ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Enemy Soul [Seosic & Chomi ]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 นักบวชขาว

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 58


    Chapter 2 นักบวชขาว

                       ปาร์ค โชรง เป็นนักบวช... เป็นมาเนินนานตั้งแต่เด็กๆและจนถึงตอนนี้แม้ว่าทั้งโบสถ์จะเหลือเพียงตัวเธอเพียงคนเดียวเธอก็ยังคงตั้งปณิธานว่าจะทิ้งโบสถ์นี้ไปไหน เพราะมันช่างมากล้นและเลอค่ามากเหลือเกินความทรงจำเมื่อครั้งยังเยาว์วัย... หญิงสาวเจ้าของร่างเล็กทอดสายตามองแผ่นป้ายหินที่ถูกสลักไว้ลวกๆเงียบๆ ดูยังไงใครๆก็รู้ว่านี่คือหลุมศพ หลุมศพของใครคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นของใคร จะมีก็เพียงเธอผู้เดียวดังนั้นทุกๆเช้าในเมืองเล็กๆแถบชนบทห่างไกลความเจริญจากกรุงโซลแม้พระอาทิตย์จะยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าก็จะพบกับร่างของเธอนั่งคุกเข่าเงียบๆที่นี่พร้อมดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในมือ

         " ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ... เอาดอกไม้มาวางหน้าหลุมศพทุกๆเช้ามืดแบบนี้ " โชรงเบนสายตาไปมองเจ้าของเสียงเงียบๆด้วยรอยยิ้มน้อยๆแม้เจ้าของเสียงนั้นจะเป็นคนคุ้นเคยก็ตาม เจ้าของร่างที่สูงกว่าเล็กน้อยขมวดคิ้วขณะที่โชรงวางดอกแดฟโฟดิลลงบนแผ่นหินก่อนจะหยิบดอกเก่าที่โรยราขึ้นมากุมไว้

         " กลับมาแล้วหรอ " โชรงถามกลับโดยไม่มองหน้าอีกคน

         " คนที่ไม่ได้เจอกันนานเขาทักกันแบบนี้หรอคะ " อีกคนถามกลับอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร โชรงหัวเราะกับท่าทางน่ารักของคนอายุน้อยกว่าและลุกขึ้นขยี้หัวอีกคนเบาๆ

         " โบมอาา~ พี่คิดถึงเธอจะตาย ทิ้งพี่ไปเรียนเป็นเดือนๆ " คุณหนูโบมีแห่งตระกูลยุนตีหน้ายุ่งยิ่งกว่าเก่า ทำมาเป็นพูดว่าคิดถึงแต่ไม่ติดต่อหากันเลยเนี่ยนะ...ถึงเธอจะพอรู้ก็เถอะว่าในโบสถ์บนภูเขาไกลจากตัวเมืองพอสมควรนี้จะไปเอาโทรศัพท์ โน๊ตบุ๊คหรือเครื่องมือติดต่อสื่อสารมาจากไหนก็ตาม

         " ไม่เข้าใจพี่เลยจริงๆว่าทำไมพี่ถึงทนอยู่โบสถ์เก่าๆใกล้พังแถมเหลือพี่เพียงคนเดียวแบบนี้ได้เป็นสิบปี.. คนอื่นๆเขาก็พากันย้ายไปอยู่ในที่ที่เจริญกว่ากันหมด " โบมีว่า

         " เพราะที่นี่.. มีความทรงจำ ของคนที่ไม่มีวันหวนคืนกลับมาหาพี่ได้อีกแล้วอยู่ " โชรงตอบกลับพลางก้มลงมองชื่อบนป้ายหลุมศพ โบมีมองตามน้อยๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก...แต่ไหนแต่ไรมา มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่คอยรบกวนจิตใจอยู่มาตลอดตั้งแต่ได้พบกับพี่โชรงคนนี้ หลุมศพนี่คือหลุมศพของใคร? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับพี่โชรง?... ตั้งแต่เธอได้รู้จักกับโชรงเธอก็พบเห็นแผ่นป้ายหินเก่าๆนี่มาตลอด ทั้งๆที่โบสถ์นี้ไม่มีหลุมศพของคนอื่นอยู่เลยแท้ๆ

         " ซอ จูฮยอน... ใครกันหรอคะ " โบมีเอ่ยถามออกไป เป็นคำถามที่โชรงไม่เคยตอบ ทุกๆครั้งโชรงจะเพียงส่ายหน้าเงียบๆพร้อมหน้าเศร้าๆนั่น

