ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Outreach love [Fic iKON JunDong]

    ลำดับตอนที่ #2 : Outreach Love : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.พ. 59


    บทที่ 1

     

     

     

    เราเลยตัดสินใจว่า จะส่งลูกทั้งสาม

     

    ไปบำเพ็ญประโยชน์นอกเมือง เป็นเวลา สามเดือน

     

     

    จากคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์จากท่านพ่อผู้เป็นที่รักของผม

    เป็นเหตุให้ผมและญาติผู้พี่ทั้งสองคนมายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้..

     

    ซึ่งมัน.. เป็นที่ไหนก็ไม่รู้

    แม่ครับ หนูอยากกลับบ้าน TT

     

     

    “ต้องเดินเข้าไปในซอยนี้ใช่มั้ยวะ” คิม ฮันบินกระชับเป้ใบโตของมันพลางชี้เข้าไปใน เอ่อ

    ที่ที่มันเรียกว่าซอย คือแบบ มันเป็นทางเข้าเล็กๆ แบบที่รถเข้าไม่ได้

    ต้องฝ่าดงป่าไม้ แล้วไปทะลุที่ไหนสักแห่ง

    ถนนที่ไม่ใช่คอนกรีตเป็นถนนดินเล็กๆที่มีโคลนเป็นร่องรอยให้รู้ว่าฝนตก

     

    ผมไม่อยากคิดสภาพไนกี้แอร์ลิมิเต็ดอิดิชั่นลูกรักฝ่าดงโคลนนั่นเข้าไปเลย.. T^T

     

    “ยืนเหม่ออะไรอยู่วะ มาเร็วดิจุนฮเว”

    พี่จินฮวานหันมาเรียกผมในขณะที่กำลังต่อสู้กับโคลนพวกนั้นด้วยการกระโดดไปมา

    หาพื้นที่ที่พอจะย่ำเท้าลงไปได้

     

    แต่รีดเดอร์ครับ... รองเท้าพี่เขาดูไม่ได้เลยจริงๆ...

     

     

    ผมก้มมองไนกี้ลูกรักอย่างช่างใจ

    กระชับเป้ใบใหญ่ให้มั่น ก่อนก้าวเท้าเดินหน้าด้วยความมั่นใจ.. มั้ง

     

    แน่ใจแล้วเหรอจะพาลูกรักฝ่าดงโคลนพวกนั้นไป..

    ไม่ต้องรอให้คิดอะไรไปมากกว่านี้

    ผมนั่งลงแกะเชือกรองเท้าและถอดมันออกอย่างถะนุถนอม

     

    นอนในกระเป๋าให้สบายเถิดไนกี้ลูกพ่อ

     

     

    “จุนฮเวเร็วดิวะ!!” คิมฮันบินตะโกนออกมานั่นทำให้ผมเร่งมือในการ

    ถอดรองเท้าเก็บเข้ากระเป๋า พับขากางเกงขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากอำนาจอันร้ายกาจของเจ้าโคลนนั้น

     

    ใส่ถุงเท้าไว้นี่แหละ กันพยาธิ

     

    “อี๋ย์~” ผมเดินลุยโคลนด้วยความแหยงเท้าสุดๆ

    เกิดมาสกปรกสุดก็ตอนนั่งเล่นบนพื้นหญ้านั่นแหละ

    โอ้ มาย ก็อดด ดูความเหลวของมันสิครับ TT

     

    ทำเอาผมแทบจะควบคุมการทรงตัวไม่อยู่

    กระเป๋าเป้ใบโตที่อยู่บนหลัง กระเป๋าลากที่ผมต้องอุ้มแทนนั่นอีก

    มันเพิ่มน้ำหนักให้เท้าผมจมลงไปในโคลนนั่นเกือบมิด

     

    กลับโซล จุนฮเวผู้นี้สัญญาเลยครับ ว่าจะปฏิบัติตัวเป็นลูกชายที่ดีของตระกูลกู TT

     

