ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เงาใจไฟพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2 ความรู้สึกในหัวใจ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 56


     

    ตอนที่ความรู้สึกในหัวใจ 100%


              กี่วันมาแล้วที่อลันรอที่จะได้พบใบหน้ายิ้มแย้มของมธุรสซึ่งเอาอาหารมาส่งให้เขาสามมื้อในทุกวัน คราแรกก็คิดไปว่าทำไมเธอไม่ไปเรียนหนังสือ แต่พอมาทราบอีกทีในภายหลังหลังจากผ่านไปครึ่งเดือน หญิงสาวก็บอกกับเขาว่า...

    “รสรีบปั่นจักรยานมาจากโรงเรียนมาช่วยแม่เอื้อง จะได้เอาอาหารมาให้นายฝรั่งตามเวลาไงจ๊ะ ไม่สังเกตรึว่า นี่คือชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลาย”

    “อ้อ ผมไม่ได้สังเกตเลย...ขอบใจมากโรส ที่ทำตามข้อตกลงอย่างดี อาหารอร่อยมาก แล้วเธอเรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว”

    “ม. 6” แรงลมพัดเส้นผมที่เริ่มยาวเลยติ่งหูมาเล็กน้อยนั้นให้มาคลอเคลียข้างพวงแก้มสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าที่ไม่มีเครื่องสำอางทาอำพรางความงามไว้ ความสวยที่กำลังเริ่มแตกเนื้อสาวทำให้ใจของอลันกระตุกสั่น เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นเป็นการทำลายสติตัวเอง

    อืม แล้วพรุ่งนี้วันเสาร์เป็นวันหยุด มาปิกนิกด้วยกันนะ ผมหมายถึง ให้โรสเอาอาหารส่วนของโรสมาด้วย มากินด้วยกัน”

    หญิงสาวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ กลับตั้งคำถามเขากลับมาว่า “ทำไมไม่เรียกฉันว่า รส’ ล่ะ ฉันว่านายฝรั่งเรียกฉันเพี้ยนนะ โรส ฟังแปลกหูพิลึก”

    “ยังไม่ชินอีกหรือ” เขาเองก็ไม่อธิบายใดๆ เช่นกัน รวบช้อนวางลงไปในปิ่นโต ยกน้ำในกระติกขึ้นดื่ม

    “ใช่ ยังไม่ชิน” เธอตอบ

    “ฉันพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดเธอก็น่าจะฟังออก แต่ฉันจะพยายามพูดให้ชัดขึ้นเพื่อเธอ”

    คำว่า เพื่อเธอ’ ทำเอาใจสาวเจ้าปั่นป่วน มธุรสรีบเก็บปิ่นโตที่เขากินเสร็จ ไม่กล้าสู้สายตาคมกล้า

    “อิ่มแล้วใช่ไหม งั้นรสกลับก่อนนะ เดี๋ยวจะไปเรียนคาบบ่ายไม่ทัน เย็นนี้จะยกสำรับมาให้ตรงเวลา หกโมงเคารพธงชาติเหมือนเดิม” หญิงสาวลุกขึ้นยืน

    “มาให้เร็วกว่าเวลาอาหารเย็นได้ไหมวันนี้” น้ำเสียงเขาฟังดูเว้าวอน

    “ถ้าแม่เอื้องทำอาหารให้นายฝรั่งเสร็จเร็ว จะรีบยกมานะ”

    “จะรอ” เขาพูดได้ประโยคสั้นแค่นั้น ได้แต่มองเธอรีบเก็บทุกอย่างลงตะกร้าหน้าจักรยาน แล้วถีบที่วางเท้าให้ล้อรถจักรยานหมุนไปอย่างรวดเร็ว

    และแล้วอาหารมื้อเย็นก็มาถึง

    เธอมาก่อนเวลาอาหารเย็นเกือบชั่วโมง เขาดีใจจนบอกไม่ถูก “ตรงเวลาดี”

    “ก็นายฝรั่งสั่งให้มาเร็วนี่นา แล้วจะกินเลยไหม?” เธอเดินถือถาดอาหารมาใกล้ตอบเสียงหวาน

