คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : One heart One love :: 9
One Heart One Love
-Nine-
หลังเก็บของจำเป็นทุกอย่างใส่กระเป๋าใบเล็กของแบคฮยอนเรียบร้อยแล้ว ชานยอลก็เดินลงมาข้างล่างพร้อมกับแบคฮยอน แล้วก็พบกับคุณป้าแม่บ้านคนเดียวกับที่ชานยอลเจอในตอนแรกกำลังยืนส่งยิ้มให้ มือที่ค่อนข้างเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาถือกล่องใบเล็กน่าพกพาไว้
“คุณแบคฮยอน ^^” ป้าแม่บ้านเอ่ยเรียก แบคฮยอนยิ้มให้ก่อนจะถลาไปกอดร่างของหญิงชราไว้
“ป้าครับ...”
“จะได้ออกไปจากที่นี่อย่างที่หวังไว้แล้วนะคะ ดีใจหรือเปล่า” มือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาของหญิงชราลูบผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆอย่างเอ็นดู
“ดีใจสิครับ... ดีใจมากๆเลย... ผมจะได้เป็นอิสระแล้ว” พูดไปก็สะอื้นไป หญิงชรายิ้มขำกับการกระทำของเด็กน้อยตรงหน้า
“ป้าดีใจด้วยนะคะ ^^”
“…”
“ถ้าคุณแบคฮยอนออกไปจากที่นี่จริง ป้าก็จะลาออกตามไปด้วยเหมือนกัน”
“…!!!”
แบคฮยอนผละออกจากอ้อมกอดของหญิงชรา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง สั่นศีรษะไปมาราวกับว่าเมื่อกี้ตัวเองหูฝาด “คุณป้าว่าไงนะครับ?”
“ป้าจะลาออกจากที่นี่ค่ะ”
“ถ้าป้าออกไป แล้วป้าจะหาเงินที่ไหนดูแลหลานล่ะครับ?”
ดวงตากลมโตสั่นไหวรุนแรง แบคฮยอนจำได้ดีว่าวันที่เขาเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ครั้งแรก คุณป้าแม่บ้านก็เข้ามาคุยกับเขา และยังเล่าให้ฟังว่าคุณป้ามีหลานอีก 2 คนที่ต้องดูแล จึงตัดสินใจมาทำงานที่นี่เนื่องจากเงินเดือนดี แถมยังมีอาหารและอะไรต่อมิอะไรมากมายที่ฟรี แต่ทำไมป้าถึงตัดสินใจจะลาออกล่ะ?
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ คุณชานยอลให้เงินป้ามาเยอะมากเลย นี่ป้ายังรู้สึกเกรงใจอยู่เลยนะคะ” ประโยคแรกพูดกับแบคฮยอน ส่วนอีกประโยคหญิงชราหันไปมองชานยอลที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันด้วยสายตาฉายแววขอบคุณเป็นอย่างมาก
แบคฮยอนหันไปมองชานยอลเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มกว้าง ดวงตาพราวระยับนั่นทำให้แบคฮยอนเบือนหน้าหันมาสนใจหญิงชราอีกครั้ง
“งั้นก็แล้วไปครับ... แต่ถ้าป้าออกจากที่นี่จริงๆก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ... อย่าหักโหมทำงานบ้านมากเกินไปอีกล่ะ”
ป้าแม่บ้านหัวเราะกับคำพูดของแบคฮยอน นึกย้อนไปถึงวันที่เธอทำงานบ้านตั้งแต่เช้ามืดจนดึกดื่นก็ยังไม่ยอมกลับบ้าน ในที่สุดก็มาเป็นลมอยู่ตรงหน้าห้องของแบคฮยอน ร้อนถึงคนตัวเล็กต้องอุ้มเธอเข้าไปนอนในห้องตัวเอง แถมยังคอยพัดวีให้จนเธอฟื้น วันนั้นเป็นวันที่เธอซาบซึ้งในน้ำใจของแบคฮยอนเป็นอย่างมาก และสัญญาไว้ว่าจะไม่โหมทำงานหนักอย่างนั้นอีก
“สัญญาค่ะคุณแบคฮยอน ^_^”
“ดีแล้วล่ะครับ”
“แล้วจะไปกันเลยหรือเปล่าคะ?”
