คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ◆ Lonely Flower - chapter [5]
.. Chapter 5 ..
หลังจากที่จัดการกับร้านของตัวเองไปครึ่งค่อนวันแล้วแพคฮยอนจึงออกไปซื้อของข้างนอกภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะกลับเข้ามา
ชายหนุ่มหยุดยืนมองร่างของคนที่ยังนอนอยู่ที่เดิม ก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วเดินผ่านไปด้านในอย่างไม่คิดจะสนใจ เขาใช้เวลาในยามบ่ายทำอาหารและจัดการหลายๆอย่างภายในร้านไปโดยไม่รีบร้อนเพราะวันนี้ไม่ได้เปิดรับลูกค้าเหมือนปกติ
เวลาล่วงเลยไปจนเข้าสู่ยามเย็น ชายหนุ่มหยุดมองออกไปยังด้านนอก ตะวันเริ่มคล้อยลงแล้ว พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับชุดโต๊ะไม้ตัวเดิมที่เขาไม่ได้เป็นคนซื้อ มือบางแนบลงที่กระจกหน้าต่างพลางจ้องสิ่งภายนอกอยู่อย่างนั้น เรื่องเก่าๆระหว่างกันที่เกิดขึ้น เรื่องเดิมๆครั้งแรกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นด้วยกันฉายผ่านในความรู้สึก แววตาเศร้าหมองจดจ้องออกไปโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังจะร้องไห้ แพคฮยอนรีบสะบัดหน้าตัวเองออกทันทีที่น้ำตามันกำลังจะไหล เขาไม่อยากจะร้องไห้ออกมาอีก พอทีเถอะ จะอ่อนแอไปถึงไหน ขอเวลาให้ทำใจแล้วค่อยคิดใหม่ก็คงไม่สาย ถึงกระนั้นแล้วก็ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจ จึงเดินออกไปที่โต๊ะตัวนั้นพร้อมกับผ้าผืนเล็กในมือ
“ไม่ได้มานั่งไม่กี่วัน ฝุ่นเกาะเยอะเชียวนะ...” ว่าแล้วก็ลงมือถูมันไปมาเพื่อให้คราบฝุ่นและหยดน้ำค้างที่มีประปรายได้หลุดออกไป รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้า มือบางเช็ดมันออกช้าๆพลางนึกถึงคนอวดดีที่เป็นคนซื้อมันมาให้เขา
คนอวดดีในครั้งแรก ที่นั่งจิบไวน์อย่างไม่ทุกข์ร้อน
คนอวดดี ที่บอกจะทำรั้วให้ใหม่แล้วก็ทำมันจริงๆจนได้
คนอวดดี ที่มั่นใจกับคำว่ารักของตัวเองมากกว่าใคร
.. หลอกลวง
โต๊ะเริ่มกลับมาสะอาดขึ้นอีกครั้งด้วยแรงเช็ดของเจ้าของมัน แต่มันก็ยังคงเปียกมากกว่าเก่า ไม่ใช่เพราะน้ำฝนหรือน้ำค้าง แต่เพราะน้ำตาที่ไหลลงมาแต่ละหยดจากคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ แพคฮยอนยังคงพยายามยิ้มอย่างเคย แต่เขาห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผ้าผืนเดิมเช็ดเอาหยดน้ำตาออกจากโต๊ะ ก่อนที่มันจะหยดลงมาใหม่และเขาก็เช็ดมันออกอีกครั้ง มือบางขยับไปมาพร้อมผ้าที่ยังคงถูอยู่บนโต๊ะผสมกับหยาดน้ำตาที่หยดลงไป เขาทำมันอยู่อย่างนั้นราวกับคนบ้า
