คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : WHEN ? .. Chapter.[6]
ดีใจจังค่ะยังมีคนอ่าน โหะๆๆๆๆๆ ช่วงนี้วุ่นวายกับงานและการรวมเล่มและ บลาๆๆๆ
เลยยังไม่ได้มาอัพตอนใหม่ .. ขอบอกนะคะ ว่าหลังๆแต่ละพาร์ทจะจุใจกว่าเดิม (เหรอ ??) ฮา ..
(แต่สำหรับคนที่สั่งฟิคไปแล้วอ่านรวดเดียว บางทีอาจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หรือาจจะ " อะไรของมันวะเนี่ย ! ")
^^
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(เอิ่ม ที่จริงแล้วในเรื่อง เชวซีไม่ได้ผมทรงนี้เล้ยยย -*-)
Chapter 6
แล้วเช้าวันใหม่หลังจากวันที่แสนจะวุ่นวายก็มาถึง บ้านหลังเดิมมีเพียงคิมคิบอมคนเก่าที่แวะเข้าไปเพราะจะเอารถของฮันคยองมาคืนโดยฝากกับคนที่บ้านไว้แล้วเขาก็กลับออกไปทันที ทั้งที่อยากจะเลิกแต่ก็ทำไม่ได้ ขอแค่ได้เทคแคร์ดูแลแค่นี้ก็ยังดี
“แล้วคิบอมล่ะครับ” เสียงฮันคยองถามลุงซางฮยอนที่กำลังจะเดินเอากุญแจรถไปให้คุณหนูคนโตของบ้าน หลังจากที่เจ้าตัววิ่งออกมาก็เห็นรถตัวเองจอดอยู่หน้าบ้านซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าใครนำมาคืน
“กลับไปแล้วครับ”
“งั้นเหรอ ..” ว่าไปพลางชะเง้อมองหาแต่ก็เห็นเพียงความว่างเปล่า เรื่องเมื่อคืนอยากจะขอบคุณเสียหน่อยแต่เจอแบบนี้แล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ นี่คงไม่อยาก
จะเห็นหน้ากันเลยล่ะสิ ความปวดหัวแล่นเข้ามาอีกจนได้ ร่างโปร่งบางเดินหายกลับเข้าไปในบ้านโดยวันนี้ตัดสินใจอยู่บ้านเพราะยังรู้สึกเพลียๆจากเมื่อคืนอยู่เลย แต่ก็ต้องขอบใจยาจีนของป้ายุนฮีที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเยอะ
เช้าๆแบบนี้หลานสาวตัวน้อยจะตื่นรึยังนะ แล้วนี่ป้ายุนฮีคงกำลังทำอาหารอยู่ในครัวแน่ๆเลย เมื่อเห็นทั้งบ้านว่างเปล่าฮันคยองก็เดินไปมาหาอะไรทำเผื่อว่าจะสดชื่นขึ้นบ้างในเช้าวันนี้
“พี่ฮันครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงน้องชายที่ดังขึ้นด้านหลังเรียกให้คนได้ยินหันกลับไปตามเสียง
“ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยดงแฮ”
“ก็เมื่อกี้เอง” น้ำเสียงเรียบเฉยกับสายตาที่พยามจะหลบทำให้ฮันคยองเริ่มสงสัย
“นายมีอะไรกับพี่ล่ะ บอกมาได้เลยนะ วันนี้พี่อยู่บ้าน”
“ผมก็แค่ .. จะยกเค้าให้พี่แล้วนะ” พูดแล้วร่างบางของน้องชายก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเล่นเอาคนฟังนิ่งไปก่อนจะตกใจไม่น้อยที่ได้ยินอย่างนั้น ฮันคยองเริ่มจะมือไม้สั่นอย่างเกินควบคุมราวกับคนทำผิดที่ถูกจับได้
“พูดอะไรน่ะ หมายความว่ายังไง..”
“พอเถอะ มันไม่มีประโยชน์หรอก” พูดไปน้ำตาก็เริ่มจะไหลออกมาเงียบๆ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองพี่ชาย
“เดี๋ยวก่อนสิ นี่นาย..”
“ผมรู้มาตลอด จริงๆนะ”
“ดงแฮ.. คือพี่ว่านายเข้าใจผิดแล้วล่ะ นายพูดเรื่องอะไรกัน” ฮันคยองพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
..พระเจ้าได้โปรด อย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย
“ไม่ผิดหรอก ผมไม่ได้โง่นะ พี่กับเค้าทำอะไรกันมาบ้างคิดเหรอว่าผมไม่รู้คิดเหรอว่าผมไม่เห็น” ดงแฮเริ่มจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
“พี่..”
“พี่รักเค้า.. ผมรู้ แล้วเค้าก็ต้องการพี่”
“
.”
“ถ้าไม่มีผมซักคน มันคงไม่ทำให้พี่เจ็บปวด .. พี่รักเค้าใช่มั้ย”
“พี่ คือ..”
“บอกผมมาสิว่าพี่รักซีวอน” มือบางเริ่มจับเข้าที่แขนอีกฝ่ายแต่ฮันคยองก็ได้แต่หลบหน้า เมื่อไม่อยากตอบแล้วจะให้พูดยังไง ดงแฮขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นในขณะที่ฮันคยองต้องถอยออกมา
“บอกผมมาสิ บอกผมมา..” ดงแฮเริ่มออกแรงเขย่าเพราะต้องการคำตอบ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทนไม่ไหว เก็บมาตั้งนานทำไมเพิ่งจะมาหมดความอดทนเอาตอนนี้
“คือ..พี่” ฮันคยองเริ่มจะพูดไม่ออกเข้าจริงๆ ทั้งตกใจทั้งเสียใจ
“บอกมาสิ แค่บอกมา” แรงเขย่าที่เพิ่มมากขึ้นนั้นทำให้คนเป็นพี่เริ่มจะเจ็บปวด ดงแฮกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ความเสียใจทั้งหมดที่พยายามเก็บไว้กำลังหลั่งไหลออกมาจนยากจะห้าม
“ฮึก .. พี่ก็รู้ว่าผมกับเค้าเราเป็นอะไรกัน ถ้าพี่เป็นผมจะทำยังไง” น้ำตาเม็ดโตไหลลงมาอาบแก้มมากกว่าเดิม และแม้ว่าคนเป็นพี่จะอยากเช็ดมันออกแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์จะทำ
“ดงแฮ..ปล่อยพี่ก่อน พี่เจ็บนะ”
“แค่พี่ตอบผมก็จะปล่อย ทั้งพี่และเค้าบอกมาคำเดียวแล้วผมจะไป” ร่างบางร้องไห้พลางเขย่าเสียจนคนตรงหน้าแทบยืนไม่อยู่ รู้ตัวว่าทำไม่ดีแต่มันหยุดไม่ได้ แรงอารมณ์ที่มันเพิ่มขึ้นของดงแฮเริ่มทำให้ฮันคยองแทบทนไม่ไหว ทั้งสองยื้อยุดอยู่แบบนั้นก่อนที่ร่างของคนเป็นน้องชายจะถูกดึงออกไปโดยแขนแกร่งของคนที่มาใหม่
“ทำอะไรดงแฮ บ้าไปแล้วเหรอ !” คิบอมกลับเข้ามาเพราะแค่อยากจะถามฮันคยองว่าหายดีรึยัง แต่ก็มาเจอแบบนี้เข้าเสียก่อน
“ไม่..ปล่อยนะคิบอม ฉันแค่จะเอาคำตอบ” ดงแฮดิ้นไปมาก่อนที่คิบอมจะปล่อยมือออก ร่างสูงวิ่งเข้าไปหาอีกคนที่ตอนนี้ทรุดลงอยู่กับพื้นไปแล้ว
“พี่ฮัน เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” คิบอมถามอย่างห่วงใยก่อนที่จะมองไปที่รอยช้ำตามเรียวแขน แต่คนที่ถูกกระทำก็ได้แต่ก้มหน้าก่อนที่น้ำตาเม็ดโตๆจะร่วงหล่นลงมาบ้าง
“พี่ผิดเองดงแฮ ใช่แล้วล่ะที่พี่รักเค้า เราแอบคบกันเวลาที่นายไม่อยู่..”
