คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : One heart One love :: 1
One Heart One love
-One-
“อื้อ~”
เสียงหวานใสครางแผ่ว แสงแดดยามสายที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นขึ้นจากนิทรา คยองซูมองไปรอบตัวอย่างสงสัย
ที่นี่ที่ไหน?
“อ้าว...ตื่นพอดีเลย มาๆมากินข้าวกัน ^^” ร่างไม่อ้วนหรือผอมเกินไปของเจ้าของห้องเดินเข้ามาพร้อมกับถาดที่มีชามโจ๊กหอมกรุ่น 2 ชาม
‘มินซอก’ ส่งยิ้มกว้างให้คนตัวเล็กบนเตียงก่อนวางถาดลงบนโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ เดินไปตรงตู้เก็บของใกล้กับโต๊ะหนังสือ หยิบเบาะรองนั่งสีน้ำตาลออกมา 2 ใบแล้วนำมาวางไว้บนพื้นทั้งสองฝั่งของโต๊ะญี่ปุ่น
กลิ่นหอมกรุ่นของโจ๊กดึงให้คยองซูลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งบนเบาะที่มินซอกจัดเตรียมไว้ให้ ร่างเล็กทำตาเป็นประกายก่อนเงยหน้าขึ้นเป็นเชิงขออนุญาต มินซอกไม่ตอบอะไรแต่กลับทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเอื้อมมือมาตักโจ๊กในชามของคยองซู เป่าเบาๆให้ไอร้อนจากโจ๊กลดลง ก่อนยื่นช้อนกลับไปให้คยองซูที่นั่งมองทุกการกระทำของมินซอกอยู่
“ค่อยๆกินล่ะ นายหลับมาประมาณ 15 ชั่วโมงได้แล้วนะ” มินซอกเอ่ยอย่างใจดี คยองซูที่กำลังกลืนโจ๊กลงคอทำตาโตอย่างตกใจกับประโยคที่คนตรงข้ามพูดออกมา
นอนมา 15 ชั่วโมงแล้วหรอเนี่ย
“ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอครับ?” คนตาโตถามกลับ
“9 โมงกว่าๆแล้วล่ะ อ้อ...ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อ ‘คิมมินซอก’ ดูจากหน้าตานายแล้ว ฉันน่าจะเป็นพี่ของนาย งั้นนายจะเรียกฉันว่าพี่มินซอกหรือพี่มินเฉยๆก็ได้ แล้วแต่นายถนัดเลย ฉันไม่ถือ ^^”
“เรียกพี่มินก็ดีครับ พี่มินเป็นคนจีนหรอครับ?”
คยองซูยิ้มบาง แล้วเริ่มตักโจ๊กกินทีละนิดทีละหน่อย
“เปล่าๆ พี่เป็นคนเกาหลีนี่แหล่ะ ทำไมถึงคิดว่าพี่เป็นคนจีนล่ะ”
“ก็...เอ่อ...ไม่รู้สิครับ”
“ว่าแล้วว่านายต้องตอบแบบนี้! เคยมีคนถามคำถามนี้กับพี่เหมือนกัน แถมคำตอบของเขายังเหมือนกับคำตอบของนายเลยนะ”
“จริงหรอครับ...บังเอิญจังเลย”
คยองซูหัวเราะ พลางมองดูมินซอกที่กำลังนั่งกินโจ๊กต่ออย่างอารมณ์ดี
“เอ่อ...พี่มินครับ...”
“ว่าไงหรอ” มินซอกยิ้มกว้างแล้วเอ่ยถามโดยไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหรือรำคาญคยองซูเลยสักนิด
ทำไมพี่ถึงยิ้มได้สดใสขนาดนี้กันนะ
“คือ...ผมมาอยู่ที่ห้องพี่ได้ยังไงหรอครับ?”
