คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Make me blind , make me cry. (3) END
[SF] Make me blind , make me cry.
Pairing : Kai x Baekhyun
Rate : PG-13
Author : Gornhai (gorn_dbsk)
- Part 3 -
Ending Part
"ขอบใจมากนะชานยอลที่มาส่ง ที่จริงไม่เห็นต้องลำบากเลย”
แพคฮยอนขอบคุณจากใจจริงเมื่อรถของอีกฝ่ายมาจอดที่หน้าบ้านของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ ให้มาส่งทุกวันยังได้เลย”
“แหม ทำอย่างกับว่าอยู่ไกลนะ ก็ใกล้แค่นี้เอง”
“ถึงไกลก็จะมา” ชานยอลพูดน้ำเสียงเรียบโดยที่สบตากับแพคฮยอนนิ่ง แต่ความหวังดีนี้มันทำให้คนรับรู้สึกอึดอัดมากกว่า
“อืม .. ขอบใจมากแล้วกัน” แพคฮยอนรีบตัดบทโดยการเอื้อมมือจะเปิดประตูรถลงไป แต่พอหันมาแล้วมองเข้าไปในบ้านก็พบเข้ากับรถคันหนึ่งซึ่งเขารู้ว่าเป็นของใครนั้นจอดอยู่ข้างใน ชานยอลมองตามสายตานั่นและรถคนนั้นด้วยความไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“มาทำไมอีกล่ะเย็นป่านนี้”
“เอ่อ เจ้านายฉันเพิ่งกลับจากงานที่เมืองนอกน่ะ สงสัยมีธุระ”แพคฮยอนรีบตัดบทอีกครั้งเพราะไม่อยากจะได้ยินอะไรจากชานยอลอีก เขาหันมายิ้มให้ก่อนจะกล่าวลาแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไป ทิ้งให้ชานยอลได้แต่มองตามก่อนจะจำต้องกลับไป
ทำไมจงอินกลับมาเร็วกว่ากำหนดตั้งสองวันกันนะ ข้อนี้แพคฮยอนก็แค่อยากรู้ ในหัวใจมันทั้งห่วงทั้งคิดถึงจนแทบทนไม่ไหว
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านแต่ก็พบเพียงแค่ความมืด เขาเดินเปิดไฟไปทีละดวงจนสว่างไปหมดแต่ก็ไม่พบจงอิน
“อยู่ไหนของเค้านะ..” แพคฮยอนไม่รอช้าที่จะวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนที่ชั้นบนของบ้าน แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
“คุณจงอิน..”
ห้องนอนถูกเปิดไฟสว่างขึ้นมาทันที จงอินที่ดูจากสภาพแล้วคงเพิ่งมาถึงกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของเตียง ท่าทางนิ่งเฉยอย่างเคย แม้แพคฮยอนจะไม่คิดติดใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจอยู่ลึกๆ เขาเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้แล้วถามไถ่ออกไปอย่างเป็นปกติ
“คุณมานานรึยังครับ แล้วทำไมถึงกลับเร็วจังล่ะ” ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของร่างที่นั่งเงียบๆ จงอินเพียงแค่ปรายตามองคนที่ยืนอยู่ก่อนจะเบือนหน้าหนีเท่านั้นเอง
“คุณจงอิน คุณทานอะไรมารึยังล่ะ”
“ช่างมันเถอะน่ะ”
“คุณยังไม่ตอบเลยนะว่าทำไมกลับมาก่อน งานเรียบร้อยดีเหรอครับ”
“อืม ที่กลับมาก่อนเพราะมีคนให้คิดถึง”
ใครล่ะ .. ถ้าจงอินไม่บอกแล้วแพคฮยอนจะมีทางรู้หรือไม่
แต่ถึงไม่บอกเขาก็รู้ตัวดี แพคฮยอนก้มหน้าลงช้าๆเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานใสของใครอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของจงอิน คุณลูฮานที่จงอินรักมาก แค่ห่างกันก็คงคิดถึงใจจะขาด
“นั่นสินะครับ คุณลูฮานก็คงคิดถึงคุณ” จงอินได้ยินอย่างนั้นก็นึกบางอย่างในใจตามที่คิด เขาอาจเป็นคนไม่ดี แต่แล้วไง ในเมื่อมันจะต้องเป็นอย่างที่เขาต้องการ ปล่อยไปแบบนี้คงจะดีกว่า
“แล้วนายล่ะ คิดถึงฉันรึเปล่า”
“.............” น่าแปลกที่ครั้งนี้แพคฮยอนไม่ต้องการจะตอบอะไรให้จงอินได้รู้ ก็น่าจะรู้แล้วจะถามทำไมกัน เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับฝืนยิ้มออกมา
“นี่แสดงว่าคุณเพิ่งมาถึงแน่ๆเลย งั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมอาหารให้นะ”แพคฮยอนกลบเกลื่อนไปและเมื่อหาทางออกได้จึงรีบก้าวจะออกจากห้อง แต่แล้วเขาก็ต้องหยุด
“ไม่ต้อง ถ้านายเดินออกไปเจอดีแน่” จงอินสั่งแค่ประโยคเดียวการเคลื่อนไหวก็หยุดลงอย่างง่ายดาย ใบหน้างุนงงหันกลับมาช้าๆ ก็แค่น้อยใจทุกทีที่ถูกสั่งราวกับเป็นสิ่งของ
“คุณต้องการอะไรบอกได้นะ ผมจะหามาให้ เผื่อว่ามันจะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น” ถึงตรงนี้คนฟังก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกกับคำกล่าวตัดพ้อของอีกฝ่าย จงอินข่มใจไม่คิดจะสงสาร เขาเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะไม่เอ่ยเรื่องนั้นออกไป ภาพที่เห็นเมื่อครู่ถ้าไม่พูดก็คงไม่ใช่เขาแล้วล่ะ
“หึ .. นี่ถ้าฉันไม่กลับมาก่อนก็คงไม่ได้เห็นนายกับหมอนั่นสินะ”
“หมายความว่าไงคุณจงอิน”
“ก็ที่ให้มันมาส่งไง ฉันไม่อยู่เนี่ยคงมาส่งกันถึงที่เลยล่ะสิ”จงอินลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาแพคฮยอนที่เริ่มจะกลัวอาร
มณ์จึงต้องถอยออกมาบ้าง แต่ก็ยังเชิดหน้าจ้องตาพร้อมอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“ก็ชานยอลเค้าแค่มาส่งผมเท่านั้นเอง เค้ามีน้ำใจแล้วทำไมคุณต้องมาว่าแบบนี้ด้วย คุณตั้งใจจะหาเรื่องอะไรผมอีกล่ะ” แพคฮยอนอธิบายตามความจริง แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้เขาต้องตัดสินใจ ในเมื่อคนตรงหน้าดูจะไม่เชื่อหรือจะคิดยังไงก็ตามที แต่ทุกอย่างมันจะไม่มีอีกแล้ว
แพคฮยอนจะกล้าพอไหมที่จะยุติเรื่องของเขากับจงอิน มันยากแทบขาดใจแต่เขาควรจะทำเพื่อคนที่รักสักครั้งไหมล่ะ ใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้เบนสายตามองลงไปที่พื้นอย่างใช้ความคิด ถ้าเขากับจงอินไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เรื่องพวกนี้ก็จะไม่มีใครรู้ สวรรค์คงเห็นใจให้ลูฮานและจงอินรักกันอย่างเดิมโดยไม่มีทั้งเขาและผู้ชายคนนั้น คนที่ลูฮานกำลังคบและหากจงอินรู้เข้ามันคงจะแย่มากจนแพคฮยอนไม่อยากจะนึกถึงเลยล่ะ
“ว่าไงล่ะ มาส่งกันขนาดนี้ ฉันไม่อยู่คงมีความสุขล่ะสิท่า” ทั้งที่ก็รู้ว่าคนตัวเล็กกว่าไม่เคยคิดอย่างนั้น แต่ปากหนักที่คอยจะตอกย้ำก็ยังจะพูดเสียดสีออกไปอีก
“แล้วไงล่ะครับ ผมผิดมากนักรึไง” แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตากับจงอินที่ยืนอยู่ชิดกัน ร่างสูงไม่นึกเลยว่าคำตอบของอีกฝ่ายจะออกมาเป็นแบบนี้ได้ ..เดี๋ยวนี้กล้ามากไปแล้วนะพยอนแพคฮยอน
“นายมันผิดที่นอกใจเวลาที่ฉันไม่อยู่”
“แล้วทีคุณล่ะ ที่คุณนอกใจคุณลูฮานมันไม่ผิดรึไง”
“พยอนแพคฮยอน!!” จงอินขึ้นเสียงหนักกว่าเดิมเพราะความโกรธกับสิ่งที่ได้ยิน มือหนากระชากเอาเรียวแขนอีกฝ่ายมากำไว้ไม่ยอมปล่อย
“ผมพูดผิดตรงไหน ในเมื่อคุณทำแบบนี้ได้ แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้”
“.............”
