คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : WHEN ? .. Chapter.[13]
--->>http://www.youtube.com/watch?v=iM6VldwNyrI
โอพีวีที่ใช้โปรโมทเว็นในงานไก่(KFC#4)ที่ผ่านมา เผื่อใครอยากดู โหะๆ^^
พาร์ทนี้เริ่มสงสารวอนอย่างบอกไม่ถูก แต่จะว่าไปถึงด๊องจะดูไม่สน
แต่ก็เจ็บปวดตลอดเวลาเลยแฮะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter 13
เช้าที่ลืมตาตื่น .. ในห้องที่ไม่ใช่ห้องตัวเอง บนเตียงกว้างของคนสองคน สองคนนั้น ที่ตัวเองไม่มีทางไปแทรกได้
.. เลิกคิดได้แล้ว บอกตัวเองกี่ครั้งแล้ว จนวันนี้ เรื่องที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น แล้วต้องทำยังไงต่อไป ความผิดของคนเป็นพี่แท้ๆมันร้ายแรงแค่ไหนทำไมตัวเองจะไม่รู้ ทุกคนต้องมาทรมานเพราะตัวเองและสุดท้าย .. ก็ตัวเองอีกนั่นแหละที่ทรมานไม่น้อยไปกว่าใคร
ฮันคยองนอนมองลายฉลุเรียบๆอย่างมีสไตล์ของเพดานห้องของดงแฮและซีวอนที่เขามานอนอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อวานกลับมาถึงบ้านตอนค่ำก็พบว่าดงแฮได้หลับไปแล้วเหลือเพียงซีวอนที่นั่งรออยู่ข้างล่าง และเขาเองก็เพิ่งรู้ว่าตลอดเวลาที่ไม่อยู่นั้นทั้งสองแยกห้องนอนกัน ไม่สิ ..นั่นเป็นเพราะดงแฮต้องการเองมากกว่า และแม้ว่าฮีชอลกับพี่เลี้ยงจะอยู่ที่ห้องเดิม
ดงแฮก็ไม่แม้จะสนใจลูกตัวเองอยู่ดี
เมื่อคืนหลังจากที่คุยกับซีวอนอย่างปกติเขาเลยบอกให้อีกฝ่ายไปนอนที่ห้องของเขากับดงแฮ ตัวเองเลยมานอนที่ห้องนี้แทน และเรื่องที่ซีวอนจะให้ฮีชอลไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ตัวเองที่ต่างจังหวัดนั้นเขาเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงในเมื่อดงแฮเป็นแบบนี้ ถ้าปล่อยไว้มันก็คงจะแย่กับฮีชอลเอาเปล่าๆ
“เฮ้อ......” ว่าแล้วก็ถอนหายใจยาวเหยียดให้กับเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นก่อนที่จะพลิกตัวไปอีกทาง นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็มีบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ประโยคที่ซีวอนบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไม่ใช่ฉันผิดกับดงแฮคนเดียว กับนายก็ด้วย ที่ผ่านมา ... ขอโทษนะ ”
แค่ประโยคเดียวที่ออกมาจากใจของอีกฝ่าย เขายังจำมันได้ดี .. แค่นี้ก็พอแล้ว
บิ๊บ ~ ~
เสียงข้อความเข้าดังขึ้นเรียกให้เจ้าของโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปคว้ามันมาจากโต๊ะข้างเตียง
- ตื่นรึยัง ตอนเย็นเดี๋ยวผมไปรับนะ -
“.. แต่เช้าเชียวนะคิบอม” รอยยิ้มบางๆเริ่มระบายขึ้นบนใบหน้าของ
.. ในความทรงจำแล้ว เหมือนทุกอย่างเริ่มจะปรากฎอย่างเลือนลาง ..
เช้าวันนี้ดงแฮลืมตาตื่นขึ้นมาที่ห้องของพี่ชายอย่างเคย ร่างบางนอนตะแคงอยู่ที่ฟากหนึ่งของเตียงกว้าง เขาไม่แน่ใจนักว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานตอนเย็นหลังจากกลับมาบ้านก็ยังนั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับแขกที่ชั้นล่างอยู่เลย
“ก็เธอเล่นหลับไปซะอย่างนั้น ฉันเลยพามานอนน่ะสิ” เสียงทุ้มที่ไม่ต้องถามเลยว่าเป็นใครเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนข้างๆเริ่มขยับ ร่างสูงเท้าแขนนอนตะแคงอยู่ข้างๆ พลางมองอีกคนตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ลืมตาตื่น เมื่อคืนก็แค่นอนข้างๆไม่ได้ทำอะไรเกินเลยอย่างที่อีกฝ่ายไม่ชอบใจ .. ซึ่งเขาเองก็รู้ดี
ดงแฮสะดุ้งเบาๆกับเสียงที่ได้ยิน แต่หันมาได้ไม่เท่าไหร่ก็พบกับดวงตาคู่นั้นที่กำลังจ้องมองลงมาที่เขาและมันก็ใกล้เสียจนต้องขยับออก แต่อย่างว่า เตียงที่นอนอยู่ก็หมดเนื้อที่ให้ขยับเสียแล้ว
“อ๊ะ...” ดงแฮเผลอถอยห่างออกไปจนร่างกำลังจะร่วงลงจากเตียงแต่มือหนาก็คว้าเข้าให้ที่เอวบางเสียก่อน ซีวอนดึงร่างตรงหน้าเข้ามาแนบกายและรู้สึกได้ถึงเรียวนิ้วที่เกาะชายเสื้อชุดนอนของเขาเสียแน่น
“หึหึ .. ระวังหน่อยสิ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆข้างใบหูของอีกฝ่าย
“ขำมากนักใช่ไหม” ดงแฮว่าพลางดันตัวเองออกจากการกอด
“เปล่า ..”
“ก็ดี” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากเตียงพลางหันหลังให้จะเดินออกไปแต่ซีวอนก็คว้าเอาทั้งร่างดึงให้ล้มลงบนเตียงแล้วสวมกอดไว้ทางด้านหลัง
“อะไรเนี่ย .. ปล่อย แค่มานอนที่นี่โดยไม่ขออนุญาตก็มากพอแล้วนะ” แต่ร่างสูงไม่ว่าอย่างไร มีเพียงสันจมูกคมที่ไล้อยู่ตามซอกคอของคนรักก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วที่ข้างหู
“ผัวเมียกัน ต้องขออนุญาตด้วยเหรอ” ดงแฮหน้าขึ้นสีทั้งโกรธทั้งอาย คนอะไรพูดมาได้หน้าด้านๆ แต่ไม่มีทางหรอก เขาไม่มีทางตกหลุมคนๆนี้เด็ดขาด
“ปล่อย .. ฉันไม่ใช่เมียนาย” ใบหน้าคมเริ่มซุกไซร้เสียจนดงแฮทนไม่ไหว มือบางเริ่มตีหนักขึ้นเมื่ออีกคนดูท่าว่าจะไม่ยอมหยุดแถมยังรุกเข้ามามากเกินไป
“นี่ ปล่อยเลยนะ .. นาย ไอ้บ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้” ซีวอนไม่สนใจอะไร ตอนแรกก็แค่จะแกล้งแต่ก็หยุดไม่ได้ ร่างสูงยิ่งสัมผัสก็ยิ่งโหยหา .. ไม่เข้าใจเลยว่าที่ผ่านมาอยากทำแบบนี้เท่าไหร่ก็ทำได้ แต่พอเวลาที่ไม่มีกลับต้องการ ทำไมตัวเองถึงได้โง่แบบนี้นะ .. ที่ผ่านมา เขามันโง่เอง
ดงแฮทั้งร้องทั้งดิ้นมากขึ้นเตือนให้ซีวอนหยุดการกระทำลง ร่างสูงสูดหาย
“ไหนบอกมาซิ ไปสัญญาอะไรกับมันไว้” ร่างบางหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ยอมรับว่าตัวเองก็ตกใจกับที่ถูกกระทำเมื่อกี้ แต่ก็กลั้นใจตอบออกไป
“สัญญา .. กับคยูฮยอนน่ะเหรอ”
“ใช่”
“หึ .. ทำไมฉันต้องบอกนายด้วยล่ะ .. ปล่อยฉันซักทีได้มั้ยฮะ”
“อยากให้ปล่อยก็บอกมาก่อนสิ”
“ไม่ มันเป็นสัญญาของเราสองคน นายเกี่ยวอะไร” อีกแล้ว .. อีกแล้วที่ซีวอนยิ่งวิ่งตาม ก็เหมือนยิ่งถูกตีตัวออกห่าง รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทาง แต่ไม่เคยจำ
“รู้ไหม .. แต่ก่อนเธอไม่เคยพูดแบบนี้กับฉันเลยนะ”
“
......”
