ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เงาใจไฟพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่6 ความทรงจำอันเลือนลาง 50%

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 57


    ตอนที่6 ความทรงจำอันเลือนราง 50%

            อลันงัวเงียตื่นขึ้นสายโด่งของอีกวัน เขานึกทบทวนความทรงจำที่เกิดขึ้นอย่างเลือนรางเมื่อเห็นสภาพห้องซึ่งไม่แตกต่างอะไรไปจากกองขยะ เสียงหวานดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง ปลุกจิตที่ตกอยู่ในภวังค์ให้มองไปตามเสียง

    ให้ฉันพาคุณไปอาบน้ำไหมคะ?”

    “มธุรส คุณมีตัวตนจริงๆ ด้วย ผมยังนึกว่าเมื่อคืนผมฝันไป” เขารีบลุกเดินไปกอดร่างระหงในชุดคลุมอาบน้ำแน่น

    “ฉันหายใจไม่ออกค่ะ”

    “ผมขอโทษที่กอดคุณแรงไป ผมคิดถึงคุณมากรู้ไหมที่รัก คุณหายไปอยู่ที่ไหนมา” เขาซุกหน้าลงกับบ่าบอบบาง เก็บซ่อนความรู้สึกตื้นตันไว้แทบไม่อยู่

    ฉันมาอยู่ตรงหน้าคุณแล้วไงคะ...และหวังว่าคุณจะยังให้ฉันสัมภาษณ์อย่างไม่มีเงื่อนไขนะ เรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลังได้ไหม” มธุรดาบอกเป็นงานเป็นการ

    ผมรับปากกับคุณแล้วนี่ ทำไมจะทำเพื่อคุณไม่ได้” อลันตอบเสียงเครือ แม้จะน้อยใจไปบ้างที่เธอห่วงงานมากกว่าเรื่องของเราสองคน อลันรู้สึกหน้ามืด รีบปิดเปลือกตาลงเพราะตาลายจนแทบอยากจะอาเจียน

    “ผมแฮงค์ ขอเวลาผมสักครู่ แล้วผมจะมาซักไซ้ไล่เลียงว่าคุณหลบหน้าผมไปอยู่ที่ไหนมานะมธุรส”

    โอเคค่ะ...แต่ว่าตอนนี้ชุดของฉันมันขาด ฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่” หญิงสาวพาเขาเดินไปที่หน้าห้องน้ำ บอกความต้องการไปด้วย

    “ผมคงทำชุดของคุณขาดเมื่อคืน ผมขอโทษนะครับ รสโทร. ให้รูมเซอร์วิสเอาชุดที่ห้องเสื้อด้านล่างของโรงแรมมาใส่ไปพลางๆ ก่อน ผมจะพาคุณไปซื้อใหม่ทีหลัง อยากได้แบบไหนแบรนด์อะไร ตามแต่ใจคุณปรารถนาเลยที่รัก”

    “ฉันมีญาติเป็นเจ้าของห้องเสื้อทึลป์ เปิดร้านอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก ให้คนที่ร้านเอาชุดมาส่งได้ไหมคะ

    ตามใจคุณครับ บัตรเครดิตการ์ดของผมอยู่ในกระเป๋าสตางค์วางอยู่บนหัวเตียงในห้องนอน” เขาก้มหน้าลงอ่างล้างหน้าตาลาย พูดกับหญิงสาวด้วยความผะอืดผะอม หญิงสาวส่งเขาเข้าห้องน้ำแล้วหมุนตัวเดินทอดน่องมาที่โทรศัพท์ของโรงแรม มธุรดาโทร. ไปสั่งชุดใหม่ที่ร้านทึลป์ทันที

     

    ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงเสียงเคาะประตูห้องพักของอลันก็ดังขึ้น มธุรดาเดินไปเปิดประตูห้อง

