คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : WHEN ? .. Chapter.[7]
ไม่ได้ลืมมาลงต่อนะคะ ,,แต่ว่าวุนวายกับรวมเล่มอยู่มากมาย เหอๆ
เอาเป็นว่าดีไม่ดียังไงติชมได้นะคะ เพราะเรื่องนี้มันเฉพาะทางจริงๆ (แล้วแต่ใครจะพอใจ^^)
*ส่วนใครที่สั่งรวมเล่มหรือไปซื้อที่งานKFC#4 มาแล้ว กอนอยากขอโทษมา ณ ที่นี้ ที่ยังมีคำผิดอยู่ในเล่ม
และอะไรหลายอย่างที่น่าจะเพอร์เฟคกว่านี้ แต่ได้เท่านั้น มันแข่งกับเวลาด้วยอ่ะค่ะ T T
ไม่ได้อ้างนะ แต่มันจริงๆ ทั้งหมดตัวเองผิดเองนี่แหละ
**ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ เมนท์ไม่เมนท์ ถูกใจไม่ถูกใจไม่ว่ากันค่ะ *-*
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter 7
.. คุณเคยหรือไม่ กับการทนทุกข์เสียจนใจมันชา
เคยหรือเปล่า ที่แสนเบื่อหน่ายกับความรักงี่เง่า
แล้วเคยไหม ที่ยังไงแล้วมันก็ไม่มีทางหนีพ้นอยู่ดี ..
เช้าวันใหม่อีกวัน เช้าที่สดใส เช้าที่คาดเดาอะไรไม่ได้เหมือนเคย คิบอมพาร่างของตัวเองมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
เพื่อจะออกไปทำงานหลังจากที่แต่งตัวเรียบ
ใบหน้าหล่อเหลาหันมองบานประตูห้องนอนตัวเองที่ตอนนี้ยกให้อีกคนได้นอนเมื่อคืนนี้
แตกต่างจากเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง แม้จะไม่ได้เสียงดังแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆมันก็แจ่มชัดในหัวเขาแทบทั้งคืน
“สงสัยจะยังไม่ตื่นแฮะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะเตรียมออกจากห้องไป แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นทันที คิบอมหันไปมองคนที่กำลังนึกถึงอยู่นั้นเดินออกมา กระเป๋าใบเล็กที่พกมาด้วยเมื่อวานสะพายอยู่ด้านข้าง เสื้อผ้าที่หลวมไปหน่อยที่เขายกให้อีกฝ่ายก็ถูกนำมาใส่ในเช้านี้
“พี่จะไปไหนครับ” คิบอมถาม พยายามไม่แสดงอาการสนใจเท่าไหร่นัก
“ตอนนี้ไม่รู้ อย่างที่บอกเมื่อวาน พี่จะไม่อยู่ซักพักนะ” พูดไปก็ก้มหน้าไป ดวงตาแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้มานั้นมันน่าอายเกินกว่าที่จะให้ใครเห็น โดยเฉพาะคนๆนี้
“งั้นเหรอ แล้วพี่จะไปไหน”
“ไม่รู้สิ อยากแวะไปเยี่ยมดงแฮ แต่คิดว่าไม่ดีกว่า”
“.......”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ขอบใจนายมากคิบอม ดีใจที่เราได้เจอกัน” ความรู้สึกที่ท่วมท้นในอกถูกหัวใจสั่งให้มันอยู่กับที่อย่างนั้น ว่าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง
แต่ละวินาทีที่เสียไปเรียกร้องให้หัวใจร้อนรนจนแทบจะชา หากปล่อยไปล่ะ จะต่างอะไรกับยื้อเอาไว้แบบเดิม คิบอม
ลงมาถึงชั้นล่างของคอนโดอย่างรวดเร็ว แต่คนที่ตามหาก็หายไปเสียแล้ว นึกโทษตัวเองในใจไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำไมถึงได้เหมือนคนที่โง่งมตัดสินใจอะไรไม่ได้เด็ดขาดเสียที เขาคนเดิมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่ที่คนๆนี้เข้ามาในชีวิตงั้นเหรอ ร่างสูงของชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่เดิมขณะที่คนที่ผ่านไปมาก็ไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก ต่างคนต่างรีบเร่งออกไปทำงานของตัวเองกันตาม
.. พี่ไม่ได้จากไป แต่ผมกำลังจะเสียพี่ไป
“คิบอม” เสียงเรียกกับรอยยิ้มบางๆทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“..........”
“คือ .. นายกำลังมองหาพี่รึเปล่า” ไม่กล้าจะถามแต่ก็พูดออกไปแล้ว ถึงคำตอบจะตรงข้ามกับที่หวังก็คงไม่สำคัญแล้วเหมือนกัน
.. คนๆนั้น เป็นฉันได้รึเปล่าคิบอม
แค่รอยยิ้มก็ทำเอาคนฟังใจชื้น แค่นี้ก็ดีแล้ว ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้แล้วจริงๆ ถึงไม่ได้มีใจแต่แค่นี้ก็ยังดี ไม่ว่าจะเจออะไรมาขอแค่คนๆนี้อยู่เคียงข้างก็พอใจแล้ว
“พี่ .. เป็นไรรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยกลบเกลื่อนความรู้สึกเมื่อเห็นอีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้า เขาเองพยายามแค่ไหนที่จะไม่แสดงอะไรออกไป แล้วเล่นมาถามแบบนี้จะให้ตอบว่า “ไม่” งั้นเหรอ ความเงียบที่เกิดขึ้นคิดไปก็น่าขำ คนสองคนค่อยๆมองหน้ากัน แล้วรอยยิ้มที่คิดว่าไม่ได้มีมานานก็เริ่มผุดออกมา ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ แม้ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจต้องการแต่แค่เพียงน้อยนิดหัวใจทั้งสองก็พองโตได้แล้วในเวลานี้
คิบอมและฮันคยองตัดสินใจจะไปโรงพยาบาลเพื่อที่จะไปหาคนที่เขาทั้งสองกำลังห่วงอยู่ตอนนี้ว่าอาการเป็นอย่างไร
“จะดีเหรอคิบอม พี่ว่าพี่ไม่กล้าสู้หน้าน้อง”
“แล้วถ้าดงแฮความจำเสื่อมจริงๆล่ะ” คิบอมพูดแล้วฮันคยองก็เงียบไป
“ผมขอโทษ ผมแค่หมายถึงว่า ไม่จำเป็นเลยที่พี่จะต้องกลัวขนาดนั้น”
“ก็มัน..ไม่กล้านี่นา”
