ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Jewel ศึกสัตตะอัญมณี

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (Rewrite)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 55


    บทนำ

                    “คามีร่า คามีร่า!!

                    เสียงการทุบอย่างร้อนรนพร้อมกับการขายเรียกดังสนั่นจนเจ้าของชื่อที่อยู่ในห้องนั้นลืมฟื้นตื่นจากนิทรารมณ์ยามค่ำคืนพร้อมกับความงัวเงีย

    “อะไรคะแม่?” สาวน้อยร่างเล็กเพรียวนาม คามีร่าตามที่ผู้เป็นแม่เรียกหาวหวอด ดวงเนตรสีชมพูเช่นเดียวกับโทนสีผมยังกระพริบปรือๆ  ในขณะที่สีหน้าของผู้เป็นแม่กลับเป็นขั้วตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

    “รีบไปเก็บข้าวของเร็วเข้า!” ฝ่ายร้อนรนแทบปริ่มขาดใจไม่พูดเปล่า สตรีสูงวัยก็ปรี่ตัวเข้ากวาดข้าวของทีพอจะจำเป็นในห้องลูกสาวลงสู่ย่ามใบใหญ่ โดยที่เจ้าของห้องยังไม่รู้อะไรใดๆ เลยทั้งสิ้น

    “แม่คะ เก็บของไปทำไ....” ไม่ทันที่คามีร่าจะเอ่ยถามอะไรไปมากกว่านี้ เสียงกรีดร้องปริศนาพร้อมกับเสียงกระบอกกระสุนปืนได้ลั่นเข้าสู่โสตประสาทหูเป็นคำตอบให้แก่เธอได้ภายในฉับพลัน

    “เราต้องรีบอพยพ…!” มารดาพร่ำพูดด้วยอารามร้อนรน และประโยคเพียงประโยคเดียวก็แทบจะสร่างความง่วงของสาวน้อยได้ภายในทันที

    หนี... คือทางออกสุดท้ายในตอนนี้ที่ดีที่สุด!!

     

    ชาวเมืองย่านชนบทจำนวนมากในสภาพหอบหิ้วข้าวของจูงไม้มือลูกเด็กเล็กแดงกระเตงหนีภัยกันมารวมตัวกันที่หลุมหลบภัยใหญ่แห่งเดียวในเมือง ท่ามกลางไฟสงครามจากอาวุธทำลายล้างที่กระหน่ำเผาทำลายบ้านเมืองให้ราบเป็นหน้ากองเสียหมดสิ้น

    ฝูงชนลี้ภัยอีกขบวนหนึ่งได้มีสองแม่ลูกที่มีจุดเด่นเช่นเดียวกันคือเรือนผมโทนสีชมพูอ่อนหวานติดกองมาด้วย เพิ่งจะพากันวิ่งหนีตายมาถึงหน้าหลุมหลบภัยแห่งนั้น หากช้าไปเสียแล้ว... จำนวนหลุมหลบภัยกับประชากรที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้มิได้สมดุลกันเหมือนแต่ก่อน เพียงเท่านึ้ความจุของหลุมหลบภัยก็เต็มขนัดเป็นที่เรียบร้อย

    “ให้พวกเราเข้าไปเถอะนะ ฉันขอร้องล่ะ” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งได้อ้อนวอนขอร้องชาวเมืองด้วยกันด้วยความหวาดระแวงด้านหลังว่าข้าศึกจะมาถึงเมื่อไหร่กัน

    “หลุมหลบภัยที่นี่เต็มแล้ว พวกคุณไปที่อื่นเถอะ ขืนออกันอยู่ต่อไปพวกข้าศึกจะมาเห็น แล้วจะตายกันหมด!!” แม้ถ้อยคำจากคนที่ปลอดภัยแล้วจะรักษาน้ำใจกันอยู่ หากรูปประโยคและน้ำเสียงที่ใช้ดุจมีดกรีดตัดมิตรภาพเพื่อนร่วมบ้านเกิดกันอย่างไร้เยื่อใยเสียอย่างนั้น

    “แต่ว่าสถานีรถไฟอยู่อีกห่างไกล เด็กเล็กแดงเยอะแยะขนาดนี้คงพากันวิ่งไปไม่ไหวหรอก...!” ฝ่ายที่เพิ่งมาถึงยังคงขอร้องต่อไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลพรากจากความกลัวหวาดผวาระคนกัน

    “ก็บอกว่าไม่ด...! อ๊าก!!” การโต้เถียงปัดภาระสิ้นสุดลงด้วยเสียงกรีดร้องของคนที่ออกปากไล่ ร่างของเขาทรุดลงแนบกับพื้นก่อนจะมีโลหิตสีแดงเข้มไหลรินออกจากกลางหลัง เผยให้เห็นผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังโดยชัดเจน...