“งั้นตอนนี้ก็ฟังไว้แล้วกัน” ดงแฮเอ่ยก่อนจะถือโอกาสรีบปัดมือหนาออกจากร่างแล้วลุกออกไป แต่ไหนเลยจะทันอีกคน ซีวอนลุกขึ้นตามไปคว้าเอาร่างบางลงมาที่เตียงตามเดิม
“อ๊ะ .. นี่” ดงแฮร้องเสียงหลง ในขณะที่ซีวอนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง มือหนากดข้อมือทั้งสองของอีกฝ่ายให้ลงไปนอน ก่อนจะเอาตัวเองขึ้นคร่อม ดวงตาคมไม่แม้จะมองตอบด้วยซ้ำ ริมฝีปากได้รูปก้มลงบดเบียดไปตามซอคอขาว อ้อมกอดแกร่งที่ล็อคอีกคนเอาไว้เสียแน่นนั้นทำให้ไม่มีทางหนีรอดไปได้เลย
“หยุดนะ... ปล่อยฉัน” เสียงหวานกรีดร้องเสียจนซีวอนกลัวว่าข้างนอกจะตกใจ ใบหน้าคมรีบเงยขึ้นประกบจูบเข้ากับริมฝีปากอิ่มที่ยังร้องไม่หยุด
“อื้อ...” ลิ้นร้อนดุนดันอยู่แบบนั้นจนคนข้างล่างเริ่มเผยอริมฝีปากออก เรียวลิ้นอุ่นเกี่ยวกระหวัดอีกฝ่ายที่พยามถอยหนี ไม่ต่างจากจุมพิตอันเร่าร้อนที่ร่างสูงจงใจมอบให้ เรียวขาที่ดีดดิ้นไปมาไม่ได้ช่วยอะไรเลยยิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ใจมากขึ้นกว่าเดิม
เวลาผ่านไปเนิ่นนานสำหรับดงแฮ เขาดิ้นแทบขาดใจ แต่ก็เริ่มอ่อนแรงลง เหมือนกับม้าที่ถูกปราบพยศ
“อืม.......” ซีวอนพยามลดการเร่งเร้า ริมฝีปากที่บดเบียดอย่างบ้าคลั่งค่อยๆผ่อนลงจนเหลือเพียงความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ .. เขาไม่ต้องการจะร้อนจนอีกฝ่ายถอยหนี อยากจะค่อยๆทำให้รู้ว่าเขาต้องการทนุถนอมแค่ไหน และโดยที่ไม่รู้ตัว ลิ้นร้อนที่ถูกไล่ต้อนกลับเริ่มดุนดันตอบรับจูบที่กำลังดำเนินไปอย่างนุ่มนวล มือบางที่กำไว้เริ่มคลายลงและถูกแทนที่ด้วยเรียวนิ้วยาวของอีกคนที่เข้ามาประสานไว้ มือหนาบีบเบาๆตามอารมณ์ที่เริ่มหยุดไม่อยู่
แล้วจูบที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันก็ทำเอาร่างสูงเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มือหนาอีกข้างเริ่มลูบไล้เข้าไปในชายเสื้อนอนตัวบาง ผิวนุ่มที่ถูกสัมผัสทำเอาร่างบางสะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนที่ร่างสูงจะกดจูบลงไปอีก
“อืม......” จากที่อ่อนโยนก็เริ่มเนิ่นนาน ดงแฮนอนนิ่งรับสัมผัสจากซีวอนที่มอบให้อย่างอ่อนโยน ร่างบางถูกกอดแนบชิดกับอกกว้าง เสียงครางแผ่วเบาในลำคอยิ่งทำให้ซีวอนอยากจะทำมากกว่านี้ .. เหมือนไม่ได้กอดคนรักมาแสนนาน แค่ตอนนี้ เขาอยากจะหยุดเวลาไว้เหลือเกิน
ดวงตากลมเริ่มหรี่ปรือลง ก่อนจะปิดสนิทเมื่อยอมให้อีกคนกระทำได้ตามใจ ในหัวของร่างบางขาวโพลนโดยไม่รู้ตัวว่าได้ปล่อยใจไปขนาดไหน ในตอนนี้แทบนึกอะไรไม่ออก รู้เพียงว่าไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ส่วนลึกในใจนั้น .. ยากที่จะปฏิเสธว่าเหมือนกับคุ้นเคยมานาน
.. อะไรกันนะที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น ..
และหากเพียงเพราะความเงียบ ที่ทำให้ดงแฮเผลอใจไป ตอนนี้ก็คงเป็นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือเช่นกัน .. ที่ทำให้ความคิดเริ่มกลับมา
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
“อื้ม....” มือบางที่โอบรั้งที่ลำคอของซีวอนกลับกลายเป็นดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง
“.. โทรศัพท์” ร่างสูงก็เช่นกันเมื่อดึงสติกลับมาได้ก็ค่อยๆคลายอ้อมกอดออก ใบหน้าหวานแดงระเรื่อกับเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อนที่จะสลัดความคิดออกจากหัวแล้วดึงเสื้อนอนตัวบางที่สวมอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง โทรศัพท์มือถือที่ยังคงส่งเสียงไม่หยุดถูกคว้าไปกดรับโดยเจ้าของมัน
“ฮัลโหล..”
“ดงแฮพูด”
“.. คยูฮยอนเหรอ”
และเมื่อได้ยินชื่อ ซีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆก็แทบจะคว้ามันมาพูดเองเสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ได้แต่นั่งมอง ..ในใจคิดไปถึงคนที่อีกฝ่ายกำลังพูดด้วย ทำแบบนี้มันมากเกินไปแล้วสำหรับเขาถึงจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนตัวเองก็ตาม
ดวงตากลมสบเข้ากับสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจของอีกคน ยิ่งเห็นอย่างนั้นดงแฮก็ยิ่งกรอกเสียงลงไปตามสายแทบไม่หยุด ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั้นทำให้
“เหรอ .. อืมๆ”
“งั้นเหรอ ไม่รู้สิ มาก่อนก็ได้นะ ..”
“อื้ม .. ได้เลย รีบๆมาล่ะ จะรอนะ” และเมื่อเสียงพูดคุยกันอย่างมีความสุขจบลง ใบหน้าที่แย้มยิ้มเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนมาเรียบเฉยในขณะที่คนมองก็ยังคงไม่พอใจเช่นเดิม
“นัดมันมาที่บ้านใช่มั้ย”
“ใช่แล้วจะทำไม”
“หึ .. รู้จักกับมันไม่เท่าไหร่ มีความสุขจริงนะ”
“แน่ล่ะ”
“แล้วที่ทำกันอยู่เมื่อกี้ล่ะ .. ฉันว่าคงจะสุขกว่านี้นะ” คำพูดที่เหมือนดูถูกหลุดออกมาจากปากของซีวอนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะอารมณ์โมโหที่มีมากกว่าก็ทำให้เขายังคงไม่รู้ตัว และแน่นอนว่าการแรงมาไม่ได้ทำให้ดงแฮอ่อนลงเลย มีแต่จะแรงกลับมากกว่า
“เก็บปากของนายไว้พูดหลอกลวงคนอื่นต่อไปจะดีกว่านะ .. เลิกยุ่งกับฉันซะที” และโดยไม่มีคำพูดใดๆอีกร่างบางก็เดินเข้าห้องน้ำไปทิ้งให้คนๆเดิมนั่งอยู่ที่เดิม โดยเข้าใจไปว่า “หลอกลวง” นั้น หมายถึง คำว่ารักของเขาเอง
ไม่เข้าใจเลยกับท่าทางที่ทำเหมือนเคียดแค้นอะไรเขานักหนา ทั้งที่ความจำเสื่อมแต่ทำเหมือนกับว่าเกลียดกันเสียมาก .. แล้วทีเมื่อก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ที่ตอบรับกันแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง
.. สรุปแล้ว ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน ฉันก็ผิดเสมอเลยใช่ไหม
คำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วว่า “ใช่” ผุดขึ้นมาในใจของเขาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ซีวอนทุบมือที่กำแน่นลงไปที่เตียงอย่างแรงแต่ก็ไม่ได้ช่วยระบายความกลุ้มใจออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว เขายังคงสับสนอย่างมากโดยที่ไม่รู้เลยว่าความจริงที่ดงแฮลืมมันไปพร้อมกับความทรงจำ ที่จริงแล้วนั้น ตอนนี้อีกฝ่ายได้รับรู้ไปนานแล้ว
อ่างล้างหน้าเซรามิกชั้นดีถูกเปิดน้ำจากก๊อกมันวาวใส่จนล้นโดยที่คนเปิดไม่คิดแม้แต่จะปิดมันลงเลย มือบางวาดตีกลุ่มน้ำใสตรงหน้าอย่างหาที่ระบายหลังจากที่เสียงประตูปิดข้างนอกจะบอกให้รู้ว่าอีกคนออกจากห้องไปแล้ว
“บ้าเอ๊ย.... ฮึก” น้ำใสๆกลิ้งลงมาตามแก้มเนียนไม่ต่างจากหยดน้ำที่กระเซ็นใส่มาที่หน้า ดงแฮมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ ปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็แค่บางขณะเท่านั้น ความโกรธและสับสนพลุ่งพล่านไปมาในหัวไม่ยอมหยุด .. และพอนึกเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขานอนนิ่งยอมรับการกระทำของซีวอน มันก็น่าแปลก ไม่ใช่ว่าจะยอมรับคนๆนั้น แต่ส่วนลึกมันพาให้รู้สึกไปเอง นี่ถ้าคยูฮยอนไม่โทรมาตัวเองจะเป็นยังไงตอนนี้ ไม่อยากจะคิดเลย
.. คงกลายเป็นตัวตลกที่พวกนายหลอกกันอย่างสนุก เหมือนแต่ก่อน
และเมื่อซีวอนออกมาจากห้องของฮันคยองแล้วก็ตรงจะกลับมาที่ห้องของตัวเอง แต่เมื่อเดินผ่านอีกห้องซึ่งลูกตัวเองอยู่ ขายาวก็หยุดลงทันที เป็นจังหวะเดียว
“คุณพ่อคะ...”