    “นั่งลงก่อนสิ” เขาชวนเธอให้นั่งลงเคียงข้างแล้วพูดต่อว่า “เดี๋ยวค่อยกินก็ได้ ไม่รีบ”

    “อ้าว?...รสนึกว่าหิวมาก นายฝรั่งถึงได้สั่งให้เตรียมอาหารให้รสเอามาส่งก่อนเวลา” เธอวางถาดอาหารลงกั้นกลางระหว่างเธอและเขา ทิ้งตัวลงนั่งห่างพอสมควร

    อลันจับถาดอาหารยกขึ้นจากการที่มีมันมากั้นไว้ออกไปวางด้านข้าง พร้อมทั้งขยับตัวชิดเข้าหาหญิงสาวจนได้กลิ่นแป้งเด็กเจือจางลอยมาแตะจมูก เมื่อเอียงใบหน้าเข้าไปใกล้ตัวเธอ

    การกระทำอันใกล้ชิดแบบมีเจตนาอยู่ก่อนแล้วของอลันซึ่งไม่เคยปฏิบัติกับเธอมาก่อน ทำเอามธุรสผวา รีบเอนแผ่นหลังถอยห่าง อลันไม่ยอมรั้งเอวคอดไว้แล้วดึงร่างน้อยเข้ามาปะทะแผ่นอกจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน มธุรสทำตัวไม่ถูก ทำได้เพียงเท้าฝ่ามือยันพื้นหญ้าไว้ให้ห่างจากความแนบชิดสนิทแน่น แต่อลันกลับใช้เรี่ยวแรงที่มีเหนือกว่ามากรั้งเอวหญิงสาวไว้มั่นคงยิ่งกว่าเก่า ไม่มีทางที่มธุรสจะขยับหนีได้

    ไม่มีคำใดหลุดออกจากปากมธุรสแม้แต่คำเดียว แม้ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไรกับเธอในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นที่เป็นอยู่นี้กันแน่ แต่ที่แน่ๆ ทำไมเธอไม่ปัดป้องหวงเนื้อหวงตัว ร้องขอให้เขาปล่อยมือหรืออะไรก็ได้เพื่อรักนวลสงวนท่าทีตัวเองไว้บ้างก็ยังดี หากสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ เธอทำได้แต่นิ่งฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่มีวงดุริยางค์พากันขนเอาเฉพาะกลองแต๊กมาตีในหัวใจ เสียงที่รัวเร็วอยู่ในทรวงอก มันดังเกินกว่าจะแปลความนัยได้ว่ามันคือห้องที่เท่าไหร่ของจังหวะดนตรี เธอกำลังตื่นเต้นดีใจ หรือกำลังเกรงกลัวเขาที่แตะเนื้อต้องตัวเธอกันแน่!

    ริมฝีปากของชายหนุ่มอ้าออก มธุรสเห็นเรียวลิ้นสีชมพูในโพรงปาก ราวกับจะเพิ่งนึกออกหลังจากนึกถึงม้วนวีดีโอที่เพื่อนในห้องเรียนได้เช่าหนังฝรั่งมาจากร้านเช่าในตัวเมืองเรื่องหนึ่ง ซึ่งเธอก็จำชื่อเรื่องไม่ได้ แล้วเอาเรื่องที่ดูมาเล่าต่อให้ฟังว่า พวกฝรั่งเวลาจูบกัน เอาลิ้นแลกลิ้นกันด้วยนะจะบอกให้

