ตอนที่ 8 : สิ่งที่ย้อนแย้ง
สิงโต...
ใครจะว่าความรักทำให้คนตาบอดและคนโง่เขลามันก็คงไม่ผิด...
บรรดานักล่าแวมไพร์ได้พูดทิ้งท้ายจากรุ่นสู่รุ่นว่า แวมไพร์มีแต่จะหลอกใช้มนุษย์เพื่อให้เป็นอาหารในยามกระหายและเพื่อที่จะได้สุขสมในยามที่ตนปรารถนา สิ่งสวยงามอย่างความรักมันเป็นแค่คำโกหก เพื่อล่อลวงให้มนุษย์หลงใหลจนยอมเป็นข้ารับใช้ก็เท่านั้น
และแน่นอนว่าแวมไพร์เลือดผสมอย่างคริสจะต้องเคยตกหลุมรักนายของตัวเองก่อนที่จะกลายเป็นแวมไพร์ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับจำอดีตของตัวเองไม่ได้เลยสักนิด ทำไมกัน....
ตลอดสองปีที่ผมเฝ้าฝึกฝนตัวเอง จนในที่สุดก็สามารถสังหารแวมไพร์ตนแรกได้ หลังจากนั้นก็อีกหลายตนที่มาคุกคามมนุษย์ผู้โชคร้ายในยามค่ำคืน ในหัวสมองตอนนั้นคิดเพียงแต่ว่าจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พบกับเจ้าของใบหน้าสวยอีกครั้ง และหากได้เจอจะไม่ปล่อยให้หนีหายไปไหนได้อีก
และก็เจอในที่สุด...หลังจากนั้นก็เฝ้ามองเค้าอยู่ตลอดรอโอกาสที่เค้าจะอยู่เพียงลำพัง แวมไพร์ตัวน้อยใบหน้าสวยหวานในคราบของคุณครูผู้แสนจะใจดีและอ่อนโยน กำลังหอบหนังสือกองโตไปทางห้องหนังสือ ทุกครั้งที่ได้เฝ้ามองมันเหมือนกับต้องมนต์สะกด ทั้งร่างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจที่รวยรินมาตลอดสองปีกลับมาเต้นถี่รัวอีกครั้ง ไม่รู้ว่าพาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าต่างของห้องหนังสือตั้งแต่ตอนไหน สายตาตอนนั้นมันเอาแต่จับจ้องไปที่ร่างบางของคนตรงหน้าที่กำลังไล่เปิดอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ
“คริส” เอื้อนเอ่ยออกไปด้วยความคิดถึง
คนที่กำลังก้มๆเงยๆกับกองหนังสือชะงักนิดหน่อย กำลังคิดว่าจะเดินเข้าไปหาแต่เท้าก็ต้องหยุดเพียงแค่นั้นเพราะมีคนอื่นเข้ามาก่อน
แต่ในที่สุดก็ได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ได้ทำในสิ่งที่ใจปรารถนามานานโดยไร้ซึ่งการขัดขืนของคนตรงหน้า ครั้งแรกของเรายังคงจิกจำอยู่ในใจเสมอ ดวงตากลมโตปรือฉ่ำน้ำตาแห่งความสุขสม ร่างสีขาวซีดดิ้นเร้าอยู่ใต้ร่างในยามที่ถูกจับกระแทกอย่างสุดรัก ริมฝีปากสีแดงสดห่อซี๊ดอย่างลืมอาย...ทุกฉากทุกตอนมันยังคงชัดเจน
ทันทีที่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นแวมไพร์เลือดผสมผมก็เกิดความคิดที่จะเปลี่ยนเค้าให้กลับมาเป็นมนุษย์ อยากปลดปล่อยเค้าจากชีวิตชั่วนิรันดร์ที่มีแต่เลือดกับนายเป็นปัจจัยในการดำรงอยู่
ไม่ใช่เพราะต้องการจะครอบครองเพียงเท่านั้น แต่มันเป็นการ ‘ปกป้อง’ คนที่ผมรักเพื่อให้เค้าพ้นจากสภาพของกบฏแวมไพร์เหมือนที่เจ้าตัวบอกกับผมอยู่ตลอดเวลา
แต่เมื่อโอกาสมาถึงคนตรงหน้ากลับเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดี ทั้งที่คิดมาตลอดว่าเค้าจะต้องดีใจมากหากได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะหมอนั่น...แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตที่มองปาดเดียวก็ดูออกทันทีว่าหมอนั่นรักคริสมากแค่ไหน แล้วคริสก็คงรู้สึกกับมันไม่ต่างกัน
เพล้ง!
