ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Broken in Silence .. (KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #8 : Broken in silence .. // 3.5 //

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 54


     















    .. Chapter 3.5 ..








                  ถ้วยกาแฟลายหรูถูกบรรจงยกขึ้นดื่มโดยมือของผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน
                 
                  ท่าม
    กลางสายตาของคุณแม่บ้านและสาวใช้ทั้งหลาย และดังเช่นทุกเช้า ใบหน้าของชายมีอายุที่แลดูน่าเกรงขามปรายตามองไปยังลูกชายคนเล็กที่นั่งอยู่อีกข้างของโต๊ะอาหารตัวยาว แต่คุณผู้หญิงที่เป็นฝ่ายนั่งอยู่ตรงข้ามลูกชายกลับเอ่ยออกมาเรียบๆเสียเอง


                 วันนี้คุณพ่อมีประชุมที่พรรค .. ส่วนแม่ก็มีงานที่สมาคม ยังไงลูกช่วยจัด
    การเรื่องที่บริษัทอย่างที่แม่บอกไว้ให้ทีนะคยูฮยอนเรียวปากเคลือบลิปสติกสีสดเอ่ยช้าๆ และก็ทุกครั้ง หล่อนจะพูดแค่ไม่กี่ประโยคเพื่อให้เป็นอันเข้าใจกันง่ายๆ ชายหนุ่มวางส้อมที่ใช้กับอาหารเช้าลงเบาๆก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มเพียงไม่กี่อึก ท่าทางเงียบๆอย่างเคยไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อกับแม่สงสัยอะไรอย่างที่ควร

                 เข้าใจแล้วครับ ..ผมจะจัดการเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ

                 ดีแล้วล่ะลูก พ่อแม่เคยผิดหวังที่ไหนล่ะใบหน้าที่ยังคงความสวยของผู้เป็นแม่เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่คยูฮยอนจะยิ้มตอบกลับไป จริงอยู่ที่ครอบครัวของเขาอาจไม่คอยมีเวลาให้กัน แต่ทั้งหมดที่พ่อกับแม่ทำ คยูฮยอนรู้ดีทุกอย่าง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

                
    เฮ้อ .. ดูทำหน้าเข้าสิไอ้ลูกคนนี้ พ่อบอกแกแล้วไงว่าหัดยิ้มไว้บ้างชายวัยกลางคนถอนหายใจเบาๆเมื่อมองมายังลูกชายคนเล็ก เขาส่ายหัวนิดๆก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาตบเข้าที่บ่า และคยูฮยอนก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น

                 ครับพ่อเสียงทุ้มเย็นเอ่ยรับที่บิดาบอก ทั้งที่ในใจกลับรู้สึกต่างไป ในชีวิตที่มันไม่ปกติอย่างคนอื่นๆทั่วไป กี่ปีแล้วนะที่เขาเกิดมาพร้อมเรื่องอย่างนี้ แต่พ่อกับแม่ที่มีหน้ามีตาและแทบไม่มีเวลาให้ พวกท่านทั้งสองก็ยังมีมุมอบอุ่นให้เขากับพี่ชายเสมอมา

                 ว่าแต่ว่า คิบอมไปไหนซะล่ะ พ่อว่าจะใช้ให้ไปธุระด้วยเสียหน่อย

                 เค้าไม่อยู่หรอกครับ .. พอดีว่า ผมใช้ให้ไปทำธุระนิดหน่อย

     

                           

                                 


                 ล่วงเลยข้ามคืนมาได้ไม่นาน เช้ามืดของวันใหม่ที่อยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็ผ่านเลยไปอีก แสงแดดอ่อนๆของเช้าวันใหม่เข้าแทนที่ความมืดทั้งหมดที่เคยปกคลุม บ้านหลังเล็กในเมืองที่ไกลออกไป

                 กลับมายังห้องๆเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำ

                 ความฝันที่แม้แต่ยามหลับก็ยังคะนึงหา .. แม้พบเพียงแต่ความเจ็บปวด

                 แสงสว่างลอดผ่านม่านสีขาวสะอาดตากระทบบนใบหน้ายามหลับของคุณเจ้าของบ้าน ดวงตาบวมช้ำไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้นมาเลยแม้แต่นิด ร่างเล็กนอนขดกายเข้าหากันโดยที่ผ้าห่มผืนใหญ่ได้แต่กองอยู่ข้างๆ ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในฐานะแขกไม่ได้รับเชิญจึงต้องมีมารยาทช่วยดึงผ้าผืนนั้นขึ้นคลุมกายให้คนตัวเล็กกว่า หากแต่การเข้ามาในห้องนอนแบบนี้มันไม่มีมารยาทมากกว่าเป็นไหนๆ แต่เขาไม่ได้คิดสนใจ

                 คิบอมถอยห่างออกมาอีกก้าวพลางพินิจมองร่างตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง เขาคงช่วยอะไรไม่ได้ หรืออีกอย่าง เขาคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า .. ชายหนุ่มหันหลังกลับเตรียมจะออกไปโดยปล่อยให้อีกคนได้นอนอยู่ในห้องนี้ ทั้งที่ตัวเขาเองจะยังไม่ได้หลับแม้แต่นาทีก็ตาม ใบหน้านิ่งขรึมหันมามองคนข้างหลังอีกรอบก่อนจะย่างก้าวออกไปยังประตู

                 อย่าไปนะ ...” 

                 ร่างสูงเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันกลับไปหา คิบอมหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงของซองมินเรียกเอาไว้ แต่คนที่เขาคิดว่าเรียกกลับไม่รู้สึกตัว เรียวปากอิ่มที่ไม่ค่อยมีสีเลือดขยับพูดบางอย่างที่ฟังไม่ค่อยได้ใจความนัก คิบอมขยับกายเข้าไปใกล้กว่าเดิมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะไม่ค่อยดี

                 คุณ...

                 อย่าไปนะ คุณจะทิ้งผมแบบนี้เหรอคยูฮยอน .. ฮึก คนใจร้ายซองมินเพ้อออกมาเบาๆทั้งที่ยังหลับอยู่ แต่ครั้งนี้คิบอมกลับได้ยินชัดเจน ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยกำลังฉายแววลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

                 “ .. คยูฮยอน คนโกหกน้ำตาหลายหยดไหลออกมาจากดวงตาช้ำๆผ่านเลยลงไปยังหมอนใบนุ่ม คิบอมทำได้เพียงแค่นั่งมองอย่างไม่รู้จะทำยังไง หลายต่อหลายครั้งที่เขาต้องรู้สึกอึดอัดในเวลาที่ต้องมาอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ของผู้ชายคนนี้กับเจ้านายของตัวเอง 

                   ชายหนุ่มนั่งชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจได้แล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำ ก่อนที่อีกไม่นานเขาจะรีบกลับออกมาพร้อมกับถาดใส่น้ำและผ้า
    ขนหนูในมือ มือหนาบรรจงเช็ดเบาๆไปตามผิวแก้มและลำคอ อย่างน้อยๆไอร้อนในกายของซองมินที่เริ่มมากขึ้นก็จะได้ลดลงไปบ้าง คิบอมกำลังจะออกไปซื้อยาแต่แล้วเขาก็ต้องล้มเลิกความคิด โทรศัพท์เครื่องสีดำจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

                 ฮัลโหล .. ขอยาแก้ไข้ อืม รีบๆมาล่ะสั่งการเสร็จก็หันกลับไปหาคนบนเตียงอย่างเดิม และไม่ทันที่คิบอมจะได้คิดอะไรต่อ มือข้างหนึ่งของซองมินก็คว้าเข้าที่แขนของเขาอย่างไม่ให้ตั้งตัว แม้จะไม่มีแรงแต่สัมผัสที่ไม่อยากปล่อยของร่างข้างกาย บอกให้คิบอมรู้ว่าเขาไม่ควรดึงมือตัวเองออกมา

