ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    blind diary

    ลำดับตอนที่ #1 : ความคิกยาวไกล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 68
      0
      2 พ.ย. 52

    Diary
    หากใครสักคนหนึ่งที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวนหอพักชายในเวลานั้นคงจะได้เห็นภาพนักศึกษาหนุ่มกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดไม่ใหญ่นัก ตัวเครื่องบ่งบอกถึงความเก่าแก่ที่ตรากตรำรับใช้เจ้าของตัวน้อยของมันมาด้วยความซื่อสัตย์กว่าห้าปีเต็ม นักศึกษาหนุ่มคนนั้นคือผมนั่นเอง เหตุที่ทำให้ผมต้องมานั่งข้างล่างเพียงลำพังอยู่ในขณะนี้คงเป็นเพราะไม่มีใครที่จะอยุ่บนห้องแล้วนั่นเอง เพื่อนร่วมหอเดียวกันทั้งหมดสามคนเพิ่งจะกลับบ้านกันไปหมด คนที่กลับคนสุดท้ายนั่นก็คือโน้ตซึ่งเป็นเพื่อนผู้เรียนร่วมคณะเดียวกันกับผมและยังเป็นเพื่อนร่วมหอพักเดียวกันด้วย เหตุที่โน้ตกลับช้ากว่าสองคนแรกคงจะเป็นเพราะเขากำลังมีความรักกับสาวนอกมหาวิทยาลัยนั่นเอง ในขณะที่ผมเบื่อหน่ายกับการรอเวลาที่จะกลับบ้นเหมือนกับเพื่อนซึ่งจะมาถึงในวันพรุ่งนี้นั้น ผมได้ใช้เวลาต่างๆสิ้นเปลืองไปกับการท่องเที่ยวในอินเตอร์เนต การที่ได้ท่องเที่ยวไปในโลกซึ่งไร้พรมแดนนี้เป็นกิจกรรมยามว่างของผมที่โปรดปานมากที่สุดเลยทีเดียว ผมเที่ยวอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ทุกฉบับเท่าที่ผมจะสามารถเข้าถึงได้ ผมไม่เคยมีเวลาเพียงที่จะทำอะไรได้แบบนี้มาก่อนเลย มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดเท่าที่เคยทำมา หนังสือพิมพืออนไลน์ทั้งไทยหรืออังกฤษผ่านการรับรู้ของผมไปอย่างรวดเร็ว    ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปือยเพื่อจะหาอะไรทำต่อไปนั้น   หูของผมก็ได้ยินเสียงของเจ้าตาทิพย์ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่คอยแปลข้อมูลภาพทุกอย่างบนคอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นเสียงสังเคราะห์ออกมา เสียงที่ผมกำลังให้ความส่งใจฟังนั้นคือข้อความที่ตาทิพย์อ่านมาถึงจุดที่เป็นชื่อลิ้งของสำนักทะเบียนและประมวลผลของมหาวิทยาลัยที่ผมศึกษาอยู่ มือของผมเลื่อนไปกดปุ่ม enter เพื่อเข้าสู่เว็บสำนักทะเบียนทันที เมื่อเข้ามาถึงหน้าแรกของหน้าเว็บเพจน์ผมก็ได้พบกับตารางกิจกรรมต่างของทางมหาลัย รวมถึงการรับสมัครนักศึกษาใหม่เพื่อที่จะเข้าเรียนในปีการศึกษาต่อไปด้วย ด้วยความที่ผมต้องการที่จะรู้ว่าโครงการนักศึกษาพิการได้เปิดรับสมัครในวันเวลาใดจึงได้โหลดไฟลืกำหนดการต่างๆมาเปิดอ่านอย่างสนอกสนใจ  และเมื่อผมอ่านจบความคิดของผมก็ล่องลอยย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ยังเป็นนักเรียน ม. 6  ในเวลาช่วงนี้เมื่อครั้งนั้นผมและเพื่อนๆที่เรีนยในรุ่นเดียวกันคงจะวุ่นวายด้วยเรื่องการเรียนต่อ ต่างคนก็ต่างหาที่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยในสาขาที่ตนชอบและสติปัญญาพอจะนำทาไปได้ ในเวลานั้นตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าจะเลือกเรียนมหาวิทยาลัยไหนดี จะเลือกเรียนคณะไหนดี มันดุเหมือนว่าไม่มีคณะไหนที่ผมถูกใจอยากจะเรียนเลยสักคณะเดียว ตัวผมเองนั้นไม่ใช่นักเรียนที่เรีนดีอะไร เกรดการเรีนแทบจะเอาตัวไม่รอดก็ว่าได้ การที่มีพ่อเป็นอาจารย์สอนภาษาที่มีชื่อเสียงในแถวบ้านเก่านั้นทำให้ผมเองผู้เป็นลูกชายคนเล็กซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อนั้นมีความภาคภูมิใจตัวพ่อไม่น้อย และความภาคภูมิใจนี่เองทำให้ผมเลือกที่จะเรียนสายภาษาฝรั่งเศสในระดับมัธยมปลาย แต่เหตุผลของการเลือกเรียนแผ่นภาษาฝรั่งในระดับมัธยมปลายนี้ก็ไม่มีใครเคยได้รับรู้มาก่อนแม้กระทั่งพ่อซึ่งเป็นเหตุทำให้ผมอยากเรียน พ่อของผมนั้นเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุในช่วงที่ผมเรียนจบชั้นมัธยมปีที่สามพอดี การตายของพ่อนั้นนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ครอบครัวเรามากมายหลายอย่างแม้กระทั่งตัวลูกๆทั้งสามคนและแม่ด้วย ตอนนี้ไม่มีพ่อแล้วมันรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวอยู่อีกแล้ว    พี่ชายแต่ละคนต่างมีครอบครัวกันไปก่อนหน้าหลายปี พ่อกับแม่เลยอยู่กันตามลำพังส่วนผมนั้นต้องไปเรียนในตัวจังหวัดไม่ค่อยจะกลับบ้านเท่าไรนัก พอพ่อเสียแม่ก็ย้ายไปพักที่โรงเรียนที่ทำงานอยู่ทันที แม่คงจะกระทบกระเทือนใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นมากกว่าใครในครอบครัว บ้านเดิมที่มีอยู่ขณะนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้เหลือแต่หมาสองสามตัวที่แม่ฝากเพื่อนบ้านให้เขาช่วยนำอาหารมาให้มันทุกวัน และในช่วงเดือนตุลาในปีที่ผมเรียนอยู่ในระดับม. 6 นั้น วันหนึ่งผมได้รับโทรศัพท์จากครูเสรีผู้ซึ่งมีหน้าที่ดูแลนักเรียนผู้พิการทางสายตา ผมรับโทรศัพท์ในตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นครูเสรีแต่เมื่อรับแล้วนั่นละผมถึงจำเสียได้ว่าเป็นครูเสรีเสียงของครูเสรีดังชัดเจนมาตามสายเป็นประโยคทักทายว่า สวัสดีเอก... นี่ครูเองนะ ครับครู..เป็นยังไงเหรอครับ.... นี่นะเธอรู้รึยังเรื่องโครงการนักศึกษาพิการของธรรมศาสตร์นะ... อ่อรู้แล้วครับ...แต่ว่าเขาเปิดรับสมัครแล้วเหรอครับ... เปิดแล้วเธอเข้าไปในมูลนิธิเพื่อขอใบสมัครจากพี่อ้อมนะ.... ..ครับครู ผมจะรีบไปเด๋วนี้ครับ โอเคแค่นี้หละนะ...มีอะไรให้ครูช่วยเหลือก็บอกแล้วกัน... หลังจากผมกดวางสายโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วนั้นผมรีบจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ ไม่นานผมก็อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีแดงและกางเกงยีนขายาวสีดำ ผมปิดประตูหน้าต่างและไม่ลืมที่จะคว้าคอมพิวเอตร์แบบพกพาติดมือไปด้วยตั้งใจว่าไปถึงแล้วได้รับเอกสารตามที่ตั้งใจไว้ก็จะอยู่เล่นอินเตอร์เนตจนกว่าจะดึกโน่นละจึงจะกลับมาที่หอพักอีกที   ระยะทางระหว่างหอพักกับมูลนิธิที่ผมจะไปนั้นอยู่ห่างกันพอสมควร ผมเดินโดยใช้ไม้เท้าคลำทางมาสักพักก้มีรัถจักรยายนต์คันหนึ่งมาจอดดักทางข้างหน้าผม แล้วก็มีเสียงผู้หญิงเล็กๆใสๆร้องทักถามว่า...คุณจะไปไหนเหรอค่ะ... ครับเอ่อ...ผมจะไปโรงเรียนคนตาบอดใกล้ๆนี่หละครับ... ถ้างั้นขึ้นรถเถอะขะเดี๋ยวจะไปส่งให้...    เอ่อ..ขอบคุณครับ.. กล่าวได้แค่นั้นมือของผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถก็เอื้มมาจับที่ข้อมือของผมที่กำไม้เท้าอยู่ผมใช้แขนหนีบกระเป๋าเครื่องคอมพิวเตอร์แนบแน่นติดตัวไว้แล้วก็ใช้มือที่ว่างอยู่ดึงไม้เท้าพับเก็บเสียเพื่อมันจะได้ไม่เกอะกะ ผู้หญิงคนนั้นดึกมือผมมาแนะที่เบาะรถผมเก้าขาขึ้นค่อมรถจักรยายนต์อยุ่ข้างหลังเขา แล้วรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ผมใช้มือข้างขวาควานไปด้านหลังเพื่อหาที่ยึดเกาะด้วยความเคยชินตอนนี้กระเป๋าผมได้เอามาวางไว้ขั้นกลางระหว่างผมกับคนขับรีบร้อยแล้ว