“จริงด้วย!!! พี่ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย” ซิ่วหมินตีแก้มตัวเองเบาๆแล้วตอบคำถามของคยองซู “ก็เมื่อคืนเราน่ะ เป็นลมอยู่ที่ร้านอาหารของรุ่นน้องที่มหาลัยพี่ เขาเลยพานายมาฝากไว้ให้พี่ดูแลก่อน”
“เอ่อ...แล้วรุ่นน้องของพี่มินว่างหรือเปล่าครับ ผมอยากโทรไปขอบคุณเขา”
ขอบคุณที่อุตส่าห์พาเขามานอนในที่ดีๆ
ขอบคุณที่ไม่ใจร้ายทิ้งเขาไว้ข้างถนน
“อย่าเพิ่งไปยุ่งกับมันตอนนี้เลย สภาพมันยังไม่ค่อยดีเท่าไร คุยกันก็คุยไม่รู้เรื่องหรอก เผลอๆอาจโดนมันตะคอกกลับมาด้วยซ้ำ”
“ทำไมหรอครับ? พี่เค้าเป็นอะไรหรอ?” เด็กตาโตถามต่อ
“ก็แฟนที่มันคบมาตั้ง 3 ปีขอเลิกกับมันน่ะสิ แถมยังหนีไปอยู่เมืองนอกด้วยนะ...พูดแล้วก็อารมณ์เสียจริงๆ!!”
มินซอกบ่นอุบอิบ พลางส่งโจ๊กอุ่นๆเข้าปากไม่หยุดพร้อมกับบ่นพึมพำอะไรบางอย่างออกมาซึ่งคยองซูก็ไม่อาจรู้ได้
“ขอเลิกหรอครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ หน้าตากับนิสัยก็ดีนะ แต่ทำไมถึงทิ้งไอ้ชานยอลไปก็ไม่รู้!” มินซอกตอบก่อนจะวางช้อนลงในชามโจ๊กที่หมดเกลี้ยงไปแล้ว
“เขาอาจจะมีเหตุผลที่ต้องขอเลิกก็ได้นี่ครับ”
“เหตุผลอะไรกันล่ะ! แค่ไปอยู่จีนเดือนเดียว ต้องถึงกับขอเลิกกับชานยอลเลยงั้นหรอ คนอย่างนั้นไม่มีเหตุผลหรอก เชื่อพี่สิ!!!”
“แต่...”
“ช่างเถอะ เลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า อ้อ ว่าแต่นายชื่ออะไร คุยกันมาตั้งนานพี่ยังไม่รู้ชื่อนายเลย”
“ผม...โดคยองซูครับ”
“คยองซู...ชื่อคุ้นๆแหะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” มินซอกทำท่าครุ่นคิด แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นโจ๊กในชามของคยองซูที่ยังเหลืออยู่เกือบเต็มชาม “ไม่หิวหรอ? โจ๊กเหลืออยู่ในชามตั้งเยอะ”
“ผมไม่ค่อยหิวน่ะครับ”
“กินเข้าไปอีกหน่อยไม่ดีกว่าหรอ เดี๋ยวไม่มีแรงเอานะ” มินซอกเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่คยองซูกลับทำเพียงส่ายหน้าแล้วยิ้มแห้งๆให้เขาเท่านั้น มินซอกถอนหายใจแรงๆแล้วเลื่อนชามโจ๊กของคยองซูเข้าหาตัว
“งั้นพี่กินให้แล้วกัน”
คนตัวเล็กทำเพียงแค่ยิ้มกับท่าทางเหมือนเด็กของมินซอก ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
‘โง่หรือเปล่า...นั่นมันก็แค่เหตุผลที่ฉันขอเลิกกับนายต่างหาก’
“อึก...”
คยองซูรีบกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในคอ คำพูดทำร้ายจิตใจจากคนที่ร่างบางรักที่สุดดังขึ้นมาในโสตประสาทเหมือนเทปที่มีใครมากรอกลับไปกลับมาไม่หยุด
อะไรกัน...แค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วยหรอ
คยองซูคนเข้มแข็งหายไปไหน
คยองซูคนอ่อนแอคนนี้...เขาไม่ต้องการ
“คยองซูร้องไห้ทำไม!?”
