คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Make me blind , make me cry. (1)
[SF] Make me blind , make me cry.
Rate : PG-13
Author : Gornhai (gorn_dbsk)
.. ความรักของผม ต่อให้มันผิดบาปแค่ไหนผมก็พร้อมจะยอมรับ ทั้งหมดมันเพราะผมเองที่บังอาจไปยุ่งกับของๆคนอื่น คนอย่างผมเลยต้องเจ็บปวดเพราะไปรักคนอย่างคุณ
จูบอันแสนหอมหวานเมื่อก่อนหน้ายังคงพาให้ใจล่องลอยไปหาใครคนนั้น แก้มสีขาวอมชมพูระเรื่อสีขึ้นมาในยามที่อยู่คนเดียว พรุ่งนี้วันเกิดของคนที่เขารักสุดหัวใจ แล้วทำไมเขาถึงจะไม่ใส่ใจล่ะ
ความตั้งใจที่มีมากเกินกว่าปกติถูกใส่ลงไปในเค้กช็อคโกแล็ตก้อนเล็กที่กำลังลงมือทำมันออกมา กลิ่นหอมกรุ่นเมื่อตอนที่มันจวนจะเสร็จเต็มที่ลอยฉุยออกมาจากเตาอบขนาดเล็ก ร่างเล็กที่นั่งคอยด้วยหัวใจจดจ่อยิ้มแก้มแทบปริทั้งที่ไม่แน่ใจนักว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจทำมันมากที่สุดต่างหาก
“หวังว่าคุณจะชอบมันนะ ..”
สิบสี่มกราคม พรุ่งนี้แล้วสินะ
.. ความหวานชื่นจะพาให้อกตรมเมื่อใด ใจดวงนี้จะพึงรู้ตอนไหน ..
ร่างเล็กของชายหนุ่มในชุดทำงานกำลังเร่งรีบจัดการตัวเองให้ออกมาทันเวลา พยอนแพคฮยอนวิ่งผ่านประตูหน้าบ้านหลังเล็กของตัวเองที่อาศัยอยู่คนเดียวออกมาพร้อมๆกับกระเป๋าและถุงกระดา
ษที่บรรจุบางอย่างเอาไว้
ใบหน้าน่ารักมีแววตื่นตระหนกเมื่อนาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาว่าตัวเองกำลังช้ามาก ไม่ใช่ว่าจะต้องวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ด้านนอกหรอกนะ แต่เพราะมันสำคัญกว่านั้นน่ะสิ.. ใครบางคนที่วันนี้บอกจะมารับ
สิบนาที .. เขาช้าไปสิบนาที
แพคฮยอนหมดเวลาแก้ตัวแล้วล่ะมั้ง ผู้ชายใจร้ายคนนั้นคงไม่คิดจะรอเขาหรอก
“ถ้าชักช้าคงรู้นะว่าฉันไม่เสียเวลารอ”
ประโยคที่เคยได้ฟังบ่อยๆดังขึ้นมาในหัว จริงอยู่ที่รู้ว่าคนๆนั้นคงไม่เสียเวลากับคนอย่างเขา แต่เพราะไม่เคยให้อีกฝ่ายต้องรอ เพราะงั้นครั้งนี้คงจะ ..
ปิ๊น!!!!!!!!
เสียงแตรรถคันหรูแผดก้องไปทั่วบริเวณจนบางคนข้างบ้านที่ยังไม่ตื่นต้องโผล่หน้าออกมาดูอย่างรำคาญใจ รถทั้งคันเคลื่อนมาจอดเต็มสายตาของเจ้าของบ้าน ก่อนที่เขาจะได้สติขึ้นมาเมื่อเสียงที่คุ้นเคยจะตะโกนออกมาจากด้านคนขับ
“ยืนบื้ออยู่นั่นแหละ ...” คิมจงอินผู้แสนเย็นชาตวัดสายตาเบื่อหน่ายมาให้ แต่เพียงเท่านั้นคนที่ได้รับก็ใจชื้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน แพคฮยอนรู้สึกเกินคาดที่อีกฝ่ายยังรอกันอยู่ จึงรีบวิ่งผ่านประตูรั้วเข้ามาประจำที่นั่งข้างคนขับในรถ ก่อนที่พาหนะคันนี้จะพาพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า
ท่าทางหงุดหงิดอย่างนี้ให้เขาเดาคงไม่มีอะไรหรอก เพราะมันก็เป็นปกติประจำอยู่แล้ว
ช่างเถอะ คิมจงอินที่เป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดในชีวิตของพยอนแพคฮยอน..ก็ไม่เคยมีความรักให้กันอยู่แล้ว
นึกขึ้นมาถึงตรงนี้ทีไร รอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเศร้าสร้อยออกมาแทนที่ ตลอดทางที่นั่งมาเขาเงียบไปจนคนข้างกายเริ่มสังเกตและรู้สึกได้
“เป็นอะไร”
“ปะ เปล่าหรอก .. ผมแค่” แพคฮยอนไม่ตอบจงอินที่หันมาถามขณะที่ขับรถออกไป แค่เลขาหน้าห้องทำงานอย่างเขาจะมีค่าอะไรให้เจ้านายคนนี้ใส่ใจ ไม่เคยลืมหรอก แพคฮยอนไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นอะไร แค่ของเล่น แค่ที่ระบาย แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เค้านึกอยากจะร้ายก็ร้ายด้วย อยากจะดีด้วยก็ดี