“แล้วถ้า ถ้าคุณลูฮาน....” แพคฮยอนอยากจะพูดออกมา แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนทุกอย่างลงไปจนหมด เขาจ้องตาจงอินด้วยจะสื่อความหมายอะไรบางอย่าง แต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางรู้
“ลูฮานทำไม” จงอินเขย่าแขนของแพคฮยอนจนแทบช้ำ
จะให้ตอบเหรอว่าถ้าคุณลูฮานนอกใจเหมือนกันล่ะ จงอินจะทำอย่างไร แพคฮยอนอ้าปากจะพูดหลายรอบแล้วแต่เขาพูดไม่ออกเสียที
“เปล่าครับ ช่างเหอะ”
“เลิกทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ฉันยุ่งได้แล้ว”
“งั้นคุณก็เลิกยุ่งสิ”
“มากไปแล้วนะแพคฮยอน ฉันไม่อยู่แต่ไม่กี่วันนายกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไง”
“โอ๊ยยยย ..ผมเจ็บนะ ปล่อยได้แล้ว” แพคฮยอนร้องขึ้นเมื่อจงอินเพิ่มแรงบีบที่แขนของเขา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพักนี้เป็นอะไร ทำไมความเครียดไม่ว่าจะเรื่องอะไรต้องมาลงที่เขาด้วย
“ไม่ บอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับมัน รู้ทั้งรู้ว่ามันคิดไม่ดีก็ยังจะยุ่งด้วย”
“มันสิทธิ์ของผมนะ”
“งั้นก็พอซะที นายหมดสิทธิ์นั่นตั้งแต่มาเป็นเมียฉันแล้วรู้เอาไว้ซะ!!” ว่าแล้วจงอินก็ดึงร่างของแพคฮยอนเข้ามาประชิดตัว ร่างกายของเขาเริ่มรุกรานคนในอ้อมกอดอย่างไม่แคร์ความรู้สึก
แพคฮยอนคิดว่าน่าจะรู้อยู่แล้วจึงรวบรวมแรงที่มีผลักจงอินออกแล้ววิ่งไปที่ประตูห้อง แต่มันก็สายไปแล้วล่ะเมื่อเขาช้ากว่าเพียงนิดก็ถูกคว้าร่างดันเข้าที่ผนังห้องอย่างแรง จงอินใช้มือสองข้างยันไว้กับผนังเพื่อล็อคไม่ให้คนตรงหน้ามีทางหนีออกไปได้ ใบหน้าคมยื่นมามาจนปลายจมูกชิดกัน
“ปล่อยผมนะ...”
“หึ ตอนแรกก็อยากจะบอกความจริงอยู่หรอกนะว่าคนที่คิดถึงน่ะใคร”
“.............”
“แต่มาตอนนี้แล้ว ต่อให้ฉันคิดถึงนายแค่ไหน ใจของนายมันก็คงไม่รักดีอยู่ดี” สายตาคมเย็นเยือกเสียจนสิ่งที่พูดออกมานั้นมันช่างตรงข้ามกันเหลือเกิน แล้วอย่างนี้จะให้แพคฮยอนควรจะดีใจหรือไม่ ใจดวงน้อยกลัวเหลือเกินว่าจะแพ้ใจตัวเอง ดังเช่นร่างกายที่หวาดกลัวคนตรงหน้าอย่างไม่มีเหตุผล
“คุณมีคุณลูฮานอยู่แล้ว แล้วมาทำแบบนี้กับผมทำไม”
“ผิดที่ฉันคนเดียวงั้นสิ”
“ใช่ ผมมันไม่ดีเอง งั้นคุณเลิกยุ่งกับผมเถอะ เราควรเลิกทำอย่างนี้ คุณควรเลิกยุ่งกับผมถ้าไม่อยากเสียคุณลูฮานไป ... คุณรู้อะไรมั้ย รู้มั้ยว่า....” แพคฮยอนหยุดไว้แค่ตรงนั้น ดวงตากลมมีน้ำใสคลอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาจะต้องทำอย่างไรในเมื่ออยากจะพูดแต่หัวใจมันไม่กล้าพอ
“ทำไม นายจะพูดอะไร” จงอินถามเพราะเริ่มจะสงสัยกับสิ่งที่แพคฮยอนจะบอก แต่คนตรงหน้าของเขากลับยังเงียบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลงลงมาอาบแก้ม
“ก็อย่างที่คุณเข้าใจ .. เรา ฮึก อย่าทำแบบกันเลยดีกว่า” เมื่อถูกตัดรอนกันอย่างนี้อารมณ์ของจงอินก็มาถึงขีดสุด เขาไม่เข้าใจว่าแพคฮยอนเป็นอะไร ทำไมกันนะถึงได้คิดเรื่องอย่างนี้ออกมา ร่างสูงโกรธจนลืมไปแล้วว่าสิ่งที่แพคฮยอนพูดมานั้นมันคือเรื่องจริง แต่ความหวังดีที่มีกลับถูกเขามองข้ามไป จงอินรู้เพียงแค่ว่าตัวเองโกรธและเสียใจมากที่ได้ยินอย่างนี้
พยอนแพคฮยอนจะรู้อะไรล่ะ คิมจงอินคนนี้เป็นอย่างนี้เพราะอะไร เพราะใคร
ความโมโหเสียใจกับสิ่งที่ได้ยิน เมื่อรวมกับภาพที่ได้เห็นเมื่อก่อนหน้านี้แล้วยิ่งทำให้เขาแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถ้าเขาปล่อยมือจากแพคฮยอนไป ถ้าต่อไปผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาแทนที่ ถ้ามันจะต้องเป็นแบบนั้น .. จงอินไม่มีทางยอมง่ายๆแน่
“หึ ... พูดอย่างนี้เพราะอยากไปยุ่งกับมันแทนใช่มั้ย”
“... ผม” แพคฮยอนพูดไม่ออก อยากจะอธิบายอย่างที่ควรแต่เวลานี้เขาควรจะต้องรีบให้จงอินตัดใจ ทั้งที่คิดดีแล้วแต่พอจะโกหกไปมันก็ไม่กล้าพออยู่ดี
“ได้ งั้นฉันจะช่วยย้ำให้อีกทีว่าใครกันแน่ที่นายควรสนใจ ใครกันแน่ที่นายควรมองแค่คนเดียว”
“คุณจงอิน...โอ๊ย”
แพคฮยอนร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อทั้งร่างถูกเหวี่ยงลงไปที่เตียงอย่างแรง ร่างเล็กกระเสือกระสนจะหนีแต่กลับถูกคนที่ทิ้งตัวลงมาคว้าเรียวขาของเขากระชากให้นอนลงไปที่เตียง จงอินดันแพคฮยอนเอาไว้ใต้ร่างไม่ให้หนีไปไหนได้อีก
“อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ แค่อยากเตือนความจำแล้วให้นายไปคิดมาใหม่อีกที”
“ฮึก .. ไม่ ผมเกลียดคุณ คนไม่มีเหตุผล”
“หยุดพูดได้แล้วพยอนแพคฮยอน!!” เสียงทุ้มตะโกนใส่หน้าคนที่นอนร้องไห้เสียใจโดยไม่นึกเลยว่านั่นจะทำให้ใจคนฟังบอบช้ำลงไปแค่ไหน แค่จงอินไม่คิดจะรักแพคฮยอนก็เจ็บมากแล้ว ถ้ายังจะใช้กำลังให้ยิ่งรู้สึกว่าไร้ค่าลงไปอีก มันก็เจ็บยิ่งกว่าเดิม
ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยอารมณ์โทสะก้มลงบดขยี้ริมฝีปากอิ่มที่เขาเท่านั้นที่ควรจะเป็นเจ้าของมันคนเดียว ไม่มีทางที่ผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นจะเข้ามายุ่ง ไม่มีทาง
“อื้อ...” จูบรุนแรงที่ไม่มีความปราณีกำลังดำเนินไปอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ร่างเล็กที่ดิ้นแค่ไหนสุดท้ายแล้วก็ได้แต่จมหายเข้าไปในอ้อมกอดของคนใจร้ายอย่างทุกครั้ง จงอินใช้แรงทั้งหมดบังคับขืนใจแพคฮยอนผู้ไม่มีทางสู้ให้ร่างกายขาวเนียนต้องหลุดออกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ไออุ่นเมื่อร่างกายแนบชิดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งความรู้สึก
แรงดิ้นที่มีไม่เกิดผลเลยสักนิด น้ำตาหลายหยดที่ไหลพรั่งพรูออกมาไม่ได้ทำให้คนใจร้ายหยุดการกระทำลงเลยแม้แต่น้อย แพคฮยอนรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว .. เจ็บไปทั้งหัวใจ
“ฮึก...”
มือบางทั้งสองข้างคว้าเกี่ยวร่างสูงราวกับจะร้องขอความเมตตา แต่ไม่เลย จงอินกำลังถูกม่านของความโกรธและความต้องการบดบังทุกอย่าง มือบางทั้งคู่ถูกมือของเขากดล็อคลงไปกับที่นอนดั่งเช่นเรือนร่างทั้งหมดที่เขาครอบครองมันอย่างถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ร่างสูงเบียดกายเข้าหาและยัดเยียดอารมณ์ใคร่ของตนให้คนใต้ร่างที่ไม่มีทางหนี
แพคฮยอนรู้สึกร้าวรานเสียจนพูดไม่ออก ความอัดอั้นหลายเรื่องในใจมันปะทุสวยทางกันเสียจนเขากำลังสับสน
ตอนนี้จึงมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่รู้สึก คือความเสียใจ
เสียงครางหวานระคนเสียงสะอื้นดังแผ่วไปทั่วทั้งห้องนอนในยามที่บทรักอันแสนเจ็บปวดดำเนินไปโดยที่อีกคนไม่
เต็มใจเลยสักนิด
เวลาอันแสนเจ็บปวดสำหรับคนหนึ่งคนได้ล่วงเลยผ่านไปแล้ว ยามดึกที่เงียบสงัด ภายในห้องนอนห้องเดิมภายหลังจากที่ทุกอย่างได้จบลง มีเพียงร่างสูงที่นั่งบนขอบเตียงข้างกับอีกคนซึ่งยังไม่ได้สติ จงอินนั่งอยู่โดยมีเพียงแค่กางเกงทำงานตัวเดียวที่เกี่ยวท่อนล่างของเขาเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ควันจากปลายมวนบุหรี่ลอยคลุ้งเพียงนิดก่อนจะหายไปเมื่อมือหนาขยี้มันลงไปที่วัตถุบางอย่างบนโต๊ะ
ความรู้สึกทั้งหมดถูกซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าที่แสนนิ่งเฉย เขานั่งมองร่างของแพคฮยอนที่มีผ้าห่มผืนเดียวพาดคลุมไว้ด้วยความรู้สึกผิด ร่างกายขาวเนียนที่เขาหวงแหนกลับต้องมามีรอยแดงเป็นจ้ำเพราะน้ำมือของเขาเอง เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผากมนยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าทรมานแค่ไหนที่ต้องมารองรับอารมณ์ของคนไม่ดีคนนี้
จงอินรู้สึกหัวเสียกับตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่ เขาทำลงไปแล้วสินะ ทำร้ายผู้ชายคนนี้คนที่เขา ..
“เฮ้อ......” เสียงทุ้มถอนหายใจเพราะเกลียดความไม่เอาไหนของตัวเอง
คราบน้ำตาที่เหือดแห้งไปบนแก้มเนียนสะท้อนอยู่ในความรู้สึกของคนมองได้เป็นอย่างดี ร่างสูงโน้มใบหน้าลงแนบริมฝีปากเข้ากับพวงแก้มนุ่มๆนั่นก่อนที่กระซิบเบาๆจะเอ่ยขึ้นข้างหู
“ฉันขอโทษ”
--------------------------------
นับแต่วันนั้นมาแพคฮยอนก็ไม่กล้าจะเข้าใกล้จงอินเท่าไหร่นัก เขาทำได้เพียงแค่มองห่างๆในระหว่างเวลางานที่อยู่ด้วยกันเท่านั้น และที่เป็นอย่างนี้ได้เพราะอีกฝ่ายยอมที่จะไม่ยุ่งด้วยมากกว่า แพคฮยอนเลยไม่ต้องเผชิญหน้าให้เกิดปัญหา ระหว่างคนทั้งสองนั้น เหตุผลกลับต่างกันทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
หลายครั้งที่จงอินเอาแต่แอบมองแพคฮยอนเพราะไม่อยากใกล้ชิดให้ต้องมีอารมณ์ใส่ แต่หารู้ไม่ว่านั่นมันคือความเย็นชาที่แสดงออกมาให้อีกฝ่ายรู้สึกมากกว่า
.. นายมันไม่มีความอดทนเลยนะแพคฮยอน
จงอินคิดอะไรในใจที่พาลโทษแพคฮยอนไปหมด แล้วจะให้แพคฮยอนรู้อะไรล่ะ บางทีจงอินก็ยอมรับว่าตัวเองมันไม่ดีเลยจริงๆ
“พรุ่งนี้ตอนเย็นเจอกันที่ร้านเดิมนะ ลูฮานอยากเลี้ยงข้าวพวกเรา”
ประโยคเดียวที่จงอินบอกเอาไว้ในครั้งที่เจอกันล่าสุดชวนให้แพคฮยอนสงสัย แต่มันก็คงไม่มีอะไร คุณลูฮานที่แสนดีคงแค่อยากเลี้ยงข้าวเขาจริงๆ นึกแล้วก็ต้องหวนนึกถึงในสิ่งที่ลูฮานเคยบอก เคยไว้ใจแพคฮยอนให้ดูแลจงอินมาตลอด แต่สุดท้ายแล้วคนไม่ดีอย่างเขาก็แอบแทงข้างหลังไม่สมกับที่อีกฝ่ายไว้ใจเลยสักนิด
แต่แล้วในตอนนี้กับสิ่งที่ลูฮานทำ มันคืออะไรกันแน่ บางทีแพคฮยอนก็พยายามบอกตัวเองเหมือนกันว่ามันอาจไม่ใช่อย่างที่เห็น คุณลูฮานกับผู้ชายคนนั้นอาจเป็นแค่เพื่อนกันมากกว่า ในเมื่อไม่มีทางเลือกงั้นก็คงต้องถามกันตรงๆ
-----------------------
ร้านอาหารทั่วไปร้านหนึ่งที่ถูกนัดให้มากำลังต้อนรับแขกด้วยโทนสีน้ำตาลอบอุ่นเข้ากับอากาศในช่วงนี้ แพคฮยอนเดินผ่านประตูเข้าไปด้วยอาการประหม่าเพราะครุ่นคิดบางอย่างไม่ตกเสียที
ร่างเล็กเดินตรงไปเข้าไปได้ไม่นานก็พบกับคนทั้งสองที่นั่งรอเขาอยู่แล้ว เก้าอี้เบาะหนังแบบยาวมีจงอินนั่งอยู่ฝั่งหนึ่งและลูฮานที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“แพคฮยอน ทางนี้ๆ” เสียงหวานพร้อมรอยยิ้มร่าเรียกให้เขารีบเดินเข้าไปหา แพคฮยอนยิ้มให้ลูฮานก่อนจะสบตากับคนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
“เอ่อ สวัสดีครับคุณลูฮาน”
“นั่งสิแพคฮยอน” ลูฮานบอกอย่างกระตือรืนร้น ซึ่งคนที่ยืนอยู่กำลังเก้ๆกังๆไม่รู้ว่าควรจะนั่งลงตรงฝั่งไหนดี ครู่เดียวเท่านั้นที่ลูฮานดูออกเลยเอื้อมมือไปดันให้
แพคฮยอนนั่งลงตรงข้ามตัวเอง
“นั่งข้างจงอินนั่นแหละ”
“คะ ครับ” แพคฮยอนรีบพยักหน้าก่อนจะนั่งลงข้างอีกคน เขาเว้นระยะไว้พอสมควรตามมารยาท จงอินไม่ว่าอะไรอย่างเคย แต่แพคฮยอนคงเข้าใจผิดว่ากำลังถูกรังเกียจ
“ทำบ้าอะไรน่ะ อยากตกเก้าอี้รึไง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นกับคนข้างกายต่อหน้าลูฮานที่ได้แต่มอง วงแขนกว้างเอื้อมมาดึงเอาร่างของแพคฮยอนเข้ามานั่งเสียจนชิด
“คุณจงอิน”
“อย่าเรื่องมากน่ะ เห็นมั้ยว่าลูฮานมองอยู่”
จู่ๆรอยยิ้มของคุณลูฮานก็ผุดขึ้นมาอีกรอบ โดยที่จงอินไม่ได้สนใจอะไร ร่างสูงก้มลงจิบไวน์ในแก้วและไม่พูดอะไรอีก และนั่นก็ทำให้แพคฮยอนประหลาดใจ นี่มันอะไรกันนะ สองคนนี้มีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
อะไรบางอย่างที่ว่า ...