     

    “ห่านนนน ช่วยกูด้วยครับบบ กูจม TT” ผมโวยวายเรียกญาติผู้พี่ที่ผมไม่เคยนับถือ

    เท้าข้างนึงของผมจมอยู่ในโคลน ซึ่งไม่สามารถดึงขึ้นมาได้

    และด้วยสัมภาระที่มากมายนั่นทำให้ผมหน้าใกล้จะจรดกับแผ่นพื้นพสุธาเต็มที

     

    “ฟาย.. แล้วมึงจะขนอะไรมาเยอะแยะวะ มึงมาป่านะ ไม่ใช่ยุโรป”

    ฮันบินบ่นกระปอดกระแปดตามสไตล์แต่ก็ยอมมาช่วยผมอยู่ดี

     

    “ของจำเป็นทั้งนั้น.. เร็วๆ มารับหลุยส์ลูกรักกูหน่อยไม่ไหวแล้ว”

     

    “นี่มึงห่วงกระเป๋ามากกว่าตัวเองเหรอวะ - -”

    คิมฮันบินกระชากกระเป๋าผมออกไปแล้วส่งต่อให้จินฮวานฮยองรับไว้อย่างปลอดภัย

    ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแขนผม

     

    “ออกแรงดิวะมึง! ขากูยังติดอยู่เลยเนี่ย!

    ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ถึงมันจะเตี้ยกว่าผมก็เถอะ

    แต่แรงมันยังกะควายอยู่ดีแหละ แค่นี้ทำเป็นดึงไม่ได้

     

    “แหม มึงก็ตัวเล็กจังเลยนะไอ่ห่า ยกขาสิมึง ยกขาา”

    มันโวยวายพลางดึงแขนผมอย่างแรง ดูจากสีหน้ามันแล้วคงพยายามจริงๆ..

     

    “ใกล้แล้วมึงๆ แรงอีกๆ”

     

    “เออ พยายามอยู่.. เหี้.ย!!!

     

     

    โครม!!

     

    ชายฮเวและชายบินล่องลอยสู่ท้องนา...

     

     

    “เป็นไรมั้ย”

    พี่จินฮวานทิ้งสัมภาระแล้ววิ่งมาดูพวกผมที่นอนแอ้งแม๊งอยู่ ณ ทุ่งนาอันว่างเปล่า

    ซึ่งเต็มไปด้วยโคลน โคลน โคลน...

    โคลนเยอะกว่าที่ผมพยายามหลบหลีกอีกครับ - -

     

    “เชี่ยห่าน มึง ดึงยังไงวะ!” ผมหันไปโวยวายใส่ไอ้คนที่ผมนอนทับมันอยู่

    ดึงภาษาอะไรวะ ฮึ่ยย

     

    “มึงก็โทษกูมาได้นะ สำเหนียกบ้างสิว่าตัวมึงอย่างกับควาย!” มันเถียงครับ

     

    “ก็ถ้ามึงดึงดีๆ กูจะอยู่ในสภาพนี้เหรอวะ”

    จุนฮเวไม่ยอมครับ ต้องเถียงกลับ

     

    “ถ้ามึงไม่ขนห่าอะไรมาเยอะแยะมึงจะจมโคลนมั้ยหละวะ!

     

    “นี่! หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!!

    พี่จินฮวานตะโกนห้ามศึกกลางท้องทุ่งระหว่างผมกับฮันบินดังลั่น

    “พอกันเลย รีบๆขึ้นมาได้แล้ว บ้านลุงไม่ใช่ใกล้ๆนะ”

     

    “ครับ..”

    ผมกับฮันบินยอมสงบศึกอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนดันตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก

    ผมปีนขึ้นจากบ่อโคลน(ขอเรียกงี้ เพราะมันไม่มีข้าว -0-)อย่างทุลักทุเล

     

    ยอมยื่นมือไปให้คิมฮันบินอย่างช่วยไม่ได้

    หมอนั่นเงยหน้ามองผมก่อนดึงแขนแล้วปีนขึ้นมา

     

    “ไปกันได้แล้ว”

     

    พวกผมก้มลงแบกสัมภาระอีกครั้งก่อนออกเดินต่อ

    ลมเย็นๆพัดผ่านทำเอาร่างกายที่เปียกชื้นของผมขนลุกซู่

     

    เหนื่อยก็เหนื่อย หนักก็หนัก มึงยังจะอุตส่าห์หนาวอีกเนอะ ดี๊ย์ดี - -

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

    ร่างกายของผมเริ่มแข็งยากต่อการเคลื่อนไหวยิ่งนัก

    ฮันบินก็คงไม่ต่างกัน

     

    ไม่ได้แข็งเพราะหนาวครับ.. แข็งเพราะโคลน!

    โคลนที่พวกผมคลุกกันมาสักครู่มันเริ่มทำปฏิกิริยากับลมเย็นๆ

    แล้วแข็งตัวจนหน้าเหน้อนี่แทบเป็นหิน

     

    หมดกันครับ คุณชายจุนฮเวผู้หล่อเหลาแห่งตระกูลกู TT

     

    “เมื่อไรจะถึงวะเนี่ยย TT” คิมฮันบินโวยวายขึ้นอย่างเหลืออด

    มันเขย่าตัวให้โคลนที่แห้งๆติดเสื้อผ้านั่นหลุดออกมา

    ไอ้ที่ติดเสื้อผ้ามันก็หลุดง่ายอยู่นะ

     

    แต่ไอ้ที่หน้ากับผมนี่สิ แข็งชิบหายยย

     

    “นั่นดิพี่จินฮวาน เดินจนปวดน่องไปหมดแล้วนะ”

    ผมพูดขึ้น พลางขยับหน้าไปมา เพื่อให้ใบหน้าได้ขยับบ้าง

    ก่อนที่มันจะแห้งตึกจนพูดไม่ได้

     

    ดี๊ย์ดีครับ พอกโคลน -____________-

     

    “เดี๋ยวก็ถึงแล้วน่า อย่าบ่นได้มั้ย พวกนายทำตัวเองแท้ๆ”

     

    สิ้นเสียงพี่จินฮวาน ผมกับฮันบินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    ก่อนก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป

     

    หลุยส์ลูกพ่อ

    พ่อว่าพ่อทนแบกแกต่อไปไม่ไหวแล้วหวะ แกเกิดมาเป็นกระเป๋าลาก

    แกก็ต้องถูกลากจริงมั้ย

     

    คิดเช่นนั้นผมก็ปล่อยให้ล้อกระเป๋าที่ไม่เคยสัมผัสผิวขรุขระของเจ้าหลุยส์ใบงาม

    สัมผัสกับผืนแผ่นดินที่ชื้นแฉะเป็นหย่อมๆไปอย่างน่าสงสาร

     

    ไม่น่าเอาแกมาทรมานเลยจริงๆ...

     

     

    “อีกนิดเดียวก็ถึงหมู่บ้านแล้วนะ เร็วเข้าๆๆ ><

    พี่จินฮวานพูดอย่างตื่นเต้น พลางเดินๆวิ่งๆไปข้างหน้าอย่างร่าเริง

    ต่างจากผมและคิมฮันบินที่สภาพใกล้ซอมบี้เข้าไปทุกที

     

    “สาบานต่อหน้าป่าไม้พื้นดินและภูเขาเลย กลับไปกูจะช่วยงานป๊าและเลิกเที่ยวเล่นอย่างที่เคย”

    ทันทีที่ผมวางแขนลงบนไหล่ฮันบิน มันก็พูดขึ้นสลับกับการหอบหายใจ

    แม่มเหนื่อยจริงครับ ผมไม่อยากพูดอะไรเลย

    ได้แต่พยักหน้าเออออกับความคิดของมัน

     

