คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่5 นักข่าวสาวพราวเสน่ห์ 50%
ตอนที่5 นักข่าวสาวพราวเสน่ห์
สี่ปีต่อมา
ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกัน นักแข่งรถมอเตอร์ครอสสุดเฮี้ยบ นั่งจมอยู่กับความคิดบนเตียงขนาดคิงไซด์ในห้องพักของโรงแรมหรูแถบพัทยาใต้ ความสับสนหลายอย่างประเดประดังเข้ามาจนอลันแทบไม่เป็นผู้เป็นคนสี่ห้าปีมานี้เขาเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ในแต่ละวันเขาได้แต่ปล่อยให้ร่างกำยำผ่านการใช้งานในการแข่งขันมอเตอร์ครอสบนถนนลานดินจากการขับขี่รถวิบากอย่างหนักโดยไม่ดูแล การมีชีวิตอยู่ในทุกลมหายใจเข้าออก เขามีไว้เพื่อรอคอยที่จะได้พบคนที่หายไป คิดอยู่เสมอว่าถ้ายังไม่ตาย สักวันพรหมลิขิตคงชักพาให้มธุรสกลับมาพบเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะ...
ป่านนี้มธุรสคงจะมีความสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังที่ที่เขาตามหาเธอไม่พบ
ความคิดของอลันต้องสะดุดลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ภายในห้องพักดังขึ้น ห้องพักซึ่งทางผู้จัดการแข่งขันอย่าง Redness bull x-fighters จัดไว้ให้ทีมแอทแทคซึ่งเป็นหนึ่งในหลายทีมเข้าพักในฐานะทีมที่ถูกเชิญให้มาร่วมลงสนามแข่งเพื่อโปรโมทกีฬาแนวเอ็กซ์ตรีมสปอร์ตครั้งนี้
อลันคิดจะปล่อยให้โทรศัพท์มันดังจนมันหยุดไปเอง ไม่มีกะจิตกะใจจะลุกไปรับสายในเวลาเมามายเพราะฤทธิ์เหล้าตอนนี้ เขาทำเมินราวกับว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นไม่มีตัวตนอยู่ในห้องพัก หากแต่คนที่โทร. มาก็ช่างใจเย็นและมีความอดทนยิ่งนัก เพราะกระหน่ำโทร. จนร่างใหญ่เริ่มหมดความอดทนเข้าจริง
มธุรดากระหน่ำโทร. จากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้านล่าง หญิงสาวใช้ความเป็นเพื่อนขอร้องแกมบังคับเพื่อให้สาวสวยประชาสัมพันธ์ยอมบอกเบอร์เจ้าของห้องพักหนุ่มคนสำคัญระดับพรีเมียม นักแข่งมือทองแห่งวงการนักบิดอย่าง ‘อลัน ทศวัตร มิลเลอร์’ แชมป์มอเตอร์ครอสดาวรุ่งแชมป์โลกมอเตอร์ครอสสองสมัยซ้อนที่เข้าพักในโรงแรมห้าดาวแห่งนี้ ใครคว้าเขาไปลงข่าวได้ถือว่าแน่ เพราะอลันไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวหรือนิตยสารฉบับไหนเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้งเดียว
และท้ายสุดอลันก็ทนฟังเสียงรบกวนนานนับสิบกว่านาทีไม่ไหวอีกต่อไป จึงตัดสินใจขยับตัวมาที่หัวเตียงเพื่อยกสายออก หากแต่เสียงที่ตะโกนก้องเป็นภาษาอังกฤษเช่นดั่งเจ้าของภาษามาเองนั้น แทรกความเงียบสงัดเข้ามาภายในห้องพัก อลันได้ยินชัดถึงเจตนาเพื่อให้เขาหยุดการกระทำบางอย่างด้วยการยกหูออกแล้วกระชากสายโทรศัพท์ทิ้ง
“คุณอลันคะ อย่าเพิ่งกดสายทิ้งนะคะ ดิฉันมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคุณมธุรสจะเรียนให้คุณทราบ” เสียงหญิงสาวนิรนามดังก้องอยู่ในหัวอลัน ปลุกให้อาการเหม่อลอยของคนใจลอยแทบจะลอยหายไปจากสภาวะการมีอยู่แบบไร้ซึ่งตัวตนของเขาในวินาทีนั้นทันที
