ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 นักบวชขาว
Chapter 2 นักบวชขาว
ปาร์ค โชรง เป็นนักบวช... เป็นมาเนินนานตั้งแต่เด็กๆและจนถึงตอนนี้แม้ว่าทั้งโบสถ์จะเหลือเพียงตัวเธอเพียงคนเดียวเธอก็ยังคงตั้งปณิธานว่าจะทิ้งโบสถ์นี้ไปไหน เพราะมันช่างมากล้นและเลอค่ามากเหลือเกินความทรงจำเมื่อครั้งยังเยาว์วัย... หญิงสาวเจ้าของร่างเล็กทอดสายตามองแผ่นป้ายหินที่ถูกสลักไว้ลวกๆเงียบๆ ดูยังไงใครๆก็รู้ว่านี่คือหลุมศพ หลุมศพของใครคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นของใคร จะมีก็เพียงเธอผู้เดียวดังนั้นทุกๆเช้าในเมืองเล็กๆแถบชนบทห่างไกลความเจริญจากกรุงโซลแม้พระอาทิตย์จะยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าก็จะพบกับร่างของเธอนั่งคุกเข่าเงียบๆที่นี่พร้อมดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในมือ
" ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ... เอาดอกไม้มาวางหน้าหลุมศพทุกๆเช้ามืดแบบนี้ " โชรงเบนสายตาไปมองเจ้าของเสียงเงียบๆด้วยรอยยิ้มน้อยๆแม้เจ้าของเสียงนั้นจะเป็นคนคุ้นเคยก็ตาม เจ้าของร่างที่สูงกว่าเล็กน้อยขมวดคิ้วขณะที่โชรงวางดอกแดฟโฟดิลลงบนแผ่นหินก่อนจะหยิบดอกเก่าที่โรยราขึ้นมากุมไว้
" กลับมาแล้วหรอ " โชรงถามกลับโดยไม่มองหน้าอีกคน
" คนที่ไม่ได้เจอกันนานเขาทักกันแบบนี้หรอคะ " อีกคนถามกลับอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร โชรงหัวเราะกับท่าทางน่ารักของคนอายุน้อยกว่าและลุกขึ้นขยี้หัวอีกคนเบาๆ
" โบมอาา~ พี่คิดถึงเธอจะตาย ทิ้งพี่ไปเรียนเป็นเดือนๆ " คุณหนูโบมีแห่งตระกูลยุนตีหน้ายุ่งยิ่งกว่าเก่า ทำมาเป็นพูดว่าคิดถึงแต่ไม่ติดต่อหากันเลยเนี่ยนะ...ถึงเธอจะพอรู้ก็เถอะว่าในโบสถ์บนภูเขาไกลจากตัวเมืองพอสมควรนี้จะไปเอาโทรศัพท์ โน๊ตบุ๊คหรือเครื่องมือติดต่อสื่อสารมาจากไหนก็ตาม
" ไม่เข้าใจพี่เลยจริงๆว่าทำไมพี่ถึงทนอยู่โบสถ์เก่าๆใกล้พังแถมเหลือพี่เพียงคนเดียวแบบนี้ได้เป็นสิบปี.. คนอื่นๆเขาก็พากันย้ายไปอยู่ในที่ที่เจริญกว่ากันหมด " โบมีว่า
" เพราะที่นี่.. มีความทรงจำ ของคนที่ไม่มีวันหวนคืนกลับมาหาพี่ได้อีกแล้วอยู่ " โชรงตอบกลับพลางก้มลงมองชื่อบนป้ายหลุมศพ โบมีมองตามน้อยๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก...แต่ไหนแต่ไรมา มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่คอยรบกวนจิตใจอยู่มาตลอดตั้งแต่ได้พบกับพี่โชรงคนนี้ หลุมศพนี่คือหลุมศพของใคร? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับพี่โชรง?... ตั้งแต่เธอได้รู้จักกับโชรงเธอก็พบเห็นแผ่นป้ายหินเก่าๆนี่มาตลอด ทั้งๆที่โบสถ์นี้ไม่มีหลุมศพของคนอื่นอยู่เลยแท้ๆ
" ซอ จูฮยอน... ใครกันหรอคะ " โบมีเอ่ยถามออกไป เป็นคำถามที่โชรงไม่เคยตอบ ทุกๆครั้งโชรงจะเพียงส่ายหน้าเงียบๆพร้อมหน้าเศร้าๆนั่น
" เพื่อน... ไม่สิ เราเคยเป็นเพื่อนกัน " ดังนั้นคำตอบครั้งนี้ของโชรงจึงสร้างความแปลกใจให้โบมีไม่น้อย... ราวกับว่าช่วงที่เธอไม่อยู่เป็นเดือนนี้คนตรงหน้าไปเจออะไรมาทำให้เปลี่ยนความคิด
