ตอนที่ 6 : sᴇʀᴘᴇɴᴛ ⑤

ในระหว่างที่แฮร์รี่กำลังขบคิดเรื่องราวที่เขาเพิ่งได้รับรู้มาอย่างน่าตกใจอยู่ที่ทะเลสาบซึ่งเป็นที่ประจำของเขา เสียงย้ำเท้าจากผู้มาเยือนก็ดังแทรกเข้ามาให้ได้ยิน ทำให้คนที่มีเรื่องคิดไม่ตกหันกลับไปมองผู้มาเยือนก่อนจะเบนหน้าหนีอีกรอบเมื่อพบว่าใครกำลังเดินเข้ามาใกล้ตนเอง
“วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์เถียงกับนายนะ” บวกกับเจ้าตัวไม่รีรอเอ่ยดักคอด้วยความรวดเร็ว
“เห็นฉันเป็นคนยังไงพอตเตอร์”
“จะให้ฉันพูดเหรอ”
แฮร์รี่ถามกลับพร้อมกับใครบางคนทรุดกายลงนั่งข้างกัน อีกทั้งคนที่จับจองพื้นที่อยู่ก่อนก็ไม่รอช้ายกขาขึ้นมาชันเข่าโอบกอดเอาไว้บวกกับวางปลายคางลงไป
“แล้วแต่นาย”
“เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ” น้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นคล้ายกับคนอับจนหนทางไม่น้อย
“เป็นอะไรของพอตเตอร์ ทำอย่างกับคนมีเรื่องให้คิดมาก”
“นายเคยได้ยินเรื่อง Serpentem Vectem ไหมมัลฟอย”
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้แฮร์รี่เอ่ยพูดออกไปแบบนั้น ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่ชอบหน้ากัน แต่จู่ๆ เขาก็พูดออกมาอย่างกับไม่สนใจเรื่องที่เคยมีก่อนหน้าสักนิด เพราะตอนนี้เรื่องที่เขาคิดไม่ตกนั่นยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งหมด อีกอย่างเขายังไม่ได้บอกเล่าให้เพื่อนสนิททั้งสองฟังด้วย
รวมถึงฝ่ายที่บอกว่าค่อยคุยกันนั้นก็หายตัวไปเลย พอเขาอาบน้ำและลงมาทานอาหารเสร็จก็ไม่โผล่หน้ามาอีก จนตอนนี้มืดค่ำแล้วก็ยังไม่เห็นตัว ดังนั้นแฮร์รี่จึงแอบมานั่งเล่นที่มุมประจำของตนไปพลางๆ
“เคย” แต่แล้วเสียงทุ้มที่ตอบกลับมาทำเอาแฮร์รี่หันมองด้วยความรวดเร็ว
“นายเคยได้ยินจริงๆ เหรอ”
“อืม เคยอ่านเจอในหนังสือคัมภีร์เวทมนตร์โบราณ”
“ … ”
“ทำไม นายไปได้ยินมาจากไหนพอตเตอร์”
“แถวๆ นี้แหละ ว่าแต่ที่เขาบอกว่าถ้าร่องรอยนั้นปรากฏขึ้นจนวนรอบกลับมาหาต้นทางแล้วคนคนนั้นจะตาย มันจริงไหม”
“ไม่เคยเห็นกับตา แต่ในหนังสือบอกว่าอย่างนั้น” คนที่ได้รับคำตอบมีสีหน้าเครียดกว่าเดิมเข้าไปใหญ่
“แล้วมัน…”
“ … ”
“นายคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไหม... การที่เราจะตายเพราะรอยที่ปรากฏขึ้นบนตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ”
“ไม่แน่ ในโลกเวทมนตร์อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”
“อา… นั่นสิ”
คนตอบเสียงแผ่วพร้อมกับซบหน้าลงบนหัวเข่าของตนเองเมื่อคิดไม่ตก จนคนที่นั่งอยู่ด้านข้างสังเกตท่าทางเหม่อนั้นได้
