ตอนที่ 7 : ความเข้าใจที่ผิดเพี้ยน
คริส...
เพนต์เฮาส์ของพวกมนุษย์ช่างแตกต่างกับคฤหาสน์สีเลือดอย่างสิ้นเชิง ผมนอนทอดกายบนโซฟาเบดริมสระ มือขวาควงแก้วเหล้าที่รสชาติแสนจะจืดชืดเนื่องจากไม่ได้ผ่านการผสมกับหยดเลือดของแวมไพร์
ท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืนกับอวลอากาศเย็นยะเยือกที่พัดมากระทบร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ผมยกแขนให้เสมอหน้าเพื่อมองหยาดน้ำที่เกาะพราวตามลำแขน มองแสงไฟจากในเพนต์เฮาส์ที่สาดส่องจนเหมือนว่าหยดน้ำนั้นกำลังเล่นกับแสงไฟ
ข้อมืออีกข้างคือด้ายแดงที่นักล่าแวมไพร์ผูกทิ้งไว้กันไม่ให้หนี ซึ่งไม่ว่าผมจะพยายามแกะมันด้วยวิธีไหนก็ไม่สามารถเอามันออกจากข้อมือได้ นอกซะจากผมจะหิวนั่นแหละเจ้ามนุษย์ใจร้ายถึงได้ยอมปราณีแกะด้ายออกให้สามารถฝังคมเขี้ยวเพื่อดื่มกินเลือดของเขาแต่เพียงผู้เดียว ผมอยู่กับด้ายแดงนี่จนรู้ว่ามันมีอิทธิฤทธิ์ในการควบคุมพลังบางส่วนของแวมไพร์อย่างการทำให้คมเขี้ยวหายไปชั่วขณะ ควบคุมพลังในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเหนือมนุษย์ แต่ก็ยังคงเหลือความสามารถในการรับรู้และได้ยินที่ไม่สามารถทำอันตรายกับมนุษย์ได้
เกือบเดือนแล้วที่สิงโตพาผมมาขังไว้ไม่ยอมให้ออกไปไหน หรือถ้าจะไปก็ต้องไปกับเจ้าตัวเท่านั้น แต่ดูตัวเองสิ ออกไปทำงานแทบทุกคืนกว่าจะกลับก็เกือบเช้า
“ชิ”
นึกถึงทีไรก็พาให้หงุดหงิด ผมสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะพาตัวเองลงไปในสระอีกครั้ง
จ๋อม
ขณะที่กำลังเกาะขอบสระเพื่อมองวิวที่เป็นทะเลตึกในยามค่ำคืนก็เกิดความเคลื่อนไหวภายในน้ำจากทางด้านหลัง
“หึ” แค่นหัวเราะกับตัวเองเมื่อรู้ว่าบุคคลที่รอคอยมาค่อนคืนได้กลับมาแล้ว
ชายที่ได้ยินเสียงหัวใจชัดเจนตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในเพนต์เฮาส์เคลื่อนตัวในน้ำอย่างเป็นธรรมชาติไม่นานร่างเปลือยเปล่าเฉกเช่นเดียวกันก็ย้ายมาแนบชิดกับแผ่นหลัง
รับรู้ได้ถึงปลายจมูกโด่งที่ไล่สูดดมตั้งแต่หัวไหล่มาจนถึงหลังหูพาให้ขนลุกขนชันไปทั้งร่างเพราะความรู้สึกที่วาบหวามจนต้องเอียงคอเปิดทางให้สิ่งนั้นอย่างเต็มใจ
“หิวหรือเปล่า”
“ใจคอจะทักฉันด้วยคำนี้ทุกครั้งที่เจอกันเลยหรือไง...”
“ก็อยากให้อาหาร...”
“นายต่างหากที่เป็นอาหารของฉันเจ้าโง่”
“หึหึ รับทราบครับเจ้าชาย”
มือหนาซุกซนของคนด้านหลังลูบไล้ไปตามร่างกายก่อนจะมาหยุดกอบกุมที่แก่นกายอย่างถือสิทธิ์ หลังจากวันนั้นที่กลายเป็นกบฏแวมไพร์โดยสมบูรณ์ทุกครั้งที่ดื่มเลือดของสิงโตก็มักจะตามด้วยเรื่องพรรค์นั้นตลอด เพิ่งรู้ว่าการดื่มเลือดพร้อมกับการร่วมรักเป็นอะไรที่แสนจะสุขสมราวกับได้ขึ้นสวรรค์ก็ไม่ปาน
เพิ่งเคยได้สัมผัสกับจุดสุดยอดนั้นด้วยตัวเอง...
