คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : One heart One love :: 14
One Heart One Love
-Fourteen-
“พี่ลู่หาน”
เสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างหูเรียกให้ลู่หานลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะทำตาโตเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนเรียกตนเอง
“มาทำอะไรที่นี่อ่ะเซฮุน”
“พี่แทมินไม่อยู่บ้านครับ... ส่วนพ่อกับแม่ก็เหมือนเดิม” ท้ายประโยคเสียงทุ้มอ่อนลงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาหมองลงก่อนจะพูดต่อ “ไม่มีใครอยู่บ้านด้วย ผมก็เลยมาหาพี่ลู่หานดีกว่า”
“แล้วมาหาพี่ยังไงล่ะเนี่ย?”
“ผมนั่งรถพี่แทมินมาก่อนที่พี่แทมินจะเลยไปทำธุระต่อครับ”
“แล้วขากลับจะกลับยังไง? หรือคุณแทมินจะมารับกลับ?”
“คงนั่งรถกลับเอง... หรือพี่ลู่หานจะให้ผมนอนด้วยก็ได้นะ” เซฮุนเอ่ยติดตลก รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียว ลู่หานยิ้มตามอย่างมีความสุข... แค่เห็นเซฮุนยิ้ม เขาก็มีความสุขแล้ว
เขาขอแค่รอยยิ้มของเซฮุน... รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
...แค่นี้เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“ถ้านายอยากกินลูกปืน นายก็นอนที่นี่เลย พี่อนุญาต”
เซฮุนหน้าเหวอกับคำขู่ของคนตัวเล็ก ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ผมไม่กลัวหรอก ก็แค่ลูกปืน จะกลัวทำไม ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะแห้งๆเรียกรอยยิ้มของลู่หานได้อย่างดี มือบางเอื้อมไปรั้งใบหน้าของเซฮุนเข้ามาใกล้ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปบนแก้มนั้นแผ่วเบาแต่ก็ทำให้หัวใจพองโตขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
เซฮุนมองลู่หานอย่างเจ้าเล่ห์แล้วผละใบหน้าออกห่างจากอีกคนไปนิดหน่อยแล้วเอ่ยขึ้น “ยั่วหรอ?”
แค่คำถามสั้นๆคำถามเดียวแต่มันก็ทำให้แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อจนลามไปถึงหู เซฮุนเม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิดแล้วรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ตัว
“ถ้าไม่ตอบ ผมจะจูบพี่นะ”
“ม...ไม่ได้ยั่วสักหน่อย คิดเองเออเอง” ลู่หายส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่ตอบแล้วก็ห้ามจูบนะ”
“เชื่อหรอว่าผมจะไม่จูบพี่ถ้าพี่ตอบ” ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนที่รวยรินอยู่บริเวณผิวแก้มทำให้ใบหน้าสวยหวานแดงมากขึ้นกว่าเดิม “คิดผิดแล้วล่ะ”
“ซ...”
พูดไม่ทันจบประโยค เซฮุนก็ประทับริมฝีปากปิดกั้นคำพูดที่ลู่หานต้องการจะเอ่ยลงไปจนหมด สัมผัสราวกับปุยนุ่นจากการที่ริมฝีปากแตะกันเบาๆทำให้ลู่หานรู้ว่าตัวเองเสพติดจูบแบบนี้เข้าให้แล้ว... ไม่มีการล่วงล้ำ... แบบนี้ล่ะที่ลู่หานรักและชอบมากที่สุด
เนิ่นนาน... กว่าเซฮุนจะผละริมฝีปากออก ลู่หานสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันมองร่างสูงที่กำลังมองมาที่ตัวเองอยู่เหมือนกัน
“นายพูดไม่เป็นคำพูด” ลู่หานว่าเสียงดุแฝงความตำหนิอยู่ในที แต่เซฮุนกลับมองว่ามันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด... เพราะมันน่ารักมากเลยต่างหาก “อย่างนี้ต้องโดนลงโทษหน่อยแล้ว”
“ลงโทษ?”
