คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1 : เด็กใหม่
Episode 1
“เด็กใหม่”
ผมค่อยๆเดินลงจากรถเมล์สีเขียวคันหนึ่งด้วยอาการรีบร้อนอย่างแรง คนในรถเมล์ต่างมองผมด้วยความงุนงง แต่ผมจำเป็นจริงๆที่ต้องทำอย่างนั้น
‘วันเปิดเทอมวันแรกยังมาสายอีกนะกู’...
ใช่แล้วล่ะ!นี่คือวันเปิดเรียนวันแรกของผม ผมเข้ามาเรียนที่นี่ในเทอมสอง เพราะว่ามีปัญหาทางบ้านนิดหน่อย ผมเป็นเด็กที่ย้ายโรงเรียนบ่อยมาก มากจนเกินไปเลยล่ะ
ผมซอยเท้าลงจากสะพานลอยด้วยความเร็วแล้วเดินได้ซักพักก็เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆที่มีร้านนู้นร้านนี่เต็มไปหมด มีร้านกงร้านเกมมากมายตามทาง(คือมันไม่น่าจะมาอยู่หน้าโรงเรียนได้) แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมเดินไปได้สักพักเดียวก็เจอป้ายโรงเรียนสุดอลังการที่ขึ้นอยู่ข้างหน้าโรงเรียน พอผมเดินเข้าไปได้ประมาณสามก้าวก็...
เพี๊ยะ!!!
ไม่อะไรซักอย่างถูกบรรจงฝาดลงบนที่ก้นของผมอย่างจัง ผมรีบหันกลับไปมองต้นทางก็เจอกลับอาจารย์ร่างท้วมคนนึง เดินถือไม้เรียวยาวประมาณไม้บรรทัดสี่ห้าอันเรียงกัน
“มาสายจริงๆเด็กสมัยนี้ เฮ้อ!” อาจารย์คนนั้นหันไปคุยกับอาจารย์ผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่ง อาจารย์คนนั้นจ้องมาที่ผมอย่างสงสัย
“อยู่ ม. อะไรล่ะเราน่ะ”อาจารย์คนนั้นเอ่ยปากถามผม
“ยะ...หยะ..อยู่ มอสองครับ”อาจารย์คนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วลากผมไปที่แถวๆหนึ่ง ซึ่งแถวนั้นมีคนอยู่ในแถวประมาณสิบกว่าคน รู้สึกว่าส่วนมากจะเป็นมอปลายนะ
ผมเหลือบมองนาฬิกาของผม ก็พบว่านี่มันแปดโมงกว่าแล้ว ผมชำเลืองไปที่สนามกลางแจ้ง(คือว่ามันไม่มีหลังคาอะไรเลยอ่ะ) ดูท่าว่าน่าจะร้อนน่าดู แล้วทุกคนค่อยๆยืนขึ้นพร้อมกัน ผมก็รู้เลยว่าต้องเคารพธงชาติ ผมก็เลยลุกขึ้นยืนบ้าง
“ประเทศไทยรวมเลือดเน้อเป็นชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐไผทของไทย.....ชโย”
พอเพลงชาติจบลงก็สวดมนต์กันต่อ ไม่นานก็เสร็จ แล้วก็มีอาจารย์คนที่ใช้ไม้เรียวฝาดผมก็ขึ้นมาพูดบนเวทีประมาณสิบนาที(โคตรทรมาน ร้อนชิพ..!!) หลังจากนั้นคนก็ลุกกันหยิบกระเป๋า แล้วก็แยกย้ายกัน(แม้กระทั่งคนที่อยู่ในแถวของผม) แต่ตอนนี้ผมงงมาก เพราะว่าผมเป็นเด็กใหม่ ไม่นานอาจารย์ผู้ชายที่ถามผมคนนั้นเขาก็เดินมาหาผมด้วยอาการงงเช่นกัน
“ไม่ขึ้นไปเรียนล่ะลูก...”
“พอดีผมไม่รู้ว่าห้องไหนน่ะครับ” อาจารย์แอบยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ถามผมขึ้นมาอีก
“อยู่ห้องอะไรล่ะลูก...”
“เห็นแม่บอกว่าผมอยู่ห้องสิบน่ะครับ” ผมพูดอาจารย์หน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็พยายามไม่ให้ผมเห็นหน้า แล้วจึงพูดต่อ
“อ๊ะ..อ่ะ...อ๋อ อยู่สองทับสิบ...ก็ห้องนู้นน่ะ”อาจารย์พูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าห้องๆหนึ่งที่อยู่ในระยะไกลพอสมควร แต่ผมก็ยังไม่สามารถตรัสรู้ได้ว่ามันคือห้องอะไรอยู่ดี
“คือ...”
“อ๋อ อยู่ที่ห้อง 436 น่ะ เดินขึ้นไปบันไดตรงนี้” อาจารย์พูดพร้อมกับชี้มือไปที่บันไดที่อยู่ตรงหน้าของผม “ถ้าไม่รู้ก็ถามใครดูก็ได้นะ...อาจารย์ไปล่ะ” อาจารย์พูดเสร็จแล้วก็เดินไป
ผมไม่รู้ไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์คนนั้นถึงต้องทำท่าทีอย่างนั้นด้วย...ไม่เข้าใจ...หรือว่าห้องนั้นมันจะมีอะไรที่ผมนั้นไม่รู้...