.. อยากทำอะไรก็ทำ
เช้าที่สดใสเลยกลายเป็นดั่งอารมณ์ที่มัวหม่นอยู่ในใจเป็นทุนเดิม
“ฉันถามว่าเป็นอะไร”
“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าวันนี้รถไม่ค่อยติดเลยว่ามั้ย” ว่าไปนั่นพร้อมกับสีหน้ากลบเกลื่อน น้ำตาเม็ดเล็กๆกำลังปริ่มออกมาคลอดวงตาคู่เรียว แพคฮยอนยิ้มบ้างพูดบ้างทั้งที่ก็พยายามไม่มองหน้าจงอินอยู่ดี
และนั่นยิ่งทำให้ร่างสูงชักหงุดหงิดขึ้นมาจนทนไม่ไหว สุดท้ายรถทั้งคันเลยจอดลงเทียบข้างทางอย่างรวดเร็ว
“คุณจอดทำไมครับ” เรียวคิ้วของคนนั่งมาด้วยขมวดเข้าหากันอย่าสงสัยพลางมองหน้าอีกฝ่าย จงอินดึงเข็มขัดตัวเองออกก่อนจะโถมตัวเข้าหาคนตัวเล็กกว่าตรงหน้า
“อ๊ะ.. คุณจะทำอะไรน่ะ” แพคฮยอนไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ หรือแม้แต่คำตอบของจงอินมันก็ถูกแทนเอาไว้ด้วยปลายจมูกที่แนบอยู่กับพวงแก้มเนียน ไออุ่นจากจงอินแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของแพคฮยอน หารู้ไม่ว่าผิวนิ่มๆของตัวเองกำลังจะถูกกลืนกินไปพร้อมๆกับลมหายใจเข้าออกของอีกฝ่ายแล้ว กระซิบทุ้มต่ำดังขึ้นคลอเคลียอยู่ที่ใบหู ไม่ต่างกับร่างกายที่แนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง
แพคฮยอนเบือนหน้าหลบจึงทำให้ใบหน้าคมไขว่คว้าความหอมละมุนที่ซอกคอขาวนั่นได้อย่างง่ายดาย แก้มเนียนของคนที่เอาแต่หลับตากำลังเป็นสีชมพูอย่างปิดไม่มิดจนคนที่แอบมองอยู่เริ่มจะอดใจไม่ไหว
“เงียบทำไม ..ฉันถามทำไมไม่ตอบ”
“คือ ผม..”
“พยอนแพคฮยอน ฉันสั่งอยู่รู้รึเปล่า”
จงอินรู้สึกว่าตัวเองกำลังรุกรานคนในอ้อมกอดจนไม่สามารถจะถอนตัวออกได้ สองมือที่ล็อคร่างเล็กเอาไว้ค่อยๆเคลื่อนลงไปสัมผัสลูบไล้เรียวขาภายใต้ผ้าเนื้อบางคู่นั้น
“อ๊ะ ..อย่าทำแบบนี้สิคุณจงอิน”
“หืม แบบนี้อะไร ทำเหมือนไม่เคย” แพคฮยอนรู้สึกเหมือนใครเอามีดมากรีดที่ใจทุกทีที่เขาถูกตอกย้ำให้รู้ว่ามีอะไรกับผู้ชายคนนี้ๆมากี่ครั้งบ้างแล้ว และหากจะเจ็บก็เจ็บตรงที่ว่าเป็นได้แค่ของเล่นที่ไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย
น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นลงบนเสื้อของอีกฝ่ายที่กำลังครอบครองร่างกายของเขาอยู่ไม่ยอมปล่อย
“ว่าไงล่ะ ถ้าไม่พูดเนี่ย อย่าหาว่าฉันใจร้ายนะ” แม้คำขู่จะฟังดูน่ากลัว แต่คนพูดจงใจใช้น้ำเสียงให้ฟังดูราวกับขู่เด็กน้อยให้เชื่อฟังเขาแต่โดยดี
มือสากลากไล้เข้าไปภายในเสื้อทำงานของร่างเล็กโดยไม่สนใจเลยว่ามันจะหลุดลุ่ยออกมาในสภาพไหน แพคฮยอนรู้ดีว่าจงอินกำลังแกล้งเขา ในเมื่อทั้งรู้อยู่แก่ใจแล้วจะให้พูดออกมาทำไม จะให้บอกเหรอว่าเขากำลังน้อยเนื้อต่ำใจในสิ่งที่เป็น จะให้บอกใช่ไหมว่าพยอนแพคฮยอนคนนี้ไม่ได้อยากเป็นคนไร้ค่าที่ต้องแอบมีอะไรกับคนรักของคนอื่น
“อ๊ะ .. คุณจงอิน” เสียงหวานๆที่เริ่มครวญครางเรียกร้องอิสระให้ตัวเองนั้นกำลังจะหายไป เมื่อไม่นานเรียวปากอิ่มจะถูกครอบครองไว้ด้วยอันเร่าร้อนที่ร่างสูงมอบให้
เสียงครางอือดังไปทั่วทั้งคันรถกระตุ้นให้ชายหนุ่มในชุดสูทเริ่มทนความต้องการไม่ไหว ร่างสูงไม่รอช้าที่จะรั้งเอาร่างข้างกายให้ข้ามมายังฝั่งของเขา แพคฮยอนทำหน้าแทบไม่ถูกกับสภาพที่ต้องมานั่งคร่อมอยู่บนตักของจงอิน แรงกอดรัดรั้งเอวบางให้แนบสนิทกับเขาจนแทบไม่มีช่องว่าง