                 ฮึก .. อย่าไปเลยนะ อยู่กับผมเหมือนเดิมได้มั้ยเสียงแหบพร่ายังคงพร่ำเพ้อไม่หยุด ใบหน้าขาวซีดขยับไปมากับหมอนที่ใช้หนุน คิบอมไม่กล้าแม้แต่จะดึงมือตัวเองออกอย่างที่อยากจะทำ เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าเวลาอย่างนี้ควรจะทำอย่างไรดี ปล่อยมือตัวเองออกน่าจะดีที่สุด .. แต่เรื่องที่ดีที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าควรทำที่สุดเสมอไป


                 สายลมเอื่อยพัดพาเวลาแต่ละวินาทีผ่านไป และผ่านไป จากนาที สู่ชั่วโมง จากหลายชั่วโมง สู่ยามที่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ความเงียบรอบบ้านหลังเล็กพาให้ใจคนที่คงนั่งอยู่ที่เดิมพลอยหงอยเหงาไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้ นัยน์ตาดำสนิทฉายแววห่วง
    ใยร่างที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ยอมตื่น มือข้างที่เกาะกุมมือของเขาไว้ก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น ต่างไปแค่มันคลายออกนิดหน่อยจากหลายชั่วโมงก่อนหน้า และที่กลับกัน .คือเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่ดึงมือตัวเองออกมาอย่างที่คิดเอาไว้

                 ร่างสูงของคิมคิบอมยังคงนั่งอยู่ข้างซองมินที่ขอบเตียงตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็เริ่มจะเข้าสู่เวลายามแล้ว ใบหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มหันมองไปยังถุงยาและแก้วน้ำที่วางเอาไว้บนโต๊ะโดยใครบางคนที่เข้ามาแล้วก็กลับออกไปนานแล้ว น้ำเต็มแก้วยัง
    คงวางอยู่อย่างนั้นเพราะคนที่ควรดื่มมันยังไม่รู้สึกตัวเลย

                 ขี้เซาจริงนะ อยากให้ผมปลุกรึเปล่าเนี่ย ..เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆโดยไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาได้ยินแต่อย่างใด แต่ครั้นพอซองมินขยับตัวนิดหน่อยเขาก็ต้องรีบปิดปากลงทันที คนที่ยังไม่ลืมตาขยับได้เพียงนิดหน่อยก็นิ่งไป แล้วจู่ๆซองมินก็ปัดมือที่จับคิบอมไว้ออก ทำให้รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาที่ยังคงบวมช้ำค่อยๆลืมขึ้นก่อนจะกระพริบช้าๆให้มองได้ถนัดตา

                 นาย ...ซองมินดึงมือตัวเองออกมาก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง ความปวดหัวแล่นเข้ามาพร้อมกัน และนั่นทำให้คิบอมดูออก

                
    กินยาเถอะคุณ คุณไม่สบายนะ

                 นาย ยังอยู่อีกเหรอ ทำไม.. นายต้องการอะไรซองมินไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูดเลย เขากำลังตกใจที่ตื่นมาเจอคิบอมนั่งอยู่ข้างๆมากกว่า 

                 เฮ้อ .. จะให้ผมพูดอะไรอีกฮะ เอาเป็นว่าคุณ
    กินยาก่อนดีกว่า เดี๋ยวตายขึ้นมาผมคงช่วยไม่ทันว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปยกเอาน้ำกับยามาให้คนบนเตียงที่กำลังนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่กับสิ่งที่ได้ยิน ซองมินอยากบอกเหลือเกินว่าถ้าจะตาย ก็ปล่อยให้ตายไปเลยอย่าได้สนใจ เพราะยังไงเขาก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว

                 เอ้า กินซะคิบอมยื่นให้แต่ซองมินยังคงไม่หันหน้ามามองเขา ร่างเล็กกำลังกลั้นบางอย่างที่มันกำลังจะไหลออกมาจากดวงตา ในยามตื่นคนเรามักจะยังอ่อนแอกว่าที่ควรเสมอ และเมื่อนึกถึงเรื่องที่ใจยังจดจำ จู่ๆน้ำตาก็พาลจะร่วงหล่นเอาเสียง่ายๆ คิบอมยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง และก็อีกครั้งที่เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก

                 ซองมิน .. ช่วยรับไว้ทีเถอะ ผมปวดแขนประโยคสั้นๆที่ไม่รู้สถานการณ์ดังแทรกผ่านความเงียบเข้ามา และมันก็ได้ผลอีกตามเคย คราวนี้คนดื้อดึงราวกับเด็กจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกลวกๆ มือบางทั้งสองรับเอาแก้วน้ำกับยาจาก

    คิบอมมากินอย่างรวดเร็ว

                 หึ .. แค่นี้ก็เรียบร้อย สมกับที่อุตส่าห์นั่งเฝ้าหน่อย

                 นั่งเฝ้า..ซองมินทวนประโยคที่ได้ยินพลางขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่า...

    นึกได้จึงมองไปยังนาฬิกาที่หัวเตียง ก่อนจะนึกบางอย่างในหัว เขาเข้ามานอนตั้งแต่เช้ามืด แล้วนี่อะไร เย็นมากแล้วด้วย

                
    นาย...

                 อืม คุณหลับตั้งแต่ตอนนั้น มาตื่นเอาก็ป่านนี้

                 แล้วนายอยู่นี่ตลอดเลยเหรอ

                
    ใช่ .. คุณตื่นมาเห็นผมยังไง ผมก็อยู่แบบนั้นตั้งแต่เช้าแล้วแหละคิบอมบอกตรงๆไม่มีปิดบัง ไม่ใช่ว่าอยากจะทวงบุญคุณอะไรหรอก เขาเพียงแค่คิดว่าชวนพูดเรื่องอื่นเสียบ้าง บรรยากาศคงจะดีขึ้นกว่านี้

                 งั้นก็แสดงว่านายยังไม่ได้นอนเลยสิ

                 ดูคุณจะตกใจจังนะ .. เรื่องแค่นี้เอง

                 แต่มันนานแล้วนะ ไม่ง่วงรึไง อีกอย่าง ..พอจะพูดว่าคนตรงหน้า แต่ดันเป็นตัวเองเสียเองที่ท้องร้องขึ้นมาเสียดื้อๆ ใบหน้าสีซีดยกยิ้มขึ้นนิดหน่อย และนั่นก็ทำให้คนมองนึกว่ามันน่าดูกว่าเวลาที่ร้องไห้เป็นไหนๆ 

                 เอ่อ .. อย่างน้อยฉันก็จะถือว่านายอุตส่าห์มานั่งเฝ้าและหายามาให้ละกันนะ เพราะงั้นฉันจะเลี้ยงข้าวเย็นเป็นการตอบแทนซองมินบอกเสร็จก็ดันตัวเองขึ้นจากเตียงเตรียมจะก้าวลงมา และพอหยุดลงยืนที่พื้นก็ถูกคนตรงหน้าขยับเข้ามาประชิดตัว

                 จะไปไหน

                 ก็จะไปทำอาหารไง รึนายไม่หิว แต่ฉันว่าฉันหิวไม่แพ้นายนะ

                 ผมรู้ .. แต่คุณไม่สบาย จะไปทำได้ยังไงถึงตรงนี้แล้วซองมินก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งทำเหมือนกับว่าคิบอมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

                
    หึ .. เห็นฉันดูขี้โรคมากรึไง จะบอกให้นะ ฉันอึดกว่าที่นายคิด เป็นไข้แค่นี้เดี๋ยวก็หาย เมื่อกี้ก็กินยาแล้วด้วย แค่ทำอาหารน่ะสบายมากในเมื่อคิบอมพูดแล้วซองมินก็ไม่ฟัง และเอาเข้าจริงเขาก็ใช่ว่าอยากจะขัด เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไหว จึงปล่อยเลยตามเลย ซองมินเดินออกจากห้องมาด้วยความเหนื่อยอ่อน ทันทีที่เขาหันหลังให้คิบอม ใบหน้าปกติที่ฝืนเอาไว้ก็กลับกลายเป็นหมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด



               ผู้เป็นเจ้าของบ้านตรงไปยังห้องครัวที่เขาไม่ได้สนใจมันมาเสียนาน โดยที่มีใครอีกคนเดินตามหลังไปดูอย่างเงียบๆ ร่างเล็กยกนู่นจับนี่ไปเรื่อยๆ ช้าบ้างเร็วบ้างตามแต่สภาพร่างกายจะอำนวย ขณะเดียวกันคนที่ยืนมองดูห่างๆก็ทำได้แค่มองต่อไปอย่างเดิม

                 ในเวลานี้จากที่เขาควรจะสนใจกลิ่นหอมๆของอาหารที่ซองมินกำลังปรุงอยู่ แต่คิบอมกลับมองภาพตรงหน้าเสียเพลินจนลืมไปเลยว่าตัวเองนั้นก็หิวอยู่ไม่น้อย ไม่นานนักอาหารเย็นมื้อนี้ที่เป็นมื้อแรกจะคงเป็นมื้อเดียวของวันก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหารขนาดสำหรับสองคน ซองมินนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของตัวเอง ดวงตากลมจับจ้องที่เก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามอย่างยากจะคาดเดาความรู้สึก แต่กระนั้นแล้ว คนเป็นแขกที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะก็พอจะเข้าใจได้

                 นั่งลงสิ นายจะยืนกินรึไงสักพักซองมินก็ตวัดสายตาขึ้นมองคนที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่นั่งเสียที

                 จะให้ผมนั่งลงตรงนี้น่ะเหรอ

                 ใช่น่ะสิ มีเก้าอี้ว่างตัวเดียว นายคงไม่คิดจะนั่งพื้นหรอกใช่มั้ยซองมินพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆชวนให้คิบอมอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆ ร่างสูงถอนหายใจแล้วนั่งลงทันที เขาไม่ได้งี่เง่าขนาดที่ไม่รู้หรอกว่าเหลือเก้าอี้แค่ตัวเดียว แต่จะให้พูดอะไรอีกล่ะ ในเมื่อ ..

                 .. คุณกำลังมองมันแบบนั้น แล้วจะให้ผมเสียมารยาทนั่งทับรอยคนที่คุณรักลงไปได้ยังไง

                 ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง จะมีก็เพียงเสียงช้อนจานกระทบกันเบาๆไประหว่างที่ทานอาหารมื้อนี้กันสองคน คิบอมเงยหน้ามองซองมินที่ยังคงไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

                 ไม่อร่อยเหรอซองมินถามขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงที่คอยหาเรื่อง

                 เปล่าหรอก .. เคยมีใครบอกมั้ย ว่าคุณน่ะ ทำอาหารอร่อยมากเลย

                 มีสิ..ถึงตรงนี้ซองมินก็หลุดยิ้มออกมาก่อนที่มันจะกลายเป็นยิ้มเศร้าๆแทน ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าหมายถึงอะไร ครั้งนี้คิบอมไม่ได้ตั้งใจอยากจะพูดออกไปให้ต้องนึกถึง เขาก็แค่พูดไปตามที่คิด

                 เอ่อ โทษที ผมหมายถึงคุณทำอร่อยจริงๆ

                 ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยนี่ ขอบใจนะที่ชมซองมินเองก็พูดจากใจจริง

                 ว่าแต่คุณไหวรึเปล่า ไม่สบายแล้วยังตื่นมาแบบนี้เนี่ย

                 หึ ขืนนอนต่อไปจะไม่ยิ่งแย่เหรอ กินข้าวสิจะได้แข็งแรงก็ถูกอย่างที่บอก คิบอมจึงไม่ได้ถามอะไรอีก ทั้งสองทานอาหารกันจนอิ่มเรียบร้อย และก่อนที่แขกจะลุกไปจากโต๊ะคุณเจ้าของบ้านก็ต้องเรียกเอาไว้ก่อน

                 นั่งก่อนสิคุณคิมคิบอมซองมินเอ่ยเสียงเย็น คิบอมจึงหยุดแล้วทำตามที่บอก ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไรกับเขา

                 นายต้องการอะไรซองมินยิงคำถามออกไปตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้โง่ขนาดนั้น แม้ว่าจะเคยหมดทางจนยอมคนพวกนี้แล้ว แต่มันก็อดทนต่อไปไม่ไหวหรอกนะ

                 บอกมาดีๆว่านายต้องการอะไร ฉันไม่ได้โง่นะที่จะไม่รู้

                 ใช่ คุณไม่โง่หรอก แต่ถ้าคุณไม่รู้ ....

                 ไม่รู้งั้นเหรอ! ไม่รู้อะไรล่ะ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าคุณชายของนายเค้ามีน้ำใจขนาดไหน หึ .. ส่งแขกถึงที่ยังไม่พอ ยังอุตส่าห์ให้เฝ้าเอาไว้อีก

                 “...........”

                 กลัวว่าฉันจะแฉหรือทำเรื่องให้เขาต้องเสียชื่องั้นสิ

                 “...........”

                 โอเค ว่ามาเลย นายคงกำลังรอจังหวะอยู่สินะ แต่ไม่ต้องรออีกแล้วล่ะ บอกมาเลยว่าเจ้านายของนายเค้าให้งบมาฟาดหัวฉันเท่าไหร่ ..

                 “...........”

                 “ .. มันมากกว่าเงินก้อนนั้นที่เค้าทิ้งไว้ให้ฉันก่อนไปรึเปล่า” 

                 ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาดั่งหัวใจที่แกว่งไหวยามเมื่อเอ่ยถึง ใบหน้าเอาเรื่องกลับอ่อนลงเหมือนคนกำลังเจ็บปวด ซองมินเม้มปากแน่นในยามที่ต้องฝืนเข้มแข็งเอาไว้ คิบอมเหนื่อยใจอีกหนกับสิ่งที่กำลังได้ยิน เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะนึกเรื่องแบบนี้ออกมาได้ แต่อย่างว่าล่ะนะ ต้องเจอกับตัวเองคงจะเข้าใจ


                 .. ใช่แล้วซองมิน คุณไม่ได้โง่จริงๆ .. แต่สุดท้ายแล้วคุณก็เข้าใจไม่ถูกอยู่ดี


                 ดูท่าคุณจะดูละครมากไปนะ

                 “ .. แล้ว ที่พูดไปไม่ถูกรึไง

                 “...........”

                 ฉันถามนายไม่ได้ยินเหรอ

                 อย่าพยายามเดาเลยดีกว่าน่ะคุณว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้คนที่นั่งอยู่ทำอะไรไม่ได้เลยเอาแต่มองตามอย่างรู้สึกไม่ชอบใจนัก





                 ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป เปลี่ยนยามเย็นให้เข้าสู่ยามค่ำคืน

                 โต๊ะอาหารตัวยาวมุมเดิมในบ้านหลังใหญ่วางเรียงรายไปด้วยอาหารมื้อเย็นชั้นดีโดยสาวใช้ในชุดเรียบร้อย ที่ตอนนี้ต่างยืนเรียงกันเพื่อรอคำสั่งจากเจ้านายในขณะที่รับประทานอาหาร ในเวลานี้ไม่ต่างจากเมื่อเช้าเลยแม้แต่นิด จะไม่เหมือนกันก็แค่ตอนนี้มีเพียงร่างของชายหนุ่มนั่งอยู่เพียงลำพังโดยปราศจากบุพการีทั้งสอง

                 คุณคยูฮยอนจะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะ

                 ไม่ล่ะ ขอบใจ

                 เป็นที่รู้กันดีว่ามื้อเย็นมักจะมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มานั่งอยู่คนเดียว ครอบครัวมักไม่พร้อมหน้าเพราะเวลาที่ไม่ตรงกัน แม้แต่คยูฮยอนเอง หลายครั้งที่เขาไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านก็ได้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาไม่มีอะไรให้ยุ่งและไม่อยากไปไหน คยูฮยอนทำให้บรรยากาศมันนิ่งจนคุณแม่บ้านและสาวใช้ต่างพากันอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณชายของพวกหล่อนเป็นอะไรไป ไม่สิ

    .. บางทีก็อดรู้สึกไม่ได้อีกเช่นกัน ว่ามันดูเศร้าๆเหลือเกิน ดวงตาคมนิ่งสงบเสียจนทุกคนคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ชายหนุ่มตักอาหารขึ้นทานอย่างเชื่องช้าก่อนที่จะหยุดมองโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้ข้างๆราวกับมันมีอะไรให้น่าสนใจในเวลานี้ สักพักเขาก็เบือนหน้าหนีแล้วเอื้อมไปตักอาหารมาไว้ในจานต่อไป แต่ละวินาทีที่ร่างกายขยับ เขารู้ตัวดีกว่ามันเหมือนไร้ชีวิต


                      

                  

                
                          


                 เช้าวันต่อมา ซองมินตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่โล่งกว่าเก่า พิษไข้ที่เขาต้องสู้กับมันได้พ่ายแพ้ไปแล้วเกือบครึ่ง เรื่องอย่างนี้อีซองมินไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว .. ก็มีแค่บางเรื่องเท่านั้น ที่เขาไม่เคยชนะใจตัวเองให้เลิกนึกถึงได้เสียที ร่างเล็กก้าวขาตรงมายังประตูห้องนอน ก่อนที่จะเปิดออกไปพบกับใครอีกคนที่เขายังจำได้ดีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน ก็อีกฝ่ายเล่นบอกว่าไม่คิดจะหลับจะนอน เขาอุตส่าห์จะยกโซฟาในห้องให้คิบอมก็ไม่ยอม จะเอาผ้าห่มมาให้ก็ไม่เอา ครั้นพอจะไล่ให้ไปก็ไม่ไปอีกเช่นกัน

    ซองมินคิดว่าเขาเองก็ไม่มีเวลาพอมาเล่นตลกด้วยหรอกนะ

                 ร่างเล็กยืนมองไปยังคนที่เอนกายบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วต้องถอนหายใจยกใหญ่  แล้วดูสภาพ .. ถ้วยกาแฟว่างเปล่าวางไว้ที่โต๊ะข้างกาย แต่คนดื่มนี่สิ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซองมินไม่รู้หรอกว่าความจริงนั้นคิบอมเพิ่งจะยอมปล่อยให้ตัวเองหลับไปตอนที่กำลังจะเช้าแล้วในก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง

                 “ .. หวังว่าฉันจะไม่ต้องเห็นหน้านายอีกนะ แค่วันนี้แหละคิมคิบอมว่าแล้วก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง แล้วออกมาพร้อมกับผ้าห่มหนึ่งผืน ซองมินกางมันออกแล้ววางเบาๆลงไปบนร่างของคิบอม แต่ผลของการหวังดีกลับตรงกันข้ามจากที่ควรจะเป็น ดวงตาดำสนิทลืมขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะตวัดดึงเอาร่างตรงหน้าเข้ามาล็อคไว้


                 อ๊ะ!!

                 ปืนกระบอกเดิมถูกคว้าไว้ง่ายดายเพียงปลายมือของเจ้าของมัน ใบหน้าคมแนบติดกับพวงแก้มขาวอย่างไม่ได้จงใจ และพอรู้ตัวว่าคนในอ้อมกอดหาใช่ใครอื่นที่จะมาประทุษร้ายตัวเองได้ คิบอมจึงต้องเป็นฝ่ายตกใจบ้าง

                 คุณ ...เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆเมื่อกลิ่นหอมจากร่างที่กอดเอาไว้นั้นทำให้เขารู้สึกตัวมากขึ้น คิบอมคลายแรงลงก่อนที่ซองมินจะรีบดันตัวเองออกมาแล้วยืนขึ้น

                 ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ..” ใบหน้าขึ้นสีที่ทั้งตกใจทั้งโกรธจดจ้องลงมายังคนที่นั่งอยู่ไม่วางตา ร่างสูงรีบเก็บปืนในมือลงอย่างรวดเร็วพลางหันข้างให้คนพูดเพียงเพราะไม่อยากสบตาด้วย

                 โทษที .. ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณน่ะ

                 พูดเหมือนมีใครคนอื่นนะซองมินพูดถูก แต่สำหรับคิบอมแล้วมันไม่ถูกเสมอไป

                 เอาเป็นว่า ผมขอโทษละกัน

                 ช่างเหอะ .. ฉันเข้าใจว่ามันเป็นอาชีพของนาย

                 “............”

                 ถ้าง่วงก็นอนไปซะ เดี๋ยวคุณชายของนายเค้าจะหาว่าแขกคนนี้ไม่มีน้ำใจ ปล่อยให้ลูกน้องของเค้าต้องอดหลับอดนอนมาตั้งสองคืนคนเป็นเจ้าของบ้านเอ่ยกับแขกที่หันหน้ามามองเขาอีกครั้ง คนเจ้าน้ำตาที่คิบอมรู้จักในตอนนี้กำลังเหยียดยิ้มออกมาอย่างไม่คิดจะแยแส  .. ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บเจียนตายเมื่อหลุดปากพูดถึง

                 แล้วสรุปว่านายจะออกไปจากบ้านฉันได้เมื่อไหร่ ฉันจะเปิดร้านแล้วนะ รีบๆกลับไปเสียทีได้มั้ยซองมินถามตรงๆ และนั่นยิ่งทำให้คิบอมอดจะโหวงๆในอกไม่ได้

                 “ .. นั่นสินะ ผมคงรบกวนคุณมาก แต่อย่าห่วงเลย เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว
    คิบอมบอกเรียบๆโดยที่คนฟังก็ไม่ได้เคลือบแคลงสงสัยอะไร

                 อ้อ ... เรื่องเปิดร้านคุณน่ะ ถ้าจะมาคอยไล่กันแบบนี้ ผมว่าคุณเอาเวลาไปเตรียมร้านคุณเผื่อวันพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเหรอ

                
    นายสอนฉัน ..

                 ฮะฮะ .. คุณนี่ตลกดีจังนะ ผมพูดความจริงยังมาหาว่าสอนคิบอมเปลี่ยนท่าทางแปลกๆของตัวเองมาหัวเราะคนตรงหน้าให้ได้อายเล่นพอเป็นพิธี และซองมินก็ไม่ชอบเป็นตัวตลกให้ใครดูเสียด้วย

                 ร่างเล็กเดินหนีคิบอมออกไปยังอีกฝั่งของห้องโถงกว้างที่เขาใช้เปิดเป็นหน้าร้าน คุณเจ้าของบ้านเปลี่ยนสถานะมาเป็นคุณเจ้าของร้านทันที จากที่ตอนแรกต้องจำใจทำนู่นเตรียมนี่ไปอย่างเสียไม่ได้ แต่ในตอนนี้
    ซองมินแทบจะลืมไปแล้วว่ามีใครคนอื่นกำลังอยู่ที่นี่ด้วย เช่นกันกับคนมองที่ก็แทบจะลืมแล้วเหมือนกันว่าตัวเองอยากจะนอนให้เต็มอิ่มเสียหน่อย

                 คิบอมเปลี่ยนจากนั่งมาเป็นนอนมองซองมินไปเงียบๆ ภาพที่อีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนดอกไม้ในตู้แช่ ภาพที่คุณเจ้าของร้านกำลังจัดดอกไม้ลงในแจกัน ภาพที่คนตรงหน้าเดินไปเดินมาจนทั่ว ภาพพวกนั้นที่คนๆนี้กำลังทำหน้าที่ได้อย่างชำนาญ

