ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Lonely Flower (ChanBaek)

    ลำดับตอนที่ #5 : ◆ Lonely Flower - chapter [4]

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 56


















    .. Chapter 4 ..


     

                 ถ้วยกาแฟลายหรูถูกบรรจงยกขึ้นดื่มโดยมือของผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน

     

                 ท่ามกลางสายตาของคุณแม่บ้านและสาวใช้ทั้งหลาย และดังเช่นทุกเช้า ใบหน้าของชายมีอายุที่แลดูน่าเกรงขามปรายตามองไปยังลูกชายคนเล็กที่นั่งอยู่อีกข้างของโต๊ะอาหารตัวยาว แต่คุณผู้หญิงที่เป็นฝ่ายนั่งอยู่ตรงข้ามลูกชายกลับเอ่ยออกมาเรียบๆเสียเอง


                 วันนี้คุณพ่อมีประชุมที่พรรค .. ส่วนแม่ก็มีงานที่สมาคม ยังไงลูกช่วยจัดการเรื่องที่บริษัทอย่างที่แม่บอกไว้ให้ทีนะชานยอลเรียวปากเคลือบลิปสติกสีสดเอ่ยช้าๆ และก็ทุกครั้ง หล่อนจะพูดแค่ไม่กี่ประโยคเพื่อให้เป็นอันเข้าใจกันง่ายๆ ชายหนุ่มวางส้อมที่ใช้กับอาหารเช้าลงเบาๆก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มเพียงไม่กี่อึก ท่าทางเงียบๆอย่างเคยไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อกับแม่สงสัยอะไรอย่างที่ควร


                 เข้าใจแล้วครับ ..ผมจะจัดการเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ


                 ดีแล้วล่ะลูก พ่อแม่เคยผิดหวังที่ไหนล่ะใบหน้าที่ยังคงความสวยของผู้เป็นแม่เผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่ชานยอลจะยิ้มตอบกลับไป จริงอยู่ที่ครอบครัวของเขาอาจไม่คอยมีเวลาให้กัน แต่ทั้งหมดที่พ่อกับแม่ทำ ชานยอลรู้ดีทุกอย่างทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว


                 เฮ้อ .. ดูทำหน้าเข้าสิไอ้ลูกคนนี้ พ่อบอกแกแล้วไงว่าหัดยิ้มไว้บ้างชายวัยกลางคนถอนหายใจเบาๆเมื่อมองมายังลูกชายคนโต เขาส่ายหัวนิดๆก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาตบเข้าที่บ่า และชานยอลก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น


                 ครับพ่อเสียงทุ้มเย็นเอ่ยรับที่บิดาบอก ทั้งที่ในใจกลับรู้สึกต่างไป

     

    ในชีวิตที่มันไม่ปกติอย่างคนอื่นๆทั่วไป กี่ปีแล้วนะที่เขาเกิดมาพร้อมเรื่องอย่างนี้ แต่พ่อกับแม่ที่มีหน้ามีตาและแทบไม่มีเวลาให้ พวกท่านทั้งสองก็ยังมีมุมอบอุ่นให้เขากับน้องชายเสมอมา


                 ว่าแต่ว่า ไคไปไหนซะล่ะ พ่อว่าจะใช้ให้ไปธุระด้วยเสียหน่อย


                 เค้าไม่อยู่หรอกครับ .. พอดีว่า ผมใช้ให้ไปทำธุระนิดหน่อย

     

     

     

    -----◆◆-------------◆◆-----

     



                 ล่วงเลยข้ามคืนมาได้ไม่นาน เช้ามืดของวันใหม่ที่อยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็ผ่านเลยไปอีก แสงแดดอ่อนๆของเช้าวันใหม่เข้าแทนที่ความมืดทั้งหมดที่เคยปกคลุมบ้านหลังเล็กในเมืองที่ไกลออกไป


                 กลับมายังห้องๆเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำ


                 ความฝันที่แม้แต่ยามหลับก็ยังคะนึงหา .. แม้พบเพียงแต่ความเจ็บปวด


                 แสงสว่างลอดผ่านม่านสีขาวสะอาดตากระทบบนใบหน้ายามหลับของคุณเจ้าของบ้าน ดวงตาบวมช้ำไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้นมาเลยแม้แต่นิด ร่างเล็กนอนขดกายเข้าหากันโดยที่ผ้าห่มผืนใหญ่ได้แต่กองอยู่ข้างๆ ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในฐานะแขกไม่ได้รับเชิญจึงต้องมีมารยาทช่วยดึงผ้าผืนนั้นขึ้นคลุมกายให้คนตัวเล็กกว่า หากแต่การเข้ามาในห้องนอนแบบนี้มันไม่มีมารยาทมากกว่าเป็นไหนๆ ซึ่งเขาไม่ได้คิดสนใจ