“ไม่กล้าเจอดงแฮหรือว่าใครกันแน่” เอาอีกแล้ว ไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดไปได้อย่างไรโดยไม่คิด
“หึหึ ทำไมจะไม่กล้า ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกลัว”
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
******************************
ที่โรงพยาบาล คิบอมจะเข้าไปถามหาห้องที่ดงแฮพักอยู่แต่ไม่จำเป็นเลยเมื่อเจอเข้ากับคุณหมอหนุ่มเพื่อนตัวเอง
“คิบอม มาหาดงแฮเหรอวะ หวัดดีครับพี่ฮัน” ว่าแล้วก็ไม่ลืมหันไปทักทายพี่ชายเพื่อนด้วย
“เออ ดงแฮอยู่ห้องไหนวะ เป็นไรมากไหม” เป็นคิบอมที่ตอบขณะที่
ฮันคยองพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม
“นั่นสิ ดงแฮเป็นอะไรมากรึเปล่าคังอิน ดงแฮความจำเสื่อมรึเปล่า แล้วเราต้องทำยังไง” ฮันคยองถามขึ้นหลายคำถามจนคนเป็นหมอต้องยกมือขึ้นห้าม
“โอเค ใจเย็นๆนะครับพี่ฮัน คือพี่อาจจะทราบมาบ้างแล้วใช่ไหมว่าดงแฮเป็นยังไง เรื่องปลอดภัยน่ะไม่ต้องห่วงเลยสบายใจได้ แต่เรื่องที่ถามมาว่าความจำเสื่อมรึเปล่านั้น อันนี้ความเป็นไปได้มันสูงครับ ยังไงซะก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะในกรณีนี้ไม่มีโอกาสเป็นอย่างถาวรครับ” ว่าแล้วก็ยิ้มตาหยีมาให้คนฟังทั้งสองที่หน้า
ตานั้นบอกไม่ได้เลยว่าโล่งแต่กลับเป็นห่วงไปกว่าเดิม
“งั้นก็ดีแล้ว พี่เป็นห่วงน้องน่ะคังอิน” ฮันคยองว่าพลางค่อยๆหันหลังกลับทำให้คุณหมอหนุ่มสงสัย ก็ท่าทางห่วงออกขนาดนั้นแล้วจะกลับไปทำไม
“จะไปไหน” คิบอมดึงแขนเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“ก็กลับกันไง”
“จะกลับทำไมล่ะครับ เรายังไม่ได้ไปหาดงแฮเลยนะ” คิบอมไม่เข้าใจ คังอินเห็นแบบนั้นก็กล่าวเสริม
“นั่นสิครับ นี่ผมก็กำลังรอซีวอนมันอยู่เลย พี่ก็อยู่ก่อนสิครับจะรีบไปไหน งานที่บริษัทยุ่งเหรอครับ” คนฟังเมื่อได้ยินชื่ออีกคนก็แทบไม่อยากอยู่ไปกันใหญ่
“ก็คงงั้น” ฮันคยองแสร้งตอบไป แต่แล้วก็ไม่ทันจะได้พูดอะไรกันอีกเขาก็ถูกคิบอมดึงให้เดินตามไปโดยไม่ทันตั้งตัว โดยมีคังอินที่รีบเดินนำไปที่ห้องคนไข้ที่ดงแฮอยู่ คิบอมนึกในใจกับความดื้อของฮันคยอง นี่ขนาดที่แล้วมาถูกทำร้ายก็ได้
แต่ยอม พอออกมาหน่อยก็กลายเป็นว่าไม่กล้าเข้าหา แล้วนี่น้องตัวเองทั้งคนจะแคร์อะไรกับคนอื่น คนเป็นพี่น้องน่ะตัดกันไม่ขาดหรอกนะ
ประตูห้องคนไข้ถูกเปิดออก ภายในมีเพียงร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ผ้าพันหัวสีขาวทำให้คนที่มองเห็นรู้สึกใจไม่ดี ฮันคยองและคิบอมเดินตามคังอินเข้าไปก่อนจะตรงไปที่เตียง
“ดงแฮ” มือบางกุมลงเบาๆที่มือน้องชาย ใบหน้าซีดเซียวที่แต่ก่อนเคยเปล่งปลั่งได้แต่หลับตานิ่ง
คนเป็นพี่ได้แต่มองตาม น้ำตาก็ไหลอออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“พี่ขอโทษนะ” สั้นๆง่ายๆที่อยากจะให้คนที่หลับอยู่ได้ยิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาดงแฮก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ ภาพพี่น้องตรงหน้านั้นทำให้คิบอมกับคังอินได้แต่เศร้าไปด้วย ห้องทั้งห้องมีเพียงความเงียบ ฮันคยองได้แต่นั่งเฝ้ามองดงแฮอยู่ข้างเตียงไม่ลุกไปไหน และก็ถึงเวลาที่ครอบครัวของคนไข้มาถึงประตูห้องถูกเปิดออกก่อนที่คนด้านในจะหันไปมอง
“ฮันคยอง” ซีวอนเรียกชื่อคนข้างหน้าที่เขาเห็น ร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับลูกและป้ากับพี่เลี้ยงได้แต่หยุดชะงักก่อนที่จะเดินเข้าไปหา ป้ายุนฮียิ้มกว้างที่เจอคุณหนูของเธอ
“ฮัน ทำไมเมื่อวาน..” ซีวอนมีท่าทีออกนอกหน้าจนทุกคนต้องคิดตามว่าแล้วคนที่นอนอยู่ล่ะ โดยเฉพาะคิบอมที่มองอย่างไม่พอใจ เขาอยากจะเข้าไปถามตรงๆด้วยซ้ำไปว่าคนที่นอนอยู่นั้นคิดจะสนใจเป็นอันดับแรกหรือไม่ ฮันคยองผลักมือซีวอนที่เข้ามาแตะตัวเขาออก
.. ขอร้อง เราไม่ได้เป็นอะไรกัน
“ฉันมาดูดงแฮ ปลอดภัยก็ดีแล้ว ขอตัวก่อนนะ” ร่างโปร่งบางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะที่ทุกคนเรียกเอาไว้พอดี
“คุณป้าฮันนี่จะไปไหนคะ เมื่อคืนฮีชอลหาไม่เจอเลย” เสียงหลานสาวตัวน้อยเรียกรอยยิ้มบางๆจากฮันคยองได้นิดหน่อย ก่อนที่จะหันไปอีกทาง
“เดี๋ยวสิคะคุณหนู คุณหนูจะไปไหนคะ ไม่อยู่รอน้องตื่นเหรอ” ป้ายุนฮีถาม
“นั่นสิครับพี่ เราจะได้เช็คอาการแล้วรู้ผลกันเลยเช้านี้” คุณหมอคังอินพูดเสริม
“คงไม่ล่ะ พอดีพี่มีธุระน่ะ” ฮันคยองไม่ฟังเสียงค้านของทุกคนเลยมีแต่จะไปท่าเดียว ซีวอนได้ยินก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรลงไปอย่างเอาแต่ใจเพราะรู้ตัวเองดีว่าคนที่ผิดคือใคร ที่สำคัญตอนนี้คนที่เขาควรจะสนใจคือคนที่กำลังนอนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ คิบอมเห็นแบบนั้นก็เริ่มอึดอัดไปด้วยอีกคน เขาเข้าใจดีว่า
ฮันคยองรู้สึกยังไง มันคงจะแย่มากเพราะเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เหมือนกัน
“คิบอม กลับกันเถอะ”
“แต่ดงแฮ..”