    “อ้าววิ มาส่งชุดด้วยตัวเองเลยเหรอ?” มธุรดาถามออกไปด้วยความแปลกใจ วิมาลาที่เอาชุดมาส่ง เธอเป็นดีไซน์เนอร์ของร้านทึลป์ แต่ทำไมมาส่งชุดด้วยตัวเองแทนที่จะส่งพนักงานของร้านมา

    “ดาเองเหรอเนี่ย?!...ก็วิกลัวว่าลูกค้าที่โทร. มาสั่งชุด แถมยังพักอยู่ห้องระดับพรีเมียมจะไม่พอใจเอานะสิถึงได้มาเอง ไม่คิดว่าดาจะอยู่ที่นี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่...” วิมาลาชักสีหน้าแปลกใจที่เห็นมธุรดาอยู่ที่ห้องนี้

    “ไม่มีอะไรหรอกน่า ฉันมาทำสกูปข่าวนักแข่งรถมอเตอร์ครอสแล้วเขาก็พักอยู่ที่ห้องนี้ แต่เพราะความเผอเรอของเจ้าของห้องพัก เขาก็เลยทำชุดฉันเลอะ แล้วให้ฉันซื้อชุดมาเปลี่ยนใหม่...ก็เท่านั้นเอง”

    “เหรอ...แล้วดาสัมภาษณ์เสร็จยังล่ะ กลับไปด้วยกันเลยไหม วิจะรอ แต่เร็วๆ หน่อยนะจ๊ะ เจ๊พอลล่าเฝ้าร้านอยู่คนเดียว พนักงานคนหนึ่งลาไปคลอดลูก อีกคนลาป่วย สามวันแล้วยังไม่มาทำงานเลย...” วิมาลาตอบซื่อๆ

    “ยังกลับไม่ได้หรอก ยังสัมภาษณ์ไม่เสร็จ วิกลับไปก่อนเถอะนะ” หญิงสาวยื่นบัตรเครดิตการ์ดส่งให้แล้วพูดต่อ “แล้วเดี๋ยวฉันจะไปเอาบัตรคืนวันหลัง”

    มธุรดายืนเบียดปากประตูไว้เพื่อไม่ให้วิมาลาที่ทำท่าชะเง้อคอมองมองเข้าไปภายในห้อง

    “ก็ได้จ้ะ งั้นวิกลับก่อนนะ เจ๊พอลล่าจะบ่นเอา...เออๆ ถ้าชุดต้องแก้ไข ใส่ไม่ได้ยังไงโทร. มานะดา” วิมาลาแอบบ่นถึงเจ้าของห้องเสื้อนิดหน่อยก่อนจะวกกลับมาเรื่องเสื้อผ้า

    วิมาลานั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาหมดจด ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องสังคมภายนอกจัดเจนเท่าอีกคนที่ยืนสนทนาด้วย และไม่รู้เรื่องอย่างว่ามากไปกว่าโลกส่วนตัวของตัวเองที่มีแต่เสื้อผ้าและการตัดเย็บ ซึ่งก็น่าแปลกใจที่คนอย่างวิมาลานั้นจัดอยู่ในผู้หญิงจำพวกบ้าแฟชั่นถึงได้มาเอาดีทางด้านนี้ จนคว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันนานาชาติยังดีไซน์เนอร์อวอร์ดครั้งที่25 ที่ประเทศฝรั่งเศสมาครองได้ แต่วิมาลากลับแสดงภาพลักษณ์เหมือนเด็กสาวหน้าใสที่ไม่ค่อยรู้เท่าทันคนอื่น

    “คงไม่ต้องแก้หรอก โอเคแล้วน่ะวิ” หญิงสาวตัดบท รีบปิดประตูห้อง แล้วก็ถอนหายใจยาวลึกในความมากเรื่องไม่จบของดีไซน์เนอร์สาว เดินถือชุดกลับไปพาดไว้ที่โซฟาตัวยาว ทิ้งตัวนั่งลงครุ่นคิด ผ่านไปอีกสิบนาทีชายหนุ่มสุดหล่อก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ เขาเป็นอะไรไปหรือเปล่า...มธุรดาคิดด้วยความเป็นห่วง