ตะวันที่คล้อยต่ำค่อยๆลาลับขอบฟ้าไป ปล่อยให้ความมืดเริ่มปกคลุมลงมารอบกายคุณเจ้าของบ้านซึ่งบัดนี้กำลังนั่งห่อไหล่อยู่ที่โต๊ะตัวเดิม แพคฮยอนปล่อยผ้าผืนนั้นไว้หลังจากที่มันทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว น้ำตาที่เหือดแห้งไปเหลือเพียงคราบเอาไว้บนใบหน้าที่เอาแต่เหม่อมองไปออกไปบนท้องฟ้า คืนนี้ฟ้าโปร่งโล่งก็จริง แต่ทำไมมองไม่เห็นดาวสักดวงเลยล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ ใจดวงน้อยร่ำร้องหาใครคนนั้นแต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางได้ยินมันอย่างแน่นอน
ผมมันดื้อด้าน .. ชานยอล ผมจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้ยินคำนั้นจากปากของคุณเอง
“มานั่งบริจาคเลือดให้ยุงแถวนี้ทำไมกันคุณพยอนแพคฮยอน .. ใจดีเกินไปหน่อยแล้วมั้ง”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังเรียกให้แพคฮยอนสะดุ้งขึ้นมาจากห้วงความคิด ใบหน้าหมองเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงให้คนที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เรื่องของฉันน่ะ .. ขัดหูขัดตานักก็กลับไปซะทีสิ”
“ไล่กันอีกแล้วนะคุณ” ไคยกยิ้มขึ้นนิดๆอย่างจะบอกว่าเขาไม่คิดจะไป ทั้งที่ในใจกลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย ทำไมกันนะแค่ผู้ชายคนเดียวออกปากไล่ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าขนาดนี้
“ฉันไม่ได้ไล่หรอกนะ ก็แค่คิดว่านายคงมีงานสำคัญมากกว่าจะมานั่งเฝ้าฉันอยู่แบบนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คุณชายของนายหรอก”
ไคได้ยินก็ต้องคิดเพียงแค่ในใจ ถ้ามันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกก็คงดี แต่บังเอิญว่าหน้าที่ที่แพคฮยอนพูดถึง งานสำคัญนั้น .. เขาก็กำลังทำอยู่นี่ไงล่ะ
“ถ้าคุณไม่รู้ อย่าพูดดีกว่าแพคฮยอน”
“ฮะ นายว่าไงนะ” แพคฮยอนถามอีกครั้งเพราะเสียงที่เบามากของไคทำให้เขาไม่ค่อยจะได้ยินมันเท่าไหร่
“เอ่อ ปะ เปล่าหรอก” คนถูกถามหลุดท่าทางแปลกๆออกมาจนคนมองเริ่มสงสัย ไคจึงตัดสินใจเปลี่ยนเข้าอีกเรื่องทันทีอย่างไม่รีรอ
“เออนี่ เมื่อกลางวันคุณออกไปข้างนอกมาใช่มั้ย”
“ทำไมนาย
“ผมตื่นมาเข้าห้องน้ำน่ะ” ไคบอกไปตามปกติ จะว่าไปยิ่งคุยกับคนๆนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโกหกหลอกลวงเข้าไปเสียทุกที