“อืมมม..” เผลอกัดปากตัวเองอย่างเสียวซ่านเมื่อมือใหญ่เริ่มสาวเข้าออก
“ที่รัก...อืม” ใบหน้าถูกบังคับให้เอี้ยวกลับไปรับจูบที่แสนเร่าร้อนและจาบจ้วง
“อ้ะ...” สะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรแข็งที่ทิ่มอยู่ตรงต้นขา
“ถ้าไม่กินฉันจะกินก่อนหล่ะนะ” พูดจบร่างก็ถูกจับให้หันกลับไปหาพลางสองขาก็ยกเกี่ยวเอวสอบอย่างลืมตัวเมื่อไม่มีขอบสระให้ยึดเกาะ
“อื้อ...” สองแขนโอบรัดรอบคอแกร่งเอาไว้แน่น
จ้วบ...
คนตรงหน้าก้มลงไปขบเม้นตรงซอกคอรุนแรง ร่างบึกบึนดันผมให้แนบกับขอบสระด้วยแรงทั้งหมด
“สิง...โต อ่าห์” เงยหน้าสูดอากาศเข้าปอดอย่างหนักเมื่อมือหนาบีบขยำที่สองแก้มก้นภายใต้ผืนน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เสียงเซ็กซี่เป็นบ้า...อืม อ้าขาสิที่รัก”
“ใจร้อนจังเลยน้า...” ผมเอียงคอยิ้มหวานให้
“ก็มีเมียขี้ยั่วขนาดนี้ใครจะทนได้กันหล่ะ...” ใบหน้าหล่อที่สีหน้าตอนนี้กำลังบ่งบอกว่าต้องการแค่ไหนไล่พรมจูบไปทั่วใบหน้าราวกับคนไม่มีสติ แต่ยิ่งถูกปลุกเร้าเท่าไหร่ก็ยิ่งพาให้อารมณ์เตลิดไปไกล
“อ่าห์ ขะเข้ามาเลยก็ได้...”
เมื่อไฟเสน่หาลุกโชนเต็มที่ผมก็เป็นฝ่ายร้องขอด้วยตัวเอง ร่างกายตอนนี้มันสั่นระริกหน้าอายทั้งที่ก่อนหน้านี้นอนตากลมหนาวมานานหลายชั่วโมงยังไม่เป็นแบบนี้แท้ๆ
“หึหึ จัดไปครับที่รัก”
“อ้ะ! มีคนมา” ผมดันคนตรงหน้าออกทันทีเมือสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างภายในเพนต์เฮ้าส์
“ช่างมัน” คนที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะยังคงฝืนแรงผลักเพื่อมาเล่นกับร่างกายผมอีกรอบ
“ไม่ พอก่อน”
“อืม...ฉันรักนาย”
“เห้ย!! โทษๆผมไม่เห็นอะไรเลยนะ” ชายแปลกหน้าในชุดเสื้อโค้ทคลุมทั้งตัวรีบหันหลังกลับพร้อมกล่าวขอโทษอย่างร้อนรน
“ไม่เป็นไรโอดิน แต่ไปรออีกห้องหนึ่งก่อนนะ”
“อืมๆๆ” เจ้ามนุษย์ที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับสิงโตเดินหายเข้าไปในตัวเพนต์เฮาส์ คนตรงหน้าหันกลับมางับปากล่างผมทีนึงแล้วพาขึ้นจากสระ
ชุดดำของผมถูกคนใจร้ายเอาไปเผาทำลายจนสิ้นซากและถูกยัดเหยียดให้แต่งกายตามวัยรุ่นสมัยใหม่ ส่วนชุดนอนก็เป็นเสื้อเชิ้ทคลุมถึงแค่ก้นโชว์เรียวขานวลเนียนของตัวเองเพราะกางเกงนอนเป็นแบบขาสั้นชนิดที่เพียงแค่ยืนขึ้นชายเสื้อก็คลุมกางเกงจนมิด หมอนี่ตัดสินใจเลือกซื้อเสื้อผ้าเองทั้งหมดไม่ปรึกษาผมเลยสักคำ
หลังจากเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยสิงโตก็พาผมออกมาเจอเพื่อนของตัวเองที่นั่งขัดอุปกรณ์ที่พอมองผ่านๆน่าจะเป็นเครื่องมือทำมาหากินของพวกนายพราน (ยุคนี้ไม่มีนายพรานแล้วมั้งคะคุณแวมไพร์//ไรท์)
“โอดินนี่คนรักของผม” ผมเหลือบมองคนข้างๆด้วยหางตา หมอนี่บ้างก็เรียกผมว่าคนรักบ้างก็เรียกเมีย ผมไม่ได้ปฏิเสธเพราะต่อให้จะเรียกว่าอะไรมันก็ไม่มีผลใดๆทั้งนั้นแหละ เพราะสถานะที่แท้จริงของผมก็คือทาสรับใช้ของเจคอป
“คุณทวด!!”
