คำทำนายเกี่ยวกับภัยพิบัติของโลก

ลำดับตอนที่ #2 : คำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          “อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปีจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นจำนวนมาก แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปีจะถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว

          อานันทะ ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายฝ่ายละมากๆ

 สมนะ ชี พราหมณ์ จะล้มตาย ตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรากัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก”

                พระพุทธเจ้าบอกว่า ค.ศ. ๒๐๐๐ โลกจะไม่สลาย.....พระพุทธศาสนาจะทรงอยู่ได้ตลอด ๕๐๐๐ ปี

                ทรงตรัสชี้ว่า เขตประเทศต่อไปนี้ จะเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากจะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ ๕๐๐๐ปี

                นี่หมายถึง ประเทศไทย

              ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพระพุทธศาสนามากขึ้น ในเมื่อเห็นการสูญเสียความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศลเวลานั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนก็มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย....

                 สมหรับท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิตก็จะเร่งรัดตัวเอง กำลังใจก็จะมีสมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิดก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่างๆ  ที่ได้จากสมาธิและวิปัสสนาญาณเอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย  ให้มีความสุขปลอดภัย  ขอให้ทุกท่านยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้าที่ให้ไว้คือ

      ๑  สังคหวัตถุ ๔ ได้แก่

                ๑.๑     ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันสร้างความรักเข้าไว้

                         อย่าสร้างศัตรู

               ๑.๒     ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุข เขาจะรักเรา

                           เราก็มีความสุข

                ๑.๓     อัตถจริยา ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน

                ๑.๔     สมานัตตตา ไม่ถือตัวไม่ถือตน

     ๒  พรหมวิหาร ๔  ได้แก่

                ๒.๑     เมตตา  ความรัก

                ๒.๒    กรุณา  ความสงสาร

                ๒.๓     มุทิตา  มีจิตใจอ่อนโยน  เห็นใครได้ดีก็ยินดีด้วย

                ๒.๔     อุเบกขา  วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น  ไม่ดิ้นรน

                             ยอมรับตามความเป็นจริง

                จงอย่าประมาทในชีวิต จงทรงจิตของท่านให้มีความมั่นคงในคุณพระรัตนตรัย ๓ ประการ  คือ คุณพระพุทธ  พระธรรท  พระสงฆ์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีจิตยึด  พระพุทธคุณ  ให้ภาวนาว่า “ พุทโธ ”

                ก่อนจะหลับให้กำหนดการเข้าออกลมหายใจ หายใจเข้านึกว่า  “พุท”  หายใจออกนึกว่า “โธ” และเวลาตื่นนอนใหม่ๆ ทำแบบนี้เป็นปกติเวลาที่ยังตื่นอยู่  ถ้าคิดขึ้นมาได้เมื่อไรก็ทำใจให้นึกถึงความดีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ภาวนาว่า “พุทโธ” เป็นปกติอย่างนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เข้าถึงไตรสรณคมน์ พุทธรัตนะ   ธรรม-รัตนะ   และสังฆรัตนะ ทั้ง ๓ ประการ จิตของท่านจะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้าจะทำให้จิตใจของท่านให้เยือกเย็น มีความสุข  อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย ก็จะพ้นด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ

                ถ้าจิตใจของเราไม่นิยมในขันธ์ ๕ หรือ รูป เวทนา  สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พระองค์อยู่ที่ไหนเราจะไปที่นั่น ท่านจะพ้นจากกิเลส จะเข้าถึงนิพพานได้.....

นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ )

พุทธะ สะระณัง คัจฉามิ  ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ  ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง

สังฆัง สะนะณัง คัจฉามิ  ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง