ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เงาใจไฟพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่4 รอยแผลเป็น 100%

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 56


    ตอนที่4 รอยแผลเป็น 100%

     

    “ถ้าพี่วัตรไม่บอก ต่อไปนี้ไม่ต้องมาคุยกับดาอีก” หญิงสาวหน้าบึ้ง

    “พี่บอกก็ได้ค่ะ อย่างอนพี่เลยนะ อยู่ที่โรงแรม...” เขารีบบอกสถานที่ทันที

    มธุรดารีบวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองบึ่งไปที่หมายทันที วรวัตรยิ้มพรายเดินไปที่รถยนต์อย่างไม่รีบร้อน ในใจลึกๆ แล้ว เขาก็อยากให้มธุรดาเลิกกับน้องชายเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป ไม่อยากให้หญิงสาวทนคบกับคนเจ้าชู้อย่างวีรยุทธ์ ถ้าเขาไม่หวังจนเกินไป หากคนทั้งสองเลิกรากัน ความจริงใจที่เขามีให้มธุรดามันคงมากพอที่จะทำให้มธุรดารับความรักเขาไปใส่ใจเธอได้ เขาจะทะนุถนอมหัวใจของเธอไว้อย่างดี ไม่มีทางให้เจ็บปวด เขาจะไม่หลายใจเหมือนที่น้องชายเขาทำ หากเธอผิดหวังจากการกระทำของน้องชายในวันนี้ตามคาด เขาคนนี้จะเป็นยาสมานแผลความเจ็บช้ำให้มธุรดา เปลี่ยนจากพี่ชายที่แสนดีเป็นแฟนที่ดูแลเอาใจใส่เธอตลอดไป...วรวัตรคิด

    มธุรดาซิ่งรถสองล้อไปในใจก็เต้นเป็นเจ้าเข้า ความโกรธที่มารู้ว่าแฟนตนไปงานวันเกิดของกิ๊กเก่า มันยังไม่โกรธเท่าที่เขาทำตัวสปอร์ต ออกเงินค่าเช่าห้องในโรงแรมหรูให้ยัยน้ำหวาน เธอเคยรู้สึกดีกับใบหน้าหล่อเหลายามที่บอกเล่าคำโกหก แต่นั่นคือคำโกหกหน้าตาย วีรยุทธ์ปลิ้นปล้อนตลบตะแลงตอแหลกับเธอสารพัด ไหนบอกว่าจะไม่กลับไปยุ่งกับยัยน้ำหวานอีก

    แล้วใครก็ตามที่คิดว่าเธอเป็นของตาย มันจะยิ่งกว่ายอมไม่ได้ ตายเป็นตาย!

    ส่วนเรื่องที่จะไปพูดให้วีรยุทธ์ช่วยคุยกับนายสิน สินพนาศาล ให้ช่วยขอร้องไม่ให้พ่อของเขายึดบ้านและที่ดินทำกินของครอบครัวเธอไป มันจะมีประโยชน์อะไรอีกกับคนเจ้าชู้พรรค์นี้ เขาไม่จริงจังจริงใจกับเธอ และเรื่องที่จะร้องขอให้เขาช่วยมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระไปในบัดดลนั้นเอง หากวีรยุทธ์รักเธอจริง เขาจะไม่ทำตัวเผื่อรักเผื่อเลือกมากมาย ณ ตอนนี้เขาจะทุ่มเทสิ่งใดเพื่อเธอได้อีก ไม่มีแน่!

    รถมอเตอร์ไซค์แล่นลิ่วไปถึงที่หมาย มธุรดาจอดรถไว้ริมถนนเลียบชายหาดไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก ก้าวอาดๆ ตรงไปยังลิฟต์ด้วยมาดนางร้ายหน้าสวยในชุดอยู่บ้าน เธอยอมรับตามตรงว่าไม่ได้รักวีรยุทธ์มากมายถึงขนาดที่จะสามารถฆ่าแกงกันให้ตายได้เพราะเรื่องแค่นี้ แต่เธอไม่ใช่คนยอมคน เธอไม่ใช่ของตายของวีรยุทธ์ และต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ วีรยุทธ์รู้จักเธอน้อยไปซะแล้ว ถ้าวันนี้ไม่สั่งสอนให้คนอย่างวีรยุทธ์รู้สำนึกแล้วล่ะก็ ไม่ต้องมาเรียกเธอว่า มธุรดา