    หญิงสาวเดินไปที่ห้องน้ำ ประตูที่แง้มไว้ถูกผลักเบาๆ ให้อ้ากว้าง อลันนอนหลับตานิ่ง เกยศีรษะไว้บนอ่างอาบน้ำวน สองมือวางพาดอยู่บนขอบอ่าง ได้ยินเพียงลมหายใจแผ่วๆ ของคนร่างใหญ่ เสียงพร่าของหญิงสาวจึงเอ่ยออกมาเบากริบ

    “คุณรู้ตัวไหมอลัน คุณน่ะทำให้ฉันเป็นห่วง ที่แท้ก็นอนหลับนี่เอง...แล้วคุณจะรู้ตัวบ้างไหม ว่าคุณคือผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายที่ฉันพิศวาสได้ถึงขนาดนี้...” มธุรดาลูบไล้ใบหน้าคมเข้มของคนนอนนิ่งอยู่ในน้ำด้วยความเผลอไผล อลันสะดุ้งตื่นเมื่อมือเย็นเฉียบสัมผัสใบหน้า เขาลืมตามองจ้องไปที่ใบหน้าสวย

    “ลงมาอาบน้ำด้วยกันสิที่รัก”

    มธุรดาตอบรับคำเชิญด้วยการสลัดชุดคลุมออกแล้วก้าวลงไปนั่งบนตักชายหนุ่ม

    “คุณหายไปไหนมา ทำไมผมตามหาคุณไม่พบ” อลันสวมกอดร่างเล็กเข้าแนบอก

    “คุณต้องกลับไปถามคุณหญิงแม่ของคุณนะคะอลัน ท่านน่าจะตอบคำถามของคุณแทนฉันได้ดีที่สุด”

    “คุณหญิงแม่นะเหรอจะตอบคำถามแทนคุณได้...หรือว่า...”

    “ไม่ผิดไปจากที่คุณคิดไว้หรอกค่ะอลัน ถ้าคุณจะคิดว่าท่านทำทุกวิถีทางเพื่อกีดกันไม่ให้เราได้พบกัน แต่ตอนนี้ฉันอยากให้คุณลืมเรื่องทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราสองคนไว้เบื้องหลัง ฉันอยากกอดคุณ อยากบอกรักคุณทั้งหัวใจ” หญิงสาวเอนกายเข้าหา แทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

    จินตนาการอันเวิ้งว้างใต้สายน้ำอุ่น มีสองร่างโอบกอดก่ายเกี่ยวกันอย่างหฤหรรษ์ ความรู้สึกท่วมท้นแห่งความดีใจที่ได้พบกันถูกถ่ายทอดผ่านการเดินทางสายธารพิศวาส เคล้าเสียงพร่ำรักดังอื้ออึงไปทั้งห้องน้ำ

    เขาพยายามเก็บทุกอิริยาบถไว้ในความทรงจำ ราวกับกลัวว่าภาพสวยงามของเรือนร่างสวยจะหายสาบสูญไปอีกครั้ง พิศมองใบหน้าสวยหวาน ถ่ายทอดสายตาลึกซึ้งในถ้วนทุกความหมายผ่านทางสีหน้าส่งผ่านไปถึงเธอ การรุกเร้าอย่างอ่อนละมุนของอลันมีพลิกแพลงในเชิงชั้น แต่ทุกครั้งที่เติมเต็มความสุขใจไปกับแรงขับเคลื่อน มันคือภาษากายที่เขาอยากจะบอกกับเธอว่าเขารักและคิดถึงเธอมากเพียงใด มันอาจจะทดแทนวันเวลาที่จากกันไม่ได้ แต่เขาก็อยากทำ

    “...ฉันรักเธอนะรส...แม่โรสแม่รี่ที่รักของฉัน...”