“ดงแฮปลอดภัยดีพี่ก็วางใจ อีกอย่างเค้าจะตื่นมาตอนนี้แล้วเห็นหน้าพี่มันคงไม่ดีเท่าไหร่” ว่าแล้วก็เดินหลบออกไปนอกห้องทันทีโดยที่ไม่ฟังเสียงเรียกจากใครเลย ร่างสูงของคิบอมก็ได้แต่เดินตามออกมา เขาไม่อยากบังคับใจใครอีกแล้ว แค่คอยอยู่ข้างๆคงจะดีกว่า
“เราจะกลับกันเลยเหรอครับ” คิบอมว่าพลางมองอีกคนที่เป็นฝ่ายลากเขาออกมาแต่ตัวเองกลับได้แต่ชะเง้อมองกลับเข้าไปในห้อง เห็นแล้วก็น่าสงสาร ทั้งที่อยากจะอยู่ดูแลน้องแต่ก็ทำไม่ได้
“ขอโทษนะคิบอม ที่พี่ยังไม่กล้าน่ะ ”
“ผมเองต่างหากที่ต้องขอโทษ ถ้าพี่ไม่อยากมาก็ไม่รู้จะมาทำไม” นั่นสินะ ไม่รู้ว่าเขาจะพามาทำไม
“พี่ก็อยากเข้าไปนะ แต่ดงแฮเกลียดพี่แล้ว” ได้ยินแบบนั้นคิบอมก็ไม่ได้ตอบอะไร ซึ่งบางมุมในใจฮันคยองก็แอบคิดไปว่าคิบอมคงจะรำคาญเขาไม่น้อย
ร่างสูงที่ยืนเงียบ คิดแล้วก็ปวดหัวกับเรื่องที่เกิดจริงๆ ไม่ใช่แค่เขากับฮันคยองหรอกนะที่เจ็บ ดงแฮเองก็เจ็บมากไม่แพ้กัน ส่วนเพื่อนอีกคนน่ะเหรอ มันสมควรแล้วล่ะมั้งหากจะได้รับอะไรที่ทำเอาไว้กลับมาเสียบ้าง
สองคนที่ยืนอยู่ข้างนอก จะเข้ามาก็ไม่กล้า จะกลับไปใจมันยังห่วงอยู่เลยได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น ส่วนร่างบางที่นอนหลับอยู่ข้างใน เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็เริ่มจะรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงคนรอบข้างทั้งที่ตายังปิดอยู่
“คุณแม่ทำไมไม่ตื่นซะทีล่ะคะคุณอาหมอ” มือเล็กดึงชายเสื้อกาวน์ของคุณหมอหนุ่มเบาๆ
.. เสียงเด็กที่ไหนกันนะมาเรียกหาแม่
ในหัวที่ขาวโพลนเริ่มมีแสงสว่างส่องเข้ามา รู้สึกอย่างเดียว ปวดหัว
“อีกเดี๋ยวก็ตื่นแล้วนะฮีชอล” มือหนาของคังอินลูบเบาๆที่ศีรษะของเด็กน้อย ใบหน้าหล่อคมหันมามองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยสายตาที่คนถูกจ้องรู้ดีว่าหมายความว่างอย่างไร
“อย่ามองแบบนี้นะคังอิน กูรู้ว่ากูผิด” ซีวอนพูดเบาๆกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างกัน
.. คังอิน ใครน่ะ ใครมาพูดอะไรแถวนี้กัน ปวดหัว
แล้วเปลือกตาที่ปิดอยู่ก็ลืมขึ้นมาช้าๆอย่างยากลำบาก
“ดงแฮ ดงแฮตื่นแล้ว” ซีวอนกุมมือคนรักแน่น ใบหน้าที่ซีดเซียวได้แต่แสดงอาการเจ็บปวด ริมฝีปากบางที่แห้งผากเริ่มร้องออกมาเบาๆ
“ปวดหัว ปวดหัว” ดงแฮกุมมือข้างหนึ่งที่หัวของตัวเองอย่างไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น มืออีกข้างที่ถูกซีวอนกุมไว้ถูกปล่อยออกด้วยความจำใจเมื่อคุณหมอกันให้ทุกคนขยับออก พยาบาลที่ตรงเข้ามาจากด้านนอกผ่านหน้าของฮันคยองและคิบอม
เข้าไปในห้อง ทั้งสองมองอย่างใจไม่ดีเอาเสียเลย ทุกคนยืนมองคุณหมอที่ให้ยาบรรเทากับดงแฮอยู่ห่างๆ แล้วยาที่คังอินเอาให้กินก็ทำให้ดงแฮทุเลาอาการเจ็บปวดลงได้อย่างเห็นผล
“คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ” เสียงป้ายุนฮีเอ่ยถามน้ำตาคลอเบ้า กลัวเหลือ
เกินว่าคุณหนูของเธอจะเจ็บมากไปกว่านี้ ซีวอนเองก็ได้แต่ยิ้มดีใจที่คนรักฟื้นจนลืมบางเรื่องไปเสียสนิท จะมีก็แต่คุณหมอ
คังอินที่ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้ทุกอย่างแสดงออกมา เขาเองก็ห่วงเพื่อนตัวเองไม่น้อยไปกว่าใครเลย รู้อยู่แก่ใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“คุณแม่คะ ฮีชอลคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลย” เสียงเจื้อยแจ้วเล่นเอาร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่เข้าใจ
“แม่ ..” ดงแฮหันซ้ายหันขวาก่อนจะหันกลับมามองหน้าเล็กๆตากลมๆที่จ้องเขาอยู่
“คุณแม่..” ฮีชอลเรียก สองมือเล็กก็ยื่นออกไปหวังว่าคนเป็นแม่จะอุ้มตัวเองขึ้นมาตามความเคยชิน แต่ดงแฮก็ได้แต่นั่งเฉยๆ ใบหน้าหวานออกอาการงุนงงอย่างเห็นได้ชัด
“แม่งั้นเหรอ เอ่อ .. ป้ายุนฮีครับ” มือบางหันไปคว้าเข้าที่เสื้อของหญิงสูงอายุที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“อะไรคะคุณหนู”
“ใคร เด็กคนนี้..” ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็นิ่งไปกันอีก ซีวอนใจหายวาบเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขานั่งคิดนอนคิดมาทั้งคืนพร้อมๆกับที่คังอินหลับตาลงไม่ต่างจากอีกสองคนที่กำลังมองอยู่จากข้างนอกห้อง .. สิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนเริ่มจะรู้สึกแล้ว
“ฮืออออ คุณแม่ไม่รักฮีชอลแล้ว ฮืออออ” แล้วเสียงร้องไห้ก็ดังลั่นขึ้นมาทั้งห้อง มือหนาของซีวอนคว้าเอาร่างลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาอุ้มไว้