ฮันคยองพูดกับดงแฮ ส่วนคนข้างกายที่ได้ยินไปด้วยก็พลอยนิ่งไป คิบอมแค่กลับมาเพราะอดห่วงไม่ได้ เขาเข้ามาช่วยคนที่รักเอาไว้ แล้วต้องได้ยินอะไรที่เจ็บปวดใจ
อีกแล้วงั้นเหรอ ดงแฮยืนนิ่งน้ำตานองหน้ามองพี่ชายตัวเองที่พูดความจริงออกมาซึ่งมันทำให้เขาเจ็บมาก แต่มันก็ไม่ได้เจ็บไปกว่าเดิมหรอกในเมื่อทุกอย่างที่ผ่านมาก็ทำให้เขาเจ็บมาตลอดอยู่แล้ว
“งั้นก็ดี ผมยกเค้าให้พี่ก็แล้วกัน”
“ไม่นะดงแฮ เค้ารักนาย..”
“พอได้แล้ว ผมไม่อยากฟัง ซีวอนไม่ได้รักผมหรอก” ความจริงที่ต้องยอมรับหลุดออกมาจากริมฝีปากบางที่เริ่มจะสั่นระริก มืออีกข้างยกขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดไปเสียที ความเงียบเริ่มเข้าครอบคลุมคนทั้งสามก่อนที่เสียงของบุคคลที่สี่จะดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ซีวอนเดินลงมาจากบันไดหลังจากที่รีบเร่งกับการแต่งตัวเมื่อก่อนหน้านี้ ภาพคนทั้งสามกับท่าทางแปลกๆ เห็นแล้วซีวอนก็ไม่เข้าใจ
“มาก็ดีแล้ว บอกดงแฮไปสิว่านายรักเค้ามากแค่ไหน” ฮันคยองหันหน้าไปหาคนมาใหม่พร้อมตะโกนบอก
“ทำไม นี่มันอะไรกัน แล้วใครทำอะไรฮันคยอง” ซีวอนตรงปรี่เข้ามาหาพร้อมกับประโยคที่เสียดแทงใจคนที่ยืนอยู่เหลือเกิน
“ฉันเอง..” เป็นดงแฮที่ตอบ โกรธไช่ไหมที่เขาทำกับฮันคยองแบบนี้ ทั้งที่คนที่ร้องไห้ไม่ได้มีคนเดียว ดงแฮเข้าใจแบบนั้นทั้งที่ความจริงแล้วซีวอนแค่รีบถามออกไปอย่างไม่ได้คิดเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซีวอนเงยหน้ามองคนรักที่ยืนน้ำตานองหน้าอยู่ขณะที่กำลังตรงมาหาฮันคยอง เขาตกใจที่เห็นน้ำตาของอีกฝ่ายมากกว่าสิ่งอื่นใดด้วยซ้ำไป แต่ดงแฮจะรู้อะไรในเมื่อความไว้ใจที่หมดไปนานแล้วมันทำให้เขาไม่กล้าจะคิดเข้าข้างตัวเองสักนิด
“มันจบแล้วซีวอน เราเลิกกันเถอะ” ดงแฮพูดจบก็ก้าวขาจะเดินผ่านอีกฝ่าย
“ดงแฮฟังพี่นะ..”
“ผมไม่ฟังแล้ว ผมเกลียดพี่ .. พอทีเถอะ”
“อ๊ะ” มือบางหันไปผลักอีกคนออกอย่างไม่ใยดีโดยที่ไม่ตั้งใจจนร่างของฮันคยองเซออกจะล้มลงตรงนั้น แต่พอจะเข้าไปดึงพี่ชายตัวเองเอาไว้ก็เป็นอันว่าคงไม่จำเป็นเพราะแขนของซีวอนรับเอาไว้ได้ทัน คิบอมเองที่กำลังวิ่งเข้าไปก็ได้แต่หยุดอยู่กับที่
“จะมากไปแล้วนะดงแฮ นี่เธอทำแบบนี้ได้ยังไง” ซีวอนขึ้นเสียงออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจพร้อมกับมองมาที่ร่างบาง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมดงแฮทำแบบนี้ นิสัยร้ายกาจไม่ฟังคนหรือก็ไม่ใช่ อย่างดีก็แค่เอาแต่ใจเท่านั้น ส่วนคนที่ถูกต่อว่าก็ได้แต่น้อยใจ แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อใจมันช้ำมานักต่อนักแล้วนี่
.. นายห่วงพี่ฮันมากก็ถูกแล้ว เค้าเจ็บแล้วนายต้องตะคอกฉันก็สมควรแล้วนี่
พอกันทีกับการที่ฉันจะไม่รู้ไม่เห็น พอกันทีกับตุ๊กตาหน้าโง่ที่ได้แต่ยิ้มเป็นอย่างเดียว
“ขอโทษนะที่ทำให้คนรักของนายเจ็บ” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นพร้อมกับน้ำตา คำว่าคนรักที่แท้แล้วก็เหมือนหลอกตัวเองเรื่อยมา อยากจะเข้าข้างตัวเองก็ทำไม่ได้ แอบคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้อีกฝ่ายจะต้องมายืนข้างๆกัน แต่ไม่เลย เพราะคนที่ซีวอนอยู่ข้างๆตอนนี้ทำยังไงก็ไม่ใช่เขา
.. ราวกับละครฉากสุดท้ายที่ซีวอนจะได้เห็น ใบหน้าที่แสนเจ็บปวดสะบัดหนีพร้อมกับวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งคนทั้งสามเอาไว้กับอารมณ์ที่แสนจะแตกต่าง
“นายเป็นอะไรมากรึเปล่า แล้วนี่ดงแฮทำเหรอ” ซีวอนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงพลางยกแขนของฮันคยองขึ้นดูรอยช้ำในขณะที่คนตรงหน้าเขาเอาแต่ร้องไห้พลางส่ายหน้าว่าไม่เป็นอะไร ภาพคนทั้งสองที่ยืนเคียงข้างกันเล่นเอาหัวใจของคนที่ดูอยู่ห่างๆนั้นเริ่มจะเต้นขึ้นลงช้าๆ
“ซีวอน ..ดงแฮรู้แล้ว ฮึก ทำอะไรหน่อยสิ” เหมือนกับว่าคนฟังจะได้สติ ไม่ต้องถามก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นี่อย่าบอกนะว่าดงแฮรู้เรื่องของเขากับฮันคยอง
.. สวรรค์ ทำไมเป็นแบบนี้กัน
ครั้งแรกที่เห็นดงแฮร้องไห้เขาก็แทบจะเข้าไปกอดเอาไว้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาได้แต่ห่วงคนที่เจ็บมากกว่า แต่ในเมื่อรู้ว่าเป็นแบบนี้แล้วซีวอนก็วิ่งขึ้นบันไดตามไปทันที
ฮันคยองยืนสะอื้นอยู่อย่างนั้น สองมือโอบแขนทั้งสองของตัวเองไว้แน่นทิ้งให้อีกคนที่ยืนทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองแผ่นหลังนั้นด้วยสายตาที่แสนอาวรณ์ เห็นรึเปล่าล่ะว่าซีวอนก็ทิ้งไปเหมือนเคย เขาเองอยากจะเข้าไปกอดอยากจะเข้าไปปลอบ ก็เหมือนกับว่าขามันไม่ขยับ สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเดินออกมาอย่างช้าๆเพราะอยู่ไปก็ไม่มีความหมาย
“เดี๋ยวก่อน..” เสียงเรียกจากคนข้างหลังทำเอาร่างสูงของคิบอมหยุดเดิน
“........”