“ครับ...”
“ดูแลตัวเองดีๆนะคะคุณแบคฮยอน ยังไงก็ติดต่อกลับมาหาป้าบ้างนะคะ”
“ครับป้า... ลาล่ะครับ” แบคฮยอนโค้งตัวให้ป้าแม่บ้านก่อนจะเดินนำชานยอลออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
“ยังไงป้าก็ฝากคุณแบคฮยอนด้วยนะคะคุณชานยอล” หญิงชรากระซิบกับชานยอลที่กำลังจะเดินตามอีกคนออกไป ร่างสูงยิ้มให้แทนคำตอบรับก่อนจะสาวเท้าออกไปจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
“โชคดีนะคะ”
“ขออย่าให้คุณเทาตามหาคุณเจอเลยนะคะ... คุณแบคฮยอน”
----------------------------------------
แบคฮยอนกึ่งวิ่งกึ่งเดินนำมาตามทางเท้าเรื่อยๆ โดยมีชานยอลที่ทำหน้าหงิกเดินต้อยๆ และสาเหตุที่ทำให้ชานยอลนอยด์ถึงขีดสุดก็เพราะตัวเล็กของเขาไม่ยอมนั่งรถแท็กซี่ไปโรงแรมนี่สิ!
โรงแรมที่ชานยอลจองห้องไว้ห่างจากคฤหาสน์ของเทาหลายกิโลแต่แบคฮยอนยืนยันว่าจะเดินมา ทำให้ชานยอลต้องยอมเดิน แถมยังต้องถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้แบคฮยอนอีกต่างหาก และชานยอลจะไม่รู้สึกนอยด์เลยถ้าตอนนี้ฝนมันไม่ได้กำลังจะตก!!!
“แบคฮยอน... เราเรียกแท็กซี่แล้วนั่งไปโรงแรมดีกว่าไหม” ชานยอลเอ่ยถามอ้อนๆ แบคฮยอนหันมามองเล็กน้อยก่อนจะพูดคำที่ทำให้ชานยอลอยากตายไปซะเดี๋ยวนี้
“ไม่!! ^^”
“แต่ฝนมันจะตกแล้วนะ... ฉันว่าเรานั่งรถไปเหอะ นะๆๆๆๆๆ” ชานยอลเดินมาหยุดอยู่ข้างคนตัวเล็ก ก่อนจะเอ่ยขอร้องแบคฮยอนด้วยน้ำเสียงที่ตัวเองคิดว่ามันนุ่มที่สุดแล้ว แต่ยังไงเสียงของอีกคนก็ยังทุ้มน่ากลัวอยู่ดีในความคิดของแบคฮยอน!
“ก็บอกว่าไม่ไงปาร์คชานยอล!” คนตัวเล็กว่าออกมาเสียงแหลมแล้วหันไปสนใจธรรมชาติรอบตัวเหมือนเดิม
“แบคฮยอนนนน!!! =[]=!!!”
“มีอะไร? -___-“
“ถ้านายไม่ขึ้นแท็กซี่ ฉันจะพานายกลับไปส่งที่คฤหาสน์นั้นเหมือนเดิม!” ชานยอลพูดสิ่งสุดท้ายที่ตัวเองคิดจะบอกออกมาเสียงดัง แบคฮยอนหยุดชะงัก ไหล่บางสั่นไหวขึ้นทีละนิดจนชานยอลลองเอามือไปแตะดูก็พบว่าคนตัวเล็กกว่ากำลังกลั้นสะอื้นอยู่
“บ...แบคฮยอน....” ชานยอลเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ก่อนดึงร่างของแบคฮยอนมากอด “ฉันขอโทษ... ฉันแค่พูดเล่น... ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“น...นายใจร้ายที่สุด”
แบคฮยอนปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงมาช้าๆ ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างต้องการที่พึ่ง แม้จะรู้ว่าเมื่อครู่อีกคนเพิ่งจะพูดสิ่งที่ทำให้ตนนั้นเก็บความกลัวไว้ไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาก็ตาม
“ฉันขอโทษจริงๆนะ... ขอโทษๆ”
ชานยอลย้ำซ้ำๆจนแบคฮยอนต้องบอกให้หยุดพูด ร่างเล็กเงยหน้าที่ยังเต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมองอีกคนก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น
“อย่าขู่ฉันด้วยวิธีนั้นอีกเลยนะ... ปาร์คชานยอล”
“อือ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ขอโทษจริงๆ” ชานยอลก้มจูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ แบคฮยอนหลับตาลงรับสัมผัสอบอุ่น ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงอู้อี้เล็กน้อย
“ถ้าทำแบบนั้นอีก ฉันจะเกลียดนายไปตลอดชีวิต” เสียงหวานขู่ออกมา ชานยอลหัวเราะเสียงดังแล้วยกนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้าแบคฮยอน คนตัวเล็กยกยิ้มบางๆแล้วใช้นิ้วก้อยตัวเองเกี่ยวกับนิ้วก้อยของอีกคนแทนคำสัญญาทั้งหมด
คำสัญญาลมปาก...แต่มีผลมากมายต่อหัวใจ
“ยอมให้เกลียดไปจนถึงชาติหน้าเลย เอาป่ะล่ะ?”