“ฮีชอล ว่าไงลูก มานี่มา” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้น พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะให้ฮีชอลไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัด ทั้งที่ไม่อยากให้ไปแต่ก็ต้องทำ
“นี่ซูยอง เก็บของให้น้องรึยัง”
“กำลังค่ะคุณผู้ชาย ว่าแต่.. แล้วคุณหนูดงแฮล่ะคะ”
“ก็อย่างที่บอกไปไง ไม่ต้องห่วงหรอก ให้เค้าหายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หนูน้อยฮีชอลมองหน้าคนเป็นพ่อที่ติดจะเครียดๆก็ไม่เข้าใจ แน่นอน ..เด็กก็ยังเป็นเด็ก ยิ่งเด็กเล็กๆยังเดินกระเตาะกระแตะแบบนี้ด้วยแล้ว คงไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่เป็นแน่
“คุณพ่อคะ .. ฮีชอลคิดถึงคุณแม่จังเลย”
“จ้ะๆ .. ช่วงนี้คุณแม่ไม่ค่อยสบายนะลูก”
“แต่คุณแม่ ฮึก... ฮือออออออ”
“ฮีชอล ไม่เอาๆๆๆ ไม่ร้องนะลูกนะ ไม่ร้อง... คุณแม่ไม่สบาย เดี๋ยวก็หายแล้ว” ยิ่งพูดซีวอนก็ยิ่งปวดใจ ยิ่งเห็นลูกร้องไห้ ตัวเองก็อยากจะร้องไปด้วย เด็กตัวเล็กๆที่ไม่รู้ประสาอะไร จากที่เคยอยู่กับแม่มาตลอดแล้วจู่ๆคนเป็นแม่ก็กลับไม่สนใจไยดี ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันแย่ขนาดไหน
ทั้งพ่อทั้งลูกที่ยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมกับพี่เลี้ยงสาวที่อยู่ข้างๆทำให้ฮันคยองที่เดินออกมาจากห้องของซีวอนกับดงแฮตกใจ ร่างโปร่งบางตรงเข้าไปหาคนทั้งหมด
“ว่าไงคะฮีชอล .. ”
“อ่า .. คุณป้าฮันนี่กลับมาแล้ว”ฮันคยองยิ้มแห้งๆให้ซีวอนเมื่อถูกหลานเรียกเหมือนเดิม ทั้งที่เขาก็ยังไม่ชินเสียที
“อ้าว แล้วเมื่อกี้ร้องไห้ทำไมล่ะคะ”
“ก็ .. ฮึก ฮี ... ฮีชอลคิดถึงคุณแม่นี่นา”
“คุณแม่ก็คิดถึงฮีชอลเหมือนกันนะ” ว่าแล้วก็เงยหน้ามองซีวอนอีกรอบแต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากใบหน้าเหนื่อยใจที่ชายหนุ่มมองกลับมา
“อยู่ในห้องน่ะ” ซีวอนร้องบอกฮันคยองโดยไม่บอกก็รู้ว่าหมายถึงใคร
“อืม .. แล้วนี่จะให้ลูกไปวันไหน”
“พรุ่งนี้”
“แต่ฉันว่า....”
“เอาเหอะ ฉันไม่มีทางเลือก นายเข้าใจใช่รึเปล่า”
“อืม” ฮันคยองพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปเล่นกับหลานตัวน้อยที่คนเป็นพ่ออุ้มอยู่ และคนที่ถูกพูดถึงเมื่อครู่ก็กำลังจะเดินออกมาหาพี่ชายแต่กลับไม่กล้าเลยได้แต่แอบมองดูอยู่อย่างนั้น ดงแฮมองภาพซีวอนที่อุ้มลูกสาวตัวน้อยไว้กับฮันคยองที่ยืนข้างๆพร้อมกับพี่เลี้ยงที่ยืนอยู่ห่างๆ .. ดูแล้วก็สมบูรณ์ดี บางทีแบบนี้มันอาจจะดีกว่าเป็นเขาก็ได้ แต่คิดได้ไม่เท่าไหร่สมองก็เริ่มนึกอะไรขึ้นมาอีกแล้ว เหมือนภาพที่กำลังมองอยู่ถูกซ้อนทับด้วยภาพที่คล้ายๆกัน .. เหมือนแต่ก่อน แต่ไม่ใช่ตอนนี้
.. ภาพในอดีต ภาพที่มันเคยบาดหัวใจ ..
“อึก...” มือบางดึงบานประตูกว้างปิดเข้ามาตามเดิมก่อนจะเดินลงไปนั่งที่ปลายเตียง .. ปวดหัว บอกได้อย่างเดียวว่าปวดหัว ดงแฮรีบควานหายาแก้ปวดที่หมอให้มากินแล้วดื่มน้ำตามลงไป .. เขาจะรู้ตัวหรือไม่ว่าภาพที่ตัวเองนึกขึ้นมาได้นั้นมันคือความทรงจำต่างๆที่เริ่มกลับมา
วันนี้นัดคยูฮยอนไว้ตอนหกโมงเย็น งานที่บริษัทจะเริ่มประมาณหนึ่งทุ่ม คยูฮยอนเพิ่งย้ายมาก็ต้องรีบไปเพราะถ้าสายจะน่าเกลียดเอาได้ และพอดงแฮได้คิดถึงเรื่องอื่นก็ทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาบ้าง บางทีเขาอาจจะหมกมุ่นกับเรื่องแย่ๆมากเกินไป
“ดงแฮ พี่เข้าไปนะ” เสียงเรียกที่หน้าประตูทำเอาร่างบางที่กำลังจะเอนหลังลงนอนนั้นสะดุ้งเบาๆ
“พี่ฮันเหรอ .. เข้ามาได้เลย” ฮันคยองเข้ามาทิ้งตัวลงข้างๆน้องชายที่เพิ่งจะเอนตัวลงไปนอน
“โทษทีนะ เมื่อคืนพี่เจอเพื่อน เลยกลับดึกไปหน่อย”
“ครับ ไม่เป็นไร”
“ว่าแต่นี่ยังไม่ตื่นเหรอ ไปอาบน้ำเลยนะเดี๋ยวลงไปทานข้าวกัน”
“พี่ไปเหอะผมไม่หิวน่ะ ขอนอนก่อนแล้วกัน .. รู้สึกไม่สบาย”
“ดูแย่ๆนะเราน่ะ .. เดี๋ยวตามหมอมาดีกว่าไหม”
“ไม่ๆไม่ต้องหรอก ผมแค่ปวดหัวน่ะ”
“อืม ก็ตามใจ” ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของน้องชาย
“เออนี่ดงแฮ .. เรื่องลูกน่ะ ซีวอนเค้าบอกแล้วใช่ไหม”
“ครับ บอกแล้ว”
“พรุ่งนี้แล้วนะ”
“....................”
“นายจะไม่ว่ายังไงหน่อยเหรอ”
“ผม ... จำไม่ได้” ว่าแล้วก็พลิกตัวกลับไปอีกทางพลางหันหลังให้คนเป็นพี่เสียอย่างนั้น ฮันคยองถอนหายใจเบาๆ จะโทษดงแฮก็ไม่ได้ก็คนมันจำไม่ได้จะให้ทำยังไง เขาเองก็จนปัญญา
“พี่ว่า เรานายออกไปดูลูกหน่อยไหม อย่างน้อยแค่พูดด้วยธรรมดาก็ได้”
“ก็ ผมจำเค้าไม่ได้”
“ถือว่าพี่ขอร้องนะ แค่นายพูดด้วยฮีชอลก็ดีใจแล้ว ไม่ต้องทำเหมือนแต่ก่อนก็ได้ เพราะพี่เข้าใจว่านายจำอะไรไม่ได้เลย ”
“...............”