“ดงแฮบอกว่าเกลียดพี่ ..ฮึก ..”
“........”
“คิบอม .. ฮือ” แล้วร่างทั้งร่างก็ทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายจะต้องเอ่ยอะไรกันให้มากความในเมื่อเวลานี้คิบอมเองก็คงทิ้งฮันคยองไปไม่ได้เช่นกัน
.. ทุกทีเลย ชอบทำให้ผมเป็นห่วง เหมือนกับว่าต้องการผม ทั้งที่ไม่ได้มีใจให้เลย
แล้วคนทั้งสองก็ออกมาข้างนอกกันโดยที่อีกคนได้แต่น้ำตาไหลเงียบๆในรถไปตลอดทางที่ออกจากบ้านมา
“พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วคิบอม .. มันเจ็บปวด”
“ก็ออกมาสิครับ จะอยู่ไปทำไม ใครๆก็คอยทำร้าย”
“แต่คนที่ทำร้ายคือพี่ต่างหาก พี่ทำร้ายน้อง พี่ไม่อยากจะอยู่ให้ดงแฮเกลียดพี่ไปมากกว่านี้แล้ว” ว่าแล้วก็เงียบไปให้กลับเป็นคนฟังเองที่เริ่มทนไม่ไหว
“พี่ก็ห่วงแต่คนอื่น แล้วดูตัวเองสิ เจ็บช้ำมาเท่าไหร่” คิบอมพูดไปแต่ก็เหมือนว่าอีกคนจะไม่ได้ยิน เพราะมัวแต่โทษตัวเองอยู่แบบนั้น
“นายเองก็คงไม่อยากจะมายุ่งกับพี่อีกแล้วสินะ ขอบใจที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด” ฮันคยองเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจเหลือเกินที่ต้องมาเกี่ยวโยงไปด้วย ทั้งที่อีกฝ่ายจะเดินหนีไปแล้วเขาก็ยังเรียกเอาไว้ ตลอดเวลาคิบอมคอยเอาใจใส่เขาก็ไม่เคยสนใจ จนวันนี้ที่คงไม่อยากยุ่งด้วยแล้วตัวเองก็ยังจะต้องการให้มาดูแล เขานี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” สั้นๆง่ายๆเท่านั้นที่พูดไป ก็ถ้าแค่ขอบใจเขาก็ยินดี แต่จะให้เป็นเหมือนเดิมคงไม่ได้
.. เพราะถ้าพี่ไม่ได้รักผม ได้โปรดอย่าให้โอกาสทั้งๆที่มันไม่มีทางเลยดีกว่า
ใจสองดวงที่ต้องการกันและกันกลับไม่มีทางได้รับรู้ เหมือนมีเพียงเส้นใยบางๆเท่านั้นที่กั้นทั้งสองเอาไว้ เส้นใยบางๆที่เป็นเพียงแค่คำว่า “รัก”
“ดงแฮเปิดประตูก่อนสิ” ซีวอนยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องตั้งนานแล้วแต่ก็ได้ยินเพียงเสียงเงียบเท่านั้น จะทำอะไรมากก็ไม่ได้เพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กข้างห้องที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวถามอะไร ฮีชอลเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาพร้อมพี่เลี้ยงก็เห็นเขาเข้าพอดี
“คุณพ่อไม่ไปทำงานเหรอคะ” เสียงเล็กๆร้องถาม เด็กขนาดนี้กลับรู้เรื่อง น่าแปลกใจเหลือเกิน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ซีวอนจะมาสนใจเรื่องลูกตัวเอง
“พ่อลืมของน่ะ เดี๋ยวก็ไปแล้ว” รอยยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ลูกสาวตัวน้อย
“ฮีชอลนึกว่าคุณพ่อไม่ไปแล้วซะอีก” น้ำเสียงที่ดูผิดหวังบ่งบอกได้ชัดว่าอยากให้คนเป็นพ่ออยู่กับเธอที่บ้าน
“จ้ะๆ เอาล่ะๆ พาฮีชอลไปข้างล่างได้แล้วซูยอง” ร่างสูงร้องบอกพี่เลี้ยงสาวที่ยืนอยู่ หล่อนรับคำแล้วรีบอุ้มคุณหนูตัวเล็กออกไปก่อนที่เด็กน้อยจะงอแงไปมากกว่านี้ ซีวอนถอนหายใจก่อนที่จะไปเอากุญแจห้องมาไขประตูออก
ภาพที่เห็นคือร่างบางที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่ที่ปลายเตียงนอน ไม่รอช้าซีวอนรีบเข้าไปหาทันที แต่แล้วก็ต้องหยุดอยู่ข้างๆเมื่อนึกคำจะพูดไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มจะมีรอยยิ้มออกมาพร้อมกับพยายามทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ บางทีมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ฮันคยองบอกก็ได้ ซีวอนเดินอ้อมไปเผชิญหน้ากับดงแฮ ร่างสูงย่อตัวลงนั่งข้างหน้า คนที่ก้มหน้าก็ได้แต่นิ่งตามเดิม น้ำตาร่วงหล่นออกมาไม่หยุด
“ดงแฮ เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างอ่อนโยน มือข้างหนึ่งยกขึ้นจะเช็ดน้ำตาให้แต่ก็ถูกปัดออก
“เป็นอะไรงั้นเหรอ” ดงแฮเงยหน้าขึ้นมองสบตากับซีวอน แม้จะเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายแต่ซีวอนก็ยังข่มใจให้เป็นปกติ
“ขอโทษนะ ที่เผลอว่าเธอไปเมื่อกี้”
“อืม .. ก็เราเลิกกันแล้วนี่” ว่าแล้วร่างบางก็ลุกขึ้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าทันที
“เดี๋ยวก่อนดงแฮ จะไปไหน” ซีวอนลุกตามอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงคนตรงหน้าเอาไว้
“ไปจากที่นี่ไง” แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ หรือว่าบางทีความอดทนคนเรามันจะหมดลงจริงๆ เขาจะไม่ทนอย่างที่ผ่านมาแล้วอย่างนั้นหรือ
“ไป .. ไปทำไม นี่มันอะไรกัน” ซีวอนเริ่มจะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีกแล้ว
“ก็พวกนายสองคนจะได้อยู่ด้วยกันไง ฉันกับลูกจะไปอยู่ที่อื่น” ร่างสูงนิ่งอึ้งไป สองสายตาสบกันอย่างไม่ลดละ แววตาตัดพ้อที่จ้องมาเล่นเอาสายตาคมเริ่มจะหลบวูบ แต่คนอย่างซีวอนมีหรือจะยอมง่ายๆ
“ล้อเล่นน่ะดงแฮ นายเข้าใจว่าฉันกับฮันคยองมีอะไรกันงั้นเหรอ”
“ใช่”
“ตลกน่า .. ไม่มีหรอก โธ่ เธออย่าคิดมากสิ .. จะเป็นไปได้ยังไงกัน ใครเอาอะไรมาบอก”
“ไม่ต้องให้ใครมาบอกทั้งนั้นแหละ.. ปล่อยได้แล้ว” ดงแฮสะบัดแขนตัวเองออกอย่างแรงก่อนจะหันหน้ากลับไปทางตู้เสื้อผ้าตามเดิม ไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว เหนื่อยเต็มที คนเราถ้าจะไม่ยอมรับมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดไป
“แต่ฉันรักเธอนะ” คำพูดจากใจจริงที่เวลานี้คนฟังเข้าใจได้เพียงอย่างเดียว
“นายนี่มันลวงโลกจริงๆนะซีวอน” ดงแฮหันหน้ามามองอีกคนที่ได้ยินคำพูดของเขาก็ถึงกับนิ่งไปอีก
“นี่เธอ..”