“ฮีชอลลูกของเราไง เธอจำไม่ได้เหรอ” ซีวอนบอกกับดงแฮที่มองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ร่างบางขยับตัวออกห่างมาทางป้ายุนฮี
“เอ่อ ลูกใครน่ะ แล้วคุณเป็นใคร” คิ้วบางขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตากลมเริ่มฉายแววหวาดกลัวและไม่ไว้ใจมาที่ซีวอน
.. จะบ้ารึเปล่า ฉันเป็นผู้ชายนะจะมามีลูกกับคนๆนี้ได้ยังไง
อันที่จริงแล้วในห้องทั้งหมดนี่มันใครกันก็ไม่รู้จัก แล้วนี่เขาเป็นอะไร ทำไมมาอยู่บนเตียงคนไข้แบบนี้ ตัวเองก็แทบจำตัวเองไม่ได้เลย เหมือนกับว่าช่วงเวลาในชีวิตที่จำได้ขาดหายไปแทบหมด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนเริ่มมองหาคนที่จะให้ช่วยเหลือ ซึ่งก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังจำได้
“ป้า ป้าครับ เค้าเป็นใคร ผมไม่รู้จักซักคนเลย”
“คุณหนูคะ คุณหนู นี่จำใครไม่ได้เลยเหรอ นี่คุณซีวอนสามีคุณหนูไงคะ” เสียงป้ายุนฮีเริ่มสั่นเครือเมื่อรู้สึกว่าคุณหนูของเธอจะความจำเสื่อมจริงๆ
“ก็ผมไม่รู้จักเค้า” ว่าแล้วก็กอดแขนอีกฝ่ายไว้แน่น แววตาที่มองทุกคนเหมือนกับกำลังมองใครที่ไม่รู้จัก แล้วคำว่าสามีคืออะไร
“ดงแฮ เธอจำฉันไม่ได้เหรอ..” ซีวอนจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา แต่ก็เหมือนเดิม ทุกอย่างไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ฮันคยองที่มองเหตุการณ์อยู่ข้างนอกน้ำตาก็เริ่มไหลลงมา ไหล่บางสั่นน้อยๆตามแรงสะอื้น คิบอมเองก็สะเทือนใจไม่แพ้กัน
ดงแฮมองทุกคนอยู่แบบนั้นข้างๆกับป้ายุนฮี ก่อนจะหยุดจ้องที่ซีวอนจนคนถูกจ้องพูดอะไรไม่ออก
“ดงแฮ...” ชายหนุ่มครางชื่อคนรักออกมาเบาๆ นี่ขนาดจำเขาไม่ได้ยังรังเกียจกันขนาดนี้ สายตาอย่างนี้ สายตาที่เหมือนน้อยใจและตัดพ้อมองมาที่ซีวอน
.. อย่ามองฉันแบบนั้นนะดงแฮ รู้ไหมว่ามันปวดที่หัวใจ
.. ทั้งที่คิดว่าไม่รู้จัก แต่ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งมองก็ยิ่งเศร้า ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรกัน ทำไมเวลาที่มองหน้าคนๆนี้มันถึงรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
ดงแฮนึกในใจกับตัวเองเพราะมันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เสียงเด็กร้องไห้กับเสียงของผู้ชายที่คิดว่าไม่อยากมองหน้า คนอื่นๆที่ไม่รู้จัก วันเวลาและทุกอย่างตอนนี้ก็แทบไม่รู้อะไรเลย รู้เพียงอย่างเดียวว่าตอนนี้ปวดหัวอีกแล้ว
“ปวดหัว ..ฮึก ไม่ไหวแล้ว ปวดหัว ผมปวดหัว” ร่างบางเริ่มงอตัวลงกับเตียงคนไข้ ปากก็พร่ำบอกด้วยความเจ็บปวด สองมือของคนเป็นป้าที่ยืนที่อยู่ข้างๆโอบร่างนั้นไว้อย่างเป็นห่วง
“คุณหนูคะ คุณหนูดงแฮ...”
“ดงแฮ ดงแฮ...” ซีวอนเอื้อมมือเข้าไปแต่ก็โดนมือเล็กนั่นปัดออกมาเหมือนเขาเป็นแค่คนอื่น คังอินเห็นว่าท่าทางคงไม่ปกติแล้วเลยเชิญทุกคนออกไปข้างนอก
“ทุกคนเชิญออกไปข้างนอกก่อนนะครับ เดี๋ยวหมอจะต้องให้ยาคนไข้ก่อนนะครับ” ว่าแล้วป้ายุนฮีกับซูยองก็ได้แต่พยักหน้าทำตาม เธอห่วงคุณหนูของเธอเหลือเกินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ น้ำตาที่ไหลเงียบๆไม่ได้ช่วยอะไรเลย ซูยองรับฮีชอลมาจากซีวอนก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ซึ่งเป็นจังหวะที่คิบอมกับฮันคยองก็ได้กลับออกไปแล้วพอดี
“ซีวอน นายเองก็ออกไปก่อน” คุณหมอหนุ่มบอกหลังจากที่เรียกพยาบาลเข้ามา
“แต่..”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อยู่ด้วยก็ไม่มีประโยชน์ เห็นรึเปล่าว่าดงแฮกำลังปวดหัว” ซีวอนมองตามที่เพื่อนบอก ภาพคนรักที่นอนตัวงออยู่บนเตียงพร้อมกับเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาเดินออกมาโดยเร็ว ดวงตาคมที่ปกติได้แต่ฉายแววเจ้าเล่ห์และไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร บัดนี้เริ่มมีน้ำใสๆคลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
.. ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ
ซีวอนพร่ำบอกกับตัวเองเป็นพันครั้ง หัวใจมันเจ็บจนแทบหายใจไม่ออก รู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องลำบาก ฮันคยองเองต้องมาทะเลาะกับดงแฮเพราะเขา ดงแฮเองก็ต้องมาเป็นแบบนี้เพราะเขาอีก และสุดท้ายก็เพราะเขาอีกนั่นแหละใช่ไหมที่อีกฝ่ายลืมกันไปแล้วแบบนี้