“อะไรของนาย” หมอนี่คือคนที่ฝึกให้สิงโตเป็นนักล่าแวมไพร์ ผมจำได้จากการย้อนดูอดีตของสิงโตครั้งล่าสุด
“นี่หรอสิงโตที่บอกว่าเป็นคนรักของคุณ”
แป่ะ
ผมปัดนิ้วที่กำลังชี้หน้าตัวเองออกไปทางอื่น อย่ามาชี้หน้าฉันนะเจ้ามนุษย์พิลึก!
“คริสเป็นแวมไพร์เลือดผสม ฉันจะเปลี่ยนคริสให้กลับมาเป็นมนุษย์และต้องขอให้นายช่วยด้วยอีกแรง” สิงโต
“ห้ะ !?!” อะไรกัน เรื่องนี้ผมไม่เคยรู้มาก่อน หรือผมต้องย้อนดูอดีตให้ละเอียดลึกมากกว่านี้
“คริส...เพื่อนของฉันคนนี้ที่เคยบอกว่าจะสามารถช่วยเราได้ อีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกันสักทีนะ” สิงโตตรงเข้ามากุมมือผมไว้ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง สงสัยว่าจะเข้าใจไปคนละแบบสินะ ‘ช่วย’ในความเข้าใจของผมคือช่วยจากการถูกล่าต่างหากหล่ะ
“ฉันบอกตอนไหนว่าจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์”
“คริส ?”
“ฉันเกลียดที่สุดคือการถูกบังคับ เพราะงั้นอย่ามาบังคับฉันแบบนี้” ผมหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับห้อง
“คุณทวดครับ คุณทวดโอเว่น”
!!!!
“นาย...รู้จักชื่อฉัน” หันกลับไปหาคนที่ลุกจากโซฟามายืนประจันหน้ากับผมตั้งแต่เห็นหน้าผมไม่ถึงสามวิ
“เหมือนมาก เป็นแวมไพร์เลือดผสม แถมยังชื่อเดียวกับคุณทวดด้วย”
“คุณทวด ? ”
“โอเว่น หนุ่มชาวอังกฤษ มีพี่ชายชื่อเอวา ถูกพวกแวมไพร์บุกเข้าไปชิงตัวถึงในบ้านพร้อมกับสังหารพ่อกับแม่อย่างเลือดเย็น...”
“พูดอะไรของนาย...” หมอนี่กำลังเล่านิทานอยู่หรือไงนะ
“ทำไม...คุณทวดจำอะไรไม่ได้เลยหรอครับ”
“……….” อยากจะย้อนดูอดีตของคนตรงหน้าแต่เพราะผมไม่เคยดื่มเลือดหมอนี่สักครั้งเลยไม่สามารถทำได้
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าคนที่ตามหามาตลอดเป็นคนเดียวกับคริสงั้นหรอ” สิงโต
“ฉันไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ไม่ใช่คุณทวด ไม่ใช่เมีย ไม่ใช่ที่รัก เลิกยุ่งกับฉันสักที!!”
ปัง!!
โพล่งออกไปอย่างเหลืออดก่อนจะเดินเข้าห้องปิดประตูโดยไม่ฟังเสียงเรียกของเจ้ามนุษย์ที่ชื่อโอดินนั่น
ตลอดทั้งคืนสิงโตไม่กลับเข้ามาในห้องเลย จนผมหลับแล้วตื่นมาในช่วงบ่าย ที่ว่างข้างตัวตรึงเรียบไม่มีรอยยับ หรือไออุ่นจางๆ แสดงว่าเมื่อคืนสิงโตไม่ได้เข้ามานอนด้วยกัน
แอ้ด
“อรุณสวัสครับคุณ...เอ่อ คุณคริส”
“อืม” ผมเพียงแค่พยักหน้ารับกลับไปพลางสายตาก็มองหาเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่หายหน้าไปตั้งแต่เมื่อคืน
“หาอะไรครับ”
“เปล่านี่” ตอบพร้อมกับเบือนหน้าหนีกลบเกลื่อน
“ผมขอคุยอะไรด้วยได้หรือเปล่า”
“ถ้าเรื่องคุณทวดอะไรนั่น ฉันไม่คุย”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น เอ่อ เราไปที่สระน้ำกันดีกว่า” พูดจบร่างสูงใหญ่ที่ใหญ่ยิ่งกว่าสิงโตก็เดินนำผมไปทางสระว่ายน้ำ ว่าแต่สิงโตไปไหนนะ ตั้งแต่ตื่นมาผมยังไม่ได้ยินเสียงหัวใจของหมอนั่นเลย
“ว่ามาสิ”
“คุณจำเรื่องราวตอนที่ยังเป็นมนุษย์ได้บ้างไหม”
“นายเป็นนักล่าแวมไพร์หรือเปล่า”
“ครับ”
“แล้วนายไม่รู้หรอว่าแวมไพร์ที่ถูกปลุกให้ตื่นจากความตายจะสูญเสียความทรงจำตอนเป็นมนุษย์ทั้งหมด”