    “พี่จินฮวานเหนื่อยไม่เป็นรึไงวะ วิ่งแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้มหรอก”

    ผมมองพี่จินฮวานตามคำพูดของคิม ฮันบิน เออ ก็จริงหวะ

     

    เหนื่อยไม่เป็นรึไง - -

     

    “มึงคอยดูนะ คืนนี้ได้ไข้แตกกันแน่ๆ โดยเฉพาะคิม จินฮวาน”

     

    ฮันบินสติลพูดไม่หยุด ปากก็บ่นว่าเหนื่อย

    แต่ไมไม่หยุดพูดวะ - -

     

    ผมชอบตอนมันเมาที่สุดละ เมาแล้วมันชอบหลับ

    เงียบหูดี...

     

     

     

    “จินฮวาน~! ทางนี้ลูก!!

    เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกความสนใจให้พวกผมหยุดบ่นและเงยหน้าขึ้นมอง

     

    ชายวัยอ่า ประมาณ 50 ปลายๆยืนโบกไม้โบกมือให้พวกผมอยู่บนรถของเขา

     

    “ลุงหยางงง” พี่จินฮวานตะโกนรับ พรางวิ่งไปหาลุงคนนั้นด้วยท่าทางร่าเริงสุดๆ

     

    เคยเห็นที่ไหนวะ.. - -

     

     

    “นั่นฮันบิน กับจุนฮเวใช่มั้ย โอ้โห ไม่ได้เจอซะนานโตเป็นหนุ่มกันแล้ว”

    คำทักทายของลุงนั่น ชื่อไรนะ หยาง? ทำให้ผมกับฮันบิน

    โค้งทำความเคารพโดยอัตโนมัติ

     

    “แล้วไปตกบ่อโคลนที่ไหนกันมาสภาพไม่น่าดูเลยนะลูก ฮ่าๆๆ ไปๆขึ้นรถๆ เดี๋ยวไปอาบน้ำอาบท่ากัน”

    ไม่ได้รอให้ผมกับฮันบินได้พูดอะไร

    ลุงแกก็ไล่ขึ้นรถแทร็กเตอร์พ่วงท้ายที่เอาไว้ขนผักอะไรพวกนั้นมั้ง

     

    “รถเปิดประทุนหวะ ฮ่าๆๆ”

    สิ้นคำพูดผม ฮันบินก็หัวเราะออกมาเหมือนผมอัตโนมัติ

    พี่จินฮวานวิ่งขึ้นไปนั่งคนแรก ตามด้วยผมกับคิมฮันบิน

     

    โชคดีที่ไม่มีแดดนะ..

     

     

    รถเคลื่อนตัวไปด้วยความล่าช้าตามกำลังของมัน

    ผู้คนในหมู่บ้านต่างเอ่ยทักทายลุงหยาง

    พรางมองมาที่พวกผมอย่างนึกสงสัย

     

    คืออายครับ สภาพที่แบบหน้าเปื้อนโคลน ผมแห้งกรังชี้โด่เด่เป็นซุปเปอร์ไซย่าก็ไม่ปาน

    ปล่อยพลังได้ผมจะไปเล่นการ์ตูนนั่นละครับ - -

     

     

    ถนนลูกรังพาให้รถสั่นจนหัวพวกผมสั่นตาม

     

    รู้สึกคลื่นไส้แรง...

     

     

    “อ้วกก~!!!!!...”

    ไม่ครับผมยังไม่อ้วก..