         " เพื่อน... ไม่สิ เราเคยเป็นเพื่อนกัน " ดังนั้นคำตอบครั้งนี้ของโชรงจึงสร้างความแปลกใจให้โบมีไม่น้อย... ราวกับว่าช่วงที่เธอไม่อยู่เป็นเดือนนี้คนตรงหน้าไปเจออะไรมาทำให้เปลี่ยนความคิด

        " ทำไม... ปกติถามก็ไม่เคยตอบนี่คะ "

        " ไม่ดีหรอ ที่พี่ตอบ "

         " ไม่ใช่ค่ะ แค่รู้สึกว่าพี่คงไม่อยากคิดถึงมัน " โชรงพยักหน้ารับ และเพราะเห็นสีหน้านั้นของโชรงโบมีจึงตัดสินใจเก็บคำถามอื่นๆไว้ในใจเพราะมันคงไม่สำคัญเท่าไรในตอนนี้

         " ตอนนี้.... คงไม่มีประโยชน์แล้วที่จะดึงดันเก็บความทรงจำนี้ไว้เพราะยังไงพี่ก็คงไม่มีวันเอามันกลับคืนมาได้แล้ว " โชรงพึมพำให้โบมีได้ยิน ดวงตาเหม่อลอยเหมือนกำลังหวนถึงอะไรบางอย่าง

         " พี่หมายความว่ายังไงคะ "

         " บางสิ่งที่สำคัญกับพี่พอๆกับเจ้าของชื่อบนแผ่นป้ายนี่...ทำให้พี่ต้องทิ้งที่นี่ไปแล้วละ " ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ โชรงหันมายิ้มให้กับเธอเงียบๆ เข้าใจอยู่คนเดียว

         " บางสิ่งที่ว่าคืออะไรละคะ "

         " เธอไง พี่จะไปกับเธอ " โบมีขมวดคิ้ว ก็พอจะจำได้อยู่ว่าเคยเอ่ยปากขอให้อีกคนไปอยู่ในเมืองหลวงด้วยกันแต่ทำไมเพิ่งมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้กันนะ

         " ฉัน? "

         " ใช่.. ถ้าเทียบกับเธอที่นี่ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วพี่ละทิ้งความหวังในการรอคอยคนคนนั้นไปแล้ว "...' แบบนี้สินะที่แกต้องการ ซอฮยอน '

         " อะไรทำให้พี่เปลี่ยนใจงั้นหรอคะ " โบมีถามต่อ

         " เพราะพี่ ได้พบกับคนคนนั้นแล้ว...ซอ จูฮยอนที่ไม่เหมือนเดิม "

         " พบกัน !?! เธอคนนี้ไม่ได้ตายแล้วงั้นหรอคะ?? " โบมีว่า

         " อืม "

         " แล้วทำไมถึงมีหลุมศพของเธอ "

         " สิ่งที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้นี่ไม่ใช่ร่างของเจ้าตัวหรอกนะ.....แต่เป็นความสัมพันธ์ของพี่กับซออ จูฮยอนคนนั้นต่างหาก และพี่ก็โง่เองที่อุตส่าห์เอาดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเพื่อนของเรามาทิ้งตรงนี้ได้ทุกวัน "

         ' ใช่....เราไม่ใช่เพื่อนกัน ซาตานกับเทวทูต เป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก '




                         " โชรง... ถ้าวันหนึ่งเราค้นพบว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบที่เราเป็น แล้วสิ่งที่เราเป็นมันสวนทางกันแกจะทำยังไง " เธอยังจำได้ดี...เสียงของซอฮยอน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอเมื่อ 20 ปีกว่าปีก่อนนั้น เธอจำได้ว่าตอนนั้นพวกเธอทั้งคู่อายุเพียงแค่ 15 แต่อีกคนตัวสูงโปร่งผิดกับเธอที่ไม่ยอมโตสักที

              ภาพในคืนนี้ยังคงตราตรึงในความทรงจำ คืนนั้นที่พระจันทร์เต็มดวงในที่แห่งนี้บนสนามหญ้าด้านหน้าโบสถ์เล็กๆบนภูเขา เธอทั้งคู่อยู่ในชุดของนักบวชสีขาวตลอดทั้งตัวในมือของซอ จูฮยอนมักจะมีพระคัมภีร์เล่มโตติดตัวตลอดเวลาและคืนนั้นก็ด้วย สีหน้าของอีกคนดูเศร้าผิดปกติจนเธอสังเกตุได้และมันก็เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว

         " มีอะไรรึเปล่า ฮยอน "

         " นิดหน่อย "