“นะดงแฮ พี่สงสารหลานน่ะ เห็นแก่เด็กตัวเล็กๆคนนึงเถอะนะ อย่างน้อยๆ นั่นก็ลูกของนาย”
“.................”
“นะดงแฮ”
“... ครับ ก็ได้”
“พี่ เรื่องที่ผมจำไม่ได้ พี่ไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟังเลยเหรอ” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นพี่ก็คิดมากไปอีก เอาแล้วไง น้องชายถามมาอย่างที่เขาไม่อยากจะพูดแต่บางทีถ้ามันจำเป็นก็พูดแต่เรื่องที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นก็ได้นี่นา
“ว่าไงพี่ฮัน” ดงแฮเอ่ยทั้งๆที่ยังหันหลังให้อยู่
“ก็ .. ไม่รู้สิ อย่างที่ซีวอนบอกน่ะดงแฮ รู้ตัวไหมว่าพวกนายสองคนรักกันแค่ไหน” ฮันคยองไม่ได้คิดจะโกหก แค่ขอพูดเรื่องดีๆและไม่เอ่ยถึงเรื่องร้ายๆ
.. ทำไมพวกพี่อยากให้ผมจำได้กันนะ มันเป็นการไถ่โทษตรงไหนกัน นี่น่ะเหรอความรัก ความรักมันทำให้ทรมานขนาดนี้เลยเหรอ
จวนจะเที่ยงแล้วที่คิบอมนั่งเคลียร์เอกสารที่ค้างไว้บนโต๊ะทำงาน เขาเข้ามาบริษัทตอนสายๆพร้อมกับเลขาคู่ใจที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ต่างไปจากเขาเลย
“เหนื่อยมั้ยซองมิน เห็นนายทำงานตลอดเลย .. พักบ้างก็ได้นะ”
“ครับ” ว่าแล้วก็ถือแฟ้มเดินออกไปหลังจากที่วางเอกสารใหม่ให้เจ้านายแล้ว ชายหนุ่มงุนงงกับท่าทีของเลขาตัวเองว่าทำไมวันนี้ดูเงียบๆก็ไม่รู้หรือว่าเขาใช้งานหนักเกินไป อย่างตอนที่ไม่อยู่ก็ได้ซองมินนี่แหละที่คอยดูแลและจัดการงานให้เขาเวลาที่ไม่อยู่
คิบอมนั่งรอเวลาจนถึงตอนบ่ายแล้วจึงกลับไปที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกไปรับฮันคยอง ส่วนซองมินเมื่อเห็นคิบอมออกไปแล้วก็กลับไปที่บ้านตัวเองบ้าง .. เขาคิดว่าตัวเองน่าจะนอนพักเสียบ้างก่อนงานเลี้ยงคืนนี้จะมาถึง
บ้านหลังใหญ่กำลังดังไปด้วยเสียงเพลงจากเครื่องเสียงชั้นดีที่เจ้าของบ้านจงใจเปิดให้ก้องไปทั่วทั้งบ้าน ร่างบางนั่งกระดิกเรียวเท้าไปตามจังหวะเพลงเร็วๆพลางก้มหน้าลงจิบน้ำหวานเย็นฉ่ำที่วางอยู่ตรงหน้าไปด้วยอย่างสบายอารมณ์
“ดงแฮ .. ดงแฮ” เสียงคนเป็นพี่เอ่ยเรียกแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้ยินจนป้ายุนฮีที่ยืนอยู่แถวนั้นต้องเดินเข้ามาสะกิดให้รู้ตัว
“คุณหนูคะ พี่ฮันเรียกน่ะค่ะ” ดงแฮเลิกคิ้วขึ้นช้าๆพลางหันหน้าไปทางบันไดที่มีร่างโปร่งบางค่อยๆเดินเข้ามาหาตัวเอง
“ไหนบอกว่าอยากนอนพัก นี่ออกมาทำไมกันยังไม่ถึงเวลาไปงานเลี้ยงเลย” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวเองนั่งลงบ้าง ถ้าเขาสังเกตไม่ผิดดงแฮนั้นเหมือนพยายามจะหันหน้าหนีเขาเหมือนไม่อยากคิดอะไรกับเรื่องของความเป็นจริงในตอนนี้
“ก็แค่เซ็ง ผมไม่ได้เป็นไรมากหรอก”
“
......” ฮันคยองนั่งมองคนตรงหน้าไปไม่เท่าไหร่ความรู้สึกผิกมันก็ล้นออกมาอีกจนได้ ถ้าไม่ใช่เขา ถ้าไม่ได้ทำความผิดลงไปป่านนี้น้องชายที่นั่งอยู่กับเขาคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ .. ความเงียบเริ่มปกคลุมในความรู้สึกท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังก้องไปทั้งห้องโถงใหญ่ ฮันคยองกำลังจะถามเรื่องฮีชอลอีกรอบแต่ร่างเล็กของเด็กน้อยกลับถูกคนเป็นพ่ออุ้มออกมาหาเขาทั้งสอง
“เปิดเสียงดังเชียวนะเพลงเนี่ย” ว่าแล้วก็คว้ารีโมทที่วางไว้มาหรี่เสียงลงหลังจากที่วางร่างของลูกสาวไว้ข้างกาย สายตาของดงแฮเริ่มเหลือบมองลูกสาวตัวน้อยอย่างช้าๆเหมือนไม่สนใจ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายตาอีกสองคู่ที่มองมาที่ตัวเองเช่นกันเลยรีบหันกลับมาอีกทาง
“ดงแฮ..” ฮันคยองเอ่ยเบาๆเป็นเชิงอยากให้สนใจลูกตัวเองบ้าง ในขณะที่
“คุณแม่ยังไม่หายไข้เหรอคะ” เสียงเล็กเอ่ยถามแต่คนถูกถามกลับสะอึกขึ้นมาในใจ ใบหน้าน่ารักที่ฉายแววเศร้าของเด็กน้อยทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่เหมือนตัวเองขึ้นมา เหมือนกับว่าเขาเคยมีอดีตกับเด็กคนนี้ เหมือนกับว่ามีอะไรที่ผูกพันอยู่แต่มันก็นึกอะไรไม่ได้มากนัก ใบหน้าคมที่เห็นอีกคนหันมามองลูกก็เอ่ยออกไป
“ทำไม จำลูกได้แล้วรึไง” คำพูดที่ฟังดูไม่ดีทำให้ฮันคยองต้องหันหน้าขึ้นมองซีวอนแต่กับดงแฮยิ่งได้ยินแบบนี้เขายิ่งกลับต่อต้านขึ้นมาทันที
“ไม่ได้แล้วจะทำไม”
“ดงแฮ..” ฮันคยองหันมาปรามอีกคนบ้าง
“พี่ไม่ต้องห้ามผมหรอกนะ เค้าอยากให้ผมจำได้หรือยังไงกันล่ะ” ซีวอนได้ยินก็ไม่พอใจขึ้นมาอีก
“ฉันง้อเธอทุกทางให้กลับมาจำได้แล้วนะ พูดดีด้วยก็แล้ว ทำดีด้วยก็ยังไม่สนใจที่จะรับฟัง ไหนจะยังมาคอยต่อว่าฉันอีก แล้วนี่ก็ต่อหน้าลูกนะเธอจะไม่ได้แคร์เลยหรือไง”
“แล้วทำไมฉันต้องแคร์ นายแน่ใจรึไงว่าอยากให้ฉันจำได้” ดงแฮขึ้นเสียงบ้างโดยที่ซีวอนก็ไม่ยอมลดทำให้ฮีชอลที่อยู่ในอ้อมกอดร้องไห้ออกมาอย่างตกใจ ฮันคยองเอื้อมมือมารับเอาหลานไปอุ้มไว้แทนพลางปลอบโยนให้หยุดร้อง และเมื่อรู้สึกตัวซีวอนก็หันมาหาฮีชอลที่ฮันคยองอุ้มอยู่ คนทั้งสองพยายามปลอบโยนเด็กน้อยให้หายตกใจ .. คนที่ได้แต่ยืนดูต้องก้าวถอยหลังออกมาช้าๆเหมือนไม่มีตัวตนเหมือนไม่มีความหมาย เหมือนกับว่าเป็นคนอื่นที่ได้แต่ยืนมอง
.. เป็นคนอื่นที่ทำให้เด็กคนนั้นร้องไห้ ต่างจากสองคนที่คอยดูแลราวกับเป็นพ่อแม่
ฮันคยองที่อุ้มร่างเล็กไว้พลางเขย่าเบาๆกับซีวอนที่คอยก้มหน้าปลอบลูกสาว ช่างเป็นภาพที่ดูอบอุ่น เจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกกรีด ความรู้สึกลึกๆผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดงแฮหันหลังให้ก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเองไป ร่างบางทิ้งตัวลงที่เตียงนุ่มในห้องของฮันคยองที่เขายังใช้อยู่ ณ ตอนนี้ ซึ่งไม่นานก็คงต้องคืนให้ฮันคยองไปเมื่อเขากลับมาแล้ว
“ฉันเกลียดนาย ซีวอน .. ไม่อยากเห็นหน้านาย” ดงแฮเอ่ยออกมาเบาๆพลางก้มหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง บางทีเขาคงไม่รู้จริงๆว่าตัวเองเริ่มจะเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่โกรธเพราะเรื่องร้ายๆที่รู้มา ไม่ใช่แค่เพราะจำไม่ได้ แต่เวลานี้แค่เพราะไม่พอใจ .. ก็แค่เสียใจกับภาพที่เห็นว่าซีวอนช่างดูเหมาะสมกับคนที่ไม่ใช่เขา
ทางด้านซีวอนเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ไม่เห็น แค่เห็นท่าทางเศร้าๆของคนรักก็ถึงกับคิดมากไปเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ยอมขึ้นไปตามหรือพูดอะไรเพราะตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ ซีวอนนั่งอยู่กับฮีชอลพลางกล่อมให้หลับไปบนโซฟาตัวนุ่มในขณะที่ฮันคยองเองก็ได้แต่นั่งมองดู
“คิดว่าฉันควรทำไงต่อไปดี”
“
......”
