่างพลางจ้องสิ่งภายนอกอยู่อย่างนั้น เรื่องเก่าๆระหว่างกันที่เกิดขึ้น เรื่องเดิมๆครั้งแรกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นด้วยกันฉายผ่านในความ
“ไม่ได้มานั่งไม่กี่วัน ฝุ่นเกาะเยอะเชียวนะ...” ว่าแล้วก็ลงมือถูมันไปมาเพื่อ
คนอวดดีในครั้งแรก ที่นั่งจิบไวน์อย่างไม่ทุกข์ร้อน
คนอวดดี ที่บอกจะทำรั้วให้ใหม่แล้วก็ทำมันจริงๆจนได้
คนอวดดี ที่มั่นใจกับคำว่ารักของตัวเองมากกว่าใคร
คนอวดดี ที่แสนดี ที่แสนรัก .. ที่ กลายเป็นคนใจร้าย
โต๊ะเริ่มกลับมาสะอาดขึ้นอีกครั้งด้วยแรงเช็ดของเจ้าของมัน แต่มันก็ยังคงเปียกมากกว่าเก่า ไม่ใช่เพราะน้ำฝนหรือน้ำค้าง แต่เพราะน้ำตาที่ไหลลงมาแต่ละหยดจากคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ ซองมินยังคงพยายามยิ้มอย่างเคย แต่เขาห้ามน้ำตาเอา
ไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผ้าผืนเดิมเช็ดเอาหยดน้ำตาออกจากโต๊ะ ก่อนที่มันจะหยดลงมาใหม่และเขาก็เช็ดมันออกอีกครั้ง มือบางขยับไปมาพร้อมผ้าที่ยังคงถูอยู่บนโต๊ะผสมกับหยาดน้ำตาที่หยดลงไป เขาทำมันอยู่อย่างนั้นราวกับคนบ้า
ตะวันที่คล้อยต่ำค่อยๆลาลับขอบฟ้าไป ปล่อยให้ความมืดเริ่มปกคลุมลงมารอบกายคุณเจ้าของบ้านซึ่งบัดนี้กำลังนั่งห่อไหล่อยู่ที่โต๊ะตัวเดิม ซองมินปล่อยผ้าผืนนั้นไว้หลังจากที่มันทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว น้ำตาที่เหือดแห้งไปเหลือเพียงคราบเอาไว้บนใบหน้าที่เอาแต่เหม่อมองไปออกไปบนท้องฟ้า คืนนี้ฟ้าโปร่งโล่งก็จริง แต่ทำไมมองไม่เห็นดาวสักดวงเลยล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ ใจดวงน้อยร่ำร้องหาใครคนนั้น แต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางได้ยินมันอย่างแน่นอน
.. ผมต้องตัดใจงั้นเหรอ คุณเข้ามาในชีวิตของคนอ่อนแออย่างผม คุณสอนไม่ให้ผมร้องไห้ เพราะงั้นเรื่องแค่นี้ผมต้องอดทนงั้นสินะ .. คยูฮยอน ผมจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้ยินคำนั้นจากปากของคุณเอง
“มานั่งบริจาคเลือดให้ยุงแถวนี้ทำไมกันคุณอีซองมิน .. ใจดีเกินไปหน่อยแล้วมั้ง” เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังเรียกให้ซองมินสะดุ้งขึ้นมาจากห้วงความคิด ใบหน้าหมองเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงให้คนที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เรื่องของฉันน่ะ .. ขัดหูขัดตานักก็กลับไปซะทีสิ”
“ไล่กันอีกแล้วนะคุณ” คิบอมยกยิ้มขึ้นนิดๆอย่างจะบอกว่าเขาไม่คิดจะไป ทั้งที่ในใจกลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย ทำไมกันนะ แค่ผู้ชายคนเดียวออกปากไล่ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าขนาดนี้
“ฉันไม่ได้ไล่หรอกนะ ก็แค่คิดว่านายคงมีงานสำคัญมากกว่าจะมานั่งเฝ้าฉันอยู่แบบนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คุณชายของนายหรอก” คิบอมได้ยินก็ต้องคิดเพียงแค่ในใจ ถ้ามันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกก็คงดี แต่บังเอิญว่าหน้าที่ที่ซองมินพูดถึง งานสำคัญนั้น .. เขาก็กำลังทำอยู่นี่ไงล่ะ