จงอินถอดเสื้อนอกออกเหลือไว้เพียงเชิ้ตสีเข้มที่เขาปลดกระดุมมันออกแค่ไม่กี่เม็ด ต่างกับคนในอ้อมกอดของเขาที่แม้จะอยู่ในชุดๆเดิมแต่มันก็หลุดลุ่ยจนไม่เหลือชิ้นดีเพราะฝีมือของเขาคนนี้
ผิวขาวเนียนละเอียดชวนให้เขาลุ่มหลงทุกครั้งอย่างไม่เคยเบื่อ ร่างกายนี้ไม่มีทางจะเป็นของใครได้อีกแล้วนอกจากเขาคนเดียวที่เป็นเจ้าของมันคนแรก และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
“อือ อ๊ะ .. ตอบ ..ฮึก ผมตอบแล้วก็ได้ โปรดหยุดเถอะครับ” เสียงครางหวานพยายามจะเปล่งคำพูดออกมาเพื่อเอาตัวรอด แรงสั่นสะเทือนที่ส่วนล่างกลับยิ่งพาให้เขาพูดมันออกไปยากกว่าเดิม จงอินฟังแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มกับคนในอ้อมกอด ดื้อเสียจริงนะ ก็รู้ทั้งรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์
“ไม่ทันแล้วล่ะ ต่อให้นายพูดอะไรตอนนี้ฉันคงไม่คิดจะหยุด” จงอินเงยหน้ามองแพคฮยอนที่เอาแต่หลบตาเขา สุดท้ายร่างเล็กจึงเลือกจะซบหน้าลงไปที่บ่าของอีกฝ่าย ใบหน้าคมยิ้มอย่างย่ามใจก่อนจะเกี่ยวเรียวขาสองข้างยึดแน่นไว้ที่หน้าตักตัวเองพลางขยับสะโพกมนขึ้นลงอย่า
งไม่คิดจะฟังเสียงห้ามปรามของเจ้าของมัน
“อ๊ะ ....พอเถอะครับ เดี๋ยวใครเค้า .. อึก คุณจงอิน”
แพคฮยอนโอบกระชับรอบคอร่างสูงไว้แน่นกว่าเดิมเมื่อบางที่แทรกผ่านตัวเขาเข้ามากำลังเริ่มรุกล้ำเข้าออกอย่างหนักหน่วงกว่าเดิม
เสียงครางหวานคลอไปกับบทรักร้อนแรงที่ตนเองเป็นเหมือนสิ่งดึงดูดโดยไม่ตั้งใจ ทุกอย่างที่เป็นเพียงความลับกำลังดำเนินไปอย่างทุกครั้งที่เคย ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
.. ผมน่ะ ไม่ได้อยากเป็นแค่ที่ระบาย แต่คงไม่มีทางได้เป็นตัวจริงของคุณอยู่ดี เพราะงั้นแค่นี้ก็มากพอสำหรับผมแล้ว
-----------
การมาถึงสายกว่าเวลาที่ควรนั้นทำให้หลายคนกำลังจับจ้องทั้งคู่อย่างนึกสงสัย แต่มันไม่มีอะไรน่าแปลกหรอกนอกเสียจากว่าท่าทางแปลกๆของคุณเลขาที่เดินก้มหน้าตามหลังเจ้านาย ไม่เท่าไหร่ ที่แปลกไปก็คือเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่และรอยสีชมพูที่ลำคอของแพคฮยอน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนอื่นเห็นออกบ่อย หากแต่ไม่มีใครอยากหางานใหม่ทำจึงไม่มีหัวข้อสนทนาเรื่องนี้เกิดขึ้น
“หึ ..” จงอินปรายตามองร่างของคนข้างกายที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ดูมีพิรุธอยู่ร่ำไป แพคฮยอนเพียงแค่มีสีหน้าลำบากใจตอบกลับไปให้ แต่ก็เท่านั้น มันไม่เคยมีความหมายในสายตาของจงอินอยู่แล้ว
เพราะสำหรับไม่ว่าคนอื่นจะมองยังไงก็ช่าง ยิ่งรู้สิยิ่งดี ว่าคนๆนี้มีเขาเป็นเจ้าของเพียงแค่คนเดียว
วันนี้เป็นวันเกิดของจงอิน แพคฮยอนที่นั่งจ้องมองเค้กที่เขาห่อไว้อย่างดีเพื่อรอเวลานั้นคงลืมบางอย่างไปเสียสนิท
บางอย่างที่รู้ทั้งรู้แต่ไม่เคยจำเสียที
วันทั้งวันผ่านไปโดยไม่มีการเอ่ยถึงเรื่องวันเกิดอะไรกันทั้งสิ้น และเย็นนี้เองที่จงอินบอกว่าให้เขารอเพราะจะไปส่งที่บ้าน และแล้วก็ได้เวลากลับบ้านเสียที แพคฮยอนนึกขอบใจที่พักนี้ไม่ค่อยมีงานหนักเข้ามาให้ต้องรับผิดชอบ ใบหน้าขาวผ่องยิ้มสดใสให้กับกล่องเค้กเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