     

    ผมหันไปมองฮันบินที่นอนราบไปกับพ่วงรถหัวห้อย

    เพื่อเอาอาหารที่กินมาเมื่อเช้าออกโดยมีพี่จินฮวานลูบหลังให้

     

    อีกไม่นานผมคงได้ปล่อยของตาม

    แต่โชคดีที่รถหยุดซะก่อน

     

     

    “เอาเด็กๆ ถึงแล้ว”

    สิ้นเสียงลุงหยาง พวกผมก็ลุกขึ้น แบกสัมภาระตัวเองลงจากรถ

     

     

    เดินไม่ไกลก็มาถึงหน้าที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน

    หรือบ้านลุงหยางท่านนี้นี่แหละครับ

     

     

    “เอา! เอาของขึ้นไปเก็บกันเร็ว มากันเหนื่อยๆไปหาอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว

    เดี๋ยวลงมากินข้าวกัน ลุงเตรียมห้องไว้ให้แล้วหละ ตามสบายลูก”

     

     

    “ขอบคุณคร๊าบบบ”

     

    เราสามคนโค้งให้ลุงหยางแล้วเดินขึ้นไปบนบ้านกัน

     

    “เดี๋ยว! จุนฮเว ฮันบิน อยู่ข้างนอกนี่แหละ พวกนายเลอะเทอะ เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้ามาให้”

     

    ผมชะงักฝีเท้าในขณะที่กำลังจะก้าวลงเหยียบพื้นไม้ขัดเงาของเรือนท่านหยาง

    ด้วยคำพูดของพี่จินฮวาน

     

    ลืมไปเลยว่าเคยมีคราบ..

     

    มันไม่ได้หายไปไหนนะ แต่มันแห้งจนผมคิดว่าผมไม่ได้เปื้อนแล้วดิ - -

    ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนนั่งลงที่บันได้ทางเข้าบ้าน

     

    ดึงถุงเท้าที่แข็งแบบปาหัวหมาแตกออก

    เอาคืนไม่ได้แล้วสิ

     

     

    “โสโครกมาก รองเท้ามีไม่ใส่” คิมฮันบิน นั่งลงข้างๆผมพรางถอดเสื้อออก

     

     

    “กูไม่ยอมให้ไนกี้ลูกรักต้องต่อสู้โคลนพวกนั้นหรอก”

    ผมว่าพรางถอดถุงเท้าอีกข้างแล้วสะบัดใส่มัน

     

    “ยี๋ย์ สกปรก ไอ่จุนฮเว มึง”

     

    “ฮ่าๆๆ ถุงเท้ากูเปลี่ยนทุกวันนะเว้ย!

     

    “ไอ่สัส คู่นี้มันเลอะโคลน ห่า”

     

    ผมหัวเราะกับท่าทางของคิมฮันบิน

    ที่โมโหผมหัวฟัดหัวเหวี่ยง

    ก่อนสงครามขนาดย่อมของผมจะหยุดลง

    เมื่อพี่จินฮวานเดินมาพร้อมเสื้อผ้าและร้องเท้าแตะ

     

     

     

    “ลุงหยางครับ ห้องน้ำอยู่ไหนครับ”

     

     

    “เดินไปข้างหลังห้าร้อยเมตรจะมีลำธารอยู่ โดดเลยลูก”

     

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    ผมกับฮันบินเดินไปตามทางที่ลุงบอกอย่างใจเย็น

    อยู่กับธรรมชาติมันก็ดีนะ

    แต่จะให้ผมแก้ผ้าลงน้ำมันก็แบบ...

     

    “ที่นี่ไม่มีห้องน้ำหวะ..” ผมพูดขึ้นทำลายความเงียบ

     

    “อาจจะมีแหละ แต่ใครเขาจะให้ไปล้างโคลนในห้องน้ำบ้านเขาหละวะ คิดสิมึง - -“

     

    “เออหวะ...”

     

    “แล้วโทรศัพท์กูจะใช้ได้มั้ยวะเนี่ย จมโคลนซะขนาดนั้น”

     

    “นั่นดิ เซ็งชิบ”

     

    “จุนฮเวๆ มึงได้ยินเสียงน้ำมั้ย”

    ผมเงี่ยหูฟังตามที่ฮันบินบอก

    เห่ยยย ได้ยินก็สดชื่นแล้วหวะ!