“อย่าบอกว่ารักเลย มันทำร้ายฉันเปล่าๆ” สีหน้าที่แสนเจ็บปวดมันทำให้คนฟังไม่อยากที่จะโกหกไปอีก
“พอเถอะนะ ฉันเหนื่อย .. ฉันไม่ลืมหรอกว่านายไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แค่ผู้ชายอย่างฉันมีลูกนายก็คงไม่อยากจะรักฉันแล้วใช่ไหม ตลอดเวลาฉันคิดว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่มันก็ทนไม่ได้”
“........”
“เก็บคำว่ารักของนายไปบอกเค้าเถอะ เค้าเองก็คงรักนายมาก ถึงเค้าจะทำร้ายฉันโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม” ว่าแล้วก็หันไปดึงเสื้อผ้าออกมาจากตู้แล้วยัดใส่กระเป๋าใบขนาดใหญ่ที่วางเอาไว้ การกระทำที่ทำลงไปอยู่ตอนนี้ดงแฮรู้ตัวดี แต่เขายังไม่รู้เลยว่าที่เสื้อผ้าอยู่แบบนี้แล้วเขากำลังจะไปไหน รู้เพียงแต่อยากจะไปจากที่นี่เวลานี้ก่อนจะคิดอะไร ซีวอนเห็นแล้วก็เริ่มจะหมดความอดทนเข้าจริงๆ ง้อขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ผลแล้วจะให้ทำยังไง จะต้องใช้กำลังใช่ไหม ชายหนุ่มนึกอยู่ในใจโดยที่ไม่ได้คำนึงเลยถึงเรื่องความผิดที่มาจากตัวเองทั้งนั้น สติอารมณ์ที่ควรจะมีมันแทบจะหายไปหมดเมื่อในตอนนี้เขารู้เพียงแค่อย่างเดียวว่าตัวเองคงอยู่ไม่ได้แน่ถ้าต้องขาดอีกฝ่ายไปจริงๆ ว่าแล้วแขนแกร่งก็เอื้อมไปดึงคนตรงหน้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ปล่อย ..ซีวอน”
“ฉันไม่ให้ไป เธอจะบ้าเหรอ จะไปได้ยังไง สงสารลูกบ้างสิ” ร่างบางดิ้นไปมาอย่างไม่ยอมหยุด
“ใช่สิ นายสงสารลูกแต่ไม่ได้สงสารฉัน ปล่อยเดี๋ยวนี้” เสียงเล็กร้องตะโกนให้ปล่อย แรงดิ้นเสียจนตัวโยนทำเอาร่างสูงแทบจะเอาไม่อยู่
“หยุดดิ้นได้แล้ว” เสียงทุ้มกดต่ำพยายามข่มใจไม่ให้ตะคอกออกไปแต่อีกคนกลับไม่ฟัง ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งโมโห
“ปล่อยฉัน ฮึก.. นายมันแย่ แย่มากๆ ฉันไม่ทนแล้ว” ดงแฮดิ้นอยู่แบบนั้นจนซีวอนตัดสินใจเหวี่ยงร่างบางลงไปที่เตียงก่อนที่ตัวเองจะตามลงไปทาบทับ ริมฝีปากอุ่นกดแน่นเข้าที่ริมฝีปากบาง ลิ้นชื้นบดเบียดเข้าหาเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ตั้งตัว ข้อมือบางถูกกำยึดไว้กับที่นอนเสียแน่น แรงดึงดันอยู่ในอ้อมกอดแทบจะไม่มีผลเลย
“อื้อๆๆๆ” ดงแฮเริ่มจะทนไม่ได้ น้ำตาไหลออกมาอีกแล้วสิ แต่ไม่เคยจะทะเลาะแบบนี้เลยกับซีวอน แล้วนี่ก็ถูกเอาเปรียบอีกชัดๆ เรี่ยวแรงที่มีเริ่มหมดลง ร่างบางนอนนิ่งหันหน้าหนีปล่อยอีกคนทำตามใจแล้วแรงสะอื้นเบาๆที่ไร้การดิ้นรนก็เรียกให้ซีวอนเงยหน้าขึ้นมอง อารมณ์ที่แสนจะฉุนเฉียวเริ่มหายไป
“ดงแฮ..”
“........”
“ฉันขอโทษ ฉันรัก..”
จู่ๆแรงจากฝ่ามือบางปะทะเข้าที่ใบหน้าคมจนหันไปอีกทาง ใบหน้าที่ถูกตบนั้นชาจนซีวอนต้องนิ่งไปก่อนจะถูกผลักออกมาจากร่างของคนที่ตัวเองคร่อมอยู่ ดงแฮเหลือทนกับสภาพแบบนี้เต็มที เขารีบวิ่งออกจากห้องไปโดยที่ซีวอนยังคงตามไปอีกอย่างไม่ลดละ
“เดี๋ยวก่อนสิ..” ร่างสูงวิ่งเข้ามาจนถึงตัวอีกฝ่ายที่กำลังจะก้าวลงบันไดไป เขาดึงแขนคนรักตัวเองให้หยุดหนีกันอย่างนี้
“ขอร้องล่ะ .. ปล่อยฉันเถอะ”
.. อย่าทำให้ฉันใจอ่อนอีกเลยนะซีวอน
คนฟังได้ยินก็แทบไม่มีคำพูด อยากจะกอดก็ไม่กล้าเพราะกลัวจะไม่ชอบ อยากจะดึงมาก็กลัวจะเจ็บอีก มือหนาได้แค่กำข้อมือบางไว้เอาหลวมๆ
“ปล่อยซีวอน ปล่อยฉันเถอะ” แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ดึงรั้งแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเสียที มีเพียงดวงตาคมที่ฉายแววเศร้ามาเท่านั้น ดงแฮออกแรงจะให้ตัวเองหลุดพ้นแต่ไม่ทันไรมือที่แค่กำเอาไว้ก็เริ่มจะออกแรงรัดมากขึ้น
“ซีวอน เจ็บ ปล่อยนะ”
“เธอไม่รักฉันแล้วเหรอ” น้ำเสียงเอาใจที่อ่อนลงไปเยอะถูกเอ่ยออกมาจากปากของร่างสูง แต่คนฟังก็ทำอะไรไม่ได้ ดงแฮไม่เข้าใจว่าจะถามทำไม ไม่รู้หรอกเหรอว่าคำตอบคืออะไร .. รักสิ รักมากด้วย
แต่เขาไม่ต้องการได้ยินอะไรที่ผู้ชายคนนี้พูดอีกแล้ว ถนัดนักนี่กับการทำให้ใครต่อใครรัก แต่ต่อไปนี้จะไม่ใช่เขา ไม่ใช้ดงแฮคนนี้ พอกันที
แล้วมือเล็กที่ดึงดันอยู่แบบนั้นก็โถมเข้าผลักอีกคนออกไปอย่างแรง แต่ผลลัพธ์ที่กลับมากลายเป็นร่างของเขาเสียเองที่ถอยออกมา ในขณะที่ซีวอนถูกผลักออกมาเพียงแค่นิดเดียวมือของดงแฮก็ถูกปล่อยออกมาด้วย ร่างบางยืนห่างจากบันไดเพียงไม่ถึงคืบ เท้าที่ถอยหลังมากลับไม่มีที่ให้เหยียบ และเพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้น
“อ๊ะ..” ร่างทั้งร่างก็หล่นกลิ้งลงไปตามบันไดกว้างต่อหน้าต่อตาของซีวอน มันเร็วมากจนเขาตั้งตัวไม่ทัน
“ดงแฮ..”