“มันเกิดขึ้นกับนายหรือไงพอตเตอร์”
แฮร์รี่ไม่ได้ตอบแต่เขาเลือกที่จะถอนหายใจดังยาวออกมาราวกับเป็นคำตอบในเรื่องที่โดนถาม ถ้าอีกฝ่ายฉลาดพอที่จะเข้าใจน่ะนะ
“มันมีวิธีแก้ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือ” แต่แล้วไม่นานเสียงทุ้มก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“จริงเหรอ?” แววตาเต็มไปด้วยความหวังหันมองคนพูดแทบจะทันทีเช่นกัน
“อืม ... จริง”
“มันมีทางไหนบ้าง นายบอกฉันหน่อยสิ”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำขอร้องเอื้อนเอ่ยออกมาโดยที่คนพูดเองก็ไม่รู้ตัวเท่าไหร่นักว่าตอนนี้ตนกำลังขอให้คนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันช่วยเหลือ
บวกกับในเวลานี้แฮร์รี่ลืมไปหมดแล้วสำหรับเรื่องราวในอดีต เขากำลังห่วงตัวเองมากกว่าว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะตอนแรกนั้นไม่เชื่อแต่พอได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดก็เริ่มคิดหนัก
“ฉันมีหนังสือ นายเอาไปอ่านเองดีกว่า” นั่นไม่ได้ทำให้แฮร์รี่สงสัยอะไรว่าอีกฝ่ายมีหนังสือคัมภีร์เวทมนตร์โบราณได้อย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอยืมหน่อยได้ไหม” อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ
“ไว้ฉันจะเอามาให้”
“อือ”
“จะว่าไปใครเป็นคู่ของนายล่ะพอตเตอร์”
“นายพูดถึงเรื่องอะไร”
“เรื่องที่นายถามฉัน มันเกิดขึ้นกับนายไม่ใช่เหรอ”
“มะ ไม่ใช่ ฉันแค่ถามเพื่อความรู้เฉยๆ”
“อ๋อ”
เสียงร้องอ๋อที่กล่าวดังออกมานั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แต่แฮร์รี่เลือกที่จะเมินเฉยและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เอาไว้ฉันจะหาหนังสือมาให้แล้วกัน”
สุดท้ายคนที่เขาเข้ามาพูดคุยและไม่ได้หาเรื่องทะเลาะใส่ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไป …
ในค่ำคืนอันเงียบสงัดภายในโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ฮอกวอตส์ไร้ซึ่งวี่แววของผู้คนออกมาเดินป้วนเปี้ยนในยามวิกาล
หากแต่ว่าก็มีอยู่คนหนึ่งที่มักจะชอบแอบออกมาจากหอนอนเพื่อเดินเล่นไปเรื่อยๆ ในเวลาที่ตนนอนไม่หลับ รวมถึงบางครั้งก็ออกมาเสาะหาอะไรบางอย่างที่ตนต้องการ …
“ใครน่ะ ใครอยู่ตรงนั้น!”
เสียงของภารโรงประจำฮอกวอตส์ดังขึ้นเมื่อเขารู้สึกได้ว่ามีคนเดินผ่านหลังไป
“เมี้ยว ~”
และนั่นคือเสียงของคุณนายนอร์ริส แมวสุดที่รักของอาร์กัส ฟิลช์ร้องดังออกมาพร้อมกับเดินนวยนาดไปตามทางเดินยาวไม่ห่างจากผู้เป็นเจ้าของ
“อย่าให้ฉันจับได้ ไม่อย่างนั้นพวกแกถูกกักบริเวณแน่!”