“เอา -___-”
“ฉันล้อเล่นน่า หรือว่านายคิดจริง -3-“
“คิดจริง ^^”
“แบคฮยอนอ่า...”
“อะไร!?!”
“เปล่าครับ (_ _)”
“งั้นก็แล้วไป” แบคฮยอนปาดน้ำตาออกจนหมด แล้วทำท่าจะเดินต่อ หากไม่รู้สึกถึงละอองน้ำที่หยดลงบนแขน
เปรี้ยง!!!
ฟ้าร้องขึ้นมาเสียงดัง คนตัวเล็กยกมือขึ้นปิดหูในทันทีก่อนจะหันกลับมากอดชานยอลไว้แน่น
แบคฮยอนเกลียดเสียงฟ้าร้อง...
อ้อมแขนอบอุ่นรัดร่างเล็กเข้ามาใกล้ตัวก่อนที่ฝนจะตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่ต่างเปียกไปตามๆกัน
“ไปหาที่หลบฝนก่อนดีกว่า!” ชานยอลพูดแทรกเสียงฝน มือหนาจูงร่างเล็กวิ่งฝ่าฝนไปด้วยกันแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหาที่หลบฝนได้เลย
“ช...ชานยอล...”
“ครับตัวเล็ก”
“หนาว”
แบคฮยอนกระซิบข้างหูร่างสูงที่ก้มหน้าลงมาใกล้ตัวเองเสียงแผ่ว มือเล็กถูเข้าหากันแม้มันจะไปช่วยอะไรเลยก็ตามเพราะฝนยังคงตกลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ไปยืนหลบตรงนั้นก่อนแล้วกัน” ชานยอลดึงแบคฮยอนให้ไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้กันกับที่พวกเขายืนอยู่ ก่อนที่เขาจะเปิดกระเป๋าของอีกคนเพื่อหาเสื้อมาสวมทับให้กันหนาว
ชานยอลทำหน้าเคร่งขึ้นเมื่อไม่เห็นว่าเสื้อตัวไหนจะใช้ได้เลยในเมื่อมันมีชุดนอนอยู่แค่ 4-5ตัวกับชุดลำลองธรรมดาแต่ค่อนข้างบางตัวเดียว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นแล้วก็นึกไอเดียดีๆออก ร่างสูงถอดเสื้อแขนยาวที่ตัวเองใส่อยู่อย่างรีบร้อน เหลือไว้เพียงเสื้อกล้ามสีดำบางๆบนร่างเท่านั้น แบคฮยอนหันหน้าหนีเพื่อไม่ให้ชานยอลเห็นอาการเขินอายที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดของตัวเอง
มือหนาค่อยนำเสื้อแขนยาวคลุมให้แบคฮยอนที่ยืนหันหลังให้เขา ก่อนรวบร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเพื่อส่งผ่านความอบอุ่นไปให้กับอีกคน หัวใจสองดวงเต้นดังระรัวท่ามกลางสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำลงมา แบคฮยอนหลับตาลงรับความอ่อนโยนและความอบอุ่นที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ มือเล็กกุมมือของอีคนไว้แน่น ถ่ายทอดทุกความรู้สึกออกมาผ่านการจับมือ
จากตอนแรกที่รู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ ตอนนี้กลับอบอุ่นขึ้นมากจนไม่อยากจะให้ฝนหยุดตก
อยากอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนนานๆ...อยากให้ความรู้สึกในตอนนี้ฝังแน่นลงไปในความทรงจำของเราทั้งคู่
อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป
“อุ่นขึ้นไหม?”