" ทำไม... ปกติถามก็ไม่เคยตอบนี่คะ "
" ไม่ดีหรอ ที่พี่ตอบ "
" ไม่ใช่ค่ะ แค่รู้สึกว่าพี่คงไม่อยากคิดถึงมัน " โชรงพยักหน้ารับ และเพราะเห็นสีหน้านั้นของโชรงโบมีจึงตัดสินใจเก็บคำถามอื่นๆไว้ในใจเพราะมันคงไม่สำคัญเท่าไรในตอนนี้
" ตอนนี้.... คงไม่มีประโยชน์แล้วที่จะดึงดันเก็บความทรงจำนี้ไว้เพราะยังไงพี่ก็คงไม่มีวันเอามันกลับคืนมาได้แล้ว " โชรงพึมพำให้โบมีได้ยิน ดวงตาเหม่อลอยเหมือนกำลังหวนถึงอะไรบางอย่าง
" พี่หมายความว่ายังไงคะ "
" บางสิ่งที่สำคัญกับพี่พอๆกับเจ้าของชื่อบนแผ่นป้ายนี่...ทำให้พี่ต้องทิ้งที่นี่ไปแล้วละ " ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ โชรงหันมายิ้มให้กับเธอเงียบๆ เข้าใจอยู่คนเดียว
" บางสิ่งที่ว่าคืออะไรละคะ "
" เธอไง พี่จะไปกับเธอ " โบมีขมวดคิ้ว ก็พอจะจำได้อยู่ว่าเคยเอ่ยปากขอให้อีกคนไปอยู่ในเมืองหลวงด้วยกันแต่ทำไมเพิ่งมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้กันนะ
" ฉัน? "
" ใช่.. ถ้าเทียบกับเธอที่นี่ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วพี่ละทิ้งความหวังในการรอคอยคนคนนั้นไปแล้ว "...' แบบนี้สินะที่แกต้องการ ซอฮยอน '
" อะไรทำให้พี่เปลี่ยนใจงั้นหรอคะ " โบมีถามต่อ
" เพราะพี่ ได้พบกับคนคนนั้นแล้ว...ซอ จูฮยอนที่ไม่เหมือนเดิม "
" พบกัน !?! เธอคนนี้ไม่ได้ตายแล้วงั้นหรอคะ?? " โบมีว่า
" อืม "
" แล้วทำไมถึงมีหลุมศพของเธอ "
" สิ่งที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้นี่ไม่ใช่ร่างของเจ้าตัวหรอกนะ.....แต่เป็นความสัมพันธ์ของพี่กับซออ จูฮยอนคนนั้นต่างหาก และพี่ก็โง่เองที่อุตส่าห์เอาดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเพื่อนของเรามาทิ้งตรงนี้ได้ทุกวัน "
' ใช่....เราไม่ใช่เพื่อนกัน ซาตานกับเทวทูต เป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก '
" โชรง... ถ้าวันหนึ่งเราค้นพบว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบที่เราเป็น แล้วสิ่งที่เราเป็นมันสวนทางกันแกจะทำยังไง " เธอยังจำได้ดี...เสียงของซอฮยอน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอเมื่อ 20 ปีกว่าปีก่อนนั้น เธอจำได้ว่าตอนนั้นพวกเธอทั้งคู่อายุเพียงแค่ 15 แต่อีกคนตัวสูงโปร่งผิดกับเธอที่ไม่ยอมโตสักที
ภาพในคืนนี้ยังคงตราตรึงในความทรงจำ คืนนั้นที่พระจันทร์เต็มดวงในที่แห่งนี้บนสนามหญ้าด้านหน้าโบสถ์เล็กๆบนภูเขา เธอทั้งคู่อยู่ในชุดของนักบวชสีขาวตลอดทั้งตัวในมือของซอ จูฮยอนมักจะมีพระคัมภีร์เล่มโตติดตัวตลอดเวลาและคืนนั้นก็ด้วย สีหน้าของอีกคนดูเศร้าผิดปกติจนเธอสังเกตุได้และมันก็เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว
" มีอะไรรึเปล่า ฮยอน "
" นิดหน่อย "
" อะไรละ นิดหน่อยที่ว่า " โชรงจำได้ว่าเสียงในตอนนั้นของเธอสั่นๆเพราะใบหน้าของเพื่อนสนิทดูจริงจังกว่าครั้งไหนๆแม้ปกติมันจะจริงจังอยู่แล้วก็ตาม เธอจำได้ทุกการกระทำของอีกคนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
