ตอนที่ 1 : เหยื่อ
คริส...
“ขอนั่งด้วยคนสิคะ”
ผมหันไปหาสาวร่างอึ๋มในชุดเดรสรัดรูปสีแดงก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากที่สาวคนไหนเห็นก็ต้องตะลึงค้าง ใช้มือข้างที่ควงแก้วเหล้าคว้าเอวคอดเข้ามาไว้ในวงแขน
“มาคนเดียวหรอครับ” กระซิบอ้อยอิ่งใกล้กับซอกคอขาว กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนี่มันน่ารำคาญชะมัด
“มากับเพื่อนค่ะแล้วคุณ...” ปลายเล็บที่ถูกแต่งแต้มไว้อย่างสวยงามกรีดลงมาตามแผ่นอกที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตคอกว้างของผมอย่างยั่วยวน
“คริสครับ”
“อุ้ย คริสคะ เราเพิ่งจะคุยกันไม่ถึงห้านาทีเลยนะคะ” สาวเจ้าเบี่ยงคอหลบเมื่อผมส่งปลายลิ้นไปสัมผัสที่ซอกคอ
ไม่ได้เรื่อง...
ผลัก !
“ว้าย ไอ้บ้า แกมาผลักฉันทำไมยะ!!” แม่สาวชุดแดงยืนกรี๊ดร้องจะเป็นจะตายอยู่แบบนั้น ส่วนผมก็หันกลับมายกซดแก้วเหล้าในมือต่อ
เหล้าเพรียวๆผสมกับเลือดสดๆของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์เพียงใส่แค่หยดเดียวก็ทำให้เมาหัวราน้ำได้แต่ไม่ใช่กับผมที่ดื่มมันมาเป็นร้อยปี
ต้องโทษไอ้บ้านั่นคนเดียวเพราะมันนั่นแหละ ตั้งแต่ได้มันมา (เป็นเหยื่อ) ผมก็ไม่สามารถดื่มเลือดมนุษย์คนไหนได้อีกเลย คิดแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า
“หงุดหงิดอะไรครับที่รัก” เสียงนุ่มทุ้มกระซิบริมหูพร้อมกับปลายนิ้วเรียวที่สอดเข้ามาคลึงเค้นเนินสะโพกภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง
“หึ”
“อยากไปที่อื่นมั้ย”
“เอาสิ” พอตอบไปแบบนั้นข้อมือก็ถูกดึงให้ลุกขึ้นแล้วพาไปยังห้องวีไอพีของผับ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงได้มีอภิสิทธิ์เข้านั่นออกนี่ได้ทั้งร้านรวมทั้งค่าเครื่องดื่มทุกอย่างที่ผมไม่ต้องเสียเงินจ่ายแม้แต่แดงเดียว นั่นก็เพราะเหยื่อของผมคนนี้เป็นเจ้าของผับนี้ยังไงหล่ะ
นายปราชญา เรืองโรจน์ ลูกบุญธรรมของครอบครัวมหาเศรษฐีที่หลังจากพ่อแม่บุญธรรมเสียก็โดนพี่น้องต่างสายเลือดเฉดหัว แต่ด้วยเงินเก็บที่มีมากมายชนิดที่ต่อให้กินทั้งชาติก็ไม่หมดทำให้เขาตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและประสบความสำเร็จเมื่อสองปีก่อน ที่รู้ก็เพราะแอบดูอดีตของหมอนั่นมาน่ะสิ
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องร่างสูงก็ดึงผมให้ไปนั่งบนตักก่อนจะส่งสายตาวิบวับเจ้าเล่ห์พรางมือก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองไปด้วย
ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากอย่างกระหาย เจ้าของใบหน้าหล่อคมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะรั้งท้ายทอยผมให้โน้มลงไปที่ซอกคอตัวเอง
กึก
“อ่าห์” พอฝังคมเขี้ยวลงไปที่ลำคอระหง ร่างสูงก็ส่งเสียงในลำคอพร้อมกับสองมือที่ขยำสองแก้มก้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“อึก...อึก...อึก...” ผมดูดกลืนเลือดรสหวานจนพอใจเมื่อรู้สึกได้ว่าใกล้จะถึงขีดจำกัดของมนุษย์จึงผละออก
“อิ่มแล้วหรอ” สีหน้าอิดโรยเอ่ยถามเสียงนุ้ม
“อืม...” ใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นเลียรอยเขี้ยวที่คอเพื่อรักษาแผล ไม่นานจุดสีแดงสองจุดก็คืนสภาพเป็นปกติ
“อ้ะ อื้อ...” ร่างถูกผลักให้นอนหงายก่อนที่ริมฝีปากจะถูกช่วงชิงโดยคนที่ทาบทับตามลงมา เรียวลิ้นแข็งแรงเกี่ยวตวัดไปมาในโพรงปากไล่เล็มไปตามซี่ฟันอย่างเร่าร้อน
“อืม” ส่งเสียงในลำคออย่างพอใจ ตลอดร้อยยี่สิบปียังไม่เคยเจอใครที่ดุเดือดร้อนแรงเท่าหมอนี่มาก่อน
“คริสฉัน...”