    วรวัตรทำใจเย็นขับรถยนต์ตามหลังมอเตอร์ไซค์ของหญิงสาวไม่ช้าไปกว่ากันสักเท่าไหร่ และตอนนี้เขาเดินตามร่างสวยเข้าลิฟต์อย่างคนไม่ทุกข์ไม่ร้อน ลิฟต์เคลื่อนตัวไปยังชั้นที่หมาย ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวเดินไปยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้อง ยังไม่ผลีผลามเข้าไป

    มธุรดายกมือเรียวขึ้นจะเคาะประตูห้องที่วีรยุทธ์เปิดห้องไว้บริการจัดงานวันเกิดให้กิ๊กเก่า ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวทำให้มธุรดาชะงักมือไว้ เสียงดนตรีที่เปลี่ยนจังหวะมันดังแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า สังเกตได้ว่าถึงจะเคาะประตูห้องจนมือแตก คนข้างในก็คงไม่ได้ยิน

    “นี่ค่ะน้องดา พี่มีคีย์การ์ด” วรวัตรส่งพลาสติกติดแถบแม่เหล็กยื่นให้หญิงสาว มธุรดาไม่สนใจหรอกว่าเขาจะได้คีย์การ์ดมายังไง เธอรับมันมาแล้วทาบบัตรเข้ากับที่อ่านคีย์การ์ดระบบอิเล็กทรอนิกส์ตรงประตู ประตูเปิดออก มธุรดาก้าวนำหน้าวรวัตรเข้าไปก่อน ควันบุหรี่โชยคลุ้งตลบคล้ายหมอกลอยอยู่ทั่วห้อง กลิ่นอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ใช่กลิ่นที่พึงประสงค์ทำเอามธุรดาเวียนหัวแทบจะเป็นลม วรวัตรส่งผ้าเช็ดหน้าให้ มธุรดารับความหวังดีไปแต่โดยดีเอามาปิดจมูกเพื่อกรองอากาศ เสียงหัวเราะ เสียงดังเอ็ดอึงของคนในห้องบวกกับเสียงดนตรีมันไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย ยิ่งเมื่อได้เห็นชายคนหนึ่งชูบ้องซึ่งทำจากท่อพีวีซีชูขึ้นเหนือหัว ก็คิดตามได้ทันทีว่ากำลังเสพกัญชา รวมทั้งยาเสพติดอีกหลายชนิดก็คงมีเสพในห้องนี้ด้วย มันไม่น่าจะเรียกว่าเป็นปาร์ตี้วันเกิด มันน่าจะเรียกว่า...

    ตาคู่สวยดั่งตากวางกวาดตามองไปทั่วทุกตารางเมตรภายในห้อง เห็นคนที่เธอตามหานั่งหันหลังอยู่บนโซฟาสีเบดตัวใหญ่ เธอจำแผ่นหลังกว้างของวีรยุทธ์ได้ดีเพราะเขารูปร่างสูงใหญ่ดูมาดแมน ส่วนเพื่อนของเขาก็นั่งเอนกายในท่าสบายกระจายเป็นวงรีรอบโต๊ะกลางซึ่งมีแก้วเหล้าผสมวางอยู่ มธุรดาสาวเท้าก้าวไปหยุดยืนด้านหลังวีรยุทธ์ เพื่อนในกลุ่มของวีรยุทธ์รวมถึงตัวเขาเองก็ไม่ทันสังเกตการมาถึงของเธอ

    คำพูดประโยคหนึ่งที่พรั่งพรูออกจากปากเพื่อนสนิทคนหนึ่งในกลุ่มของวีรยุทธ์ได้ยินถึงหูมธุรดาทันที

    “ไหนแกบอกว่าจะฟันยัยดาให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหลังจากจีบติดวะ นี่ก็ปาเข้าไปสามเดือนจะสี่แล้วเข้าไปแล้ว ยังทำไม่ได้อย่างที่พูดเลย”

    “แกก็พูดไป ดาเล่นตัวเก่งชะมัดยาด ก็ต้องฟันยากเป็นธรรมดา” วีรยุทธ์ตอบกลั้วเสียงหัวเราะ

    “มาเดิมพันกันมั้ยล่ะ แกไม่ได้แอ้มยัยดาสุดสวยเหมือนได้แอ้มน้ำหวานดาวสถาปัตย์ ชัวร์ป๊าบว่ะ” เพื่อนคนเดิมของวีรยุทธ์เอ่ยขึ้นเป็นการท้าทาย มธุรดาจ้องตาเขม็งไปยังเพื่อนวีรยุทธ์ที่ปากปีจอ