                 ไคถอยห่างออกมาอีกก้าวพลางพินิจมองร่างตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง เขาคงช่วยอะไรไม่ได้ หรืออีกอย่าง เขาคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า .. ชายหนุ่มหันหลังกลับเตรียมจะออกไปโดยปล่อยให้อีกคนได้นอนอยู่ในห้องนี้ ทั้งที่ตัวเขาเองจะยังไม่ได้หลับแม้แต่นาทีก็ตาม ใบหน้านิ่งขรึมหันมามองคนข้างหลังอีกรอบก่อนจะย่างก้าวออกไปยังประตู

     

     


                 อย่าไปนะ ...


                 ร่างสูงเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันกลับไปหา ไคหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงของแพคฮยอนเรียกเอาไว้ แต่คนที่เขาคิดว่าเรียกกลับไม่รู้สึกตัว เรียวปากที่ไม่ค่อยมีสีเลือดขยับพูดบางอย่างที่ฟังไม่ค่อยได้ใจความนัก ไคขยับกายเข้าไปใกล้กว่าเดิมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะไม่ค่อยดี


                 คุณ...


                 อย่าไปนะ คุณจะทิ้งผมแบบนี้เหรอชานยอล .. ฮึก คนใจร้ายแพคฮยอนเพ้อออกมาเบาๆทั้งที่ยังหลับอยู่ แต่ครั้งนี้ไคกลับได้ยินชัดเจน ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยกำลังฉายแววลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด


                 “ .. ชานยอล คนโกหกน้ำตาหลายหยดไหลออกมาจากดวงตาช้ำๆผ่านเลยลงไปยังหมอนใบนุ่ม

     

    ไคทำได้เพียงแค่นั่งมองอย่างไม่รู้จะทำยังไง หลายต่อหลายครั้งที่เขาต้องรู้สึกอึดอัดในเวลาที่ต้องมาอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ของผู้ชายคนนี้กับเจ้านายของตัวเอง ชายหนุ่มนั่งชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจได้แล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำ ก่อนที่อีกไม่นานเขาจะรีบกลับออกมาพร้อมกับถาดใส่น้ำและผ้าขนหนูในมือ

     

    มือหนาบรรจงเช็ดเบาๆไปตามผิวแก้มและลำคอ อย่างน้อยๆไอร้อนในกายของแพคฮยอนที่เริ่มมากขึ้นก็จะได้ลดลงไปบ้าง ไคกำลังจะออกไปซื้อยาแต่แล้วเขาก็ต้องล้มเลิกความคิด โทรศัพท์เครื่องสีดำจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด


                 ฮัลโหล .. ขอยาแก้ไข้ อืม รีบๆมาล่ะสั่งการเสร็จก็หันกลับไปหาคนบนเตียงอย่างเดิม และไม่ทันที่ไคจะได้คิดอะไรต่อ มือข้างหนึ่งของแพคฮยอนก็คว้าเข้าที่แขนของเขาอย่างไม่ให้ตั้งตัว แม้จะไม่มีแรงแต่สัมผัสที่ไม่อยากปล่อยของร่างข้างกาย บอกให้ไครู้ว่าเขาไม่ควรดึงมือตัวเองออกมา


                 ฮึก .. อย่าไปเลยนะ อยู่กับผมเหมือนเดิมได้มั้ยเสียงแหบพร่ายังคงพร่ำเพ้อไม่หยุด ใบหน้าขาวซีดขยับไปมากับหมอนที่ใช้หนุน ไคไม่กล้าแม้แต่จะดึงมือตัวเองออกอย่างที่อยากจะทำ เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าเวลาอย่างนี้ควรจะทำอย่างไรดี ปล่อยมือตัวเองออกน่าจะดีที่สุด

     

    .. แต่เรื่องที่ดีที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าควรทำที่สุดเสมอไป

     

     
     

    -----◆◆-------------◆◆-----

     

     


                 สายลมเอื่อยพัดพาเวลาแต่ละวินาทีผ่านไป และผ่านไป จากนาที สู่ชั่วโมง จากหลายชั่วโมง สู่ยามที่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ความเงียบรอบบ้านหลังเล็กพาให้ใจคนที่คงนั่งอยู่ที่เดิมพลอยหงอยเหงาไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้

     