     

    “เออๆ ได้ยินๆ”

     

    “พร้อมมั้ยมึง”

     

    “มาก!

     

    ผมกับฮันบินวิ่งตรงไปยังต้นเสียงอย่างไม่รีรอ

    ความสดชื่นที่รอคอย ผมไม่ได้ปลื้มปริ่มไปกับธรรมชาติหรอกนะ

    คิดถึงอ่างที่บ้านจะตายไป แต่ที่ตื่นเต้นนี่ คือแบบ

    แข็งไงครับ แข็งโคลนอะ

     

    อยากอาบน้ำสุดๆ

     

    นั่นๆ เห็นธารน้ำอยู่รำไรๆ

    ผมพร้อมมากครับ พร้อมโดดแรง

     

    “เห้ย! เดี๋ยว!

     

    หน้าแทบทิ่ม - -

    อยู่ดีๆคิมฮันบินก็หยุดวิ่งแล้วลากผมไปหลบหลังหินก้อนใหญ่พรางเอานิ้วจุ๊ปาก

     

    “อะไรวะ”

    ไร้คำตอบ มันสติลจุ๊ปากแล้วทำท่าแบบ ฟังๆอะไรยังงั้น

     

    อะไรวะ

     

    ผมจึงเงียบและฟังเสียงสายน้ำที่น่าจะเย็นฉ่ำ

    แต่มันกลับไม่ได้มีเพียงเสียงธารน้ำไหลอย่างที่ผมคิด

     

    มันมีเสียงหัวเราะด้วยครับ!!!

     

    อหหหหห. ผีหลอกกลางวันแสกๆเหล่ย! TT

     

    “มึง อย่าเพิ่งทำหน้าร้องไห้ ไม่ใช่ผี”

    สมกับที่เป็นเพื่อนกันมาหลายสิบปี แค่มองหน้ามันก็รู้แล้วครับว่าผมคิดไร

     

    “ไม่ใช่ผีแล้วเสียงอะไรวะ”

     

    ฮันบินไม่ตอบเพียงแต่ยืดตัวขึ้นให้พ้นก้อนหินนั่นเพียงแค่ตา

    ผมเลยทำบ้างด้วยความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ..

     

     

     

    โอ.. มาย.. ก๊อด...

    หลังขาวๆปรากฏขึ้นเมื่อสายตาผมโผล่พ้นขอบหิน

    ผมสั้นๆนั่นบ่งบอกว่าคนคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิง แต่เฮ้ย

    เสียงหวานชิบ ขาวชิบ..

     

    “ตาเยิ้มเชียวนะมึง”

    ผมไม่สนใจเสียงไก่แถวๆนี้เลยเพราะสติทั้งหมดได้หายไป

    แผ่นหลังนั่นมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถละสายตาออกมาได้

     

     

    “พี่ฮับ! ดูนั่นจิ!!” จู่ๆเด็กไหนไม่รู้โผล่มาและชี้มาทางผม

    ผมรับหดตัวลงนั่งทันที

     

    แม่เจ้าหัวใจจะวาย...

    แล้วทำไมผมต้องหลบวะ - -“

    ก็ผู้ชายด้วยกันไม่ใช่เหรอ

     

     

    “ใครอะ!

     

    ชิบหายแล้ว... ผมว่าผมหลบพ้นนะ ทำไมเขาเห็นวะ

    ผมหันมองข้างกายที่น่าจะเป็นหน้าไอ่ฮันบิน

     

    แต่ไม่ครับ เป็นขามัน..

    ทำไมไม่หลบฟระ!!!!!