*******************************
ร่างเล็กของเลขาหน้าใสที่กำลังวุ่นวายกับงานบนโต๊ะเป็นอันต้องหยุดชะงักแต่เช้าเมื่อเสียงเตือนว่ามีคนโทรเข้าดังขึ้น มือถือเครื่องเล็กสีชมพูถูกกดรับอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าใครโทรมา
“บอสครับ นี่คุณ
ซองมินเล่นเอาคิบอมต้องดึงโทรศัพท์มือถือออกห่างจากหูตัวเอง
“พอๆๆ ฉันรู้แล้ว เรื่องงานน่ะเซ็นให้หมดแล้วไม่ใช่รึไง”
“ก็ใช่ครับ แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่น่า ฉันจะไม่อยู่ซักพักนะ ใครมีอะไรนายจัดการได้เลย ไม่ก็โอนไปให้ฝ่ายที่รับผิดชอบดูแลเอง ไม่ใช่เอามาแบกไว้คนเดียวเข้าใจรึเปล่า” เสียงทุ้มกล่าวกลับมาบ้างก่อนจะพูดต่อไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายถามอะไรเลยแม้แต่นิด
“ฉันกำลังจะให้นายจองตั๋วเครื่องบินไปไซปันให้ตอนนี้เลย”
“ฮะ .. ว่าไงนะ ไปไซปัน !!” เสียงใสตะโกนกลับมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เวลานี้เนี่ยนะที่จะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ นี่อย่าบอกนะว่าอกหักจากคุณฮันคยองจนต้องหนีไปรักษาใจถึงที่นั่น
“อ้อ ลืมบอกว่าไปสองคนนะ แล้วโทรมาบอกด้วย แค่นี้แหละ ขอบใจมาก”
“เดี่ยวก่อนครับ เดี๋ยว..” แล้วซองมินก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเมื่อเป็นฝ่ายที่ถูกวางหูใส่อีกตามเคย ซึ่งก็แน่ล่ะ
เขาจะวางหูใส่เจ้านายได้อย่างไร
“เฮ้อ ว่าแล้วเชียว ที่แท้ก็ไปด้วยกัน ทำไมเจ้านายเรามันบ้าแบบนี่นะ ..
ซองมินคนนี้จะประสาทกิน” ใบหน้าน่ารักที่ตอนนี้นั้นเริ่มบูดเข้าให้กำลังแก้มป่องพองลมอย่างเสียไม่ได้ เกิดมาเป็นลูกน้องเค้าก็ต้องแบบนี้สินะ แถมมีเจ้านายบ้าๆแบบนี้ด้วย คิดแล้วก็เซ็ง
หลังจากที่ดงแฮได้รับยาแก้ปวดก็หลับไป มีเพียงซีวอนเท่านั้นที่ยืนมองอยู่เพราะสั่งให้คนอื่นๆกลับบ้านไปก่อน แล้วลูกเองก็จะได้ไม่งอแงด้วย ตัวเขาเองก็จะได้เฝ้าอีกคนที่นี่อย่างไม่เป็นพะวง คราบน้ำตาบนใบหน้าที่หลับยังคงอยู่ ดวงตากลมคู่สวยที่ส่งสายตาหวาดกลัวและตัดพ้อมาให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนบัดนี้ได้แต่ปิดสนิท ซีวอนค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงคนไข้ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ สายตาคมยัง
เวลาผ่านไปนานมากโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วยามเย็นก็เริ่มมาเยือนพร้อมกับเสียงใบไม้ที่พลิ้วไหว เสียงนกร้องเพียงเบาๆผ่านผ้าม่านผืนบางสีขาวของห้องคนไข้เข้ามาทำให้เปลือกตากลมที่หลับสนิทนั้นค่อยๆลืมขึ้น มือเรียวข้างซ้ายยกขึ้นจับที่ศีรษะตัวเองเบาๆ รู้สึกชาอย่างบอกไม่ถูก ดงแฮพยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นพิงกับหมอนแต่ก็เพิ่งรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งที่แขนอีกข้าง ปรอยผมสีดำที่แนบอยู่กับเตียงและใบหน้าอุ่นๆที่อยู่ชิดกับท่อนแขนของตัวเองบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาได้แต่เพียงมองใบหน้านั้นยามหลับ
.. คนๆนี้เป็นใคร นึกไม่ออก รู้เพียงอย่างเดียว มองแล้วเศร้า
ดงแฮพยายามดึงแขนตัวเองที่ถูกศีรษะนั้นทับอยู่ออกมาทำให้อีกฝ่ายขยับตัวนิดๆอย่างไม่พอใจที่การนอนของตัวเองถูกขัดจังหวะ แต่ก็ยังคงถูหน้าไปกับผ้าปูเตียงเหมือนกับเด็กๆ ริมฝีปากได้รูปขยับขึ้นลงเหมือนจะเอ่ยอะไรออกมาทั้งที่ยังหลับ
“ดงแฮ ..ขอโทษ ..ขอโทษ...” แต่แล้วก็ยังฟังไม่ชัดเสียที ใบหน้าหวานก้มลงเข้าไปใกล้อีกนิด
“ฮัน ..คยอง ฮันคยอง..” ได้ยินชัดแล้วก็เล่นเอาต้องขมวดคิ้วทันที พี่ฮันงั้นเหรอ ทำไมต้องเรียกชื่อพี่ชายเขาด้วยล่ะไม่เข้าใจเลย
.. แล้วพี่ไปไหน อยากเจอพี่
คิดแล้วน้ำตาก็เริ่มปริ่มออกมาก่อนจะไหลอาบแก้ม เอาอีกแล้วสินะ เขารู้สึกไม่ดีอีกแล้ว เหมือนถูกทิ้งไว้คนเดียว ทุกคนไปไหนกันหมด สมองในตอนนี้เริ่มจะคิดอะไรไปไกลไม่ได้ น้ำตาที่ไหลอยู่หยดลงกระทบกับแขนแกร่งที่ยังคงพาดอยู่ที่เตียงเรียกให้ร่างสูงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจะเงยหน้าตื่นขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่เขานอนเฝ้าอยู่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
“ดงแฮ ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ซีวอนคลี่ยิ้มถามอย่างเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
“เธอร้องไห้...” มือหนายื่นเข้าไปหมายจะเช็ดน้ำตาให้แต่ก็เป็นไปตามคาด มือบางปัดออกอย่างไม่ใยดี
“ขอโทษนะ คุณอย่ามายุ่งกับผมจะดีกว่า” ว่าแล้วก็รีบเช็ดน้ำตาออกให้หมด ต่อหน้าใครก็ไม่รู้จะมาอ่อนแอได้ยังไงกัน