    “อา...” อลันเอ่ยปากกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง

    หญิงสาวกลับลุกพรวดขึ้นในบัดนั้นเอง อลันผงะไปข้างหลังตามแรงลุกของหญิงสาว มธุรสวิ่งหน้าตั้งไปหน้าตาเฉย อลันงงงันในความผลุนผลันของเธอ กะจะวิ่งตามก็กลัวจะเสียฟอร์ม แม้จะรู้สึกน้อยใจที่เธอทำราวกับกำลังปฏิเสธหัวใจที่เขากำลังหยิบยื่นให้ แต่พอมานึกย้อนไปก่อนที่เธอจะลุกหนีเขาไปดื้อๆ นั้น เขาได้เห็นแววตาขวยเขินแสนจะน่ารักของเธอพิพักพิพ่วน ผสมปนเปกับพวงแก้มสีเลือดฝาดแล้วพาให้แดงไปทั้งหน้า โดยเฉพาะฟันบนที่ขบริมฝีปากล่างไว้ เขาก็ตีความได้ว่า เธออายมาก อายจนต้องพยายามวิ่งหนีไปแบบนี้ เธอจะเข้าใจความรู้สึกที่วิ่งหนีเขาไปหรือเปล่าเขาก็สุดรู้ได้ เขารู้แต่เพียงว่าวันพรุ่งนี้ เธอก็ต้องเอาอาหารมาส่งให้เขาตามเดิม แล้วพรุ่งนี้ค่อยเอ่ยปากถามกับเธอใหม่...

    ที่บ้านท้ายสวน

    มธุรสวิ่งเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตรในการวิ่งแข่งในงานกีฬาสีของโรงเรียนเสียอีก แต่ทว่าทำไมมันยาวนานราวกับกำลังวิ่งมาราธอนรอบโลกก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะระยะทางที่ไกลโขซึ่งวิ่งรวดเดียวมาถึงบ้านก็อาจเป็นได้

    มธุรดาแฝดพี่เงยหน้าขึ้นมองแฝดน้องที่รีบร้อนวิ่งกลับบ้าน แล้ววิ่งหายเข้าไปในบ้านไม่ทักทายกับใคร เลยบ่นขึ้นกับมารดา

    “แม่ ยัยรสจะรีบไปไหนของเค้านะ ขาไปตอนเอาอาหารไปให้ฝรั่ง ก็รีบร้อนไปแล้ว ขากลับ ยังจะรีบอีก” มธุรดาแฝดผู้พี่ของมธุรสส่ายหน้ายิ้มขันๆ กับมารดา แล้วจึงก้มลงจัดแฟ้มรายงานของตัวเองต่อไป เนื่องจากมธุรดาไปเรียนในโรงเรียนประจำในอีกอำเภอ คนละโรงเรียนกับมธุรสซึ่งเรียนโรงเรียนไปกลับละแวกบ้าน จึงทำให้มธุรดาไม่ได้ทำหน้าที่จัดอาหารไปให้ฝรั่งมาเช่าบ้านอย่างเช่นที่มธุรสทำ มธุรดากลับบ้านก็ตอนเย็นวันศุกร์ แล้วเช้าวันจันทร์ก็เดินทางไปโรงเรียน จึงไม่ค่อยได้ช่วยเหลือภาระภายในครอบครัวมากเท่าแฝดน้องที่ช่วยเหลือแม่ช่อเอื้องเกือบทุกอย่าง

    “แม่จะไปดูน้องให้เอง” ช่อเอื้องลุกจากแคร่ไม่ไผ่เดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานก็เดินกลับออกมา

    “รสบ่นว่าปวดท้องน่ะดา” ช่อเอื้องบอกกับบุตรสาว

    “ถึงว่าสิเห็นท่าทางแปลกๆ...แล้วรสหายาธาตุน้ำขาวกินหรือยังล่ะแม่” มธุรดาเงยหน้าขึ้นถามมารดา ยังไม่ทันที่มารดาจะเอ่ยคำพูดใด เจ้าตัวคนถามก็ลุกขึ้นเดินไปถามแฝดน้องด้วยตัวเอง

    “รส...กินยาหรือยัง ดาจะหยิบยาธาตุให้นะ ปวดท้องมากไหม” มธุรดาเอื้อมมือหยิบยาธาตุน้ำขาวที่วางไว้ในตะกร้ายา สายตาห่วงใยยังไม่ละไปจากดวงหน้าของแฝดน้อง แล้วจึงยื่นส่งขวดยาให้

    “ขอบใจจ้ะพี่ดา...เอิ่ม...คืองี้ พี่ดาหยุดอยู่บ้านสองวันนี้ วานพี่ช่วยเอาข้าวไปให้ตาฝรั่งนั่นทีซิจ้ะ...รสอาจจะยังไม่หายป่วย” พูดพร้อมทำตาปริบๆ