เสียงร้องถามอย่างตื่นตระหนกของมินซอกดังเข้ามาในประสาทการรับรู้ของคยองซูพร้อมกับร่างที่ขนาดตัวไม่ต่างกันสักเท่าไรที่รีบพุ่งเข้ามาดึงคนตัวเล็กกว่าเข้าไปกอด
“อึก...ผม...ฮึก...”
คยองซูพยายามที่จะตอบคำถาม ทว่าน้ำตากลับยิ่งไหลลงมาหนักกว่าเดิม
“ไม่ต้องพูดอะไรนะ ใจเย็นๆ...ไม่ร้องนะไม่ร้อง” มินซอกกอดปลอบพลางลูบหัวของคนในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นจากมือของอีกคนทำให้คยองซูเงียบลง ถึงแม้ว่าไหล่บางจะยังสั่นไหวอยู่ก็ตาม
“เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม” มินซอกเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคยองซูสงบลงแล้ว คนตัวเล็กก้มหน้าลงค่อยๆดันตัวเองออกจากร่างของรุ่นพี่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรจริงแล้วนายจะร้องไห้ทำไม”
คยองซูไม่ตอบ แต่กลับยื่นนิ้วก้อยข้างขวาออกมาแทน
“ไว้ผมพร้อมเมื่อไร ผมจะเล่าให้พี่ฟังนะครับ…สัญญา”
มินซอกระบายยิ้มบางเบาเมื่อทราบสาเหตุที่คยองซูยื่นนิ้วก้อยมาให้ เขายื่นนิ้วก้อยกลับไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของคนตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้น
“สัญญาไว้ก็อย่าลืมแล้วกัน”
คนตัวเล็กยกยิ้มทั้งน้ำตาที่เลอะสองข้างแก้ม มินซอกหลุดหัวเราะกับท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นหลังจากอ้อนแม่มานานแล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าในกระเป๋ากางเกงยื่นให้คยองซู
“เช็ดน้ำตาซะ เลอะแก้มหมดแล้ว”
“ขอบคุณครับพี่มิน”
คยองซูรับผ้าเช็ดหน้าไปถือ ค่อยๆยกมันขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังคงเหลือตามแก้มและเปลือกตาออก
“เดี๋ยวพี่เอาชามไปเก็บก่อน ส่วนนายก็ไปอาบน้ำซะ พี่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว”
มินซอกเอาชามซ้อนกันแล้วเอาวางบนถาดอย่างเดิม เขาลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วใช้นิ้วชี้ไปที่เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ตรงบานประตูตู้เสื้อผ้า “อาจจะหลวมไปหน่อยเพราะพี่ตัวใหญ่กว่านาย อาบน้ำเสร็จแล้วลงไปหาพี่ข้างล่างนะ เดี๋ยวพี่พาไปหาชานยอล...คนที่พานายมาส่ง”
“ครับ”
ร่างเล็กตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีที่มินซอกเดินออกไปแล้ว
ผมจะได้ทำตามสัญญาหรือเปล่าครับพี่..ผมไม่มีวันพร้อมสำหรับเรื่องนี้หรอก
----------------------------------------
ออดดด~
เซฮุนยื่นมือไปกดออดหน้าห้องทันทีที่เขามาถึงคอนโดของลู่หาน
พี่ลู่หานจะไม่หนีไปไหนตามที่บอกไว้เมื่อวานใช่ไหม?
คิดมาถึงตรงนี้เซฮุนก็ยิ่งกังวล
ถ้าพี่ลู่หานทำอย่างที่บอกจริงล่ะ?
ออดดด~
เซฮุนลองกดออดอีกรอบ ในใจเริ่มเป็นกังวลกับคนที่อยู่ในห้อง ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มยามได้มายืนกดออดรอเจ้าของห้องเปิดประตูให้แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แสดงออกถึงความเครียดขึงชัดเจน เซฮุนเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง ความวิตกกังวลที่ก่อตัวเป็นเมฆครึ้มก้อนใหญ่ปกคลุมหัวใจเขาตั้งแต่เมื่อคืน และไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆหากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าพี่ลู่หานยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
หรือว่าพี่เขาจะย้ายออกไปแล้ว?
แอ๊ดด...