    นัยน์ตาดำสนิทฉายแววห่วงใยร่างที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ยอมตื่น มือข้างที่เกาะกุมมือของเขาไว้ก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น ต่างไปแค่มันคลายออกนิดหน่อยจากหลายชั่วโมงก่อนหน้า และที่กลับกันคือเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่ดึงมือตัวเองออกมาอย่างที่คิดเอาไว้


                 ร่างสูงของไคยังคงนั่งอยู่ข้างแพคฮยอนที่ขอบเตียงตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็เริ่มจะเข้าสู่เวลายามเย็นแล้ว ใบหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มหันมองไปยังถุงยาและแก้วน้ำที่วางเอาไว้บนโต๊ะโดยใครบางคนที่เข้ามาแล้วก็กลับออกไปนานแล้ว น้ำเต็มแก้วยังคงวางอยู่อย่างนั้นเพราะคนที่ควรดื่มมันยังไม่รู้สึกตัวเลย


                 ขี้เซาจริงนะ อยากให้ผมปลุกรึเปล่าเนี่ย ..เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆโดยไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาได้ยินแต่อย่างใด แต่ครั้นพอแพคฮยอนขยับตัวนิดหน่อยเขาก็ต้องรีบปิดปากลงทันที คนที่ยังไม่ลืมตาขยับได้เพียงนิดหน่อยก็นิ่งไป แล้วจู่ๆแพคฮยอนก็ปัดมือที่จับไคไว้ออก ทำให้รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาที่ยังคงบวมช้ำค่อยๆลืมขึ้นก่อนจะกระพริบช้าๆให้มองได้ถนัดตา


                 นาย ...แพคฮยอนดึงมือตัวเองออกมาก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง ความปวดหัวแล่นเข้ามาพร้อมกัน และนั่นทำให้ไคดูออก


                 กินยาเถอะคุณ คุณไม่สบายนะ


                 นาย ยังอยู่อีกเหรอ ทำไม.. นายต้องการอะไรแพคฮยอนไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูดเลย เขากำลังตกใจที่ตื่นมาเจอไคนั่งอยู่ข้างๆมากกว่า


                 เฮ้อ .. จะให้ผมพูดอะไรอีกฮะ เอาเป็นว่าคุณกินยาก่อนดีกว่า เดี๋ยวตายขึ้นมาผมคงช่วยไม่ทันว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปยกเอาน้ำกับยามาให้คนบนเตียงที่กำลังนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่กับสิ่งที่ได้ยิน แพคฮยอนอยากบอกเหลือเกินว่าถ้าจะตาย ก็ปล่อยให้ตายไปเลยอย่าได้สนใจ เพราะยังไงเขาก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว


                 เอ้า กินซะไคยื่นให้แต่แพคฮยอนยังคงไม่หันหน้ามามองเขา ร่างเล็กกำลังกลั้นบางอย่างที่มันกำลังจะไหลออกมาจากดวงตา ในยามตื่นคนเรามักจะยังอ่อนแอกว่าที่ควรเสมอ และเมื่อนึกถึงเรื่องที่ใจยังจดจำ จู่ๆน้ำตาก็พาลจะร่วงหล่นเอาเสียง่ายๆ ไคยืนมองอยู่ครู่หนึ่งและก็อีกครั้งที่เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก


                 แพคฮยอน .. ช่วยรับไว้ทีเถอะ ผมปวดแขนประโยคสั้นๆที่ไม่รู้สถานการณ์ดังแทรกผ่านความเงียบเข้ามา และมันก็ได้ผลอีกตามเคย คราวนี้คนดื้อดึงราวกับเด็กจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกลวกๆ มือบางทั้งสองรับเอาแก้วน้ำกับยาจากไคมากินอย่างรวดเร็ว


                 หึ .. แค่นี้ก็เรียบร้อย สมกับที่อุตส่าห์นั่งเฝ้าหน่อย


                 นั่งเฝ้า..แพคฮยอนทวนประโยคที่ได้ยินพลางขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่า...
    นึกได้จึงมองไปยังนาฬิกาที่หัวเตียง ก่อนจะนึกบางอย่างในหัว เขาเข้ามานอนตั้งแต่เช้ามืด แล้วนี่อะไร เย็นมากแล้วด้วย


                 นาย...


