ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    one heart one love เพียงหนึ่งรัก | exo

    ลำดับตอนที่ #18 : One heart One love :: 15

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.54K
      2
      30 ต.ค. 57





    One Heart One Love

    -Fifteen-

     

     

    บางทีผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน...ว่าเขารักผมจริงๆหรือเปล่า

     

    คยองซูลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ให้เขายืมแขนหนุนนอนด้วยแววตาที่สับสนไปหมด

     

    จงอินรักผมจริงๆอย่างที่บอก...หรือแค่รู้สึกผิดที่ทำร้ายผมลงไป

     

    ดวงตาใสซื่อหม่นแสงลง ริมฝีปากได้รูปที่มักปรากฏรอยยิ้มสดใสกลายเป็นบึ้งตึง ความรู้สึกเชื่อใจมลายหายไปหมดโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

     

    นายเชื่อใจจงอินถึงขนาดนี้เลยหรอนายไม่รู้อดีตของหมอนั่น...แล้วทำไมถึงเชื่อหมอนั่นหมดใจเลยล่ะ?’

     

     

    คำพูดของคริสเมื่อเช้าดังก้องในสมอง... ลอยวนไปมาจนคยองซูเริ่มคล้อยตามคำพูดนั่นโดยไม่รู้ตัว

     

    คยองซูขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจสม่ำเสมอ โครงหน้าหล่อเหลาที่เขาหลงรัก... แต่ทำไมตอนนี้...

     

    ถึงรู้สึกไม่ต้องการมันแล้ว...

     

    ไม่เข้าใจตัวเอง...

     

    แค่จงอินบอกรัก... แค่จงอินทำดีด้วย.. มันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมเชื่อใจจงอิน แต่ทำไม... ทำไมหัวใจถึงปฏิเสธ?    

     

    คยองซูพรูลมหายใจยาว ล้มตัวลงนอนเคียงข้างจงอินอีกครั้ง มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่ามันยังมืดอยู่ จริงๆคยองซูเป็นคนที่เวลาไม่สบายหรืออยู่แปลกที่แปลกทางจะนอนหลับอย่างเต็มที่ ต่อให้มีเสียงดังแค่ไหนก็ไม่อาจทำให้คยองซูตื่นขึ้นมาได้ ซึ่งมันแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิงแต่ครั้งนี้...ไอ้ความคิดบ้าๆนั่นกำลังขัดขวางการนอนของเขา

     

    คนตัวเล็กสะบัดศีรษะไล่ความคิดทั้งหมดออกไป หากแต่ยิ่งทำแบบนั้น... มันกลับยิ่งคิดมากกว่าเก่าเสียอีก

     

    คยองซูสะดุ้งสุดตัวเมื่อท่อนแขนของคนข้างกายก็ตวัดมาโอบรอบเอวเขา จงอินลืมตามองคยองซูอย่างสงสัย คยองซูตื่นมาทำอะไร?

     

    ...เอ่อ... ฉันทำจงอินตื่นหรอ... ขอโทษที” คยองซูเอ่ยขอโทษเสียงอ่อน

     

    ก็ส่วนหนึ่งนะ จริงๆฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ

     

    จงอินพูดเพียงแค่นั้น แล้วต่างคนก็ต่างเงียบไป

     

    ความเงียบอันน่าอึดอัด...

     

    จงอิน...” คยองซูเอ่ยขัดความเงียบขึ้นมา พยายามมองหน้าจงอินชัดๆแม้ว่ามันจะพร่าเลือนเหลือเกินเพราะหยาดน้ำใสที่บดบังการมองเห็นของเขา “ที่นายบอกว่ารักฉัน...”

     

    “…”

     

    นายพูดมันออกมาจากใจจริงๆ...หรือแค่ต้องการชดใช้ความผิดที่นายทำลงไปกันหรอ?”

     

    เขาถามมันออกไปแล้ว...

     

    รู้สึกผิดอย่างแรงที่ถามแบบนั้นออกไป ทั้งที่คำถามนั้นมันไม่จำเป็นต้องมีคำตอบก็ได้ เพราะการกระทำของจงอินก็สื่อออกมาชัดเจนแล้วว่าเขารักคยองซูเพราะรักจริงๆ... แต่ก็นั่นล่ะ... ภาพของจงอินกับแทมินยังคงลอยวนเวียนอยู่ในสมองจนทำให้เขารู้สึกไม่แน่ใจ

     

    ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่จงอินแสดงออกกับสิ่งที่รู้สึกมันตรงกันหรือเปล่า...