“พอก่อน” ผมดันคนบนร่างออกแล้วลุกขึ้นนั่งตามเดิม
“ทำไมหล่ะนายก็ต้องการ ฉันรู้”
“นายไม่รู้”
“ไม่รู้อะไร ทำไมนายถึงได้ทำตัวลึกลับนัก เมื่อไหร่จะเปิดโลกของนายให้ฉันรู้บ้าง”
“โลกของฉันไม่น่ารับรู้หรอก” ผมเอนตัวสบายคว้าแก้วเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
พรวดดดด...
“แหวะ เหล้าพวกมนุษย์นี่จืดชืดชะมัด” ผมสไลค์แก้วเหล้านั้นไปทางอื่นอย่างไม่ใยดีก่อนจะกลับไปนั่งกอดอกเมื่อไม่มีอะไรทำต่อ หยดเลือดของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ก็ใช้ผสมเหล้าจนหมดแล้ว เห็นทีรอบนี้ต้องกลับไปเอามาเก็บไว้เยอะๆ
“ฉันชอบนาย”
“หึ ก็แหงหล่ะ ฉันเป็นพวกรวยเสน่ห์ใครที่ถูกฉันหมายหัวก็ต้องชอบฉันทั้งนั้น” ผมพูดจริงๆนะ แวมไพร์ทุกตนล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์ในตัวกันทั้งนั้นประโยชน์หลักของมันก็คือไว้ล่อเหยื่อที่หมายตา
“อย่ายุ่งกับใครนอกจากฉัน” เจ้ามนุษย์หน้าโง่พูดขู่พลันไหล่ผมถูกกระชากให้ไปปะทะกับอกแกร่งแบบไม่ทันตั้งตัว
“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน นายมันก็แค่เหยื่อแล้ว ‘เหยื่อ’ ก็เหมือนกับอาหารของมนุษย์ที่ต้องมีวันหมดอายุไม่ยั่งยืน” เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน พลันสายตาก็จ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“ถ้านายจูบกับใครนอกจากฉัน ฉันจะตัดลิ้นมันแล้วหักเขี้ยวนายทิ้งซะ”
“หึหึ นายกล้าทำแบบนั้นกับฉันหรอ...หืม...ว่าไงหล่ะ...พูดสิ...ที่รัก” ขยับขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักอย่างยั่วยวน ส่งปลายนิ้วไปกรีดกรายตามแผงอกเปลือยเปล่า ก่อนจะก้มลงไล่พรมจูบไปทั่วแผ่นอกแกร่ง
เจ้าเหยื่อหน้าโง่ครางสุขสม สองมือพยายามถอดเสื้อเชิ้ตผมออกแล้วก็สำเร็จในที่สุด
“อ้ะ !” ผมแอ่นหน้าอกรับเรียวลิ้นร้อนที่ตลัดไปมาตรงยอดอกทั้งสองข้าง เสียงดูดดึงน่าอายดังไปทั่วห้อง
จ๊วบๆๆๆ
“อ่าห์...สิงโต”
“นายมันขี้ยั่ว”
“แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ”
“ชอบสิ ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นนาย”
ผมปล่อยให้อะไรดำเนินไปเรื่อยๆยกเว้นแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวคือ ‘การร่วมรัก’ เพราะกฎเหล็กของแวมไพร์เลือดผสมอย่างผมก็คือ ห้ามร่วมรักกับเหยื่อเป็นอันขาด
.