    คำเรียกขานของเขาได้สร้างความเจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัสให้แก่มธุรดา เธอไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากเขาได้เลย อยากบอกเขาใจจะขาดว่าเธอเป็นใครแต่มิอาจทำได้สมใจปรารถนา

    อลันคะ ถึงคุณจะเรียกฉันว่าอะไรก็ตาม แต่ฉันก็จะรักคุณตลอดไปค่ะ

    “ผมเองก็รักคุณ...”

    อลันอุ้มหญิงสาวออกจากอ่างอาบน้ำ วางร่างบางลงบนที่นอนแล้วเช็ดตัวให้อย่างเอาใจใส่ทุกรายละเอียด หลังจากผ่านกิจกรรมแห่งความสุขไปได้ไม่นาน อลันก็พร่ำคำรักกับเธอระลอกใหม่บนที่นอนอีกครั้ง ผ่านกิจกรรมไปรอบที่สองชายหนุ่มก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียเพราะยังแฮงค์ไม่หาย ส่วนมธุรดากลับตาแข็ง ต้องลืมตาโพลงนอนไม่หลับ จมอยู่กับความคิด...

    เธออยากให้อลันมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เธอยึดมั่นตลอดมา อยากให้เขารู้ว่าทำไมเธอถึงฝังรากลึกรักเขาเพียงคนเดียว ทั้งที่มีผู้ชายผ่านเข้ามาให้เลือกมากมาย แต่ทว่าความสำราญใจของชายพวกนั้นเทียบอลันไม่ได้แม้สักเศษเสี้ยว และเธอยังมีภาระเกี่ยวพันกับความแค้นที่สุมอยู่ในอกให้ต้องสะสาง มันจึงเป็นหนามทิ่มแทงใจให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่แตกต่างไปจากคำว่า ใจแตก 

    เธอต้องได้ทุกอย่างกลับคืนมาจากครอบครัวสินพนาศาลในเร็ววันนี้

    ร่างสวยบีบนวดขมับเพื่อคลายเส้นประสาท “ไม่เป็นไรยัยดา...เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเก่า...ทนอีกนิดเดียวเองนะ”

    ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วขยับร่างสวยให้ลุกขึ้นจากเตียง ปลุกตัวเองด้วยการอาบน้ำอีกครั้งเพื่อเรียกความสดชื่นให้กลับคืนมา ไม่ถึงยี่สิบนาที หญิงสาวก็กลับออกมาสวมชุดเดสยาวสีหวานของร้านทึลป์ที่วิมาลานำมาส่งให้ จากนั้นมธุรดาก็เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น รอคอยให้อลันตื่น

     สองชั่วโมงผ่านไป นักกีฬาในชุดกีฬาแนวเอ็กซ์ตรีมของการขับขี่รถวิบากก็เดินอย่างมีมาดออกมานั่งฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว

    “คุณตื่นแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะเตรียมตัวพร้อมให้ฉันสัมภาษณ์และถ่ายรูปคุณได้ในทันที” หญิงสาวยิ้มให้

    “ผมไม่อยากให้คุณเสียเวลางานไปมากกว่านี้อีก คุณเสียเวลาในเรื่องส่วนตัวของผมมาทั้งวันแล้ว” พูดพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่ม

    “ทานน้ำมะนาวก่อนนะคะ ฉันสั่งขึ้นมาเตรียมไว้ให้คุณ น้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีจะอุดมไปด้วยด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับตับ น้ำตาลฟรุกโทสที่อยู่ในผลไม้จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้เร็วขึ้น จะช่วยให้อาการเมาค้างของคุณดีขึ้นมากทีเดียว” เธอลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเอาแก้วน้ำมะนาวมาส่งให้เขาดื่ม ในขณะที่รอให้เขาดื่ม เธอก็หันกลับไปจัดมุมกล้องเช็คอุปกรณ์ในการสัมภาษณ์

