ตอนที่ 10 : sᴇʀᴘᴇɴᴛ ⑨

แฮร์รี่ตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากที่สลบไปอย่างยาวนานหลายชั่วโมงและภาพแรกที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือห้องที่เคยเข้ามาแล้วหนึ่งครั้งดังนั้นจึงไม่ตกใจอะไรมากสักเท่าไหร่
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเจ้าของห้องนั่นต่างหากที่นอนอยู่ข้างกาย เท่านั้นไม่พอท่อนแขนยาวยังพาดลงมาอยู่บนเอวเขาอีกด้วย และเมื่อมีสติเจ้าตัวก็ไม่รอช้าเตรียมจะยกออก
หากแต่ว่าไม่ได้ผล เพราะเมื่อเขาแตะลงไป ท่อนแขนใหญ่นั่นก็ดึงเอวเขาเข้าไปแนบชิดอีกทั้งยังรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก
“ตื่นแล้วเหรอ”
อีกทั้งใบหน้าของอีกฝ่ายยังขยับมาซุกซอกคอเขาอีก และลมหายใจร้อนๆ ที่เป่าลงมามันทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก
“อือ นายละเมอเหรอ เอาแขนของนายออกไปหน่อยสิ”
“ไม่เอา”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจกล่าว ทว่าเปลือกตากลับปิดสนิทไม่ยอมลืมตาขึ้นมา
“นายจะมากอดฉันทำไม ขาดความอบอุ่นหรือไง ปล่อยฉันให้ไวเลยมัลฟอย”
“จะกอด” ทว่าสิ่งที่แฮร์รี่ได้ยินทำเอาเจ้าตัวหน้าเหลอหลาไปทันที
“นาย... นายโดนคำสาปคาถาไหนมาถึงได้ทำตัวเพี้ยนๆ แบบนี้”
“ไม่ได้โดน แค่อยากกอด”
“จะมากอดฉันทำไม นายต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ให้นายเถอะเมอร์ลิน”
“อืม น่าจะบ้า”
เอออะ ยอมรับอีก และนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ มัลฟอยถึงได้มากอดเขาแน่นแบบนี้ พอบอกให้ปล่อยก็ไม่ปล่อยอีก ชักจะปวดหัวแล้วนะ
“นายหาเรื่องแกล้งอะไรฉันอีก บอกมาเลย ฉันจะยอมให้ครั้งหนึ่งก็ได้ ถือว่าตอบแทนที่ช่วยเอาไว้อีกครั้ง”
“เปล่า ไม่ได้แกล้ง”
เปลือกตาหนาเปิดขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนซีดมองจ้องมาที่แฮร์รี่ราวกับช่วยยืนยันในสิ่งที่พูด
“ไม่ได้แกล้งแล้วนายจะมากอดฉันทำไม นายเป็นอะไร ฉันไม่เข้าใจแล้วนะ”
“พอตื่นมามีแรงก็บ่นไม่หยุดเลยเหรอ เก็บแรงไว้ดีกว่าไหม ไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวัน”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ฉันต้องการคำตอบ นายแกล้งฉันเหรอ กำลังทำเรื่องอะไรอยู่”
“บอกแล้วว่าไม่ได้แกล้ง ทำไมถึงคิดว่าฉันจะแกล้งนายตลอดเลยพอตเตอร์”
“นั่นมันนิสัยของนายนี่ ปกติก็ทำแบบนั้นเป็นประจำ”
“เพราะอยากให้นายสนใจถึงได้ทำ”
เสียงเบาๆ พูดตอบออกมา แต่แฮร์รี่ได้ยินชัดเต็มสองหูและคิ้วเรียวสวยขมวดแทบชนกันอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับร่างของคนที่เคยโอบรัดอยู่ข้างๆ ผละตัวลุกขึ้นนั่ง
“นาย... ฉันจะถามอีกทีว่าผีเข้านายเหรอมัลฟอย”
“เปล่า”
แฮร์รี่ถอนหายใจอย่างไม่เข้าใจก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งบ้าง และเตรียมจะกลับหอนอนของตนเพราะไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว ป่านนี้เพื่อนคงเป็นห่วงเขาแย่
“จะไปไหน”
แต่แล้วในระหว่างที่เขากำลังลุก ข้อมือของแฮร์รี่กลับถูกดึงรั้งเอาไว้จนร่างของเขาเซลงมานั่งอยู่ที่เดิม แต่ไม่ใช่จุดเดิมซะทีเดียวเพราะตักของใครบางคนกลายเป็นเบาะรองนั่งชั้นดีแทน
“เฮ้ย!”