" แกน่ะ เป็นเทวทูตสินะ... " ใช่แล้ว...บางทีจุดเริ่มต้นของความร้าวรานคงอยู่ตรงนั้น เพราะเธอเกิดมาเป็นเทวทูต เป็นบุตรของพระเจ้าที่ได้รับทั้งพลังในการมองเห็นอนาคต พลังในการลิขิตชะตาชีวิตและพลังที่จะลบล้างกิเลศความชั่วในจิตใจมนุษย์จากพระเจ้า เป็นบุคลผู้เกิดมาช่วยเหลือมนุษย์อย่างแท้จริง
" แกถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไม "
" แกว่าคนอย่างฉัน..เป็นนักบวช ไม่สิ! เป็นมนุษย์ได้รึเปล่านะ "
" อะไรของแก "
" โชรง... เราน่ะ เป็นเพื่อนกันได้รึเปล่า "
" ฉันไม่เข้าใจ... ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พูดอะไรของแกอยู่ได้ " น้ำเสียงในตอนนั้นของเธอดูร้อนรน น้ำตาพาลจะไหลเมื่ออยู่ๆในหัวมันก็มีภาพของตัวเองที่ต้องอยู่อย่างไร้อีกคนแวบเข้ามาในหัว ลางสังหรณ์มันบอกแบบนั้น
" ฉันขอโทษนะ " ซอฮยอนพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน
" แกจะไปไหน "
" โชรง...ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของฉัน มันไม่ใช่มาตั้งแต่แรก ฉันรักแกนะแต่ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันที่ขอโทษที่บางทีฉันคง......ต้องผิดสัญญาของเราแล้วละ "
" ซอฮยอน !?! " เธอจำได้ว่าทันทีที่ซอฮยอนว่าจบเธอก็โพล่งตัดหน้าด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน เธอไม่เข้าใจความหมายของการกระทำของอีกคนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกคนถึงทำแบบนี้ ' ไหนเคยบอกว่าจะ....อยู่ด้วยกันตลอดไปไง '....ตอนนั้นซอฮยอนทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากน้อยๆ มือเรียวถอดเสื้อคลุมสีขาวนั้นออกจนเหลือเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขายาวสีดำข้างใน พระคัมภีร์เองก็วางไว้บนกองเสื้อคลุมนั้นด้วย ทำให้เธอในตอนนั้นได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ
" แกเป็นเทวทูต...แต่ฉัน เป็นซาตาน " นั่นคือประโยคที่เธอจำได้ขึ้นใจเพราะมันเสียดแทงใจเธอที่สุด
" ซอ... "
" ซาตานเป็นนักบวชไม่ได้ เป็นไม่ได้แม้แต่มนุษย์... สายเลือดของเรามันไม่เหมือนกัน เราไม่มีทางเป็นเพื่อนกันได้อีกต่อไปแล้วปาร์ค โชรง "...ตอนนั้นน้ำตาของโชรงไหล เธอทำได้แค่มองอีกคนเดินจากไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ได้แค่มองอีกคนเดินหายเข้าไปในความมืด
' เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้จริงๆน่ะหรอ '
" เกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่กับคนคนนั้นหรอคะ " โบมีถามขึ้น เรียกให้เขาหลุดจากภวังค๋ความคิดกับภาพในอดีตที่แสนคิดถึง ความทรงจำในวันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ...และเพราะการเป็นซาตานกับเทวทูตทำให้การเจริญเติบโตช้ากว่าปกติและยังอายุยืนยาวอีกด้วย ตลอด 22 ปีที่เราแตกแยกกันไปถึงมีแต่ความทรมาน
" เรื่องที่...เลวร้ายที่สุดในชีวิตละมั้ง ".....