“คุณว่าอะไรนะ?!” ประโยคคำถามทำให้คนปลายสายขี้หูแทบจะกระดอนออกมาเต้นระบำ
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ" เธอเก็บอาการค่อนขอดไว้ในใจ...เกือบห้าปีแล้ว เขาก็ยังไม่ลืมมธุรส
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“เชิญ ประตูไม่ได้ล็อค”
เมื่อได้รับอนุญาต ก้าวแรกที่ผ่านเข้ามาภายในห้องพักของอลัน หญิงสาวร่างระหงโปร่งบางในชุดเดรสสั้นแค่เข่าสีชมพูหวาน บนหน้าอกคล้องกล้องประจำตัวและมือถือรุ่นล่าสุดที่จะใช้เป็นเครื่องบันทึกเสียงถืออยู่ในมือเรียวก็รู้สึกใจสั่นแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่
มธุรดาพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้บุนวมฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่วห้องจนเธอรู้สึกไม่อยากจะสัมภาษณ์ในเวลาที่แอลกอฮอล์เข้ามามีส่วนกับงานเยี่ยงนี้ แต่เพราะหน้าที่มันค้ำหัวเธอ งานวันนี้ต้องผ่านฉลุยไปได้ด้วยดี...เรื่องจริงที่ต้องย้ำคิดนั่นคือ ไม่เคยมีใครได้ทำข่าวอย่างเจาะลึกเกี่ยวกับอลัน ทศวัตร มิลเลอร์ เขาจึงได้ฉายาจากนักข่าวสายกีฬาว่า ‘สิงโตภูเขา’ เพราะการที่เขาทำตัวเป็นเจ้าป่าแต่ไม่เคยลดดีกรีเย่อหยิ่งถือดีลง จึงเป็นที่มาที่วงการนักข่าวสายกีฬาตั้งสมญานามให้ แต่สำหรับเขาแล้ว อลันเป็นเทพบุตรในคราบสิงโตภูเขาผู้แข็งแกร่งและไม่เคยแคร์มันผู้ใดในใจเธอไม่เคยเสื่อมคลาย และเธอก็คือนักข่าวคนแรกที่ได้รับสิทธิพิเศษสัมภาษณ์ผู้ชายคนนี้
“เดี๋ยวนี้นักข่าวเปลี่ยนบุคลิกการแต่งตัวแล้วหรือไงนะ” สายตาชายหนุ่มหยาดเยิ้มเพราะความเมามาย อลันแค่ชายตามองปราดเดียวไปยังร่างบาง จากนั้นก็พุ่งเป้าไปที่แก้วเหล้าตามเดิม เสียงภาษาไทยของอลันดังชัดถ้อยชัดคำ มธุรดาสังเกตการออกเสียงของอลัน เขาพูดชัดมาก แทบจะเรียกได้ว่าสำเนียงไทยแท้เลยก็ว่าได้ แตกต่างจากเมื่อก่อนที่พูดไม่ชัดลิบลับ
“สวัสดีค่ะคุณอลัน ฉันเพิ่งมาจากงานแต่งงานของเพื่อนคุณที่ชื่อนิศากร วิริยะชัย ถึงได้ยังไม่ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้ดูสมกับมาทำข่าวนักแข่งชื่อดังอย่างคุณ ในห้องก็มืดมากด้วย เปิดไฟได้ไหมคะ หรือคุณชอบอยู่ในความมืด” มธุรดาจีบปากจีบคออธิบายแกมเหน็บ
“ทำไม? มืดๆ สิดี มาสิ มากินเหล้าด้วยกัน” อลันกลบความอยากรู้เรื่องหญิงสาวคนรักไว้ในใจ เปลี่ยนมาเป็นชักชวนเธอดื่มเป็นเพื่อนก่อน
ในขณะที่เอ่ยปากชวนในใจอลันก็หวนคิดถึงเรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อน เขาเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อมาพบเธอตามสัญญาหลังจากได้เทิร์นโปรสำเร็จ ที่ดินผืนนั้น ที่ที่เคยมีเธอเหยียบย่างไปทั่วทุกตารางวารวมทั้งความทรงจำของเขา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นของคนอื่นไปเสียแล้ว เขาจ้างนักสืบเอกชนตามหาตัวเธอและครอบครัว หากสิ่งที่ได้รับรู้กลับมีแค่ความว่างเปล่า ไม่ได้ข่าวคราวของมธุรสเลย เธอหายสาบสูญ จากไปที่ซึ่งเขามิอาจรู้ได้ว่าเธอไปอยู่ที่แห่งไหนในโลกใบนี้...