     

    ทำไมถามแบบนั้น” 

     

    ราวกับพึ่งหาเสียงที่หายไปของตัวเองเจอ จงอินถามพร้อมรอยยิ้มขำๆ แต่คยองซูรู้ดีว่ามันเป็นการเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเขาต่างหาก

     

    ฉัน...แค่ไม่แน่ใจ...” คยองซูเสตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นว่าจงอินกำลังจ้องตัวเองอยู่

     

    นายรู้หรือเปล่าว่าที่ถามอออกมาแบบนั้น

     

    “…”

     

    แปลว่านายไม่เชื่อใจฉันเลย

     

    เสียงเข้มแฝงแววตัดพ้ออยู่ในที แววตาผิดหวังที่น้อยครั้งนักจะได้เห็นในดวงตาของจงอินทำให้คยองซูรู้สึกใจไม่ดี... ลมหายใจเริ่มติดขัดสวนทางกับหัวใจที่เต้นถี่รัวและบีบรัดแน่นจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

     

    เขาไม่ชอบบบรยากาศแบบนี้เลย...ให้ตายสิ...

     

    จงอินรู้สึกอยากจะหนีออกไปจากบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้เต็มทีจริงๆเขาชอบเวลาได้อยู่กับคยองซุสองต่อสองนะ แต่ถ้าให้ติดอยู่ในบรรยากาศที่มาคุขนาดนี้... เขาขอหนีไปที่อื่นจะดีกว่า

     

    ความเชื่อใจ... เป็นพื้นฐานของความรักนะ” 

     

    หลังจากปล่อยให้ความเงียบเป็นใหญ่ในห้องมานาน ในที่สุดจงอินก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาโดยมีคยองซูที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มองมาที่เขาอย่างตั้งใจ

     

    ที่นายไม่แน่ใจที่ฉันบอกรักนายไป... เพราะในหัวใจนายไม่มีความเชื่อใจต่อฉันเลย

     

    “…”

     

    ทำไมนายถึงไม่เชื่อฉัน... ว่าที่ฉันบอกรักนายมันออกมาจากใจของฉันจริงๆ

     

    “…”

     

    ถ้านายไม่เชื่อใจฉันแบบนี้ แล้วเกิดในอนาคต... มีคนมาเป่าหูนายว่าฉันมีคนอื่นนอกจากนาย ทั้งที่ฉันก็ยืนยันแล้วว่าฉันมีแค่นายคนเดียว นายก็จะเชื่อใจเขามากกว่าฉันใช่ไหมล่ะ

     

    “…”

     

    “…”

     

    “…”

     

    ฉันจะถือว่าที่นายไม่ตอบคำถามคือนายตอบรับสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้

     

    คยองซูยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น สมองค่อยๆประมวลผลสิ่งที่จงอินพูดช้าๆ...  นั่นสินะ... ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง เขาคงจะเลือกเชื่อคนอื่นมากกว่าจงอินแน่ๆ 

     

    ใบหน้าที่แสดงออกถึงความเครียดชัดเจนทำให้จงอินถอนหายใจยาว เสยผมที่ลงมาปรกหน้าขึ้น กลอกตาไปมาระหว่างรอให้คยองซูแย้งหรือตอบคำถามของเขา 

     

    ฉัน...”

     

    ในที่สุดคยองซูก็เอ่ยขึ้น จงอินเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะรอฟังประโยคถัดไปของคยองซูอย่างตั้งใจ

     

    ฉันขอเวลาสองวันได้ไหม...พรุ่งนี้กับมะรืนนี้... แล้วฉันจะให้คำตอบนาย

     

    คำขอร้องนั้นทำให้จงอินหน้าชา ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น มองคยองซูด้วยแววตาเรียบนิ่งกว่าปกติ

     

    นี่คยองซูไม่เชื่อใจผมถึงขนาดต้องขอเวลาตั้งสองวันเชียวหรอ

     

    ตามใจนายแล้วกัน” 

     

    จงอินตอบได้แค่นั้น ขยับแขนข้างที่คยองซูใช้หนุนนอนออก ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จัดเสื้อยืดธรรมดาที่ค่อนข้างยับให้เข้าที่ หันมองคยองซูเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไร้คำพูดใดๆทิ้งคยองซูไว้กับความอึดอัดและความทรมานในหัวใจต่อไปเพียงคนเดียว