.. ผลั่ก!! เสียงร่างกระทบกับพื้นกะเบื้องมันวาวด้านล่างอย่างแรง
“ดงแฮ ดงแฮ!” ซีวอนตะโกนร้องพร้อมกับดวงตาที่เบิกโพลง ร่างสูงรีบรุดวิ่งลงไปทันทีที่ร่างบางแน่นิ่งอยู่กับพื้นที่ปลายบันได สองมือประคองร่างที่หมดสติไว้พลางเขย่าให้อีกฝ่ายตื่น
“ดงแฮๆ ได้ยินฉันไหม เธออย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ” เสียงทุ้มสั่นเสียจนทำอะไรแทบไม่ถูก เลือดสีแดงสดไม่มากนักไหลออกมาจากศีรษะของคนที่หมดสติอยู่
“คุณหนูดงแฮ เกิดอะไรขึ้นคะคุณซีวอน ทำไมคุณหนูถึงเป็นแบบนี้” เสียงป้ายุนฮีดังขึ้นหลังจากที่วิ่งเข้ามาหา เธอตื่นตระหนกยิ่งนักกับภาพที่เห็น
“ดงแฮ ดงแฮ .. ไม่ได้การล่ะ ป้าบอกคนขับรถเอารถออกที เร็ว!!” ซีวอนร้องสั่งแล้วรีบอุ้มดงแฮขึ้นทันทีเพื่อที่จะไปโรงพยาบาล
ที่โรงพยาบาล ซีวอนนั่งกำมือแน่นหลังจากที่ส่งคนรักตัวเองเข้าห้องฉุกเฉินไป ตอนนี้ก็นานแล้วทำไมไอ้หมอบ้ามันยังไม่ออกมาอีก ชายหนุ่มเริ่มจะหงุดหงิดใจ ดงแฮจะเป็นยังไงบ้างนะ ห่วงแสนห่วงเหลือเกิน ในใจก็นึกโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้คนที่รักต้องเป็นแบบนี้ ถ้าดงแฮเป็นอะไรไปเขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย
เวลาผ่านไปอีกจนซีวอนเริ่มทนไม่ไหว
“ขอโทษนะครับ เอ่อ คุณเป็นญาติคนไข้ใช่ไหมครับ” คุณหมอเปิดประตูออกมาถามซีวอนที่นั่งกุมขมับอยูคนเดียวเรียกให้คนที่ถูกถามเงยหน้าขึ้น ร่างสูงตรงเข้าหาคุณหมออย่างรวดเร็ว
“เงียบเลยมึงคังอิน อย่ามาล้อเล่น เมียกูเป็นยังไงบ้าง” คุณหมอหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็เลิกล้อเล่น แล้วสีหน้าเป็นกังวลก็เริ่มแสดงออกมาแทนที่ ซีวอนที่ร้อนรนรอคำตอบจากเพื่อนตัวดีอย่างใจจดใจจ่อเห็นแล้วก็เริ่มจะใจเสีย
“นี่บอกมานะ ดงแฮเป็นอะไร ฝื้นรึยัง แล้วเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า มีแผล..”
“พอแล้วเว้ย ดงแฮปลอดภัยแล้ว แล้วก็นอนอยู่ ร่างกายไม่เป็นอะไรมาก แต่..”
“แต่อะไร”
“แต่ว่าศีรษะน่ะได้รับการกระทบกระเทือนแรงมาก ก็ยังดีที่เลือดออกแต่ก็อย่างที่บอกไป มันแรงมาก คิดว่าอาจจะมีผลต่อความทรงจำในระยะหนึ่งได้” คังอิน
ว่าแล้วก็มองหน้าเพื่อนตัวเองที่แทบจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ซีวอนส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้
“หมายความว่าไงคังอิน”
“เออ ก็หมายความว่าดงแฮอาจจะนะ .. อาจจะลืมบางอย่างและบางคน”
“นี่อย่าบอกนะ..”
“ใช่ ดงแฮอาจความจำเสื่อม”
“........”
“ทะเลาะกันมาล่ะสิ เรื่องเลวร้ายนั่นแหละคือสิ่งที่ดงแฮไม่อยากจะจำ” คุณหมอคังอินอธิบาย แต่ก็เล่นเอาซีวอนหน้าเครียดหนักกว่าเดิม แค่เรื่องเลวร้ายน่ะไม่เท่าไหร่ ไม่จำเลยยิ่งดี แต่เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับดงแฮมันก็ล้วนมาจากเขาทั้งนั้น แล้วแบบนี้ถ้าจำเขาไม่ได้ล่ะ .. ซีวอนยอมรับว่าตัวเองมันเห็นแก่เกินกว่าจะยอมให้อีกฝ่ายจำกันไม่ได้ เขายอมตายดีกว่าถ้าดงแฮจะไม่รัก
“เฮ้ย! ตั้งสติหน่อยสิวะ ไม่แน่นะเว้ยมันอาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ อย่าคิดมากเลย รอดูพรุ่งนี้ก่อนว่าฟื้นขึ้นมาจะเป็นยังไง” คำตอบของเพื่อนตัวเองที่ได้ชื่อว่าแพทย์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย มีแต่จะทำให้รู้สึกแย่ลงไปอีก
“เอาล่ะ กูไม่ว่างแล้ว ต้องไปดูคนไข้ต่ออีก” ใบหน้าคมเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเพื่อนตัวเองที่ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าซีวอนกับดงแฮน่ะเป็นคู่ที่เปราะ
บางอย่างที่ใครๆก็เห็น คนหนึ่งก็ร้อนคนหนึ่งก็แรง และต่างก็ยังเด็กนักในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่ก็เลยไม่น่าแปลกที่จะทะเลาะกันบ่อยๆ คิดแล้วก็เหนื่อยใจกับคนทั้งสองเสียจริง
“กูไปล่ะ.. อ้อ แล้วก็อย่าลืมแล้วกัน เมียมึงก็เพื่อนกูเหมือนกันนะซีวอน” ว่าแล้วร่างสูงของคุณหมอหนุ่มก็เดินจากไปทิ้งให้เพื่อนรักนั่งลงกับเก้าอี้อยู่อย่างเดิม
ซีวอนรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมากดทับที่ก้อนเนื้อในอกด้านซ้าย เขาผิดอย่างนั้นเหรอ เขาคือคนที่เริ่มใช่ไหม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำทุกสิ่งลงไปได้ยังไง คนเจ้าชู้อย่างเชวซีวอนเที่ยวไปมีใครต่อใครมากมายไม่เว้นแม้กระทั่งพี่ชายของคนรักตัวเอง โดยไม่รู้ว่าความสัมพันธ์อันยากจะยุติมันได้เริ่มก่อเกิด หลายครั้งแล้วสินะที่เขาปล่อยให้อีกคนต้องทุกข์ทนแทบบ้าเพราะมีเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูก ลูกที่เกิดมาโดยที่ทั้งสองไม่ได้ตั้งใจ ลูกที่เกิดมาจากความรักของผู้ชายสองคน