    “มันไม่เหมือนกัน น้ำหวานมันของตาย อีกหน่อยดาก็ต้องเหมือนน้ำหวานนั่นแหละ...เท่าไหร่ล่ะ? จะเดิมพันสักเท่าไหร่” สิ้นคำวีรยุทธ์ก็มีเสียงใสตอบแทรกขึ้นทันใจจากทางด้านหลัง ส่วนเพื่อนๆ ของวีรยุทธ์พากันสลายโต๋เรียบร้อยแล้ว

    “ราคาเดิมพันคงจะมีค่ามากเท่าๆ กับราคาชีวิตของยุทธ์ละมั้ง”

     วีรยุทธ์จำเสียงของมธุรดาได้ รีบดีดตัวขึ้นด้วยความตกใจ หมุนตัวช้าๆ หันมายืนหน้าเสียสบตาหญิงสาวก่อนจะกระพริบตาปริบๆ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

    “ดา มาที่นี่ได้ไง”

    เผียะ! เผียะ!

    เสียงฝ่ามือขวากระทบใบหน้าซีกซ้ายของวีรยุทธ์จนหน้าหัน ตามติดมาในเสี้ยววินาทีด้วยหลังมือกระทบใบหน้าซีกขวาให้หันกลับมาอีกด้านจนคอวีรยุทธ์เคล็ดตามแรงตบของมธุรดา อดีตแชมป์วอลเล่ย์บอลสมัยเรียนมัธยมปลายอย่างเธอเป็นแชมป์ประจำจังหวัดสามสมัยซ้อน มีหรือที่ใบหน้าของวีรยุทธ์จะไม่เจ็บ

    “ค่าของการเดิมพัน ที่ยุทธ์ตีค่าความรู้สึกของดาเยี่ยงคนใจง่าย และรู้ไว้เสียด้วยนะว่า ชาตินี้แม้แต่ขาอ่อนยุทธ์ก็ไม่มีทางได้เห็นของดาหรอก จำใส่กะโหลกไว้!” เธอตะโกนก้องออกไปพร้อมด้วยสายตาเย้ยหยัน เสียงโหวกเหวกดังลั่นทำให้คนในงานวันเกิดเงียบเสียงลงแทบจะกลายเป็นว่ามีแค่คู่นี้คู่เดียวที่อยู่ในห้อง

    วีรยุทธ์อายแทบแทรกแผ่นดินหนี...หญิงสาวกล้ามากที่ตบเขาต่อหน้าเพื่อน กล้าพูดท้าทายเขาให้จำใส่กะโหลกอย่างไม่ไว้หน้าเขา วีรยุทธ์ยื่นมือไปจะฉุดกระชากข้อมือเล็กให้ออกไปคุยข้างนอก แต่ก่อนที่จะคว้าข้อมือมธุรดา วรวัตรที่ยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวก็เบี่ยงตัวพาร่างสะโอดสะองของตัวเองมายืนขวางหน้าไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง

    “ปาร์ตี้จบแล้วยุทธ์ แกและเพื่อนกลับบ้านไปซะ ไม่อย่างนั้น พี่จะโทรแจ้งตำรวจ ว่าพวกแกพากันมามั่วสุมจัดงานปาร์ตี้วันเกิดบังหน้าเพื่อเสพยา” จบคำพูดของวรวัตร คนในห้องก็พากันอลหม่านแตกตื่นหนีกระจายหายไปในพริบตา

    “อย่ามายุ่งเรื่องของผมนะพี่วัตร ดาแฟนผม ไม่ใช่แฟนพี่”

    “แกมันเลวอย่างนี้ ใครมันจะมาเอาแกเป็นแฟน ถึงขั้นนี้แล้วแกก็ปล่อยดาไปซะ

    “อ๋อ พี่วัตรจะได้คาบไปแดกเองใช่ไหมล่ะ ไม่รังเกียจรึไง ของเซ็กเกิ้ลแฮนนะพี่” 

    ผลั้ก!

    สิ้นเสียงวีรยุทธ์ หมัดอัปเปอร์คัตของวรวัตรก็กระแทกเข้าเหนือปลายคางน้องชายอย่างหนักหน่วง เลือดสีข้นซึมไหลออกมาบริเวณริมฝีปากของวีรยุทธ์ในทันที

    “โอ้ยพี่พี่ต่อยผม”

    “แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ แกมันน้องไม่รักดี พาเพื่อนมาเปิดห้องมั่วยาไม่พอ ยังจะมาพูดจาดูหมิ่นดาอีก แกนี่มันเลวอย่างหาที่เปรียบ” วรวัตรผลักวีรยุทธ์เซถลาล้มลงไปกับพื้นห้อง ก่อนที่จะคว้าข้อมือมธุรดาออกไปจากห้อง