“ถ้าคุณไม่รู้ อย่าพูดดีกว่าซองมิน”
“ฮะ นายว่าไงนะ” ซองมินถามอีกครั้งเพราะเสียงที่เบามากของคิบอมทำให้เขาไม่ค่อยจะได้ยินมันเท่าไหร่
“เอ่อ ปะ เปล่าหรอก” คนถูกถามหลุดท่าทางแปลกๆออกมาจนคนมองเริ่มสงสัย คิบอมจึงตัดสินใจเปลี่ยนเข้าอีกเรื่องทันทีอย่างไม่รีรอ
“เออนี่ เมื่อกลางวันคุณออกไปข้างนอกมาใช่มั้ย”
“ทำไมนาย
“ผมตื่นมาเข้าห้องน้ำน่ะ” คิบอมบอกไปตามปกติ จะว่าไปยิ่งคุยกับคนๆนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโกหกหลอกลวงเข้าไปเสียทุกที
“มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเค้ามาที่ร้านพอดีกับที่คุณไม่อยู่ เค้าบอกว่าอยากมาขอสมัครทำงานที่นี่ คุณไม่อยู่ผมเลยบอกให้เค้ามาใหม่พรุ่งนี้” พูดจบก็ตีสีหน้าปกติ ไม่มีท่าทางพิรุธให้ซองมินได้เอะใจสงสัยแต่อย่างใด
“งั้นเหรอ .. ฉันไม่เคยคิดรับพนักงานเลยนะ”
“แล้วคุณไม่เหนื่อยหรอกเหรอ ผมว่าร้านคุณทำคนเดียวคงเหนื่อยนะ อีกอย่างเวลาไปส่งของต้องทำไงล่ะ”
“ฉันจ้างเป็นครั้งไปน่ะ”
“ผมว่าเอาค่าจ้างคนอื่นทีละครั้งมาจ้างลูกน้องเอาไว้ในร้านสักคนไม่ดีกว่าเหรอ แบบนี้น่าจะคุ้มกว่านะ” คิบอมแนะนำ ซึ่งซองมินเองก็คิดตามอย่างเข้าใจ
“ก็จริงของนายนะ แต่จะว่าไป ร้านของฉันคงไม่มีค่าตอบแทนให้เค้าได้มากมายหรอก ไม่รู้ว่าเค้ายังอยากจะทำอยู่รึเปล่านะ” คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจเบาๆ คิบอมเห็นอย่างนี้ยิ่งรู้สึกเข้าทางตัวเองไปใหญ่
“แต่ให้ผมเดานะ เค้าคงไม่ล้มเลิกความคิดหรอก เพราะคงไม่ได้หวังค่าจ้างแพงๆจากร้านเล็กๆของคุณตั้งแต่แรกแล้ว ว่ามั้ยล่ะ” ถึงตรงนี้คนฟังก็ต้องตีสีหน้าไม่พอใจใส่ทันทีที่ถูกแขวะออกมาจังๆ ซึ่งมันก็คือเรื่องจริงที่ซองมินไม่คิดจะเถียงเสียด้วย
“อืม พูดอีกก็ถูกอีก .. ช่างเหอะ เอาเป็นว่าจะยังไงก็ช่าง ค่อยว่าก็แล้วกัน” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ดูท่าแล้วซองมินก็คงโอเคอยู่เหมือนกัน ท่าทางโอนอ่อนไปตาม
“เมื่อกี้ยังพูดไม่จบเลย แล้วนายจะกลับไปตอนไหนล่ะ”
“หึ .. เบื่อหน้าผมขนาดนั้นเลยเหรอคุณ”
“.........” ซองมินเงียบไปทำได้แค่สบตา เหมือนอยากจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น เขาไม่ได้รังเกียจอะไรอย่างที่คิบอมคิด
“ผมจะกลับพรุ่งนี้แล้ว”
“งั้นเหรอ..” น่าแปลก ซองมินไม่ได้แสดงอาการดีใจอย่างที่คิดว่าจะได้เห็น อย่างว่าล่ะนะ อีกฝ่ายคงไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะแสดงความพอใจต่อหน้าแขกหลัง
ร่างเล็กก้มหน้าลงนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วแหงนมองไปยังท้องฟ้าอีกครั้งเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไร คิบอมไม่ได้คิดสนใจมองตามขึ้นไปอย่างที่ควร บนนั้นไม่ได้มีอะไรน่าสนไปกว่าคนตรงหน้าเขาสักนิด
“ทำไมวันนี้ไม่มีดาวเลยล่ะคิบอม” ซองมินถามเบาๆท่ามกลางความเงียบทั้งที่ยังอยู่ในท่าเดิมไปขยับไปไหน
“ก็...” คิบอมไม่รู้จะตอบยังไงกับคำถามประเภทนี้ที่เขาก็ไม่ค่อยจะเคยเจอ แล้วยิ่งคนถามเป็นอีกฝ่ายด้วยแล้ว
“หรือมันไม่มี....”
“ไม่หรอก มันมีอยู่จริง แค่คุณมองไม่เห็น”
“...........” ซองมินไม่ตอบอะไรนอกจากยืนนิ่งให้กับคำถามที่ไม่เอาไหนของตัวเอง คิบอมไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะคิดตามความนัยของประโยคที่เขาเอ่ยไปหรือไม่ แต่ถึงยังไง เขาก็ตั้งใจอยากพูดอยู่ดี ร่างสูงขยับกายลุกไปยืนข้างๆพลางมองขึ้นไปบนฟ้าเช่นเดียวกัน ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง สักพักเจ้าของคำถามก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆราวกับประชดตัวเอง
“ฮะฮะ .. ฉันนี่ถามอะไรปัญญาอ่อนเนอะ” ถึงตรงนี้แล้วก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คนสองคนยืนข้างกันภายใต้ท้องฟ้ากว้างยามค่ำคืนที่มองไม่เห็นดาวสักดวง คิบอมลอบมองเสี้ยวหน้าของซองมินที่ดูเหมือนจะยิ้มออกมาเพียงนิด แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกถึงความหมองเศร้าในรอยยิ้มนั้นด้วยล่ะ
ใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดของคิบอมเปลี่ยนมาเป็นอีกอย่างในทันที
“ฮ้า ... อากาศที่นี่ดีจังนะ” เขาครางเบาๆอย่างผ่อนคลายพลางกางแขนออกเพื่อสูดอากาศดีที่ว่าเข้าเต็มปอด เขาหันหน้ามามองคุณเจ้าของบ้านอีกครั้งหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มหรือไม่ก็หันมาแขวะอะไรเขาสักอย่างเหมือนที่ชอบทำ แต่ไม่เลย .. ซองมินยังยืนนิ่งอย่างเดิม ร่างเล็กก้มหน้าลงมองผืนหญ้าเหมือนอยู่กับตัวเองมาก
คิบอมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ในชีวิตนี้เขาไม่เคยภาวนาขอในสิ่งที่ไร้สาระอย่างที่กำลังจะคิดในตอนนี้เลย ท้องฟ้ามืดๆมันมีอะไรน่าสนใจหนักหนา พอๆกับพื้นหญ้าที่คนข้างกายของเขากำลังมองมันราวกับมีอะไรน่าสนใจนั่นแหละ คิบอมอยากให้ซองมินเงยหน้าขึ้นมาบ้างก็เท่านั้นเอง
“ดาวไม่มี ก็ดีกว่ามองพื้นอยู่แบบนี้นะคุณ” และก็เป็นอย่างที่คิด ซองมินไม่พูดอะไรเหมือนไม่ได้ยินที่คิบอมบอก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเอาแต่เงียบเพราะอะไร คนตัวสูงกว่าชักเหนื่อยใจและก็กลัวเหลือเกินว่าน้ำตาของอีกฝ่ายจะท่วมพื้นหญ้าขึ้นมาเสียก่อน .. ให้ตายสิ เขาไม่อยากให้ซองมินเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่แบบนี้เลย
ท้อง
โธ่ พระเจ้า .. อะไรก็ได้น่ะ จะดาวตก ยานอวกาศ หรือจะ ...