“ใช่แล้ว”
“ขอผมคิดบทลงโทษได้ไหมอ่ะ?”
เซฮุนทำหน้าออดอ้อน แขนเรียวยาวเกาะแขนลู่หานพร้อมทำตาปริบๆ แต่รอยยิ้มกลับเจ้าเล่ห์ผิดกับดวงตาที่พยายามปรับให้ใสซื่อเต็มที่อย่างสิ้นเชิง
“ทำหน้าเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ พี่คงเชื่อใจได้หรอกนะ”
“จะไม่ผิดคำพูดแบบเมื่อกี้แล้ว สัญญาเลย *O*” นิ้วก้อยถูกยื่นมาตรงหน้าลู่หาน ร่างเล็กมองนิ้วนั้นอย่างชั่งใจ ลังเลนิดหน่อยว่าจะสัญญากับคนเจ้าเล่ห์อย่างเซฮุนได้ไหม แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วเซฮุน เจ้าของนิ้วนั้นยกยิ้มกว้างแล้วดึงลู่หานเข้าไปกอดแน่น
“นี่ล่ะ...บทลงโทษของผม”
“บทลงโทษอะไรกัน นี่มันเรียกของตอบแทนนายต่างหาก -3-“ ลู่หานทำปากยื่นเป็นเด็กๆ แล้วตีแขนเซฮุนไปแรงๆหนึ่งที “นี่สิถึงจะเรียกว่าลงโทษ”
“การกอดต่างหากคือบทลงโทษ!”
“ตี!”
“กอด!”
“ตี!”
“กอด! กอดๆๆๆๆๆๆ! บอกว่ากอดไง!”
“พี่บอกว่าตี อย่าเถียงพี่สิ -___-“
“งั้นพี่ตี 1 ทีผมกอดพี่ 1 ครั้ง พี่ตี 2 ทีผมกอดพี่ 2 ครั้ง แต่ถ้าพี่ตีผมสามที ผมจะจูบพี่ ^^” เซฮุนเอ่ยตัดบทเสร็จสรรพ ลู่หานทำท่าจะเถียงแต่ก็โดนเซฮุนใช้นิ้วชี้แตะที่ปากเขาก่อน “อ๊ะๆ... ผมเพิ่มบทลงโทษดีกว่า ถ้าพี่พูดออกมาอีกครั้งผมก็จะจูบพี่นะ ถ้าผมไม่อนุญาตให้พูด พี่ห้ามพูด เข้าใจมั๊ย?”
“…” ลู่หานไม่ตอบแต่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างขัดใจแทน
“ถ้าผมถามอะไรไปพี่ต้องทำแค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าแทนคำตอบ โอเคนะ”
ลู่หานเบ้หน้า ขยับปากพึมพำออกมาเป็นคำพูดไร้เสียง
“เอางี้ก่อนจะเริ่มคำถาม... ผมให้สิทธิ์พี่พูดออกมาได้หนึ่งประโยค เชิญเลยครับ ^_^”
“ตกลงเป็นพี่หรือนายกันแน่ที่ต้องลงโทษอีกฝ่าย -3- มันต้องเป็นพี่สิที่ลงโทษนาย เมื่อกี้พี่แค่ให้นายคิดบทลงโทษ แต่นี่อะไร.. บทลงโทษนี่นายได้เปรียบทุกอย่างเลย ไม่แฟร์อ่ะ” ลู่หานพูดรัวๆก่อนตีแขนเซฮุนไปหนึ่งทีอย่างลืมตัว มารู้สึกก็ตอนที่เซฮุนกอดตัวเองแน่นๆนั่นแหละที่ทำให้รู้ว่าพลาดไปแล้ว
“ขี้โกง =[]=!!!”