     

    คยองซู... นายลังเลอะไรอยู่” คยองซูพึมพำก่อนที่หยดน้ำตาจะไหลลงมาบนฝ่ามือ ทีละหยดๆ 

     

    หยาดน้ำไร้สียังคงทำหน้าที่ของมันอย่างดี...ไหลลงมาเรื่อยๆและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด... คล้ายต้องการอยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบโยนคนตัวเล็กที่กำลังอ่อนแอในเวลาที่แสนเดียวดายแบบนี้

     

    คยองซูพยายามจะปาดน้ำตาออกแต่ทว่าจู่ๆร่างเล็กกลับรู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอกข้างซ้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน

     

    มือเล็กกุมหน้าอกตัวเองแน่น กัดฟันสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่แสดงออกมาผ่านทางร่างกายและสีหน้าอย่างเต็มที่ ขดตัวเพื่อให้คลายความเจ็บลงแต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย... เพราะคยองซูกลับรู้สึกเจ็บหนักกว่าเก่าเสียอีก

     

    อย่าบอกนะวาอาการมันกำเริบ...

     

    คยองซูเอื้อมมืออีกข้างควานหาปุ่มกดเรียกพยาบาล แต่เพราะความมืดทำให้เขามองไม่เห็นว่าปุ่มกดนั้นมันอยู่ตรงไหน ร่างเล็กขยับไปตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็พบกับปุ่มกดในที่สุด คยองซูกดมันประมาณสองสามครั้งก่อนที่ร่างจะตกจากเตียงไปเพราะไม่ทันระวัง คยองซูขดตัวยิ่งกว่าเก่า ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วร่าง ทั้งจากหัวใจและแขนขา...

     

    ครู่ต่อมาพยาบาลก็เดินเข้ามาในห้องแล้วเปิดไฟให้สว่างขึ้น ก่อนจะต้องเบิกตากว้างพอเห็นร่างของคยองซูร่วงไปนอนอยู่ที่พื้น ร่างที่ขดตัวแน่นทำให้พยาบาลสาวทำอะไรไม่ถูก เธอพยายามตั้งสติแล้วตะโกนเรียกพยาบาลอีกคนที่เฝ้าเวรอยู่ข้างนอกให้เข้ามาช่วย ศีรษะของคยองซูถูกยกขึ้นวางบนตักของพยาบาลคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ส่วยพยาบาลที่เข้ามาคนแรกก็รีบวิ่งออกไปเรียกให้บุรุษพยาบาลอีกสองคนเข้ามาช่วย คยองซูปรือตามองคนที่ให้ตัวเองนอนตัก ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด...

     

     

     

     

    จงอินยืนพิงต้นไม้ต้นใหญ่อย่างหมดแรง พรูลมหายใจเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เขามองบรรยากาศรอบตัวแล้วก็ค่อยๆนั่งลงบนพื้นหญ้าที่ค่อนข้างชื้น

     

    มือหนาลูบหน้าตัวเองเบาๆเป็นการเตือนสติ

     

    สวนสาธารณะข้างโรงพยาบาลเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับสภาพจิตใจของจงอินในเวลานี้ ดวงจันทร์เต็มดวงสะท้อนกับผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับต่างจากหัวใจของจงอินที่ขณะนี้มืดมนเต็มที

     

    จงอินมองเงาสะท้อนของดวงจันทร์ในน้ำอย่างเลื่อนลอย คำขอร้องของคยองซูยังคงดังก้องอยู่ในสมอง แม้จงอินจะปิดกั้นไม่ให้ตัวเองคิดถึงเรื่องนั้น... แต่ทว่ามันกลับเป็นไปอย่างยากเย็นเหลือเกิน... ภาพใบหน้าที่มีน้ำตาคลอเบ้าของคยองซู... ดวงตาที่แฝงไปด้วยความไม่แน่ใจล้นปรี่... ริมฝีปากที่ขยับเอื้อนเอ่ยถึงความสงสัยของตัวเอง... ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันยังกรอกลับไปกลับมา... แทรกเข้าไปจนถึงหัวใจ... ย้ำซ้ำๆให้หัวใจทรมานเล่นแต่มันกลับเจ็บจริง...