    มธุรดายีหัวแฝดน้องด้วยความเอ็นดูในความออดอ้อน ถึงแม้เธอและมธุรสจะเกิดก่อนเกิดหลังกันไม่ถึงนาที แต่มธุรดาก็ไม่เคยทำตัวอ่อนแอหรืออ่อนไหวให้เห็นบ่อยครั้งนัก ผิดกับมธุรสที่ทำตัวเป็นเด็กอยู่ตลอด จนแม่ช่อเอื้องและมธุรดาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ นับจากพ่อได้ตายจากไปเมื่อหลายปีก่อนพร้อมหนี้ก้อนโตที่ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างหลังสะสาง แฝดพี่อย่างเธอจึงพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ตั้งใจเล่าเรียน จะได้จบออกมามีงานทำดีๆ มีเงินทองมาช่วยปลดหนี้ เป็นที่พึ่งให้แม่และน้องได้

    “ก็ได้นะถ้ารสต้องการ พี่แทบจะไม่ได้ช่วยเหลือทางบ้านเลย เสาร์อาทิตย์นี้รสก็พักผ่อนซะเถอะ พี่จะทำแทนให้”

    มธุรดารับยาธาตุที่มธุรสจิบเสร็จกลับมาวางไว้ที่เดิม หมุนตัวเดินออกจากห้อง กลับไปจัดการกับแฟ้มรายงานต่อที่แคร่หน้าบ้าน หลังจากแฝดพี่เดินพ้นสายตา มธุรสก็ทำได้เพียงแค่นอนลืมตาแป๋วคิดถึงแต่ใบหน้าของชายคนนั้น...คนที่เธอวิ่งหนีมา

     

    ส่วนอีกด้าน อลันเองก็ใจตรงกัน มีความคิดไม่แตกต่างจากมธุรสเลย เขากำลังทำความเข้าใจกับความรู้สึกลึกซึ้งที่มีให้หญิงสาวอยู่ ความรู้สึกลึกซึ้งที่ว่านั่นมันมากขึ้นทุกวัน อธิบายไม่ถูกว่าเริ่มจากวินาทีไหนนับตั้งแต่ได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เขาทบทวนความรู้สึกนี้มาได้ซักระยะหนึ่ง เคยคิดเปรียบเทียบไปว่า อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้พบเจอสตรีนางใดเลยนอกจากมธุรสเมื่อมาพักผ่อนที่นี่ ความรู้สึกรุ่มร้อนที่เกิดขึ้นนี้ มันอาจเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ลึกซึ้ง ซึ่งใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนใดได้บ่อยครั้งนัก

    มันต่างออกไปจากที่เคยเป็น หรืออาจจะเป็น...รักแรกพบ...

    “...แล้วโรสจะรู้ไหม ว่าเมื่อตอนเย็นที่เอาอาหารมาให้ เรากำลังจะพูดกับโรสก่อนที่จะวิ่งหนีไปว่า...อา...ทิตย์หน้า ผมก็จะบินกลับอเมริกาแล้วนะ โรสรู้สึกยังไงกับผม เหมือนกันหรือเปล่า...ก็แค่นี้เองที่ผมอยากจะพูดกับคุณนะโรส ทำไมไม่อยู่ฟัง วิ่งหนีไปทำไม”

    อลันยกมือวางทาบบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง นอนพร่ำเพ้อรำพันกว่าจะหลับได้ก็ดึกสงัด มารู้สึกตัวตื่นในเช้าของอีกวันก็สายโด่งเอามาก เขาตารีตารานรีบลุกจากฟูกนอนเพราะกลัวไม่ทันคนที่จะเอาอาหารเช้ามาส่งให้ รีบผลักประตูห้องนอนวิ่งออกมาที่ห้องครัว...ไม่มีสำรับอาหาร หรือว่าเธออาจจะนั่งรอให้เขาออกไปที่ใต้ร่มไม้เหมือนเดิม