“มีหนุ่มคนนึงเค้ามาที่ร้านพอดีกับที่คุณไม่อยู่ เค้าบอกว่าอยากมาขอสมัครทำงานที่นี่ คุณไม่อยู่ผมเลยบอกให้เค้ามาใหม่พรุ่งนี้” พูดจบก็ตีสีหน้าปกติ ไม่มีท่าทางพิรุธให้แพคฮยอนได้เอะใจสงสัยแต่อย่างใด
“งั้นเหรอ .. ฉันไม่เคยคิดรับพนักงานเลยนะ”
“แล้วคุณไม่เหนื่อยหรอกเหรอ ผมว่าร้านคุณทำคนเดียวคงเหนื่อยนะ อีกอย่างเวลาไปส่งของต้องทำไงล่ะ”
“ฉันจ้างเป็นครั้งไปน่ะ ถ้าว่างก็ไปเอง”
“ผมว่าเอาค่าจ้างคนอื่นทีละครั้งมาจ้างลูกน้องเอาไว้ในร้านสักคนไม่ดีกว่าเหรอ แบบนี้น่าจะคุ้มกว่านะ” ไคแนะนำ ซึ่งแพคฮยอนเองก็คิดตามอย่างเข้าใจ
“ก็จริงของนายนะ แต่จะว่าไปร้านของฉันคงไม่มีค่าตอบแทนให้เค้าได้มากมายหรอก ไม่รู้ว่าเค้ายังอยากจะทำอยู่รึเปล่านะ” คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจเบาๆ ไคเห็นอย่างนี้ยิ่งรู้สึกเข้าทางตัวเองไปใหญ่
“แต่ให้ผมเดานะ เค้าคงไม่ล้มเลิกความคิดหรอก เพราะคงไม่ได้หวังค่าจ้างแพงๆจากร้านเล็กๆของคุณตั้งแต่แรกแล้ว ว่ามั้ยล่ะ” ถึงตรงนี้คนฟังก็ต้องตีสีหน้าไม่พอใจใส่ทันทีที่ถูกพาดพิงเรื่องขนาดร้าน ซึ่งมันก็คือเรื่องจริงที่แพคฮยอนไม่คิดจะเถียงเสียด้วย
“อืม พูดอีกก็ถูกอีก .. ช่างเหอะ เอาเป็นว่าจะยังไงก็ช่าง ค่อยว่าก็แล้วกัน” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ดูท่าแล้วแพคฮยอนก็คงโอเคอยู่เหมือนกัน ท่าทางโอนอ่อนไปตามที่ไคต้องการทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มต้องลอบถอนใจอย่างโล่งอก
“เมื่อกี้ยังพูดไม่จบเลย แล้วนายจะกลับไปตอนไหนล่ะ”
“หึ .. เบื่อหน้าผมขนาดนั้นเลยเหรอคุณ”
“.........” แพคฮยอนเงียบไปทำได้แค่สบตา เหมือนอยากจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น เขาไม่ได้รังเกียจอะไรอย่างที่ไคคิด
“ผมจะกลับพรุ่งนี้แล้ว”
“งั้นเหรอ..” น่าแปลก แพคฮยอนไม่ได้แสดงอาการดีใจอย่างที่คิดว่าจะได้เห็น อย่างว่าล่ะนะ อีกฝ่ายคงไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะแสดงความพอใจต่อหน้าแขกหลังจากที่ออกปากไล่ถึงขนาดนั้นหรอก
ร่างเล็กก้มหน้าลงนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วแหงนมองไปยังท้องฟ้าอีกครั้งเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไร ไคไม่ได้คิดสนใจมองตามขึ้นไปอย่างที่ควร บนนั้นไม่ได้มีอะไรน่าสนไปกว่าคนตรงหน้าเขาสักนิด
“ทำไมวันนี้ไม่มีดาวเลยล่ะไค” แพคฮยอนถามเบาๆท่ามกลางความเงียบทั้งที่ยังอยู่ในท่าเดิมไปขยับไปไหน
“ก็...” ไคไม่รู้จะตอบยังไงกับคำถามประเภทนี้ที่เขาก็ไม่ค่อยจะเคยเจอ แล้วยิ่งคนถามเป็นอีกฝ่ายด้วยแล้ว
“หรือมันไม่มี....”