พอนึกถึงที่อีกฝ่ายบอกให้รอ หัวใจดวงน้อยก็พองโตอย่างฉุดไม่อยู่ และทันทีที่ประตูห้องของเจ้านายคนสำคัญเปิดออก
แพคฮยอนหยิบถุงกระดาษลายเรียบๆที่ข้างในมีกล่องเค้กซึ่งเตรียมเอาไว้ให้จงอินขึ้นมา เขาหันกลับพร้อมทั้งก้าวขาออกไปหาอีกฝ่ายเพื่อหวังจะทำในสิ่งที่ตั้งใจ
แต่แล้ว
“จงอิน .. เลิกงานแล้วเหรอ”
เสียงหวานใสของใครอีกคนเดินผ่านเขาไปหาร่างสูงที่ยังไม่ทันจะได้สบตากันดี
“ลูฮาน คุณมาได้ไงเนี่ย” จงอินเอ่ยถามอย่างแปลกใจที่เห็นใครอีกคนโผล่เข้ามาหา ร่างบางของลูฮานตรงเข้าไปยืนเคียงข้างกับจงอิน ใบหน้าหวานหันมายิ้มให้เขานิดหน่อยก่อนจะหันไปหาคนรักของตัวเอง
.. คู่หมั้นคุณมาแล้วนี่
ดวงตาหม่นลงโดยไม่มีใครเห็น แพคฮยอนเก็บถุงกล่องเค้กที่ถือเอาไว้หลบไปข้างหลัง ขณะที่สายตาจะอดมองคนทั้งคู่ไม่ได้ ก็ในเมื่ออยู่ด้วยแบบนี้ เขาไม่อยากมองก็ต้องมอง
“เซอร์ไพรส์!! สุขสันต์วันเกิด” คุณลูฮานที่แสนดีและเพียบพร้อมทุกอย่างกำลังทำให้คนรักของตนแปลกใจกับสิ่งที่ยื่นออกไปให้ กล่องเค้กขนาดที่ไม่ต่างกันมากนักกับของแพคฮยอน แต่มันกลับดูดีกว่าไปเสียหมด กล่องสีแดงผูกไว้ด้วยโบสีเงินช่างดูดีไม่มีที่ติสมกับเป็นอีกฝ่ายจริงๆ
ใบหน้าคมที่ยังตั้งตัวไม่ทัน เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นที่แสนน่ารักของเขาตั้งใจยื่นมาให้เลยต้องยิ้มกว้างและรับเอาไว้อย่างดีใจ
“อะไรเนี่ย อย่าบอกนะว่าคุณทำเอง”
“ใช่แล้วจงอิน ฉันเพิ่งทำครั้งแรกเองนะ .. แต่ว่า ถ้านายลองชิมแล้วมันแปลกๆ ก็อย่าว่ากันเลยนะ” ลูฮานยิ้มแห้งแต่มันดูน่ารักน่าทะนุถนอมจนคนตรงหน้าต้องทำโทษด้วยการหยิกไปที่แก้มเบาๆ
“ใครว่าล่ะ แค่คุณทำผมก็ว่ามันอร่อยหมดนั้นแหละ”
“บ้าจริง ไม่ต้องมาแกล้งชมกันก็ได้น่ะ”
“อย่าโกรธสิครับ ล้อเล่นหรอกน่า ฮะฮะ”
คนทั้งสองหยอกล้อกันไปมาราวกับมีกันแค่สองคน แพคฮยอนที่ยืนมองอยู่กำลังนิ่งไปด้วยความรู้สึกอิจฉา ระคนน้อยเนื้อต่ำใจกับสภาพของตัวเองที่เป็นอยู่ จงอินคงไม่ใช่ไม่คิด แต่เขาคงกำลังลืมไปแล้วว่ามากกว่าว่ามีอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้
สายตาคมลอบมองมาที่เขาและเผลอสบตากันโดยบังเอิญ แล้วเสียงโทรศัพท์ของใครสักคนก็ดังขึ้นขัดทุกอย่างลง
“รอแป๊บนะจงอิน คุณพ่อโทรมาน่ะ” ลูฮานขอตัวไปรับสายด้านนอกอีกฝั่งหนึ่งทิ้งให้อีกสองคนยืนอยู่กันตามลำพัง
เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็มากพอที่ร่างสูงจะชายตามองมาที่ใครอีกคนที่ยืนอยู่
แพคฮยอนรู้สึกตัวจึงหลบสายตาคู่นั้นมาอีกทางขณะที่จะยืนหันเข้าหาโต๊ะทำงานของตัวเอง เขาจงใจจะซ่อนถุงที่กำมันจนยับเอาไว้อีกด้าน แต่มีหรือที่จะพ้นสายตาของคนที่เฝ้ามองอยู่
“อะไรน่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเข้ามาใกล้อย่างไม่รอช้า แพคฮยอนยืนหันหลังให้จงอินที่ยืนแนบอยู่ข้างหลังเขาอีกที ใบหน้าคมโน้มลงมากับกลุ่มผมนุ่มของอีกฝ่าย
แพคฮยอนไม่ตอบอะไรนอกจากบอกปัดๆไปอย่างทุกครั้งที่ต้องการหลีกเลี่ยง มือบางสั่นน้อยๆไม่ต่างกับหัวใจที่กำลังสั่นไหว
“ฉันถามว่านั่นอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ .. ก็พวกขนมของผมเนี่ยแหละ” ว่าแล้วก็กำลังจะยัดมันลงในกระเป๋า ซึ่งก็เป็นอีกครั้งแล้วที่ไม่ทันคนด้านหลัง แขนยาวโอบรอบร่างเล็กเอาไว้แน่นไม่ปล่อยให้หลุดไปไหน ก่อนที่จะคว้าเอาถุงนั้นมาไว้ในมือ
“อ๊ะ นี่ .. ปล่อยผมเถอะนะครับ เดี๋ยวคุณลูฮาน ..”