เสียงแก้วหล่นกระทบพื้นจนแตกกระจาย ผมดีดลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว เพื่อไปยังต้นเสียง ภาพตรงหน้าคือคริสในชุดนอนกำลังนั่งเก็บเศษแก้วที่ตกกระจายเต็มพื้นครัวอย่างรีบร้อน
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ผมดึงข้อมือเล็กออกมาจากตรงนั้นแล้วเตรียมไปหยิบอุปกรณ์เพื่อมาทำความสะอาดแต่สายตาก็ดันไปเจอเข้ากับถุงเลือดที่วางอยู่ตรงเค้าเตอร์
“โอดิน!! โอดิน!!...”
“จะเรียกอะไร...เอ่อ...” พอเห็นถุงเลือดในมือผมโอดินก็ทำหน้าเลิกลั่ก
“เอาไปทิ้งให้ไกล แล้วอย่าให้รู้ว่าคุณแอบเอาเลือดมาให้คริสอีก” พูดพร้อมกับโยนถุงเลือดให้โอดินรับไว้ ถึงจะมีศักดิ์เป็นอาจารย์ผมก็จริง แต่ถ้าทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบก็ต้องมีตักเตือนกันบ้าง
“อืม” เจ้าตัวพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินหายไปพร้อมกับถุงเลือด คนตัวเล็กในชุดนอนชะเง้อตามอาหารตัวเองอย่างเสียดาย
“หิว ทำไมไม่บอกหรือว่าเลือดฉันมันไม่หวานซะแล้ว”
“…..” คริสไม่ตอบแต่เดินหนีกลับเข้าไปในห้อง แล้วมีหรอที่ผมจะปล่อยให้คนทำผิดลอยนวลง่ายๆ
พรึ่บ
ตุ้บ!
“อ้ะ !!”
ผมตามเข้ามาช้อนร่างเล็กขึ้นแล้วโยนไปที่เตียง
“ว่าไง เลือดฉันมันไม่หวานแล้วหรอ”
“………” คนที่ถูกขวางไม่ให้ลงจากเตียงจ้องผมนิ่ง คริสเม้มปากตัวเองแน่นเหมือนกำลังโกรธ แต่ไม่รู้ตัวเลยรู้ไงนะว่าท่าทางแบบนี้มันยั่วยวนแค่ไหน
“อื้ออออ...” และก็ทำการลงโทษด้วยการคว้าใบหน้าสวยเข้ามาบดจูบรุนแรงและเนิ่นนานจนปากเล็กบวมเจ่อ ก่อนจะโยนกลับไปที่เตียง
ตุ้บ!!
“นายมัน...”
“อยากฆ่าฉันงั้นหรอ...อยากให้ฉันแกะด้ายแดงให้สินะ”
“โอดินไม่ผิด เขาทำตามที่ฉันบอก”
“โอดินมองว่านายคือทวดของเค้า ไม่งั้นคงไม่ยอมฝืนคำสั่งฉัน”
“ยอมคุยกับฉันแล้วหรอ” คนบนเตียงช้อนตาที่แสนเศร้าขึ้นมามอง นั่นสินะหลายวันมานี่ผมไม่ได้คุยกับคริสเลย แถมยังไม่ยอมให้ดื่มเลือดตัวเองอีก
คงจะหิวแย่...
“ปากแห้งเชียว”
แป่ะ!