เสียงหืดหาดกล่าวดังออกมาราวกับประกาศให้คนที่อยู่แถวบริเวณนั้นรับทราบ อีกทั้งคุณนายนอร์ริสเองก็เอาตัวพันรอบขาของเจ้านายด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ทว่าไม่นานก็เดินหายไปตรวจตราพื้นที่ส่วนอื่นภายในโรงเรียนต่อพร้อมกับแมวสุดที่รักคู่กายที่เดินตามกันไม่ห่าง
“ฟู่ว! เกือบไปแล้ว”
น้ำเสียงตื่นเต้นละล่ำละลักกล่าวกับตนเองภายใต้ผ้าคลุมล่องหน อีกทั้งยังไม่รีรอผลักบานประตูเก่าคร่ำครึตรงหน้าเปิดเข้าไปด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งด้านในเผยให้เห็นตู้เก็บหนังสือขนาดใหญ่เรียงรายอย่างหนาตาและไร้แสงไฟสว่างใดๆ
“ลูมอส”
คนที่แอบลักลอบเข้ามาไม่รอช้าร่ายคาถาเบาๆ ที่ไม้กายสิทธิ์ของตนเอง จนกระทั่งแสงไฟเล็กๆ ปรากฏขึ้น เจ้าตัวก็ไม่รอช้าขยับเดินเข้าไปด้านในมากกว่าเดิมในห้องโอ่อ่าที่เป็นเขตของพื้นที่หวงห้าม
ปลายไม้ฮอลลี่ขนาดพอดีมือไล่เรียงไปตามรายชื่อหนังสือเรื่อยๆ เมื่อมาถึงยังพื้นที่ที่ต้องการ หากแต่ว่าไม่นานคนที่อยู่ภายใต้ผ้าผืนใหญ่เผลอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ที่จำได้ดี
“มาได้ยังไง”
ไร้การตอบกลับแต่แล้วไม่นานหนังสือเล่มหนาใหญ่ก็ร่วงหล่นลงมาจากชั้นราวกับว่ามีใครผลักลงมา และโชคดีที่คนแอบออกจากหอนอนพุ่งเข้าไปคว้าเอาไว้ได้ทันจึงไม่เกิดเสียงดังใดๆ ให้ใครจับได้
“อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวอาจารย์ก็ได้แห่มากันพอดี”
เสียงคาดโทษดังขึ้นพร้อมกับสายตาไม่พอใจมองกลับไปให้ และไม่นานนักลำตัวยาวใหญ่ก็ค่อยๆ เลื้อยลงมาจากชั้นหนังสือลงมาหยุดอยู่บนโต๊ะแทน
“ไหนนายบอกว่าเราจะคุยกันไง ทำไมถึงไม่ยอมบอกมาสักที เล่นหายไปเป็นวันแบบนี้ฉันถึงต้องออกมาหาหนังสืออ่านเอง”
ทว่าดวงตาเรียวเล็กที่มองจ้องกลับมาให้นั้นราวกับสื่อสารว่าให้เขาเปิดหนังสืออ่านและคำตอบจะอยู่ในนั้นทั้งหมด สุดท้ายแฮร์รี่จึงค่อยๆ พลิกหน้ากระดาษสีน้ำตาลเก่าเบาๆ เพื่อไม่ให้มันชำรุดไปมากกว่านี้
“เดอะ เซอร์เพนท์”
เสียงพึมพำดังออกมาเบาๆ เมื่อเห็นใบรองปกที่ปรากฏคำภาษาอังกฤษอยู่เด่นหรากลางหน้ากระดาษด้วยตัวอักษรที่เต็มไปด้วยความขลัง
ไม่นานนักมือเรียวก็เริ่มพลิกไปที่หน้าอื่นเพื่ออ่านรายละเอียดต่างๆ จน กระทั่งแฮร์รี่ไล่สายตาไปเรื่อยๆ บนสารบัญและได้พบกับคำว่า ‘Serpentem Vectem’ เขาจึงไม่รอช้าพลิกไปที่เลขหน้านั้นด้วยความรวดเร็ว
และสมาธิของเขาก็จมอยู่กับตัวอักษรในกระดาษเก่าตรงหน้าอยู่หลายสิบนาทีพร้อมกับเปิดไปอีกหลายแผ่น แต่เรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้มีอะไรที่ทำให้ตกใจเลยจนกระทั่ง …
‘สมสู่กับคู่ที่ผูกพันธะเพื่อรักษาให้ร่องรอย Serpentem Vectem หายไป’
เดี๋ยวนะ…
สมสู่มันหมายถึงการร่วมรักใช่ไหม ?
