ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เงาใจไฟพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3 ความผูกพัน 100%

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 56


    ตอนที่ความผูกพัน 100%

    ค่ำคืนนี้ช่างผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก อลันลุกขึ้นมาแต่เช้ามืด เขาแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน จิตใจว้าวุ่นอยู่กับการอยากพบหน้ามธุรส อยากพูด อยากซักถาม อยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ในหนึ่งอาทิตย์ที่เหลือก่อนจะบินกลับอเมริกา สารภาพรักกับเธออย่างอ่อนหวาน ถ้าเป็นไปได้หากเขาไม่หวังมากเกินไป ก็อยากสารภาพรักด้วยร่างกายของเขาเอง

    หัวใจของเขาร้อนรุ่มดั่งมีไฟสุมอยู่ในทรวง

    เขาอยากดับความร้อนจึงลุกขึ้นไปเปลื้องผ้าออกจนหมดแล้วกระโจนลงน้ำ ว่ายเล่นอยู่นานกว่าจะขึ้นมาฟอกสบู่สระผม เมื่อจัดการธุระส่วนตัวทุกอย่างเสร็จ เขาก็มานั่งรอทานอาหารเช้าใต้ร่มไม้ใหญ่ เขาเห็นเธอเดินมาทางจุดเดิมเวลาเดิม เมื่อได้ระยะโฟกัส กลับไม่ใช่ผู้หญิงที่เข้ามานั่งอยู่กลางใจแต่กลับกลายเป็นผู้หญิงวัยกลางคน อลันนิ่วหน้าแล้วซ่อนอาการชนิดนั้นก่อนที่ช่อเอื้องจะทันค้นพบ ผู้สูงวัยกว่าส่งยิ้มให้ ใบหน้าเอื้ออารีมีรอยยิ้มฉีกกว้างขึ้นอีกเมื่ออลันยกมือไหว้

    “สวัสดีครับ” เขาลุกขึ้นพนมมือไหว้ กล่าวทักทายผู้สูงวัยกว่าอย่างสุภาพ ช่อเอื้องแปลกใจที่เห็นคนต่างชาติต่างภาษาพูดภาษาไทย

    “ไหว้พระเถอะลูก”

    “แล้วโรส...วันนี้ไม่มาเหรอครับ”

    “คงหมายถึงยัยรสซินะ ยัยรสไม่ว่างจ้ะ” ช่อเอื้องอธิบายแค่นั้น ส่งถาดอาหารยื่นไปให้เมื่อชายหนุ่มยื่นมือมารับ

    “ขอบคุณครับ”

    “ป้าขอตัวก่อนนะจ๊ะ ต้องรีบไปตัดกล้วยไม้ เดี๋ยวจะไม่ทันส่งให้เขา” ช่อเอื้องพูดจบก็เดินไปทำงานที่สวนกล้วยไม้ ส่วนอลันก็นั่งทานอาหารด้วยความรู้สึกปวดโหว่งอย่างไรบอกไม่ถูก เขาไม่อยากจากเธอไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอย่างนี้เลย

     

    เวลาผ่านไป จนแล้วจนรอดวันเวลาที่ผ่านพ้นไปก็ไร้ซึ่งเงาของมธุรสเช่นเดิม

    อลันทอดกายนอนเอกเขนกบนพื้นไม้กระดานนอกชานบ้านตรงบริเวณที่เขามาเผลอหลับไปเมื่อวันแรกที่มาถึง แววตาเหม่อลอยจ้องมองบนท้องฟ้าไร้แม้กระทั้งแสงดาว แต่กลับมีใบหน้าหวานที่มีผิวสีแทน นัยน์กลมตาโต รวมถึงรอยยิ้มน่ารักลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้าสีม่วงอมดำ

    เขารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เช้าวันพรุ่งนี้เขาก็จะบินกลับอเมริกาแล้ว เธอก็ยังไม่มาพบเขาดั่งหวังไว้ ได้แต่คิดอย่างน้อยใจที่หญิงสาวตัดเยื่อขาดใยด้วยการหลบหน้า

    หากมีเสียงหนึ่งกระทบเข้ากับหน้าต่างห้องเยื้องไปทางด้านซ้ายมือดังแกร้ก! หนึ่งที เขาจึงละความคิดไว้แต่เพียงเท่านั้น แล้วหันไปมองตามที่มาของเสียง มีใครบางคนเขวี้ยงก้อนหินขึ้นมา...หางตาแลเห็นใครคนหนึ่งโบกมือไหวๆ พอชะโงกหน้าลงไปที่ด้านล่างระเบียงเพื่อมองดูให้ชัดถนัดตา เขาก็เห็นร่างใครบางคนนั่งอยู่บนกิ่งต้นไม้กิ่งใหญ่ซึ่งแตกกิ่งก้านออกไปในลักษณะขนานกับพื้นน้ำ

    “โรส เดี๋ยวก็ตกน้ำเป็นตะคริวไปอีกหรอก!