บานประตูตรงหน้าร่างสูงแง้มเปิดออกอย่างเชื่องช้าพร้อมกับร่างบางของคนที่เซฮุนอยากเจอที่สุด
“ผมนึกว่าพี่จะย้ายออกไปซะแล้ว”
เซฮุนพูดพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักปรากฏบนใบหน้า ช่วงขาที่ยาวกว่าเจ้าของห้องก้าวนำเข้าไปในห้องของลู่หานโดยไม่ฟังคำทัดทานของคนตัวเล็กแม้แต่นิดเดียว
“เซฮุน! อย่าเข้าไป!”
พี่ไม่อยากให้นายเสียใจถ้านายรู้ว่าพี่จะย้ายออก
ลู่หานวิ่งตามเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน แต่ก็ไม่ทัน เพราะเซฮุนมายืนอยู่ตรงกลางห้องพร้อมมองกล่องและกระเป๋าเสื้อผ้ามากมายที่วางกระจัดกระจายเต็มไปหมดด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก
“นี่มันอะไรกันครับ”
ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แม้แต่จะหันมามองคนข้างหลังเลยซักนิด ลู่หานก้มหน้าลงเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วโดนครูจับได้ มือบางกำเข้าหากันแน่น เหงื่อเม็ดเล็กไหลลงมาตามไรผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่ม
“พ...พี่...”
“พี่จะย้ายออกไปจากที่นี่ใช่ไหม!?!”
เซฮุนเอ่ยถามเสียงดังแล้วหันกลับมาประจันหน้ากับร่างเล็ก พร้อมกับใช้มือจับไหล่บางแน่นเพื่อกักขังอีกคนไว้ในอ้อมแขน ลู่หานเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ที่รู้จักและ ‘คบ’ กันมา ไม่เคยมีสักครั้งที่เซฮุนจะใช้อารมณ์กับเขา แม้ว่าจะเครียดแค่ไหนก็ตาม
แต่ครั้งนี้มัน...
ตอนนี้ลู่หานกำลังกลัวเซฮุน...กลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่...พี่บอกแล้วไงว่าอย่ามาหาพี่อีก...พี่บอกแล้วไงว่าให้นายอยู่ในที่ของนาย...นายจะกลับมาหาพี่ทำไม” ลู่หานถามเสียงสั่น
“ทำไม...ทำไมถึงไม่อยากให้ผมมา...ผมยังมีสิทธิ์มาหาพี่อยู่นะ ทำไมพี่ถึงอยากให้ผมกลับไปอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม ทำไมล่ะครับ!?”
เซฮุนระเบิดอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดไม่ต่างกับภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ มือที่จับไหล่ร่างบางอยู่กดแน่นลงไปอีก ลู่หานร้องโอยด้วยความเจ็บ แต่เซฮุนก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจเย็นลง
นายเป็นอะไรไปเซฮุน...เซฮุนคนใจดีหายไปไหน
“พี่...พี่สกปรก...พี่ไม่ดี...พี่ไม่ใช่ของเซฮุนอีกแล้ว...กลับไปซะ”
ลู่หานพยายามเค้นคำพูดออกมาเสียงเข้ม แม้ว่าน้ำตาจะเริ่มคลอจนมองทุกอย่างพร่าเลือนไปหมด
เซฮุนชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ฟังสิ่งที่ลู่หานเอ่ยออกมา
ทำไม...ทำไมพี่ถึงคิดว่าตัวเองไร้ค่าขนาดนั้น...
ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าพี่ยังมีค่าสำหรับผมเสมอ...
แต่ตอนนี้ทำไม...
“ทำไมพี่ถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
เซฮุนถามเสียงแผ่วจนแทบกลืนไปกับมวลอากาศรอบข้าง มือทั้งสองข้างปล่อยไหล่ของร่างเล็กออกแล้วเปลี่ยนเป็นดึงลู่หานเข้ามากอดแทน “ทำไมพี่ถึงคิดว่าตัวเองไร้ค่า...ทำไมกันล่ะครับ”
“...”