    คิบอมล้วนชื่นชมจากใจจริง เหมือนแสงสว่างที่ตรงกันข้ามกับอาชีพของพวกเขาเหลือเกิน


    .. พวกเขาที่ว่า ไม่ใช่จะทำผิดกฎหมาย แต่จะต่างอะไรในเมื่อจิตใจต้องเจอแต่ความมืดมนหม่นหมอง


                 กลิ่มหอมอ่อนๆ อากาศเย็นๆ ชวนให้เคลิ้มจนชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานความรู้สึกนั้นได้ จึงต้องปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเข้ายึดพื้นที่ในสมองแล้วพาจมสู่ห้วงนิทราในเช้าวันนี้หลังจากที่เขาได้มันมาแล้วแค่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง ส่วนซองมินที่ทำหน้าที่ไปก็ระบายยิ้มออกมากับตัวเองยามที่เดินผ่านบานประตูกระจกใสที่หน้าร้าน เขาพยายามจะยิ้มกว้างๆแล้ว แต่ทำไมมันดูเหมือนร้องไห้มากกว่าล่ะ

                 .. นั่นสินะ ทำไมนายต้องทำหน้าแบบนี้เล่า เข้มแข็งทีสิ อีซองมิน








                             

                  แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า แทรกผ่านม่านลายหรูกระทบบนใบหน้าของเจ้าของห้องนอนห้องหนึ่งที่แสนกว้างในบ้านหลังใหญ่ ยิ่งกว้างขวางเท่าไหร่ ยิ่งไกลห่างจากความอบอุ่นมากเท่านั้น ไม่เหมือนกับห้องเล็กๆในบ้านของใครบางคน ยิ่งเล็กเท่าไหร่ กลับทำให้ใกล้ชิดและอบอุ่นเกินบรรยาย

    ไออุ่นที่เคยกระชับกอดเอาไว้ในตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ดวงตาคมลืมขึ้นมองเพดานห้องอยู่อย่างนั้น ร่างกายที่นอนนิ่งบนเตียงกว้างไม่ขยับไหวติงไปไหน กี่วันแล้วนะที่เขาเป็นอย่างนี้ ภายนอกยังคงเย็นเยียบอย่างเก่า แต่หัวใจกลับเหมือนถูกแช่แข็ง คยูฮยอนหลับตาลงช้าๆขณะที่มือเริ่มจะกำลงบนผ้าปูที่นอน ไม่อยากลุกไปไหน ไม่อยากจะทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกอย่างระหว่างกันยังคงประทับแน่นอยู่ในใจของเขาไม่เคยจางหาย จนถึงภาพสุดท้ายที่เห็น หยดน้ำตามากมายที่ไหลหลั่งพร้อมสายตาตัดพ้อต่อว่า ร่างของคนที่รักสุดหัวใจที่นั่งกองอยู่กับพื้นเพื่อรอตัวเองลงไปหา ทำไมนะ ..


                 .. ทำไมฉัน ทำได้แค่นั้นล่ะซองมิน








                 หลังจากที่จัดการกับร้านของตัวเองไปครึ่งค่อนวันแล้วซองมินก็ออกไปซื้อของข้างนอกภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะกลับเข้ามา ร่างเล็กหยุดยืนมองร่างของคนที่ยังนอนอยู่ที่เดิม ก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วเดินผ่านไปด้านในอย่างไม่คิดจะสนใจ
    เขาใช้เวลาในยามบ่ายทำอาหารและจัดการหลายๆอย่างภายในร้านไปโดยไม่รีบร้อนเพราะวันนี้ไม่ได้เปิดรับลูกค้าเหมือนปกติ 

                 เวลาล่วงเลยไปจนเข้าสู่ยามเย็น ชายหนุ่มหยุดมองออกไปยังด้านนอก ตะวันเริ่มคล้อยลงแล้ว พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับชุดโต๊ะไม้ตัวเดิมที่เขาไม่ได้เป็นคนซื้อ มือบางแนบลงที่กระจกหน้าต่างพลางจ้องสิ่งภายนอกอยู่อย่างนั้น เรื่องเก่าๆระหว่างกันที่เกิดขึ้น เรื่องเดิมๆครั้งแรกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นด้วยกันฉายผ่านในความ
    รู้สึก แววตาเศร้าหมองจดจ้องออกไปโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังจะร้องไห้ ซองมินรีบสะบัดหน้าตัวเองออกทันทีที่น้ำตามันกำลังจะไหล เขาไม่อยากจะร้องไห้ออกมาอีก พอทีเถอะ จะอ่อนแอไปถึงไหน ขอเวลาให้ทำใจแล้วค่อยคิดใหม่ก็คงไม่สาย ถึงกระนั้นแล้วก็ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจ จึงเดินออกไปที่โต๊ะตัวนั้นพร้อมกับผ้าผืนเล็กในมือ

                 ไม่ได้มานั่งไม่กี่วัน ฝุ่นเกาะเยอะเชียวนะ...ว่าแล้วก็ลงมือถูมันไปมาเพื่อให้คราบฝุ่นและหยดน้ำค้างที่มีประปรายได้หลุดออกไป รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้า มือบางเช็ดมันออกช้าๆพลางนึกถึงคนอวดดีที่เป็นคนซื้อมันมาให้เขา

                 คนอวดดีในครั้งแรก  ที่นั่งจิบไวน์อย่างไม่ทุกข์ร้อน

                 คนอวดดี  ที่บอกจะทำรั้วให้ใหม่แล้วก็ทำมันจริงๆจนได้

                 คนอวดดี  ที่มั่นใจกับคำว่ารักของตัวเองมากกว่าใคร

                 คนอวดดี  ที่แสนดี ที่แสนรัก .. ที่ กลายเป็นคนใจร้าย


                 โต๊ะเริ่มกลับมาสะอาดขึ้นอีกครั้งด้วยแรงเช็ดของเจ้าของมัน แต่มันก็ยังคงเปียกมากกว่าเก่า ไม่ใช่เพราะน้ำฝนหรือน้ำค้าง แต่เพราะน้ำตาที่ไหลลงมาแต่ละหยดจากคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ ซองมินยังคงพยายามยิ้มอย่างเคย แต่เขาห้ามน้ำตาเอา

    ไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผ้าผืนเดิมเช็ดเอาหยดน้ำตาออกจากโต๊ะ ก่อนที่มันจะหยดลงมาใหม่และเขาก็เช็ดมันออกอีกครั้ง มือบางขยับไปมาพร้อมผ้าที่ยังคงถูอยู่บนโต๊ะผสมกับหยาดน้ำตาที่หยดลงไป เขาทำมันอยู่อย่างนั้นราวกับคนบ้า


                 ตะวันที่คล้อยต่ำค่อยๆลาลับขอบฟ้าไป ปล่อยให้ความมืดเริ่มปกคลุมลงมารอบกายคุณเจ้าของบ้านซึ่งบัดนี้กำลังนั่งห่อไหล่อยู่ที่โต๊ะตัวเดิม ซองมินปล่อยผ้าผืนนั้นไว้หลังจากที่มันทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว น้ำตาที่เหือดแห้งไปเหลือเพียงคราบเอาไว้บนใบหน้าที่เอาแต่เหม่อมองไปออกไปบนท้องฟ้า คืนนี้ฟ้าโปร่งโล่งก็จริง แต่ทำไมมองไม่เห็นดาวสักดวงเลยล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ ใจดวงน้อยร่ำร้องหาใครคนนั้น แต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางได้ยินมันอย่างแน่นอน


    .. ผมต้องตัดใจงั้นเหรอ คุณเข้ามาในชีวิตของคนอ่อนแออย่างผม คุณสอนไม่ให้ผมร้องไห้ เพราะงั้นเรื่องแค่นี้ผมต้องอดทนงั้นสินะ .. คยูฮยอน ผมจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้ยินคำนั้นจากปากของคุณเอง