มือขาวๆปัดมือผมที่กำลังสัมผัสริมฝีปากอวบเอิ่มที่เริ่มแห้งผากนั้นออกพร้อมกับหันหนีไปทางอื่น
“ไม่โมโหหิวสิที่รัก” พูดพร้อมกับคลานขึ้นไปคร่อมร่างบางเอาไว้
“………”
ทั้งสีหน้าและท่าทางที่แสนจะดื้อดึง ช่างเหมือนเด็กน้อยโดนแย่งขนมไม่มีผิด เจ้าของใบหน้าสวยพยายามจะหลบสายตาแม้ว่าผมจะขยับหน้าตามเพื่อให้หน้าเราเสมอกันก็ตาม
“ได้เวลาอาหารแล้วนะ”
อึก...
เสียงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะค่อยๆคลายด้ายแดงที่ข้อมือเล็ก...
เมื่อไร้ซึ่งอาคมควบคุม คนใต้ร่างก็อ้าปากเผยอเผยให้เห็นคมเขี้ยวน้อยๆที่กำลังงอกออกมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตที่ดูไร้เดียงสาเมื่อครู่กลับกลายเป็นแข็งกร้าวและเกรี้ยวกราด
พรึ่บ!!
ร่างเล็กแต่เรี่ยวแรงมหาศาลจับผมพลิกให้นอนหงายแล้วตามมาประกบปากลงที่ต้นคออย่างรีบร้อน
กึก!!
“........” ขบกรามตัวเองแน่นเพื่อระงับความเจ็บปวด ปล่อยให้หิวนานขนาดนี้เจ้าชายน้อยของผมก็ต้องรุนแรงเป็นธรรมดา
อึก...อึก...อึก...
เสียงดูดกลืนเลือดอย่างไม่รู้เบื่อ เนิ่นนานจนผมเริ่มอ่อนแรง ร่างเล็กที่กำลังคร่อมอยู่บนตัว สองมือขยุ้มคอเสื้อรุนแรง ใบหน้าสวยซุกไซ้ดูดดื่ม ‘อาหาร’ ประหนึ่งเด็กน้อยดูดนมแม่ก็ไม่ปาน ผมยกมือขวาลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลแดงอ่อนนุ่มแผ่วเบาส่วนมืออีกข้างก็สาละวนอยู่ตรงเนิ่นสะโพกกลมกลึง รอจนกว่าเค้าจะอิ่มและผละออกไปเอง
แผล่บ
เมื่ออิ่มพอก็ไม่ลืมที่จะส่งปลายลิ้นไปไล่เลียบริเวณปากแผลเพื่อรักษาให้
“………”
“อิ่มแล้วหรอ”
“แล้วนาย...?” คนที่นั่งคร่อมบนตักผละออกไปนั่งมองผมด้วยสีหน้าที่มีแต่คำถาม
“ไม่ต้องหรอก นายคงไม่ต้องการ” พูดจบผมก็ดันร่างเล็กออกห่าง ก่อนจะเดินออกมาอย่างเงียบเชียบ ถ้าเค้าอยากให้ผมเป็นอาหารผมก็จะเป็นแค่อาหาร จะไม่ขอเรียกร้องอะไรอีก...จะเป็นผู้พิทักษ์แวมไพร์ตัวน้อยให้รอดพ้นจากการถูกสังหารเพื่อรอวันที่นายของเค้าจะมารับกลับไป...เพราะหากคริสเลือกที่จะเป็นแวมไพร์ต่อ นั่นก็แปลว่าเค้าเลือกที่จะเป็นข้ารับใช้ไปชั่วนิรันดร์และแน่นอนว่าเค้าไม่สามารถไปจากผู้เป็นนายได้
แต่ถึงสมองจะคิดแบบนั้นหัวใจมันกลับย้อนแย้งไม่โอนอ่อน มันดิ้นเต้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ได้สัมผัส มันบีบรัดตัวเองจนเจ็บปวดแทบขาดใจ
เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเองที่ดึงดันที่จะรักจนทุกอย่างมันย่ำแย่ จนคนที่ผมรักต้องมาเดือดร้อนหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้...
“ขอโทษนะ”
เอ่ยกับดอกกุหลาบสีแดงสดในมือก่อนจะจูบแผ่วเบาราวกับว่ามันคือหน้าผากนวลเนียนของชายที่รักยิ่ง...ที่ต่อให้เกิดกี่ภพชาติก็ไม่มีวันได้ครอบครอง
‘ฉันต้องกลับมารับราชีนีของฉันแน่’
!!!