“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ลูฮานลุกออกไปแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศแปลกๆและความอัดอั้นที่มีทำให้แพคฮยอนนั่งนิ่งไม่กล้าขยับมากกว่าเก่าเสียอีก จงอินหันมามองคนข้างกายอย่างเหนื่อยใจ
“คุณจงอิน..” แพคฮยอนตั้งตัวไม่ทันเมื่อถูกโอบเข้าไปกอดเอาไว้ สายตาคนทั้งร้านบ้างก็มองมาเป็นธรรมดา
“เหอะน่ะ .. อายรึไง”
“ผม ผม .. คือมัน เดี๋ยวคุณลูฮาน....”
“เลิกพูดคำนี้ซักทีได้มั้ย” เสียงทุ้มตำหนิตรงๆทั้งที่มืออีกข้างก็ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบต่อไปไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอย่างคนในอ้อมกอดเลย
สักนิด แต่หากแพคฮยอนจะเงยหน้าขึ้นมาบ้างเขาก็คงจะสังเกตได้ถึงแววตานิ่งคู่นี้ที่ซ่อนความหนักใจเอาไว้
ในสภาพที่จงอินกอดเขาเอาไว้นั้น แพคฮยอนแอบยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออกอย่างเงียบๆ ทำไมทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ เขาควรสงสารตัวเองหรือคนที่กำลังจะต้องเจ็บช้ำดีล่ะ ถ้าจงอินต้องเจ็บปวดเขาก็คงเจ็บไปด้วย
คุณลูฮานที่แสนดีกำลังจะกลับมา แต่แพคฮยอนไม่แน่ใจนักหรอกว่าสิ่งที่ลูฮานทำนั้นมันถูกหรือผิด หรือว่าลูฮานรู้ว่าเขากับจงอินแอบมีอะไรกัน
แพคฮยอนกำลังเหนื่อยในหัวใจ เขารวบรวมความกล้าและตัดสินใจในสิ่งที่ไม่นึกว่าตัวเองจะกล้า
หลังจากที่ลูฮานกลับเข้ามานั่ง แพคฮยอนกับจงอินก็ผละออกจากกัน คนที่เพิ่งกลับเข้ามาก็ไม่มีท่าทีอะไรแปลกไปนอกเสียจากอาการมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองบ้างบางครั้ง ทั้งสามทานอาหารกันไปได้ไม่นานนักคนที่ครุ่นคิดหนักกว่าใครเพื่อนก็เปิดฉากเรื่องที่ทำให้อาหารมื้อนี้อาจจะไม่อร่อยเสียแล้ว
“คุญลูฮานครับ ผมมีเรื่องจะถาม” แพคฮยอนเอ่ย และนั่นก็ทำให้อีกสองคนมองเขาเป็นตาเดียวกัน
“อื้ม .. อะไรเหรอแพคฮยอน” ลูฮานขมวดคิ้วกับท่าทางจริงจังแบบนั้น แพคฮยอนเหลือบมองจงอินนิดหน่อยพลางนึกว่าพูดกันตรงนี้แหละดีที่สุด
.. ผมขอโทษนะคุณจงอิน
“ผู้ชายที่อยู่กับคุณลูฮานวันนั้น หรือพวกคุณอาจอยู่ด้วยกันบ่อยๆ เค้าเป็นใครเหรอครับ” จบคำถามก็เป็นอย่างที่คิด ลูฮานนิ่งไปราวกับว่าแพคฮยอนถามในสิ่งที่ไม่ควรจะรู้
“เอ่อ ..” ชายหนุ่มอ้ำอึ้งไปถนัดตา พลางมองหน้าจงอิน ขณะที่แพคฮยอนกำลังใจเต้นจู่ๆก็มีบุคคลที่สามปรากฎกายขึ้นที่โต๊ะขอพวกเขา
“คริส!!” ลูฮานหันไปเรียกชื่อคนมาใหม่ ใบหน้าหวานยิ้มกว้างก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงข้างกัน ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยทักทายอีกสองคนที่เหลือ ซึ่งดูเหมือนว่ากับจงอินแล้วทั้งสองอาจรู้จักกันมาก่อน
แพคฮยอนตกใจเมื่อเห็นผู้ชายที่ชื่อคริสคนนี้ เขาจำได้ดีว่าเป็นคนเดียวกันกับที่อยู่กับลูฮาน และคนนี้แหละที่เขากำลังพูดถึง
“นี่เลขาฉันเอง ชื่อแพคฮยอน” จงอินเอ่ย
“หวัดดีครับแพคฮยอน เห็นลูฮานเคยเล่าว่าคุณทั้งเก่งทั้งน่ารัก ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดอีกนะครับ” คริสเอ่ยชมโดยมีลูฮานยิ้มสนันสนุนอยู่ข้างๆ ต่างจากจงอินที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ยกับคำชมของคนตรงหน้า
“ไม่ต้องเวอร์ก็ได้คริส จะน่ารักอะไรกันนักหนา”
“อ้าว .. ฉันชมแค่นี้ไม่ได้รึไง หรือนายว่าไม่น่ารักล่ะ ว่าไงๆ แพคฮยอนน่ารักมั้ย” คริสกระเซ้าเย้าแหย่จงอินให้เริ่มรำคาญ เขาตอบไม่ออกหรอก จะให้บอกรึไงว่า
“น่ารักหรือไม่นั้น ฉันรู้ดี ไม่จำเป็นที่นายต้องมาบอกหรอกน่ะ”
บรรยากาศที่ดูจะไม่ได้แปลกอะไรระหว่างคนเป็นเพื่อนกันนั้น มันทำให้แพคฮยอนแปลกใจมากกว่า สรุปแล้วเขาจะรู้อะไรบ้างไหม จากที่เป็นคนเปิดฉากเรื่องนั้นไปแล้ว พอคริสโผล่มาทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สองคนที่ความสัมพันธ์ยังคลุมเครือสำหรับแพคฮยอนนั้นกลับมีการกระทำระหว่างกันที่บ่งบอกมากกว่าคำพูด คริสกับลูฮานตักอาหารให้กัน ไม่นับกับการหยิบผ้ามาเช็ดปากให้ แล้วไหนจะพูดคุยหัวเราะกระหนุงกระหนิงกันอีก แบบนี้ไม่เรียกว่าแพคฮยอนเข้าใจผิดแล้วล่ะ