แฮร์รี่ร้องเสียงดังตกใจพร้อมกับพยายามขืนตัวออก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น เท่านั้นไม่พอยังใช้สองแขนโอบรัดเอวเขาไว้แน่นราวกับเป็นกรงขังอีกต่างหาก
“ปล่อยสิ ฉันกำลังนั่งอยู่บนตักนายนะ ไม่รู้ตัวหรือไง”
“รู้” เสียงทุ้มตอบ
“แล้วก็อยากให้นั่งอยู่แบบนี้” ก่อนจะพูดออกมาอีกรอบ
“ฉันชักจะปวดหัวแล้วนะ นายเป็นอะไรมัลฟอย ท่าทางแปลกๆ แถมยังพูดจาพิลึกอีก”
“อยู่เฉยๆ สักทีสิ จะได้บอกให้ฟัง”
แฮร์รี่เองก็พยายามข่มใจอย่างมากที่สุดที่จะไม่โวยวายอะไรออกไป เพราะอย่างน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นคนที่ช่วยเหลือ จะยอมฟังเรื่องไร้สาระสักครู่ก็ได้ แต่มันต้องไม่ใช่ในท่านี้ที่เขากำลังนั่งอยู่บนตักและหันหน้าเข้าหาเจ้าของห้องจนใบหน้าห่างกันเพียงไม่กี่คืบ
“ฉันจะฟัง แต่นายต้องปล่อยฉันลงไปนั่งดีๆ ก่อน”
“ไม่เอา เดี๋ยวนายหนี”
“ไม่หนี บอกแล้วว่าจะฟัง” แฮร์รี่ยืนยันคำพูด
“นั่งแบบนี้ก็สบายดี ฉันไม่ได้ลำบากอะไร”
“แต่มันลำบากฉัน แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันต้องมานั่งบนตักนาย”
“จะนั่งอยู่ตรงนี้หรือจะให้ฉันนอนกอดเอาไว้ เลือกเอา”
เดี๋ยวนะ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเขาก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบหมดเลยไม่ใช่เหรอ
“เลือกเร็วพอตเตอร์”
“นั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้” สุดท้ายก็ยอมเลือกในที่สุด
“รีบๆ พูดมาสักที อย่าลีลาจะได้ไหม” แฮร์รี่เร่งออกมา
“ตั้งใจฟังให้ดีๆ”
“พูดมา”
“ฉันชอบนาย”
“ … ”
“ไม่สิ ฉันรักนาย”
“กำลังเล่นเกมอะไรอยู่หรือไง”
“เปล่า เรื่องจริง”
น้ำเสียงหนักแน่นยืนยันออกมา อีกทั้งนัยน์ตาคมยังจ้องมองลึกมาในดวงตาของเขาราวกับพิสูจน์สิ่งที่ตนพูดอีกด้วย
“ฉันไม่เชื่อ” แฮร์รี่ตอบกลับออกไป
“เชื่อเถอะ ฉันพูดเรื่องจริง”
“นายกำลังเล่นเกมอยู่ใช่ไหม ไปบอกคนที่เล่นด้วยว่านายชนะแล้ว เดี๋ยวฉันจะเล่นตามน้ำให้”
“ทำไมถึงพูดยากขนาดนี้พอตเตอร์” น้ำเสียงกึ่งหงุดหงิดเอ่ยขึ้น
“นายนั่นแหละทำไมถึงไม่เลิกเล่นสักที ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังมากหรอกนะ ต้องกลับหอแล้วเดี๋ยวจะโดนทำโทษเอา”
“ไม่ต้องไปไหน ถ้าวันนี้ยังคุยกันไม่รู้เรื่องอย่าหวังว่าจะได้ออกจากห้องนี้”
“นายกำลังกักขังฉัน?”
“อย่างที่บอก ถ้าพูดไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องออกไปไหน”
“มีสิทธิ์อะไร” แฮร์รี่ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดบ้าง
“สามี”
เคราเมอร์ลิน!
มัลฟอยคนลูกเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ แน่
“ฉันไม่มีสามี”
‘แน่ใจเหรอว่าไม่มี’
แฮร์รี่มองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย อีกทั้งยังพยายามสอดส่องสายตาไปรอบๆ ห้องเผื่อว่าจะเจอสิ่งมีชีวิตตัวอื่น
‘ว่าไง แน่ใจเหรอว่าไม่มีสามี’
“นาย… นายทำได้ยังไง”
“ไม่ใช่เรื่องยาก”
“ตอบมามัลฟอย” น้ำเสียงคาดคั้นอีกทั้งแววตาเอาเรื่องมองจ้องคนตรงหน้าเขม็ง
“จำเสียงไม่ได้เหรอ นั่นเจ้าบ่าวของนายเลยนะ”
“ไม้กายสิทธิ์ฉันอยู่ไหน” เสียงลอดไรฟันดังขึ้น
“จะทำคู่ผูกพันธะของตัวเองได้ลงเหรอพอตเตอร์”
“ได้” แฮร์รี่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้แหละ”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและโมโหมองเจ้าของห้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ จนกระทั่งเดรโกยกมือขึ้นสองข้างคล้ายกับยอมแพ้ คนบนตักจึงได้มีโอกาสกระโดดหนีออกมาด้วยความว่องไว
ทว่าแขนยาวๆ กลับไวกว่า ดึงรั้งกลับมาไว้ที่เดิมได้ทัน บวกกับใช้สายตาคาดโทษมองจ้องกลับไปราวกับแฮร์รี่ทำผิดมากอีกด้วย
“ปล่อยฉัน”
“ฟัง”
“ไม่ฟัง ฉันจะฆ่าทั้งนายและงูนั่นเลย”
“ฟัง”
แต่แล้วอีกฝ่ายกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความบังคับ เท่านั้นไม่พอยังเหมือนแผ่กระจายรังสีความน่ากลัวที่ทำให้เขาสามารถสงบนิ่งออกมาได้อีกด้วย แต่เขาเองก็มองกลับไปให้ด้วยความรังเกียจเช่นกัน
“ฟังแล้วค่อยตัดสินใจ”
สุดท้ายแฮร์รี่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ อีกครั้งพร้อมกับคนที่ให้เขานั่งแทนหมอนชั้นดีก็เปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ตั้งแต่สายเลือดที่เจ้าตัวได้รับผิดชอบ
รวมถึงความเป็นมาทั้งหลายแหล่ การผูกพันธะตั้งแต่กำเนิด และวิธีแก้ไขต่างๆ ที่เขารู้ข้อนี้ดีอยู่แล้วเพราะเครียดกับมันมาหลายวัน
อีกทั้งการเจ็บปวดที่เหมือนกับโดนไฟเผาของเขานั่นอีก และสาเหตุที่มัลฟอยเพิ่งปรากฏตัวมาหาเขาก็เป็นเพราะเวลาสุดท้ายใกล้เข้ามามากแล้ว ส่วนเรื่องราวของความฝันก็เป็นเพราะจิตเชื่อมกัน
อีกฝ่ายจึงเข้าไปหาเขาในยามที่หลับใหลได้ แต่มันก็แลกกับการที่ต้องเสียพลังไปเยอะ ดังนั้นพักหลังมานี้จึงไม่ค่อยได้ทำ บวกกับสงสารที่เขาเจ็บปวดอยู่ทุกคืนจึงไม่อยากรบกวน และตอนนั้นก็สามารถอยู่ใกล้ชิดกับเขาได้จึงไม่จำเป็นต้องมาหาในฝันอีก
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“บอกไปแล้วว่าห้าขวบ ไม่ได้ฟังเลยเหรอ”
ฟังสิ แต่เขากำลังช็อกอยู่ไง ในเรื่องที่เดรโก มัลฟอยตกหลุมรักเขาตั้งแต่ตอนนั้นน่ะ
“ฉันเชื่อได้มากแค่ไหน ไม่ใช่นายหาเรื่องมาแกล้งฉันอีกนะ”
“จะแกล้งทำไม คนแกล้งกันที่ไหนเขามาบอกรัก ต่อให้แกล้งยังไงคำว่ารักก็ไม่ควรพูดออกไปกับคนที่ไม่ได้รู้สึก และฉันไม่มีวันพูดแบบนั้นพร่ำเพรื่อไปเรื่อยอยู่แล้ว”