ไม่ทันที่จะคิดจบคิบอมก็แทบไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะได้ยินคำขอของเขาแล้วดลบันดาลให้มันเป็นจริงเร็วขนาดนี้
เสียงดังเหมือนอะไรระเบิดมาจากในตัวเมืองซึ่งห่างออกไปไม่ไกล ตามมาด้วยแสงดวงไฟสีสวยที่สว่างวาบขึ้นมาเต็มท้องฟ้ากว้าง ร่างของคนที่ก้มอยู่สะดุ้งขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพร้อมน้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้งไป
“ .. พลุ !” ซองมินเอ่ยออกมาพร้อมกับที่พลุลูกต่อๆไปจะแย่งกันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนแล้วแตกกระจายออกเป็นวงกว้างพร้อมลวดลายและทิศ
“เค้ามีงานอะไรเหรอคิบอม” ซองมินถามดังๆแข่งกับเสียงพลุที่กำลังดังไม่หยุดหย่อน และนั่นก็ทำให้คนถูกถามต้องหลุดออกมาจากห้วงความคิด
“อ้าว .. ผมจะรู้เหรอครับ ว่าแต่คุณดูจะชอบมากเลยนะ”
“ก็ชอบอยู่หรอกนะ .. แล้วนายไม่ชอบรึไง” ซองมินตะโกนถามทั้งที่ยังจับจ้องพลุบนฟ้าอย่างสนอกสนใจ หารู้ไม่ว่าคนข้างกายไม่ได้สนใจเรื่องเดียวกันอย่างที่เข้าใจเลย คิบอมมองอีกฝ่ายที่หันข้างให้ก่อนที่เขาจะหยุดห้วงหายใจไปพักใหญ่ แล้วตอบคำถามนั้นออกมา
“ชอบสิ .. ชอบมากด้วย”
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าไม่ควร ไม่ใช่คิดว่าคงไม่มีใครรู้ แต่ ณ เวลานี้ คิมคิบอมผู้แสนภักดีหาได้สนใจกฎข้อไหนๆไม่ รอยยิ้มของซองมินที่ปรากฎขึ้น แลกกับอะไร .. ก็แค่ รอยยิ้มของคิบอมที่หายไปแล้วแทนที่ด้วยแววตาหมองเศร้าอันไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นมาก่อน
.. ขอโทษ ที่ผมคิดไม่ดีกับคุณ
เสียงของพลุอันสวยงามดังก้องไปทั่วทั้งเมืองทำให้คืนนี้ของใครหลายคนไม่เงียบเหงา และอาจจะรวมไปถึงคุณเจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆแห่งนี้ด้วย สองปลายเท้าเขย่งขึ้นลงเมื่อต้องชี้ให้คนข้างกายดูสิ่งที่ตัวเองกำลังสนใจ คิบอมจับจ้องเรียวปากอิ่มที่ยิ้มกว้างก่อนที่ตัวเองจะเหยียดยิ้มออกมาบ้าง ก็แค่รอยยิ้มจางๆของผู้ชายที่ไม่มีสิทธิ์อะไร เขาฉลาดพอที่จะเก็บกลั้นให้ทุกอย่างไม่มีปัญหา แต่เอาเข้าจริง เวลานี้ เขาขอลืมมันไปสักนาทีก็ยังดี ร่างสูงสูดหายใจเข้าเบาๆปล่อยให้พลุบนท้อง
ฟ้าพาคนข้างกายให้เพลิดเพลิน
ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาแล้วทำลายมันลง ด้วย .. หนึ่งจุมพิต
เพล้ง!!!