แพคฮยอนมองภาพตรงหน้าของสองคนซึ่งกำลังจะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวกันแล้วก่อนจะหันมามองคนข้างกายที่เอาแต่นิ่งไม่พูดอะไร จงอินทานอาหารไปเงียบๆสลับกับจิบไวน์อย่างเก่า ยิ่งทำให้แพคฮยอนอึดอัดใจ จงอินทนอยู่ได้ยังไงกับคนทั้งสอง เขาทนมองอยู่ได้ยังไง ไม่รู้สึกอะไรเหรอ ทำไมปล่อยให้คนรักของตัวเองทำแบบนี้กับผู้ชายคนอื่น
มือบางข้างหนึ่งเอื้อมลงแตะที่หน้าขาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านาย แพคฮยอนสะกิดจงอินเหมือนจะให้รู้ตัวแต่แล้วมือของตัวเองกลับถูกมือหนากำเอาไว้แทน
จงอินไม่ยอมปล่อยทำให้แพคฮยอนต้องหันมามองหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้ปล่อยได้แล้ว เขากระตุกยิ้มร้ายขึ้นมาให้ก่อนจะปล่อยตามที่ต้องการ แพคฮยอนถอนหายใจเพราะกลัวลูฮานจะจับได้ แต่แล้วมือที่ปล่อยกลับเอื้อมมาลูบที่หน้าขาของเขาแทน ร่างเล็กตกใจพลางปัดมือนั้นออกแต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุด จงอินยังคงทำหน้าตาปกติทั้งที่มือด้านล่างกำลังลูบไล้ต้นขาของแพคฮยอนไปมาอย่างพอใจ
ในตอนนี้ทุกคนไม่มีใครเอ่ยอะไรให้ชวนคิดหรือเอะใจกับการกระทำที่ล้วนขัดแย้งกัน มีแต่แพคฮยอนเท่านั้นที่อัดอั้นจนแทบทนไม่ไหว มันไม่ใช่เวลาที่จงอินจะมาทำอย่างนี้กับเขา และมันก็ไม่ใช่เวลาที่จงอินจะนั่งเฉยๆไม่สนใจคนรักของตัวเองที่ยิ้มมีความสุขอยู่กับคนอื่น
ทำไมทุกคนทำแบบนี้ ลูฮานทำแบบนี้ต่อหน้าจงอินได้ยังไง แล้วจงอินยอมแพ้คริสได้ยังไง แพคฮยอนไม่เข้าใจ เขาไม่มีทางเข้าใจจริงๆ .. ไม่มีทาง
เขาไม่ควรยุ่งเรื่องของคนอื่นก็จริง แต่ถ้ามันทำให้จงอินต้องเจ็บ ก็อย่าให้แพคฮยอนไม่คิดแล้วทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นเลย
“เอ่อ ..ผมขอตัวก่อนนะครับ”
จู่ๆแพคฮยอนก็ลุกพรวดขึ้นทำเอาทุกคนแปลกใจ ใบหน้าซีดเผือดบอกให้รู้ว่ากำลังอึดอัดเต็มที แพคฮยอนไม่รอให้ใครอนุญาต และถ้าจะหาว่าเขาเสียมารยาทก็ไม่ว่ากัน ร่างเล็กไม่รอช้าลุกออกจากโต๊ะแล้ววิ่งออกนอกร้านไปในทันที
ลูฮานกับคริสเรียกเอาไว้ไม่ทัน ทั้งสองเลยกันมามองหน้าอีกคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“เฉยอยู่ทำไมเล่าจงอิน นายไม่เห็นเหรอว่าแพคฮยอนวิ่งออกไปแล้วน่ะ ร้องไห้ด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้” ลูฮานมีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจโดยมีคริสเอ่ยสมทบตามมา
“เมื่อกี้ก็ทำมานั่งหน้านิ่งตาขวางหวงก้างอยู่ได้ แล้วตอนนี้มาทำหน้าหมดอาลัยตายอยากทำไมวะ คิดว่าดูดีนักรึไง”
จงอินไม่ตอบอะไรนอกจากยกไวน์ทั้งแก้วซดจนหมด
“ที่แพคฮยอนถามฉันแบบนั้นแสดงว่านายไม่ได้เล่าอะไรใช่มั้ย แล้วไม่นึกเหรอว่าแพคฮยอนจะรู้สึกยังไง”
“ใช่ ดูท่าว่าคนของนายจะคิดทุกอย่างคนเดียวจนนอนไม่หลับแล้ว ..ฉันล่ะสงสารเค้าจริงๆว่ะ อยากทำอะไรก็ตามใจเหอะวะจงอิน”
ใช่ว่าคนฟังจะไม่รู้จักคิดตาม แต่เขาคิดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้วน่ะสิ
“ฉันมันไม่ดีเอง .. ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องยุ่งมากก็ได้”
ว่าแล้วทั้งร่างก็หุนหันวิ่งออกตามอีกคนไปแทบจะในทันที ลูฮานและคริสมองตามด้วยสายตาเหนื่อยใจ
“จงอินกับฉันตั้งใจว่าที่ชวนมาวันนี้เพราะจะบอกทุกอย่างให้แพคฮยอนรู้ เราเลยชวนนายมาด้วยไงคริส แต่ไม่นึกเลยว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไร เรื่องมันก็ยุ่งไปกันใหญ่แบบนี้” ลูฮานบอก ใบหน้าหวานฉายแววเป็นห่วงเสียจนคนข้างกายต้องเอ่ยขึ้นมา
“จงอินมันผิดเองนะที่นั่งอมพะนำอยู่ตั้งนาน .. แต่อย่าห่วงเลย มันคงไม่ปล่อยให้หมาน้อยตัวนั้นหนีออกไปจากกรงของมันหรอก”
“แต่แพคฮยอนจะเข้าใจมั้ยล่ะ” ลูฮานยังคงไม่สบายใจ เขารู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนทำให้เรื่องมันไม่เคลียร์ตั้งแต่แรก ถึงทั้งหมดมันขึ้นอยู่ที่จงอินก็ตามที
“คู่หมั้นคุณซะอย่างน่ะลูฮาน” คริสเอ่ยสั้นๆทีเล่นทีจริง แต่นั่นกลับทำให้ลูฮานหันกลับมาสนใจเขาแทน
“พูดอะไรน่ะ ก็รู้แล้วนี่ว่าเรากำลังพยายาม นายจะมาพูดคำว่าคู่หมั้นทำไม”
“ผมก็แค่...”