    ชายหนุ่มนั่งดื่มเงียบๆ มองใบหน้าเย้ายวนแล้วคิดถึงเรือนกล้วยไม้ บ้านที่เคยเป็นของเธอ

    “รส...คุณยังชอบดอกกล้วยไม้อยู่ไหม?” คำถามจากริมฝีปากหนา ทำให้มธุรดาขมวดคิ้วมุ่นแล้วคลายออก ไม่มีทางที่ใครคนใดจะเข้ามามีอิทธิพลค้นใจเธอได้ อลันถามแบบนี้หมายความว่าอะไร

    “ถามทำไมหรือคะ...แต่ถ้าจะให้ตอบ ผู้หญิงทุกคนก็ต้องชอบดอกไม้เป็นของธรรมดา ไม่จำเพาะว่าจะต้องเป็นดอกกล้วยไม้” หญิงสาวเอนความสนใจกลับเข้าสู่งานของตัวเอง “ฉันไม่อยากรบกวนเวลาของคุณมากไปกว่านี้ ฉันยังมีงานให้ต้องไปทำข่าวที่อื่นอีก ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ”

    “คุณเรียกชื่อรสแทนชื่อตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือครับ ผมไม่ชอบเลยที่คุณแทนตัวเป็นงานเป็นการจนเกินไปอย่างนี้” มือกร้านวางแก้วน้ำมะนาวลงบนโต๊ะ ขยับนั่งกอดอกรอฟังคำตอบของมธุรดาด้วยแววตาสงบนิ่ง

    “รสก็รสค่ะ...แต่ตอนนี้คุณอลันคงพร้อมแล้วที่จะให้ฉันสัมภาษณ์แล้วนะคะ” หญิงสาวกดเครื่องบันทึกเสียงให้ทำงานแล้วพูดต่อ “ขอเข้าคำถามเลยนะคะ หวังว่าคุณอลันจะไม่ถือโทษโกรธกัน และมาฟ้องร้องเอากับฉันในภายหลัง...”

    พูดหยิกแกมหยอกและยิ้มให้อลันอย่างมีความหมาย

    “สวยๆ อย่างคุณ ผมคงโกรธไม่ลงหรอกครับ เริ่มคำถามของคุณได้เลย”

    “ค่ะ” มธุรดาตอบรับ วางสคริปแผ่นเล็กลงข้างตัว เริ่มเข้าคำถามแรกอย่างมืออาชีพ

    “เรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเจ้าสาวที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงในวงเซเลบฯ ฉันหมายถึงคุณนิศากรเพื่อนสนิทของคุณ คุณอลันเป็นมือที่สามระหว่างความรักของคุณภาณุ อัศวเมธา และคุณนิศากร วิริยะชัย เป็นจริงมากน้อยแค่ไหนคะ”

    “เดี๋ยวก่อนรส ผมไม่เข้าใจ คุณถามคำถามอะไรของคุณกัน” อลันทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจจริงๆ คำถามมันไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถของเขาสักนิดเดียว

    มธุรดาหยุดระบบบันทึกเสียงไว้ชั่วคราว แล้วอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้อลันเข้าใจ
              “พี่นิศาแต่งงานเมื่อวาน แต่เธอหายตัวไปจากงานอย่างลึกลับ ซึ่งน่าจะมีเลศนัยแอบแฝงอยู่ มีคนพาดพิงถึงคุณว่ามีส่วนรู้เห็นในการหายตัวไปครั้งนี้ของเจ้าสาว คุณไม่ไปงานมงคลสมรสของนิศากรซึ่งเป็นเพื่อนรักของคุณ จึงเป็นที่ผิดสังเกต บางกระแสก็บอกว่าคุณอกหักจากเธอจึงไม่ยอมไปร่วมพิธี บางแหล่งที่มาก็บอกว่า คุณจับตัวเธอไป เพราะมีจดหมายปิดผนึกจ่าหน้าซองถึงคุณพ่อของเธอว่าเธอไปอยู่กับคนที่เธอรัก เรื่องทั้งหมดถึงได้พาดพิงมาที่คุณไงคะอลัน”