“ไม่ต้องพูดเลย นี่อะไร อย่าบอกนะว่าจะให้ฉัน”
“ไม่ใช่นะคือ...” แพคฮยอนอยากจะหันหน้าไปแย่งเอาของตัวเองคืนก็ทำไม่ได้ในเมื่อถูกอ้อมแขนแกร่งล็อคเอาไว้ไม่ยอมให้ขยับ สันจมูกโด่งแนบลงสูดความหอมจากซอกคอหอมๆอย่างที่ชอบทำประจำ และนั่นมันก็ทำให้แพคฮยอนหวั่นไหวได้ไม่ยาก พวงแก้มของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที นึกโกรธตัวเองไม่หายที่เวลาอย่างนี้ยังจะมาหวั่นไหวกับคนๆนี้อีกได้ยังไง
“ปล่อยผมได้รึยัง”
“ไม่ .. บอกมาก่อนสิว่านี่นายให้ฉัน ไม่งั้นก็ไม่ปล่อย”
“นี่คุณ อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย เดี๋ยวคุณลูฮานก็กลับเข้ามาแล้ว”
“งั้นนายก็บอกสิ ว่าให้ฉัน”
“ก็ผมไม่ได้..”
“งั้นก็ให้ลูฮานมาเห็นอย่างนี้แหละ”
จงอินกำลังยกยิ้มกับเงื่อนไขที่ตัวเองสร้างขึ้นให้อีกฝ่ายทำตามโดยไม่มีข้อแม้ ดวงตาคมที่เคยนิ่งสนิทกำลังมองถุงในมืออย่างพออกพอใจ เขารู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดหยุดดิ้นแล้ว
“ว่าไง..”
“ครับ เค้กนั่นผมให้คุณ” ว่าแล้วก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ตอบอะไรอีก แพคฮยอนหน้าบูดและเงียบไป คนฟังที่ได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งไปเช่นเดียวกัน
“ทำเองล่ะสิ”
“คุณรู้ได้ไง”
“คนอย่างพยอนแพคฮยอน .. ถ้าไม่ทำเองก็ไม่ใช่นายแล้วล่ะ” จงอินบอกตรงๆเหมือนรู้จักแพคฮยอนดี ซึ่งเขาก็คิดว่าตัวเองรู้จักอีกฝ่ายดีในระดับหนึ่ง
สักพักชายหนุ่มก็ต้องรีบคลายอ้อมแขนออกจากร่างของแพคฮยอนก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าของลูฮานที่กำลังจะเดินเข้ามา ร่างสูงดึงคนที่หันหลังให้เขามาเผชิญหน้ากันตรงๆ
“นายกลับเองนะวันนี้” น้ำเสียงเย็นชาอย่างเคยเอ่ยสั่งให้คนฟังจำต้องยอมรับ แพคฮยอนพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ ความเสียใจแผ่กระจายไปทั่วทั้งความรู้สึกแต่สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือยืนก้มหน้ากับตัวเองไม่มีปากมีเสียงอ
ะไรอย่างทุกที
แต่แล้วจุมพิตเบาๆที่ฉกฉวยลงบนแก้มของเขาก็ทำให้ต้องเงยขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำใสถูกมือหนาเช็ดมันออกให้อย่างแผ่วเบา
“หึ .. อย่าร้องสิ” จงอินว่าพลางรีบวางถุงในมือลงที่โต๊ะของแพคฮยอน ใบหน้าคมกระตุกยิ้มอย่างคนร้ายกาจดังทุกทีที่ชอบทำ
“กลับดีๆล่ะ”
“อ้อ .. เค้กน่ะ ขอฝากไว้ก่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้จะไปกิน”
ว่าแล้วก็หันหลังเดินจากไป จงอินเอื้อมมือโอบรอบเอวของลูฮานที่ยืนยิ้มเข้ามาพลางพาคู่หมั้นของเขาเดินออกไปพร้อมกัน
“วันเกิดนายไปฉลองที่ไหนดีนะจงอิน”
“อืม แล้วแต่คุณเถอะนะลูฮาน”
รอยยิ้มอบอุ่นที่จงอินมอบให้ลูฮาน ทำไมนะแพคฮยอนถึงไม่เคยได้ ..สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เพียงแค่มองคนทั้งคู่เดินกอดกันออกจากที่ตรงนี้ไป
มือข้างหนึ่งยกขึ้นสัมผัสเบาๆบนหน้าตัวเองที่โดนหอมแก้ม เขาควรจะดีใจหรือว่าเสียใจดีล่ะ
ควรจะดีใจที่อีกฝ่ายบอกจะมาหาอย่างที่เคยมา หรือเสียใจที่มันก็ได้แค่นั้น
“ฮึก ...” แม้จะเก็บกลั้นเสียงสะอื้นไห้กับตัวเองเอาไว้ แต่มีหรือที่จะหลอกตัวเองต่อไปได้ว่าความจริงคืออะไร มันทำใจง่ายมากไหมหากว่ารักข้างเดียวครั้งนี้จะพัฒนาขึ้นมาจนถึงตรงนี้