                 มานั่งบริจาคเลือดให้ยุงแถวนี้ทำไมกันคุณอีซองมิน .. ใจดีเกินไปหน่อยแล้วมั้งเสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังเรียกให้ซองมินสะดุ้งขึ้นมาจากห้วงความคิด ใบหน้าหมองเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงให้คนที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม

                 เรื่องของฉันน่ะ .. ขัดหูขัดตานักก็กลับไปซะทีสิ” 

                 ไล่กันอีกแล้วนะคุณคิบอมยกยิ้มขึ้นนิดๆอย่างจะบอกว่าเขาไม่คิดจะไป ทั้งที่ในใจกลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย ทำไมกันนะ แค่ผู้ชายคนเดียวออกปากไล่ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าขนาดนี้

                 ฉันไม่ได้ไล่หรอกนะ ก็แค่คิดว่านายคงมีงานสำคัญมากกว่าจะมานั่งเฝ้าฉันอยู่แบบนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คุณชายของนายหรอกคิบอมได้ยินก็ต้องคิดเพียงแค่ในใจ ถ้ามันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกก็คงดี แต่บังเอิญว่าหน้าที่ที่ซองมินพูดถึง งานสำคัญนั้น .. เขาก็กำลังทำอยู่นี่ไงล่ะ

                 ถ้าคุณไม่รู้ อย่าพูดดีกว่าซองมิน

                 ฮะ นายว่าไงนะซองมินถามอีกครั้งเพราะเสียงที่เบามากของคิบอมทำให้เขาไม่ค่อยจะได้ยินมันเท่าไหร่

                 เอ่อ ปะ เปล่าหรอกคนถูกถามหลุดท่าทางแปลกๆออกมาจนคนมองเริ่มสงสัย คิบอมจึงตัดสินใจเปลี่ยนเข้าอีกเรื่องทันทีอย่างไม่รีรอ

                 เออนี่ เมื่อกลางวันคุณออกไปข้างนอกมาใช่มั้ย

                 ทำไมนาย
    รู้ล่ะ หลับอยู่ไม่ใช่เหรอซองมินขมวดคิ้วอีกครั้งอย่างแปลกใจ

                 ผมตื่นมาเข้าห้องน้ำน่ะคิบอมบอกไปตามปกติ จะว่าไปยิ่งคุยกับคนๆนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโกหกหลอกลวงเข้าไปเสียทุกที

                 มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเค้ามาที่ร้านพอดีกับที่คุณไม่อยู่ เค้าบอกว่าอยากมาขอสมัครทำงานที่นี่ คุณไม่อยู่ผมเลยบอกให้เค้ามาใหม่พรุ่งนี้พูดจบก็ตีสีหน้าปกติ ไม่มีท่าทางพิรุธให้ซองมินได้เอะใจสงสัยแต่อย่างใด

                 งั้นเหรอ .. ฉันไม่เคยคิดรับพนักงานเลยนะ

                 แล้วคุณไม่เหนื่อยหรอกเหรอ ผมว่าร้านคุณทำคนเดียวคงเหนื่อยนะ อีกอย่างเวลาไปส่งของต้องทำไงล่ะ

                 ฉันจ้างเป็นครั้งไปน่ะ

                 ผมว่าเอาค่าจ้างคนอื่นทีละครั้งมาจ้างลูกน้องเอาไว้ในร้านสักคนไม่ดีกว่าเหรอ แบบนี้น่าจะคุ้มกว่านะคิบอมแนะนำ ซึ่งซองมินเองก็คิดตามอย่างเข้าใจ

                 ก็จริงของนายนะ แต่จะว่าไป ร้านของฉันคงไม่มีค่าตอบแทนให้เค้าได้มากมายหรอก ไม่รู้ว่าเค้ายังอยากจะทำอยู่รึเปล่านะคิดแล้วก็ต้องถอนหายใจเบาๆ คิบอมเห็นอย่างนี้ยิ่งรู้สึกเข้าทางตัวเองไปใหญ่

                 แต่ให้ผมเดานะ เค้าคงไม่ล้มเลิกความคิดหรอก เพราะคงไม่ได้หวังค่าจ้างแพงๆจากร้านเล็กๆของคุณตั้งแต่แรกแล้ว ว่ามั้ยล่ะถึงตรงนี้คนฟังก็ต้องตีสีหน้าไม่พอใจใส่ทันทีที่ถูกแขวะออกมาจังๆ ซึ่งมันก็คือเรื่องจริงที่ซองมินไม่คิดจะเถียงเสียด้วย

                 อืม พูดอีกก็ถูกอีก .. ช่างเหอะ เอาเป็นว่าจะยังไงก็ช่าง ค่อยว่าก็แล้วกันถึงจะบอกแบบนั้นแต่ดูท่าแล้วซองมินก็คงโอเคอยู่เหมือนกัน ท่าทางโอนอ่อนไปตาม
    ที่คิบอมต้องการทำให้ชายหนุ่มต้องลอบถอนใจอย่างโล่งอก

                 เมื่อกี้ยังพูดไม่จบเลย แล้วนายจะกลับไปตอนไหนล่ะ

                 หึ .. เบื่อหน้าผมขนาดนั้นเลยเหรอคุณ

                 “.........” ซองมินเงียบไปทำได้แค่สบตา เหมือนอยากจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น เขาไม่ได้รังเกียจอะไรอย่างที่คิบอมคิด

                 ผมจะกลับพรุ่งนี้แล้ว

                 งั้นเหรอ..น่าแปลก ซองมินไม่ได้แสดงอาการดีใจอย่างที่คิดว่าจะได้เห็น อย่างว่าล่ะนะ อีกฝ่ายคงไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะแสดงความพอใจต่อหน้าแขกหลัง
    จากที่ออกปากไล่ถึงขนาดนั้นหรอก

    ร่างเล็กก้มหน้าลงนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วแหงนมองไปยังท้องฟ้าอีกครั้งเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไร คิบอมไม่ได้คิดสนใจมองตามขึ้นไปอย่างที่ควร บนนั้นไม่ได้มีอะไรน่าสนไปกว่าคนตรงหน้าเขาสักนิด

                 ทำไมวันนี้ไม่มีดาวเลยล่ะคิบอมซองมินถามเบาๆท่ามกลางความเงียบทั้งที่ยังอยู่ในท่าเดิมไปขยับไปไหน

                 ก็...คิบอมไม่รู้จะตอบยังไงกับคำถามประเภทนี้ที่เขาก็ไม่ค่อยจะเคยเจอ แล้วยิ่งคนถามเป็นอีกฝ่ายด้วยแล้ว

                 หรือมันไม่มี....” 