                 อืม คุณหลับตั้งแต่ตอนนั้น มาตื่นเอาก็ป่านนี้


                 แล้วนายอยู่นี่ตลอดเลยเหรอ


                 ใช่ .. คุณตื่นมาเห็นผมยังไง ผมก็อยู่แบบนั้นตั้งแต่เช้าแล้วแหละไคบอกตรงๆไม่มีปิดบัง ไม่ใช่ว่าอยากจะทวงบุญคุณอะไรหรอก เขาเพียงแค่คิดว่าชวนพูดเรื่องอื่นเสียบ้าง บรรยากาศคงจะดีขึ้นกว่านี้


                 งั้นก็แสดงว่านายยังไม่ได้นอนเลยสิ


                 ดูคุณจะตกใจจังนะ .. เรื่องแค่นี้เอง


                 แต่มันนานแล้วนะ ไม่ง่วงรึไง อีกอย่าง ..พอจะพูดว่าคนตรงหน้า แต่ดันเป็นตัวเองเสียเองที่ท้องร้องขึ้นมาเสียดื้อๆ ใบหน้าสีซีดยกยิ้มขึ้นนิดหน่อย และนั่นก็ทำให้คนมองนึกว่ามันน่าดูกว่าเวลาที่ร้องไห้เป็นไหนๆ


                 เอ่อ .. อย่างน้อยฉันก็จะถือว่านายอุตส่าห์มานั่งเฝ้าและหายามาให้ละกันนะ เพราะงั้นฉันจะเลี้ยงข้าวเย็นเป็นการตอบแทนแพคฮยอนบอกเสร็จก็ดันตัวเองขึ้นจากเตียงเตรียมจะก้าวลงมา และพอหยุดลงยืนที่พื้นก็ถูกคนตรงหน้าขยับเข้ามาประชิดตัว


                 จะไปไหน


                 ก็จะไปทำอาหารไง รึนายไม่หิว แต่ฉันว่าฉันหิวไม่แพ้นายนะ


                 ผมรู้ .. แต่คุณไม่สบาย จะไปทำได้ยังไงถึงตรงนี้แล้วแพคฮยอนก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งทำเหมือนกับว่าไคไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร


                 หึ .. เห็นฉันดูขี้โรคมากรึไง จะบอกให้นะ ฉันอึดกว่าที่นายคิด เป็นไข้แค่นี้เดี๋ยวก็หาย เมื่อกี้ก็กินยาแล้วด้วย แค่ทำอาหารน่ะสบายมากในเมื่อไคพูดแล้วแพคฮยอนก็ไม่ฟัง และเอาเข้าจริงเขาก็ใช่ว่าอยากจะขัด เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไหว จึงปล่อยเลยตามเลย แพคฮยอนเดินออกจากห้องมาด้วยความเหนื่อยอ่อน ทันทีที่เขาหันหลังให้ไค ใบหน้าปกติที่ฝืนเอาไว้ก็กลับกลายเป็นหมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด


    ผู้เป็นเจ้าของบ้านตรงไปยังห้องครัวที่เขาไม่ได้สนใจมันมาเสียนาน โดยที่มีใครอีกคนเดินตามหลังไปดูอย่างเงียบๆ ร่างเล็กยกนู่นจับนี่ไปเรื่อยๆ ช้าบ้างเร็วบ้างตามแต่สภาพร่างกายจะอำนวย ขณะเดียวกันคนที่ยืนมองดูห่างๆก็ทำได้แค่มองต่อไปอย่างเดิม

     


                 ในเวลานี้จากที่เขาควรจะสนใจกลิ่นหอมๆของอาหารที่แพคฮยอนกำลังปรุงอยู่ แต่ไคกลับมองภาพตรงหน้าเสียเพลินจนลืมไปเลยว่าตัวเองนั้นก็หิวอยู่ไม่น้อย

     

     

     

     



    ไม่นานนักอาหารเย็นมื้อนี้ที่เป็นมื้อแรกจะคงเป็นมื้อเดียวของวันก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหารขนาดสำหรับสองคน แพคฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของตัวเอง ดวงตาจับจ้องที่เก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามอย่างยากจะคาดเดาความรู้สึก แต่กระนั้นแล้ว คนเป็นแขกที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะก็พอจะเข้าใจได้


                 นั่งลงสิ นายจะยืนกินรึไงสักพักแพคฮยอนก็ตวัดสายตาขึ้นมองคนที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่นั่งเสียที


                 จะให้ผมนั่งลงตรงนี้น่ะเหรอ


                 ใช่น่ะสิ มีเก้าอี้ว่างตัวเดียว นายคงไม่คิดจะนั่งพื้นหรอกใช่มั้ยแพคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆชวนให้ไคอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆ ร่างสูงถอนหายใจแล้วนั่งลงทันที เขาไม่ได้งี่เง่าขนาดที่ไม่รู้หรอกว่าเหลือเก้าอี้แค่ตัวเดียว แต่จะให้พูดอะไรอีกล่ะ ในเมื่อ ..