แก้วทรงสวยแตกกระจายออกจากกันไปคนละทิศเมื่อกระทบเข้ากับผนังห้องกว้างเพราะแรงขว้างของผู้เป็นเจ้าของ น้ำสีอำพันเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่ไม่ถึงค่อนแก้วเปรอะกระเด็นรวมไปกับเศษแก้วที่แตกละเอียด ดวงตาคมหลับลงเพียงนิดเมื่อเศษเล็กๆชิ้นหนึ่งกระเด็นเฉียดข้างแก้มจนเลือดไหลซึมออกมาเป็นทาง
แต่อย่างไรก็ตาม ต่อให้บาดลึกเท่าไหร่ เขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บมากไปกว่าที่เป็นอยู่
ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนุ่มอย่างเก่า โต๊ะข้างกายมีขวดแก้วบรั่นดีชั้นเยี่ยมวางอยู่โดยปราศจากแก้วซึ่งเขาได้ขว้างมันออกไปแล้ว มือหนากำแน่นลงที่พนักวางแขนก่อนจะหลับตาลงเก็บกลั้นความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้อย่างสุดแสนดังเช่นทุกคืน ไม่ทันไรประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ปรากฎร่างของชายมีอายุซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพ่อบ้านที่ตามติดมาด้วยสาวใช้อีกสองคน
“คุณชายครับ เกิดอะไรขึ้น” ชายมีอายุถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพไม่ต่างจากเสียงที่ดังออกไปด้านนอกเลย หน้าตาตื่นตระหนกของคนทั้งสามทำให้คยู
“รีบไปเอาของมาเก็บกวาดไปสิ” เสียงคุณพ่อบ้านสั่งสาวใช้อีกสองคนให้รีบทำตามก่อนที่พวกหล่อนจะต้องหยุดชะงักเพราะเจ้านายที่ใหญ่กว่าสั่งห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอก ..” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆแต่ชัดเจนในคำสั่งดี
“แต่ว่าคุณชาย .. แก้วแตกแบบนี้มันอันตรายนะครับ แล้วนั่น หน้าคุณชายเลือดออก” เห็นอย่างนั้นแล้วก็รีบหันไปสั่งสองสาวให้ไปเอากล่องพยาบาลมาทำแผลให้ผู้เป็นนาย หากแต่ชายหนุ่มทำได้เพียงยกมือขึ้นห้ามเอาไว้อีกครั้ง
“แต่คุณชายครับ..”
“ไม่ต้องหรอก”
“แต่ว่า ..."
“ผมบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องไงล่ะ!!!” ใบหน้านิ่งขรึมตวาดออกมาเสียงดังจนคนทั้งสามต้องผวา ก็ในเมื่อบอกดีๆแล้วไม่รู้เรื่องเขาก็ไม่คิดจะพูดอีกต่อไปให้เสีย
“ออกไป ฉันสั่งให้ออกไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มข่มเสียงสั่งเป็นรอบสุดท้าย แต่คราวนี้คนทั้งสามเข้าใจดีจึงกุลีกุจอออกไปจากห้องไป เสียงประตูปิดลงแล้ว
คยูฮยอนก็กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง เศษซากของผลงานที่ทำเอาไว้ไม่ได้ประจักษ์แก่สายตาของตัวเองเลยแม้แต่นิด สองเท้าเปล่าเหยียบย่ำผ่านเศษแก้วกระจายเต็มพื้นออกไปโดยไม่สนใจเลยว่าจะถูกคมแก้วนั้นบาดเอา .. เพราะเขาคงไม่รู้สึกอะไร
ทั้งที่ทุกอย่างปกติดี ทั้งที่รอบกายช่างแสนสุขสบาย แต่จิตใจทำไมถึงได้ว้าวุ่นเช่นนี้ คำถามไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใด เพราะคำตอบนั้น เขาได้มันมาก่อนจะมีคำถามนี้แล้วด้วยซ้ำ สายตาคมทอดมองออกไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงจันทร์สาดส่องผ่านหมู่เมฆจางๆลงมายังระเบียงที่เขายืนอยู่ คยูฮยอนถอนหายใจกับตัวเองดังเช่นทุกที เกลียดใครได้นอกจากตัวเอง เพราะตัวเองคนเดียว