.. ไม่ใช่ฉันไม่รักเธอ ดงแฮ
ซีวอนนั่งอยู่คนเดียวจมปลักกับความคิดของตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพความทรงจำระหว่างเขากับดงแฮตั้งแต่ที่เพิ่งจะเริ่มรู้จักกันไหลเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ เริ่มตั้ง
ซีวอนโทษตัวเองอย่างหนัก ในใจก็ภาวนาให้ไม่มีอะไรแย่อย่างที่คิด
“เอาน่า มันก็แค่อาจจะเท่านั้น คงไม่เป็นไรหรอก” เขาปลอบใจตัวเอง
นานแล้วรึเปล่านะที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ หรือเพราะว่าสิ่งที่ทำไปนั้นไม่เคยจะรู้ตัว
ตอนนี้เวลาก็เดินเข้าสู่ช่วงเย็นแล้ว ซีวอนเองก็ยังคงไม่หายกังวลใจอีกต่อไป ดงแฮย้ายออกไปอยู่ที่ห้องผู้ป่วยแล้วแต่เขาเองกลับไม่กล้าเข้าไปหา รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้สติแต่ว่าคนอย่างเขาก็ยังไม่กล้าแม้แต่มองหน้าอยู่ดี ขอนั่งอยู่หน้าห้องตรงนี้ทำใจสักพัก และในระหว่างที่สมองยังครุ่นคิดอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณพ่อ” เสียงใสของเด็กน้อยดังขึ้นเรียกให้ซีวอนเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือทั้งสอง ภาพตรงหน้าที่เห็นคือลูกสาวตัวน้อยกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเขานำหน้าพี่เลี้ยงสาวที่วิ่งตามมาอย่างเป็นห่วง
“คุณหนูคะ อย่าวิ่งเร็วสิคะ เดี๋ยวจะหกล้มนะ” แต่ร่างเล็กนิดเดียวกลับไม่ได้ฟังเมื่อถึงจุดหมายก็กระโดดเข้าหาซีวอนที่อ้าแขนรออยู่แล้ว ชายหนุ่มกอดเด็กน้อยไว้แน่นก่อนจะหอมเข้าไปที่แก้มใสฟอดใหญ่ นาทีนี้เขาช่างกลัวเหลือเกินว่าคนที่รักจะจากเขาไปอีก
“ว่าไงตัวเล็ก รีบวิ่งมาหาพ่อเชียวนะ” ซีวอนเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนที่จะยกฮีชอลขึ้นมานั่งบนตัก
“ก็คุณพ่อพาคุณแม่มาที่นี่ ฮีชอลเลยมาหา” เสียงเล็กเอ่ยออกมาตะกุก
ตะกักตามประสาเด็กที่ยังพูดไม่ได้มากนักอย่างใสซื่อ เรียกรอยยิ้มบางๆจากคนเป็นพ่อได้ไม่ยาก แต่มันเป็นเพียงรอยยิ้มที่เอ็นดูในความน่ารักของลูกสาวก็เท่านั้น หากแต่ในใจกลับไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยสักนิด ลูกจะว่ายังไงนะถ้ารู้ว่าคนที่ทำให้แม่ตัวเองต้องเป็นแบบนี้ก็คือพ่อของเธอ
“คุณพ่อคะ คุณแม่ล่ะคะ คุณแม่อยู่ไหนเหรอ” ฮีชอลน้อยเขย่าแขนชายหนุ่มเบาๆ ดวงตากลมโตคู่ใสแสดงความใสซื่อของเด็กออกมาเมื่อต้องการคนที่เรียกว่าแม่ ตอนนี้ดงแฮก็ยังไม่ตื่น อาจจะเป็นพรุ่งนี้ที่ซีวอนต้องเจอกับความจริงที่ไม่อาจคาดเดา
“คุณแม่อยู่ไหน ฮีชอลคิดถึงคุณแม่นะ ..ฮึก ..” เสียงใสเจื้อยแจ้วดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ดวงตากลับมีน้ำใสรื้นขึ้นมา เรียกสติของชายหนุ่มให้ตื่นจากความกังวล
“อย่าร้องนะคนเก่ง คุณแม่หลับอยู่นะ แค่หกล้มนิดหน่อยเองไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาหาคุณแม่ดีไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนบอกก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้พี่เลี้ยงที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นเชิงบอกให้พาฮีชอลกลับบ้านได้แล้ว แม้ว่าหนูน้อยจะกระอิดกระออดไม่อยากจะไปก็ตาม
“คุณพ่อชอบทิ้งฮีชอลอยู่เรื่อยเลย ก็ตอนนี้ฮีชอลอยากอยู่ด้วยนี่นา ..”
เอาอีกแล้วสินะ สายตาแบบนี้ทำให้ เชว ซีวอน ใจอ่อนทุกที
ชายหนุ่มส่ายหน้านิดๆกับลูกสาวตัวน้อยที่ทำท่าจะร้องไห้เหมือนจะสะท้อนเงาของใครบางคนให้นึกถึง ใครบางคนที่เขามักจะใจอ่อนด้วย ใครบางคนที่เขาเฝ้าถนอม
.. แต่บางทีสิ่งที่ทำกลับเป็นการทำร้าย ทั้งที่รักมากแค่ไหนก็ตาม ..
“ไม่ได้หรอกนะลูก หนูกลับไปก่อนนะ ไปอาบน้ำแล้วนอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาก็เจอคุณ
ทางด้านของคิบอมที่พาฮันคยองมาที่คอนโดของตัวเองในตอนเช้าก็ได้แต่ปล่อยให้อีกคนอยู่ที่ห้องคนเดียว เนื่องจากเขาเองต้องออกไปบริษัทซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีงานด่วนอะไรเลยด้วยซ้ำไป เพียงแต่ถ้าอยู่ที่นี่กันสองคนมันคงรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับฮันคยองและในเวลาแบบนี้อีกฝ่ายก็คงอยากจะอยู่คนเดียวมากกว่า
“คุณคิบอมครับ .. คุณคิบอม .. บอสครับ .. บอส!!”