เสียงเมื่อกี้มัน...
“อ๊ากกกกก...”
เสียงร้องโหยหวนจากที่ไหนสักแห่ง ผมคว้าเสื้อโค้ทที่เต็มไปด้วยอาวุธมาคลุมกายอย่ารวดเร็ว
“อย่าไป!!” เสียงหวานร้องห้ามพร้อมกับสองมือเล็กที่จับยึดข้อมือผมไว้
“มีคนเดือดร้อน”
“นั่นมันกลลวงของแวมไพร์ พวกนั้นรู้ที่อยู่ฉันแล้ว นายกับเพื่อนต้องหาที่อยู่ใหม่และต้องทิ้งฉันไว้ที่นี่”
“พูดอะไรบ้าๆ”
“อย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อฉันอีกเลยนะ”
“…….”
ดวงตากลมโตที่ตอนนี้แดงกล่ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ คริสปล่อยข้อมือผมแล้วค่อยๆถอยห่าง
‘ดูแลตัวเองด้วย’
สายตาคู่นั้นเหมือนกำลังบอกลา เหมือนว่าจะไม่มีวันได้กลับมาอีก
แม้ว่าในหัวสมองจะคิดไว้แล้วว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากเค้าอีก ทว่าหากผมมีชีวิตอยู่ แต่กลับต้องอยู่เพียงลำพังโดยไร้ซึ่งคนที่รักถ้าเป็นเช่นนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรกัน ต้องทนทุกข์ทรมานอีกนานแค่ไหนกว่าจะสิ้นลมหายใจ...
“ไม่!!” เสี้ยววินาทีที่คิดอะไรได้ร่างกายก็สั่งการทันที
พรึ่บ
พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อตามไปคว้าร่างเล็กไว้ได้ทันก่อนที่ร่างนั้นจะเลือนหายไปในความมืดของมุมห้อง
“เมื่อไม่ต้องการกันแล้ว ก็ปล่อยฉันให้ไปตามทาง...” คนในอ้อมกอดเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หยดน้ำสีใสหลั่งไหลพรั่งพรูอาบแก้มจนน่าสงสาร
“อย่าร้อง”
“ฮรึก...ฮึก...”
เสียงสะอื้นแทบขาดใจทำให้ต้องดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แน่น กดจูบหนักๆที่หน้าผากมนเพื่อปลอบโยน
“มากับฉัน” ในเมื่อที่นี่ไม่ปลอดภัยก็ต้องไปที่อื่น
“ดะเดี๋ยว โอดินหล่ะ”
“พวกมันตามแค่นาย เพราะงั้นโอดินจะไม่เป็นอะไร”
“นั่นสินะ ถ้างั้นฉันจะ...”
“หยุดพูดเพ้อเจ้อ แล้วมากับฉัน!!”
นายมันก็เหมือนกับผู้เป็นนายของตัวเองไม่มีผิด ใช้อำนาจและมนต์สะกดแห่งแวมไพร์ล่อลวงให้หลงใหลเพื่อหลอกใช้ราวกับเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่ง แต่สุดท้ายนายก็กลับกลายมาเป็นว่าจะปลดปล่อยฉันในวันที่มันสายไปแล้ว
มาปลดปล่อยในวันที่รักหมดหัวใจ...
เพราะฉะนั้นจงรับผิดชอบหัวใจดวงนี้ที่มันผูกติดแค่กับนายแต่เพียงผู้เดียว จงอยู่ ‘ร่วมทุกข์’ ร่วมสุขจนกว่า ‘ความตาย’ จะพรากเราจากกันเถอะ
Talk : มันต้องแบบนี้ ฮึ้มมม คุณสามีแวมไพร์อย่าได้ท้ออย่าได้ถอย สู้ต่อไปเด้อ // ชูป้ายไฟ555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไมคริสถึงไม่อยากเป็นคนอ่ะ
แอบหลอนเหมือนกันนะ ที่บอกว่าร่วมทุกข์ และความตายเท่านั้นที่จะพรากเราจากกันได้อ่ะ ชอบๆ