         " อะไรละ นิดหน่อยที่ว่า " โชรงจำได้ว่าเสียงในตอนนั้นของเธอสั่นๆเพราะใบหน้าของเพื่อนสนิทดูจริงจังกว่าครั้งไหนๆแม้ปกติมันจะจริงจังอยู่แล้วก็ตาม เธอจำได้ทุกการกระทำของอีกคนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

         " แกน่ะ เป็นเทวทูตสินะ... " ใช่แล้ว...บางทีจุดเริ่มต้นของความร้าวรานคงอยู่ตรงนั้น เพราะเธอเกิดมาเป็นเทวทูต เป็นบุตรของพระเจ้าที่ได้รับทั้งพลังในการมองเห็นอนาคต พลังในการลิขิตชะตาชีวิตและพลังที่จะลบล้างกิเลศความชั่วในจิตใจมนุษย์จากพระเจ้า เป็นบุคลผู้เกิดมาช่วยเหลือมนุษย์อย่างแท้จริง

         " แกถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไม "

         " แกว่าคนอย่างฉัน..เป็นนักบวช ไม่สิ! เป็นมนุษย์ได้รึเปล่านะ "

         " อะไรของแก "

         " โชรง... เราน่ะ เป็นเพื่อนกันได้รึเปล่า "

         " ฉันไม่เข้าใจ... ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พูดอะไรของแกอยู่ได้ " น้ำเสียงในตอนนั้นของเธอดูร้อนรน น้ำตาพาลจะไหลเมื่ออยู่ๆในหัวมันก็มีภาพของตัวเองที่ต้องอยู่อย่างไร้อีกคนแวบเข้ามาในหัว ลางสังหรณ์มันบอกแบบนั้น

         " ฉันขอโทษนะ " ซอฮยอนพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน

         " แกจะไปไหน "

         " โชรง...ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของฉัน มันไม่ใช่มาตั้งแต่แรก ฉันรักแกนะแต่ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันที่ขอโทษที่บางทีฉันคง......ต้องผิดสัญญาของเราแล้วละ "

          " ซอฮยอน !?! " เธอจำได้ว่าทันทีที่ซอฮยอนว่าจบเธอก็โพล่งตัดหน้าด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน เธอไม่เข้าใจความหมายของการกระทำของอีกคนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกคนถึงทำแบบนี้ ' ไหนเคยบอกว่าจะ....อยู่ด้วยกันตลอดไปไง '....ตอนนั้นซอฮยอนทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากน้อยๆ มือเรียวถอดเสื้อคลุมสีขาวนั้นออกจนเหลือเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขายาวสีดำข้างใน พระคัมภีร์เองก็วางไว้บนกองเสื้อคลุมนั้นด้วย ทำให้เธอในตอนนั้นได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ

          " แกเป็นเทวทูต...แต่ฉัน เป็นซาตาน " นั่นคือประโยคที่เธอจำได้ขึ้นใจเพราะมันเสียดแทงใจเธอที่สุด

          " ซอ... "

          " ซาตานเป็นนักบวชไม่ได้ เป็นไม่ได้แม้แต่มนุษย์... สายเลือดของเรามันไม่เหมือนกัน เราไม่มีทางเป็นเพื่อนกันได้อีกต่อไปแล้วปาร์ค โชรง "...ตอนนั้นน้ำตาของโชรงไหล เธอทำได้แค่มองอีกคนเดินจากไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ได้แค่มองอีกคนเดินหายเข้าไปในความมืด

         ' เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้จริงๆน่ะหรอ '




                    " เกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่กับคนคนนั้นหรอคะ " โบมีถามขึ้น เรียกให้เขาหลุดจากภวังค๋ความคิดกับภาพในอดีตที่แสนคิดถึง ความทรงจำในวันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ...และเพราะการเป็นซาตานกับเทวทูตทำให้การเจริญเติบโตช้ากว่าปกติและยังอายุยืนยาวอีกด้วย ตลอด 22 ปีที่เราแตกแยกกันไปถึงมีแต่ความทรมาน

         " เรื่องที่...เลวร้ายที่สุดในชีวิตละมั้ง ".....

    --------------------------------

    มาแล้วกับตอนที่ 2 เป้นไงครับโอเคบ้างไหมกับอดีตของทั้งสองคน จะพยายามมาอัพต่อนะครับและสำหรับใครที่อ่านไม่รู้เรื่องสามารถกลับไปอ่านอินโทรกับตอนหนึ่งที่รีไรท์แล้วได้นะครับผม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×