                
    ไม่หรอก มันมีอยู่จริง แค่คุณมองไม่เห็น

                 “...........” ซองมินไม่ตอบอะไรนอกจากยืนนิ่งให้กับคำถามที่ไม่เอาไหนของตัวเอง คิบอมไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะคิดตามความนัยของประโยคที่เขาเอ่ยไปหรือไม่ แต่ถึงยังไง เขาก็ตั้งใจอยากพูดอยู่ดี ร่างสูงขยับกายลุกไปยืนข้างๆพลางมองขึ้นไปบนฟ้าเช่นเดียวกัน ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง สักพักเจ้าของคำถามก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆราวกับประชดตัวเอง

                 ฮะฮะ .. ฉันนี่ถามอะไรปัญญาอ่อนเนอะถึงตรงนี้แล้วก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คนสองคนยืนข้างกันภายใต้ท้องฟ้ากว้างยามค่ำคืนที่มองไม่เห็นดาวสักดวง คิบอมลอบมองเสี้ยวหน้าของซองมินที่ดูเหมือนจะยิ้มออกมาเพียงนิด แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกถึงความหมองเศร้าในรอยยิ้มนั้นด้วยล่ะ 

                 ใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดของคิบอมเปลี่ยนมาเป็นอีกอย่างในทันที

                 ฮ้า ... อากาศที่นี่ดีจังนะเขาครางเบาๆอย่างผ่อนคลายพลางกางแขนออกเพื่อสูดอากาศดีที่ว่าเข้าเต็มปอด เขาหันหน้ามามองคุณเจ้าของบ้านอีกครั้งหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มหรือไม่ก็หันมาแขวะอะไรเขาสักอย่างเหมือนที่ชอบทำ แต่ไม่เลย .. ซองมินยังยืนนิ่งอย่างเดิม ร่างเล็กก้มหน้าลงมองผืนหญ้าเหมือนอยู่กับตัวเองมาก
    กว่าอยู่กันสองคน 

                คิบอมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ในชีวิตนี้เขาไม่เคยภาวนาขอในสิ่งที่ไร้สาระอย่างที่กำลังจะคิดในตอนนี้เลย ท้องฟ้ามืดๆมันมีอะไรน่าสนใจหนักหนา พอๆกับพื้นหญ้าที่คนข้างกายของเขากำลังมองมันราวกับมีอะไรน่าสนใจนั่นแหละ คิบอมอยากให้ซองมินเงยหน้าขึ้นมาบ้างก็เท่านั้นเอง

                 ดาวไม่มี ก็ดีกว่ามองพื้นอยู่แบบนี้นะคุณและก็เป็นอย่างที่คิด ซองมินไม่พูดอะไรเหมือนไม่ได้ยินที่คิบอมบอก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเอาแต่เงียบเพราะอะไร คนตัวสูงกว่าชักเหนื่อยใจและก็กลัวเหลือเกินว่าน้ำตาของอีกฝ่ายจะท่วมพื้นหญ้าขึ้นมาเสียก่อน .. ให้ตายสิ เขาไม่อยากให้ซองมินเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่แบบนี้เลย

                 ท้อง
    ฟ้าคืนนี้มันน่าจะมีอะไรให้เงยหน้าขึ้นมาจากความเศร้าโศกนั้นได้บ้างสักนาทีก็ยังดี

                 โธ่ พระเจ้า .. อะไรก็ได้น่ะ จะดาวตก ยานอวกาศ หรือจะ ...

                 ไม่ทันที่จะคิดจบคิบอมก็แทบไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะได้ยินคำขอของเขาแล้วดลบันดาลให้มันเป็นจริงเร็วขนาดนี้

                 เสียงดังเหมือนอะไรระเบิดมาจากในตัวเมืองซึ่งห่างออกไปไม่ไกล ตามมาด้วยแสงดวงไฟสีสวยที่สว่างวาบขึ้นมาเต็มท้องฟ้ากว้าง ร่างของคนที่ก้มอยู่สะดุ้งขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพร้อมน้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้งไป




                 “ .. พลุ !” ซองมินเอ่ยออกมาพร้อมกับที่พลุลูกต่อๆไปจะแย่งกันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนแล้วแตกกระจายออกเป็นวงกว้างพร้อมลวดลายและทิศ
    ทางที่แตกต่างกันไป ดวงตากลมเบิกกว้างมองราวกับเด็กน้อยที่ตื่นตาตื่นใจกับอะไรสักอย่าง รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นในยามที่ลืมเรื่องเศร้าไปชั่วขณะ สายตาคมจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายอย่างพึงพอใจ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังมองอีกฝ่ายจนลืมรู้สึกตัวไปแล้ว

                 เค้ามีงานอะไรเหรอคิบอมซองมินถามดังๆแข่งกับเสียงพลุที่กำลังดังไม่หยุดหย่อน และนั่นก็ทำให้คนถูกถามต้องหลุดออกมาจากห้วงความคิด

                 อ้าว .. ผมจะรู้เหรอครับ ว่าแต่คุณดูจะชอบมากเลยนะ

                 ก็ชอบอยู่หรอกนะ .. แล้วนายไม่ชอบรึไงซองมินตะโกนถามทั้งที่ยังจับจ้องพลุบนฟ้าอย่างสนอกสนใจ หารู้ไม่ว่าคนข้างกายไม่ได้สนใจเรื่องเดียวกันอย่างที่เข้าใจเลย คิบอมมองอีกฝ่ายที่หันข้างให้ก่อนที่เขาจะหยุดห้วงหายใจไปพักใหญ่ แล้วตอบคำถามนั้นออกมา

                 ชอบสิ .. ชอบมากด้วย

                 ไม่ใช่ไม่รู้ว่าไม่ควร ไม่ใช่คิดว่าคงไม่มีใครรู้ แต่ ณ เวลานี้ คิมคิบอมผู้แสนภักดีหาได้สนใจกฎข้อไหนๆไม่ รอยยิ้มของซองมินที่ปรากฎขึ้น แลกกับอะไร .. ก็แค่ รอยยิ้มของคิบอมที่หายไปแล้วแทนที่ด้วยแววตาหมองเศร้าอันไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นมาก่อน

                 .. ขอโทษ ที่ผมคิดไม่ดีกับคุณ

                 เสียงของพลุอันสวยงามดังก้องไปทั่วทั้งเมืองทำให้คืนนี้ของใครหลายคนไม่เงียบเหงา และอาจจะรวมไปถึงคุณเจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆแห่งนี้ด้วย สองปลายเท้าเขย่งขึ้นลงเมื่อต้องชี้ให้คนข้างกายดูสิ่งที่ตัวเองกำลังสนใจ คิบอมจับจ้องเรียวปากอิ่มที่ยิ้มกว้างก่อนที่ตัวเองจะเหยียดยิ้มออกมาบ้าง ก็แค่รอยยิ้มจางๆของผู้ชายที่ไม่มีสิทธิ์อะไร เขาฉลาดพอที่จะเก็บกลั้นให้ทุกอย่างไม่มีปัญหา แต่เอาเข้าจริง  เวลานี้ เขาขอลืมมันไปสักนาทีก็ยังดี ร่างสูงสูดหายใจเข้าเบาๆปล่อยให้พลุบนท้อง

    ฟ้าพาคนข้างกายให้เพลิดเพลิน



                 ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาแล้วทำลายมันลง ด้วย .. หนึ่งจุมพิต











                 เพล้ง!!!


                 แก้วทรงสวยแตกกระจายออกจากกันไปคนละทิศเมื่อกระทบเข้ากับผนังห้องกว้างเพราะแรงขว้างของผู้เป็นเจ้าของ น้ำสีอำพันเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่ไม่ถึงค่อนแก้วเปรอะกระเด็นรวมไปกับเศษแก้วที่แตกละเอียด ดวงตาคมหลับลงเพียงนิดเมื่อเศษเล็กๆชิ้นหนึ่งกระเด็นเฉียดข้างแก้มจนเลือดไหลซึมออกมาเป็นทาง

                  แต่อย่างไรก็ตาม ต่อให้บาดลึกเท่าไหร่ เขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บมากไปกว่าที่เป็นอยู่

                   ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนุ่มอย่างเก่า โต๊ะข้างกายมีขวดแก้วบรั่นดีชั้นเยี่ยมวางอยู่โดยปราศจากแก้วซึ่งเขาได้ขว้างมันออกไปแล้ว มือหนากำแน่นลงที่พนักวางแขนก่อนจะหลับตาลงเก็บกลั้นความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้อย่างสุดแสนดังเช่นทุกคืน ไม่ทันไรประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ปรากฎร่างของชายมีอายุซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพ่อบ้านที่ตามติดมาด้วยสาวใช้อีกสองคน

                 คุณชายครับ เกิดอะไรขึ้นชายมีอายุถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพไม่ต่างจากเสียงที่ดังออกไปด้านนอกเลย หน้าตาตื่นตระหนกของคนทั้งสามทำให้คยู
    ฮยอนเริ่มจะหัวเสียตามไปด้วย

                 รีบไปเอาของมาเก็บกวาดไปสิเสียงคุณพ่อบ้านสั่งสาวใช้อีกสองคนให้รีบทำตามก่อนที่พวกหล่อนจะต้องหยุดชะงักเพราะเจ้านายที่ใหญ่กว่าสั่งห้ามไว้

                 ไม่ต้องหรอก ..เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆแต่ชัดเจนในคำสั่งดี

                 แต่ว่าคุณชาย .. แก้วแตกแบบนี้มันอันตรายนะครับ แล้วนั่น หน้าคุณชายเลือดออกเห็นอย่างนั้นแล้วก็รีบหันไปสั่งสองสาวให้ไปเอากล่องพยาบาลมาทำแผลให้ผู้เป็นนาย หากแต่ชายหนุ่มทำได้เพียงยกมือขึ้นห้ามเอาไว้อีกครั้ง

                 แต่คุณชายครับ..