ชานยอลกระซิบถาม ลมหายใจอุ่นร้อนที่ริดรนอยู่บริเวณใบหูเรียกเลือดให้ไหลมารวมกันอยู่บนใบหน้าหวานใสอีกครั้ง
“อือ” พูดในลำคอ ก่อนก้มหน้ามองพื้นซ่อนใบหน้าขึ้นสีของตัวเอง
“แบคฮยอนอ่า”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ชานยอลหมุนตัวร่างเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากัน ก้มใบหน้าลงไปจนชิดกับหน้าของอีกคน ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา
ดวงตากลมใสเบิกตากว้างอย่างตกใจกับการกระทำของอีกคน ขยับตัวแรงๆให้อีกคนปล่อย ทว่าก็ไม่เป็นผลเพราะมันยิ่งทำให้ชานยอลกดริมฝีปากลงมามากขึ้นกว่าเดิม
ในที่สุดร่างเล็กก็ยอมหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเผลอเปิดริมฝีปากให้อีกคนเข้ามารุกล้ำอย่างลืมตัว...
จากจูบที่แสนอ่อนหวานไร้การรุกล้ำใดๆ...แปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ร้อนแรงและไม่มีทีท่าจะหยุด
แบคฮยอนทุบหน้าอกอีกคนอย่างแรงเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก ชานยอลผละออกไปอย่างเสียดายแต่ก็ยังกอดเอวร่างเล็กไม่ยอมปล่อย แบคฮยอนสูดอากาศเข้าไปทดแทนกับที่เสียไปเต็มที่ ก่อนจะจ้องหน้าร่างสูงอย่างโกรธๆ ริมฝีปากที่บวมเจ่อเนื่องจากจูบหนักหน่วงเมื่อครู่เม้มเข้าหา
“กัดปากทำไมแบคฮยอน?” ชานยอลถามอย่างสงสัย หัวคิ้วขมวดกันมุ่น แบคฮยอนที่เพิ่งรู้สึกตัวปล่อยริมฝีปากออกจากกัน แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไร
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วนายจะกัดปากทำไม”
“มันติดเป็นนิสัยน่ะ”
แบคฮยอนเอ่ยตัดบทก่อนจะว่า “ฝนยังตกไม่หยุดเลย แล้วเราจะไปโรงแรมที่นายจองไว้ได้ยังไง”
“รออีกนิดก็แล้วกัน”
“แต่ฉันหนาวนี่”
ชานยอลก้มลงมองร่างเล็กใกล้ๆ ใบหน้าหวานใสที่แดงขึ้นเพราะอากาศที่เย็นลงเพราะฝนยังไม่ยอมหยุดตก กับร่างที่สั่นน้อยๆเนื่องจากสาเหตุเดียวกัน ชานยอลถอนหายใจแล้วกระซิบข้างใบหูของอีกคนเสียงแผ่ว
“จะเอาแบบเมื่อกี้อีกรอบไหมล่ะ?”
“ปาร์คชานยอล!!!” แบคฮยอนว่าเสียงสูง รู้สึกร้อนๆที่ใบหน้าและใบหูอย่างบอกไม่ถูก “ถ้านายทำแบบเมื่อกี้ก็ถอยไปไกลๆเลย”
“จะให้ฉันถอยก็เอามือตัวเองออกไปก่อนแล้วกัน ^^” ชานยอลยิ้มเจ้าเล่ห์ แบคฮยอนมองหน้าอีกคนอย่างไม่เข้าใจแล้วเลื่อนสายตามาที่มือของตัวเอง...แล้วก็พบว่ามันกำลังดึงเสื้อกล้ามของอีกคนไว้แน่น!