    อลันวิ่งพรวดออกมาด้านนอก ก่อนจะพ้นประตูบ้าน มีสำรับอาหารที่อยากเห็นพร้อมคนยกมาให้ถูกวางไว้ตรงปากประตูบ้านเพียงลำพัง ไม่มีคนยกมายืนยิ้มอยู่เป็นเพื่อนถาดอาหาร ถาดอาหารถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว เหมือนกับตัวเขาที่กำลังถูกเธอทอดทิ้งไว้ลำพังตอนนี้เลย

     

    มธุรดาเอาอาหารเช้าไปวางไว้ที่ประตูบ้านเสร็จก็รีบกลับบ้านท้ายสวนทันที เพราะยังเหลือการบ้านอีกหลายวิชารอให้ทำ พอกลับมาถึงแคร่หน้าบ้าน มธุรสยืนยิ้มแป้นรอท่าอยู่แล้ว รีบส่งเสียงแจ๋วถามออกไป

    “เป็นไงบ้างพี่?”

    “เป็นไง? นี่หมายถึงอะไรเหรอ”

    “หมายถึง...อีตาฝรั่งขี้นกน่ะ...เออ...เขากินข้าวหมดไหม”

    “แหมรส ดูจะเป็นห่วงเป็นใยอีตาฝรั่งคนนี้จริงนะ มีอะไรพิเศษหรือเปล่า” มธุรดายิ้มล้อเลียนในขณะที่เดินเข้าไปนั่งบนแคร่ไม้ไผ่ มธุรสหน้าแดงก่ำที่ถูกจี้ใจดำ เดินเอียงหน้าหลบสายตาคาดคั้นของแฝดพี่มาคุยอีกฟากของแคร่แต่ไม่ยอมสบตา

    “เปล๊า! ก็นึกว่าพี่ดาจะรอเอาจานกลับมาล้างด้วย...ก็แค่นั้นเอง”

    “เหรอ แต่ที่ถามเมื่อกี้มันไม่ใช่นะ แต่เอ...ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงสูงเลยนี่...รู้มั้ย ยิ่งรสแสดงออกแบบนี้ ยิ่งทำให้พี่สงสัยอยากจะเห็นหน้านายฝรั่งขี้นกของรสเสียแล้วล่ะซิ ต้องหล่อแน่เลยรสถึงได้เพ้อขนาดนี้ เสียดาย ไม่น่ารีบกลับเลยเรา แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนเที่ยงนี้ก็ได้เห็นตัวเป็นๆ”

    “พี่ดาไม่ต้องยกอาหารเที่ยงไปก็ได้นะ เดี๋ยวรสยกไปให้เอง” มธุรสรีบออกตัว รู้สึกหวงอลันขึ้นมาในบัดดล

    “นั่นไง รีบบอกเลยนะ ก็ไหนบอกไม่สบายอยากพักไง?”

    เมื่อมธุรสถูกรุกหนักเข้า หญิงสาวจึงรีบถอยฉากหลบ ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงแฝดพี่อีก “โอ้ย!...รสปวดท้อง...ซี๊ดดดด พี่ดาเอาอาหารไปให้เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว”

    “ป่วยการเมืองหรือเปล่าจ๊ะ พี่ว่า ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม” มธุรดาแอบทำเสียงเหน็บแกล้งยั่วเล็กน้อย มธุรสตาโตเมื่อเจอไม้นี้ เลยไม่กล้าซักไซ้ถามเรื่องอลันอีกเพราะกลัวต้องถูกจับส่งโรงพยาบาลจริงๆ

    “งั้น รสไปช่วยแม่ตัดดอกกล้วยไม้ที่แปลงนู้นนะพี่ ไปล่ะ”

    “อ้าว ไม่ถามถึงตาฝรั่งนั่นแล้วรึ จะรีบไปไหน” มธุรดาแซวตามหลังน้องสาวที่วิ่งหนีเข้าสวนไป มธุรสกึ่งวิ่งกึ่งเดินพร้อมกับตะโกนก้องกลับมา มธุรดาที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำรายงานต่อเนื่องต้องเงยหน้าขึ้นอมยิ้ม