“ฉันมันเลวจนไม่น่าให้อภัย”
“ไม่เอาน่าซีวอน แค่นี้เราก็ผิดมากพอแล้ว นายควรจะเริ่มใหม่ให้มันดีกว่าเก่ามากกว่านะ” ฮันคยองบอกทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกผิดไม่แพ้กัน แต่ครั้งนี้ความรู้สึกที่ได้ใกล้ชิดกับซีวอนมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วเมื่อคนที่เขาคอยจะนึกถึงจากที่เคยเป็นซีวอนแต่ตอนนี้กลับเป็นอีกคนที่เข้ามาแทนที่โดยไม่เคยคิดมาก่อน
“แล้วเรื่องลูก ฉันจะรีบจัดการ”
“จัดการอะไร ดงแฮเค้าบอกแล้วนะว่าไม่ให้นายพาลูกไปไหน”
“ว่าไงนะ” ซีวอนแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าดงแฮจะสนใจ
“น้องฉันไม่ใช่คนใจร้ายนะซีวอน นายเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะจำอะไรไม่ได้แต่เค้าก็คงรู้สึกผิดไม่น้อยที่ลูกตัวเองต้องไปอยู่ที่อื่น”
“หมายความว่าไง”
“ก็อย่างที่บอกว่านายเองก็รู้ดี แค่นี้ดูไม่ออกเหรอว่าดงแฮก็รู้อยู่แก่ใจแต่คนมันจำไม่ได้แล้วจะให้ทำยังไง .. คงไม่อยากยอมรับอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองหรอก”
“อืม ฉันก็รู้” ซีวอนบอก ทั้งสองเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนที่ใบหน้าคมจะหันกลับมามองอีกฝ่าย
“แต่ก่อนหน้านี้ ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาลเค้าก็ยังดีๆอยู่เลย แต่หลังจากนั้นจนพักหลังมานี้ฉันรู้สึกว่าเค้าเปลี่ยนไป เหมือนกับไม่พอใจอะไรฉันมากทั้งที่คนความจำเสื่อมนอกจากจะไม่ยอมรับที่เป็นอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีอาการแบบนี้” ได้ยินดังนั้นฮันคยองก็ขมวดคิ้วทันที
“อาการ อาการอะไรซีวอน”
“ก็ไม่รู้นะ เหมือน .. ประชดประชัน”
“ประชดประชัน .. ”
“ใช่ ประชดประชัน” ซีวอนเริ่มจะมั่นใจกับสิ่งที่พูดเพราะเริ่มรู้สึกได้
“ทำไมฉันเพิ่งจะฉลาดนะ”
ห้องกว้างที่เงียบงันต่างจากข้างล่างเหมือนจะมีลมหายใจเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน ดงแฮนั่งนิ่งไม่ไหวติงทั้งที่ปวดหัวมากในตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ลุกไปเอายาไปกินอย่างเคย
“ให้ตายไปเลยสิ ฉันไม่เห็นจะแคร์เลย .. ไม่มีคนโง่ๆคนนี้ให้หลอกต่อไปคงดีใจกันสินะ” ทั้งที่คิดอย่างนั้นแต่ความทรงจำต่างๆที่แวบเข้ามาอยู่บ่อยครั้งมันกลับทำให้เขายังตัดใจจากอะไรบางอย่างไม่ได้ เป็นความรู้สึกลึกๆที่มากกว่าแค้นใจ
.. แค่เสียใจ ..
ซีวอนตัดสินใจเดินขึ้นมาชั้นบนที่ห้องของฮันคยอง ในตอนแรกที่คิดว่าจะไม่มาเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรหรืออีกอย่างก็คือเขาเหนื่อยเกินไป มือหนาเอื้อมออกไปจะเคาะประตูแต่ก็ยั้งไว้ก่อน เหมือนกับว่าดงแฮกำลังคุยกับใครอยู่ เขาลองบิดลูกบิดประตูออกดูก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล็อคประตูซีวอนจึงแง้มบานประตูกว้างออกไม่มากเพื่อที่จะมองอีกฝ่ายได้ถนัด และก็เป็นอย่างที่คิดดงแฮกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนและโดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ก็อีกฝ่ายจะเป็นใครถ้าไม่ใช่คยูฮยอน เพราะดงแฮเองก็จำใครไม่ได้อยู่แล้ว แล้วตอนนี้หมอนั่นก็คงจะตั้งใจเข้ามายุ่งกับคนรักของเขาแน่ๆ
.. มีความสุขจริงนะ ทีกับฉันทำไมเธอกลับเหมือนรังเกียจ
ยิ่งคิดยิ่งช้ำ ซีวอนได้แต่แอบมอดูงคนรักตัวเองพูดคุยกับใครอีกคนอย่างมีความสุขผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องบาง .. เหมือนกับครั้งที่เคยรักกัน แม้ว่าตอนนี้เขาจะเจ็บปวดหัวใจแค่ไหนแต่ก็คิดว่ามันคงไม่ถึงเศษเสี้ยวกับที่ดงแฮรู้สึก นี่แค่เพิ่งรู้จักแค่ได้พูดคุยเขายังเจ็บขนาดนี้ แล้วตอนที่เขาแอบนอกใจอีกฝ่ายไปนั้นมันคงเจ็บมากกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า .. วันนี้ซีวอนรู้ซึ้งแล้วว่าดงแฮรู้สึกอย่างไร
เขาคิดย้อนกลับไปถึงก่อนหน้าที่ดงแฮจะความจำเสื่อม วันที่ทะเลาะกัน วันที่อีกฝ่ายตกบันได ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาอยากจะกอดร่างบางนั้นเอาไว้ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปไหน จะขอโทษร้อยครั้งพันครั้งหรือทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายกลับมารักกันอย่างเดิม .. แม้ว่าจะเหมือนคนเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่เขาก็ไม่อาจเสียดงแฮไปได้ แล้วตอนนี้ล่ะ ใกล้กันแค่ไหนแต่กลับไกลห่างออกไป
.. คว้ายังไงก็ไม่ถึงเธอเสียที
เมื่อกลับบ้านไปนอนให้สดชื่นก็ถึงเวลาที่เขาต้องรีบออกมาเพื่อที่จะไปงานเลี้ยงของบริษัท ซองมินรู้สึกเหนื่อยหน่ายอย่างบอกไม่ถูก
“ขี้เกียจจังแฮะ” ปากก็บ่นไปแต่ร่างกายกลับจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็ว
แล้วร่างเล็กในชุดสูทสีขาวสุภาพก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับรถคันเล็กคู่ใจอย่างเคย
ทางด้านอีกคนเมื่อวางสายกับคนน่ารักของตัวเองไปแล้วก็ยิ้มพอใจจนแก้มแทบปริ คยูฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมดงแฮถึงได้ให้ความรู้สึกเศร้าๆอย่างบอกไม่ถูก เข้าใจว่าคงมีปัญหาอะไรสักอย่างที่เขาคิดว่าตัวเองไม่ควรจะถามออกไปแต่เขาก็คิดผิดเมื่อปัญหาที่ว่านั้นมันก็เรื่องใกล้เคียงกับที่เขาทำอยู่ในตอนนี้ ปัญหาครอบครัวที่คยูฮยอนก็รู้อยู่แก่ใจ เขาขับรถตรงไปยังบ้านของดงแฮตามที่เขารู้มา ก็ไม่เห็นจะยากอะไรก็แค่บ้านของผู้บริหารคนหนึ่ง