“คราวนี้จะให้ฉันถอยได้ยังไงในเมื่อนายดึงเสื้อฉันไว้แน่นอย่างนี้ ^^”
“แล้วทำไมไม่บอกฉันแต่แรก!?!” แบคฮยอนเถียงกลับ พร้อมปล่อยมือตัวเองออกจากเสื้อกล้ามของร่างสูงทันที
“ก็นึกว่ารู้ตัว เห็นดึงอยู่ได้ตั้งนานไม่ยอมปล่อยสักที ก็เลยปล่อยเลยตามเลย~”
“วันหลังต้องบอกฉันเลย เข้าใจไหม?!?”
“ไม่เข้าใจ ^_^”
“อย่ามากวนประสาทฉัน =_=!”
“ไม่ได้กวนประสาทนะ แค่พูดตามความคิดของตัวเอง”
“ก็นั่นล่ะ คำพูดนายมันทำให้ประสาทฉันเสีย”
“แต่มันเป็นคำพูดที่ฉันพูดออกมาจากใจจริงนะ”
“…”
“คิดดูสิว่าถ้าฉันตอบว่าเข้าใจ วันหลังฉันก็ไม่มีวันได้เห็นว่านายลืมตัวดึงเสื้อฉันไว้น่ะสิ”
“…”
“ฉันไม่ยอมหรอกนะถ้าจะต้องคอยเตือนนายเวลานายลืมตัว”
“…”
“เพราะมันจะทำให้ฉันไม่ได้เห็นนายหน้าแดงเพราะเขินแบบนี้”
“บ...บ้า... =_=////”
“รู้หรือเปล่าเวลานายหน้าแดงน่ะ”
“…”
“โคตรน่ารักเลย”
----------------------------------------
หลังรอให้ฝนหยุดตกอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ทั้งแบคฮยอนและชานยอลก็กำลังเดินจูงมือกันเดินไปตามทางเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาถึงโรงแรมซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของทั้งคู่
“ขอกุญแจห้อง 707 หน่อยครับ”
ชานยอลเอ่ยกับพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์ หญิงวัยกลางคนยิ้มให้เขาแล้วหันไปหากุญแจห้องเลขดังกล่าวให้ ใช้เวลาไม่กี่วินาทีกุญแจห้องก็มาอยู่ในมือของชานยอลเป็นที่เรียบร้อย
ร่างสูงพาแบคฮยอนเดินมาตรงหน้าลิฟท์ ก่อนที่ร่างเล็กจะเอ่ยออกมาเบาๆระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟท์ที่กำลังเคลื่อนลงมาตามชั้นต่างๆ
“นี่ชานยอล”
“…?”
“วันหลังห้ามถอดเสื้อมาคลุมให้ฉันแบบวันนี้อีกนะ -////-“ พูดจบ แบคฮยอนก็รีบก้มหน้าลงทันที
นี่เขาคิดถูกหรือเปล่าที่พูดออกไปแบบนั้น น่าอายชะมัด!
“ฮ่าๆๆ นึกว่าเรื่องอะไร...ที่แท้นายก็อายเพราะอย่างนี้เอง!” ชานยอลระเบิดหัวเราะเสียงดัง นึกถึงตอนที่ฝนหยุดตกแล้วเขารับเสื้อมาใส่ไว้เหมือนเดิมแล้วก็ยิ่งขำหนักกว่าเดิม แขนเรียวยาวโอบไหล่แบคฮยอนให้เข้ามาใกล้ๆ ส่วนมืออีกข้างก็แกว่งกระเป๋าของคนตัวเล็กไปมาอย่างอารมณ์ดี
“ฉันจริงจังนะชานยอล!! ห้ามทำแบบนั้นอีก เข้าใจไหม?”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงด้วยดวงตาฉายแววจริงจังอย่างที่พูดออกมา ชานยอลก้มลงมองอีกคนแล้วกระซิบที่ข้างใบหูเล็กๆเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันแค่ 2 คน
“เข้าใจก็ได้... แต่ไม่รับประกันนะว่าจะทำได้หรือเปล่า”
“ชานยอล!!!”
“ก็ฉันเข้าใจแล้วไง จะเอาอะไรอีกอ่ะ ^^”
“นายเข้าใจแล้วก็ต้องห้ามทำแบบนั้นอีกด้วย!”