    “ตกน้ำ ก็เปียกน่ะซิ แต่ตะคริวน่ะคงไม่เป็นแล้วล่ะ” หญิงสาวหัวเราะคิกแล้วพูดต่อ “วันนี้คงไม่ซวยให้นายฝรั่งช่วยอีกหรอก หรือถ้ามันจะซวยซับซวยซ้อน ก็ตรงที่ไม่มีใครช่วยผายปอดนี่แหละ”

    อลันเองก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดสองแง่สองง่ามของหญิงสาว แต่แล้วมธุรสก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อกลบคำพูดโต้งๆ ของตัวเองเพราะรู้สึกกระดากอายขึ้นมากะทันหัน เป็นสาวเป็นนาง คงไม่มีใครเขาพูดเล่นกับผู้ชายแบบนี้แน่

    “ทำไมไม่เรียกรสว่ารสสักทีนะ ชื่อฉันไม่ได้แปลว่าดอกกุหลาบเสียหน่อย ถึงจะได้ออกเสียงว่าโรส...จะกลับวันรุ่งพรุ่งนี้แล้ว ยังจะไม่ยอมหัดออกเสียงให้ถูกอีก”

    “คำว่าโรส มันไม่ใช่โรสที่แปลว่าดอกกุหลาบหรอกนะ มันคือ โรสแมรี่’ ต่างหาก” อลันเกาะระเบียงร้องตอบลงมา

    “โรสแมรี่เหรอ?” ร่างน้อยที่นั่งไกวเท้าอยู่บนกิ่งไม้ครางกับตัวเอง เอียงคอนึกลักษณะทางชีวะวิทยาของพืชที่ชื่อว่าโรสแมรี่ ในขณะที่ปล่อยให้หญิงสาวอยู่กับความคิดตัวเอง อลันก็เร่งฝีเท้าเดินลงจากบ้านมาหามธุรสที่ใต้ต้นไม้

    “กระโดดลงมาสิ ไม่ต้องกลัว ฉันจะรอรับเธอเอง อยากรู้ความหมายของมันใช่ไหมล่ะแม่จอมยุ่ง ว่าทำไมฉันถึงได้ให้คำจัดความกับเธอว่าโรสแมรี่” เขาชูมือขึ้นสองมือรอรับคนที่จะกระโดดลงมา

    “อยากรู้นะ แต่ไม่กระโดดได้ไหม” หญิงสาวทำหน้าเสียวไส้...ก็มันสูงตั้งสองเมตรครึ่ง

    “ฉันรับได้แน่”

    “แน่นะ”

    “แน่สิ!” อลันย่อตัวตั้งท่าเตรียมพร้อม มธุรสเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าจะรับเธอได้ เธอเองก็เชื่อมั่นในตัวเขาเกินร้อย จึงปล่อยตัวทิ้งน้ำหนักทั้งร่างลงมาที่คนร่างสูง อลันรวบร่างน้อยเข้าสู่แผงอก แต่แกล้งทิ้งตัวลงไปบนพื้นหญ้านุ่ม ปล่อยให้ร่างของมธุรสทาบทับอยู่บนเรือนกายกำยำของเขา อลันพูดขึ้นเสียงพร่า

    “แม่จอมยุ่ง ตัวก่อกวนหัวใจ ตัวก่อกวนอิสรภาพของฉัน นี่แหละคำจำกัดความของเธอ...แม่โรสแมรี่ที่รัก”

    “บ้า! รสไปกวนคุณตอนไหนมิทราบ” หญิงสาวอมยิ้มด้วยความเหนียมอาย

    เธอตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมที่มาพบเขาหลังจากค้นพบว่าเธอเองก็รักเขา แม้รู้ดีว่านี่ไม่ถูกต้องที่จะแอบมาพบเขาหลังจากมารดาหลับไปเมื่อตะกี้นี้ แต่เธอไม่สามารถห้ามปรามหัวใจตัวเองอีกทั้งยังดื้อดึงที่จะมาพบเขา เพราะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะมีโอกาสได้พบกันอีก ต่อให้ขัดกับศีลธรรมอันดีที่แม่ช่อเอื้องเคยสั่งสอนเป็นหนักหนา เธอก็ยอม

    “พรุ่งนี้ผมก็จะกลับแล้วนะ”

    “รสรู้” หญิงสาวใช้ปลายนิ้วชี้แนบกับริมฝีปากหนาเพื่อให้เขาหยุดพูดในเรื่องที่เธอแสนจะเจ็บปวดหัวใจ แล้วพูดต่อด้วยเสียงอันเบาแสนเบากว่าเดิม “แล้วจะให้ทำยังไง สุดท้าย นายฝรั่งก็ต้องจากรสไปอยู่ดี”

    “ผมสัญญานะ สัญญาว่าจะกลับมารับคุณ”

    “จริงหรือจ๊ะ” หญิงสาวดีใจมาก แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อน้ำคำของเขาได้ “คุณไม่โกหกรสใช่ไหม...”