    “อย่าลืมทำอาหารกลางวันไปส่งนายฝรั่งด้วยนะพี่”

    “เป็นห่วงเป็นใยเกินหน้าเกินตาแล้วนะ” มธุรดาโบกมือไล่ แกล้งทำตาขวางใส่ว่าต้องการสมาธิ มธุรสที่วิ่งออกไปได้ไม่ไกลเห็นเข้าก็ทำหน้าจ๋อย รีบหมุนตัววิ่งเข้าสวนต่อ มธุรดาซ่อนยิ้มที่ได้แกล้งมธุรสสำเร็จ ก้มหน้าลงกุลีกุจอ ตั้งใจทำรายงานส่งอาจารย์ที่โรงเรียนต่อไป

     

    มธุรสกลับมาที่บ้านพร้อมมารดาก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว หญิงสาวอยู่ช่วยแม่ที่สวนกล้วยไม้จนเย็นเพราะคนของตระกูลสินพนาศาลเจ้าหนี้รายใหญ่ของครอบครัวซึ่งทำธุรกิจส่งออกหลายอย่าง มารับดอกกล้วยไม้ไปตามออร์เดอร์จนครบพร้อมเคลียร์บิล พอสองแม่ลูกกลับมาถึงบ้าน มธุรสเอ่ยเสียงหวานถามพี่สาวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นช่างประจบทันที ด้วยความอยากรู้เรื่องราวของอลันตามเคย

    “พี่ดามื้อกลางวันน่ะ พี่ทำอาหารอะไรไปให้นายฝรั่งหรือจ๊ะ แล้วเขาว่ายังไงบ้าง กินข้าวหมดไหม ชมพี่ดาหรือเปล่าว่าอาหารอร่อย ก็พี่ดาน่ะ ทำอาหารอร่อยออก” คำถามรวมถึงคำชมมากมายที่หลั่งใหลออกมาจากถ้อยคำของมธุรส ทำเอามธุรดาหน้าซีดเผือด

    “ตายแล้ว! พี่ลืม ทำไงดีล่ะแม่ ยัยรส”

    “ลืมอะไรหรือลูกดา?!” ช่อเอื้องทำหน้างง ทั้งๆ ที่ในใจก็นึกเป็นกังวลด้วยกลัวว่าบุตรสาวแฝดพี่จะลืมทำอาหารไปส่งฝรั่งที่มาเช่าบ้าน

    “ดาลืมทำอาหารกลางวันไปส่งนายฝรั่ง!

    ทั้งสามคนแม่ลูกตาลีตาเหลือก รีบเข้าครัวทำอาหารเป็นการเร่งด่วน เมื่อทำเสร็จ มธุรสอาสาจะเอาไปส่งเองตามเดิมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่มธุรดาร้องขอไว้

    “รส พี่รับปากรสไว้แล้วว่าจะช่วยรส ส่งถาดอาหารมาให้พี่เถอะ พี่จะเอาไปให้เขาเอง ถ้าเขาจะโกรธ ก็ให้เขาโกธรพี่ พี่จะบอกเขาเองว่าพี่ลืม...พี่พอจะพูดภาษาอังกฤษคุยกับคนต่างชาติได้ดีพอสมควร”

    มธุรสยังรีๆ รอๆ รั้งถาดอาหารที่ถือไว้ในมือ ไม่กล้าส่งให้ กลัวว่าคนที่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วมาลงกับพี่สาวของเธอ นี่ก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้วด้วย เขาคงหิวมาก ตั้งสองมื้อ กว่าจะได้กินข้าว

    “เอาเถอะรส พี่ดาน่ะฟุตฟิตฟอไฟเก่ง อย่ากังวลห่วงพี่ดาอยู่เลย ส่งให้พี่เค้าไปเถอะ” แม่ช่วยพูดให้ลูกสาวคนเล็กของหล่อนใจชื้นขึ้น

    “ก็ได้จ้ะ” มธุรสรับปากแม่ด้วยความรู้สึกดีเบาใจ ส่งถาดอาหารไปให้แฝดพี่

             