“จะจำไว้นะ... แต่จะทำแบบที่นายสั่งได้หรือเปล่า...ไม่รู้นะ”
แบคฮยอนอ้าปากเตรียมจะเถียงกลับ ทว่าลิฟต์ก็เปิดออกมาซะก่อนทำให้คนตัวเล็กทำได้เพียงแต่จิ๊ปากอย่างไม่พอใจเท่านั้น
ชานยอลกดปุ่มที่ชั้น 7 ก่อนที่ลิฟต์กำลังจะปิดก็มีเสียงคนตะโกนเข้ามาให้เปิดลิฟต์ไว้ก่อน ทำให้มือหนาต้องยกขึ้นไปกดปุ่มเปิดประตูไว้อย่างรวดเร็ว
“แฮ่กๆ... ขอบคุณครับ” ชายที่เพิ่งเข้ามาใหม่เอ่ยปนหอบแล้วกดปุ่มชั้น 9 ตามด้วยกดปุ่มปิดลิฟต์อีกที
ผู้ชายคนนั้นเช็ดเหงื่อตัวเองแล้วหันมามองชานยอลกับแบคฮยอนด้วยสายตาเป็นมิตร
“สวัสดีครับ ^O^”
“สวัสดีครับ” ทั้งชานยอลและแบคฮยอนเอ่ยทักทายออกมาพร้อมกัน ก่อนที่มือเล็กจะตีแขนอีกคนเบาๆแก้เขิน
“ฮ่าๆๆๆ พวกคุณเป็นแฟนกันใช่หรือเปล่าครับ >O<” ชายคนนั้นถามกลั้วหัวเราะ แบคฮยอนไม่ตอบอะไรแต่ชานยอลเอ่ยตอบรับออกมาเสียงดัง
“ใช่แล้วล่ะครับ ^_^!!!”
“ผมมองไม่ผิดจริงๆด้วย... อ้อ ผมชื่อคิมจงแดนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ^^” จงแดยิ้มกว้าง
“ผมปาร์คชานยอลครับ ส่วนนี่พยอนแบคฮยอน... ภรรยาของผม”
“ชานยอล!!!” แบคฮยอนตีแขนร่างสูงไปแรงๆ มาแนะนำเขาว่าเป็นภรรยาตัวเองแบบนี้ไม่คิดว่าเขาจะอายเลยหรือไงกัน!?!
“ไม่ต้องเขินไปหรอกครับคุณแบคฮยอน ^^ แสดงออกมาชัดๆแบบนี้แหล่ะดีแล้วล่ะครับ” จงแดเอ่ยเสียงค่อยเมื่อต้องพูดประโยคที่สอง ชานยอลมองอย่างสงสัยกับอาการที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันกับอีกคนที่เพิ่งรู้จักกัน
“คุณจงแดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อ๋อ...ป...เปล่าครับ” จงแดยิ้มกลบเกลื่อนแล้วหันไปมองเลขชั้นลิฟต์ “จะถึงชั้น 7 แล้วล่ะครับ”
“อ่า...ครับๆ” ชานยอลหยุดบทสนทนาไว้แค่นั้น คิดในใจว่าจงแดคงมีความหลังเรื่องนี้ที่ไม่ดีเลยไม่อยากเล่าให้เขาฟังล่ะมั้ง
ติ๊ง!
“ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกนะครับ คุณชานยอล คุณแบคฮยอน ลาก่อนครับ ^^”
“ครับ ขอให้เราได้เจอกันอีกครั้งแล้วกันนะครับ โชคดีครับ” แบคฮยอนเอ่ยเสียงใสแล้วเดินนำชานยอลออกจากลิฟต์ไป
จงแดหุบยิ้มลง ตีสีหน้านิ่งเฉยเมื่อเห็นว่าชานยอลกับแบคฮยอนเดินลับไปไกลแล้ว ประตูลิฟต์เคลื่อนเข้าหากันช้าๆพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของจงแดที่ดังขึ้นมาพอดิบพอดี
จงแดล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วกดรับสายทันทีที่รู้ว่าใครที่เป็นคนโทรเข้ามา
“ฉันเจอสองคนนั้นแล้ว”
[พวกนั้นอยู่ชั้นไหน?]
