ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF & OS] DOUBLE B .. BOBBY x HANBIN Ft.IKON

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] You don't know 너는 몰라 -2- { Bobby x Hanbin }

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 58















    “ทำไมไปยืนกอดกับมัน” ร่างสูงที่ตอนนี้เปียกไปเกือบทั้งตัวยืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำถามผมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงพี่มันด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน


    “ถ้าพี่ตาไม่บอดก็จะเห็นว่าผมถูกมันกอด ไม่ใช่ไปยืนกอดกับมัน” ผมวางโทรศัพท์ไว้แล้วหันมาคุยดีๆ


    “แล้วทำไมยอมให้มันกอด” อีกคนเหวี่ยงผ้าขนหนูไปที่ตะกร้าแล้วก้าวเข้ามาใกล้ผม


    “เฮ้อ นี่พี่ตาบอดจริงๆใช่มั้ย เมื่อกี้ผมเหมือนคนที่เต็มใจถูกกอดมากเลยหรอ”


    “ทำไมไม่ผลักมันออก” ร่างสูงมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้วมองผมด้วยสายตาที่ใครมองก็รู้ว่าพี่มันกำลังโกรธอยู่ ผมจึงหลบตาลงมาจึงเห็นว่าพี่มันกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาตามข้อมือ


    “ผะ ผมจะผลักมันออกได้ไง มันมากอดผมจากข้างหลังอ่ะ” ผมค่อยๆขยับหนีแต่ก็ไม่ทันอีกคนที่ดึงแขนผมอย่างแรงจนผมลอยไปปะทะกับอกแกร่งแล้วก็โดนกอดรัดแน่นยิ่งกว่าโดนชานอูมันกอดหลายเท่า อ้อมกอดที่ทำให้ผมเกือบตาย


    “พะ พี่จีวอน..”


    “ไม่ให้จีบ”


    “ห้ะ?” พี่จีวอนพูดอะไรนะ


    “ไม่ให้จีบ.. ไม่ให้ใครจีบฮันบิน”


    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


    ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยครับ พี่มันหวงผมใช่มั้ย? ถ้าผมคิดแบบนั้นผมจะเสียใจทีหลังมั้ย


    “พี่ปล่อยผมก่อนแล้วพูดดีๆ ผมหายใจไม่ออกแล้ว” ผมตบหลังอีกคนเบาๆ พี่มันก็ปล่อยผมแต่เปลี่ยนมาเป็นจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แล้วจ้องตาผม


    “ห้ามให้ใครจีบ.. นะ”


    “ทะ ทำไม” คำพูดลงท้ายที่เหมือนจะอ้อนผมแถมสายตาที่มองมาทำเอาผมเกือบไปไม่เป็น ร่างสูงเหวอไปนิดนึงตอนผมถามถึงเหตุผล


    “ก็ เอ่อ.. ก็นายยังเด็ก ใช่ๆ ยังเด็กไง แล้วไอ่เด็กนั่นก็เป็นผู้ชายด้วย ชอบผู้ชายรึไง”


    “....”


    “ห้ามให้มันจีบ นะๆๆๆๆๆ” อีกคนแกว่งแขนผมไปมาแถมยังทำหน้าอ้อน(ตีน)มาให้ด้วย


    “แล้วพี่ชอบผู้ชายมั้ย” ผมอยากกัดลิ้นตัวเองตายก็ตอนนี้แหละครับ


    “เอ่อ ก็..”


    “ผมกลับบ้านละ เสื้อผมเปียกหมดละเนี่ย กอดมาได้” ผมกล้าไม่พอที่จะรอฟังคำตอบจากอีกคนหรอกครับ ถ้าเกิดเค้าบอกว่าไม่ชอบขึ้นมา.. แค่คิดก็เจ็บแล้วครับ ผมเดินผ่านร่างสูงไปทางประตูแต่ก็โดนจับมือไว้อยู่ ผมจึงหันไปมองเหวี่ยงๆนิดหน่อย


    “ห้ามให้มันจีบนะ”