    และคนข้างหลังกับอีกนับ 10 คนนั่นเองพร้อมใจชักอาวุธปืนขึ้นพร้อมกับที่ปลดผ้าโพกหัวที่ใช้ปิดบังมาแฝงตัวไว้ ให้เผยสัญลักษณ์ฝ่ายข้าศึกอย่างชัดเจน

    “เจ้าพวกชาวบ้านน่าโง่!! ตายในหลุมหลบภัยนี่เสียเถอะ!” สิ้นคำของข้าศึกจำแลง เสียงปืนสังหารชีพประสานเสียงกรีดร้องอย่างโกลาหลได้เข้ามาแทนที่โดยฉับพลัน

    “แม่...แม่!” เด็กน้อยคนหนึ่งถูกพรากจากอกมารดาด้วยศัตรูใจเหี้ยมโหด

    “อย่าฆ่าลูกฉันไปเลยนะ เอาชีวิตฉันไปแทนก็ได้...” ผู้เป็นมารดาร่ำไห้ร้องขอชีวิตพร้อมกับเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยแผดลั่น หากเสียงนั้นดังอยู่ได้ไม่นานก็สงบลงในตอนที่ปลายกระบอกปืนอัดลูกตะกั่วเข้าศีรษะเล็กๆ ของเด็กน้อยเข้าเพื่อพรากดวงวิญญาณบริสุทธิ์นี้ไปสู่อีกภพเสียแล้ว

    “อึ่ก...!” เนตรชมพูของใครบางคนเห็นภาพอันโหดร้ายนั้นเข้าเต็มสองตาจนแทบจะมีน้ำตาไหลรินออกมา ถ้าไม่ถูกผู้เป็นแม่กระชากตัวให้วิ่งตามฝูงชนไปเสียก่อน

    ในความโกลาหลนั้น ได้มีเฒ่าชราคนหนึ่งในชุดสีขาวสะอาดเดินเยื้องย่องออกมาจากที่ที่หนึ่ง คนที่เห็นต่างพากันไปคุกเข่าสิโรราบให้พร้อมกล่าวขาน

    “ท่านจอมเวทย์ประจำถิ่น... โปรดช่วยพวกเราด้วย!

    ฝ่ายศัตรูเห็นท่าไม่ดีรีบตั้งวงเข้าล้อมตัว จอมเวทย์ไว้เปิดช่องโหว่ให้เหล่าชาวบ้านมีโอกาสหนีตายต่อได้อีกยกหนึ่ง

    “เหล่าชาวบ้านทั้งหลาย จงวิ่งเข้าทางลับไปที่สถานีรถไฟ นั่นคือทางรอดสุดท้ายของพวกเจ้า ทางนี้ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้เอง!!

    “พลังแห่งอัญมณีอันบริสุทธิ์ที่ปลูกฝังพันผูกอยู่ในกายหยาบแห่งนี้ โปรดมอบพลังให้แก่ข้าในบัดนี้...!!

     

    “จะทำยังไงดีล่ะ ขืนรอขบวนต่อไปแย่แน่ๆ...” สาวน้อยเรือนผมสีชมพูกระสับกระส่ายไปมาพลางหันมองไปทางแม่ของตนก็พบว่า สตรีสูงวัยข้างตัวแลดูอิดโรยหนักยิ่งนัก ขืนจะให้วิ่งเบียดแทรกต่อไปมีหวังจะไม่ดีเอาได้

    จังหวะนั้นเองที่เธอเหลือบเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังร้องไห้โฮอยู่กลางฝูงชน ดูแล้วน่าจะพลัดหลงกับผู้ปกครองเป็นแน่ คามีร่าจึงรีบถลาตัวเข้าอุ้มตัวเด็กขึ้น

    “พ่อแม่หนูไปอยู่ในชบวนรถนั้นแล้วใช่มั้ยจ๊ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม

    ซึ่งเด็กน้อยที่ยังสะอื้นไห้ก็ให้คำตอบเพียงพยักหน้า

    สถานีรถไฟที่อัดแน่นไปด้วยผู้อพยพ โดยทั้งหมดมีแต่อาการตื่นกลัวหวาดผวาคิดอย่างเดียวว่าจะต้องเอาชีวิตรอด คนที่ตัวใหญ่แรงเยอะหรือคล่องแคล่วกว่าย่อมได้เข้าไปหลบในตัวรถไฟเป็นชุดแรกๆ ผิดกับเหล่าเด็กเล็กสตรีคนชราที่มิอาจจะเอาแรงที่ใดมาสู้ได้ คนในจำพวกเหล่านี้จึงยังหาทางหนีตายต่อไปที่ด้านล่างบริเวณชานชลารถไฟ

    ตูม...