--------------------------------
มาแล้วกับตอนที่ 2 เป้นไงครับโอเคบ้างไหมกับอดีตของทั้งสองคน จะพยายามมาอัพต่อนะครับและสำหรับใครที่อ่านไม่รู้เรื่องสามารถกลับไปอ่านอินโทรกับตอนหนึ่งที่รีไรท์แล้วได้นะครับผม
ปาร์ค โชรง เป็นนักบวช... เป็นมาเนินนานตั้งแต่เด็กๆและจนถึงตอนนี้แม้ว่าทั้งโบสถ์จะเหลือเพียงตัวเธอเพียงคนเดียวเธอก็ยังคงตั้งปณิธานว่าจะทิ้งโบสถ์นี้ไปไหน เพราะมันช่างมากล้นและเลอค่ามากเหลือเกินความทรงจำเมื่อครั้งยังเยาว์วัย... หญิงสาวเจ้าของร่างเล็กทอดสายตามองแผ่นป้ายหินที่ถูกสลักไว้ลวกๆเงียบๆ ดูยังไงใครๆก็รู้ว่านี่คือหลุมศพ หลุมศพของใครคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นของใคร จะมีก็เพียงเธอผู้เดียวดังนั้นทุกๆเช้าในเมืองเล็กๆแถบชนบทห่างไกลความเจริญจากกรุงโซลแม้พระอาทิตย์จะยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าก็จะพบกับร่างของเธอนั่งคุกเข่าเงียบๆที่นี่พร้อมดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในมือ
" ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ... เอาดอกไม้มาวางหน้าหลุมศพทุกๆเช้ามืดแบบนี้ " โชรงเบนสายตาไปมองเจ้าของเสียงเงียบๆด้วยรอยยิ้มน้อยๆแม้เจ้าของเสียงนั้นจะเป็นคนคุ้นเคยก็ตาม เจ้าของร่างที่สูงกว่าเล็กน้อยขมวดคิ้วขณะที่โชรงวางดอกแดฟโฟดิลลงบนแผ่นหินก่อนจะหยิบดอกเก่าที่โรยราขึ้นมากุมไว้
" กลับมาแล้วหรอ " โชรงถามกลับโดยไม่มองหน้าอีกคน
" คนที่ไม่ได้เจอกันนานเขาทักกันแบบนี้หรอคะ " อีกคนถามกลับอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร โชรงหัวเราะกับท่าทางน่ารักของคนอายุน้อยกว่าและลุกขึ้นขยี้หัวอีกคนเบาๆ
" โบมอาา~ พี่คิดถึงเธอจะตาย ทิ้งพี่ไปเรียนเป็นเดือนๆ " คุณหนูโบมีแห่งตระกูลยุนตีหน้ายุ่งยิ่งกว่าเก่า ทำมาเป็นพูดว่าคิดถึงแต่ไม่ติดต่อหากันเลยเนี่ยนะ...ถึงเธอจะพอรู้ก็เถอะว่าในโบสถ์บนภูเขาไกลจากตัวเมืองพอสมควรนี้จะไปเอาโทรศัพท์ โน๊ตบุ๊คหรือเครื่องมือติดต่อสื่อสารมาจากไหนก็ตาม
" ไม่เข้าใจพี่เลยจริงๆว่าทำไมพี่ถึงทนอยู่โบสถ์เก่าๆใกล้พังแถมเหลือพี่เพียงคนเดียวแบบนี้ได้เป็นสิบปี.. คนอื่นๆเขาก็พากันย้ายไปอยู่ในที่ที่เจริญกว่ากันหมด " โบมีว่า
" เพราะที่นี่.. มีความทรงจำ ของคนที่ไม่มีวันหวนคืนกลับมาหาพี่ได้อีกแล้วอยู่ " โชรงตอบกลับพลางก้มลงมองชื่อบนป้ายหลุมศพ โบมีมองตามน้อยๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก...แต่ไหนแต่ไรมา มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่คอยรบกวนจิตใจอยู่มาตลอดตั้งแต่ได้พบกับพี่โชรงคนนี้ หลุมศพนี่คือหลุมศพของใคร? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับพี่โชรง?... ตั้งแต่เธอได้รู้จักกับโชรงเธอก็พบเห็นแผ่นป้ายหินเก่าๆนี่มาตลอด ทั้งๆที่โบสถ์นี้ไม่มีหลุมศพของคนอื่นอยู่เลยแท้ๆ
" ซอ จูฮยอน... ใครกันหรอคะ " โบมีเอ่ยถามออกไป เป็นคำถามที่โชรงไม่เคยตอบ ทุกๆครั้งโชรงจะเพียงส่ายหน้าเงียบๆพร้อมหน้าเศร้าๆนั่น
" เพื่อน... ไม่สิ เราเคยเป็นเพื่อนกัน " ดังนั้นคำตอบครั้งนี้ของโชรงจึงสร้างความแปลกใจให้โบมีไม่น้อย... ราวกับว่าช่วงที่เธอไม่อยู่เป็นเดือนนี้คนตรงหน้าไปเจออะไรมาทำให้เปลี่ยนความคิด