     

     

    “ฉันมาจากโซลหนะ แล้วตัวเลอะโคลนเลยจะมาอาบน้ำสักหน่อย

    แต่เพื่อนฉันมันไม่ยอมไป จะแอบดูอยู่ตรงนี้”

     

    อ่าวว ไอ่ห่านนนนน ทำไมโยนขรี้ให้กูแบบนี้หละครับ

     

    โอ้ยยย ลูกชายคนหล่อของตระกูลกูต้องกลายเป็นถ้ำมองไปอย่างไม่ตั้งใจ

    ท่านพ่อท่านแม่หนูขอโทษ T^T

     

     

    “ว่าไงนะ แอบดูเหรอ”

    หมอนั่นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแบบ ตกใจอะ

    ไม่ได้ครับ ผมจะเป็นถ้ำมองไม่ได้

     

    “เปล่านะ! คือ.. ฉัน เอ่อ ผ้าฉันตกเลยก้มลงไปเก็บน่ะ”

    แถสิครับงานนี้

     

    ถึงจะแอบดูก็จริงแต่เห้ยผมไม่ใช่คนที่จะแอบดูใครง่ายๆนะ - -

     

     

    “มันเซ เราไปกันดีกว่านะ แช่น้ำนานแล้วเดี๋ยวไม่สบายนะครับ”

    นายหลังขาวนั่นไม่ได้สนใจคำพูดผมเลยแหะ

    เดินขึ้นจากน้ำหยิบเสื้อมาใส่ แล้วเดินผ่านผมไปอย่างไม่สนใจใยดี

     

     

    “สนใจเหรอเมิงงงง มาตามจนคอแทบเคล็ดเชียวนะ”

     

     

    “สนเหี้ยไรหละ อาบน้ำดิมึง ยืนเป็นชิกเก้นรันอยู่ได้”

     

    ผมและฮันบินถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่บ็อกเซอร์

    เดินลงไปสัมผัสน้ำเย็นๆอย่างไม่เร่งรีบ

     

    อากาศก็เย็น น้ำอุ่นก็ไม่มี

    หนูอยากกลับบ้าน T^T

     

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    หลังจากที่ผมล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็เดินกลับบ้านลุงหยาง

    เพื่อทานอาหารเย็น ซึ่งทั้งหมดถูกเตรียมไว้แล้ว ผมมีหน้าที่กินอย่างเดียว..

     

    โต๊ะกินข้าวก็ไม่มี ต้องนั่งบนพื้น.. ขาผมไม่ใช่สั้นๆนะ

    ถ้าอาหารไม่อร่อยผมหนีกลับบ้านจริงๆด้วย - -

     

    “พ่อเป็นไงบ้างลูก” ลุงหยางถามขึ้น

    แต่ไม่ได้เรียกความสนใจจากผมสักเท่าไร ผมมีหน้าที่กินครับ

    ใครจะตอบก็ตอบไป -0-

     

    “สบายดีฮะ แต่ช่วงนี้ก็ยุ่งๆกับที่บริษัทนิดหน่อย”

    พี่จินฮวานตอบ ผมเหลือบมองนิดหน่อย

    ก่อนหันมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ

     

    “แล้วพ่อเราหละ ฮันบิน จุนฮเว”

     

    “สบายดีเหมือนกันครับ บ่นคิดถึงลุงด้วย”

    ฮันบินตอบ มันมั่วจังวะ - -

    ไม่เห็นป๊ามันจะบ่นถึงลุงหยางนี่เลย แล้วลุงหยางคือใคร

    ผมก็เพิ่งรู้จักนี่แหละ

     

    “ป๊าผมก็สบายดีครับ บ่นคิดถึงลุงเหมือนกัน”

    ถ้าเราบอกไปว่าจำลุงหยางไม่ได้ มันจะเสียมารยาทจริงมั้ยครับ - -“

     

     

    “เข้าใจพูดนะสองคน พ่อพวกแกจะบ่นคิดถึงลุงได้ไง เจอหน้ากันแทบจะฆ่ากันอยู่ละ ฮ่าๆๆ”

    เงิบ... โกหกผู้ใหญ่ไม่ดีนะครับ เดี๋ยวเขาจับได้..

     

    “แห่ๆ..”