    อลันนั่งคอตกอยู่ใต้ร่มไม้ริมตลิ่ง ความน้อยใจทำให้ความหิวแทบไม่หลงเหลือ มธุรสคงโกรธที่เขาถูกเนื้อต้องตัวเมื่อวานนี้ เลยพาลไม่ยอมมาพบหน้าทั้งวัน แถมยังให้เขาอดมื้อเที่ยงจนอาจจะมื้อเย็นนี้อีกด้วยก็ได้ ไหนเธอรับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาปิกนิกกันตอนเที่ยง รู้ไหมว่าเขาคิดถึง

    อลันกวาดตามองหาหญิงสาวจากทุกทิศทางด้วยดวงตาละห้อยโหย ไปสะดุดเข้ากับบุคคลหนึ่งที่กำลังเดินถือถาดอาหารมาแต่ไกล...

    นั่นมธุรส เธอมาแล้ว!

    จากที่นั่งคิดฟุ้งซ่านกลับดีใจจนเนื้อเต้น นั่งไม่ติดรีบผุดลุก เมื่อได้เห็นคนที่คิดถึงใจจะขาดมาถึงสักที

    “อาหารขาดไปหนึ่งมื้อนะครับ” ชายหนุ่มยกมือกอดอก แกล้งพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิเมื่อเธอเดินมาใกล้ห่างจากเขาไม่ถึงห้าเมตร

    เมื่อคนต่างชาติต่างภาษาตรงหน้าส่งเสียงพูดภาษาไทยมาแม้น้ำเสียงจะไม่ชัดนัก มธุรดาจึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยภาษาอังกฤษตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก จึงกล่าวขออภัยกับชายหนุ่มตามมารยาทเป็นประโยคแรกในการทักทาย

    “ขอโทษด้วยนะคะ” มธุรดายิ้มจนเห็นฟันขาวผ่อง บอกเขาตามตรงต่อมาว่า “คือว่าฉันลืม”

    “ลืม?! ไม่ใช่มั้ง...เป็นเพราะโกรธที่ผมแตะตัวคุณเมื่อวานนี้ใช่ไหม?”

    มธุรดาตกใจกับคำบอกเล่าเสียงกร้าวนั้น รีบประติดประต่อเรื่องราว...ถึงว่าสิ ทำไมยัยรสถึงมีอาการแบบนั้น...

    ในขณะที่มธุรดากำลังคิด อลันเองก็รีบดึงสำรับจากมือน้อยเอาไปวางไว้บนพื้นหญ้า แล้วหมุนตัวควับกลับมาเผชิญหน้าหญิงสาว แววตาจ้องค้นหาคำตอบจากดวงตาที่ทอดมองมาเหมือนกำลังคิดอะไรคนเดียว อลันใช้มือหนาโอบกระหวัดรัดรอบเอวกิ่วมาแนบลำตัวแกร่งในวินาทีนั้น อารามตกใจแทนที่มธุรดาจะร้องเสียงหลง ร่างบางได้แต่ตัวแข็งค้าง นิ่งเหมือนท่อนไม้

    “คะ...คุณ จะทำอะไรฉัน”

    “ผมจะทำอะไรได้ ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ...แล้วทำไมเมื่อวานคุณต้องวิ่งหนีผมด้วย” เสียงพร่าก้มลงกระซิบที่ริมใบหู

    “ฉันไม่รู้เรื่อง ปล่อยค่ะ” มธุรดาดันอกแกร่งออกให้ห่าง หากแต่ร่างหนาของชายหนุ่มฉกรรจ์ที่ได้ยินคำขอร้องให้ปลดปล่อยเธอออก น้ำเสียง การร้องขอ เหมือนว่าเธอฝืนไม่ยอมรับว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา ยิ่งทำให้อลันพยายามอยากจะเอาชนะ อยากจะได้เธอมาครอบครอง ใช้มือที่ว่างเชยปลายคางหญิงสาวขึ้น

    “ผมชอบคุณ”