ผมเดินขึ้นมาตามบันไดที่อาจารย์คนนั้นบอกผมมา เดินได้ซักพักใหญ่ ก็เจอห้องๆหนึ่งที่ดูเก่าๆชอบกล ผมขึ้นไปมองดูป้ายเลขของห้องก็เจอป้ายที่เขียนเลข 436 เอาไว้
ทำไมนะ...ทำไมอยู่ดีๆก็ใจคอไม่ดีเอาซะเลย
ติ๊ง ติ้ง ติ๊ง ~
เสียงหยดน้ำหรืออะไรซักอย่างที่ผมก็ไม่รู้ แต่ฟังดูดีๆมันก็เป็นเสียงหยดน้ำที่หล่นลงมาจากที่สูง แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคือน้ำอะไร คงจะเป็นน้ำแอร์ตกลงพื้นล่ะมั้ง...
ผมมองนาฬิกาก็พบว่านี่มันแปดโมงกว่าแล้ว ผมจึงรีบเดินเข้าห้องอย่างรวดเร็ว
พ่างงงงง!!!!
อยู่ดีๆบรรยากาศภายนอกมันก็เปลี่ยนไป อยู่ดีๆอะไรๆก็ไม่ค่อยจะดี ลางสังหรณ์ก็ไม่ดีด้วย บรรยากาศดีๆที่เคยมีพระอาทิตย์สาดแสงทำให้ร้อนมาก มันเปลี่ยนไป มีเพียงตอนนี้ ที่บรรยากาศเหมือนจะมีพายุเข้า ท้องฟ้ามืดมน....
ตึก ตึก ตึก ~
แต่ผมถึงกับช๊อคทันที เมื่ออยู่ดีๆร่างของชายแก่ในชุดข้าราชการสีน้ำตาล ใช้ไม้เท้าในการเดินจ้องหน้ามาที่ผม หน้าตาของเขาหน้ากลัวมาก ขอบตาดำคล้ำ ลูกตาที่แทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา รอยเหี่ยวย่นของหน้าปานแก้วที่แตกเป็นเสี่ยง หลังที่ค่อมมากๆ ร่างกายแขนขาลีบไปหมด เขาใช้ไม้เท้ากระทุ้งกับพื้นอย่างแรงหลายๆครั้ง แล้วจ้องมาที่ผมยังไม่หันไปทางอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว...
ติ๊ง ติ้ง ติ๊ง ~
เสียงหยดน้ำมันดังขึ้นอีกแล้ว แต่เสียงมันกับเบาลง ดังกับกระทบกับอะไรบางอย่าง แน่นอนตอนนี้น้ำอะไรซักอย่างมันหยดใส่หัวผมจริงๆ ผมค่อยๆใช้มือข้างขวาลูบไปบนหัวของตัวเอง แขนขาที่สั่นไปเพราะความกลัว ผมค่อยๆดึงมืออกมาจากหัวแต่แล้วก็.....
เลือด มันคือ เลือด...เลือดสีแดงสด เต็มมือของผม ผมหันกลับขึ้นไปมองด้านบน เลือดมันมาจากป้ายที่เขียนเลข 436 ไว้ ชายคนหนึ่งห้อยหัวลงมาผาดกับเหล็กที่ใช้เป็นตัวยึดให้ป้ายนั้นอยู่ ผมไม่รู้ว่านี่มันคืออะไรกันแน่
ชายคนนั้นไม่ใส่เสื้อ แต่ผมกลับมองไม่เห็นส่วนล่างตั้งแต่เอวลงไป เหมือนกับว่ามันจางหายไปอะไรอย่างนั้น ใบหน้าของเขาช้ำดำเต็มไปหมด รอยเย็บที่หมอใช้เมื่อผ่าตัดเป็นคล้ายๆตะขาบ มันเต็มไปหมดทั้งหน้า พอผมมองขึ้นไปอีกนิดก็ต้องสยอง เมื่อพบว่าสมองของเขาแบะออก เหมือนโดนรถเหยียบ รอยหยักของสมองเต็มไปด้วยเลือด เลือดที่หยดลงมาบนหัวของผม มันก็คือเลือดจากสมองนั่นเอง ผมพยายามหลับตา กลืนน้ำลายแต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยความกลัว ผมหันไปทางซ้าย ก็ยังเจอตาแก่คนนั้นยืนจ้องหน้าผมไม่เลิก ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมกลัว ผมกลัวมากๆ.....
ตอนนี้ผมทำได้เพียงอย่างเดียวคือพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ข่มตาหลับไปด้วยความกลัว หันทางซ้ายทางขวาก็เจอแต่สิ่งที่ผมไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร.....ผีหรือวิญญาณหรืออะไรกันแน่.....
ฟิ้วววว~
จู่ๆตาแก่คนนั้นก็ขวางไม้เท้าของแกมาอย่างแรง มันโดนที่หัวผมอย่างจัง ผมค่อยๆล้มตัวลงช้าๆ ค่อยๆลืมเรื่องทั้งหมดไป แล้วหลับตาลงเบาๆ.....
นี่มันคืออะไรกันแน่...แล้วอาจารย์คนนั้นคือใคร
.................................................................................................................
By ป๋าเติ้ล’
ความคิดเห็น