“ไม่หรอก มันมีอยู่จริง แค่คุณมองไม่เห็น”
“...........” แพคฮยอนไม่ตอบอะไรนอกจากยืนนิ่งให้กับคำถามที่ไม่เอาไหนของตัวเอง
ไคไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะคิดตามความนัยของประโยคที่เขาเอ่ยไปหรือไม่ แต่ถึงยังไงเขาก็ตั้งใจอยากพูดอยู่ดี ร่างสูงขยับกายลุกไปยืนข้างๆพลางมองขึ้นไปบนฟ้าเช่นเดียวกัน ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง สักพักเจ้าของคำถามก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆราวกับประชดตัวเอง
“ฮะฮะ .. ฉันนี่ถามอะไรปัญญาอ่อนเนอะ” ถึงตรงนี้แล้วก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คนสองคนยืนข้างกันภายใต้ท้องฟ้ากว้างยามค่ำคืนที่มองไม่เห็นดาวสักดวง ไคลอบมองเสี้ยวหน้าของแพคฮยอนที่ดูเหมือนจะยิ้มออกมาเพียงนิด แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกถึงความหมองเศร้าในรอยยิ้มนั้นด้วยล่ะ
ใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดของไคเปลี่ยนมาเป็นอีกอย่างในทันที
“ฮ้า ... อากาศที่นี่ดีจังนะ” เขาครางเบาๆอย่างผ่อนคลายพลางกางแขนออกเพื่อสูดอากาศดีที่ว่าเข้าเต็มปอด เขาหันหน้ามามองคุณเจ้าของบ้านอีกครั้งหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มหรือไม่ก็หันมาแขวะอะไรเขาสักอย่างเหมือนที่ชอบทำ แต่ไม่เลย แพคฮยอนยังยืนนิ่งอย่างเดิม ร่างเล็กก้มหน้าลงมองผืนหญ้าเหมือนอยู่กับตัวเองมากกว่าอยู่กันสองคน
ไคไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ในชีวิตนี้เขาไม่เคยภาวนาขอในสิ่งที่ไร้สาระอย่างที่กำลังจะคิดในตอนนี้เลย ท้องฟ้ามืดๆมันมีอะไรน่าสนใจหนักหนา พอๆกับพื้นหญ้าที่คนข้างกายของเขากำลังมองมันราวกับมีอะไรน่าสนใจนั่นแหละ ไคอยากให้แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาบ้างก็เท่านั้นเอง
“ดาวไม่มี ก็ดีกว่ามองพื้นอยู่แบบนี้นะคุณ” และก็เป็นอย่างที่คิด แพคฮยอนไม่พูดอะไรเหมือนไม่ได้ยินที่ไคบอก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเอาแต่เงียบเพราะอะไร คนตัวสูงกว่าชักเหนื่อยใจและก็กลัวเหลือเกินว่าน้ำตาของอีกฝ่ายจะท่วมพื้นหญ้าขึ้นมาเสียก่อน เขาไม่อยากให้แพคฮยอนเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่แบบนี้เลย ท้องฟ้าคืนนี้มันน่าจะมีอะไรให้เงยหน้าขึ้นมาจากความเศร้าโศกนั้นได้บ้างสักนาทีก็ยังดี
โธ่ พระเจ้า .. อะไรก็ได้น่ะ จะดาวตก ยานอวกาศ หรือจะ ...........
ไม่ทันจะคิดจบ ไคก็แทบไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะได้ยินคำขอของเขาแล้วดลบันดาลให้มันเป็นจริงเร็วขนาดนี้
เสียงดังเหมือนอะไรระเบิดมาจากในตัวเมืองซึ่งห่างออกไปไม่ไกล ตามมาด้วยแสงดวงไฟสีสวยที่สว่างวาบขึ้นมาเต็มท้องฟ้ากว้าง ร่างของคนที่ก้มอยู่สะดุ้งขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพร้อมน้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้งไป
“ .. พลุ !” แพคฮยอนเอ่ยออกมาพร้อมกับที่พลุลูกต่อๆไปจะแย่งกันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนแล้วแตกกระจายออกเป็นวงกว้างพร้อมลวดลายและทิศทางที่แตกต่างกันไป ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างมองราวกับเด็กน้อยที่ตื่นตาตื่นใจกับอะไรสักอย่าง รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นในยามที่ลืมเรื่องเศร้าไปชั่วขณะ สายตาคมจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายอย่างพึงพอใจ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังมองอีกฝ่ายจนลืมรู้สึกตัวไปแล้ว