    มธุรดาปล่อยให้วรวัตรฉุดข้อมือพาเดินออกมาจากห้อง ทิ้งให้วีรยุทธ์นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นอย่างไม่มีใครเหลียวแล พอลงลิฟต์มาใกล้จะถึงชั้นล่าง หญิงสาวก็พูดขึ้น “ปล่อยมือได้แล้ว”

    “พี่แค่ ไม่อยากปล่อยมือดาไปอีกเท่านั้น”

    “พี่วัตรอย่ามาพูดให้ดาเข้าใจผิดกับคำพูดสองแง่สองง่าม ไม่มีเหตุผลใดที่พี่วัตรต้องทำแบบนี้” หญิงสาวปลดมือออกเอง

    “สักวันดาจะเข้าใจพี่”

    “เหรอคะ แล้วที่พ่อกับแม่พี่จะยึดที่ดินทำกินของครอบครัวดาไปล่ะ พี่จะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปไหม พี่จะทำได้เหมือนที่พี่พูดว่าไม่อยากปล่อยมือดาหรือเปล่า” หญิงสาวจ้องตาเขม็ง ในเมื่อทำดีไม่ได้ดี เธอก็ต้องทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ทุกสิ่งกลับคืนมา

    “ที่ดิน หลุดจำนองแล้วเหรอดา”

    “ใช่ค่ะ พ่อพี่กำลังจะเข้ามายึดที่ดินไปแล้ว ครอบครัวดาจะไปอยู่ที่ไหน พี่ช่วยดาได้ไหมล่ะ ถ้าพี่เอโฉนดกลับมาให้ดาได้ พี่อยากได้อะไร ดาให้ได้หมดทุกอย่าง”

    “พี่จะกลับไปคุยกับพ่อพี่ก่อน” วรวัตรทำหน้ายุ่งยากใจ

    “ดาอยากได้ยินคำว่าพี่ทำได้มากกว่าแค่กลับไปคุย” มธุรดาค้อนควับ จากนั้นก็เดินผละวรวัตรไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง วรวัตรทำหน้าลำบากใจ เพราะทราบดีอยู่แก่ใจว่าครอบครัวเขาต้องการที่ดินผืนนั้นมาทำโรงแรมในไม่ช้าไม่นานนี้ แล้วเขาจะทำอย่างไรดี

    ตกเย็นของวันนั้น

    ที่เรือนกล้วยไม้เงียบผิดปกติ จากที่เคยได้ยินเสียงหริ่งหรีดเรไรวันนี้กลับไม่มีเสียงของแมลงเหล่านั้น ร่างเพรียวของมธุรสยืนกวาดใบไม้อยู่ข้างบ้าน นี่ก็ใกล้จะพลบค่ำแล้วอาหารเย็นที่เธอเตรียมรอไว้พร้อมการกลับมากินพร้อมหน้าพร้อมตา แม่และพี่สาวของเธอก็ยังไม่มา หญิงสาวได้แต่ชะเง้อคอมองหาด้วยความหิว เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าลานบ้าน หญิงสาววางไม้กวาดทางมะพร้าวด้ามยาวพิงไว้กับโคนต้นมะม่วง แล้วรีบเดินมาที่รถเก๋งสี่ประตู

    นั่นมันแฟนพี่ดานี่ ทำไมมาคนเดียว” มธุรดาพูดลอยๆ มองวีรยุทธ์เปิดประตูลงมายืนหมดสภาพ

              วีรยุทธ์เมาแอ๋แทบจะครองสติไม่อยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าขับรถมาถึงเรือนกล้วยไม้ได้ยังไงกัน พอเปิดประตูลงมายืนจ้องหน้ามธุรส ความโกรธ ความแค้น ทุกอย่างก็รวมกันอยู่ในความคิดคำนึงทันที อย่างไรซะวันนี้เค้าจะทำให้มธุรดาจำเอาไว้ว่า ขาอ่อนมันถกกันดูได้ไม่ยากเลย

              ร่างสูงไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินเข้าหา จับบ่าทั้งสองข้างของหญิงสาวแล้วดึงเข้ามาปล้นจูบ เคล้นคลึงริมฝีปากบดอย่างแรง มธุรสตกใจในความป่าเถื่อนไร้อารยธรรมหากแต่ก็สู้สุดใจ ทั้งร้องทั้งถีบ ตะโกนให้คนช่วยเสียงดัง แต่คนที่ขยี้ขยำร่างเธอก็บ้าดีเดือดไม่รู้สึกรู้สาเพราะฤทธิ์สุราเป็นเหตุ