    ผมกับฮันบินส่งยิ้มแห้งๆไปให้ลุงหยาง

    แล้วก้มลงลุยอาหารต่อด้วยความอับอาย

     

     

     

     

    “พรุ่งนี้เริ่มงานกันเลยนะ เดี๋ยวจะให้ลูกชายลุงเป็นคนแนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง”

    หลังมื้ออาหารลุงหยางก็ชวนมานั่งผิงไฟนอกบ้าน

    ดื่มด่ำธรรมชาติให้ชื่นใจ

    ถามว่าผมต้องการมั้ย... ง่วงครับ!

    “อ่าวนั่นไงลูกชายลุงมาพอดี ดงฮยอกมานี่หน่อยลูก”

     

    ผมพยายามพาเปลือกตาอันหนักอึ้ง มองลุงหยางที่กวักมือเรียกลูกชาย

    หนาวก็หนาวง่วงก็ง่วง โอ้ยย

     

     

    “มีอะไรฮะ” เสียงหวานจังวะ

     

    “มาทำความรู้จักพวกเขาสิ พรุ่งนี้หนูต้องคุมงานพวกเขาหนะ

    เขาเป็นลูกเพื่อนพ่อ โดนเนรเทศมา ฮ่าๆๆๆ”

    ลุงหยางพูดด้วยความร่าเริงสุดๆ ผมเล่นมั้ยลุง!

     

    “หวัดดีครับ ผมคิม ดงฮยอกนะ”

    เสียงทักทายอันร่าเริงเรียกให้ผมหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้

    หืมม...

     

    “หวัดดี ฉันคิมจินฮวาน ฉันเคยเห็นนาย! ตอนเด็กๆหนะ ฮ่าๆๆ”

     

    “คิมฮันบินนะ”

     

    “กูจุนฮเว../โรคจิตนี่!

    ในขณะที่ผมกำลังแนะนำตัวนายนั่นก็พูดแทรกขึ้น

     

    “เห้ยๆ พูดดีๆ ใครโรคจิต.. นายหลังขาวนี่!

    เห้ยๆๆ ไอ้หลังขาวที่ผมเจอเมื่อตอนไปอาบน้ำนี่หว่า

    หายเปียกแล้วน่ารัก.. เห้ย! - -

     

    “ล..หลังขาว!? ไอ้บ้า!

     

    “นี่รู้จักกันแล้วเหรอ”

    ลุงหยาพูดแทรกขึ้นระหว่างบทสนทนาของผมกับไอ้หลังขาวนี่

     

    “ครับ เจอตอนไปอาบน้ำ”

     

    “หมอนี่แอบดูผมตอนเล่นน้ำอะพ่อ”

    อ่าววว - -

     

    “ไม่ใช่นะครับ! ผมแค่บังเอิญเห็น เลยยืนดูแค่นั้น แล้วนายก็ไม่เห็นว่าอะไรหนิ”

     

    “ไอ้...”

     

     

    “เอาหละๆ พอๆ ดึกแล้วนะเด็กๆ ขึ้นนอนได้แล้ว”

     

    ไอ้หลังขาวนั่น อ่า ดงฮยอกหันมาจิกตาใส่ผม ก่อนเดินตามลุงหยางไป

     

    อืมม ผมว่า อยู่นี่ก็ไม่เลวสักเท่าไรนะ หึหึหึหึหึหึหึหึ...

     

     

    “หัวเราะอะไรของมึงคนเดียวเนี่ยจุนฮเว - -”

    คิมฮันบินพูด ก่อนมันจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมพี่จินฮวาน

     

    ผมยักไหล่ก่อนจะเดินตามสองคนนั้นเข้าบ้านไป

     

     




     

     #ฟิคบพปย

     


    TBC.

     


    ---------------------------------------------

    ตอนที่ 1 ไปเรียบร้อยยย เย่ๆๆ
    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ รักรีด จุ๊บๆ

     


    B E R L I N ❀

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×