“เค้ามีงานอะไรเหรอไค” แพคฮยอนถามดังๆแข่งกับเสียงพลุที่กำลังดังไม่หยุดหย่อน และนั่นก็ทำให้คนถูกถามต้องหลุดออกมาจากห้วงความคิด
“อ้าว .. ผมจะรู้เหรอครับ ว่าแต่คุณดูจะชอบมากเลยนะ”
“ก็ชอบอยู่หรอกนะ .. แล้วนายไม่ชอบรึไง” แพคฮยอนตะโกนถามทั้งที่ยังจับจ้องพลุบนฟ้าอย่างสนอกสนใจ หารู้ไม่ว่าคนข้างกายไม่ได้สนใจเรื่องเดียวกันอย่างที่เข้าใจเลย ไคมองอีกฝ่ายที่หันข้างให้ก่อนที่เขาจะหยุดห้วงหายใจไปพักใหญ่ แล้วตอบคำถามนั้นออกมา
“ชอบสิ .. ชอบมากด้วย”
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าไม่ควร ไม่ใช่ไม่คิดว่าจะมีใครรู้
แต่ ณ เวลานี้ คิมจงอินผู้แสนภักดีหาได้สนใจกฎข้อไหนๆไม่ รอยยิ้มของพยอนแพคฮยอนที่ปรากฎขึ้น
แลกกับอะไร .. ก็แค่ รอยยิ้มของเขาที่หายไปแล้วแทนที่ด้วยแววตาหมองเศร้าอันไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นมาก่อน
.. ขอโทษ ที่ผมคิดไม่ดีกับคุณ
เสียงของพลุอันสวยงามดังก้องไปทั่วทั้งเมืองทำให้คืนนี้ของใครหลายคนไม่เงียบเหงา และอาจจะรวมไปถึงคุณเจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆแห่งนี้ด้วย สองปลายเท้าเขย่งขึ้นลงเมื่อต้องชี้ให้คนข้างกายดูสิ่งที่ตัวเองกำลังสนใจ ไคจับจ้องเรียวปากที่ยิ้มกว้างก่อนที่ตัวเองจะเหยียดยิ้มออกมาบ้าง ก็แค่รอยยิ้มจางๆของผู้ชายที่ไม่มีสิทธิ์อะไร เขาฉลาดพอที่จะเก็บกลั้นให้ทุกอย่างไม่มีปัญหา แต่เอาเข้าจริง เวลานี้เขาขอลืมมันไปสักนาทีก็ยังดี ร่างสูงสูดหายใจเข้าเบาๆปล่อยให้พลุบนท้องฟ้าพาคนข้างกายให้เพลิดเพลิน
ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาแล้วทำลายมันลง ด้วย .. หนึ่งจุมพิต
เพล้ง!!!
แก้วทรงสวยแตกกระจายออกจากกันไปคนละทิศเมื่อกระทบเข้ากับผนังห้องกว้างเพราะแรงขว้างของผู้เป็นเจ้าของ น้ำสีอำพันเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่ไม่ถึงค่อนแก้วเปรอะกระเด็นรวมไปกับเศษแก้วที่แตกละเอียด ดวงตาวาวนิ่งหลับลงเพียงนิดเมื่อเศษเล็กๆชิ้นหนึ่งกระเด็นเฉียดข้างแก้มจนเลือดไหลซึมออกมาเป็นทาง แต่อย่างไรก็ตาม ต่อให้บาดลึกเท่าไหร่ เขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บมากไปกว่าที่เป็นอยู่
ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนุ่มอย่างเก่า โต๊ะข้างกายมีขวดแก้วบรั่นดีชั้นเยี่ยมวางอยู่โดยปราศจากแก้วซึ่งเขาได้ขว้างมันออกไปแล้ว มือหนากำแน่นลงที่พนักวางแขนก่อนจะหลับตาลงเก็บกลั้นความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้อย่างสุดแสนดังเช่นทุกคืน ไม่ทันไรประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ปรากฎร่างของชายมีอายุซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพ่อบ้านที่ตามติดมาด้วยสาวใช้อีกสองคน
“คุณชายครับ เกิดอะไรขึ้น” ชายมีอายุถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพไม่ต่างจากเสียงที่ดังออกไปด้านนอกเลย หน้าตาตื่นตระหนกของคนทั้งสามทำให้ชานยอลเริ่มจะหัวเสียตามไปด้วย
“รีบไปเอาของมาเก็บกวาดไปสิ” เสียงคุณพ่อบ้านสั่งสาวใช้อีกสองคนให้รีบทำตามก่อนที่พวกหล่อนจะต้องหยุดชะงักเพราะเจ้านายที่ใหญ่กว่าสั่งห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอก ..” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆแต่ชัดเจนในคำสั่งดี
“แต่ว่าคุณชาย .. แก้วแตกแบบนี้มันอันตรายนะครับ แล้วนั่น หน้าคุณชายเลือดออก” เห็นอย่างนั้นแล้วก็รีบหันไปสั่งสองสาวให้ไปเอากล่องพยาบาลมาทำแผลให้ผู้เป็นนาย หากแต่ชายหนุ่มทำได้เพียงยกมือขึ้นห้ามเอาไว้อีกครั้ง
“แต่คุณชายครับ..”