                 .. มองซะอาลัยอาวรณ์แบบนั้น แล้วจะให้ผมเสียมารยาทนั่งทับรอยคนที่คุณรักลงไปได้ยังไง เฮ้อ


                 ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง จะมีก็เพียงเสียงช้อนจานกระทบกันเบาๆไประหว่างที่ทานอาหารมื้อนี้กันสองคน ไคเงยหน้ามองแพคฮยอนที่ยังคงไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว


                 ไม่อร่อยเหรอแพคฮยอนถามขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงที่คอยหาเรื่อง


                 เปล่าหรอก .. เคยมีใครบอกมั้ย ว่าคุณน่ะ ทำอาหารอร่อยมากเลย


                 มีสิ..ถึงตรงนี้แพคฮยอนก็หลุดยิ้มออกมาก่อนที่มันจะกลายเป็นยิ้มเศร้าๆแทน ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าหมายถึงอะไร ครั้งนี้ไคไม่ได้ตั้งใจอยากจะพูดออกไปให้ต้องนึกถึง เขาก็แค่พูดไปตามที่คิด


                 เอ่อ โทษที ผมหมายถึงคุณทำอร่อยจริงๆ


                 ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยนี่ ขอบใจนะที่ชมแพคฮยอนเองก็พูดจากใจจริง


                 ว่าแต่คุณไหวรึเปล่า ไม่สบายแล้วยังตื่นมาแบบนี้เนี่ย


                 หึ ขืนนอนต่อไปจะไม่ยิ่งแย่เหรอ กินข้าวสิจะได้แข็งแรงก็ถูกอย่างที่บอก ไคจึงไม่ได้ถามอะไรอีก ทั้งสองทานอาหารกันจนอิ่มเรียบร้อย และก่อนที่แขกจะลุกไปจากโต๊ะคุณเจ้าของบ้านก็ต้องเรียกเอาไว้ก่อน


                 นั่งก่อนสิคุณไคแพคฮยอนเอ่ยเสียงเย็น ไคจึงหยุดแล้วทำตามที่บอก ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไรกับเขา


                 นายต้องการอะไรแพคฮยอนยิงคำถามออกไปตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้โง่ขนาดนั้น แม้ว่าจะเคยหมดทางจนยอมคนพวกนี้แล้ว แต่มันก็อดทนต่อไปไม่ไหวหรอกนะ


                 บอกมาดีๆว่านายต้องการอะไร ฉันไม่ได้โง่นะที่จะไม่รู้


                 ใช่ คุณไม่โง่หรอก แต่ถ้าคุณไม่รู้ ....


                 ไม่รู้งั้นเหรอ! ไม่รู้อะไรล่ะ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าคุณชายของนายเค้ามีน้ำใจขนาดไหน หึ .. ส่งแขกถึงที่ยังไม่พอ ยังอุตส่าห์ให้เฝ้าเอาไว้อีก


                 “...........”


                 กลัวว่าฉันจะแฉหรือทำเรื่องให้เขาต้องเสียชื่องั้นสิ


                 “...........”


                 โอเค ว่ามาเลย นายคงกำลังรอจังหวะอยู่สินะ แต่ไม่ต้องรออีกแล้วล่ะ บอกมาเลยว่าเจ้านายของนายเค้าให้งบมาฟาดหัวฉันเท่าไหร่ ..


                 “...........”


                 “ .. มันมากกว่าเงินก้อนนั้นที่เค้าทิ้งไว้ให้ฉันก่อนไปรึเปล่า


                 ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาดั่งหัวใจที่แกว่งไหวยามเมื่อเอ่ยถึง ใบหน้าเอาเรื่องกลับอ่อนลงเหมือนคนกำลังเจ็บปวด แพคฮยอนเม้มปากแน่นในยามที่ต้องฝืนเข้มแข็งเอาไว้ ไคเหนื่อยใจอีกหนกับสิ่งที่กำลังได้ยิน เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะนึกเรื่องแบบนี้ออกมาได้ แต่อย่างว่าล่ะนะ ต้องเจอกับตัวเองคงจะเข้าใจ


                 .. ใช่แล้วแพคฮยอน คุณไม่ได้โง่จริงๆ แต่สุดท้ายแล้วคุณก็เข้าใจไม่ถูกอยู่ดี

                 ดูท่าคุณจะดูละครมากไปนะ


                 “ .. แล้ว ที่พูดไปไม่ถูกรึไง


                 “...........”