ประตูกระจกตรงระเบียงห้องถูกเปิดทิ้งไว้ ลมพัดผ่านม่านทึบพลิ้วไหว แสงส่องลอดผ่านเข้ามาสาดกระทบร่างอลัน มธุรดาที่จ้องมองเขาอยู่แล้วเกิดอาการประหม่า ใจเต้นผิดจังหวะเป็นระรัวเร็ว...ก็คืนแรกที่เธอมีอะไรกับเขา เธอไม่เห็นสรีระใดๆ ของอลันเหมือนอย่างเช่นตอนนี้ ในห้องนอนคืนนั้นมันมืดมาก มืดเหมือนหนทางที่เธอกำลังเหยียบย่ำหาหนทางออกให้พบแสงสว่างกับความแค้นที่ฝังแน่น...และคืนนั้นที่เธอมีอะไรกับเขา เธอได้แต่ปล่อยให้เขาทำ ทำ และก็ทำ จนเสร็จกิจ
โอ้ว! เขามีหุ่นอย่างกับดาราหนังเอ็กซ์ที่กำลังเดินออกมาจากดีวีดีที่เธอเคยศึกษาภาคทฤษฎีแต่ยังไม่ได้เห็นเต็มตา ความแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหน้าใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ แถวซุปเปอร์มาเก็ต...ยิ่งไรขนอ่อนที่ทอดบางๆ ผ่านหน้าอกผึ่งผาย เรื่อยลงไปตามหน้าท้องเป็นลูกงดงามด้วยซิกแพก มันทำให้คอระหงของเธอแห้งผาก หาน้ำลายสักหยดกลั้วคอเพื่อกลืนกินในเวลานี้ยังไม่มี ตัวจริงของอลันที่ได้เห็นเต็มสองตาช่างต่างจากภาพที่ออกสื่อหรือเมื่อครั้งอดีตลิบลับ เขาหล่อได้อย่างน่าอัศจรรย์
“เชิญนั่ง ผมคิดว่าคุณ คงต้องการมัน” เขาชวนเธอดื่มอีกหน เมื่อซิกเซ้นส์บอกให้รู้ถึงกลิ่นอายความประหม่าจากหญิงสาว
“ไม่ดื่มดีกว่าค่ะ ฉันมาทำงานตามหน้าที่ อยากสัมภาษณ์คุณเรื่องการขับขี่รถแข่ง ยังไม่อยากให้เสียงานตอนนี้”
“หึ ไม่นี่ มันไม่ใช่เหตุผลที่คุณบอกกับผมในทีแรก...ถ้าคุณไม่บอกเรื่องมธุรสอย่างที่คุณโทร. มาแล้วละก็ คุณก็ควรจะกลับออกไปได้แล้ว ” อลันรินบรั่นดีใส่แก้วโอเชี่ยนทรงสูงใบใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะกลางแล้วดันมันไปตรงหน้าเธอ พูดต่อด้วยท่าทีเป็นต่อ “แต่ถ้าคุณอยู่เป็นเพื่อนดื่มกับผมก่อน ผมอาจเปลี่ยนใจให้สัมภาษณ์ก็ได้นะ”
เขาพูดคุยกับเธอ แต่เขาไม่คิดแม้แต่จะเงยหน้ามอง อลันแค่เพียงอยากหาเพื่อนดื่มเปลี่ยนบรรยากาศหรือเพราะอาจทนอยู่กับสภาพหม่นเศร้าอ้างว้างกับหัวใจช้ำรักไม่ได้ ถ้าจะโทษคนผิด ก็ให้ไปโทษคุณหญิงโฉมจิตรที่มาแส่เรื่องของลูกชายมากเกินไป เจ้าตัวคงไม่รู้อะไรเลยว่ามารดาเอาเงินมาฟาดหัวเธอที่โรงพยาบาลเมื่อสี่ปีก่อนโน้น
วันนั้นแม่ช่อเอื้องถูกตำรวจจับไปดำเนินคดีเรื่องที่ฆ่าลูกชายเจ้าหนี้รายใหญ่เสียชีวิต ส่วนตัวเธอต้องอยู่ดูแลน้องสาวที่โรงพยาบาล หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์คุณหญิงโฉมจิตร ทศวัตรมาที่ห้องพักฟื้นของมธุรส เอาเช็คจำนวนหนึ่งล้านบาทมายื่นให้เธอ มธุรสหลับไปเพราะฤทธ์ยากล่อมประสาทจึงไม่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์นี้ด้วย มีแต่เธอที่ต้องอยู่รับหน้า ทนฟังคารมคมหอกที่ผู้รากมากดีตอกย้ำกับเธอสารพัด...
‘ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคนไหนที่เป็นนางบำเรอให้ลูกชายฉัน แต่เงินนี่คงมากพอเป็นค่าทำขวัญให้เลิกยุ่งกับอลันตลอดชีวิต ไม่เช่นนั้นพวกหล่อนจะไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอน ฉันเตือนพวกหล่อนแล้วนะ แล้วไม่ต้องเสนอหน้าไปฟ้องลูกชายฉัน เพราะยังไงซะอลันก็ไม่มีวันตามหาพวกหล่อนเจอ นักสืบที่ลูกชายฉันจ้างวานให้ไปตามสืบว่าพวกหล่อนกบดานกันอยู่สลัมไหน ก็เป็นคนของฉันทั้งหมด’
ความคิดเห็น