ก่อนที่จะถึงเป้าหมายที่วางไว้ก็เป็นอันต้องสะดุดสายตาเข้ากับมินิคูเปอร์คันเล็กสีเหลืองที่จอดอยู่ข้างทาง เขารู้สึกคุ้นๆ ก็จะอะไรล่ะ นั่นมันคันเดิมที่เคยชนเขามาแล้วไม่มีผิด และที่แน่ไปกว่านั้นก็คือเจ้าของมันที่ยืนทำท่าหงุดหงิดอยู่ข้างๆรถตัวเอง ทำให้คยูฮยอนมั่นใจว่าไม่ใช่ใครอื่น และถึงแม้ว่าเขาจะอยากแกล้งอีกฝ่ายมากเท่าไหร่แต่ก็ไม่มีเวลาพอเพราะต้องรีบไปตามนัด คยูฮยอนขับรถผ่านไปช้าๆพลางยักคิ้วให้ร่างเล็กที่เพิ่งหันมาเจอเขา
“เฮ้ยนาย! .. นี่เดี๋ยว” ซองมินตะโกนเรียกแต่คยูฮยอนก็ไม่ได้ยิน รถคันสี
“ ... แย่จริงๆ ไร้น้ำใจชะมัด” ว่าแล้วใบหน้าน่ารักก็งอง้ำลงอย่างไม่พอใจ
“ไม่ง้อก็ได้วะ” ซองมินหันหน้ามาที่รถตัวเองที่มันเครื่องดับไปอย่างไม่รู้สาเหตุ ใช่ว่าเขาขับเป็นอย่างเดียวแล้วแก้ปัญหาไม่ได้แต่ลองดูแล้วมันก็ยังไม่ดีขึ้น เขาหันซ้ายขวาก็ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีใครพอจะช่วยได้เลย ก็มันไม่มีคนเลยนี่นา .. คิดไปก็ตลกตัวเอง สงสัยว่าต้องเรียกช่างเสียแล้ว มือเล็กยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อจะกดเรียกช่างมาดูแต่ก็ดันมีสายเข้ามาเสียก่อน
“ครับ .. ครับ อีกหนึ่งชั่วโมง ครับได้ครับ ..ครับ” พูดจบแล้วก็วางหูไป ผู้ใหญ่โทรมา เรียกเขาให้เขาไปหาก่อนงานเริ่มเพราะฉะนั้นแล้วเขาคงรอซ่อมไม่ได้แล้ว ซองมินถอนหายใจเบากับเรื่องง่ายๆที่เขารู้สึกว่าตัวเองจะรู้สึกยุ่งยากไปเอง
“ไว้เดี๋ยวฝากช่างไว้แล้วกัน” เขาคิดอย่างนั้นแล้วจึงโทรหาช่าง ร่างเล็กยืนอยู่คนไม่นานนักก็เริ่มสังเกตเห็นรถคันที่เพิ่งผ่านไปตรงเข้ามาหาเขาแล้วจอดลงข้างๆที่ยืนอยู่ก่อนที่ขายาวของเจ้าของมันจะก้าวลงมา
“ไง รถเสียก็ไม่บอก”
“หึหึ แล้วดูไม่ออกรึไง”
“แล้วฉันจะตรัสรู้หรือไงล่ะ .. ช่างเหอะๆ มันเป็นไรว่ามา ฉันกำลังรีบ” คยูฮยอนบอกแต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์ไม่พอใจอะไรมากมายนัก ซองมินได้ยินก็ลองทายออกไปเล่นๆ
“รีบไปรับคุณดงแฮเหรอ” แต่มันดันถูกซะด้วยเมื่อคยูฮยอนทำหน้าเป็นเชิงไม่นึกว่าเขาจะรู้ ร่างสูงเปลี่ยนเรื่องโดยการเดินไปดูอาการของรถให้ซองมิน
“ฉันดูมันแล้วแต่ไม่ได้ผล กำลังรอช่างมา” ซองมินรีบบอกขึ้นมาก่อน
“งั้นเหรอ .. อืม แล้วนี่จะรอซ่อม”
“เปล่า จะไปบริษัทอีกหนึ่งชั่วโมง” คยูฮยอนมองคนตรงหน้าบอกตรงๆพร้อมกับท่าทางเฉยๆเลยแอบขำในใจ นี่รถแท็กซี่แถวนี้มันมีที่ไหนกัน
“รีบเหรอ”
“ก็ไม่เชิงอ่ะ อย่างที่บอกไงว่า..”
“งั้นมากับฉันแล้วกัน” พูดไม่ทันจบมือหนาก็คว้าข้อมือเล็กดึงเข้าหาตัว
“เฮ้ยปล่อย .. อะไรของนายเนี่ย”
“ก็ไปกับฉันไง”
“แต่...”
“เออน่า จะมาก็มาเหอะ ฉันเองก็รีบนะ” ไม่ทันไรช่างก็มาถึง ซองมินเลยปล่อยเลยตามเลยโดยการไปกับคยูฮยอนแล้วทิ้งรถเอาไว้ให้ช่าง และทั้งที่รู้ว่าต้องไปรับคุณดงแฮด้วยแต่เขาก็คิดว่าคงไม่เป็นปัญหากับตัวเองเท่าไหร่
เมื่อถึงเวลาที่ต่างคนต่างนัดกันแล้วดงแฮก็ออกมารอคยูฮยอนที่ห้องรับ
ซีวอนที่พาฮีชอลไปเล่นอยู่ในห้องของฮีชอลกับพี่เลี้ยง เมื่อถึงเวลาก็ออกมาแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปงานเลี้ยง เขารู้อยู่แก่ใจว่าคยูฮยอนนั้นคงกำลังจะมารับดงแฮไปด้วยกัน .. แต่ไม่มีทาง เขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่แคร์กันเลยแต่เขาก็ยังจะไม่ยอมแพ้ .. แม้จะเหนื่อยเต็มทีก็ตาม
“ดงแฮ มารออะไรเนี่ยซีวอนยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย” ฮันคยองถามน้องชายเมื่อเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ แต่อีกคนกลับไม่ตอบอะไรพลางถามกลับ
“แล้วพี่ล่ะ เค้ายังไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ”
“ใคร..”
“ซีวอนไง เค้ายังไม่เสร็จแล้วพี่มารอทำไมเร็วแบบนี้” ดงแฮว่าด้วยน้ำเสียงปกติ
“เปล่าหรอก พี่มารอคิบอมน่ะ แต่คงอีกนานมั้งเพราะยังไม่ถึงเวลานัด”
“ผมก็ไม่ได้รอซีวอนหรอกนะ แค่มารอคยูฮยอนน่ะ เค้าจะมารับผมไปด้วยกัน” ร่างบางแสร้งพูดออกไปด้วยอารมณ์ที่ดูจะมีความสุขในขณะที่คนฟังกลับทำหน้างุนงง แล้วอย่างนี้ซีวอนจะว่ายังไง ซีวอนจะยอมได้เหรอ . บางทีฮันคยองเองก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นแคร์ซีวอนอยู่มากเหมือนกัน เขากลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะคิดมากไปกว่าเดิมอีก ทำไมดงแฮถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ แต่ถึงยังไงทุกอย่างมันก็
เพราะเขาทั้งนั้น
ความผิดที่คอยกักขังความรู้สึกต่างๆของฮันคยองและซีวอนยังคงทำให้เขาทั้งสองเหมือนจมอยู่กับอดีตที่เป็นคนก่อมันขึ้นมา .. ทั้งที่พวกเขาพยายามทำปัจจุบันให้ดีขึ้น พยายามทำแต่เรื่องดีๆและไม่เอ่ยถึงเรื่องร้ายๆเพราะคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่า แต่จะรู้หรือไม่ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะยิ่งมัวรู้สึกผิดก็ยิ่งมองไม่เห็นอะไรที่เปลี่ยนไป และยิ่งปกปิด กลับยิ่งทำร้ายอีกคนมากขึ้นกว่าเดิม
“ดงแฮ พี่ขอร้องเถอะนะ เรื่องซีวอนน่ะ..”
“พี่ฮัน พี่อย่าพยายามเลยนะ ผมกับเค้าเราเข้ากันไม่ได้หรอก ผมเป็นผู้ชายนะ” ดงแฮบอกด้วยใบหน้าที่เฉยชา อยากจะบอกออกไปตรงๆเลยแต่ก็ทำไม่ได้ อยากถามเหมือนกันว่ามีแค่ซีวอนเหรอที่ผิด ไม่ใช่คนตรงหน้าเขาด้วยเหรอ คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มหยันในใจ เขามันโง่เป็นควายมานานเท่าไหร่แล้วนะ
“ดงแฮ ดงแฮ” ฮันคยองเอื้อมมือไปสะกิดเมื่อเห็นน้องชายเริ่มจะเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไร
“คิดอะไรอยู่น่ะ”
“อ๋อ .. เอ่อ คงถึงเวลาที่คยูฮยอนจะมารับแล้วผมไปรอหน้าบ้านดีกว่ากลัวเค้าไม่เห็น”
รถที่แล่นไปตามถนนเริ่มเลี้ยวออกไปยังชานเมืองรอบข้างที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่นัก ดวงตากลมจ้องมองคนที่ขับรถไปด้วยแววตาที่ออกอาการสงสัย
“มองอะไร” คยูฮยอนถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องเขาไม่วางตา
“เปล่าหรอก แค่สงสัยว่านายนี่มันท่าจะบ้าว่ะ ทำไมต้องไปรับคุณดงแฮเค้าด้วย”
“อ้าว ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ”
“ก็เค้ามีสามีแล้ว มีลูกแล้วด้วย นายชอบเค้าทำไมคนอื่นจะไม่รู้ น่าเกลียด” ได้ยินแบบนั้นคนฟังเองก็อดฉุนไม่ได้เหมือนกัน
“หึ นายชอบฉันรึไงถึงดูไม่พอใจแบบนี้”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย” พูดไม่ทันจบดีรถทั้งคันก็แล่นแอบออกข้างทางอย่างไม่ให้ตั้งตัว ซองมินร้องออกมาอย่างตกใจก่อนที่รถจะหยุดลงที่ข้างทาง
“นี่นายจะบ้ารึไงฮะ ทำอะไรของนายจะฆ่ากันรึไง” ใบหน้าน่ารักที่ตกใจยังไม่หายหันหน้ามาต่อว่าโวยวายใส่คยูฮยอนที่นั่งยิ้มกริ่มอย่างพอใจ ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าได้ลองแนบจุมพิตลงบนเรียวปากอิ่มสีชมพูที่คอยโวยวายด่าเขาอยู่นั้นมันจะเป็นยังไงนะ คงจะนุ่มอยู่ไม่น้อย
“ว่าแล้วยังไม่สำนึก งั้นฉันจะลงตรงนี้แหละ” ว่าแล้วก็เอื้อมมือจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกแต่ก็ถูกมือหนากำข้อมือตัวเองไว้แน่น ซองมินเงยหน้ามองอย่างเอาเรื่องทันที
“ลองเปิดประตูดูสิ ฉันจะปล้ำตรงนี้แหละ”
“ฮะ” ซองมินอ้าปากค้าง
“อย่ามาพูดอะไรบ้าๆนะเว้ย .. ปล่อย” มือเล็กบิดไปมาหาทางรอด
“ไม่ได้แค่พูดนะ แต่ทำจริง” คยูฮยอนแสร้งทำหน้าตาเอาจริงจนคนตรงหน้ารู้สึกกลัวอย่างห้ามไม่ได้ ร่างสูงแอบลอบยิ้มในใจกับการได้แกล้งกระต่ายน้อยอวดเก่งให้เลิกโวยวายแล้วทำตามที่เขาต้องการ
“ก็ปล่อยได้แล้วไง รีบขับรถไปสิฉันจะสายนะรู้มั้ยเล่า” ซองมินบังคับให้ตัวเองมีอาการปกติก่อนที่อีกฝ่ายจค่อยๆปล่อยมือเขาแล้วหันไปบังคับเครื่องยนต์ให้ออกไปแล่นตามถนนอย่างเดิมโดยไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยตลอดทางไปบ้านของ
ดงแฮ
ร่างบางที่พาตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้านในยามเย็นที่เริ่มจะพลบแล้วเพื่อรอคนที่นัดเอาไว้ ดงแฮเดินเล่นไปมาที่สนามหญ้าหน้าบ้านพลางชะเง้อมองไปที่ประตูเป็นระยะๆ
“ทำไมมาช้าจังนะ” สายตาที่มองไปเรื่อยๆตามกลุ่มพุ่มไม้ที่เดินผ่านพาให้ร่างของตัวเองเดินเลยไปจนถึงแปลงดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้ ดงแฮหยุดยืนมองพลางสงสัยว่าทำไมมันถึงได้โตขึ้นและไม่ได้ใกล้ตายอย่างที่เขาเห็นในตอนแรก ใบหน้าหวานได้แต่ทำหน้าฉงน
“ฉันเองแหละที่คอยมาดูแล” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้ดงแฮต้องหันไปมองร่างสูงอยู่ในชุดที่จะออกไปงานเลี้ยงของบริษัทเช่นกัน เสื้อตัวใหญ่บวกกับเนคไทสีเข้มและทรงผมเป็นระเบียบที่เข้ารูปทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูดีมีระดับขึ้นไปอีก ซีวอนเดินผ่านพุ่มไม้เล็กที่ถูกตัดแต่งอย่างดีตรงมาหาดงแฮ แต่อีกคนก็แค่มองหน้าเขาที่เดินเข้ามาใกล้เท่านั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ดวงตากลมหลบตาทันทีเมื่อซีวอนเหมือนจะพูดอะไรออกมาอีก
“มองหน้าฉันสิ”
“ไม่จำเป็น”
“หึ รอหมอนั่นมารับเหรอ คงไม่มาแล้วมั้งยังไม่เห็นแม้แต่เงา”
“เดี๋ยวเค้าก็มา ไม่รู้อะไรอย่ายุ่งดีกว่า” ดงแฮบอกก่อนที่จะก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ขากางเกงตัวยาวต้องเปื้อนดิน แต่ก็ต้องหยุดเมื่อซีวอนเอ่ยมาตามหลัง
“กลัวฉันงั้นเหรอ” ดงแฮไม่ตอบอะไรเอาแต่ยืนนิ่ง
“ว่าไงล่ะ”
“ฉันไม่ได้เกลียดนายหรอกนะ ก็แค่ขยะแขยงจนอยากจะคลื่นไส้ อยากรู้จังว่า...” ถ้าปล่อยให้พูดไปกว่านี้ซีวอนอาจจะได้รู้อะไรมากขึ้นก็เป็นได้ แต่สิ่งที่ทำอยู่คือตรงเข้าหาคนที่พูดไม่ทันจบแล้วคว้าร่างบางให้หันมารับจูบโดยไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ..อื้ม” ซีวอนกดริมฝีปากลงไปหนักๆบนเรียวปากของดงแฮ มือหนากอดรัดทั้งร่างเอาไว้แนบอกไม่ให้ดิ้นเขา .. ทั้งโกรธและเสียใจที่อีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้น เลยพลอยใช้กำลังไปแบบไม่ได้ตั้งใจ ดงแฮอ่อนแรงเมื่อซีวอนไม่ยอมปล่อย เรียวแขนภายใต้เสื้อนอกที่ไม่หนานักถูกบีบจนแทบทนไม่ไหว ซีวอนไม่ยอมถอนจูบให้และโอกาสเขาได้พูดอะไรเลย ผ่านไปไม่กี่นาทีแต่มันช่างยาวนานกับความเจ็บและเริ่มหายใจไม่ออก
“ดงแฮ คุณอยู่ไหนครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นไม่ไกลจากพวกเขานักแทรกผ่านความเงียบเข้ามาทำให้ซีวอนชะงัก สติของร่างสูงเริ่มกลับมาก่อนจะสนใจคนที่อยู่ในอ้อมกอด ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายทรมานแต่เขาก็ยังทำ เกลียดตัวเองจริงๆ
“ดงแฮ” ซีวอนเอ่ยขึ้นเบาๆในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้า คางมนถูกเชยขึ้นให้สบตาแต่แล้วมือบางก็รีบปัดมือที่สัมผัสตัวเองออกไป และยังไม่ทันจะได้ถอยออกมาเจ้าของเสียงที่พวกเขาได้ยินก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“คยูฮยอน” ดงแฮเอ่ยเมื่อหันไปเจอกันเข้าแต่ซีวอนก็ถือโอกาสรีบคว้าเอวบางเข้ามากอดไว้แน่นพลางเงยหน้ามองผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว มาได้ยังไงกันครับเนี่ย” คำพูดที่ดูสุภาพเกินไปกับท่าทางแบบนี้ทำไมคยูฮยอนจะดูไม่ออก ดงแฮปรับสีหน้าแทบไม่ถูกเนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาที ร่างบางถูกกอดไว้จนดิ้นไปไหนไม่ได้ ส่วนอีกคนที่ยืนมองคนรักเค้าอยู่ข้างกันก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ร่างสูงของคยูฮยอนก้าวเท้าเข้าไปใกล้กว่าเดิมก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแย้มตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับซีวอนที่ดูท่าว่าอาจเอาเรื่องเขาได้ถ้าขืนยุ่งมากกว่านี้ ดงแฮเองก็ได้แต่ยิ้มให้คยูฮยอนอย่างไม่รู้จะทำยังไง