พระจันทร์ลอยเด่นอยู่อย่างเดียวดายไม่ต่างอะไรกับคนที่เฝ้ามองมัน แม้ในยามอยู่คนเดียว ดวงตาคู่นี้ก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา และต่อให้พระจันทร์จะงดงามเพียงใด .. แต่เขากลับมองเห็นแค่ใบหน้าของใครบางคนปรากฎอยู่ในนั้นดัง
เสียงพลุหายไปแล้วแทนที่ด้วยไอจากโกโก้ร้อนๆที่ลอยฉุยขึ้นมาจากถ้วยที่ยกขึ้นดื่ม ซองมินและคิบอมนั่งอยู่ตรงข้ามกันหลังจากที่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว ใบ
“ฉันไม่โกรธหรอกนะคิบอม นายคงคิดถึงแฟนเก่าของนายมาก”
“อ่ะ อืม ขอบคุณคุณมากที่ไม่ถือสาอะไรผม ผมก็แย่จริงๆที่ทำลงไปได้ แค่คุณชอบพลุเหมือนแฟนเก่าผม ผมก็อดคิดถึงเธอไม่ได้ .. ขอโทษอีกครั้งนะซองมิน”
“เอาน่า .. แค่นี้เอง” ซองมินก็ยังไม่ถือโทษอะไรคิบอมที่จู่ๆก็ก้มลงมาจูบเขาแบบนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามขอโทษแล้วขอโทษอีกก็ตามที ใบหน้าของคนผิดลอบมองคนตรงหน้าที่กำลังยกถ้วยโกโก้ขึ้นดื่ม ดวงตาคมหลุบลงกับตัวเองยามที่มีโอกาสไม่ได้สบตาแล้วแสร้งสร้างเรื่องไปเรื่อย คิบอมนึกแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองอีกสักทีสองทีที่ทำอะไรลงไปไม่คิด ดีนะที่เขารีบโกหกแก้ตัวก่อน และที่ดีกว่านั้นคือโชคดีที่เป็นซองมิน ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่เชื่อกับสิ่งที่เขาพูดก็ได้ ซองมินไม่ได้โง่ที่หลงเชื่อคำ
.. คุณน่ะ ใจดีแบบนี้กับทุกคนเลยรึเปล่านะ
เมื่อถึงเวลาที่ควรซองมินก็ขอตัวไปนอนเพราะรู้สึกง่วงมากจนลืมคิดไปถึงเรื่องที่คิบอมจะไม่อยู่แล้วจึงไม่ได้ถามอะไรออกไป ร่างสูงมองตามอีกคนที่กำลังเดินเข้าห้องไปด้วยสายตาที่อีกฝ่ายไม่มีวันได้เห็นก่อนที่ประตูห้องนอนจะปิดลงพร้อมกับที่ร่างของซองมินหายไปเข้าไปในนั้นแล้ว
“เฮ้อ .. ไม่ได้บอกลากันเลยนะคุณ”
ชายหนุ่มข่มใจหันกลับมาจากภาพตรงหน้าก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มือถืออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วทำหน้าของตัวเองที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุดต่อไป
.
.
Tbc. Chapter 4
แอร๊ยยยยยยยย!!
เป็นไงกันบ้างคะกับตอนนี้ ??? อึดอัดกันไปตามสไตล์(คนแต่ง)เลยเนอะ
*สงสารคยูฮยอนลึกๆ เจ้าตัวคงอยากบอกว่าบทตรูไปไหนฟระ ==; ฮะฮะฮะ ก็ตามนั้นแหละค่ะ ยกกระต่ายให้เรื่องนึงก็ดีแล้วนะพ่อพระเอก
ไม่ทอล์คอะไรมากมาย อึนๆเบลอๆอยู่เลย .. ขอบคุณทุกคอมเมนท์(แม้จะน้อยนิด) ก็ขอบคุณตลอดนะคะที่ติดตามกัน หรือวิวต่างๆที่เข้ามาอ่านก็ตาม^^ ใครไปงาน KFC#5 แวะบูธ H6 [Love Screamz]ได้นะคะ
ปล.ตอบคำถามจากตอนก่อนหน้า ที่ถามว่าหนังสือได้ตอนไหน หลังงานไก่วันเสาร์ที่ 3 กันยา นี้ค่ะ หรือใครจะแวะไปซื้อที่บูธก็ตามสะดวก
เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ ^^V
ความคิดเห็น