“ชั้น 7”
[ขอบคุณมากครับพี่เฉิน] ปลายสายเอ่ยขอบคุณจงแดด้วยชื่อที่มีแค่คนสนิทของจงแดเท่านั้นที่เรียกได้
“ไม่เป็นไรๆ นายช่วยพี่มาตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก”
[ครับพี่เฉิน ยังไงไม่พรุ่งนี้ก็วันมะรืนผมจะแวะเข้าไปหานะครับระหว่างนี้ก็ช่วยดูสองคนนั้นไว้ให้ด้วย ผมยังไม่อยากเข้าไปตอนนี้ เดี๋ยวมันจะไม่ ’เซอร์ไพรส์’ ]
“โอเคๆ ว่างเมื่อไรก็เข้ามาหาพี่ได้ตลอด งั้นแค่นี้ก่อนนะ พี่ต้องรีบเข้าไปหาพ่อแล้วล่ะ”
[ไปขอเงินพ่ออีกแล้วใช่ไหมครับเนี่ย]
“นานๆทีน่า คราวนี้พี่ต้องรีบใช้เงินด่วน”
[ไปสอยสาวๆในผับ?]
“ก็ประมาณนั้น... พี่วางสายก่อนนะถึงชั้น 9 แล้ว”
[ครับพี่เฉิน ไว้เจอกันครับ]
“ไว้เจอกันนะ...เทา”
----------------------------------------
“ชานยอล มีคนโทรเข้ามา”
หลังเก็บเสื้อผ้าของแบคฮยอนใส่ตู้หมดแล้ว ชานยอลก็ให้ร่างเล็กเข้าไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองก็เตรียมอาหารเย็นไว้ระหว่างรอแบคฮยอนอาบน้ำเสร็จ
ชานยอลหันไปมองแบคฮยอนที่เดินเช็ดผมที่เพิ่งสระเสร็จหมาดๆเข้ามาในครัวพร้อมกับโทรศัพท์ของเขาเอง
“เดี๋ยวฉันทำอาหารต่อให้เอง นายไปคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำซะ”
ชานยอลวางมีดที่กำลังหั่นผักลง ก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนสีเทามาสวมให้แบคฮยอนที่เดินมาทำหน้าที่แทนเขา มือหนารับโทรศัพท์มาแล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้องครัว
แบคฮยอนส่ายหน้าไปมากับการหั่นผักของชานยอล... มันออกมาแย่กว่าที่น้องชายข้างบ้านเขาทำซะอีก!
มือเล็กเอาผ้าเช็ดผมมาพันไว้รอบคอแล้วเริ่มหั่นผักต่อจากที่ชานยอลหั่นไว้เงียบๆ ทว่าไม่กี่นาทีต่อมาชานยอลก็เรียกใครสักคนออกมาเสียงดังจนแบคฮยอนต้องวางมีดลงแล้วเดินออกมาดูชานยอลซึ่งยืนหันหลังให้เขาตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างบ้าคลั่ง
“ชานยอล...มีอะไรหรือเปล่า?”
ชานยอลหันกลับมามองเขา ดวงตาคู่คมสั่นไหวรุนแรงจนแบคฮยอนรู้สึกว่าคนที่โทรเข้ามาเมื่อกี้ต้องสำคัญกับชานยอลมากแน่ๆ ไม่งั้นชานยอลคงไม่หัวเสียจนมายืนตะโกนใส่โทรศัพท์แบบนี้หรอก
“เมื่อกี้รุ่นน้องที่ฉันไปฝากพี่มินซอกดูแลโทรมาหาฉันว่าอยู่มยองดง ให้ฉันไปรับหน่อย พอฉันบอกว่าอยู่ปักกิ่ง...หมอนั่นก็วางสายไปเฉยๆ!”เสียงของชานยอลดูร้อนรนผิดปกติจนแบคฮยอนนึกกลัว
กลัวว่าเด็กคนนั้นจะมาแทนที่ตัวเอง...
เด็กคนนั้นมีความสำคัญขนาดนี้เลยหรอ...
เด็กคนนั้นมีความสัมพันธ์กับชานยอลแบบไหน?