     

    ทำไมคยองซูถึงไม่เชื่อใจเขา

     

    คำถามนี้หลอกหลอนจงอินซ้ำไปซ้ำมา... คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ... แต่ต้องการคนรับรู้และเข้าใจถึงจุดประสงค์ของมัน

     

    จงอินหลับตาลง ฟังเสียงท้องฟ้าที่กำลังร้องไห้แข่งกับเขา

     

    ฝนเม็ดเล็กที่เพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆตกลงมาโดยไม่มีสัญญาณอะไรทั้งสิ้น... หยาดน้ำใสที่ไหลออกจากดวงตาคู่คมกลืนไปกับเม็ดฝน... ไม่มีใครรู้ว่าจงอินกำลังร้องไห้... เว้นเสียแต่สายฝนกับหัวใจของเขาเองเท่านั้น

     

    เลือดสีสดที่ไหลมาจากบาดแผลที่ปริแตกในหัวใจแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำตา... เลือดเพียงหนึ่งหยดเท่ากับหยดน้ำตาร้อยล้านหยด

     

    เขาไม่ชอบเลยสักนิดกับการต้องร้องไห้...

     

    มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ... แต่จะทำไงได้... ในเมื่อน้ำตาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาเวลานี้

     

    จงอินเงยหน้ารับหยาดน้ำฝนที่ตกหนักขึ้นและแรงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ... เปิดเปลือกตาให้น้ำตาได้ไหลออกมาเต็มที่... ให้หัวใจได้ระบายความเจ็บปวดออกมาได้มากเท่าที่จะทำได้

     

    หยาดน้ำฝนเหล่านี้... ตกลงมาเพื่อบดบังความอ่อนแอของเขาไม่ให้คนอื่นเห็นใช่ไหม...ตกลงมาเพื่อให้เขาใช้ซ่อนความเจ็บในหัวใจใช่ไหม

     

     

    ขอโทษที่ใช้พวกนายปกป้องความอ่อนแอในใจของฉัน

     


    ----------------------------------------

     

     

    แทมินกำพวงมาลัยแน่นขณะที่รถกำลังติดสัญญาณไฟแดง บรรยากาศตอนค่ำคืนในโซลสวยงามมาก แต่แทมินก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจมันซักเท่าไร... มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสนใจได้ก็คือคำพูดของคิมแทยอน... นักสืบและนักจิตเวชผลงานเยี่ยมที่เขาจ้างให้ช่วยสืบหาตัวลู่หานให้ และตอนนี้แทยอนก็กำลังช่วยเขาสืบเรื่องของชองยุนโฮด้วยเพราะมันเกี่ยวข้องกับครอบครัวของแทมินโดยตรง... แทยอนบอกเขามาอย่างนั้น   

     

    ดวงตากลมราวลูกแก้วมองไปยังถนนที่ยังคงมีรถผ่านไปผ่านมาไม่ได้หยุดอย่างเหนื่อยใจ

     

    บทสนทนาเมื่อเย็นดังขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน...

     

     

     

    เท่าที่ฉันไปสืบมา คุณคิมฮันวอล พ่อของคุณ... ค่อยข้างเข้าผับบ่อยนะคะ และทุกครั้งก็จะได้ผู้หญิงไม่ก็ผู้ชายหน้าสวยหน่อยกลับบ้านมาด้วย แถมยังเคยมีข่าวจากพวกที่ทำงานในผับว่าคุณฮันวอลเคยจับผู้ชายคนหนึ่งไปขังไว้ในบ้านด้วย

     

    ‘…’

     

    แต่ฉันสืบมาไม่ได้จริงๆว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร... ต้องขอโทษตรงส่วนนี้ด้วยนะคะ

     

    ไม่เป็นไรครับ

     

    ส่วนคุณแม่ของคุณ... เอ่อ แม่ของน้องชายคุณ... ตอนแรกท่านก็ไม่ได้เป็นโรคทางจิตอะไรหรอกนะคะ แต่เท่าที่ฉันได้ลองคุยกับท่านเหมือนว่าท่านกำลังกลัวอะไรสักอย่างอยู่น่ะค่ะ ท่านค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากพอสมควร และที่คุณบอกว่าท่านชอบไปนั่งร้องไห้อยู่ตรงเปียโนหลังนั้นบ่อยๆ อาจเป็นเพราะมันเป็นที่พึ่งทางใจของท่านนะคะ