    “เออครับ ไม่ให้ใครจีบหรอก” ถึงจะมีใครมาจีบ ผมก็มองแค่พี่อยู่ดี.. ไม่กล้าพูดหรอกครับ ได้แค่คิดในใจแล้วเดินกลับบ้านตัวเอง

     



    ผมทิ้งตัวลงเตียงตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ คำถามที่ไม่กล้าถามอีกคนมีมากมายอยู่ในหัวผมจนทำให้ปวดหัว ผมจึงเลิกคิดแล้วหลับตาลง กะจะพักทั้งสายตา สมองและหัวใจที่ทำงานหนักมาทั้งวัน แต่ก็มีเสียงเตือนแชทดังขึ้นก่อน

     


    คิมบ๊อบบี้ : ขอโทษที่ลากออกมาแบบนั้น ข้อมือเจ็บมากป่าว


    เพิ่งคิดได้รึไงผมยกแขนตัวเองขึ้นมาดู ยังเห็นเป็นรอยแดงอยู่เลย

     


    คิมฮันบิน : แค่นี้ไม่ตายหรอก


    คิมบ๊อบบี้ : โหยยยยยยย น้องบินของพี่บ๊อบอย่าเย็นชาใส่กันสิคร้าบบบบบ


    คิมฮันบิน : ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกแบบนี้ -*-


    คิมบ๊อบบี้ : พี่บีอบบอกกี่ครั้งแล้วว่าจะเรียกแบบนี้ ^+++^


    ไอ่พี่บ้า ไม่รู้รึไงว่ามันให้ความหวังกันน่ะ ผมก็อยากให้พี่มาเป็นพี่บ๊อบของน้องบินบ้าง เอ้ย แล้วจะน้องบินตามพี่มันทำไมวะ -*-

     


    คิมฮันบิน : ไม่คุยด้วยละ จะนอนแล้ว ปวดหัว


    คิมบ๊อบบี้ : ไม่สบายหรอ ปวดมากป่าว กินยาก่อนนอนด้วย


    คิมฮันบิน : ไม่เป็นไรหรอก ตื่นมาก็หาย


    คิมบ๊อบบี้ : งั้นหลับไปๆ เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงไปปลุก


    คิมฮันบิน : OK

     



    พี่มันชอบลากผมไปสวนสาธารณะทุกเย็นครับ ไปปั่นจักรยานตามพี่มันวิ่ง ไปนั่งดูตอนออกกำลังกาย ก็ไม่รู้จะให้ไปทำไม สงสัยจะเหงา แต่ก่อนจะไปผมก็จะนอนหลังจากลับมาจากโรงเรียนแล้วพี่มันก็จะมาปลุกผมตลอด เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผมขึ้นมัธยมต้น พี่มันให้เหตุผลว่า เอาไว้ปกป้องน้องบิน แล้วก็เอาไว้อวดสาว ซึ่งผมคิดว่ามันโม้ ถึงผมจะอยากให้เหตุผลมีแค่ข้อแรก แต่ในหัวพี่มันคงมีแค่เหตุผลข้อหลังแหละ

     

     

     

     


    “คิมมมม ฮันนนน บินนนน” ผมพยายามไขว่คว้าหาอากาศหายใจ ปัดป่ายแขนขาไปทั่ว เกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมหายใจไม่ออกเลย นี่ผมอยู่ที่ไหน ทำไมมันมืด ทำไมไอ่พี่จีวอนไม่มาปลุกผม


    “คิมมมม ฮันนนน บินนนน” อยู่ๆก็มีปีศาจเลือดทั่วตัวปรากฏอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับมือมันที่กำลังบีบคอผมอยู่ด้วย มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของมัน ไม่เอา ผมยังไม่อยากตาย ผมยังเรียนไม่จบเลย ผมยังไม่ได้ดูแลแม่กับน้องเลย ผมยังไม่ได้บอกรักไอ่พี่ชายข้างบ้านเลย ผมยังตายไม่ได้ ผมพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายยกหมัดขึ้นฟาดหน้าไอ่ปีศาจนั่นก่อนจะรู้สึกถึงแรงกดทับที่หายไป..