“ไปกันเถอะครับดงแฮ”
“เอ่อ .. ซีวอน ฉันจะออกไปแล้ว” ดงแฮหันมาบอกเบาๆเพราะไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเวลาที่พวกเขาทะเลาะกัน ใบหน้าของคนที่รอได้แต่เลิกคิ้วรอคำตอบ เห็นแบบนั้นแล้วซีวอนก็แทบเก็บอารมณ์ไม่อยู่
“ว่าไงนะ เธอก็ต้องไปกับฉันสิ อ้อ .. พอดีภรรยาผมเค้าคงเปลี่ยนใจแล้วน่ะครับ” เสียงเย็นๆที่เก็บความรู้สึกเอาไว้เอ่ยออกไปด้วยสีหน้าอย่างเดิม ในตอนนี้เองก็คงขึ้นอยู่กับคนจะไปด้วยแล้วสินะ ดงแฮอึดอัดเพราะไม่อยากจะขัดแย้งกับซีวอน
ตรงนี้ แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีที่ทำให้คยูฮยอนต้องมาเจอนิสัยแย่ๆของซีวอน
ใบหน้าคมยิ้มไม่หุบพลางกอดร่างบางเข้าหาตัวเองมากขึ้นในขณะที่
“งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ผมไปก่อนแล้วกันนะครับดงแฮ พอดีว่ามีคนติดรถมาด้วยน่ะครับผม เลยมารับคุณช้าไปหน่อย ขอโทษด้วยแล้วกัน..” คยูฮยอนหันหลังกลับเพื่อที่จะเดินออกมาแต่แล้วก็เป็นไปตามคาด
“เดี๋ยวก่อนคยูฮยอน!” ดงแฮตะโกนเรียกเขาเอาไว้ทำให้ซีวอนทำหน้าไม่พอใจ แล้วจังหวะเดียวกันนั้นเองเจ้าของบ้านอีกคนก็โผล่เข้ามาพอดี
“ดงแฮ..” ฮันคยองเอ่ยขึ้นเมื่อนึกว่าทำไมคยูฮยอนที่อาสามาเดินมาเรียกดงแฮเองถึงได้หายไปนานทั้งที่ก็แค่สวนข้างบ้านเท่านั้น แต่เขาก็หายแปลกใจไปมากเมื่อเห็นว่าไม่ได้มีแค่คนสองคนอย่างที่คิดไว้ ดงแฮเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนหยุดเดินก็รีบดันตัวเองออกมาจากซีวอนทันที และแน่นอน ถ้าเจ้าตัวอยากจะไปขนาดนั้น
.. ซีวอนก็ไม่อยากจะรั้งเอาไว้
เขาใจอ่อนปล่อยมือไปให้คนข้างกายวิ่งออกไปหาอีกคนที่ยืนรออยู่ ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำร้ายความรู้สึกของเขาแค่ไหนดงแฮเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้
ดวงตากลมเหลือบหันมามองหน้าเขาเพียงแวบเดียวก่อนจะดึงให้คยูฮยอนเดินตามออกไปที่หน้าบ้านเหลือเพียงฮันคยองเท่านั้นที่ยืนมองซีวอนอยู่อย่างเข้าใจ ใบหน้าคมได้แต่เบี่ยงไปอีกทางโดยไม่สบตาอีกคู่ที่มองมาเลย เขาหลับตาลงเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แล้วมือบางคู่หนึ่งก็สัมผัสเข้าที่มือของเขา
“ฮัน ..”
“อืม ฉันยังอยู่ข้างนายนะซีวอน” .. ถึงจะได้แค่ยืนข้างๆเหมือนเมื่อก่อนไม่มีทางมากกว่านั้น แต่ฉันก็ยังหวังดีกับนายแม้ว่าความรู้สึกในตอนนี้จะไม่เหมือนในตอนนั้นแล้วก็ตาม
ซองมินนั่งดื่มน้ำรอทุกคนที่ห้องรับแขกหลังจากที่ฮันคยองขอตัวออกไปตาม มือเล็กกุมแก้วไว้พลางกลิ้งกลอกดวงตาไปมาเมื่อสังเกตว่าสาวใช้สองสามคนกำลังมองเขาอยู่ ร่างเล็กรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งอันที่จริงแล้วก็หารู้ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองนั้นออกไปทางน่ารักเสียต่างจากผู้ชายทั่วไปต่างหากถึงได้ถูกมองอย่างสนใจ
“อะไรกันเนี่ย..” อุทานเบาๆกับตัวเองแล้วก็ต้องหยุดเมื่อคนอื่นๆเดินเข้ามาในห้องรับแขกกันหมด ซองมินเอ่ยทักทายดงแฮและซีวอนที่เดินตามเข้ามาพร้อมฮันคยองอีกที และไม่นานนักซองมินก็เอ่ยปากชวนคยูฮยอนให้ออกมาจากบ้านเสียทีเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายคงมีปัญหากับการชอบคุณดงแฮอยู่เป็นแน่ ทั้งที่ซีวอนเอาแต่เงียบแต่เขาก็รู้ดีว่าไม่ควร
ร่างสูงเจ้าของรถเดินมาเปิดประตูด้านข้างให้ดงแฮอย่างนุ่มนวลก่อนจะไปประจำที่คนขับทิ้งให้ซองมินรีบวิ่งขึ้นมานั่งอยู่บนเบาะหลังอย่างไร้ตัวตน
“ชิ .. น่าเกลียดชะมัด” เสียงเล็กบ่นออกมาแต่คยูฮยอนก็แกล้งไม่ได้ยินเพราะเขากำลังคอยเทคแคร์คนข้างๆอยู่ตลอดเวลาที่นั่งรถกันไปจนบางทีซองมินรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นเอามากก็ต้องหันหน้ามองออกไปข้างนอกแทน ดงแฮเอาแต่ยิ้มบางๆเมื่อคยูฮยอนหันมา เขารู้สึกแปลกใจที่ตัวเองเหมือนไม่เต็มที่กับเพื่อนใหม่คนนี้เลย เพราะอะไรกัน .. เพราะแววตาของใครบางคนที่เขาเห็นก่อนออกมางั้นเหรอ
.. แต่จะต้องแคร์ทำไมล่ะ นายมันแค่คนหลอกลวงไม่ใช่รึไงซีวอน
“ซีวอน .. ซีวอน” ฮันคยองเขย่าแขนเขาเบาๆให้เงยหน้าขึ้น
“นายเป็นอะไรซีวอน .. นี่ ฟังบ้างมั้ยฮะ” พูดจบก็ถูกดึงให้ลุกขึ้นจากโซฟาตัวนุ่ม แรงของร่างสูงทำให้เขาต้องเดินตามออกมาที่หน้าบ้าน ลมเย็นๆพัดมาพาเอาความหนาวมาด้วย
“ฮัน .. ฉันควรทำไงดี” ซีวอนกำมืออีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะเอาแต่
“ใจเย็นนะ นายใจเย็นๆก่อนเข้าใจรึเปล่า” มือบางกอบกุมเข้าที่มือหนาพลางกล่าวปลอบใจ แต่ดูท่าว่าอีกคนจะเริ่มไม่ไหวเต็มที
“มันเหนื่อยนะรู้รึเปล่า” น้ำเสียงอ่อนแรงที่ฮันคยองได้ฟังทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่ทิ้งให้ซีวอนอยู่คนเดียว เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา
“มันจะสายแล้วนะ ไปกันเถอะซีวอน”
“ไม่แล้วล่ะ .. อืม ไปเหอะฉันไม่อยากไปแล้ว”
“นี่จะบ้ารึไง ไปเดี๋ยวนี้เลย” เมื่อซีวอนไม่ขยับฮันคยองเลยกึ่งดึงกึ่งลากให้ร่างที่ใหญ่โตกว่าเขาเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วตรงไปที่รถ ซีวอนถอนหายใจเบาๆก่อนจะขึ้นรถไปพร้อมกับฮันคยองที่นั่งไปด้วยข้างๆ
รถที่ซีวอนขับออกไปอีกทางทำให้คนที่ขับรถอีกคันมาต้องมองตามไป เวลาเริ่มพลบค่ำแล้ว เขาก็มองเห็นแค่ว่าเป็นรถของเพื่อนตัวเองแต่ไม่เห็นว่ามีใครข้างในบ้าง แต่ก็คงไม่พ้นซีวอนกับดงแฮอยู่แล้ว
“รอนานรึเปล่านะ” คิบอมเอ่ยกับตัวเองเมื่อเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ร่างสูงเดินออกมาด้วยรอยยิ้มเพราะอยากเจอคนที่เขาจะมารับ แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วเขาก็กำลังกดรับมัน
“พี่ฮัน .. ครับ เหรอ ครับ .. ไม่เป็นไร โอเคเจอกัน” พูดจบก็ตัดสายไป
หรือว่าตอนนี้มันจะจริงอย่างที่คิดไว้ แค่ความสุขอันแสนสั้นของคิบอมนั้นต้องพลันหายไปเมื่อมาพบกับความจริงที่ว่าฮันคยองแคร์ซีวอนมากแค่ไหน .. ไม่เหมือนกับเขาคนนี้ คิม คิบอมคนนี้
.
.
Tbc. Chapter 14
ความคิดเห็น