“ห้ะ? เป็นไปไม่ได้ภรรยาผมยังจำได้เลยขนาดเป็นถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ตั้งสองร้อยปี เธอบอกว่ายิ่งนานวันความทรงจำนั้นก็จะยิ่งชัดขึ้น”
มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็ในเมื่อเจคอปเป็นคนบอกผมเอง หมอนั่นไม่เคยเล่าอดีตของผมให้ฟัง บอกแค่เพียงว่ามันไม่น่าจดจำ
“แต่ฉันไม่มี”
“นั่นอาจเป็นเพราะแวมไพร์ตนที่ปลุกคุณลบความทรงจำคุณออกไปน่ะสิ”
“หึ เหลวไหล” เจคอปจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน
“นี่คุณเป็นแวมไพร์มากี่ปีกันแน่ถึงได้ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้”
“........” นั่นสินะ ตลอดร้อยกว่าปีผมแทบไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับแวมไพร์ตนอื่นเลยนอกจากเจคอป มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกมั้ย เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าตัวเองกับสิงโตใครโง่กว่ากัน
“มาทำอะไรกันสองคนตรงนี้” น้ำเสียงนิ่งเรียบแสดงความไม่พอใจดังขึ้นขัดการสนทนา โอดินรีบถอยห่างจากผมก่อนจะโบกมือปฏิเสธ
“เปล่าเลยนะ แค่คุยเรื่องที่ค้างคาใจตั้งแต่เมื่อคืน...” โอดินก้มหัวให้ผมก่อนจะเดินไปกระซิบอะไรสักอย่างกับสิงโตแล้วเดินหายไป
“…….” เจ้าของใบหน้าคมสันจ้องผมนิ่ง แววตาไร้ซึ่งความเป็นประกายเหมือนทุกครั้ง นานจนทนไม่ได้ต้องเอ่ยถามเพื่อทำลายบรรยากาศตรึงเครียด
“เมื่อคืนนอนไหน”
“สนด้วยหรือไง”
“นี่ ฉันถามดีๆนะ”
“หึ” สิงโตแสยะยิ้มก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในเพนต์เฮ้าส์ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่ผมตามเข้ามากระชากร่างสูงให้หันกลับมาหา
“ฉันถามว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหน ทำไมไม่ตอบ!”
“ทำไม คิดถึงหรอ” คนคุ้มดีคุ้มร้ายยื่นหน้าเข้ามาหาจนปลายจมูกแตะกัน
“เปล่า แค่หิว...” ผมสะบัดหน้าหนีแล้วตอบเสียงเรียบ
“ที่ผ่านมานายรักฉันบ้างไหมคริส”
สิ้นประโยคคำถามผมก็หันกลับไปมองคนตรงหน้า แววตาแน่วแน่ที่บ่งบอกความรู้สึกชัดเจนกำลังจ้องลึกเข้ามาในตาผมเหมือนกำลังจะค้นหาอะไรบางอย่าง
“ฉัน....” ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้รักนายหรือเปล่า
“นายพูดถูก ฉันมันโง่...”
ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยอาการน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ สายตาที่มองมาเมื่อกี้มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าถูกปลายมีดแหลมคมกรีดเข้าที่หัวใจจนเป็นแผลลึกเพราะมันเป็นสายตาแห่งความเบื่อหน่าย สายตาที่ว่างเปล่าแบบที่ไม่เคยเป็น สายตาที่หมดสิ้นแล้วซึ่งความอดทน
Talk : งื้อแอบปั่นฟิดรักจับผิดมา อยากให้เรื่องนั้นจบเร็วๆเลยปั่นยาวหน่อย พอจบแล้วจะได้มาปั่นเรื่องนี้ยาวๆเหมือนกัน // ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ // คุณนักล่าแวมไพร์มือใหม่อย่าเพิ่งถอดใจนะ ที่แวมไพร์ของคุณทำไปทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง เป็นผัวกบฏแวมไพร์ มันอันตรายเน้อ // แต่เอ๊ะ ทำไมคุณแวมไพร์ถึงไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์นะ งงในงง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สิงคงน้อยใจที่น้องไม่อยากเป็นมนุษย์แน่เลย