     

    ‘…’

     

    ที่ดิฉันเคยเจอมาก็มีเคสแบบนี้อยู่มากเหมือนกัน... เปียโนหลังนั้นอาจเป็นความทรงจำอันล้ำค่าที่ท่านพยายามใช้มันปกปิดความทรงจำเลวร้ายที่มันทำให้ท่านดูหวาดกลัวสิ่งรอบข้างก็เป็นได้

     

    ‘…’

     

    ส่วนชองยุนโฮ... หมอนั่นเคยมีปัญหาอะไรสักอย่างกับครอบครัวของตัวเอง ทำให้หมอนั่นกลายเป็นคนเก็บตัวไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วก็กลับเข้ามาในวงการมาเฟียเหมือนเดิมพร้อมกับความแค้น และเป้าหมายที่มันต้องการจะกำจัดและทำลายทิ้งเสีย... ก็คือครอบครัวของคุณ

     

    ทำไมถึงเป็นครอบครัวของผมล่ะครับ?!’

     

    อันนี้ดิฉันยังไม่ทราบจริงๆค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณแทมิน

     

    ... ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับ พรุ่งนี้ก็รบกวนไปที่บ้านผมเป็นครั้งสุดท้ายด้วยนะครับ

     

    ได้ค่ะ ^^ พรุ่งนี้เจอกันนะคะคุณแทมิน

     

    ครับ...’

     

     

     

    ชองยุนโฮต้องการทำลายครอบครัวของเขา...

     

    แต่จะทำไปทำไมในเมื่อครอบครัวของเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับหมอนั่นเลยสักนิด

     

    แทมินขมวดคิ้วแน่นอย่างคิดไม่ตก ไม่มีสาเหตุให้ชองยุนโฮต้องการแก้แค้นของครอบครัวเขาเลย 

     

    แต่ทำไม... หมอนั่นจะทำแบบนั้นทำไม...

     

    มือเล็กทุบพวงมาลัยอย่างแรง ตอนนี้แทมินต้องการระบายความเครียดที่สุมอกนี้ออกไปให้หมด... เขาต้องการไปถามชองยุนโฮกับพ่อของตัวเองเต็มทนกับเรื่องที่แทยอนเล่าให้เขาฟัง

     

    แต่เขาทำไม่ได้สักอย่าง...

     

    บ้าเอ๊ย” 

     

    แทมินสบถเสียงดังก่อนที่เสียงบีบแตรของรถคันหลังจะดังขึ้นขัดความคิดของเขา แทมินตั้งตัวตรงแล้วเริ่มขับรถไปเรื่อยๆ  นี่เขาคิดเรื่องอื่นเพลินจนลืมมองสัญญาณไฟจราจรเลยหรอเนี่ย

     

    ถนนตรงหน้าดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ในสมองของแทมินเลยแม้แต่นิด... แทมินปล่อยความคิดทั้งหมดให้ลอยไปลอยมาในสมองพร้อมกับจอดรถเข้าข้างทางอย่างรวดเร็ว

     

    แทมินปรับเบาะให้เอนราบลงไป ล้มตัวนอนอย่างหนักใจ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ พร้อมกับปิดกั้นความคิดทั้งหมดให้ออกไปจากหัวใจ ก่อนจะเข้าสู่นิทราอันแสนยาวนานไปในที่สุด...

     


    ----------------------------------------

     

     

    แบคฮยอน... แบคฮยอน...”

     

    เสียงกระซิบเบาๆข้างหูทำให้แบคฮยอนต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตมองฝ่าความมืดไปจนพบกับร่างที่สูงกว่าตัวเองนิดหน่อย แล้วก็ถึงกับพรูลมหายใจยาวอย่างโมโห

     

    คุณมาปลุกผมทำไมครับคุณจงแด” เสียงหวานเอ่ยถาม

     

    ผมมีเรื่องมาเตือนคุณ”    

     

    จงแดเอ่ยราวกระซิบ ขยับตัวเข้ามาใกล้แบคฮยอนมากกว่าเดิม มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง และเมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็เริ่มเปิดบทสนทนาทันที

     

    พรุ่งนี้ตอนเย็นคุณแม่ของเทาจะมาที่บ้านหลังนี้

     

    “…”