     


    แล้วผมก็ตื่น

     


    หอบหายใจเป็นพักใหญ่ก่อนจะเหลือบไปเห็นพี่จีวอนนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างๆเตียงผม

     


    “เอ้า ไปทำไรตรงนั้น เมื่อกี้ฝันน่ากลัวโคตร มีปีศาจมาบีบคอผมด้วย” ผมว่าพลางปาดเหงื่อบนหน้าออก


    “เพราะงั้นถึงได้ซัดพี่ลงมากองงี้ใช่มั้ยเนี่ย ใจร้ายยยยยยยย พี่ไม่ใช่ปีศาจนั่นสักหน่อย”


    “ห้ะ ผมซัดพี่? เฮ้ย ขอโทษๆ ในฝันมันเหมือนจริงมากอ่ะ เจ็บมากป่าว” ผมขยับไปหาพี่มันก่อนจะจับหน้าหล่อๆนั้นพลิกไปพลิกมา พี่มัน
    ชะงักไปนิดก่อนจะจับมือผมออกแล้วยืนขึ้น


    “มะ ไม่เป็นไรหรอก ไปกันได้แล้ว ห้าโมงกว่าแล้ว”


    “โอเคๆ ลงไปรอข้างล่างเลย ล้างหน้าล้างตาแปบ” ผมเดินไปเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงอีกคนเดินออกจากห้องไป

     

     



    สวนสาธารณะ

     

     


    “นี่จะไปเรียนต่อที่ไหนอ่ะ” ผมเอ่ยถามคนตัวสูงที่วิ่งอยู่ข้างๆผมซึ่งปั่นจักรยานเทียบข้างอยู่ อ่อ ผมลืมบอกไปว่าพี่ชายข้างบ้านคนนี้แก่กว่าผมสองปีครับ เพราะงั้นตอนนี้เลยอยู่ในช่วงที่ต้องคิดเรื่องเรียนต่อแล้ว


    “ได้ทุนนักกีฬาเข้ามหาลัยYGน่ะ เข้าไปก็ต้องไปเป็นนักกีฬาของมหาลัยด้วย”


    “ดีจังว่ะ แล้วเข้าคณะอะไร?”


    “กำลังคิดๆอยู่ ยังไม่ได้ตัดสินใจ น้องฮันบินอยากให้พี่บ๊อบเข้าคณะอะไรล่ะคร้าบบบ” อีกคนหันมายิ้มโชว์ฟันกระต่ายให้ผมดู


    “เรื่องของพี่ดิ พี่เรียน ไม่ใช่ผมเรียนสักหน่อย”


    “แล้วได้คิดเรื่องเรียนต่อไว้มั้ย” ร่างสูงหัวเราะเบาๆก่อนจะถามผมกลับมา


    “ก็กะจะเข้าหมออ่ะ เอาไว้ดูแลแม่กับน้อง เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้มีคนดูแล” ปั่นมาครบรอบพอดี ผมจึงจอดรถไว้แล้วดึงขวดน้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กมายื่นให้อีกคน


    “แล้วถ้าพี่ป่วย น้องหมอฮันบินจะดูแลพี่บ๊อบมั้ยครับ” ไอ่พี่จีวอนถามผมยิ้มๆหลังจากลดขวดน้ำดื่มลง ผมไม่ได้ตอบอะไรแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งยาว รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองร้อนขึ้นนิดๆแฮะ


    “จะดูแลรึป่าววววววววว” อีกคนเดินตามมานั่งเบียดผม


    “ที่เยอะแยะจะเบียดทำไมเนี่ย ออกไปไป๊” ระหว่างที่ผมกำลังดันและไอ่พี่จีวอนกำลังเบียดมาอยู่นั้นก็มีหญิงสาวผมเปียคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าผมกับพี่มัน


    “เอ่อ คือ..” อาการเดียวกับตอนที่ชานอูเอาจดหมายมาให้ผมเลยครับ แต่หน้าขาวๆนี้กำลังขึ้นสีแดงจนน่ากลัวเกินไปแล้วครับ แก้มเค้าจะระเบิดมั้ย