    “จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ผมจะไปรู้เรื่องได้ยังไง ก็เมื่อวานผมปวดหัวมาก...คือผมไม่ค่อยสบาย...ก็เลยไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของเธอ คุณก็เห็นอยู่ว่าผมเมา ถ้าจะมีใครแจ้งความจับผม หาว่าผมเป็นคนจับตัวนิศาไป ผมก็คงพ้นผิด เพราะผมมีพยานปากสำคัญที่จะช่วยยืนยันว่าผมอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหน ทำอะไรบ้าง นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่แล้ว” เขาเปลี่ยนท่าทีคำพูดเป็นทีเล่นทีจริง

    มธุรดาหัวเราะคิก ก็อลันพูดซะน่ารักจนเธอแอบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ “โอเคแล้วนะคะ ฉันขอเข้าประเด็นเลยดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ได้งานกันพอดี”

    หญิงสาวกดปุ่มบันทึกเสียงให้ทำงานต่อ ทบทวนคำถามที่ถามไปแล้วใหม่ให้อลันตอบ อลันยิ้มสดใสให้ก่อนจะเริ่มตอบคำถามเป็นการเป็นงาน

    “เธอไม่ควรได้รับคำกล่าวหาใดๆ เพราะเธอมุ่งมั่นซ้อมแข่ง Redness bull x-fighters ที่จะลงแข่งพร้อมกันกับผมจำเป็นต้องใช้สมาธิ เพราะการขับขี่ค่อนข้างท้าทาย หากจะเป็นการดีมากถ้าไม่มีข้อคิดเห็นที่อาจทำให้นิศาต้องคิดมาก จนไม่มีกะจิตกะใจเสียสมาธิในการฝึกซ้อม และผมกับเธอ เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอมา” อลันตอบด้วยรอยยิ้มสดใสแล้วยกแก้วน้ำมะนาวขึ้นจิบกล่าวต่อ

    “ผมว่าคงมีผู้ไม่หวังดีที่ชอบเห็นความแตกแยกของคนอื่น เลยส่งจดหมายมาให้เกิดความเข้าใจผิดยิ่งขึ้นไปอีก อาจเพราะความสนุกหรือต้องการกลั่นแกล้งเสียมากกว่า ตอนนี้โรงแรมแห่งใหม่ในเครือวิริยะชัยกำลังจะเปิดตัวเสียด้วย อาจจะมีผู้ไม่หวังดีต้องการทำลายชื่อเสียงของทางโรงแรมเธอก็เป็นได้...คนรักเรามีมาก คนเกลียดเราก็มีไม่น้อย ถ้าสังคมจะหยุดวิพากษ์วิจารณ์และหยุดคิดสักนิดก่อนจะสรุปและลงความเห็นในสิ่งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อาจจะนำมาสู่ปัญหาความขัดแย้งที่จะมีผลตามมา เกี่ยวกับบุคคลที่สามซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยไม่น่าเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกเขา คิดว่าสื่อเองก็ควรเมินเฉยเสีย และปล่อยให้เรื่องของเธอเป็นเรื่องส่วนตัวไปก็จบ ให้คนสองคนเป็นคนตัดสินปัญหากันเองดีกว่า ผมคงไม่จำเป็นต้องออกมาแก้ข่าวให้ตัวเองเลย ในเมื่อเธอไม่ได้หนีไปกับผมตามที่ผู้ไม่หวังดีชี้ให้เป็น และตอนนี้ทีมแอทแทคของเราก็ยังติดต่อกับนิศากรไม่ได้เช่นกัน...”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×