“พอเลยคริส ถ้ายังอยากให้เราหมั้นกันอย่างเดิมฉันจะบอกจงอินว่าไม่ต้องพยายามขอร้องและอธิบายให้พ่อกับแม่เชื่อก็ได้ จะได้ไม่ต้องเครียดจนยิ้มไม่ออกกันแบบนี้” ลูฮานชักทนไม่ได้แล้วกับการที่อีกฝ่ายชอบเอ่ยเหลือเกินกับคำว่าคู่หมั้น ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งแทบจะในทันที เขาหันหน้าหนีคนข้างกายอย่างหมดความอดทน แต่มีหรือที่คริสจะยอมให้งอนอยู่อย่างนั้น
ร่างสูงระบายยิ้มขึ้นมากับตัวเองก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเอื้อมมากุมมือของลูฮานเอาไว้พลางบีบเบาๆให้รู้สึก
ถึงความมั่นคง เขารู้ว่าถึงลูฮานจะไม่ได้หันมาเพราะกำลังโกรธ แต่เขาก็มั่นใจว่าคนดีของเขากำลังยิ้มอยู่ในใจเช่นกัน
----------------------
ทางด้านคนที่วิ่งหนีออกมาในตอนแรกนั้น ตอนนี้ก็แทบจะหมดแรงแล้ว แพคฮยอนหยุดยืนอยู่ข้างทางที่มองเห็นรถผ่านไปมาหลังจากวิ่งผ่านลมเย็นๆในยามพลบค่ำออกมาจากร้าน เขาไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมที่เดินไปต่อไม่ถูกหรอก รู้แค่ว่าน้ำตากำลังไหลออกมาไม่หยุด พยายามตั้งสติก็แล้ว อย่างมากก็แค่บอกตัวเองได้ทั้งที่ร้องไห้เงียบๆ
“พอแล้วแพคฮยอน.. เค้าจะเป็นยังไงนายก็หยุดได้แล้ว”
เขากำลังให้เวลาตัวเองเพื่อความเข้มแข็งที่ต่อไปมันคงจะเดินเข้ามาในชีวิต สองขาที่หยุดนิ่งเริ่มจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่แล้วเพราะความอ่อนแอหรือเพราะอะไรก็ตามทีก็ทำให้ต้องหยุดเดินลงเพราะเสียงคุ้นหู
“หยุดเดินได้แล้ว”
เสียงทุ้มของคนที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนักตะโกนสั่งให้ต้องทำตาม แต่นั่นมันไม่เสมอไป คนที่หยุดเดินนิ่งไปก่อนจะตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าอย่างเดิม
“ฉันสั่งให้หยุดไม่ได้ยินรึไง พยอนแพคฮยอน!” จงอินตะโกนสั่งอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่ได้ทำตามที่เขาพูดเลยสักนิด ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่โกรธ แต่หัวใจมันเขาเริ่มกระตุกที่เห็นว่าอีกคนกำลังเดินหนี
แพคฮยอนอยากหันกลับไปหา อยากยิ้มให้อย่างเก่า อยากถูกกอดเอาไว้ถึงแม้ว่าได้แค่ร่างกายก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แต่มันจบแล้วเมื่อเขาเลือกเองทั้งหมด
“โอ๊ย...” เรียวแขนทั้งคู่ถูกรั้งเอาไว้ให้หันกลับไปเผชิญหน้ากัน จงอินจ้องตาแพคฮยอนอย่างจริงจังอย่างไม่คิดจะปล่อย
“อย่าเดินหนีแบบนี้อีกนะ ..ขอร้อง”
จงอินจ้องมองใบหน้าอาบน้ำตานั้นด้วยความรู้สึกผิด แต่เขาก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะยอมให้อีกฝ่ายเดินจากกันไป สำหรับแพคฮยอนแล้วมันช้างต่างไปจากทุกทีจนเขาพูดไม่ออก เสียงทุ้มที่อ่อนลงนั่นมันหมายความว่ายังไง
ทั้งสองสบตากันนิ่งและเนิ่นนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต่างคิดอะไรกัน
แล้วคนตัวเล็กจึงเป็นฝ่ายหลบตาไปอีกทาง
“คุณพูดอะไรน่ะ ขอร้องงั้นเหรอ คำสั่งนี้ผมต้องทำตามอีกมั้ย” แพคฮยอนก้มหน้าตัดพ้อพลางน้ำตาร่วงอีกครั้ง ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้มแข็ง แต่ดูตอนนี้สิ
“อย่าร้องไห้อีก .. เข้าใจรึเปล่า”
“นี่คุณก็สั่ง”
“ก็แล้วแต่จะคิด คนปากแข็งคนนี้ผิดเองที่พูดดีๆไม่เป็น”
จงอินหมดท่าแล้ว เขาเหมือนคนทำอะไรไม่ได้นอกจากรั้งร่างตรงหน้าเข้ามากอด แต่แล้วก็ถูกดันออกอย่างไม่ต้องการ
“พอเถอะครับ อย่าทำอะไรที่ผมไม่เข้าใจไปมากกว่านี้เลย”
“...........”
“คุณทำได้ยังไง ปล่อยให้คุณลูฮานทำแบบนั้นได้ยังไงกัน คู่หมั้นคุณทั้งคนแล้วทำไมถึงปล่อยให้เขา ...อื้อ” พูดได้แค่นั้นเรียวปากอิ่มก็ถูกปิดลงด้วยจุมพิตที่ร่างสูงมอบให้
ทุกอย่างช่างแสนสับสนวุ่นวายทั้งที่มันไม่ได้มีปมอะไรมากเลยนอกจากความรักที่ยังไม่ลงตัว
แสงไฟจากรถที่วิ่งผ่านไปมาสะท้อนเข้ากับร่างของทั้งสอง รสจูบในยามค่ำคืนไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับเมืองใหญ่ที่ไม่หลับใหล เมฆกลุ่มใหญ่เคลื่อนออกจากกันเปิดทางให้แสงจันทร์ส่องลงมาสว่างแข่งกับแสงไฟหลอดเล็กใหญ่บนพื้นโลก
จุมพิตที่เนิ่นนานเหมือนจะเชื่อมความรู้สึกของพวกเขาเอาไว้ให้ใกล้กันกว่าเดิม ความนุ่มนวลอ่อนหวานที่ริมฝีปากกำลังมลายหายไปเพียงเพราะคนที่มอบจูบให้ต้องกลั้นใจถอนมันออก
“เลิกห่วงฉันได้แล้ว ไม่ต้องรักมากขนาดนั้นก็ได้” จงอินยิ่งรู้ว่าแพคฮยอนรักตัวเองเท่าไหร่เขาก็ยิ่งละอายใจมากเท่านั้น
“ไม่รู้จะตอบที่นายสงสัยยังไงดี เพราะงั้นก็ฟังเรื่องที่คิดว่าอยากจะบอกก็แล้วกัน” จงอินยกนิ้วขึ้นเกลี่ยน้ำตาพวกนี้ออกไปจากใบหน้าของคนที่เขาแสนจะหวงแหน แพคฮยอนไม่พูดอะไรนอกจากตั้งใจฟัง ใจดวงน้อยอ่อนให้อีกครั้งแล้วสิ
“ฉันมันไม่ดีที่ชอบทำให้นายร้องไห้ ชอบให้เป็นของฉันแค่คนเดียว ไม่อยากให้ใครมายุ่ง....”
“...........”
“รู้มั้ยว่าฉันนอนไม่หลับเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน วันเกิดที่ฉลองกับพวกลูฮานนั้นกว่าจะปลีกตัวมาหานายได้ก็เล่นเอาแทบแย่
โทรศัพท์มือถือที่ลูฮานเอามาคืนวั้นนั้นก็เป็นเพราะว่าฉันรีบจนลืม รีบมาหานายถึงขนาดที่ลืมของสำคัญแบบนั้นไปได้ .. ไม่เข้าท่าเลยเนอะว่ามั้ย”
แพคฮยอนอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ วันนั้นที่จงอินลืมโทรศัพท์มือถือก็เพราะเขาอย่างนั้นหรอกหรือ
.. ถึงจะดีใจแต่ก็ยังไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ดี
“คุณจงอิน ..”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ฟังอย่างเดียวแล้วนายจะว่ายังไงก็แล้วแต่”
“แล้วแต่งั้นเหรอ แล้วแต่ผมทั้งที่ทุกอย่างที่ผ่านมาคุณคนเดียวที่เป็นคนกำหนดแล้วจะมาแล้วแต่ผมได้ยังไง”
“แพคฮยอน ฟังฉันก่อน”