    “มีอะไรรึป่าว” คนข้างตัวผมถามขึ้น


    “บะ บ๊อบบี้.. พอจะมีเวลาคุยกับเราหน่อยมั้ย” หญิงสาวที่ใส่ชุดนักเรียนหญิงของโรงเรียนผมและปักป้ายชื่ออยู่ว่า “จางฮันนา”คุยกับไอ่พี่จีวอนแต่มองแต่หญ้าข้างล่าง


    “อ่อ มีๆ วิ่งเสร็จพอดี มีอะไรล่ะ” ผมเหลือบมองคนข้างตัวนิดๆ ฮอตเหลือเกิ๊น เมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีแบบนี้มาคนนึง แต่ก็โดนอีกคนปฏิเสธจนต้องปลอบใจกันยกใหญ่ เพราะแม่คุณเล่นระเบิดน้ำตากลางสวนสาธารณะเลยน่ะสิครับ


    “เอ่อ คือ.. เราอยากคุยกับบ๊อบบี้แค่สองคนน่ะ” พี่ฮันนาส่งสายตามาทางผมนิดหน่อย ซึ่งผมก็เข้าใจแหละ มันหมายความว่าผมต้องไปสินะ ผมลุกขึ้นจะเดินไปเพื่อให้สองคนได้คุยกันแต่ก็โดนพี่จีวอนจับมือให้นั่งลงเหมือนเดิม


    “พูดมาเลยก็ได้ ฮันบินไม่เอาไปพูดต่อหรอก เธอก็น่าจะรู้จักนะ” จริงครับ เพราะนอกจากพี่ชายข้างบ้านกับไอ่จุนเน่แล้วผมก็ไม่ค่อยพูดมากกับใครเท่าไหร่


    “อะ เอ่อ..งั้น..วันเสาร์นี้ว่างมั้ย ไปดูหนังด้วยกันได้รึป่าว” ผมนั่งกอดอกถอนหายใจเบาๆ ถามว่าหึงหวงมั้ยที่มีคนมาชวนพี่มันเดทแบบนี้ ตอบเลยว่า ครับ มากด้วยแต่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดบ่อยจนผมเริ่มจะชิน แล้วผมก็ไม่ได้อยู่ในฐานะอะไรที่จะอารมณ์เสียได้ด้วย เลยต้องข่มอารมณ์ไว้ในใจ


    “ว้าาาา น่าเสียดายจัง วันเสาร์นี้เรามีนัดกับฮันบินแล้วน่ะ โทษทีนะ” อีกคนตอบแล้วยิ้มโชว์ฟันกระต่ายของตัวเอง ผมนี่หันควับเลยครับ ไปนัดอะไรตอนไหนวะ?


    “อ่อ งะ งั้นไม่เป็นไร นี่คุกกี้เราทำเอง วะ หวังว่าบ๊อบบี้คงชอบนะ” พี่มันรับมายิ้มพยักหน้าให้ แล้วพี่ฮันนาก็เดินกลับไป ไหล่ตกลงนิดหน่อยด้วยนะนั่น


    “เรามีนัดกันหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นจำได้เลย”


    “จะจำได้ไง ก็เพิ่งนัดเมื่อกี้ ฮ่าๆๆ” ผมถอนหายใจหนักๆใส่พี่มันไปที


    “ใช้ผมเป็นข้ออ้างปฏิเสธอีกแล้วนะ”


    “เอาน่าๆ ไม่อยากปฏิเสธตรงๆนี่ สาวๆเสียใจแย่เลย”


    “กลัวเค้าเสียใจขนาดนั้นไม่ไปเดทด้วยซะเลยล่ะ” ผมลุกขึ้นไปคร่อมจักรยานเตรียมปั่นออกไปแต่โดนอีกคนจับท้ายไว้ซะก่อน