    การหักหาญน้ำใจโดยไม่รู้เหตุผลครั้งนี้ หรือว่าวีรยุทธ์จะจำผิดคน

              “ยุทธ์ปล่อยรสนะ ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย...อย่า! รสเองยุทธ์ จำรสไม่ได้เหรอ รสเองนะไม่ใช่พี่ดา” หญิงสาวปัดป้องหวงตัวอย่างสุดกำลัง แต่คนเมาก็หาได้เข้าใจไม่ ผลักร่างหญิงสาวลงไปกองกับพื้นแล้วกระโจนขึ้นคร่อม

              “เป็นของฉาน...อย่าเล่นตัวน้าดา” เสียงยานคางแต่เรี่ยวแรงมหาศาลพยายามที่จะข่มเหงมธุรสให้ได้ มธุรสเสียหลักเพราะโดนผลักให้ล้มลงก้นกระแทกพื้นจึงเสียเปรียบอย่างที่สุด คนที่คร่อมอยู่ด้านบนทิ้งน้ำหนักตัวตามลงมาทับร่างเธอไว้ ดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด มือใหญ่กระชากกางเกงขาก้วยออกจากเรียวขาเสียงขาดดังแคว้ก

    “กรี้ดดดดดดดดดดดดดด” มธุรสกรีดร้องสุดเสียง

    วีรยุทธ์ไม่สนใจ ดึงซิบกางเกงยีนรูดจนสุด ผลักดันสิ่งไม่เหมาะไม่ควรเพื่อกระทำชำเราเข้าหากึ่งกลางความไม่พร้อมของมธุรส

    สติอันเลอะเลือนหลุดออกจากภวังค์ของมธุรสในวินาทีนั้น ในมโนสำนึกไม่เหลือสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งอย่างสุดเสียงเป็นครั้งสุดท้าย เสียงเงียบสนิทแทบจะไม่หลงเหลือลมหายใจเพราะมธุรสได้หมดสติเพราะช็อกสมองล็อกไปเสียแล้ว การขยับเขยื้อนรุกรานของคนที่อยู่เหนือร่างเป็นไปได้ไม่เท่าไหร่ ความเจ็บปวดบางอย่างจากของมีคมบางชนิดก็จ้วงแทงเข้ากลางหลังวีรยุทธิ์

    ฉึก!

    “โอ๊ะ!” วรวัตรร้องได้เพียงแค่นั้น มธุรดาปล่อยมือออกจากด้ามกรรไกรตัดกิ่งที่ปักเด่อยู่กลางหลังวีรยุทธิ์ แล้วส่งเสียงร้องแหลมลั่น

    “กรี้ดดดดดดดด”

    “ดา...เกิดอะไรขึ้นลูก...” ช่อเอื้องที่ได้ยินเสียงร้องของบุตรสาวมาแต่ไกล วิ่งกระหืดกระหอบมาจากสวนกล้วยไม้ พอมาถึงก็เห็นมือของมธุรดาแบสั่นอยู่กลางอก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ พอช่อเอื้องเลื่อนสายตามองต่ำไปยังพื้นก็เห็นภาพมธุรส ภาพที่ไม่อยากให้มันบังเกิดขึ้นกับบุตรสาวของเธอเลย

    “ไม่นะ รส!

    หัวใจของคนเป็นแม่แหลกสลาย สภาพร่างกายของมธุรสอยู่ในลักษณะเปลือยท่อนล่าง ข้างกายบุตรสาวแฝดผู้น้องมีร่างใหญ่ของวีรยุทธ์นอนหายใจรวยรินใกล้จะตาย

    ความรักลูกอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อมองเห็นความเป็นไปในอนาคตของบุตรสาวทั้งสอง ช่อเอื้องกระวีกระวาดรีบร้อนเข้าไปที่ร่างของชายหนุ่มลูกชายคนเล็กของเจ้าหนี้รายใหญ่ สองมือจับด้ามกรรไกรตัดกิ่งแล้วดึงออกมาไว้ในมือ เลือดหลั่งรินออกมาจากบาดแผลของวีรยุทธ์เจิ่งนองเปรอะมาที่มือและกระเซ็นไปตามเสื้อผ้าของช่อเอื้อง

     

    “คนงานของสินพนาศาลที่มารับซื้อกล้วยไม้ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือพร้อมกันกับแม่ คนกลุ่มนั้นกำลังตามแม่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นทางนี้ ถ้าดารักแม่ ดารักน้อง ดาต้องอยู่เป็นที่พึ่งดูแลน้อง แม่แก่แล้ว แม่จะรับผิดแทนลูกเอง จำไว้นะดา แม่รักลูกมาก...”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×