                 ฉันถามนายไม่ได้ยินเหรอ


                 อย่าพยายามเดาเลยดีกว่าน่ะคุณว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้คนที่นั่งอยู่ทำอะไรไม่ได้เลยเอาแต่มองตามอย่างรู้สึกไม่ชอบใจนัก

     

     

    -----◆◆-------------◆◆-----

     




              

                 ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป เปลี่ยนยามเย็นให้เข้าสู่ยามค่ำคืน


                 โต๊ะอาหารตัวยาวมุมเดิมในบ้านหลังใหญ่วางเรียงรายไปด้วยอาหารมื้อเย็นชั้นดีโดยสาวใช้ในชุดเรียบร้อย ที่ตอนนี้ต่างยืนเรียงกันเพื่อรอคำสั่งจากเจ้านายในขณะที่รับประทานอาหาร ในเวลานี้ไม่ต่างจากเมื่อเช้าเลยแม้แต่นิด จะไม่เหมือนกันก็แค่ตอนนี้มีเพียงร่างของชายหนุ่มนั่งอยู่เพียงลำพังโดยปราศจากบุพการีทั้งสอง


                 คุณชานยอลจะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะ


                 ไม่ล่ะ ขอบใจ


                 เป็นที่รู้กันดีว่ามื้อเย็นมักจะมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มานั่งอยู่คนเดียว ครอบครัวมักไม่พร้อมหน้าเพราะเวลาที่ไม่ตรงกัน แม้แต่ชานยอลเอง หลายครั้งที่เขาไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านก็ได้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาไม่มีอะไรให้ยุ่งและไม่อยากไปไหน

     

    ชานยอลทำให้บรรยากาศมันนิ่งจนคุณแม่บ้านและสาวใช้ต่างพากันอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณชายของพวกหล่อนเป็นอะไรไป บางทีก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าช่วงนี้ดูเศร้าๆชอบกล ดวงตาคู่นั้นนิ่งสงบเสียจนทุกคนคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ชายหนุ่มตักอาหารขึ้นทานอย่างเชื่องช้าก่อนที่จะหยุดมองโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้ข้างๆราวกับมันมีอะไรให้น่าสนใจในเวลานี้ สักพักเขาก็เบือนหน้าหนีแล้วเอื้อมไปตักอาหารมาไว้ในจานต่อไป แต่ละวินาทีที่ร่างกายขยับ เขารู้ตัวดีกว่ามันเหมือนไร้ชีวิต

     

     

                                                        -----◆◆-------------◆◆-----


     


                 เช้าวันต่อมา แพคฮยอนตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่โล่งกว่าเก่า พิษไข้ที่เขาต้องสู้กับมันได้พ่ายแพ้ไปแล้วเกือบครึ่ง เรื่องอย่างนี้พยอนแพคฮยอนไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว

     

    ร่างเล็กก้าวขาตรงมายังประตูห้องนอน ก่อนที่จะเปิดออกไปพบกับใครอีกคนที่เขายังจำได้ดีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน ก็อีกฝ่ายเล่นบอกว่าไม่คิดจะหลับจะนอน เขาอุตส่าห์จะยกโซฟาในห้องให้ไคก็ไม่ยอม จะเอาผ้าห่มมาให้ก็ไม่เอา ครั้นพอจะไล่ให้ไปก็ไม่ไปอีกเช่นกัน แพคฮยอนคิดว่าเขาเองก็ไม่มีเวลาพอมาเล่นตลกด้วยหรอกนะ


                 ชายหนุ่มยืนมองไปยังคนที่เอนกายบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วต้องถอนหายใจยกใหญ่  แล้วดูสภาพ  ถ้วยกาแฟว่างเปล่าวางไว้ที่โต๊ะข้างกาย แต่คนดื่มนี่สิ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แพคฮยอนไม่รู้หรอกว่าความจริงนั้นไคเพิ่งจะยอมปล่อยให้ตัวเองหลับไปตอนที่กำลังจะเช้าแล้วในก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง


                 “ .. หวังว่าฉันจะไม่ต้องเห็นหน้านายอีกนะ แค่วันนี้แหละไคว่าแล้วก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง แล้วออกมาพร้อมกับผ้าห่มหนึ่งผืน แพคฮยอนกางมันออกแล้ววางเบาๆลงไปบนร่างของไค แต่ผลของการหวังดีกลับตรงกันข้ามจากที่ควรจะเป็น ดวงตาดำสนิทลืมขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะตวัดดึงเอาร่างตรงหน้าเข้ามาล็อคไว้


                 อ๊ะ!!