" ทำไม... ปกติถามก็ไม่เคยตอบนี่คะ "
" ไม่ดีหรอ ที่พี่ตอบ "
" ไม่ใช่ค่ะ แค่รู้สึกว่าพี่คงไม่อยากคิดถึงมัน " โชรงพยักหน้ารับ และเพราะเห็นสีหน้านั้นของโชรงโบมีจึงตัดสินใจเก็บคำถามอื่นๆไว้ในใจเพราะมันคงไม่สำคัญเท่าไรในตอนนี้
" ตอนนี้.... คงไม่มีประโยชน์แล้วที่จะดึงดันเก็บความทรงจำนี้ไว้เพราะยังไงพี่ก็คงไม่มีวันเอามันกลับคืนมาได้แล้ว " โชรงพึมพำให้โบมีได้ยิน ดวงตาเหม่อลอยเหมือนกำลังหวนถึงอะไรบางอย่าง
" พี่หมายความว่ายังไงคะ "
" บางสิ่งที่สำคัญกับพี่พอๆกับเจ้าของชื่อบนแผ่นป้ายนี่...ทำให้พี่ต้องทิ้งที่นี่ไปแล้วละ " ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ โชรงหันมายิ้มให้กับเธอเงียบๆ เข้าใจอยู่คนเดียว
" บางสิ่งที่ว่าคืออะไรละคะ "
" เธอไง พี่จะไปกับเธอ " โบมีขมวดคิ้ว ก็พอจะจำได้อยู่ว่าเคยเอ่ยปากขอให้อีกคนไปอยู่ในเมืองหลวงด้วยกันแต่ทำไมเพิ่งมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้กันนะ
" ฉัน? "
" ใช่.. ถ้าเทียบกับเธอที่นี่ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วพี่ละทิ้งความหวังในการรอคอยคนคนนั้นไปแล้ว "...' แบบนี้สินะที่แกต้องการ ซอฮยอน '
" อะไรทำให้พี่เปลี่ยนใจงั้นหรอคะ " โบมีถามต่อ
" เพราะพี่ ได้พบกับคนคนนั้นแล้ว...ซอ จูฮยอนที่ไม่เหมือนเดิม "
" พบกัน !?! เธอคนนี้ไม่ได้ตายแล้วงั้นหรอคะ?? " โบมีว่า
" อืม "
" แล้วทำไมถึงมีหลุมศพของเธอ "
" สิ่งที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้นี่ไม่ใช่ร่างของเจ้าตัวหรอกนะ.....แต่เป็นความสัมพันธ์ของพี่กับซออ จูฮยอนคนนั้นต่างหาก และพี่ก็โง่เองที่อุตส่าห์เอาดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเพื่อนของเรามาทิ้งตรงนี้ได้ทุกวัน "
' ใช่....เราไม่ใช่เพื่อนกัน ซาตานกับเทวทูต เป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก '
" โชรง... ถ้าวันหนึ่งเราค้นพบว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบที่เราเป็น แล้วสิ่งที่เราเป็นมันสวนทางกันแกจะทำยังไง " เธอยังจำได้ดี...เสียงของซอฮยอน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอเมื่อ 20 ปีกว่าปีก่อนนั้น เธอจำได้ว่าตอนนั้นพวกเธอทั้งคู่อายุเพียงแค่ 15 แต่อีกคนตัวสูงโปร่งผิดกับเธอที่ไม่ยอมโตสักที
ภาพในคืนนี้ยังคงตราตรึงในความทรงจำ คืนนั้นที่พระจันทร์เต็มดวงในที่แห่งนี้บนสนามหญ้าด้านหน้าโบสถ์เล็กๆบนภูเขา เธอทั้งคู่อยู่ในชุดของนักบวชสีขาวตลอดทั้งตัวในมือของซอ จูฮยอนมักจะมีพระคัมภีร์เล่มโตติดตัวตลอดเวลาและคืนนั้นก็ด้วย สีหน้าของอีกคนดูเศร้าผิดปกติจนเธอสังเกตุได้และมันก็เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว
" มีอะไรรึเปล่า ฮยอน "
" นิดหน่อย "
" อะไรละ นิดหน่อยที่ว่า " โชรงจำได้ว่าเสียงในตอนนั้นของเธอสั่นๆเพราะใบหน้าของเพื่อนสนิทดูจริงจังกว่าครั้งไหนๆแม้ปกติมันจะจริงจังอยู่แล้วก็ตาม เธอจำได้ทุกการกระทำของอีกคนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