    “ไม่เอาหรอก ไปเที่ยวกับฮันบินสนุกกว่าอีก มาซ้อนท้ายนี่ๆ วันนี้จะปั่นกลับเอง ขี้เกียจวิ่งละ” ร่างสูงดันผมให้ขยับลงมานั่งที่เบาะซ้อนท้ายแล้วตัวเองก็ขึ้นคร่อมจักรยานก่อนจะปั่นกลับบ้าน ระหว่างทางไม่มีใครคุยอะไรกัน คนข้างหน้าผมคิดอะไรอยู่ผมไม่รู้ แต่ผมกำลังคิดว่าผมควรจะบอกพี่มันเกี่ยวกับความรู้สึกของผมดีมั้ย อีกแค่สองเดือนอีกคนก็จะจบการศึกษาแล้ว ต้องย้ายออกจากบ้านไปอยู่หอพัก ซึ่งมันจะทำให้เราห่างกัน ผมควรจะเสี่ยงบอกไปดีรึป่าว ถ้าบอกไปแล้วจะเป็นยังไง จะยังเป็นเหมือนเดิมมั้ย หรือว่าพี่มันจะรังเกียจผมแล้วไม่คุยไม่มาเจอกันอีกเลย.. ผมมัวแต่คิดนู้นคิดนี่จนไม่รู้ตัวว่ามาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ จนอีกคนเขย่าตัวเรียกผม

     


    “ฮันบิน คิมฮันบิน”


    “หะ ห้ะ”


    “ถึงบ้านแล้ว เหม่อไปถึงไหนเนี่ย คิดถึงใครอยู่รึไง” ร่างสูงขยี้หัวผมจนยุ่ง


    “คิดถึงใครอะไรล่ะ คิดเรื่องเรียนต่างหาก”


    “ทำไมอ่ะ มีตรงไหนไม่เข้าใจบอกพี่บ๊อบคนนี้มาได้เลยยยยยย” พี่มันพูดพลางตบอกตัวเองดังปั้กๆ ยอมรับว่าพี่มันเก่งครับ เพอร์เฟ็คทุกอย่าง แต่จะไปปรึกษาได้ยังไง ในเมื่อนั่นผมโกหก เรื่องที่ผมคิดอยู่ถ้าจะให้ปรึกษาคนตรงหน้าก็บ้าแล้วครับ


    “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวอ่านอีกรอบก็คงจะเข้าใจเองแหละ ไปล่ะ หิวข้าว” ผมลงจากจักรยานแล้วเดินเข้าบ้าน


    “กินเยอะๆนะน้องบินของพี่บ๊อบบบบบบ”


    “เข้าบ้านไปเลยไป๊!!!

     

     

     

     

     





    หน้าโรงเรียน

     

     

     


    วันนี้ไอ่คนข้างบ้านผมตื่นสายครับ ผมก็เลยเดินมาโรงเรียนก่อน และคาดว่าไอ่เน่ก็คงจะสายเหมือนกัน ปกติถาผมถึงหน้าโรงเรียนแล้วก็จะเจอมันวิ่งตาลีตาเหลือกมาหา แต่วันนี้แทนที่จะเป็นไอ่เน่กลับกลายเป็นคนที่บอกจะจีบผมเมื่อวานแทนครับ มันยืนรออยู่หน้าโรงเรียนพอเห็นผมเดินมาก็รีบวิ่งมาหาเลย

     


    “หวัดดี ฮันบิน” ไอ่คนตัวสูงหน้าเด็กนี่มาเดินอยู่ข้างๆผม ผมกลายเป็นหลุมอีกแล้วครับ -_-


    “หวัดดี”


    “อ่ะ เราซื้อนมมาฝาก” คนข้างๆผมยื่นนมจืดมาให้หนึ่งกล่อง ก่อนจะมาจีบนี่ควรศึกษาให้ดีก่อนนะว่าผมไม่ชอบดื่มนม


    “ฮันบินไม่ชอบดื่มนม เก็บไว้ดื่มเองเหอะ” เสียงพี่ชายข้างบ้านมาพร้อมกับแรงกอดรัดรอบคอเหมือนทุกๆวัน แถมยังใจดีผลักนมกล่องนั้นกลับคืนเจ้าของอีกด้วย


    “อ่า..ฮันบินไม่ชอบนมหรอ งั้นฮันบินชอบกินอะไรอ่ะ”


    “ชั้นชอบกิน.. ฮะ เฮ้ยๆ” โดนลากอีกแล้ว เจ้าเก่าเจ้าเดิมครับ ขยันลากจังวะ ร่างสูงลากผมมาถึงห้องแถมด้วยการกดไหล่ผมให้นั่งลงกับเก้าอี้เรียบร้อย