“อะไรเล่าซองมิน ใครใช้ให้มาตะโกนเรียกแบบนี้กันฮะ” ร่างสูงที่กำลังเหม่อมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงข้างนอกบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่นั้นต้องได้สะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเลขาคนสำคัญ
“ก็ผมเรียกคุณตั้งนานแล้วนี่ครับ เห็นมองอะไรอยู่ก็ไม่รู้” ใบหน้าใสเกลี้ยงเกลาของเลขาหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เห็นแบบนั้นคนเป็นเจ้านายก็ไม่ได้ว่าอะไรอย่างที่ควรจะเป็น
“เออ มีอะไรล่ะ ด่วนเหรอ” คิบอมหมุนตัวกลับมาที่โต๊ะทำงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเอกสารด่วน แต่แล้วก็ได้แต่หยุดชะงักเมื่อเลขาของเขาได้แต่หัวเราะคิกคักอยู่อย่างนั้นราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาบอก
“นายหัวเราะอะไร”
“ก็ ..ฮะฮะ” ร่างเล็กเหมือนจะขบขันอะไรที่คนตรงหน้านั้นเดาว่าต้องไม่ใช่เรื่องที่เขาสนุกด้วยแน่
“ฉันถามไม่ได้ยินรึไง” ชายหนุ่มเริ่มฉุนเมื่ออีกคนได้แต่หัวเราะยังกับเขาเป็นตัวตลก
“ก็ ..ก็ ปากกาน่ะครับ ปากกา” ซองมินชี้ให้คิบอมดูปากกาที่เขาจับมาไว้ในมือเพื่อเตรียมเซ็นเอกสาร ใบหน้าของชายหนุ่มหันไปมองแล้วก็ต้องตกใจที่ปากกาในมือเขากลับเป็นเพียงแค่แท่งไฟฉายปากกาชนิดพกพาพิเศษที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ส่วนปากกาของเขากลับยังคงเสียบไว้ที่ฐานวางอย่างปกติ คิบอมรีบวางไฟฉายลงก่อนที่จะรีบหยิบปากกาขึ้นมาแทน
“พอใจรึยัง” เสียงเจ้านายร้องถาม รู้สึกอายแต่ก็รู้ว่าคงปิดอะไรซองมินไม่ได้หรอก กองแฟ้มที่ร่างเล็กหอบมาถูกวางลงบนโต๊ะก่อนที่เจ้าของโต๊ะจะก้มหน้าก้มตาเปิดเซ็นเอกสารและตรวจดูอย่างถี่ถ้วนโดยที่ไม่หันขึ้นมามองเลขาคนน่ารักของเขาเลย .. เขาเป็นอะไรไปนะ น่าอายชะมัด
คิบอมได้แต่คิดกับตัวเองเพราะไม่อยากจะให้งานมาแย่ลงเพราะเรื่องส่วนตัว
ซองมินที่ยืนมองอยู่แอบส่ายหัวกับตัวเอง ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ คิบอมก็เพิ่งบอกเขาเมื่อกลางวันนี้เองว่าให้ช่วยไปหาซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ของฮันคยองแทนเขาที และโดยไม่ต้องพูดกันมากความต่างคนก็ต่างรู้อยู่แก่ใจ ส่วนไอ้อาการเหม่อลอยของเจ้านายตัวเองนั้น ซองมินก็เข้าใจดีด้วยเหมือนกัน
ฮันคยองตำหนิตัวเองที่ขี้ขลาดแม้กระทั่งจะอยู่บ้านหรือที่บริษัทเองก็ต้องให้เลขาจัดการแทนไปก่อน โชคยังดีที่ตารางของเดือนนี้ยังให้คนอื่นดูแทนไปก่อนได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงมานั่งเฉยๆแบบนี้ไม่ได้หรอก ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี แม้คอนโดจะหรูหรากว้างขวางแต่เขาเองก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้เอาเสียเลย คิดถึงบ้านและคนที่จากมามากกว่าเสียอีก โทรศัพท์มือถือเครื่องบางที่ปิดเอาไว้ตั้งแต่ออกจากบ้านมาถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ฮันคยองอดห่วงที่บ้านไม่ได้ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง แล้วเขาออกมาแบบนี้กับคิบอมจะมีใครรู้รึเปล่านะ .. ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือในมือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“คุณหนูคะ คุณหนูอยู่ที่บริษัทรึเปล่า ทำไมป้าติดต่อไม่ได้ ” เสียงที่กรอกมาตามสายฟังดูร้อนรน
“ครับ ผมอยู่นี่แหละ แล้วดงแฮล่ะครับป้า ซีวอนกับดงแฮไม่มีปัญหาอะไรใช่รึเปล่า”
“คือฟังนะคะ เมื่อเช้าน้องตกบันได อยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้คุณซีวอนเฝ้าอยู่ค่ะ...”
.. ไม่จริง
ได้ยินแล้วก็ตกใจไม่น้อย ดงแฮบาดเจ็บงั้นเหรอ ทะเลาะกันงั้นใช่ไหม เพราะตัวเองอีกแล้วที่เป็นต้นเหตุ มือบางที่เริ่มสั่นกำโทรศัพท์ไว้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ความเงียบทำเอาป้ายุนฮีเริ่มสงสัย
“คุณหนูคะ คุณหนู .. ได้ยินป้ารึเปล่า”
“เอ่อ ครับ ..ได้ยิน” ฮันคยองตอบเสียงแผ่วเบา ไม่นานนักก็วางสายกันไป เขาไม่จำเป็นต้องถามว่าอยู่ที่โรงพยาบาลไหนเลย ในเมื่อไม่คิดว่าจะไปหาอยู่แล้ว ไม่รู้จะกล้าสู้หน้าดงแฮรึเปล่า รู้เพียงว่าตอนนี้เป็นห่วงเหลือเกิน
.. แต่พี่ก็เหนื่อยนะดงแฮ
ซีวอนพาตัวเองมานั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่ที่สวนชั้นล่างของโรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุงโซลจนเวลาก็ล่วงเลยมาจนมืดแล้ว ชายหนุ่มก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง .. สองทุ่มยี่สิบนาที
ขายาวก้าวเข้าไปในตัวตึกเพื่อตรงไปยังห้องๆหนึ่งที่อยู่ชั้นบน เมื่อถึงหน้าห้องก็เอื้อมมือเปิดประตูเข้าไปทันที ท่ามกลางความเงียบนั้นคนที่คอยจะพบกำลังนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ บนหัวมีผ้าพันแผลพันอ้อมเอาไว้ มือใหญ่ยื่นเข้าไปลูบเบาๆที่ข้างแก้มอย่างห่วงใยก่อนจะจุมพิตประทับตรงเปลือกตาที่ปิดสนิท .. อยากให้ความอบอุ่นจากจุมพิตนี้ส่งผ่านไปถึงเจ้าตัวบ้างเหลือเกิน แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ซีวอนรีบกดรับทันทีที่รู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร
“ฮันคยอง นี่หายไปไหนมา โทรหาทำไมไม่ติด รู้รึเปล่าว่า..” ยังพูดไม่ทันขาดคำอีกฝ่ายก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ .. แล้วดงแฮเป็นไงบ้าง”
“ปลอดภัยดี แต่คังอินมันบอกว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนมาก อาจจำอะไรบางอย่างไม่ได้” ซีวอนอธิบายเสียงเรียบ
“ความจำเสื่อม” ฮันคยองทวนคำที่ได้ยินมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คังอินบอกว่าก็ไม่แน่หรอก ต้องรอดูอีกที”