     

    ท่านจะมาคุยกับคุณเรื่องอะไรบางอย่าง แล้วท่านจะยื่นตัวเลือกของเรื่องนั้นให้กับคุณ

     

    “…”

     

    ผมขอให้คุณคิดดีๆก่อนที่จะตัดสินใจเลือกตัวเลือกพวกนั้น

     

    “…”

     

    มันจะเป็นการเลือกที่กำหนดชีวิตของคุณไปตลอดกาล

     

    แล้วคุณมาบอกผมทำไม?” แบคฮยอนเลิกคิ้วพร้อมกับถามออกไป  “ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องบอกผมเลยสักนิด

     

    ผมไม่อยากให้คุณเลือกทางเดินชีวิตผิดแบบผม

     

    “…”

     

    ผมเคยทำผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วมันก็ทำให้ชีวิตผมกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้อีก

     

    “…”

     

    ตัวเลือกบ้าๆนั่นพรากความรักกับหัวใจของผมไป

     

    “…”

     

    มันพรากทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญสำหรับผมไปจนหมด

     

    “…”

     

    ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเป็นแบบผม มันทรมานราวกับตายทั้งเป็นเลยนะครับ” 

     

    จงแดฝืนยิ้มแล้วเสมองไปทางอื่น ชั่วแวบหนึ่งที่แบคฮยอนเห็นน้ำตาคลออยู่ในดวงตาของจงแด แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยเกิดขึ้น 

     

    หายไปราวกับไม่ต้องการให้ใครได้เห็น...

     

    ช่วยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังได้ไหม?” แบคฮยอนลองถาม แม้ว่าจะไม่แน่ใจเลยว่าจงแดจะยอมรับหรือปฏิเสธคำถามนั้น

     

    ถ้าคุณอยากฟัง ผมก็พร้อมจะเล่า” จงแดเอ่ยเสียงนุ่ม มองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังเปิดประตูความทรงจำของตัวเอง

     

    ความทรงจำที่ไม่มีวันลืม...และไม่มีทางลืมไปจนวันตาย

     

    ผมเคยมีคนรักอยู่คนหนึ่ง

     

    “…”

     

    ตอนแรกผมตั้งใจคบเขาเล่นๆเพราะเห็นว่าเขาเข้ามาหาผมอย่างเล่นๆด้วยเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของเราตอนนั้นเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้” จงแดหัวเราะ...แต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่น่าฟังเลยสักนิด

     

    เสียงหัวเราะที่กำลังกลบเสียงสะอื้นไห้

     

    เราคบกันอยู่เกือบปี เขาดูเหมือนจะเริ่มชอบผมมากขึ้น... แต่ผมกลับไม่รู้ใจตัวเอง

     

    “…”

     

    พ่อของผมยื่นข้อเสนอให้ผมไปทำงานที่จีนหรือว่าจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อเลือกให้... ตอนนั้นผมปฏิเสธมันทั้งสองอย่างทำให้พ่อโกรธมาก เราทะเลาะกันใหญ่โตถึงขนาดไม่ยอมมองหน้ากัน ผมตัดสินใจออกไปที่ผับแล้วนัดคนคนนั้นให้ออกมาเจอกัน... ผม...”

     

    “…”

     

    ผมขืนใจเขา แล้ววันต่อมาผมก็กลับไปหาพ่อ บอกท่านว่าผมต้องการจะไปทำงานที่จีนเพราะความผิดที่ผมทำลงไปมันไม่น่าให้อภัยเลยสักนิด ผมอยากจะหนีหน้าเขา เพราะผมบอกกับเขาไปว่าความสัมพันธ์ทางกายที่ผมทำลงไปเมื่อคืน เพราะผมขาดสติยั้งคิด ไม่มีแม้แต่ความรักหรือความต้องการอะไรทั้งนั้น... เขาร้องไห้และบอกว่าเขาเกลียดผม

     

    “…”

     

    เขาเกลียดผม... ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ได้แต่คิดถึงเขาอยู่อย่างนั้น

     

    “…”

     

    ผมไม่กล้าโทรหาเขา... ไม่กล้าเอ่ยคำขอโทษให้เขาได้รับรู้.. ไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกไปว่าผมรักเขามากแค่ไหน...”