    “อะไรของพี่อีกเนี่ย ลากไปลากมาอยู่นั่นแหละ”


    “ชอบมันรึไง”


    “ห้ะ” อะไรของเค้าอีกล่ะเนี่ย เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ


    “ไปคุยกับมันน่ะ ชอบมันรึไง” อีกคนจ้องหน้าถามผมอีกรอบ


    “ไม่ได้ชอบ แค่คุยเฉยๆเห็นว่าเป็นเพื่อน”


    “แต่มันไม่ได้คิดว่านายเป็นเพื่อน มันจีบอยู่ ไม่รู้ตัวรึไง”


    “รู้ มันก็บอกแล้วเมื่อวาน แล้วยังไงล่ะ ก็ปล่อยมันสิ ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันสักหน่อย” ผมคิดแค่กับพี่คนเดียวแหละ


    “แต่มันคิด! ไม่ต้องไปคุยกับมัน!” อีกคนขึ้นเสียงใส่ผม ทั้งๆที่ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะขึ้นเสียงใส่ เค้าคงเห็นผมนิ่งไปเลยลูบหน้าลูบตาสงบสติอารมณ์


    “พี่หวงผมหรอ”


    “พี่..เอ่อ หวง..หรอ ไม่รู้ๆๆๆๆๆ” ร่างสูงเดินขย้ำหัวตัวเองออกไปจากห้อง ปล่อยให้ผมนั่งเคว้งอยู่กับคำถามที่ไมได้คำตอบกลับมา แถมยังได้คำถามกลับมาอีกต่างหาก


    ผมจะดีใจนะที่เค้าหวง ถึงจะหวงในฐานะอะไรก็เถอะ ถ้าเค้าบอกว่าหวงสักหน่อย ผมก็ยังคงจะพอเข้าข้างตัวเองได้ล่ะมั้งว่าพี่ชายข้างบ้านคนนี้ก็คงจะชอบผมบ้าง ผมคงมีความกล้าที่จะไปสารภาพกับเค้า ผมเป็นคนแสดงออกไม่ค่อยเก่ง ไม่สิ ไม่เก่งเลยค่ะ นอกจากจะพูดออกมา คนอื่นก็ไม่รู้ว่าผมคิดอะไร จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี คนอื่นมักจะมองข้ามความรู้สึกผมเสมอ แต่ไม่ใช่กับพี่ชายผมคนนี้ เค้ามักจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไง ยกเว้นแต่ว่าที่ผมชอบเค้าเนี่ย ผมว่าเค้าคงไม่รู้หรอก ผมเก็บไว้ลึกมาก ผมกลัวว่าถ้าเค้ารู้ก่อนเวลาที่ควรรู้ รู้ก่อนที่ผมจะทำใจได้ เค้าจะจากผมไปซะก่อน

     

     

     

     




    โรงอาหาร

     

     


    วันนี้แปลกไปจากทุกวันที่จะนั่งกินข้าวกันสามคน กลับมีคนหน้าหวานที่เพื่อนผมประกาศว่าจะจีบเมื่อวานมานั่งด้วย ซึ่งผมคิดว่าดีแล้ว เพราะว่าถ้านั่งกันอยู่สามคนเหมือนเดิมบรรยากาศคงอึดอัด ตั้งแต่เจอหน้ากันผมกับพี่จีวอนยังไม่ได้คุยกันเลยสักคำ อีกคนเอาแต่จ้องหน้าผมส่วนผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้นั่งกินข้าวไปเรื่อยๆ

     


    “สองคนนี่ทะเลาะกันรึไง” เสียงไอเน่ที่นั่งอยู่ข้างผมถามขึ้น


    “อะไรของมึงอีกล่ะ รีบๆกินไปเถอะข้าวอ่ะ”


    “ก็นี่ไง ไอ่พี่จีวอนนี่ทุกทีต้องพูดเป็นต่อยหอยละ วันนี้ยังไม่พูดอะไรสักคำ แถมมึงยังหลบสายตาเค้าอีก” นี่มึงสังเกตกูขนาดนั้นเลยหรอ