“สำหรับผม...ต่อให้พี่เคยผ่านใครต่อใครที่ผมไม่รู้จักมาแล้วมากหน้าหลายตา แต่ถ้าพี่ยืนยันว่าพี่จะหยุดที่ผม...ผมก็จะหยุดที่พี่...ทิ้งหัวใจไว้ให้พี่...ผมไม่สนหรอกนะว่าพี่จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์แต่ผมสนแค่ว่าพี่ ‘รัก’ ผม... ผมสนแค่ว่า ‘หัวใจ’ ของพี่จะเป็นของผมคนเดียว ผมสนใจแค่นั้น”
ลู่หานปล่อยน้ำตารินไหลลงบนเสื้อเชิร์ตของเซฮุนอย่างห้ามไม่อยู่ คำพูดที่ออกมาจากเซฮุนมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากเกินไป
พี่หยุดหัวใจของพี่ไว้ที่นายนานแล้ว...หยุดไว้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก
...แต่ยังไงก็ตาม
“พี่หยุดที่นายนานแล้วเซฮุน...หยุดหัวใจตัวเองไว้ที่นายตั้งนานแล้ว”
เซฮุนยกยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่ร่างบางสารภาพ
“แต่...”
“…”
“แต่ถึงพี่จะหยุดหัวใจไว้ที่นาย...แต่ร่างกายของพี่มันสกปรก...พี่ยอมรับไม่ได้หรอกนะถ้าพี่จะยังอยู่กับนายต่อ”
“…”
“ถึงนายจะไม่สนใจว่าพี่จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ แต่สำหรับพี่...พี่คิดว่านายควรจะไปหาเจ้าของหัวใจคนใหม่...เจ้าของหัวใจคนใหม่ที่ดีพร้อม...เจ้าของหัวใจคนใหม่ที่มีค่าและรักนายมากกว่าพี่”
“ไม่...ผมไม่ยอม...ผมไม่ให้พี่จากไปหรอก”
“เซฮุน...”
“ผมมีเจ้าของหัวใจแล้ว... ผมไม่มีวันหาเจ้าของคนใหม่”
“…”
“เจ้าของหัวใจของผม...มีแค่พี่คนเดียวเท่านั้น”
เซฮุนยืนยันเสียงแข็ง ไม่มีแววความล้อเล่นปรากฏในแววตาเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลู่หานที่กำลังแดงจัดราวกับต้องการยืนยันว่าเจ้าของหัวใจของเขาคือใคร
“ฮึก...”
“ขอร้องนะครับพี่ลู่หาน”
“ไม่...เซฮุน...พี่ต้องย้ายออก”
“...”
“ขอร้อง...ถ้าเซฮุนรักพี่จริง...”
“…”
“ปล่อยพี่ไปเถอะ”
เซฮุนยืนตัวแข็งทื่อราวกับหิน
ทั้งๆที่เขาสื่อความรู้สึกของเขาออกมาจนหมด
แต่ทำไม...แต่ทำไมพี่ลู่หานถึงยืนยันจะจากเขาไปอีก
“แค่ปล่อยพี่ไปเท่านั้น”
“…”
“...เซฮุน”
“พี่เคยบอกว่าพี่จะอยู่กับผมตลอดไปไม่ใช่หรอ”
“…”
“แต่ทำไมวันนี้...พี่ถึงมาขอให้ผมปล่อยพี่ไปล่ะ..ทำไมถึงมาขอไปจากผมทั้งที่ผมไม่ต้องการ”
“เซฮุน...พี่ขอโทษ”
“ขอโทษทำไม...พี่แค่ทำตามที่เคยพูดไว้ก็พอ”
“พี่ทำตามที่พี่พูดไว้ไม่ได้...พี่ขอโทษ”
เซฮุนดันตัวของลู่หานออกอย่างแผ่วเบา มองหน้าลู่หานแวบหนึ่งก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่ประตู แผ่นหลังกว้างที่ยืนหันหลังให้ตัวเองทำให้ลู่หานรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาคล้ายมีคนเอามีดมาแทงหัวใจเขาซ้ำๆอย่างไรอย่างนั้น