แต่สิ่งที่ทำให้แฮร์รี่แทบกู่ร้องเสียงดังออกมาก็คือ …
‘ร่วมรักในสามวันสามคืนหรือจนกว่าร่องรอยจะจางลงและหายไปได้ในที่สุด’
แค่เรื่องสมสู่อะไรนั่นเขาก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เพราะถ้าพูดตามความจริงคือคู่ที่มีร่องรอยเดียวกันกับแฮร์รี่นั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเจ้าแห่งอสรพิษ และยังจะให้ใช้เวลาหลายวันหลายคืนทำกิจกรรมนั้นด้วยกันอีก
ในนามเมอร์ลิน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!!
“นาย… รู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหม”
แฮร์รี่หันไปถามสิ่งมีชีวิตที่จ้องตัวหนังสือตรงหน้าเขม็งราวกับอ่านออก
‘อืม’
ทว่าเสียงที่ตอบกลับออกมาทำเอาแฮร์รี่แทบกุมขมับก่อนจะเริ่มอ่านส่วนอื่นต่อเพราะหวังว่าจะมีทางอื่นช่วยได้อีก
แต่แล้วความหวังของเขากลับมองไม่เห็นปลายทาง เพราะตลอดเวลาที่ไล่ดูมาไม่มีวิธีอื่นเลยนอกจากให้ทำแบบนั้น อีกทั้งยังได้รับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดในเรื่องของร่องรอยบนหน้าอกของเขา
การที่เกิดร่องรอยนี้ขึ้นบนร่างกายนั่นหมายถึงว่าเวลาสุดท้ายใกล้มาถึง และรูปร่างของรอยจะมีลักษณ์เดียวกันกับคู่ที่ผูกพันธะราวกับบ่งบอกให้รู้ว่าคู่ของเราคือใคร
ยกตัวอย่างของเขาก็คือมีรอยรูปหัวงูขึ้นมา แต่ของอสรพิษที่อยู่ใกล้ๆ นั้นเป็นลำตัวยาวส่วนของงูมาให้เห็นแล้ว และส่วนหัวนั้นเหมือนของเขาไม่มีผิด
ส่วนเรื่องที่เขาไปผูกพันธะได้ยังไง ตอนไหนนั้น ในหนังสือก็มีบอกเอาไว้ว่าชะตาจะกำหนดมาให้เอง โดยส่วนมากฝ่ายของสัตว์จะรู้อยู่แล้วเพราะจะมีเบาะแสตามหาคู่ของตน แต่มนุษย์กลับไม่ทราบต้องรอจนกว่ารอยจะปรากฏขึ้นมา
และบางครั้งถ้าหากันไม่พบ ผลที่ตามมาก็เป็นไปตามคาด ร่างของทั้งคู่จะสลายหายไปจากโลกนี้หรือเรียกอีกอย่างว่าตายนั่นเอง …
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แฮร์รี่ตกใจ3วัน3คืน
ทำไหมรู้สึกว่าตัวเองหื่นจัง หมดกันกุลสตรีไทย
แหม่ ... จะพูดยังไงดี คือรู้เรื่องไม่กี่วันเอง เป็นหนูน้องคงตกใจ ไม่กล้าบอกสิธีแก้เองช่ะม่ะ จะได้ไม่โดนหาว่าลามก หื่นไรงี้ แต่มันต้องทำซินะ แหม่~~~