แพคฮยอนได้เพียงแค่รักข้างเดียวมาตลอด จะเรียกว่าโชคดีหรือว่าบังเอิญล่ะที่สิ่งที่ไม่ได้คาดหวังนั้นกลับเกิดขึ้น เขาได้มองหน้าจงอินใกล้ๆ ได้เดินด้วยกัน ได้เป็นมากกว่าแค่เลขากับเจ้านาย
ที่สำคัญ ได้อ้อมกอดจากคนๆนั้น .. แต่ไม่เคยได้หัวใจ
----------
เวลาล่วงเลยจากยามเย็นเข้าสู่ราตรีที่แสนโดดเดี่ยว
เข็มนาฬิกาที่ผนังห้องนอนในบ้านหลังเล็กบอกว่ากำลังเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว ร่างเล็กในชุดนอนแบบเรียบๆตั้งแต่กลับบ้านมาเอาแต่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงเนิ่นนานจนลืมความง่วงไปโดยปริยาย
ดวงตาที่นองไปด้วยน้ำตาเมื่อก่อนนี้เหลือเพียงคราบของมันที่แห้งติดอยู่บนพวงแก้ม เขาเหม่อมองนาฬิกาสลับกับกล่องเค้กที่วางอยู่อย่างนั้นมาหลายชั่วโมงแล้ว แสงสลัวจากไฟด้านนอกทับถมลงในจิตใจจนรู้สึกกลัว กลัวความอ่อนแอจะฉุดให้เขาถลำลึกลงไปมากกว่าเก่า
แพคฮยอนไม่ได้คาดหวังเต็มร้อยว่าจงอินจะมาหาอย่างที่บอก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าให้รอ พยอนแพคฮยอนคนนี้ก็เต็มใจจะรอ
“ป่านนี้คุณคงกำลังมีความสุขอยู่กับเค้า ที่เป็นตัวจริงของคุณ”
.. แต่รู้อะไรไหม ตัวแทนในบางเวลาอย่างผม มีคุณเป็นตัวจริงแค่คนเดียวนะ จงอิน
ความคิดถึงที่มีเต็มอกถูกแทนที่ด้วยความน้อยใจดังเช่นทุกที ร่างทั้งร่างเริ่มจะฝืนตัวเองไม่ไหว เขาจำได้แค่ภาพของเข็มนาฬิกาที่บอกเวลาตีหนึ่ง ก่อนที่รอบกายจะเริ่มพร่ามัวเพราะความง่วงและความเหนื่อยล้า ที่พาให้เขาจำเป็นต้องยอมแพ้
แพคฮยอนเผลอหลับไปแล้ว สติทั้งหมดแทบไม่รับรู้อะไรนอกจากความนุ่มของจากเตียงที่เขาพยายามซุกกายเข้าหาความอบอุ่นของมัน
แม้ในความฝัน ผู้ชายคนนั้นก็ยังเข้ามาทำให้ทุกอย่างกลายเป็นมืดบอด ทำให้ดวงตาคู่นี้มองเห็นแค่คนๆนั้นคนเดียว
.. ต่อให้ต้องร้องไห้กี่ครั้งเพราะคุณ ผมก็ไม่คิดโทษคุณเลยสักนิด
ความอบอุ่นที่ไม่สามารถเติมเต็มในหัวใจได้ด้วยผ้าห่มผืนหนากำลังจะจางหายไป หรือนี่มันคือความฝัน ต้องใช่แน่ๆ ความฝันอันเลือนรางที่จับต้องได้แค่ยามที่หลับ
ร่างกายนุ่มๆภายใต้ผ้าห่มผืนหนาถูกจับจ้องด้วยดวงตานิ่งสนิทท่ามกลางความมืด ร่างสูงของแขกที่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตนั้นรู้ดีว่าเจ้าของบ้านเต็มใจต้อนรับเขาเสมอ จงอินมองร่างเล็กที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกบางอย่าง สายตาคมกวาดไปรอบห้องที่แสงจันทร์จากทางหน้าต่างสาดส่องเข้ามาให้มองเห็นทุกอย่าง กล่องเค้กที่เขาได้เป็นเจ้าของมันเมื่อตอนเย็นวางอยู่กับที่ราวกับรอให้ใครมาเอามันไป
“หึ ....” ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มออกมาเพียงนิดเมื่อหันกลับมามองใครบางคนที่กลับไปแล้ว ร่างสูงตรงเข้าทิ้งกายลงเงียบๆลงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ไออุ่นและกลิ่นหอมจางๆอย่างนี้มันไม่เคยทำให้เขาเบื่อได้เลยสักครั้ง
สองแขนแกร่งโอบเอวบางเข้าชิดไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง พร้อมกับซุกใบหน้าคลอเคลียอยู่กับลำคอนั่น
“ใจร้ายจริงนะ บอกให้รอกันก่อนแต่ดันหลับได้เนี่ย”
“อืม...” เสียงครางไม่รู้เรื่องเหมือนเด็กถูกกวนใจเรียกให้คนที่มองอยู่ต้องอมยิ้มออกมา แพคฮยอนขยับตัวไปมาในอ้อมแขนของจงอิน ร่างเล็กพลิกตัวกลับมาหาอีกคนทั้งที่ยังหลับอยู่ ดวงตาบวมช้ำที่จงอินเห็นพร้อมกับคราบน้ำตาทำเอาเขาต้องนิ่งไป