เป็นคนขอให้เซฮุนปล่อยตัวเองไป
เป็นคนที่ขอให้เซฮุนไปหา เจ้าของหัวใจคนใหม่
แต่ทำไม...ถึงเป็นตัวเองที่เจ็บขนาดนี้
“ถ้าพี่ต้องการจะย้ายออกจริงๆ...ก็ตามใจ”
เซฮุนพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ก่อตัว จนได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่ดังระรัวของลู่หานเท่านั้น
“ผมจะปล่อยพี่ไป”
“…”
“ผมจะทำตามที่พี่บอก...ผมจะหาเจ้าของหัวใจคนใหม่ตามที่พี่ต้องการ”
“…”
“เลิกกันนะครับ”
เซฮุนย้ำจุดประสงค์ของตัวเองโดยไร้การลังเล แม้ว่าจะเจ็บปวดกับการต้องพูดสิ่งที่ไม่ต้องการก็ตาม
ลู่หานร้องไห้ออกมาอีกครั้งโดยไร้เสียง
ดีแล้วล่ะที่นายเป็นคนพูดคำนี้
ถ้าให้พี่พูด...เรื่องของเราคงไม่มีวันจบลง
“ลาก่อนครับ...พี่ลู่หาน”
ปัง!
เซฮุนกระแทกประตูปิดอย่างแรง พร้อมกับร่างบางที่ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเมื่อไม่เห็นร่างของเซฮุนอีกแล้ว
พี่คิดถูกแล้วล่ะเซฮุนที่ปล่อยนายไป
นายต้องได้เจอคนใหม่...ขอให้มีความสุขนะเซฮุน
เจ้าของหัวใจคนใหม่ของนาย...ดูแลเขาให้ดีนะ
เขาจะไม่มีวันทำให้นายเสียใจ...แบบพี่
----------------------------------------
ชานยอลทิ้งตัวลงบนโซฟาบุหนังกลางห้องอย่างหมดแรง ปิดเปลือกตาลงเพื่อกั้นหยาดน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นเต็มหน่วยตาไม่ให้ไหลริน
แบคฮยอนไปแล้ว...เขาทิ้งนายไปแล้วชานยอล
หลังจากแบคฮยอนกดตัดสายเขาทิ้งเมื่อคืน ชานยอลก็เหมือนศพเดินได้ไปมหา'ลัยจนถูกเพื่อนทักแล้วยังถูกครูไล่กลับมาบ้านอีกด้วย
เปลือกตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้า มือหนาที่ถูกพันผ้าพันแผลไว้เพราะเผลอไปชกกับกำแพงจนได้แผล และอาการเหม่อลอยอย่างคนที่ไม่มีสติหรืออารมณ์อะไรทั้งนั้น
แค่แบคฮยอนจากไปคืนเดียว...เขาก็เป็นถึงขนาดนี้แล้วหรอ
ติ๊ด...ติ๊ด...
ชานยอลรีบล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงทันทีที่มีเสียงเตือนว่ามีคนโทรเข้ามา
ด้วยความหวังว่าจะเป็นคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ตอนนี้...
...แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นรุ่นพี่ตัวกลมที่มหาลัยของเขาต่างหาก
“ครับ...พี่มินซอก”
ร่างสูงเอ่ยทักปลายสายด้วยเสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว
[เดี๋ยวอีกประมาณครึ่งชั่วโมง พี่จะไปหานายที่บ้าน]
“โอเคครับ แล้วตกลง...เด็กคนที่ผมพาไปหาพี่เป็นอะไรหรอครับ”
[ยังไม่ยอมบอกพี่เลย สงสัยคงจะเจ็บมากกับเรื่องที่เพิ่งเจอมา]
“เรื่องที่เพิ่งเจอมา?”