จุ๊บ~
“อนุญาตแค่หนึ่งประโยคเองนะ ^^ เมื่อกี้พี่พูดเกินไปประโยคหนึ่งแถมยังตีผมอีกต่างหาก หนึ่งจูบกับหนึ่งกอดพอดี ><”
“…”
ลู่หานทำหน้ามุ่ยหนักกว่าเดิม กอดอกตัวเองแน่น รอฟังคำถามที่เซฮุนจะถามอย่างตั้งใจ
“มาเริ่มคำถามแรกเลยดีกว่า”
“…”
“ทำไมพี่ถึงชอบผม ให้พูดได้ 3 พยางค์”
“พี่ไม่รู้”
“ห้ามตอบว่าไม่รู้นะครับ ^^”
“…”
“ตอบช้าแบบนี้... หรือจะเพิ่มกติกาเป็นจับเวลาด้วยดี?” เซฮุนทำหน้าครุ่นคิด ลู่หานได้ยินอย่างนั้นจึงรีบตอบออกมาทันที
“นายน่ารัก!”
“ขอคำตอบนี้อีก 5 พยางค์ รวมเป็น 8 พยางค์”
“นายน่ารักแถมดีกับพี่ด้วย” ลู่หานเอ่ยพร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดจนเซฮุนอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มใสๆนั่น
“งั้นคำถามต่อไป... พี่รักผมไหม? ห้ามพูดนะ”
ลู่หานส่ายหน้าแรงๆ หวังแกล้งเซฮุนเต็มที แต่พอเห็นใบหน้าหงอยๆนั้นก็ทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาจนต้องเปลี่ยนเป็นพยักหน้ารับแทน ร่างสูงเผยยิ้มแล้วกุมมือลู่หานไว้แน่น
“รักพี่เหมือนกันนะครับ”
ลู่หานพยักหน้า
“ฮ่าๆๆๆๆ อันนี้ให้พูดก็ได้ พูดเต็มที่เลย”
“รักนายเหมือนกัน เซฮุนอา~~~” พูดแล้วก็ยื่นมือไปหยิกจมูกโด่งๆด้วยความหมั่นไส้ เซฮุนส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้ลู่หานหยุดทำซักที แต่ดูท่าร่างเล็กจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย มือเล็กยังคงหยิกจมูกอีกคนเล่นอย่างสนุกมือ
“หยุดหยิกจมูกผมเลยนะ! ถ้าไม่หยุด ผมจูบ” เซฮุนขู่พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะรู้ว่าคำขู่นี้ได้ผลเสมอ ลู่หานชะงักแล้วค่อยๆลดมือลงแนบลำตัวอย่างเดิม
“คำถามต่อไปเลยแล้วกัน... ถ้าวันหนึ่งผมตายไป พี่จะยังรักผมอยู่ไหม”
ไม่มีคำตอบใดหลุดออกจากริมฝีปากสีชมพู... ร่างเล็กนั่งนิ่งราวกับกำลังประมวลคำถาม ความเงียบที่ยาวนาน... ค่อยๆกัดกร่อนหัวใจของเซฮุนช้าๆ... ความเงียบที่ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจของกันและกันบีบรัดหัวใจของเซฮุนจนเจ็บ... ความทรมานจากการที่ลู่หานไม่ตอบอะไรเลยทำให้เซฮุนรู้สึกกลัวขึ้นมา
หรือว่าพี่ลู่หานจะไม่รักเขาอีกแล้วถ้าเขาตายจากไป
พี่ลู่หาน...จะไปรักคนอื่นใช่ไหม
“ทำไมพี่ไม่ตอบล่ะ”
“…”
“หรือว่าพี่จะไม่รักผมอีก... ถ้าผมตายไป...”