                 ปืนกระบอกเดิมถูกคว้าไว้ง่ายดายเพียงปลายมือของเจ้าของมัน ใบหน้าคมแนบติดกับพวงแก้มขาวอย่างไม่ได้จงใจ และพอรู้ตัวว่าคนในอ้อมกอดหาใช่ใครอื่นที่จะมาประทุษร้ายตัวเองได้ ไคจึงต้องเป็นฝ่ายตกใจบ้าง


                 คุณ ...เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆเมื่อกลิ่นหอมจากร่างที่กอดเอาไว้นั้นทำให้เขารู้สึกตัวมากขึ้น ไคคลายแรงลงก่อนที่แพคฮยอนจะรีบดันตัวเองออกมาแล้วยืนขึ้น


                 ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ..” ใบหน้าขึ้นสีที่ทั้งตกใจทั้งโกรธจดจ้องลงมายังคนที่นั่งอยู่ไม่วางตา ร่างสูงรีบเก็บปืนในมือลงอย่างรวดเร็วพลางหันข้างให้คนพูดเพียงเพราะไม่อยากสบตาด้วย


                 โทษที .. ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณน่ะ


                 พูดเหมือนมีใครคนอื่นนะแพคฮยอนพูดถูก แต่สำหรับไคแล้วมันไม่ถูกเสมอไป


                 เอาเป็นว่า ผมขอโทษละกัน


                 ช่างเหอะ .. ฉันเข้าใจว่ามันเป็นอาชีพของนาย


                 “............”


                 ถ้าง่วงก็นอนไปซะ เดี๋ยวคุณชายของนายเค้าจะหาว่าแขกคนนี้ไม่มีน้ำใจ ปล่อยให้ลูกน้องของเค้าต้องอดหลับอดนอนมาตั้งสองคืนคนเป็นเจ้าของบ้านเอ่ยกับแขกที่หันหน้ามามองเขาอีกครั้ง คนเจ้าน้ำตาที่ไครู้จักในตอนนี้กำลังเหยียดยิ้มออกมาอย่างไม่คิดจะแยแส 

     

                 แล้วสรุปว่านายจะออกไปจากบ้านฉันได้เมื่อไหร่ ฉันจะเปิดร้านแล้วนะ รีบๆกลับไปเสียทีได้มั้ยแพคฮยอนถามตรงๆ และนั่นยิ่งทำให้ไคอดจะโหวงๆในอกไม่ได้


                 “ .. นั่นสินะ ผมคงรบกวนคุณมาก แต่อย่าห่วงเลย เดี๋ยวผมก็กลับแล้วไคบอกเรียบๆโดยที่คนฟังก็ไม่ได้เคลือบแคลงสงสัยอะไร


                 อ้อ ... เรื่องเปิดร้านคุณน่ะ ถ้าจะมาคอยไล่กันแบบนี้ ผมว่าคุณเอาเวลาไปเตรียมร้านคุณเผื่อวันพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเหรอ


                 นายสอนฉัน ..


                 ฮะฮะ .. คุณนี่ตลกดีจังนะ ผมพูดความจริงยังมาหาว่าสอนไคเปลี่ยนท่าทางแปลกๆของตัวเองมาหัวเราะคนตรงหน้าให้ได้อายเล่นพอเป็นพิธี และแพคฮยอนก็ไม่ชอบเป็นตัวตลกให้ใครดูเสียด้วย

     

     

    ร่างเล็กเดินหนีไคออกไปยังอีกฝั่งของห้องโถงกว้างที่เขาใช้เปิดเป็นหน้าร้าน คุณเจ้าของบ้านเปลี่ยนสถานะมาเป็นคุณเจ้าของร้านทันที จากที่ตอนแรกต้องจำใจทำนู่นเตรียมนี่ไปอย่างเสียไม่ได้ แต่ในตอนนี้แพคฮยอนแทบจะลืมไปแล้วว่ามีใครคนอื่นกำลังอยู่ที่นี่ด้วย เช่นกันกับคนมองที่ก็แทบจะลืมแล้วเหมือนกันว่าตัวเองอยากจะนอนให้เต็มอิ่มเสียหน่อย


                 ไคเปลี่ยนจากนั่งมาเป็นนอนมองแพคฮยอนไปเงียบๆ ภาพที่อีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนดอกไม้ในตู้แช่ ภาพที่คุณเจ้าของร้านกำลังจัดดอกไม้ลงในแจกัน ภาพที่คนตรงหน้าเดินไปเดินมาจนทั่ว ภาพพวกนั้นที่คนๆนี้กำลังทำหน้าที่ได้อย่างชำนาญ

    เขาล้วนชื่นชมจากใจจริง เหมือนแสงสว่างที่ตรงกันข้ามกับอาชีพของพวกเขาเหลือเกิน


                 .. พวกเขาที่ว่า ไม่ใช่จะทำผิดกฎหมาย แต่จะต่างอะไรในเมื่อจิตใจต้องเจอแต่ความมืดมนหม่นหมอง