“งืม .. คุณ ทำไมไม่มาซักที ......” เรียวปากอิ่มละเมอออกมาให้คนฟังต้องใจกระตุกตามไปอีกหน จงอินลูบไล้แก้มเนียนที่มีแต่รอยน้ำตาไปมาอย่างไม่รู้เบื่อ เขาทำได้แค่นี้แหละ
แค่อีกฝ่ายร้องไห้เพราะเขา เขาก็ทำได้แค่นี้แหละ เลิกไม่ได้หรอก
.. ถึงต้องทำให้นายร้องไห้เป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่ฉันก็เลิกไม่ได้หรอกแพคฮยอน
“อะไรกัน บอกแล้วไงว่าอย่าร้อง” ว่าแล้วจุมพิตอันแสนอ่อนโยนก็มอบให้แก่คนตรงหน้าอย่างไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม จงอินรั้งร่างของแพคฮยอนให้รับจูบของเขาอยู่เนิ่นนาน มือบางที่นิ่งมาตลอดเริ่มขยับไปมา ดวงตาที่ปิดสนิทหรี่ปรือขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกตัว ก่อนที่จะเปิดออกอย่างรวดเร็ว
“อื้อ...” แพคฮยอนดิ้นไปมาเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก ใบหน้าคมของคนที่ไม่นึกว่าจะมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้กำลังจ้องหน้าเขาทั้งที่ยังคงปรนเปรอรสจูบหอมหวานมาให้อ
ย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
“อื้ม .. ปล่อยผมได้แล้วคุณจงอิน” เมื่อเรียวปากเป็นอิสระใบหน้าหวานจึงเบือนหนีพร้อมกับสันจมูกโด่งที่แนบผ่านแก้มลงมายังลาดไหล่ จงอินแค่อยากจูบก่อนนอนเบาๆแต่เอาเข้าจริงเขากลับหยุดตัวเองไม่ได้ แพคฮยอนพลิกกายหันหลังให้เพื่อจะหนีแต่กลับเป็นฝ่ายถูกรัดตรึงเอาไว้กับอกแกร่งนั่นจนขยับไปไหนไม่ได้ ปล่อยให้กระซิบร้อนๆดังก้องอยู่ข้างใบหูอย่างหนีไม่ออก
“อะไรกัน นอกจากจะไม่รอกันแล้ว พอตื่นขึ้นมาก็จะหนีท่าเดียวเลยนะ”
"ผมไม่ได้หนี”
“ปากแข็ง ไม่ได้หนีแล้วนี่เรียกอะไร”
“ก็ผม...” แพคฮยอนคิดหาคำตอบไม่ออก ก็ไม่รู้สินะ ความจริงแล้วคือหนีอย่างที่อีกฝ่ายบอกล่ะมั้ง
“หืม .. นายทำไม คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายรอฉันอยู่”
“รู้ก็เรื่องของคุณสิ แล้วอีกอย่างนี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องมาที่นี่ก็ได้ ลำบากเปล่าๆ” ว่าแล้วก็อยากจะร้องไห้ แพคฮยอนรู้ดีว่าตัวเองกำลังโกหก เขาแอบดีใจที่ได้เห็นหน้ากัน แต่ทำไมล่ะ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเจ็บแบบนี้มันมีประโยชน์อะไร
แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ตัดใจไม่ได้อยู่ดี
“งอนเหรอ”
“เปล่า”
“งั้นเป็นอะไร ..”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“เฮ้อ ... โอเคๆ ไหนบอกซิว่าฉันต้องแก้ตัวยังไงดี” จงอินหมดหนทางแล้วกับเด็กดื้อที่ชอบปากแข็งไปเสียทุกที เขาอดนึกไม่ได้เวลาที่อีกฝ่ายบอกว่ารักเขานักหนา และต่อให้ดึงดันยังไงสุดท้ายก็ต้องมาร้องไห้ซบอกเขาทุกที
“ว่ามาสิ นายรักฉันไม่ใช่หรือไง”
“..............” แพคฮยอนยังคงไม่ตอบอะไร ความน้อยเนื้อต่ำใจมันแทรกซึมลงในความรู้สึกทุกขณะ
“แล้วไง ผมรักคุณแล้วได้อะไร”
“ก็ได้อย่างที่ได้ไง โธ่ เจ้าหมาน้อยของฉัน”
“..............”
“ยังไม่ตอบเลยนะ ว่าฉันต้องแก้ตัวยังไงที่มาช้า ..หืม” เอาอีกแล้วสิ จงอินกำลังทำให้แพคฮยอนใจอ่อน ผู้ชายคนนี้ชอบทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีค่า สามารถเรียกร้องต้องการอะไรก็ได้ แต่ในความหมายนั้น มันก็คือการบังคับดีๆนี่เอง
มือสากลากไล้ไปบนสะโพกมนอย่างถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ แพคฮยอนทำได้แค่ปัดมันออกแต่ก็ไม่เป็นผลอีกเช่นเคย
“ถ้านายไม่บอก งั้นฉันจะเลือกให้แล้วกันนะ”
“.................”