    “ผมไม่มีวันทำเช่นนั้น”

    “จริงนะจ๊ะ” มธุรสรอคำตอบให้เขาย้ำคำพูดเดิมอีกสักครั้ง แต่อลันกลับเปลี่ยนเรื่องคุย

    “ผมยังไม่เคยเล่าความเป็นมาของผมให้คุณรู้เลยใช่ไหมรส” เขาพลิกร่างบางลงนอนเคียงข้าง แล้วนอนตะแคงเท้าแขนเล่าเรื่องราวให้หญิงสาวฟัง มธุรสไม่กล้าสบตา ได้แต่มองจ้องไปบนผืนฟ้ามืดสนิทเหมือนคนใจลอย แต่กระนั้นทุกถ้อยคำเอ่ยขานจากอลัน หญิงสาวได้ยินแจ่มชัดทุกถ้อยกระทงความ

    “ผมเป็นลูกชายคนเดียว คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก คุณแม่จากไป ทิ้งผมไว้ให้อยู่กับคุณพ่อสองคน ผมไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกท่านเพราะตอนนั้นยังเด็กมาก พอผมจบไฮสคลู พ่อผมก็เสีย คุณแม่จึงมารับผมกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วย แต่ผมก็ยังรั้นที่จะกลับไปอยู่กับท่าน คุณแม่บังคับใจผมไม่ได้ ท่านจึงปล่อยเลยตามเลย”

    “แล้วที่คุณมาเช่าบ้านรส คุณแม่คุณรู้ไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้

    “ไม่รู้สิ” เขาตอบอย่างคนไม่มั่นใจ

    “ทำไมไม่บอกท่านตามตรง ท่านอาจเป็นห่วงคุณก็ได้นะ เอ่อ...ถ้ารสพูดให้คุณไม่สบายใจ รสขอโทษด้วย”

    “ไม่เป็นไร ผมไม่คิดมากหรอก ท่านคงไม่ห่วงสิ่งใดมากไปกว่าของนอกกาย” เขาไล้มือเขี่ยเส้นผมออกจากดวงหน้า จุมพิตที่หน้าผากโหนกนูนของเธอแผ่วเบา

    “ทำไมพูดให้คุณแม่แบบนั้น ว่าบุพการีมันบาปนะรู้ไหม” มธุรสท้วง

    “ผมกับแม่ไม่ค่อยจะลงรอยกันอยู่แล้ว”

    “เหตุผลที่คุณไม่กลับบ้าน มาเช่าบ้านรสอยู่ เพราะทะเลาะกับท่านหรือเปล่า”

    “ผมกับคุณแม่ขัดใจกันเรื่องที่ผมกำลังจะไปเป็นนักแข่งรถมอเตอร์ครอส ท่านคงกลัวผมตายแล้วไม่มีใครดูแลทรัพย์สมบัติ...แต่ผมไม่ได้โกรธเกลียดอะไรท่านหรอกนะ ผมเพียงแค่ยังรู้สึกอยากใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการเท่านั้น ผมไม่ชอบให้ใครมาบงการชีวิตผม...และที่ผมสัญญากับโรสเมื่อกี้นี้ ผมพูดจริง หลังจากกลับอเมริกา ผมต้องเตรียมตัวลงแข่งขันกีฬามอเตอร์ครอสมือสมัครเล่น สั่งสมประสบการณ์ก่อนจะเทิร์นโปร และถ้าผมทำตามความฝันได้สำเร็จ ผมจะมีรายได้ ไม่ต้องแบมือขอเงินคุณแม่อย่างที่แล้วๆ มา ผมจะกลับมารับคุณไปอยู่ด้วย ถึงตอนนั้น คุณก็คงเรียนจบแล้ว ผมดีใจมากแค่ไหนรู้ไหม ที่จะสามารถหาเงินด้วยลำแข้งของตัวเองมาดูแลเลี้ยงดูคุณได้” เขาดึงร่างน้อยให้เข้าแนบชิดยิ่งขึ้นจนคนที่ฟังอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ

    “รสจะรอคุณ นายฝรั่งของรส” หญิงสาวพูดพร้อมน้ำตาคลอหน่วย ร่างกายอ่อนแอเพราะแพ้พิษรัก ได้แต่ปล่อยให้เขาจูบเธอแผ่วเบาที่ปลายคางระเรื่อยไปทั่วใบหน้า แล้วมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากซึ่งกำลังสั่นระริก

    “โรส...ขอได้ไหม...ขอจูบคุณได้ไหม” เขาขออนุญาตจากเธอ

     

    ต่อจากนี้เป็นฉากอัศจรรย์ตามอ่านที่ลิงค์นะคะ จาก 2 เวบค่ะ

    http://www.lightoflovebooks.com/fiction.php?show=part&pid=10026&fid=937

    http://www.hongsamut.com/readniyaidetail.php?NiyaiDetailID=67001&niyaiid=4861



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×