     

     


                 กลิ่มหอมอ่อนๆ อากาศเย็นๆ ชวนให้เคลิ้มจนชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานความรู้สึกนั้นได้ จึงต้องปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเข้ายึดพื้นที่ในสมองแล้วพาจมสู่ห้วงนิทราในเช้าวันนี้หลังจากที่เขาได้มันมาแล้วแค่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง

     

     

                  แพคฮยอนที่ทำหน้าที่ไปก็ระบายยิ้มออกมากับตัวเองยามที่เดินผ่านบานประตูกระจกใสที่หน้าร้าน เขาพยายามจะยิ้มกว้างๆแล้ว แต่ทำไมมันดูเหมือนร้องไห้มากกว่าล่ะ

                 

     

     

     

     

     


                             

                  แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า แทรกผ่านม่านลายหรูกระทบบนใบหน้าของเจ้าของห้องนอนห้องหนึ่งในบ้านหลังใหญ่       

     

    ยิ่งกว้างขวางเท่าไหร่ ยิ่งไกลห่างจากความอบอุ่นมากเท่านั้น ไม่เหมือนกับห้องเล็กๆในบ้านของใครบางคน ยิ่งเล็กเท่าไหร่ กลับทำให้ใกล้ชิดและอบอุ่นเกินบรรยาย ไออุ่นที่เคยกระชับกอดเอาไว้ในตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ดวงตาทั้งคู่ลืมขึ้นมองเพดานห้องอยู่อย่างนั้น ร่างกายที่นอนนิ่งบนเตียงกว้างไม่ขยับไหวติงไปไหน

     

    กี่วันแล้วนะที่เขาเป็นอย่างนี้ ภายนอกยังคงเย็นเยียบอย่างเก่า แต่หัวใจกลับเหมือนถูกแช่แข็ง ชานยอลหลับตาลงช้าๆขณะที่มือเริ่มจะกำลงบนผ้าปูที่นอน ไม่อยากลุกไปไหน ไม่อยากจะทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกอย่างระหว่างกันยังคงประทับแน่นอยู่ในใจของเขาไม่เคยจางหาย จนถึงภาพสุดท้ายที่เห็น หยดน้ำตามากมายที่ไหลหลั่งพร้อมสายตาตัดพ้อต่อว่า ร่างของคนที่รักสุดหัวใจที่นั่งกองอยู่กับพื้นเพื่อรอตัวเองลงไปหา

     

     

    เรื่องทั้งหมดมันเพราะคนอื่น หรือเพราะฉันไม่มั่นใจกันแน่ ฉันมันขี้ขลาด

     

     

    ทำไมนะ ..

                ทำไมฉัน ทำได้แค่นั้นล่ะแพคฮยอน

     




     

     

    .

    .

    Tbc. Chapter 5

     

     




     

    ก่อนอื่นคือ รูปคุณบอร์ดี้การ์ดคิมจงอิน ใหญ่มากกกกกกกกกกก

     

    บทนี้มาแบบสั้นๆกว่าเดิมนะคะ คิดว่าอาจจะดีก็ได้ถ้าคนอ่านไม่ต้องเจอตัวหนังสือเยอะๆ เดี๋ยวปวดตา (ข้ออ้างอะไรเนี่ย== ) แหะๆ ... ช่วงนี้อาจมาช้าหน่อยนะคะ พลาดที่ดันลงฟิคสองเรื่องควบกันไป เลยเหมือนเวลามันเร่งบอกไม่ถูก ตอนหน้าไม่นานหรอกค่ะจะมาลง ถ้าไม่ก่อนคอนKMWก็หลังจากนั้นแล้วกัน กลับมาลงเลยประมาณนี้ ^^!

     

    เข้าเรื่องตอนนี้นะคะ .. คงไม่ต้องทายกันเนอะว่าใครที่เอายามาให้ไคตอนที่เฝ้าแพคฮยอนอยู่  หือๆๆๆ

    และคิมไคกับนุ้งแบค มันจะเล่นสงครามประสาทกันไปถึงไหน    ----- >  (ได้ข่าวว่าเขียนเอง เซ็ตเอง ==)

    ในตอนนี้แม้ว่าคนเขียนจะไบแอสไคแบค แต่คือคิดถึงชานยอลมากกกกกกก งือออออออ สู้เค้านะคะลูก พระเอกตัวจริงคือหนูน้า ;________;

     

    โอเคค่ะ คนเขียนเรื่องนี้มันบ้า อย่าถือสา ....ฮา    ขอบคุณทุกคอมเมนท์อย่างเคย เจอกันพาร์ทหน้าคร่า ~






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×