“นี่เธอจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ ฉันซีวอนไง ชเว ซีวอน สามีเธอไง คนรักของเธอ” ร่างสูงพยามอธิบายด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน แต่มองดูแล้วเหมือนกับว่ากำลังอ้อนวอนมากกว่า อยากให้คนที่รักจำได้เหลือเกิน แต่ทันทีที่พูดจบอีกฝ่ายก็ตวัดสายตาใส่แบบไม่พอใจ
“นี่คุณ
“เอ่อ คือ เธอความจำเสื่อมน่ะดงแฮ เธอจำฉันไม่ได้หรอก แต่เดี๋ยวเธอก็จะกลับมาจำได้อีก” ฟังแล้วก็แทบจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาความจำเสื่อมงั้นเหรอ นั่นสินะ รู้สึกแปลกๆ แต่ยังไงก็ยอมรับไม่ได้เด็ดขาดกับคนๆนี้ ผู้ชายที่ไหนหน้าตาก็ดีมาบอกว่าเป็นสามี นี่ถ้าเป็นผู้หญิงซักคนมาบอกว่าเป็นภรรยาเขาอาจจะเชื่อไปแล้วก็ได้ แต่ว่าเมื่อเช้าถ้าฟังไม่ผิดที่ป้ายุนฮีบอก .. ไม่ เป็นไปไม่ได้ ทุกคนต้องเล่นตลกอะไรแน่ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เขาลืมไปเสียแทบหมด ทุกคนต้องมาล้อเล่นอะไรแน่ๆ
เมื่อปล่อยให้ดงแฮได้คิดก็เหมือนกับว่าไม่มีประโยชน์อะไร ซีวอนเลยทำลายความเงียบขึ้นด้วยการอยากยืนยันความจริง
“นี่เธอจะไม่เชื่อฉันงั้นเหรอดงแฮ เมื่อเช้าน่ะ ลูกของเรานะ”
“ไม่ใช่ พอเถอะ ผมไม่มีลูก”
“งั้นดูนี่” ซีวอนหยิบรูปถ่ายใบเล็กๆที่อยู่ในกระเป๋าเงินให้ดู รูปของเขาทั้งสองที่ถ่ายคู่กัน ชายหนุ่มโอบร่างบอบบางเอาไว้ในอ้อมกอด รอยยิ้มของทั้งคู่มองแล้วเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังเป็นสีชมพู
“นี่มัน ..” เห็นแล้วก็ตกใจไม่น้อย นี่เขาไปถ่ายรูปสนิทแนบชิดแบบนี้กับคนๆนี้ได้ยังไง
“มีอีกนะ..” ภาพใบเล็กถัดไปที่ซีวอนหยิบออกมาเป็นรูปของเขากับเด็กน้อยตัวเล็กมากที่ยิ้มแฉ่งแก้มป่องให้เขาหอมแก้มอย่างมีความสุข ดงแฮเห็นแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อมันคือภาพของเขาจริงๆ
“.......”
“ยังมีอีกนะที่บ้าน เยอะเลยถ้าเธออยาก...”
“พอแล้ว ช่างเถอะ” ใบหน้าของดงแฮเสมองไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะสนใจ ตอนนี้เขาไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว
“แต่ว่าเธอน่าจะ...”
“บอกว่าพอแล้วไงล่ะ หยุดพูดได้แล้ว แล้วเมื่อกี้นี้คุณเรียกชื่อพี่ชายผมทำไม”
“พี่ชาย”
“ใช่ ฮันคยอง เรียกทำไม แล้วนี่พี่ฮันไปไหนทำไมไม่มาอยู่ที่นี่”
“ฮันคยองเขา ติดต่อไม่ได้น่ะ” ซีวอนบอก เนื่องจากว่าเขาเองโทรหาก็ไม่สามารถติดต่อได้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้อีกต่างหาก แต่ไม่น่าจะต้องสงสัยว่าอยู่กับใคร แล้วแบบนี้จะให้เขาบอกดงแฮแบบไหนดีล่ะ อีกอย่างที่อีกฝ่ายพูดมานั้นจริงๆเหรอ
เขาละเมอถึงฮันคยองงั้นเหรอ ที่คิดมากเรื่องนี้เพราะว่าเป็นห่วงฮันคยองต่างหาก กลัวว่าจะคิดมากจนทำอะไรไม่ดี ส่วนอีกเรื่องที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาจะตอบคำถามคนตรงหน้านี่ยังไง แล้วดงแฮจะคิดอะไรไปมากไหม แต่เพราะว่าความจำเสื่อมเลยทำให้ไม่ได้คิดติดใจอะไรซีวอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองมากกว่า
“หมายความว่ายังไง ติดต่อไม่ได้” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาอีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
“พอเถอะน่า เลิกพูดเรื่องคนอื่นได้แล้ว กลับมาเรื่องของเราเถอะ” ซีวอนบอก ตอนนี้ความกลัวเริ่มเกาะกินความรู้สึกอีกครั้งแล้ว อยากจะพูดด้วยดีๆ อยากจะบอกว่าเป็นห่วง อยากจะกอด อยากจะจูบ ให้รู้ซะบ้างว่าเขารู้สึกอย่างไร
รักมากแค่ไหน
“นี่คุณ ใครคนอื่นกัน นั่นพี่ชายผมนะ ผมจะไปหาพี่ฮัน” ว่าแล้วขาเรียวเล็กก็ปัดลงจากเตียงเตรียมจะลุกออกไปเอาดื้อๆ ซีวอนเห็นแบบนั้นก็คว้าเอาร่างบางจากด้านหลังเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดทำให้อีกฝ่ายตกใจอย่างมาก ไม่นึกว่าคนๆนี้จะกล้าถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้
“..ปล่อย” แม้ว่าพยามดิ้นหนีมากเท่าไหร่แต่ก็ไม่เป็นผล อ้อมกอดนั้นกลับรัดแน่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“ไม่” ซีวอนปฏิเสธ และแม้ว่าดงแฮจะพยายามดิ้นหนีมากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล อ้อมกอดนั้นกลับรัดแน่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“ปล่อยนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับผมนะ” ดงแฮร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างใบหูอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาที่เกยอยู่กับไหล่มนก่อนจะค่อยๆซุกใบหน้าเข้าหาความหอมจากซอกคอขาว