ประโยคตัดพ้อทำให้ลู่หานเงยหน้าขึ้นมา กัดปากตัวเองอย่างหนักใจ มือบางกำผ้าห่มแน่นจนยับยู่ยี่ กระทั่งในที่สุดลู่หานก็ยอมตอบออกมาแต่โดยดี
“พี่รักนาย รักเสมอ... รักตลอดไป”
“…”
“แล้วที่พี่ไม่ตอบ... เพราะพี่รู้ว่ามันคงไม่มีวันที่นายจะตายจากพี่ไปก่อนหรอก มันไม่มีทางมีวันนั้น ^^”
ลู่หานฝืนยิ้มทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้ ความรู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ว่าเซฮุนจะจากไปจริงๆอย่างที่เจ้าตัวถามออกมา... กำลังทลายความเข้มแข็งทั้งหมดให้มลายลงอย่างรวดเร็ว... จะประกอบให้เหมือนเดิมอีกครั้งก็คงทำได้ยากยิ่ง
ความเข้มแข็งที่ถูกสร้างปกปิดความอ่อนแอในใจพังทลายไม่เหลือชิ้นดี... แม้แต่เศษเสี้ยวความเข้มแข็งก็ไม่เหลืออีกแล้วในใจของลู่หานเขากลัว... กลัวกับอนาคตที่มองไม่เห็น... กลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น... กลัวสิ่งที่เรียกว่าการจากลา
น้ำตาแห่งความอ่อนแอไหลรินลงมาคล้ายระบายความเข้มแข็งทั้งหมดในใจให้จางหายไป เพื่อที่ความอ่อนแอจะได้แทรกเข้ามาแทนที่
เซฮุนมองภาพตรงหน้าอย่างอึ้งๆ... พี่ลู่หานร้องไห้อีกแล้ว
เขาเกลียดน้ำตา...โดยเฉพาะถ้ามันเป็นน้ำตาจากคนที่เขารัก
...เขายิ่งเกลียด
ถึงจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมลู่หานถึงร้องไห้ออกมาหนักขนาดนี้ แต่เซฮุนก็รีบขยับเข้าไปใกล้ร่างของอีกคน กอดร่างที่สั่นเทาไว้แน่น มองลู่หานแล้วก็รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเฉยๆ
หรือว่าพี่ลู่หานจะร้องไห้เพราะคำถามเมื่อกี้?
เซฮุนทำท่าจะถามแต่แล้วก็ปิดปากฉับ ถ้าถามออกไปตอนนี้เรื่องอาจจะแย่ลง รอพี่ลู่หานหยุดร้องไห้แล้วค่อยถามดีกว่า
ความเงียบอันแสนน่ากลัว... เวลาที่เดินไปอย่างรวดเร็ว... ฟ้าที่เริ่มมืดลงเรื่อยๆ... ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังทำให้เซฮุนร้อนใจ
เขาเหลือเวลาอยู่กับพี่ลู่หานอีกแค่นิดเดียวเองหรอ...
บ้าชะมัดเลย...
“พี่ลู่หาน”
เซฮุนร้องเรียกคนในอ้อมกอดเบาๆ ลู่หานยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้นกระทั่งเซฮุนผละร่างนั้นออกจากอกของตัวเองถึงรู้ว่าลู่หานร้องไห้จนหลับไปแล้ว
ร่างสูงมองพี่ชายตัวเล็กน้อยๆแล้วจัดท่าให้ลู่หานนอนอย่างสบายที่สุด ดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาจนถึงลำคอ... ก่อนจะจูบลู่หานอีกครั้งอย่างแผ่วเบา... แล้วร่างสูงก็รีบเดินออกจากห้องไปในทันที
เซฮุนปิดประตูบานใหญ่เบาๆ มองไปรอบข้างก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรจึงรีบเดินห่างห้องพักของลู่หานไปอย่างรีบร้อน
“พรุ่งนี้ผมจะมาหาใหม่นะครับ”
“มีคนแอบมาหาคุณลู่หานครับ”
ชายร่างสูงในชุดเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนส์สีซีดก้าวออกมาจากที่ซ่อน กรอกเสียงรายงานปลายสายไปพร้อมกับมองตามหลังเซฮุนที่ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ใบหน้าคมนิ่งเรียบจนน่ากลัว ริมฝีปากหยักยิ้มเล็กน้อยตามแบบฉบับของตัวเอง ดวงตาสีดำสนิทกลอกไปมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าห้องของลู่หาน
[อืม... งั้นพรุ่งนี้แกต้องไปที่นั่นเร็วกว่านี้]
“มาเร็วกว่านี้?”