    “มึงว่างขนาดมานั่งสังเกตกูได้เลยหรอ เคลียกับน้องยุนจีรึยัง ก่อนจะมาจีบพี่จินฮวานเนี่ย” ผมหย่อนระเบิดไว้ แล้วมันก็ระเบิด ตู้ม!
    พี่จินฮวานมองหน้าไอ่เน่นิ่งๆสักพักแล้วก็ลุกเดินออกไปจากโต๊ะ ไอ่เน่ก็รีบลุกเดินตามไปอย่างหัวเสย ไม่วายหันมาคาดโทษกับผมด้วยสายตา ผมก็ยักไหล่ใส่มัน อยากมาเสือกเรื่องของกูดีนัก


    “ร้ายนักนะคิมฮันบิน” คนตรงหน้าผมรู้ทันอีกจนได้ เค้าคงรู้ว่าผมเริ่มรำคาญไอ่เน่มันแล้ว ผมยักไหล่อีกทีแต่ไม่ได้ตอบอะไร  


    “แล้วไอ่ชานอูนั่นมายุ่งอะไรอีกรึป่าว”


    “ก็ไม่นะ ไม่เห..” ยังไม่ทันพูดจบเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลก แต่ผมก็กดรับ เผื่อว่าแม่จะยืมโทรศัพท์คนอื่นโทรมา


    “สวัสดีครับ.. ชานอู?” ผมเหลือบตาขึ้นมองคนตรงข้ามผม เห็นร่างสูงขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อคนที่โทรมา ผมเลยตัดสินใจที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง


    “อื้ม ว่าง.. วันเสาร์นี้หรอ?.. หนังเรื่องอะไร.. ได้ แค่นี้นะ” ผมกดตสายวางโทรศัพท์ไปแล้ว แต่ไอ่พี่จีวอนยังคงขมวดคิ้วมองผมอยู่อย่างนั้น


    “จะถามอะไรก็ถามมั้ยล่ะพี่ เดี๋ยวจะไปเข้าห้องเรียนแล้ว”


    “วันเสาร์นี้จะไปดูหนังกับไอ่ชานอูหรอ?” ผมพยักหน้าตอบ


    “ไม่ให้ไป”


    “ไม่เอา จะไป หนังเรื่องนี้อยากดูอยู่พอดี”


    “งั้นเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนด้วย” อีกคนไม่เคยขัดใจผมเวลาผมอยากดูหนัง เพราะงั้นถึงได้แต่เสนอตัวเองไปด้วย


    “ไม่เป็นไร มีชานอูไปเป็นเพื่อนแล้ว”


    “คิมฮันบิน” สงสัยคราวนี้ผมคงขัดใจพี่แกไม่ได้ คงต้องให้ไปด้วยล่ะมั้ง


    “ตามใจละกัน” ผมลุกขึ้นอีกคนก็ลุกตามแล้วเดินไปส่งผมที่ห้องเหมือนทุกวัน แต่ก่อนจะกลับก็ขอโทรศัพท์ผมไปแล้วกดอะไรยุกยิกอยู่สักพักก่อนจะส่งคืนกลับมา พอผมเข้ามาเช็คดูตอนนั่งที่โต๊ะของตัวเองแล้ว ผมจึงเห็นว่าเบอร์ชานอูโดนลบไป

     



    ...ผมพอจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยครับ ว่าพี่มันหวงเพราะว่าชอบผม...




    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอtalk หน่อยนะ ฮ่าๆๆ
    ตอนแรกกะจะจบแค่สองตอน แต่พิมพ์ไปๆมาๆ เอ๊ะ มันไม่จบ
    อาจจะมีประมาณสี่ตอนได้
    ตอนนี้จะเป็นฝั่งไอ่พี่จีวอนได้มาพูดบ้าง
    ฝากติดตามด้วยนะ

    ไม่คิดว่าจะมีคนมาเม้นท์ด้วย
    แอบดีใจ ฮ่าๆๆ
    จะพยายามไม่ดองนะ ทวงได้เลย
    แต่จะมาไม่มานี่ดูอีกที 55555555

    'รักนะคะ'

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×