                 ไม่ต้องหรอก

                 แต่ว่า ..."

                 ผมบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องไงล่ะ!!!ใบหน้านิ่งขรึมตวาดออกมาเสียงดังจนคนทั้งสามต้องผวา ก็ในเมื่อบอกดีๆแล้วไม่รู้เรื่องเขาก็ไม่คิดจะพูดอีกต่อไปให้เสีย
    เวลา

                 ออกไป ฉันสั่งให้ออกไปเดี๋ยวนี้ชายหนุ่มข่มเสียงสั่งเป็นรอบสุดท้าย แต่คราวนี้คนทั้งสามเข้าใจดีจึงกุลีกุจอออกไปจากห้องไป เสียงประตูปิดลงแล้ว



                   คยูฮยอนก็กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง เศษซากของผลงานที่ทำเอาไว้ไม่ได้ประจักษ์แก่สายตาของตัวเองเลยแม้แต่นิด สองเท้าเปล่าเหยียบย่ำผ่านเศษแก้วกระจายเต็มพื้นออกไปโดยไม่สนใจเลยว่าจะถูกคมแก้วนั้นบาดเอา
    .. เพราะเขาคงไม่รู้สึกอะไร

                 ทั้งที่ทุกอย่างปกติดี ทั้งที่รอบกายช่างแสนสุขสบาย แต่จิตใจทำไมถึงได้ว้าวุ่นเช่นนี้ คำถามไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใด เพราะคำตอบนั้น เขาได้มันมาก่อนจะมีคำถามนี้แล้วด้วยซ้ำ สายตาคมทอดมองออกไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงจันทร์สาดส่องผ่านหมู่เมฆจางๆลงมายังระเบียงที่เขายืนอยู่ คยูฮยอนถอนหายใจกับตัวเองดังเช่นทุกที เกลียดใครได้นอกจากตัวเอง เพราะตัวเองคนเดียว


                
    พระจันทร์ลอยเด่นอยู่อย่างเดียวดายไม่ต่างอะไรกับคนที่เฝ้ามองมัน แม้ในยามอยู่คนเดียว ดวงตาคู่นี้ก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา และต่อให้พระจันทร์จะงดงามเพียงใด .. แต่เขากลับมองเห็นแค่ใบหน้าของใครบางคนปรากฎอยู่ในนั้นดังเช่นทุกคืน

                                   

                        


                 เสียงพลุหายไปแล้วแทนที่ด้วยไอจากโกโก้ร้อนๆที่ลอยฉุยขึ้นมาจากถ้วยที่ยกขึ้นดื่ม ซองมินและคิบอมนั่งอยู่ตรงข้ามกันหลังจากที่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว ใบ
    หน้าของคนฟังแสดงความเห็นใจออกมาเมื่อได้ฟังสิ่งที่อีกคนเพิ่งเล่าจบไป

                 ฉันไม่โกรธหรอกนะคิบอม นายคงคิดถึงแฟนเก่าของนายมาก

                 อ่ะ อืม ขอบคุณคุณมากที่ไม่ถือสาอะไรผม ผมก็แย่จริงๆที่ทำลงไปได้ แค่คุณชอบพลุเหมือนแฟนเก่าผม ผมก็อดคิดถึงเธอไม่ได้ .. ขอโทษอีกครั้งนะซองมิน

                 เอาน่า .. แค่นี้เอง ซองมินก็ยังไม่ถือโทษอะไรคิบอมที่จู่ๆก็ก้มลงมาจูบเขาแบบนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามขอโทษแล้วขอโทษอีกก็ตามที ใบหน้าของคนผิดลอบมองคนตรงหน้าที่กำลังยกถ้วยโกโก้ขึ้นดื่ม ดวงตาคมหลุบลงกับตัวเองยามที่มีโอกาสไม่ได้สบตาแล้วแสร้งสร้างเรื่องไปเรื่อย คิบอมนึกแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองอีกสักทีสองทีที่ทำอะไรลงไปไม่คิด ดีนะที่เขารีบโกหกแก้ตัวก่อน และที่ดีกว่านั้นคือโชคดีที่เป็นซองมิน ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่เชื่อกับสิ่งที่เขาพูดก็ได้ ซองมินไม่ได้โง่ที่หลงเชื่อคำ
    พูดของเขาหรอก แต่สำหรับคิบอมแล้วเขาเรียกว่าอีกฝ่ายใจกว้างพอต่างหาก คนที่แย่คือเขาเอง ที่โกหกต่างๆนานาตั้งแต่เจอกันจนคนๆนี้เชื่อเสียสนิท

                 .. คุณน่ะ ใจดีแบบนี้กับทุกคนเลยรึเปล่านะ

                 เมื่อถึงเวลาที่ควรซองมินก็ขอตัวไปนอนเพราะรู้สึกง่วงมากจนลืมคิดไปถึงเรื่องที่คิบอมจะไม่อยู่แล้วจึงไม่ได้ถามอะไรออกไป ร่างสูงมองตามอีกคนที่กำลังเดินเข้าห้องไปด้วยสายตาที่อีกฝ่ายไม่มีวันได้เห็นก่อนที่ประตูห้องนอนจะปิดลงพร้อมกับที่ร่างของซองมินหายไปเข้าไปในนั้นแล้ว

                 เฮ้อ .. ไม่ได้บอกลากันเลยนะคุณ

                 ชายหนุ่มข่มใจหันกลับมาจากภาพตรงหน้าก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มือถืออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วทำหน้าของตัวเองที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุดต่อไป









                 ฮัลโหล .. อืม พรุ่งนี้ล่ะรยออุค






    .
    .

    Tbc. Chapter 4






                 

                          แอร๊ยยยยยยยย!!

                         เป็นไงกันบ้างคะกับตอนนี้ ??? อึดอัดกันไปตามสไตล์(คนแต่ง)เลยเนอะ

                         *สงสารคยูฮยอนลึกๆ เจ้าตัวคงอยากบอกว่าบทตรูไปไหนฟระ ==;   ฮะฮะฮะ ก็ตามนั้นแหละค่ะ ยกกระต่ายให้เรื่องนึงก็ดีแล้วนะพ่อพระเอก

                          ไม่ทอล์คอะไรมากมาย อึนๆเบลอๆอยู่เลย .. ขอบคุณทุกคอมเมนท์(แม้จะน้อยนิด) ก็ขอบคุณตลอดนะคะที่ติดตามกัน หรือวิวต่างๆที่เข้ามาอ่านก็ตาม^^ ใครไปงาน KFC#5 แวะบูธ H6 [Love Screamz]ได้นะคะ  

     

                           ปล.ตอบคำถามจากตอนก่อนหน้า ที่ถามว่าหนังสือได้ตอนไหน หลังงานไก่วันเสาร์ที่ 3 กันยา นี้ค่ะ หรือใครจะแวะไปซื้อที่บูธก็ตามสะดวก

     

                           เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ ^^V





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×