“อ๊ะ อย่า ปล่อย.. บอกให้ปล่อยไง นี่นายอยากตายรึไง” ดงแฮร้องลั่น จนคนได้ยินก็ได้แต่ยิ้มกว้าง เอาแล้วไง สรรพนามเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ซีวอนได้เพียงคิดในใจ
“นี่ขนาดความจำเสื่อมนะเนี่ย ยังดื้อไม่หายเลยที่รัก” คำพูดที่ตั้งใจแหย่กันแบบนั้นกับการกระทำแบบนี้อีก คนฟังเริ่มจะหน้าแดงก็คงไม่แปลก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกว่าให้หยุดไงไม่ได้ยินรึไงเล่า” เสียงแหลมเริ่มตะโกนมากขึ้นแต่เรี่ยวแรงกลับอ่อนยวบไปไหนก็ไม่รู้ อ้อมกอดที่ยอมรับว่าไม่ต้อง
การแต่กลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจทำเอาแทบระทวย ดงแฮตัดสินใจหันหน้ามาเผชิญกับ
ซีวอนแล้วรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักอกกว้างนั้นออกไป แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลอีกแล้ว กลับเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เข้าแนบชิดมากขึ้น มือหนาเชยคางเรียวขึ้นประกบจูบหนักหน่วงอย่างรวดเร็วจนคนถูกจูบไม่ทันตั้งตัว ลิ้นร้อนชอนไชเข้าแทรกหาความหวานพายในโพรงปากอุ่นได้ดั่งใจคิด
“อื้อ ๆๆๆ” เสียงครางหนักในลำคอบอกให้รู้ว่าเริ่มหายใจไม่ออก กำปั้นเล็กทุบรัวเข้าที่อกแกร่งอย่างตั้งใจ ร่างบางพยายามจะถอยหนีแต่ยิ่งเอนห่างเท่าไหร่แผ่นหลังบางก็กลับแนบชิดกับเตียงนุ่มมากขึ้นเท่านั้น ซีวอนเอนกายตามลงไปทั้งที่ขาก็ยังยืนอยู่กับที่ มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของอีกฝ่ายก่อนจะถอนริมฝีปากออกเมื่อเห็นว่าดงแฮเริ่มจะหายใจไม่ออกเข้าจริงๆ ซีวอนก้มหน้าลงไปคลอเคลียที่แก้มอย่างไม่ห่างไปไหน ท่าทางเอาจริงแบบนี้ทำให้ดงแฮเริ่มจะตกใจอย่างห้ามไม่ได้
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า” ดงแฮร้องลั่น ซึ่งคนฟังได้ยินแล้วก็ได้ใจขึ้นมานิดๆ คล้ายดงแฮคนเดิมเลยไม่มีผิด อย่าบอกนะว่าต้องใช้ความรุนแรงกันถึงจะกลับมาจำได้ มือเล็กทั้งทุบทั้งตีเข้าให้แต่ก็สู้แรงของซีวอนไม่ได้ ร่างสูงยังคงลูบไล้ผิวเนียนเข้าไปใต้เสื้อตัวบาง ตอนแรกซีวอนกะจะทำให้ดงแฮยอมหยุดฟังเขาบ้างก็เท่านั้น ให้รู้ว่าเขาคนนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่คนที่ไม่ยอมหยุดกลับเป็นเขาเสียเอง แค่จะแกล้งแต่ตัวเองกลับห้ามใจไม่ได้เสียแล้ว
แรงทุบตีที่ดูเหมือนจะหยุดลงทำให้ร่างสูงเอะใจ ก่อนจะดันตัวเองขึ้นแล้วก้มมองดูคนในอ้อมกอด ดงแฮนอนนิ่งได้แต่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ดงแฮ...” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ซีวอนเอื้อมไปจับใบหน้าของอีกฝ่ายให้หันมามองตนเองแต่ผิดคาด ไม่มีแม้แต่น้ำที่คลอในดวงตากลมคู่สวย มีเพียงสายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตัดพ้อเท่านั้นที่ส่งมาให้
.. เอาอีกแล้วสินะ มองฉันแบบนี้อีกแล้ว เหมือนเดิมไม่มีผิด
“ดงแฮ ฉันขอโทษ” ซีวอนส่งสายตาอ่อนโยนที่พร้อมจะรับผิดไปให้ก่อนจะดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงชายเสื้อของชุดคนไข้ตัวบางให้ปิดคลุมแผ่นหลังขาวเนียนที่เขาเป็นคนรุกราน
“ทำไมต้องเอาเปรียบกันด้วย ผมไม่รู้จักคุณ” สรรพนามที่ซีวอนไม่อยากฟังถูกเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาอีกครั้งพลางจ้องมองเขาด้วยสายตาห่างเหิน พยางค์หลังเน้นย้ำให้คนฟังเจ็บเหมือนมีปลายมีดแหลมคมมากรีดที่หัวใจ
.. นี่จะรู้บ้างรึเปล่านะ ว่าคนเลวก็เจ็บเป็น
“ดงแฮ นี่ฉันเองนะ ซีวอนไงล่ะ คนที่เธอเคยบอกว่ารักนักรักหนายังไงล่ะ ตอนนี้ไม่เหลือแล้วใช่ไหม จำฉันไม่ได้ใช่รึเปล่า ไม่รัก ชเว ซีวอน คนนี้แล้วรึไง” น้ำเสียงที่พูดสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เรียกสายตาเห็นใจจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
“ขอโทษนะ .. แต่ว่า ผมจำไม่ได้” ดงแฮพูดอย่างเฉยที่สุดพลางหลบตาลงไม่กล้าสบตาคนที่บอกว่าเขานั้นรักมากแค่ไหน ทั้งที่รู้สึกเกลียดจะแย่แต่กลับอดเห็นใจไม่ได้ ซีวอนเงียบไปก่อนจะจะพูดขึ้นอีก
“แต่ว่า...”
“พอเถอะ ขอโทษนะ .. มันช่วยไม่ได้จริงๆ ผมจำไม่ได้จริงๆ อย่ามาเอาอะไรกับผมเลยนะ ขอร้อง”
“ทำไมล่ะ เดี๋ยวเธอก็จำได้แล้ว ฉันรักเธอนะ ขอโทษทุกอย่าง ตลอดมาฉันเองที่เป็นฝ่ายผิดเสมอ แต่จะให้ฉันทำยังไงกันดงแฮ บอกมาสิ ว่าจะให้ทำยังไงเธอถึงจะกลับมาจำได้ว่าเรา....”