“เอาอะไรดีนะ จะให้กอด ให้จูบ หรือว่าให้......”
ว่าแล้วใบหน้าคมก็ซุกไซร้พรมจูบลงมาตามลำคอจนเสื้อนอนที่ปกปิดเนินไหล่เอาไว้ต้องหลุดออกเผยผิวขาวให้เขาไ
ด้สูดดมความหอมอย่างย่ามใจ แพคฮยอนพยายามขดตัวหนีแต่ก็ไม่เป็นผล
“ฮึก.....” จู่ๆเสียงสะอื้นเบาๆก็เรียกให้จงอินหยุดการกระทำลง
“อึก .. ไม่ต้องหรอก คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ” แพคฮยอนบอกปฏิเสธไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม เหมือนกับหัวใจที่อ่อนให้ไปแล้วตลอดเวลา ทั้งที่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
จงอินยกยิ้มกับตัวเองก่อนที่จะกระชับร่างอีกฝ่ายเข้าหามากกว่าเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบาซึ่งแพคฮยอนคงไม่ได้รับรู้และเข้าใจอะไร ก็ตัวเองน่ารำคาญขนาดนี้อีกฝ่ายคงเหนื่อยจะคิดตามมากกว่า
จงอินเงียบไป กลับกันกับแพคฮยอนที่กลั้นแรงสะอื้นเอาไว้แต่แล้วจู่ๆมันก็พรั่งพรูออกมาหมด อ้อมแขนแกร่งทำได้เพียงแค่กอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น ใบหน้าคมซุกลงที่เรือนผมของคนในอ้อมกอดและปล่อยให้ร้องไห้อยู่อย่างนั้นโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
.. น่าเสียดายนะ เค้กก้อนนั้น ..
สักพักแพคฮยอนก็นิ่งไป ก่อนที่จะถูกตวัดให้นอนหงายลงไปบนเตียงตามด้วยร่างสูงที่จัดการคร่อมเขาเอาไว้ ใบหน้าของจงอินนั้นห่างออกไปแค่คืบเท่านั้น ดวงตาคู่เดิมที่ยังนิ่งสนิท ดูยังไงแพคฮยอนก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไร
มือข้างหนึ่งของคนด้านบนยกขึ้นสัมผัสแผ่วเบาเพื่อเช็ดน้ำตาให้กับเขา แพคฮยอนหลบตาคู่นั้นที่สะกดให้เขาต้องยอมทุกอย่างไปเสียทุกครั้ง
แสงจันทร์ด้านนอกสว่างชัดขึ้นท่ามกลางความมืดที่โหมพัดลงสู่หัวใจ
“มองหน้าฉันสิ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่ง ไม่ได้แข็งกร้าว แต่เหมือนบังคับว่ายังไงก็ต้องทำ ดวงตาช้ำๆหันกลับมาสบตากันอย่างเก่า
“คุณเลิกแกล้งผมซักทีได้มั้ย”
“แกล้งงั้นเหรอ ฉันเนี่ยนะ”
“ใช่น่ะสิ คุณเห็นผมเป็นตัวอะไรถึงได้ชอบทำให้ร้องไห้นัก .. ใช่สิ ผมมันก็แค่ ..” ถึงตรงนี้น้ำตาเม็ดโตก็ร่วงหล่นลงมาตามแก้มอีกครั้ง แพคฮยอนไม่กล้าจะหลบตาเลยได้แต่ตัดพ้ออีกฝ่ายพร้อมกับน้ำตาหลายหยดที่รินไหลไม่หยุด คนที่มองอยู่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่อย่างเคย จงอินก้มหน้าลงจูบซับน้ำตาให้คนใต้ร่างโดยไม่ได้สนเลยว่านั่นยิ่งทำให้คนๆนี้ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
แพคฮยอนก็พูดไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้นึกโทษใครเลย นอกจากตัวเองคนเดียว
.. ผมผิดเอง ผมมันไม่ดี ถ้าคุณลูฮานรู้เค้าคงเสียใจ แต่ผมก็ยังจะทำ ผมผิดเองที่ปล่อยให้ความรักของคุณชักนำให้กลายมาเป็นอย่างนี้
“ฮึก ..”
“ถ้าไม่หยุดร้อง ฉันจะไม่หยุดนะ”
สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน
และในคืนนี้ จูบอันแสนหวานและร่างกายที่ชวนให้ลุ่มหลงได้กลายมาเป็นของขวัญวันเกิดของเขาแทนเค้กก้อนนั้นที่วางเอาไว้ ร่างเล็กที่ชุดนอนหลุดลุ่ยออกไปเรื่อยๆทำได้แค่โอบรอบคอของคนด้านบนเอาไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจบนร่างกายของเขา
.. ในคืนนี้ที่แสนหม่นหมอง ก็จบลงอย่างเช่นทุกคืน จบลงแค่ความสัมพันธ์ทางกาย ที่มีแค่เขาฝ่ายเดียวที่ถูกผูกมัดไว้ทั้งหัวใจ ..
.
.
Tbc. Part 2
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ล่วงหน้าค่ะ .. เรื่องนี้มีสามพาร์ทนะคะ รอดูว่าจะมีคนชอบกันมั้ย
จริงๆมันเป็นฟิคที่เอามารีเป็นเวอร์ชันไคแบค เอามาชิมลางนิดๆหน่อยๆ
เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ ^^V
ความคิดเห็น