[อือ ก็นายบอกว่าตอนแรกเห็นคยองซู เอ่อ..ชื่อน้องคนนั้นน่ะ นั่งอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง แต่พอผู้ชายคนนั้นลุกไป พอนายกลับมาดูอีกที ก็เห็นคยองซูนอนสลบจนต้องพามาฝากไว้ที่พี่ไง]
“จริงด้วยสินะ”
[สงสัยอาจจะเป็นแฟนกัน แล้วผู้ชายคนนั้นขอเลิกกับคยองซูล่ะมั้ง]
“น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”
[ว่าแต่...นายเป็นไงบ้าง]
ชานยอลชะงักไปนิดกับคำถามจากปลายสาย หัวใจของร่างสูงกระตุกวูบและเต้นระรัว บาดแผลสดที่ยังมีเลือดไหลซึมคงปริแตกอีกรอบกระมัง
“ก็ดีครับ”
[พี่ไม่เชื่อนายหรอก เมื่อคืนถ้าเลย์ไม่ไปหานายที่บ้าน พี่จะรู้ไหมว่านายคลั่งเป็นหมาบ้าขนาดนั้น ถึงนายจะไม่ห่วงตัวเอง แต่ก็ต้องนึกถึงคนอื่นที่เขาเป็นห่วงนายด้วยสิ]
ชานยอลยิ้มอ่อนโยนกับเสียงของปลายสายที่แสดงความเป็นห่วงออกมาชัดเจน
จริงสินะ... ยังมีคนรักและเป็นห่วงเขาอยู่อีกตั้งหลายคน
จะแคร์ทำไมกับคนแบบนั้น
จะแคร์ทำไมกับคนนิสัยไม่ดีอย่างแบคฮยอน
“เดี๋ยวพี่มาหาผมที่บ้านก็รู้เองล่ะว่าผมสบายดีจริงอย่างที่บอกหรือเปล่า”
[โอเค! ถ้าพี่ไปเจอนายที่บ้านแล้วยังไม่ยอมยิ้มให้พี่เห็นนะ พี่จะจับนายขังห้องน้ำ!”
“โอเคครับพี่มินซอก แล้วเจอกันนะครับ”
[อือ แค่นี้นะ]
ชานยอลกดตัดสายทันทีที่มินซอกพูดจบแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ร่างสูงเอนตัวลงนอนบนโซฟา ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยฉายแววอ่อนโยนและอบอุ่นเปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชาและไร้อารมณ์ไปภายในคืนเดียวที่ไม่มีแบคฮยอนอยู่เคียงข้าง
ชานยอลหลับตาลงช้าๆก่อนสมองจะหวนนึกถึงวันที่เขาและแบคฮยอนได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
‘ง่วงจังเลยอ่ะชานยอล’
ก็พิงไหล่ฉันมาสิ’
‘ไม่เอา เดี๋ยวนายเมื่อย’
‘ไม่เมื่อยหรอก...งั้นเอางี้ นายนอนบนตักฉันเลยก็ได้’
‘ไม่เมื่อยจริงๆนะ?’
‘จริงสิ นอนลงมาเลย’
อยากให้แบคฮยอนกลับมานอนตักเขาเหมือนตอนนั้น...กลับมาครางหงิงๆก่อนนอนให้เขาฟังแบบตอนนั้น
กลับมาบอกรักเขาแบบที่ทำอยู่ทุกวัน
‘รักชานยอลนะ~’
‘อ่า...เกือบลืมไปเลย รักนายนะ!’
‘รักชานยอลที่สุด’
‘ทำไมฉันถึงรักนายมากขนาดนี้กันนะชานยอล? เลิกทำหน้าตาน่ารักๆสักที!!! รักนายมากนะ!’
‘ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก...แค่ปวดหัวนิดหน่อยเอง กินยาเดี๋ยวก็หาย รักนายเหมือนกันนะ’
“ฮึก...แบคฮยอน”
ชานยอลครางเสียงสั่น น้ำตาค่อยไหลลงมาตามหางตาโดยที่เจ้าตัวไม่คิดแม้แต่จะปาดมันออกไป
คิดถึงแบคฮยอน...คิดถึงนายจังเลย
กลับมาหาฉันได้ไหม
อย่าทิ้งกันไปแบบนี้...
ฉันอยู่ไม่ได้...ถ้าไม่มีนาย
“แบคฮยอน...”
----------------------------------------
ความคิดเห็น