.
.
ณ คฤหาสน์มโหฬารผมเดินล้วงกระเป๋าผ่านทุ่งดอกกุหลาบสีแดงสดอันกว้างใหญ่ไพศาล สถานที่เงียบเชียบที่ไร้ซึ่งเสียงนกเสียงกาหรือแม้แต่มดสักตัวยังไม่โผล่มาให้เห็นใครจะรู้ว่าที่แห่งนี้มีแวมไพร์หลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่เกือบพันชีวิต
“นายท่าน”โค้งตัวทำความเคารพคนที่ยืนหันหลังทอดมองไปยังนอกหน้าต่างที่มีวิวเป็นทุ่งกุหลาบสีแดงสดยาวสุดลูกหูลูกตา
“ไปไหนมา โอเว่น” น้ำเสียงเย็นนิ่งเอ่ยถาม ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบไปตามตรง
“ผมไปหาเหยื่อ...”
“คฤหาสน์ของฉันมีเลือดให้นายดื่มกินได้ตลอด ต่อให้นายขลุกอยู่ในนี้เป็นร้อยเป็นพันปีก็ไม่มีวันอดตาย”
“ผม...” แค่อยากเปิดหูเปิดตา
“ฉันรู้” ร่างสูงใหญ่หันกลับมาหาเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาสมกับเป็นทายาทแวมไพร์ชนชั้นสูง ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มเยือกเย็น ในตาสีเขียวมรกตจ้องนิ่งมาทางผม
“มาหาฉัน”
ก้าวเท้าเข้าไปหาร่างสูงของผู้เป็นนายอย่างเชื่องช้า แขนขาสั่นระริกด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่ได้
“อ้ะ !!” แขนข้างเดียวรวบเอวผมเข้าไปหาตัว ปลายนิ้วอีกข้างไล่เกลี่ยไปตามรูปหน้าอย่างแผ่วเบาพลางลมหายใจเย็นเฉียบก็เป่ารดอยู่ตรงจมูก
“อย่าดื้อกับฉัน”
กึก
“ฮึก...” ขยุ้มอกแกร่งของคนตรงหน้าแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวด คมเขี้ยวแหลมคมฝังลงมาที่ต้นคอก่อนจะดูดกลืนอย่างกระหาย
“อึก...อึก...”
“พอแล้วนายท่าน” พยายามเอ่ยห้ามด้วยเสียงที่แหบพร่า ร่างกายตอนนี้มันคล้ายกับว่าจะหมดแรงเต็มที
“ไม่ดีใจหรอที่ฉันรักนายมากมายขนาดนี้” ใช่ครับ การที่แวมไพร์ดูดเลือดแวมไพร์ด้วยกันถือเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง และถ้าหากว่าแวมไพร์ด้วยกันสังหารกันเองนั่นถือว่าเป็นการแสดงความรักอย่างสูงสุด เพราะชีวิตที่ยาวนานและแสนจะน่าเบื่อหากถูกปลดปล่อยด้วยการฆ่าจากแวมไพร์ตัวที่ตนรักมันก็สมเกียรติ
แต่คงใช้ไม่ได้กับผมหรอกก็ผมมันเป็นพวกเลือดผสมที่เจคอปปลุกขึ้นมาจากการเป็นมนุษย์เมื่อร้อยยี่สิบปีก่อน แล้วอย่าถามชีวิตก่อนความตายของผมนะครับ เพราะผมเองก็จำมันไม่ได้เหมือนกัน
“ดีใจ...” สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดเวลาอยู่ที่นี่คือการเอ่ยคำที่ไม่ต้องคำนึงว่าเราอยากพูดอะไร แต่ให้คิดแต่ว่านายต้องการจะฟังคำว่าอะไรแล้วจึงค่อยเอื้อนเอ่ยออกมา
“นายรักฉันไหมโอเว่น”
“รักสิ”
“นายอยากร่วมรักกับฉันไหม”
“...อยากสิ” สิ้นคำตอบร่างผมก็ถูกช้อนขึ้นในท่าเจ้าหญิงแล้วพาอุ้มไปวางบนเตียงกว้างที่เชื้อพระวงศ์เท่านั่นที่มีสิทธิ์ได้นอน