“ไม่ต้องหรอก”
“แต่ว่า ...
“ผมบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องไงล่ะ!!!” ใบหน้านิ่งขรึมตวาดออกมาเสียงดังจนคนทั้งสามต้องผวา ก็ในเมื่อบอกดีๆแล้วไม่รู้เรื่องเขาก็ไม่คิดจะพูดอีกต่อไปให้เสียเวลา
“ออกไป ฉันสั่งให้ออกไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มข่มเสียงสั่งเป็นรอบสุดท้าย แต่คราวนี้คนทั้งสามเข้าใจดีจึงกุลีกุจอออกไปจากห้องไป
เสียงประตูปิดลงแล้วชานยอลก็กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง เศษซากของผลงานที่ทำเอาไว้ไม่ได้ประจักษ์แก่สายตาของตัวเองเลยแม้แต่นิด สองเท้าเปล่าเหยียบย่ำผ่านเศษแก้วกระจายเต็มพื้นออกไปโดยไม่สนใจเลยว่าจะถูกคมแก้วนั้นบาดเอา .. เพราะเขาคงไม่รู้สึกอะไร
ทั้งที่ทุกอย่างปกติดี ทั้งที่รอบกายช่างแสนสุขสบายแต่จิตใจทำไมถึงได้ว้าวุ่นเช่นนี้ คำถามไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใด เพราะคำตอบนั้นเขาได้มันมาก่อนจะมีคำถามนี้แล้วด้วยซ้ำ สายตาคมทอดมองออกไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงจันทร์สาดส่องผ่านหมู่เมฆจางๆลงมายังระเบียงที่เขายืนอยู่ ชานยอลถอนหายใจกับตัวเองดังเช่นทุกที เกลียดใครได้นอกจากตัวเอง เพราะตัวเองคนเดียว
พระจันทร์ลอยเด่นอยู่อย่างเดียวดายไม่ต่างอะไรกับคนที่เฝ้ามองมัน
แม้ในยามอยู่คนเดียว ดวงตาคู่นี้ก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา
และต่อให้พระจันทร์จะงดงามเพียงใด .. แต่เขากลับมองเห็นแค่ใบหน้าของใครบางคนปรากฏอยู่ในนั้นดังเช่นทุกคืน
-----◆◆-------------◆◆-----
เสียงพลุหายไปแล้วแทนที่ด้วยไอจากโกโก้ร้อนๆที่ลอยฉุยขึ้นมาจากถ้วยที่ยกขึ้นดื่ม แพคฮยอนและไคนั่งอยู่ตรงข้ามกันหลังจากที่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว ใบหน้าของคนฟังแสดงความเห็นใจออกมาเมื่อได้ฟังสิ่งที่อีกคนเพิ่งเล่าจบไป
“ฉันไม่โกรธหรอกนะไค นายคงคิดถึงแฟนเก่าของนายมาก”
“อ่ะ อืม ขอบคุณคุณมากที่ไม่ถือสาอะไรผม ผมก็แย่จริงๆที่ทำลงไปได้ แค่คุณชอบพลุเหมือนแฟนเก่าผม ผมก็อดคิดถึงเธอไม่ได้ .. ขอโทษอีกครั้งนะแพคฮยอน”
“เอาน่า .. แค่นี้เอง” แพคฮยอนก็ยังไม่ถือโทษอะไรไคที่จู่ๆก็ก้มลงมาจูบเขาแบบนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามขอโทษแล้วขอโทษอีกก็ตามที