    หญิงสาวที่พยายามเกร็งร่างคลายอ้อมกอดตาโต คล้ายกับมีอสุนีบาตฟาดเปรี้ยงเข้าใส่อย่างจัง มีทั้งความแปลกใจระคนตกใจ เธอเองก็เพิ่งจะเป็นสาวแรกรุ่น ความรักก็ยังไม่เคยประจักษ์กับเขาสักที การที่มีผู้ชายหนึ่งคนมายืนอยู่ต่อหน้ามือไม้ยึบยับราวกับปลาหมึก แล้วยังจะมาบอกว่า ชอบ เธออีก มันจึงสั่นคลอนหัวใจดวงน้อยให้เริ่มรู้สึกถึงอาการแตกเนื้อสาวอย่างฉับพลัน

    “หรือคุณคิดว่า เราสองคน อาจจะเป็นรักแรกพบ” เขาย้ำ แล้วโน้มใบหน้าลงชิดสูดดมกลิ่นกายสาวที่ซอกคอระหง มธุรดาตัวแข็งราวกับท่อนไม้ที่กำลังจะกลายสภาพเป็นหิน เธอตกใจยิ่งกว่าคำว่า ผมชอบคุณ’ ในคำแรกเสียอีก มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อริมฝีปากหนาก้มลงมาประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบาบนผิวปากของเธอ กระแสไฟฟ้าร้อยล้านโวลต์ที่ผ่านมาพร้อมลิ้นร้อนชื้นซึ่งกำลังดุนแทรกทำท่าจะกระหวัดกลั้วภายในโพรงปาก 

    ก่อนที่เธอจะกลายเป็นคนวิปลาส เรี่ยวแรงมหาศาลซึ่งไม่รู้มาจากไหนของมือน้อยก็ผลักร่างใหญ่ออกห่างอย่างสุดกำลัง วิ่งหนีหน้าตาตื่นไม่คิดชีวิต

    “เดี๋ยวก่อน!” อลันร้องเรียกเสียงหลง เขาเองก็ตกใจอยู่มิใช่น้อยที่ถูกร่างเล็กแต่แรงเท่าช้างสารดันด้วยฝ่ามือเล็กทีเดียวออกทั้งตัว เขาจะไม่ยอมให้เธอวิ่งหนีเขาเหมือนเมื่อวานอีก แต่ความซวยดันสะดุดเข้ากับถาดอาหารที่วางไว้บนพื้น ล้มเค้เก้ไม่เป็นท่า

    “โถ่โว้ย!

    มธุรดาเร่งฝีเท้าราวกับเหาะกลับมายังบ้าน แล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งหน้าแดงเถือกด้วยความเหนื่อยก้มหน้าทำรายงานต่อบนแคร่อย่างคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

    “รีบร้อนหนีใครมาหรือดา” ช่อเอื้องถามขึ้นเพราะพฤติกรรมที่ลูกสาวแสดงออกมันบอกอย่างนั้น

    “เปล่านะแม่ ดาไม่ได้หนีใครมา แม่ก็รู้ว่าดารายงานเยอะ ดาไม่มีเวลาว่างมากเหมือนยัยรสหรอกนะ หัวขี้เลื่อยอย่างนั้นจะเรียนจบหรือเปล่าหรอก

    นิสัยแย่อย่างหนึ่งของมธุรดาที่แก้ไม่หายคืออารมณ์เสียแล้วพาล ผู้เป็นแม่จึงเลิกเซ้าซี้

     

    แท้ที่จริงในใจของมธุรดาสับสนวกวนไปหมด เธอไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเอาเสียเลย เธอถูกผู้ชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อนปล้นจูบแรกของเธอไป แถมเขายังมาสารภาพรักกับเธออีก หัวใจดวงน้อยที่รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน ไม่เคยสนใจเรื่องเพศตรงข้าม จึงมีอันหวาบหวามและหวั่นไหวไปหมด

    หัวใจเธอมันเต้นผิดแผกไปกว่าที่เคยเป็น จนไม่รู้จะทำยังไงกับอวัยวะข้างในนี้ดี 

    ฝากกดไลค์กันหน่อยค่ะ 

    ความสุขของนักเขียนมาจากจุดเล็กๆ ของนักอ่าน

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×