    เสียงมัจจุราชกับเปลวเพลิงโลกันตร์จากขีปนาวุธทำลายล้างเช่นระเบิดที่เห็นอยู่ในที่ไกลๆ และกำลังค่อยๆ ลามมาถึงยิ่งเป็นเหมือนเชื้อไฟที่แต่งเติมความแตกตื่นอัดเป็นบ่อเกิดโกลาหลอลเวง สถานการณ์ทุกอย่างกำลังเลวร้ายลงไปทุกที...

    คามีร่าที่เห็นปลายตีนบันไดที่ยังว่างเปล่าอยู่ของขบวนรถไฟจึงรีบฉุดมือแม่ของตนวิ่งเบียดฝูงชนเข้ายึดที่ตรงนั้น หากมันก็ได้แค่ที่เดียวเท่านั้น

    “ลูกรีบขึ้นไปเร็วเข้า” ผู้เป็นแม่ยัดข้าวของใส่มือลูกสาวเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะให้กล่องหีบอีกใบหนึ่งไว้...

    “แม่ก็ขึ้นมาด้วยสิ...!” เธอยังดึงดันจะพาแม่ของตนขึ้นมาอยู่ในขบวนเดียวกันให้ได้

    ติดที่ว่าพนักงานรถไฟหลายคนต่างเอาตัวเข้าขวางกั้นฝูงชนที่จะกระจุกอัดเข้าสู่ขบวนรถไฟขบวนเดียวกันให้ได้ สิ่งที่ยังพันธนาการทั้งสองไว้มีเพียงแค่เอื้อมมือนี้เท่านั้น

    “ขอร้องเถอะค่ะ ให้แม่หนูไปด้วยเถอะนะคะ!!” คามีร่าหันมากล่าวกับพนักงานรถไฟคนนั้น

    “ไม่ได้ครับ ถ้าหากขึ้นไปมากกว่านี้รถไฟจะออกตัวไม่ได้ ให้ผู้โดยสารท่านอื่นไปขบวนถัดไปเถอะนะครับ” แต่เขาปฏิเสธตามหน้าที่....

    ฝ่ายมารดาเองที่อยู่ด้านล่างก็ผ่อนลมหายใจออก “ไม่เป็นไรหรอกคามีร่า แม่จะไปที่อื่น...”

    ตูม!!

    เปลวเพลิงจากแรงระเบิดเริ่มลุกโหมกระหน่ำตรงบริเวณด้านหน้าของสถานีรถไฟเรียกเสียงหวีดร้องของเหล่าผู้ลี้ภัยอย่างมหาศาล พอกพูนความโกลาหลได้มากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว ขบวนรถไฟจึงเริ่มขับเคลื่อนออกตามสถานการณ์ที่ควรจะเป็น

    แม้กระนั้นก็ตาม สาวน้อยที่เปรียบดุจนกน้อยในกรงก็ยังคงพยายามไขว่คว้าร่างของผู้เป็นแม่ไว้อย่างสุดความสามารถ หากฝูงชนที่แตกตื่นวิ่งพล่านกัดกระจัดกระจายดุจคลื่นสาด ประกอบตัวรถไฟที่เคลื่อนออกก็ยากนักที่จะเหนี่ยวรั้งไว้ได้

    มืออันเป็นพันธนาการผูกมัดแม่ลูกทั้งสองไว้ขาดออกจากกัน...

    “แม่...!

    “ฟังแม่นะคามีร่า ตอนนี้ให้ลูกขึ้นรถไฟขบวนนี้ไปให้สุดสายแล้วค่อยเปิดหีบนั่น” มารดาพร่ำพูดคำสั่งทั้งหมดก่อนที่จะถึงคราวจากลา “ที่สำคัญ เก็บหีบใบที่แม่ให้ไว้ให้ดี มันจะเป็นอนาคตของลูกนะ”

    “ฮึก...ฮึก...” เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้

    “แม่รู้ที่อยู่ในอนาคตของลูกแล้วล่ะ ถ้ารอดไปแล้ว แม่... แม่... จะเขียนจดหมายไปหาเอง เข้มแข็งไว้นะลูก”

    “ค่ะ” สาวน้อยสูดหายใจลึก “หนูจะเข้มแข็ง จะรอวันที่แม่ติดต่อมา...ค...ค่ะ...!

    ปลายเอื้อมมือสองแม่ลูกค่อยๆ ห่างออกจากกันเรื่อยๆ... ตามการเคลื่อนตัวของขบวนรถไฟ

    “โชคดีจ้ะ...ลูกแม่”

    สตรีสูงวัยเหลียวหลังเคลื่อนตัวตามฝูงชนไปจนมิดสายตา พร้อมรถไฟที่กำลังเคลื่อนตัวแล่นออกไปตามทางอย่างรีบเร่ง ดั่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเผชิญโลกกว้างก็ไม่ปาน...
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×