“พอซะที!! พอแล้ว ผมไม่รู้จักคุณ ผม .. ผมไม่ได้รักคุณ ออกไปนะ ขออยู่คนเดียว” แล้วมือเล็กก็ดันไหล่กว้างออกไปพ้นตัวหวังจะให้อีกฝ่ายออกไปให้เร็วที่สุด ไม่อยากเลย ไม่อยากจะเห็นใบหน้าของคนๆนี้อีกต่อไปแล้ว แม้แต่เสียงก็ไม่อยากได้ยิน เสียงที่มาถามว่าเป็นยังไง เสียงที่มาคอยย้ำเตือนว่ารักกันแค่ไหน คอยอ้อนวอนคอยถามอยู่นั่น .. มันอึดอัดเต็มทน
ซีวอนไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้เพียงแต่เก็บคำๆนั้นที่ได้ยินไว้ในหัวใจ คำที่ออกมาจากปากคนรัก คำว่า “ไม่รัก” ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง ยิ้มบางๆที่ส่งมาให้คนที่เขาแสนหวงแหน ไม่ได้ทำให้คนๆนี้ได้รับรู้เลยเพราะใบหน้าเล็กเอาแต่ก้มหน้านิ่ง
.. แม้แต่หน้าฉัน เธอยังไม่อยากมองงั้นเหรอ .. ก็ได้ ฉันยอมแล้ว ทุกสิ่งที่ฉันทำเอาไว้ ถึงเวลาที่ต้องชดใช้แล้วสินะ ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเธอเอาไว้ ทำให้เธอเจ็บ สุดท้ายคนที่เจ็บมากก็คือฉัน ถึงแม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เธอได้รับก็ตาม
เสียงประตูปิดลงเบาๆพร้อมกับความว่างเปล่าที่เข้ามาเยือน สายลมยามเย็นเริ่มพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ผ้าม่านลายสีขาวเรียบของโรงพยาบาลปลิวพลิ้วสะบัดไปตามแรงลม ร่างเล็กนั่งหลับตานิ่ง ลมหายใจเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนในยามที่ไม่มีใคร
ซีวอนออกมาจากห้องแล้วก็จริงแต่ก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงนั่งอยู่หน้าห้องเงียบๆคนเดียว โทรศัพท์มือถือสีดำมันวาวเครื่องใหญ่ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะต่อสายไปหาปลายทางตามนิ้วมือผู้เป็นเจ้าของ สักพักปลายสายก็ตอบกลับมา ซีวอนไม่รอช้ากรอกคำถามลงไปทันที
“คิบอม นี่ฮันคยองอยู่กับนายใช่ไหม” ได้ยินแบบนั้นคิบอมก็เงียบไปสักพัก
“ก็ไม่นี่นา ทำไมเหรอ จะตามไปงั้นสิ” ปลายสายถามกลับน้ำเสียงชวนโมโห ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าคนที่อีกฝ่ายถามถึงนั้นก็ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาเองเท่าไหร่นัก
“จะตามไม่ตามมันก็เรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว..”
“เฮอะ งั้นเหรอ ฉันเนี่ยนะไม่เกี่ยว”
“ใช่ บอกไว้ก่อนว่านายแทบไม่ได้มาเกี่ยวอะไรกับเรื่องของฉันเลยคิบอม”
“งั้นถามหน่อย ก่อนหน้านี้ที่นายพาฮันคยองไปคุยอะไรกันนั่นน่ะ แล้วต่อมาเขาก็หายไปก็ฉันไม่ใช่เหรอที่เจอเข้าแล้วพากลับบ้าน ทุกครั้งที่เค้าเสียใจเพราะนาย คนที่ทำให้เขายิ้มได้ก็มีแต่ฉัน แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา เวลาที่นายหายหัวไปไหนต่อไหนก็ไม่ใช่ฉันอีกรึไงที่คอยตอบคำถามหรืออยู่เป็นเพื่อนดงแฮน่ะฮะ” ชายหนุ่มพูดออกไปก่อนจะหยุดเอาดื้อๆ ซึ่งไม่ต่างจากคนฟังมากนัก เมื่อซีวอนเองก็ได้แต่เงียบ เพราะมันก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ เขาเองตอนนี้ก็รู้ดีแล้วว่าตัวเองคนเดียวที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องเจ็บ
“สรุปแล้วนายไม่ได้อยู่กับฮันใช่ไหม” ซีวอนข่มใจถามๆไปเพราะอยากจะรู้ ไม่อยากจะเสียเวลาทะเลาะกัน เขาเองก็เป็นห่วงฮันคยองด้วยที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน
“ใช่ พี่ฮันไม่ได้อยู่กับฉัน ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องห่วงมากก็ได้นะ สงสารเค้าเปล่าๆ” คิบอมว่า
“นี่นาย..”
“ฉันเคยมั่นใจว่านายจะดูแลดงแฮได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้เขาต้องเสียใจ แต่แล้วที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ได้ว่านายมันไม่เหมาะสมเลยกับคนที่แสนดีแบบนี้ ส่วนกับอีกคนที่นายคิดว่าเป็นของเล่นของนายมาตลอด อยากจะบอกว่าต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้นายมาทำร้ายอะไรฮันคยองได้หรอก เพราะเค้าไม่ใช่ของเล่นของนาย แล้วถ้านายทำให้ดงแฮต้องเสียใจอีกล่ะก็นะ นายก็จะเสียเค้าไปอีก แล้วก็รับรองว่านายจะไม่มีวันได้เค้าคืนกลับมาแน่ จำเอาไว้ .....” แล้วเสียงสัญญาณก็ตัดหายไปทันที แต่แทนที่ร่างสูงจะอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดกลับได้แต่นั่งนิ่งทบทวนกับสิ่งที่ได้ยินมา ทุกคำพูดทุกการกระทำของแต่ละคนรอบกายมันช่างตอกย้ำกันเหลือเกิน
.. เพราะเราที่ทำให้ฮันคยองต้องร้องไห้ ใช่แล้วล่ะคิบอม เค้าไม่ใช่ของเล่นของฉัน ฮันคยองไม่เคยเป็นของเล่นของฉันเลย ฉันแค่ชอบเค้า เค้าน่ารัก อยู่ด้วยแล้วมีความสุข หรือมันจะเป็นเพราะอะไรก็ตามทีที่ทำให้เราเข้าหากันง่ายขนาดนี้ แล้วคนอย่างฉันก็ไม่เคยคิดสินะว่าทำอะไรลงไป ทำให้เค้าเจ็บปวดเพราะความรักที่มีให้ฉันฝ่ายเดียวทั้งที่หัวใจของฉันมีอีกคนอยู่แล้วไม่มีทางเปลี่ยนไป
..ไม่เคยเอาความรักของเรามาล้อเล่น หรือไม่เคยใส่ใจความรักที่เธอมีให้ฉันกันแน่
ดงแฮ .. คนอย่างฉันทำไมมันเลวได้ขนาดนี้ ทำไมตัดสินใจไม่ได้ จนถึงวันนี้ วันที่เธอลืมฉันไปแล้ว
ฉันถึงได้รู้สินะว่าควรเลือกอะไร
.. จะเลือกความสุขสมกับใครต่อใครหรือเลือกหัวใจ .. ดวงที่ฉันไม่อาจลืม
.
.
Tbc. Chapter 8
^^
ความคิดเห็น