“ผมไม่ฟัง คุณมันใจร้าย บอกว่าวันนั้นรีบมาหา แล้วไงล่ะ แค่วันนั้นที่คุณอยากมาก็มา แต่วันที่คุณอยากอารมณ์เสียใส่คุณก็ทำ อยากเฉยใส่ก็เฉย รู้มั้ยว่ามันทำให้ผม ... ฮึก” เอาอีกแล้ว พยอนแพคฮยอนที่ถนัดนักกับการโทษตัวเองกำลังร้องไห้ออกมาต่อหน้าคิมจงอินอีกแล้ว ใบหน้าคมกลั้นใจเอ่ยให้จบทั้งที่เขาหวั่นไหวไม่น้อยกับน้ำตาพวกนี้
“ฉันเครียดกับเรื่องถอนหมั้นลูฮาน”
“.......”แพคฮยอนอึ้งไปกับสิ่งที่ไม่นึกว่าจะได้ยิน
“พวกเรากำลังคิดจัดการเรื่องนี้กับผู้ใหญ่อยู่ ตอนนี้มันยังไม่เคลียร์เสียด้วย และนั่นก็ยิ่งทำให้ฉันคิดมากไปใหญ่
นอกจากฉันแล้วลูฮานก็คิดมากเหมือนกัน แล้วก็ไม่นึกว่านายจะเข้าใจว่าคริสกับลูฮานคบกันอยู่”
“ผมเข้าใจผิดงั้นสิ”
“เปล่าหรอก มันถูกนั่นแหละลูฮานถึงตอบไม่ออก เจ้าตัวก็อยากจะตอบหรอกนะแต่รู้ว่าถ้าฉันไม่ได้บอกก็ไม่กล้าจะพูดไป งานนี้ลูฮานก็เลยต้องคิดเรื่องของเราไปด้วยทั้งที่เรื่องตัวเองก็ไม่ต่างกัน”
คำว่าเรื่องของเราที่จงอินเอ่ยออกมาทำให้แพคฮยอนต้องค้างคาใจไปอีก
“อย่าทำหน้าแบบนี้ได้มั้ย ที่พูดไปไม่เข้าใจรึไง” ร่างสูงเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา เขาพูดขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายยังเงียบอยู่มันหมายความว่ายังไงล่ะ
“ผมเข้าใจ แต่มันไม่หมด”
“ว่าไงนะ”
“ก็ผมไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วมีอะไรเปลี่ยนไป ผมก็ยังคงเป็นของเล่นของคุณเหมือนเดิมใช่มั้ย”
“ถ้าฉันจะบอกว่าไม่”
“แล้วทำไมไม่บอกอะไรผมล่ะ คุณจริงจังกับผมแค่ไหน ..หรือแค่ล้อเล่น”แพคฮยอนรู้สึกว่าหัวใจที่เริ่มจะพองโตกำลังเหี่ยวเฉาลงและพร้อมจะดิ่งลงสู่ที่เดิมแล้วในตอนนี้ จะให้เข้าข้างตัวเองแค่เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังเล่างั้นเหรอ แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ จะเจ็บซ้ำสองอีกใช่ไหม
“ที่ไม่อยากบอก เพราะอยากทุกอย่างให้มันเรียบร้อยดีก่อน”
“คุณเลยทำกับผมแบบวันนั้นใช่มั้ย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น .. เรื่องวันนั้นฉันผิดเองแพคฮยอน ฉันทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นนายไปยุ่งกับใครนอกจากฉัน แล้วมีอะไรรับประกันล่ะว่านายจะไม่มีทางสนใจหมอนั่น ในเมื่อมันให้นายได้ทั้งหมด แต่ฉันกลับให้นายได้แค่เป็นตัวสำรอง หลบๆซ่อนๆ”
“คุณ .. ว่าผมเห็นแก่ได้”
“ไม่ใช่นะ”
“คุณคิดว่าหัวใจของผมยกให้ใครได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง ถ้าผมจะรักเค้าหรือใครคนอื่นผมทำไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้ตัวเองทำเรื่องเลวๆเพราะแอบคบกับแฟนคนอื่นหรอก ที่สำคัญ ผมคงไม่ปล่อยให้หัวใจตัวเองเจ็บเพราะถูกคุณย่ำยีไม่มีชิ้นดีแบบนี้ ..”
“...............”
“ผมน่ะ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะรักคุณหรอกนะ แต่มันแก้ไม่ได้แล้ว ผมเลิกรักคุณไม่ได้แล้วเข้าใจรึเปล่าจงอิน”
แพคฮยอนพูดออกมาทั้งน้ำตา เขาผลักจงอินออกให้ยืนห่างจากกันแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น
“ฉันก็เลิกยุ่งกับนายไม่ได้เหมือนกัน”
“ฉันขอโทษ”
ประโยคเดียวที่แพคฮยอนไม่เคยได้ยินกำลังหลุดออกมาจากปากของผู้ชายที่ยอมรับว่าตัวเองปากแข็ง จงอินไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาอีกแล้ว เขามันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ เพราะงั้นจึงต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่พูดก็ต้องพูด นอกเสียจากว่าจะยอมรับได้หากต้องเสียแพคฮยอนไป
“ฉันชอบทำให้นายร้องไห้ ทำให้นายลุ่มหลงจนหนีไปไหนไม่ได้ แต่รู้อะไรมั้ย จริงๆแล้วนายต่างหากที่ทำให้ฉันเป็นบ้า คนที่ไม่เคยแคร์ใครมากมายกำลังเจ็บเจียนตายเวลาที่นึกว่าจะต้องเสียนายไป”
“....................”
“ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ทำลงไป ขอโทษที่ทำให้นายเปลืองคำว่ารักที่บอกฉันซ้ำๆทั้งที่ฉันไม่เคยให้นายได้”
“....................”
“แพคฮยอน ฉัน........”
จู่ๆเสียงพลุลูกใหญ่ที่สว่างวาบบนท้องฟ้าก็ดังขึ้นกลบเสียงพูดของจงอินไปจนหมด ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเงยขึ้นดูพลุหลายลูกที่แข่งกันโชว์ความงดงามบนท้องฟ้ากว้างในยามค่ำคืน จงอินลอบถอนหายใจกับตัวเอง ไม่เข้าใจว่าวันนี้มันวันอะไรถึงได้มีพลุบ้าบอพวกนี้มาขัดจังหวะเขาได้
เขาหยุดมองพวกมันแล้วหันมาจ้องคนตรงหน้าแทน หยาดน้ำตาบนแก้มเนียนสะท้อนกับแสงของพลุบนฟ้า รอยยิ้มบางๆที่ได้เห็นทำให้จงอินหวนนึกถึงเมื่อครั้งที่เคยนั่งดูพลุด้วยกัน เขารู้ว่าแพคฮยอนมักจะตื่นตาตื่นใจกับเรื่องแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่รอยยิ้มในครั้งนี้ต่างไปจากในครั้งนั้น
ยิ้มเศร้าๆพร้อมกับน้ำตาอาบแก้ม
..ขอร้อง ฉันไม่ได้อยากเห็นน้ำตาพวกนี้นักหรอก
สักพักคนถูกมองก็เริ่มรู้สึกตัว แพคฮยอนมองหน้าจงอินพร้อมกับนึกได้กับสิ่งที่ค้างคาใจอยู่
“เมื่อกี้นี้คุณบอกว่าอะไรนะ”
“ ... อ้าว ไม่ได้ยินรึไงล่ะ” จงอินเฉไฉไปทั้งที่ก็รู้ว่าแพคฮยอนอาจจะไม่ได้ยิน
“ก็เสียงพลุดังขนาดนี้แล้วจะให้ได้ยินอะไรล่ะ”
“ไม่ได้ยินแล้วอ่านปากไม่ออกรึไง” จงอินคนเดิมเริ่มกลับมาอีกครั้งแล้วสิ แต่หากเวลานี้คนที่เหนือกว่าคงไม่ใช่เจ้าตัวอย่างเคย
“ก็ออกนะ .. แต่ไม่แน่ใจ เกิดเข้าใจผิดมาคงแย่”
แพคฮยอนตีสีหน้าให้เหมือนอย่างที่กำลังพูด แต่มีหรือจงอินจะเถียงออก งานนี้เขาจะยอมสักครั้งก็แล้วกัน แต่รับรองว่าเอาคืนแน่
“ฉันรัก............”
ให้ตายสิ คิมจงอินโชคไม่ดีหรืออย่างไรที่เสียงพลุซึ่งเงียบไปสักพักจะดังขึ้นมากลบเสียงของเขาอีกรอบ
“ว่าไงนะ ไม่ได้ยินเลย!!” แพคฮยอนตะโกนแข่งกับเสียงพลุที่ยังดังอยู่ และนั่นก็ทำให้คนตรงหน้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีก เห็นทีจะต้องตะโกนแข่งกับเสียงพวกนี้เสียแล้วสิ
“ฉันรักนาย ฉันรักนาย ... ได้ยินมั้ยพยอนแพคฮยอน !!!!”
ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรือไม่ในเมื่อจงอินกำลังตะโกนเสียงดังในช่วงที่ดันไม่มีเสียงพลุเสียนี่ คนแถวนั้นที่ผ่านไปมาหันมามองอย่างอยากรู้อยากเห็น มันทำให้เขาเริ่มจะอายอย่างบอกไม่ถูก
เวลานีคิมจงอินที่มีแต่มาดนิ่งกำลังหมดท่าให้กับผู้ชายตัวเล็กๆอย่างพยอนแพคฮยอนเสียแล้ว
“หัวเราะอะไร”
“เปล่า .. ผมก็แค่ยิ้มให้คุณเฉยๆ”
.. หึ หน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่เลย แล้วยังทำมาเก่งอีกนะแพคฮยอน
“แล้วได้ยินรึยังล่ะ หรือยังหูหนวกอยู่อีก”
แพคฮยอนไม่ตอบ เขาเอาแต่ยิ้มจนคนพูดเริ่มจะทนไม่ไหว จงอินปล่อยให้คนตรงหน้ายิ้มอย่างเหนือกว่าได้ไม่นานก็นึกว่าไม่ควรจะรอเวลาอีกแล้ว เขาขอเอาคืนตอนนี้เลยแล้วกัน ร่างสูงถือโอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเข้าประชิดร่างแล้วรั้งให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“อ๊ะ ..คุณจงอิน”
ใบหน้าคมแนบอยู่กับเรือนผมนุ่มที่เจ้าของมันดิ้นหนีไปไหนไม่รอดอีกแล้ว กระซิบที่ใบหูดังขึ้นอย่างชัดเจน
“ฉันรักนาย”
“..............”
“ได้ยินชัดรึยัง .. ถ้ายังไม่ได้ยิน คืนนี้ก็ทนฟังหน่อยแล้วกันนะ จะบอกซ้ำๆให้ฟังจนถึงเช้าเลยล่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็หน้าแดงไปถึงหูแล้ว อ้อมแขนแกร่งของจงอินกอดแพคฮยอนเอาไว้แน่น
เสียงพลุบนฟ้าดังขึ้นมาอีกชุดจนแพคฮยอนไม่ได้ยินอะไรอีก แต่ต่อให้มันดังแค่ไหนในหัวของเขาก็ได้ยินแต่ประโยคสั้นๆที่ไม่นึกว่าชีวิตนี้จะมีทางได้ยิน
"ผมก็รักคุณ"
มันคือเรื่องจริงใช่ไหม หรือแค่ความฝัน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้แพคฮยอนจะเชื่อได้ใช่ไหม
จงอินตอบคำถามในใจของแพคฮยอนผ่านทางจุมพิตอันแสนหวาน เพื่อย้ำให้รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่แค่ความฝัน
พลุสวยงามยังคงแข่งกันสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า ราวกับเป็นพยานว่ารักครั้งนี้ไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป
.
.
The End : Make me blind , make me cry.[ Kai ♥ Baekhyun ]
เช้านี้มันช่างไม่น่าสดใสเท่าไหร่นักกับการที่คนข้างกายที่นอนกอดกันมาทั้งคืนจะต้องลงไปรับแขกที่มารยาทดีมาหาแต่เช้า ถึงมันจะเป็นวันหยุดก็ตามที จงอินครุ่นคิดเรื่องถอนหมั้นที่เขายังจัดการมันไม่เสร็จอย่างเคย แต่น่าแปลกที่มันไม่ได้ทำให้เขาเครียดหนักอย่างแต่ก่อน เพราะอีกไม่นานมันก็จะจบลงด้วยดี ที่สำคัญคนที่แคร์ที่สุดในตอนนี้ก็ ...นึกแล้วมันก็ทำให้ยิ้มออกอย่างไม่น่าเชื่อ
ร่างสูงถอนหายใจพลางหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะลงไปหาเจ้าของบ้านซึ่งป่านนี้คงกำลังนั่งทำหน้าน่ารักรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ชั้นล่างแน่ๆ
“อาทิตย์หน้าไม่ว่างหรอกชานยอล พอดีว่าติดงานน่ะ วันหลังได้รึเปล่า”
“อะไรกัน เจ้านายอีกแล้วรึไง”
คุณชายสุดหล่อที่มีตำแหน่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนกำลังนั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินคำปฎิเสธของคนตรงหน้า แพคฮยอนยิ้มแห้งๆมาให้ขณะที่นั่งอยู่ตรงข้าม
เขาไม่ใช่คนที่จะนึกรำคาญอีกฝ่ายหรอก ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดไปนานแล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเสียจริง ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร รถที่จอดหน้าบ้านก็รู้อยู่ว่าของใคร มันชัดเจนขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกตอแยอีก
แน่นอน แพคฮยอนก็แค่เกรงใจเพราะจำเป็นต้องขอเลื่อนนัด
“เฮ้อ ... ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยนะว่าเจ้านายของนายมันมีอะไรดีนักหนา”ชานยอลเอ่ยขึ้นมา และนั่นก็ทำให้แพคฮยอนเริ่มจะอึดอัดและทำหน้าไม่ถูก ร่างเล็กนั่งกุมมือตัวเองราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ความสัมพันธ์ของเขากับเจ้านาย ซึ่งอันที่จริงแล้วชานยอลก็รู้ดีแก่ใจ จงอินเองก็รู้เหมือนกันว่าชานยอลคิดอะไร
จะมีก็แต่แพคฮยอนนั่นแหละที่ยังเอาแต่รักษาน้ำใจกันอยู่อย่างนี้
“สวัสดี วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ” จงอินที่เดินลงบันไดมาเอ่ยทักทายชานยอลก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างกับแพคฮยอน
“สวัสดี ผมมาหาแพคฮยอน”
“ครับ ผมรู้”
จงอินยิ้มให้ แต่แค่ประโยคสั้นๆธรรมดามันกลับทำให้คนฟังเหมือนถูกหักหน้า แพคฮยอนมองสองคนอย่างลำบากใจ เพราะเขาเข้าใจว่าคงไม่ชอบหน้ากันเท่าไหร่
“ได้ข่าวว่าคุณจะชวนแพคฮยอนไปเที่ยวเหรอ”
“อืม .. ทำไมเหรอ คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีหรอก”
จงอินเป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาโอบกระชับเอวของแพคฮยอนเอาไว้ให้ชานยอลต้องจ้องอย่างแทบทนไม่ไหว คนตัวเล็กพยามดันตัวเองออกเบาๆแต่ก็ถูกกอดเอาไว้เสียแน่น ส่วนอีกคนน่ะเหรอ ก็ยังคงได้แต่มองตาร้อนจนเก็บอาการไม่อยู่
“ก็แค่อยากจะบอกว่าเห็นทีจะไม่ได้ ...”
จงอินพูดจบก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา ที่คิดว่าน่าจะทำให้เข้าใจกันง่ายที่สุด
“เพราะนอกจากผมแล้ว ..ผมไม่อนุญาตให้เมียตัวเองไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะคุณ”
.
.
FIN !!!!!!!!!!!!!!!!
:::::
จบแล้วคร่า ^[]^
เป็นอย่างไรกันบ้างน้อ แอบดีใจที่ยังมีคนอ่านนะคะ
หลายคนคงคิดว่าไรท์เตอร์คนนี้มันเป็นอะไร อย่างไร แบบไหน
เมนพยอนแพคค่ะ (แบคลูกเรื่องนี้ใช่มันเหรอ?) ...ฮา
อย่างที่เคยออกตัวไปแล้วว่าชอบชานแบคด้วย เพราะงั้นตอนจบเรื่องก็ขำๆนะคะ
ไม่ได้ตั้งใจแซะอะไร ....^^
พูดถึงฟิคเรื่องนี้ ที่เคยบอกว่าเป็นฟิครี อยากรู้ใช่ป่ะคะว่าคู่ไหน
เฉลยว่าคิบอมซองมินค่ะ บทของชานยอลก็เป็นคยูฮยอน คริสฮานก็เป็นวอนเฮ
งื้มๆ แต่ก่อนกอนเขียนฟิคเอสเจมาค่ะ(แก่แล้ว??) ค่อนไปทางคังทึกกับวอนเฮนะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงเด็กดี
ช่วงหลังคงมาไคแบคมากขึ้น หรืออนาคตอาจแต่งชานแบค ... ไงก็ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
เจอกันเรื่องหน้าค่ะ ^~^
ปล.ฟิคไคแบคเรื่องหน้าแวะมาอ่านกันอีกได้นะคะ ~
ความคิดเห็น