ใบหน้าของคนผิดลอบมองคนตรงหน้าที่กำลังยกถ้วยโกโก้ขึ้นดื่ม ดวงตาคมหลุบลงกับตัวเองยามที่มีโอกาสไม่ได้สบตาแล้วแสร้งสร้างเรื่องไปเรื่อย ไคนึกแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองอีกสักทีสองทีที่ทำอะไรลงไปไม่คิด ดีนะที่เขารีบโกหกแก้ตัวก่อน และที่ดีกว่านั้นคือโชคดีที่เป็นแพคฮยอน ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่เชื่อกับสิ่งที่เขาพูดก็ได้ แพคฮยอนไม่ได้โง่ที่หลงเชื่อคำพูดของเขาหรอก แต่สำหรับไคแล้วเขาเรียกว่าอีกฝ่ายใจกว้างพอต่างหาก คนที่แย่คือเขาเองที่โกหกต่างๆนานาตั้งแต่เจอกันจนผู้ชายคนนี้เชื่อเสียสนิท
.. คุณน่ะ ใจดีแบบนี้กับทุกคนเลยรึเปล่านะ
เมื่อถึงเวลาที่ควรแพคฮยอนก็ขอตัวไปนอนเพราะรู้สึกง่วงมากจนลืมคิดไปถึงเรื่องที่ไคจะไม่อยู่แล้วจึงไม่ได้ถามอะไรออกไป ร่างสูงมองตามอีกคนที่กำลังเดินเข้าห้องไปด้วยสายตาที่อีกฝ่ายไม่มีวันได้เห็นก่อนที่ประตูห้องนอนจะปิดลงพร้อมกับที่ร่างของแพคฮยอนหายไปเข้าไปในนั้นแล้ว
“เฮ้อ .. ไม่ได้บอกลากันเลยนะ”
ชายหนุ่มข่มใจหันกลับมาจากภาพตรงหน้าก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วทำหน้าที่ของตัวเองซึ่งได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุดต่อไป
“ฮัลโหล .. อืม พรุ่งนี้ล่ะลู่หาน”
.
.
Tbc. Chapter 6
ขอโทษที่ดองทั้งที่ตั้งใจว่าจะรีบลง อิอิ (กลับจากไปตามเด็กๆexo-kกันแล้ว เหนื่อยกันไหมเอ่ย คนเขียนเรื่องนี้เหนื่อยมากค่ะ เหมือนมันไม่ฟิตแบบสมัยก่อน หลายปีแล้วเริ่มสังขารไม่ไหว ...ฮา^^)
พาร์ทนี้ก็ไม่ยาวอีกแล้วนะคะ ตามสัญญาว่าคิมไคพระเอกเต็มๆ โฮกกกกกกก
บอกสรุปคร่าวๆให้ก่อนนะคะว่า ตอนนี้จะตัดจบเท่านี้แล้ว ตอนหน้าก็จะเป็นเรื่องราวต่อจากอินโทร(แรกๆเลย)นะคะ เป็นเหตุการณ์หลังจากคืนนั้นที่แพคฮยอนไปกินไอติมกับลู่หานมา ยังจำกันได้โนะ? กลัวคนอ่านงง ยัยคนเขียนก็เวิ่นเว้อไปซะยืดยาว ==
ในฟิคแอบขัดใจนายเอกนะ แคร์พระเอกม๊ากมาก แต่ในชีวิตจริง อินุ้งแบคคงบอกว่า “ชานยอลคนไม่เอาไหน ใครสนกันล่ะ ปรี้คริสก็ว่าไปอย่าง” *เบะปากสะบัดตูดเดินหนี!!
555
โอเคค่ะ มีไรไม่เข้าใจในฟิคก็ถามได้นะคะ .... ทั้งที่ก็ไม่ได้สนุกอะไร ขอบคุณทุกการติดตามจริงๆค่ะ - /\ -
ความคิดเห็น