[ใช่แล้ว... พรุ่งนี้แกต้องจับตัวไอ้คนที่มาหาลู่หานไปไว้ที่บ้านเล็กก่อน จับขังไว้เลยนะ ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวฉันจะโทรบอกอีกที
“แล้วผมต้องไปหาประวัติไอ้เด็กนั่นด้วยไหมครับ?”
[ไม่ต้องก็ได้... ถ้าเดาไม่ผิดไอ้เด็กนั่นน่าจะเป็นแฟนลู่หานที่ชื่อเซฮุนแน่ๆ]
“โอเคครับ... ไว้พรุ่งนี้จับมันได้เมื่อไรจะรีบโทรแจ้งนะครับ”
[อืม]
ร่างสูงตัดสายไปทันทีแล้วหย่อนโทรศัพท์เครื่องบางลงไปในกระเป๋าสะพายที่หยิบติดมาด้วย
‘มินโฮ’ ยิ้มมุมปาก แววตาที่ดูไม่เป็นมิตรเหี้ยมเกรียมขึ้นอย่างน่ากลัวเมื่อนึกไปถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจมาทำงานนี้ให้ชองยุนโฮ
อีแทมินยังตัดใจจากแฟนเก่าไม่ลง
เขารู้ว่าแทมินเพียรพยายามติดต่อแฟนเก่าตลอดเวลาที่คบกัน เขาต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องทั้งหมดและทำร้ายร่างกายคนตัวเล็กแทบจะทุกครั้งที่รู้ว่าแทมินแอบหาข้อมูลของคิมจงอินตลอด 2 ปีเต็มจนในที่สุดความอดทนของเขาก็เดินมาถึงทางตัน
มินโฮบอกเลิกแทมินอย่างเย็นชา คิดไว้แล้วว่าแทมินอาจจะร้องไห้เพราะน่าจะผูกพันกับเขาอยู่บ้าง แต่เปล่าเลย... แทมินไม่มีน้ำตาแม้สักหยดให้เขาเห็น มีเพียงรอยยิ้มบางๆพร้อมกับคำพูดทิ่มแทงใจให้เขาเจ็บเล่นๆเท่านั้น
‘ฉันรอเวลาที่นายจะพูดคำนี้มานานแล้ว... ขอบคุณที่ในที่สุดนายก็ปล่อยฉันเป็นอิสระสักที’
หลังจากนั้นไม่กี่วันแทมินก็นั่งเครื่องกลับมาเกาหลี และเป้าหมายที่ร่างเล็กต้องการพบก็คงหนีไม่พ้นแฟนคนเก่า
คิมจงอิน...
มินโฮเฝ้าเก็บความแค้นนี้ไว้มานานจนในที่สุด ชองยุนโฮ...ญาติผู้พี่ก็ยื่นงานเสนอให้เขา
งานที่จะได้แก้แค้นลีแทมินอย่างสาสม...
เขาตกลงทำงานตามแผนของยุนโฮโดยไม่เสียเวลาคิดเลยแม้แต่น้อย... เขารู้แค่ว่าต้องแก้แค้น
เขาเกลียดลีแทมิน...และเกลียดคิมจงอินด้วยเช่นกัน
ทั้งๆที่เขาดีกว่าจงอินแทบทุกอย่าง... ทั้งหน้าที่การงาน... ฐานะ... หน้าตาในสังคม... การศึกษา... แต่ลีแทมินก็ยังเลือกจงอินโดยไม่แคร์เลยว่าเขาก็เจ็บเป็นเหมือนกันกับการที่แทมินทิ้งเขากลับมาเกาหลีอย่างไม่ใยดี
มินโฮนั่งนิ่งระงับอารมณ์... เม้มปากตัวเองแน่น
อีแทมิน... ฉันจะเกลียดนายไปจนวันตาย
----------------------------------------
“แบคฮยอน...”
ชานยอลเปิดเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งขึ้นช้าๆ เอ่ยเรียกแบคฮยอนเบาๆแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมา
สายตาคู่คมมองไปรอบๆที่ที่เขาอยู่อย่างสับสน...
เขารู้แค่ว่าลูกน้องของเทาพาเขามาที่รถ โดยมีแบคฮยอนนั่งอยู่ข้างๆ แต่หลังจากนั้นเขาก็นึกอะไรไม่ออกเลย... รู้แค่ว่าตัวเองยังเจ็บบริเวณต้นคออยู่เท่านั้น
ที่นี่ที่ไหน?
แล้วแบคฮยอน...
“ฟื้นแล้วหรอ”
เสียงทุ้มของใครสักคนดังขึ้นข้างหู ชานยอลรีบขยับตัวหนี แม้จะมองไม่เห็นอะไรก็ตามเพราะความมืดที่เข้ากลืนกินห้องนี้โดยสมบูรณ์ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่...
..เทา...
“นายพาฉันมาที่ไหน... แล้วแบคฮยอน... แบคฮยอนอยู่ไหน? นายทำอะไรเขา?!”
ทันทีที่ได้สติชานยอลก็พุ่งใส่เทาเต็มแรง มือหนากำคอเสื้อของอีกคนไว้แน่น เทาเงยหน้ามองชานยอลอย่างท้าทาย จับข้อมือคนที่กำคอเสื้อเขาไว้แล้วออกแรงบีบมันจนชานยอลร้องเสียงหลง รีบชักมือตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามพี่”
ชานยอลถลึงตาใส่คนที่ลุกยืนค้ำหัวเขาอย่างโมโห ร่างสูงทำท่าจะลุกตามแต่ก็โดนอะไรบางอย่างรั้งเขาไว้ไม่ให้ขยับ
...โซ่
“ผมคงต้องจับพี่ล่ามไว้ก่อนน่ะ อย่าโกรธผมแล้วกัน ไว้พ่อกับแม่กลับมาเมื่อไรผมจะรีบมาเล่า ‘ความจริง’ ทุกอย่างให้พี่ฟัง”
“…”
“ตอนนี้ก็ทนอยู่อย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน...นะครับ” เทากดเสียงต่ำแล้วเดินออกจากห้องไป
ชานยอลกัดฟันแน่นอย่างแค้นใจ เขามองไม่เห็นสักอย่างว่าในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆแคบๆนี้มีอะไรอยู่บ้าง... เขาเห็นแค่โซ่ขนาดใหญ่ที่ล่ามเขาไว้กับเสากลางห้องเท่านั้น
ชานยอลทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง ขืนดิ้นหนีไปก็ไม่มีประโยชน์สู้อยู่เฉยๆเก็บแรงไว้ปะทะกับเทาครั้งหน้าจะดีกว่า
เวลาผ่านไปเรื่อยๆโดยที่ชานยอลไม่รู้ตัว เขาเตรียมจะนอนต่ออีกครั้งหากไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากห้องข้างๆ... เสียงของแบคฮยอน!
ชานยอลขยับตัวไปใกล้กับผนังห้อง ตั้งใจฟังเสียงทะเลาะกันที่ดังมาจากห้องข้างๆอย่างร้อนรน... แบคฮยอนอยู่ห้องถัดไปแน่ๆ
แบคฮยอนจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ...