" แกน่ะ เป็นเทวทูตสินะ... " ใช่แล้ว...บางทีจุดเริ่มต้นของความร้าวรานคงอยู่ตรงนั้น เพราะเธอเกิดมาเป็นเทวทูต เป็นบุตรของพระเจ้าที่ได้รับทั้งพลังในการมองเห็นอนาคต พลังในการลิขิตชะตาชีวิตและพลังที่จะลบล้างกิเลศความชั่วในจิตใจมนุษย์จากพระเจ้า เป็นบุคลผู้เกิดมาช่วยเหลือมนุษย์อย่างแท้จริง
" แกถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไม "
" แกว่าคนอย่างฉัน..เป็นนักบวช ไม่สิ! เป็นมนุษย์ได้รึเปล่านะ "
" อะไรของแก "
" โชรง... เราน่ะ เป็นเพื่อนกันได้รึเปล่า "
" ฉันไม่เข้าใจ... ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พูดอะไรของแกอยู่ได้ " น้ำเสียงในตอนนั้นของเธอดูร้อนรน น้ำตาพาลจะไหลเมื่ออยู่ๆในหัวมันก็มีภาพของตัวเองที่ต้องอยู่อย่างไร้อีกคนแวบเข้ามาในหัว ลางสังหรณ์มันบอกแบบนั้น
" ฉันขอโทษนะ " ซอฮยอนพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน
" แกจะไปไหน "
" โชรง...ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของฉัน มันไม่ใช่มาตั้งแต่แรก ฉันรักแกนะแต่ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันที่ขอโทษที่บางทีฉันคง......ต้องผิดสัญญาของเราแล้วละ "
" ซอฮยอน !?! " เธอจำได้ว่าทันทีที่ซอฮยอนว่าจบเธอก็โพล่งตัดหน้าด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน เธอไม่เข้าใจความหมายของการกระทำของอีกคนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกคนถึงทำแบบนี้ ' ไหนเคยบอกว่าจะ....อยู่ด้วยกันตลอดไปไง '....ตอนนั้นซอฮยอนทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากน้อยๆ มือเรียวถอดเสื้อคลุมสีขาวนั้นออกจนเหลือเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขายาวสีดำข้างใน พระคัมภีร์เองก็วางไว้บนกองเสื้อคลุมนั้นด้วย ทำให้เธอในตอนนั้นได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ
" แกเป็นเทวทูต...แต่ฉัน เป็นซาตาน " นั่นคือประโยคที่เธอจำได้ขึ้นใจเพราะมันเสียดแทงใจเธอที่สุด
" ซอ... "
" ซาตานเป็นนักบวชไม่ได้ เป็นไม่ได้แม้แต่มนุษย์... สายเลือดของเรามันไม่เหมือนกัน เราไม่มีทางเป็นเพื่อนกันได้อีกต่อไปแล้วปาร์ค โชรง "...ตอนนั้นน้ำตาของโชรงไหล เธอทำได้แค่มองอีกคนเดินจากไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ได้แค่มองอีกคนเดินหายเข้าไปในความมืด
' เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้จริงๆน่ะหรอ '
" เกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่กับคนคนนั้นหรอคะ " โบมีถามขึ้น เรียกให้เขาหลุดจากภวังค๋ความคิดกับภาพในอดีตที่แสนคิดถึง ความทรงจำในวันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ...และเพราะการเป็นซาตานกับเทวทูตทำให้การเจริญเติบโตช้ากว่าปกติและยังอายุยืนยาวอีกด้วย ตลอด 22 ปีที่เราแตกแยกกันไปถึงมีแต่ความทรมาน
" เรื่องที่...เลวร้ายที่สุดในชีวิตละมั้ง ".....
--------------------------------
มาแล้วกับตอนที่ 2 เป้นไงครับโอเคบ้างไหมกับอดีตของทั้งสองคน จะพยายามมาอัพต่อนะครับและสำหรับใครที่อ่านไม่รู้เรื่องสามารถกลับไปอ่านอินโทรกับตอนหนึ่งที่รีไรท์แล้วได้นะครับผม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น