“ฮึก” ปลายนิ้วเย็นเฉียบช่วยเกลี่ยหยดน้ำตาที่ไหลรินให้ ก่อนจะประทับจูบแผ่วเบาตรงหน้าผาก
“นอนพักซะ ตื่นมาฉันจะพานายไปเที่ยวเอง นายอยากไปเปิดหูเปิดตาที่ไหนก็บอกฉัน”
“รับทราบนายท่าน”
“นี่ไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นประโยคบอกเล่าจากฉันและสิ่งที่จะบอกคือฉันไม่มีวันทำร้ายนายหากนายไม่เต็มใจ” มือใหญ่ลูบหัวแผ่วเบาก่อนจะห่มผ้าให้แล้วเดินหายออกไปจากห้อง
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก รอดตัวหวุดหวิดแบบนี้มาได้ทุกครั้ง แต่ก็ยังคงกลัวอยู่ดี หากว่าเจคอปต้องการจริงๆผมคงไม่กล้าขัด ก็หมอนั่นเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ผม ไม่ว่าหมอนั่นต้องการอะไรผมก็ต้องให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้วต่อให้สิ่งนั้นจะเป็นอะไร สำคัญกับผมแค่ไหนก็ตาม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

273 ความคิดเห็น
-
#193 JaoJean (จากตอนที่ 1)วันที่ 21 กรกฎาคม 2561 / 19:53ง่ะ ฮือออ#1930
-
#176 Hare-Akira (จากตอนที่ 1)วันที่ 24 มิถุนายน 2561 / 11:15เราชอบเนื้อเรื่องค่ะไรท์ แหวกแนวฟิคสิงคริสดี แค่ตอนแรกก็น่าติดตามแล้ว#1760
-
#131 creamsarang (จากตอนที่ 1)วันที่ 31 มีนาคม 2561 / 20:07อั้ยย่ะ เรื่องนี้แปลกดีค่ะ ชอบบ#1310
-
#76 Atchyfone (จากตอนที่ 1)วันที่ 1 มีนาคม 2561 / 15:58พล็อตเรื่องฉีกจากเรื่องอื่นดีค่ะ น่าติดตาม#760
-
#10 สุวรรณา (จากตอนที่ 1)วันที่ 5 มกราคม 2561 / 01:53อ้าว คริสต้องอยู่ใรอาณัติของนายท่านแล้ว ปราชญาล่ะ!!!!#100
-
#9 Nabhat (จากตอนที่ 1)วันที่ 4 มกราคม 2561 / 22:21รออ่านเรื่องโน้นให้จบก่อน ค่อยมาอ่านเรื่องนี้นะ คะ แก่แล้วสมองมึนงง#90
-
#8 Tripeace (จากตอนที่ 1)วันที่ 4 มกราคม 2561 / 09:13ชอบ มันแปลกดีอ่ะ ติดตามๆ#80
-
#7 ChitraPiromnukul (จากตอนที่ 1)วันที่ 4 มกราคม 2561 / 07:39สนุกค่าาา..อยากอ่านต่อรอนะคะ.#70
-
#6 Nalisanp (จากตอนที่ 1)วันที่ 4 มกราคม 2561 / 02:03น่าสนใจมากกก ชอบแนวนี้ รอๆนะคะ :3#60
-
#5 Mini hurt (จากตอนที่ 1)วันที่ 4 มกราคม 2561 / 01:30เพิ่งเคยอ่านเรื่องที่คนน้องเป็นฝ่ายแวมไพร์ซะเอง เนื่อน่าติดตามมาก รอๆนะคะ^^#50
-
#4 xoap (จากตอนที่ 1)วันที่ 4 มกราคม 2561 / 01:19น่าสนใจค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ#40
-
#2 สาคร (จากตอนที่ 1)วันที่ 3 มกราคม 2561 / 14:42อ่านแล้วสนุกๆๆค่ะ#20
-
#1 พิช (จากตอนที่ 1)วันที่ 3 มกราคม 2561 / 09:29มาต่อเร็วๆเลย ชอบทำให้ค้างคาตลอดอ่ะ#10