“ฉันอยากไปหานายจังเลยแบคฺฮยอน... ฉันเป็นห่วงนาย”
“พี่แบคฮยอน ผมรู้ว่าพี่ตื่นแล้ว”
เทาขยับเข้ามาใกล้ร่างของแบคฮยอน ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับร่างเล็กที่โดนล่ามโซ่ไว้ทั้งแขนและขา ต่างจากชานยอลที่โดนล่ามแค่ขาเท่านั้น แล้วเริ่มเปิดบทสนทนาทันที
“ถ้าพี่อยากหลับตาคุยก็ตามใจ”
“…”
“พี่รู้ไหมว่าผมเสียเวลาแค่ไหนกับการต้องสะกดรอยตามพี่” เทาเอ่ยติดจะโมโหนิดๆ “พี่แม่งโคตรดื้อด้านเลยว่ะ อยู่ดีๆก็ไม่ชอบ ต้องหนีกลับมาเกาหลีกับแฟนเก่า”
“…”
“หนีกลับมาทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
“…”
“ไม่คิดจะเถียงอะไรหน่อยหรอ”
“…”
“เฮ้... นี่คือคำสั่ง พี่ต้องพูดกับผมเดี๋ยวนี้!”
เสียงเชิงออกคำสั่งแข็งกร้าว มือหนาเชยคางของแบคฮยอนขึ้นอย่างแรงจนแบคฮยอนเผลอลืมตาขึ้นมา แต่ก็รีบปิดลงไปทันทีเมื่อเจอกับดวงตาสีดำสนิทเหมือนสีรัตติกาลจ้องเขาเขม็ง
“ได้... อยากลองดีกับผมใช่ไหม”
พลั่ก!
เทาผลักร่างเล็กจนแผ่นหลังชิดกับกำแพงอันแสนเย็นเฉียบเพราะมันเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้งานมานานแถมนี่ยังเป็นฤดูหนาวอีกต่างหาก
มือหนาบีบคางมนแรงขึ้นตามอารมณ์โกรธที่ปะทุเกินจะห้ามไหว ส่วนมืออีกข้างก็กดแขนที่มีรอยช้ำลงไปกับกำแพงจนแบคฮยอนร้องโอดโอยเสียงดัง
“โอ๊ยยย! ปล่อยฉัน!!!”
“พูดได้แล้วสินะ... พี่เป็นพวกนิยมความรุนแรงหรือไงถึงไม่ตอบผมแต่แรก ต้องให้ผมออกแรงหรือไงถึงจะยอมทำตามที่ผมสั่งน่ะ!?”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย!”
“ทำไมจะไม่ใช่...ในเมื่อผมเป็นคู่หมั้นของพี่... ผมมีสิทธิ์รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่!”
“ฉันไม่ใช่คู่หมั้นนาย หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันไม่อยากฟัง!!!”
แบคฮยอนร้องเสียงดังลั่นห้อง ยกมือขึ้นปิดหูตัวเองแล้วหลับตาลง ไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น... ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
เขาเกลียดคนคนนี้...เกลียดเทา
“ถึงพี่จะเกลียดผม... แต่ความจริงยังไงมันก็คือความจริงอยู่วันยันค่ำ... สิ่งที่พี่ทำได้มีแค่ยอมรับกับไม่ยอมรับเท่านั้น”
“…”
“แต่ผมขอเตือนไว้ก่อน... อย่าคิดขัดขืนหรือต่อต้านผมเด็ดขาด”
“…”
“ชีวิตพี่ตอนนี้ก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย... สามารถขาดออกจากกันได้ทุกเมื่อถ้าผมต้องการ... ชีวิตของพี่อยู่ในกำมือผมแล้ว จำไว้ซะ พยอนแบคฮยอน!!!”
ตะคอกเลร็จเทาก็ปล่อยคางแบคฮยอนอย่างแรงจนร่างเล็กหน้าหัน แล้วเดินถอยห่างออกไป
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นจ้องเทาตอบอย่างไม่ยอมแพ้
เทาเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากและยักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะหันมามองอีกคนเลยแม้แต่หางตา
พอประตูปิดลงแบคฮยอนก็ปล่อยทำนบน้ำตาลงมาทันที
เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ...
น้ำตาที่ไหลลงมาไม่ใช่น้ำตาแห่งความอ่อนแอ...แต่เป็นน้ำตาแห่งความแค้นต่างหาก
“ฉันไม่มีวันทำตามคำสั่งนายแน่เทา... จำเอาไว้เลย”
----------------------------------------
ความคิดเห็น