เผยโรคหลอดเลือดสมองเป็นเหตุเสียชีวิตอันดับ 1 ของหญิงไทย

เนื้อเรื่อง

เผยโรคหลอดเลือดสมองเป็นเหตุเสียชีวิตอันดับ 1 ของหญิงไทย
 

 
สมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย รณรงค์คนไทยใส่ใจป้องกันตนเอง จากโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น ระบุหญิงไทยเสียชีวิตจากโรคนี้เป็นอันดับ 1 และอันดับ 3 ในชายไทย ชี้เมื่อมีอาการควรพบแพทย์ภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อให้ยาละลายลิ่มเลือด แนะวิธีป้องกันต้องเลิกบุหรี่ เลี่ยงแอลกอฮอล์ งดไขมัน หมั่นออกกำลังกาย

สมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย ร่วมกับภาคเอกชนจัดงานวันโรคหลอดเลือดสมองโลก (Stroke Awareness Day) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ทั่วโลก จะร่วมกันจัดในวันที่ 24 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อรณรงค์ให้คนไทย เกิดความตื่นตัวในการป้องกันตนเองจากโรคดังกล่าว ในการนี้

พ.อ.ผศ.นพ.สามารถ นิธินันทน์ นายกสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย ระบุว่า ขณะนี้ โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของประชากรโลก ส่วนในประเทศไทย เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของหญิงไทย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของชายไทย โดยคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคนี้ประมาณ 150,000 คนต่อปี ซึ่งร้อยละ 10-20 เป็นการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันทันที ที่เหลือจะเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในสมอง หลังจากมีอาการโรคนั้นอีก 1-2 เดือน

พ.อ.ผศ.นพ.สามารถ กล่าวอีกว่า โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจะนำไปสู่โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต จนถึงหัวใจวายนี้ มีสาเหตุอันดับแรกจากอาการความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และฮอร์โมนเพศหญิงสูงขึ้น เมื่อหมดวัยมีประจำเดือน โดยมากพบในผู้ที่มีอายุเกิน 45 ปีขึ้นไป ส่วนการป้องกันนั้นสามารถทำได้ โดยหยุดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ไม่มีไขมันมากเกินไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหากอายุมากกว่า 50 ปีต้องหมั่นตรวจวัดความดันโลหิต

“ถ้ามีอาการเตือน เช่น อ่อนแรงครึ่งซีก ตามองไม่เห็นไปชั่วขณะ หรือพูดไม่ชัด หากรีบมาพบแพทย์แล้วได้รับประทานยา ป้องกันไว้ก่อนก็จะช่วยให้ไม่เป็นอีก แต่ถ้ามีอาการมากชัดเจนแล้ว การที่มาพบแพทย์ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี ไม่ควรเกิน 3 ชั่วโมงหลังจากมีอาการ เพราะยาละลายลิ่มเลือด จะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด” นายกสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย กล่าว

พล.อ.นพ.ประวิชช์ ตันประเสริฐ ประธานโครงการให้ความรู้ เรื่องโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน กล่าวว่า โรคหลอดเลือดที่สมอง เป็นส่วนหนึ่งของโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ที่มีโอกาสเกิดได้ทั่วร่างกาย ซึ่งที่น่าเป็นห่วงคือคนในแถบตะวันออก เช่น ไทยไม่ค่อยได้สนใจว่าตนจะเป็นโรคนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้หลายรายแล้ว และมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัว วิธีป้องกันคือ ดำเนินชีวิตให้เป็นปกติ รักษาสุขภาพ รับประทานอาหาร ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพียงพอ ซึ่งแม้โดยทั่วไปแล้วจะเป็นโรคของคนอายุมาก แต่หากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันสูง เบาหวาน อ้วน ไม่ออกกำลังกาย ก็จะพบโรคนี้ได้ในคนอายุน้อยเช่นกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องหมั่นตรวจสุขภาพเสมอ

ข้อมูลจาก

สำนักข่าวไทย อ.ส.ม.ท.