“แล้วน้องฉันเป็นอะไร นายทำอะไรดงแฮทำไมถึงได้ตกบันได นายไม่ได้ตั้งใจใช่รึเปล่า บอกมาสิ ถ้าฉันรู้ว่านายคิดจะทำร้ายน้องฉันนะฉันจะไม่ยกโทษให้นายแน่ซีวอน”
“ฟังก่อนสิ ไม่ใช่แบบนั้น เราทะเลาะกัน ดงแฮเค้ารู้เรื่องพวกเราอย่างที่นายบอก แล้วก็ตกบันได ..ฉันผิดเองแหละ เข้าใจรึเปล่าฮันคยองว่ามันเป็นเพราะฉันทั้งนั้น .. ฉัน ถ้าเค้าจำฉันไม่ได้ล่ะ..” ซีวอนพูดไปก็เริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากจะคิดเลย ไม่อยากจะคิด
“เพราะฉันด้วย .. ถ้าเราไม่ยุ่งเกี่ยวกันมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ เพราะเราสองคนดงแฮถึง.. ฟังนะซีวอน ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนายต้องอย่าทำให้น้องฉันเสียใจอีก เข้าใจรึเปล่า”
“ฉันรู้... แล้วนายอยู่ไหน เมื่อกี้นี้ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม ดงแฮไม่ได้ทำอะไรใช่รึเปล่า”
“พอเหอะซีวอน ฉันไม่ได้เป็นอะไร นายอย่ามาห่วงฉันทั้งๆที่ ..” ว่าแล้วก็ไม่เลือกที่จะไม่พูดต่อไป ได้แต่เก็บคำตัดพ้อไว้ในใจเพราะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์
.. อย่ามาห่วงทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยดีกว่า
“แล้วนายกลับบ้านรึยัง ฮันคยอง .. ฮัน เดี๋ยวสิ ฮัน” ไม่ทันเสียแล้วเมื่ออีกฝ่ายวางสายไป ชายหนุ่มหัวเสียจนอยากจะขว้างโทรศัพท์ออกไปซะเดี๋ยวนั้นแต่ก็ยับยั้งใจไว้เมื่อหันไปเจอเข้ากับร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่จึงเริ่มเย็นลง แล้วซีวอนก็กลับบ้านไปเพื่อที่วันพรุ่งนี้จะได้มาหาคนรักพร้อมกับสิ่งที่เขาไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นแบบไหน แต่ยังไงความจริงมันก็คงหลีกหนีไม่พ้น ถ้าดงแฮจำเขาไม่ได้จริงๆเขาก็คงต้องยอมรับมัน ไม่ต่างกันเลยกับความจริงที่เขารักคนๆนี้หมดหัวใจ .. ก็ความจริง ยังไงเสียมันก็เป็นอย่างนั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
*******************
คิบอมเปิดประตูบานใหญ่ของคอนโดสุดหรูที่เขาเรียกมันว่าบ้านเข้ามาก็เจอกับคนที่คิดว่าป่านนี้คงจะหลับไปแล้ว แต่ตรงกันข้าม ฮันคยองกำลังนั่งอยู่บนโซฟานุ่มและหันมาทางเขาเมื่อรู้ตัวว่าถูกมองอยู่
“กลับมาแล้วเหรอ” ประโยคเดียวที่ทำให้คนฟังรู้สึกว่าอยากจะให้พูดอย่างนี้ ณ ที่ตรงนี้กับเขาทุกวัน แต่มันคงเป็นได้แค่ฝัน ฮันคยองหุบยิ้มลงนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมาไม่วางตา
“มีอะไรเหรอคิบอม”
“อ่ะ เอ่อ เปล่าครับ นี่ของพี่ ผมให้ซองมินไปซื้อมาให้น่ะ” ว่าแล้วก็วางพวกถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนมลงที่โต๊ะรับแขกตรงหน้า ฮันคยองเห็นแล้วก็อดเกรงใจไม่ได้
“นายไม่เห็นต้องหามาเยอะเลย เดี๋ยวพี่ก็ไปแล้ว ไม่อยู่นานหรอก”
“ไปไหน กลับไปที่นั่นงั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิ คงเป็นที่อื่นล่ะมั้ง พี่จะหยุดงานไปซักพัก ช่วงนี้งานสำคัญก็เคลียร์ไว้แล้วที่เหลือก็คงต้องฝากเลขาให้จัดการแทนไปก่อน ยังไงคนอื่นๆคงดูแลแทนได้ พี่อยากเห็นแก่ตัวไปพักซักหน่อย” ไหล่บางยกขึ้นเบาๆอย่างไม่ยี่หระกับเรื่องที่จะทำ แต่หารู้ไม่ว่าอย่างไรเสียก็ปิดความเศร้าไม่มิด ทั้งคู่เงียบกันไปพักใหญ่ก่อนที่คิบอมจะหายเข้าห้องแต่งตัวไปแล้วออกมานั่งอยู่ข้างฮันคยอง
“คิบอม พี่กำลังจะบอกนายว่าดงแฮตกบันได” คนฟังแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ฮันคยองเล่าเรื่องทั้งหมดให้คิบอมฟังอย่างช้าๆและจบลงที่การโทษตัวเองอย่างเคย
“มันเป็นความผิดของพี่เอง” ว่าแล้วสองมือก็ยกขึ้นปิดใบหน้าที่เริ่มจะร้องไห้ออกมา น้ำตาที่รินไหลออกมาอีกครั้งทำเอาคิบอมรู้สึกห่วงคนตรงหน้าไม่น้อยไปกว่าคนที่บาดเจ็บเสียอีก
“แต่ตอนนี้ดงแฮปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ” ฮันคยองพยักหน้าตอบ คิบอมเองที่กำลังจะยื่นแขนออกไปโอบไว้ก็ได้แต่นิ่ง ก็เขาไม่เคยลืมว่าตัวเองจะไม่ล้ำเส้นไปมากกว่านี้ สิ่งที่ทำได้คือคำพูด
“พี่ไม่ผิดหรอกนะ ผมบอกแล้วไง อีกอย่างพี่น้องกันน่ะจะเกลียดกันได้ยังไง”
“แต่ซีวอนบอกว่า ฮึก.. ดงแฮ ..” ยิ่งพูดก็เริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่เข้าใจว่าต่อหน้าคนๆนี้ ทำไมเขามักจะแสดงความอ่อนแอออกมาได้มากเหลือเกิน
“ดงแฮทำไมครับ เป็นอะไรมากอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ ..ฮึก เค้าบอกว่าดงแฮอาจจำอะไรไม่ได้...” คิบอมฟังแล้วก็นิ่งไปอีก แต่เขาก็พยายามคิดว่ามันก็ดีแล้วที่เพื่อนรักตัวเองไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้ อีกอย่างคนที่ควรจะรับผิดชอบมันก็น่าจะเป็นอีกคนไม่ใช่หรือไงกัน อีกคนได้แต่ร้องไห้โดยที่อีกคนก็ได้แต่อยู่ข้างๆ ไหล่บางที่สะท้อนขึ้นลงตามแรงสะอื้นทำเอาหัวใจคนมองได้แต่วูบไหวไปด้วยอย่างทรมาน เขากลัวว่าคืนนี้ฮันคยองจะร้องไห้จนเป็นลมไปเสียเหลือเกิน
“นี่ครับ ผ้าเช็ดหน้า” คิบอมยื่นให้ ฮันคยองก็รับมา
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมไปนอนก่อนนะ พี่เองก็อาบน้ำนอนที่ห้องผมได้เลย เดี๋ยวผมจะนอนอีกห้องแล้วกัน” ว่าแล้วก็เดินจากไปทันที ฮันคยองได้แต่มองตามแผ่นหลังไปทั้งที่แอบน้อยใจอยู่เหมือนกันที่คิบอมดูจะเหินห่างเขามากขึ้นทุกที แต่ก็ไม่น่าแปลกหรอก แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
อีกคนนอนร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิด .. อีกคนก็ได้แต่เป็นห่วงทั้งที่ใจก็เจ็บไม่แพ้กัน
ขณะที่อีกคนนอนไม่หลับเพราะกลัววันพรุ่งนี้ กับอีกคน ...ที่ยังคงหลับใหลเหมือนอยู่ที่ไหนสักแห่งที่หาทางออกไม่เจอ
แล้วค่ำคืนนี้ก็จบลงด้วยการที่ทุกชีวิตหลับสู่ห้วงนิทราไป
.
.
Tbc. chapter 7
ความคิดเห็น