     

    “…”

     

    ผมมันทั้งโง่ทั้งขี้ขลาดเลยว่ะ...ผมกรีดหัวใจตัวเองด้วยการกระทำของผม... ผมเลือกทางผิด... ผมน่าจะบอกรักเขาแล้วอธิบายให้พ่อฟัง... ผมไม่น่าเลือกไปทำงานที่จีนเลย

     

    “….”

     

    การเลือกครั้งนั้นครั้งเดียว... พลิกชีวิตของผมไปตลอดกาล

     

    จงแดปล่อยน้ำตาลงมาเงียบๆ ซุกหน้ากับเข่าตัวเองนิ่ง ประตูความทรงจำครั้งนั้นถูกปิดลงพร้อมกับบาดแผลบนอกข้างซ้ายที่ปริออกมา บาดแผลลึกกว้างซึ่งยังมีเลือดไหลซึม...  หัวใจบีบรัดแน่นราวกับโดนมีดนับร้อยนับพันเล่มทิ่มแทงลงจนมันแหลกสลายไม่มีชิ้นดี

     

    แบคฮยอนมองจงแดอย่างสงสาร เอื้อมมือไปลูบไหล่ของอีกคนเบาๆอย่างให้กำลังใจ 

     

    ในสถานการณ์แบบนี้แบคฮยอนควรจะทำอย่างไรดี...

     

    ควรจะเงียบต่อไป...หรือควรจะปลอบจงแด

     

    แบคฮยอนปล่อยความคิดให้ลอยไปไกล... เขาเลือกอย่างแรก... เขาควรจะเงียบต่อไปเพราะขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้คงจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาแน่ๆ... ให้จงแดอยู่กับตัวเองเงียบๆแบบนี้ล่ะดีแล้ว

     

    ความเงียบเป็นเพื่อนชั้นดีที่ทั้งแบคฮยอนและจงแดต้องการ

     

    ผม... ขอตัวกลับก่อนนะครับ” 

     

    อยู่ๆจงแดก็เงยหน้าขึ้นบอกจุดประสงค์ของตัวเอง แบคฮยอนสะดุ้งตัวขึ้น มองคนที่ลุกขึ้นยืนค้ำหัวก่อนจะยิ้มบางๆให้กับจงแด

     

    คราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือบนใบหน้าของจงแดทำให้แบคฮยอนรู้สึกเศร้าตามไปด้วยแต่ก็ยังคงฝืนยิ้มออกมา

     

    อือ กลับดีๆนะ

     

    จงแดยิ้มกว้างพลางปาดน้ำตาออกจากแก้มอย่างแรง แล้วก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

     

    แบคฮยอนมองตามไปอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะมาหยุดอยู่กำแพงยาวที่ขวางเขากับชานยอลอยู่

     

    ร่างเล็กขยับตัวเข้าไปชิดกำแพงนั้น แนบมือลงไปราวกับว่าได้สัมผัสกับมือของชานยอล ยิ้มออกมาน้อยๆกับการกระทำของตัวเอง

     

    ป่านนี้ชานยอลคงหลับไปแล้ว... นายมาทำบ้าอะไรเนี่ย...

     

    แบคฮยอนทิ้งตัวลงนอนช้าๆ แม้จะหนาวแค่ไหนแต่แบคฮยอนก็ยังพยายามข่มตาลงแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

    เมื่อกี้มือของนายหรือเปล่านะแบคฮยอน...

     

    ชานยอลคิดกับตัวเอง รู้สึกอุ่นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อนึกถึงใบหน้าของแบคฮยอน... นึกถึงตัวอุ่นๆของแบคฮยอนที่เขาชอบเผลอไปกอดเวลาหนาวอยู่บ่อยๆ

     

    แบคฮยอน...”

     

    ...

     

    นายนอนหนาวไหม

     

     

    นายจะนอนหลับสบายหรือเปล่า

     

     

    นายจะคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงนายบ้างไหม

     

    ชานยอลพึมพำแล้วชักมือที่แนบกำแพงมานานขึ้นถูเข้าหากันสร้างความอบอุ่นให้ตัวเอง...แล้วล้มตัวลงนอนบนพื้นแสนเย็นเฉียบนั้น เอ่ยขึ้นคล้ายกระซิบ... เสียงกระซิบที่อยากให้แบคฮยอนได้ยิน

     

     

    ฝันดีนะแบคฮยอน

     


    ----------------------------------------

     
     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×