“เด็กคนนั้นเป็นใครหรอชานยอล?” แบคฮยอนลองถามออกไปแม้ว่าจะกลัวกับคำตอบที่จะได้รับเหลือเกิน...
ถ้าชานยอลตอบแบบที่เขาคิดล่ะ..เขาจะรับได้หรอ?
“เด็กคนนั้นชื่อคยองซู”
“…”
“เขาโดนแฟนบอกเลิกมาแล้วก็ไปเป็นลมอยู่ที่ร้านของฉัน ฉันเลยพาไปฝากไว้กับพี่มินซอกก่อน”
แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่แบบที่เขาคิดไว้ล่ะนะ
“ฉันขอไปโทรหาพี่มินซอกก่อนแล้วกันนะ” พูดจบชานยอลก็เดินออกไปที่ระเบียงเพื่อโทรหาพี่ชายคนสนิท แบคฮยอนยิ้มน้อยๆกับตัวเองที่คิดมากเกินไปก่อนที่ร่างเล็กจะเดินกลับเข้าไปในครัวเหมือนเดิม
“พี่มินซอกครับ!” ทันทีที่ปลายสายกดรับสาย ชานยอลก็รีบพูดออกมาทันที
[ว่าไงชานยอล]
เสียงของพี่มินซอกเต็มไปด้วยความกังวลจนชานยอลรู้สึกได้ สงสัยพี่มินซอกคงยังไม่รู้เหมือนกันว่าคยองซูอยู่ไหน
“คยองซูยังไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืนใช่ไหมครับ”
[ใช่แล้ว แต่...นายรู้ได้ยังไง?]
“เมื่อกี้คยองซูใช้เบอร์ของใครสักคนโทรบอกผมว่าเขาอยู่มยองดงครับ”
[มยองดง? ไปทำอะไรที่นั่น แล้วทำไมไม่กลับบ้าน คยองซูได้บอกนายไหม?]
“เขาขอให้ผมไปรับแต่พอผมบอกว่าอยู่ปักกิ่ง เขาก็ตัดสายไปเฉยเลย ยังไงพี่มินซอกลองไปตามหาคยองซูที่มยองดงดูนะครับ ถ้าคยองซูโทรมาอีกรอบผมจะรีบโทรบอกพี่”
[นายจะกลับโซลพรุ่งนี้เลยหรือเปล่า?]
“ครับ ขอเที่ยวพรุ่งนี้เช้าเลยนะครับ ถึงโซลเมื่อไรผมจะโทรหาพี่นะครับ”
[แบคฮยอน...ด้วยใช่ไหม?]
“ครับ... แค่นี้นะครับ”
[อือ]
ชานยอลกดวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม ในใจได้แต่ภาวนาขอให้คยองซูปลอดภัย
...โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า...ที่ระเบียงถัดขึ้นไป 2 ชั้น
มีคนแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์กับมินซอกเมื่อกี้!!!
‘แบคฮยอนกับชานยอลจะกลับโซลพรุ่งนี้’
จงแดกดส่งข้อความด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ดวงตากลับสั่นไหวรุนแรง
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับเขากันแน่ที่ออกมาสูดอากาศที่ระเบียงพร้อมๆกับที่ชานยอลออกมาคุยโทรศัพท์พอดิบพอดี
โชคดี...เพราะทำให้เขาได้รู้ข้อมูลใหม่เรื่องของคนที่น้องชายคนสนิทอย่างเทาฝากให้ดูไว้
แต่โชคร้าย...ตรงที่คนที่ชานยอลคุยด้วย... คือมินซอก!
“ฉันขอโทษนะมินซอก”
จงแดเอ่ยเสียงเบาจนแทบกลืนหายไปกับอากาศ น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาเมื่อนึกถึงเรื่องราวระหว่างเขากับมินซอก... แต่มันก็จางหายไปเพราะจงแดรีบปาดมันออก เขาต้องไม่คิดถึงเรื่องนั้น
“ต่อให้ฉันพูดขอโทษนายอีกกี่ครั้ง... นายก็คงไม่ยกโทษให้ฉันหรอกใช่ไหม...คิมมินซอก”
----------------------------------------
ความคิดเห็น