รถเคลื่อนออกมาได้ไม่นานผมก็ต้องจามเพราะเหตุว่าปลายผมที่ยาวของคนขับข้างหน้าผมนั้นถูกลมพัดปลิวเล่นลมส่วนของปลายผมของเธอนั้นละเล่นไปตามหน้าผมและมันจี้ที่จมูกผมด้วยมันรู้สึกคันจมูก ผมก็เลยต้องจามออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่อย่างน้อยผมก็ยังหันออกไปทางอื่นทันที่จะไม่ให้น้ำลายหรือน้ำมูกเลาะหัวเธอ    หลังจากนั้นไม่นานนักรถก็มาหยุดลงที่หน้ามูลนิธิที่ผมตั้งใจจะมา เธอบอกผมว่า ถึงแล้วค้ะ... ผมลงจากรถแล้วก็กล่าวขอบคุณด้วยความเคยชินแล้วก็ด้วยความรู้สึกเป็นไปอย่างคำพูดด้วยผมถอยห่างออกมาช้าๆ เสียงรถคันนั้นก็ดังละลัวแล้วก็เคลื่อนตัวจากผมไปปล่อยให้ผมยืนอยู่ตรงแต่ลำพัง ผมกลางไม้เท้าออกให้ยืดตรงตามเดิม ผมเก้าเดินไปที่ตึกซึ่งเป็นสำนักงานที่พี่อ้อมซึ่งเป้นเจ้าหน้าที่คนซึ่งผมต้องการพบนั้นทำงานอยู่เป็นประจำ ผมร้องเรียกพี่อ้อมอยู่ไม่กี่คำประตูห้องทำงานข้างในก็เปิดออก เข้ามาก่อนสิเอก... ผมเก้าขาเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย ผมเดินเปะปะอยู่นานกว่าจะหาที่นั่งได้พบ ไม่นานนักพี่อ้อมก็ออกมาพบผม มารับใบสมัครเรียนสินะ ครับ.. พี่รู้ได้ไงครับ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วจะเรื่องไหนซะอีกละ..ตอนนี้เด็ก ม. 6 ก็จะมีแต่เรื่องนี้ละ .. อ๊อ...ครับผมก็ลืมไป ..เอ่อแล้วพี่มีเอกสารใบสมัครไช่ไหมครับ... มีซิเด๋วพี่เอามาอ่านให้เธอฟังแล้วก็เอาเขียนมาให้เรียบร้อยนะ... ครับ.. แล้วก็รีบๆส่งเอกสารให้พี่นะ พี่จะได้รวบรวมส่ง..หวังว่าเกรดของเธอคงจะพอที่จะสมัครเข้าเรียนนะ... ครับก็คาบเส้นพอดี... หลังจากที่ผมนั่งฟังข้อมูบที่เป็นข้อบังคับในการสมัครอยู่สักพักผมก็เดินออกมาแล้วก็โทรไปแจ้งให้แม่ผมได้รับทราบ แม่บอกว่าแม่จะลงมาช่วยผมจัดการเรื่องใบสมัครด้วยตัวเอง หลังจากนั้นผมก็ไปนั่งเล่นอินเตอร์เนตตามใจชอบของผมต่อไป
     
    ในวันรุ่งขึ้นนั้นแม่ก็มาพบผมตามที่แม่ได้นัดไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แล้ววันนั้นผมก็จัดการเรื่องเอกสรใบสมัครเสร็จเรียบร้อยเพราะว่าเอกสารก็ไม่ได้จัดการอะไรยากมากมายนักเพียงแต่กรอกชื่อและคณะที่ต้องการจะเรียนและประวัติอีกนิดหน่อยตามปรกติ ส่วนเอกสารหลักฐานอื่นๆนั้นผมมีไว้พร้อมเสมอหลายชุดอุ่แล้ว เอกสารของผมครบทุกอย่งไม่ต้องรออะไรให้เสียเวลาวันต่อมาผมนำเอกสารไปส่งให้ที่สำนักงานของพี่อ้อม พี่อ้อมตรวจสอบเอกสารใบสมัครแล้วก็เอาเก็บเข้าซองเอกสารแล้วก็บอกว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดีเอก ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่าเธอจะต้องไปสมัครด้วยตัวเองที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตามวันเวลาในใบสมัครนะ ครับ ผมตอบรับสั้นๆแล้วก็เดินจากมา ในช่วงนั้นเหมือนกับว่าผมมีความมั่นใจว่าผมอยากจะเรียนมหาวิทยาลัยะรรมศาสตร์ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้ไปเรียนมาก่อน ผมได้กรอกใบสมัครเลือกรเยนคณะนิติศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่หลายๆคนตั้งใจอยากจะเข้าเรียนให้ได้ พอกลับมาถึงหอพักแม่ผมก็พาออกไปซื้ออาหารกินกันนอกหอพัก 
    อีกไม่นานต่อจากนั้นกำหนดวันเวลาที่จะสมัครเข้าเรียนใน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×