“ใครจะไปรู้ นายแกล้งฉันมาตั้งหลายปี นี่อาจจะเป็นอีกเรื่องที่นายกำลังสนุกอยู่ก็ได้”
เสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายดังออกมาราวกับมีเรื่องทุกข์ใจมากๆ และมันควรจะเป็นเขามากกว่าที่ต้องทำแบบนั้น เพราะตอนนี้แฮร์รี่ไม่รู้เลยว่าตนเองควรจะเลือกเดินทางไหน ระหว่างเชื่อและไม่เชื่อ
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะทำให้นายสับสนขนาดนี้ แต่เวลามันกระชั้นชิดมากแล้ว อีกอย่างฉันทนเห็นนายเจ็บอีกไม่ได้ รู้ตัวหรือเปล่าว่านายทุรนทุรายทีไร ใจของฉันจะขาดตามทุกที”
“ไม่ต้องหยอด มันไม่ได้ผล”
“ไม่ได้หยอด แต่พูดให้ฟังก็ฟังหน่อยเถอะ มันคือความรู้สึกของฉันจริงๆ”
“แต่นายแกล้งฉันมาตลอด”
“ไม่ได้แกล้ง แค่เรียกร้องความสนใจ”
“วิธีการบ้าๆ จากคนบ้าๆ”
“ยอมรับ ไม่อย่างนั้นจะอยู่ในสายตาของนายได้ยังไง”
“เหอะ ถ้าเข้ามาหาดีๆ ไม่กวนประสาทก็จบแล้ว”
“ขอโทษ”
เสียงทุ้มที่เอ่ยคำขอโทษออกมาทำเอาแฮร์รี่เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะพูดคำนี้ออกมา ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ยิน
“อยากขอโทษมาตลอด”
“ … ”
“แต่ก็ยอมรับว่าเวลาเห็นนายโมโหแล้วมันยิ่งอยากแกล้ง”
“ไหนบอกว่าไม่ได้แกล้ง”
“แกล้งเพราะรัก”
“นายเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วมัลฟอย”
“เดรโก”
“อะไร”
“ลองเรียกเดรโกหน่อย”
“ไม่” แฮร์รี่ปฏิเสธด้วยความรวดเร็ว
“ใจร้าย”
“ไม่ต้องมาทำหน้าหงอย นายหลอกฉันไม่ได้หรอก ฉันจะไม่เชื่ออะไรนายอีกแล้วไอ้งูเจ้าเล่ห์”
“เจ้าเล่ห์แต่ก็สามีนาย”
“ยังไม่ใช่”
“งั้นก็ทำให้มันใช่”
“ไม่ล่ะ ยอมตายดีกว่า”
ทว่าคำพูดที่กล่าวออกมาทำเอาคนได้ยินใจกระตุกเปลี่ยนสีหน้าเป็นขึงขังทันที
“จะเกลียดกันก็ได้ แต่อย่าพูดแบบนั้นออกมาอีก”
“ … ”
“นายไม่รู้หรอกว่าคนฟังรู้สึกยังไง ทั้งที่พยายามรักษาชีวิตนายไว้แทบตาย แต่เจ้าของกลับไม่ไยดี”
แฮร์รี่เองก็เพิ่งรู้สึกว่าตนพูดแรงไป ถ้าอีกฝ่ายคิดแบบที่เล่ามาทั้งหมดจริงๆ ก็คงจะทำร้ายจิตใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“เดรโก”
“ถ้าเรียกตอนอื่นฉันคงชื่นใจมากกว่านี้”
“ … ”
“ช่างเถอะ คนไม่ได้รู้สึกยังไงก็ไม่รู้สึก”
น้ำเสียงที่กล่าวออกมาราวกับตัดพ้อทำเอาบรรยากาศในห้องเงียบไปถนัดตาและปกคลุมด้วยความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกแทน แต่ถึงอย่างนั้นวงแขนแข็งแรงก็ยังคงไม่ละออกจากเอวของแฮร์รี่อยู่ดี
“จะต้องอยู่ในร่างอสรพิษเท่านั้นเหรอที่จะทำเรื่องนั้นได้”
แฮร์รี่พยายามหาเรื่องพูดเพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัด และไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้นทั้งที่จะปล่อยไปเลยก็ได้
แต่พอเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขาสลดลงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ …
“ตามที่ในหนังสือบอก”
“แต่นายไม่เคยพูดให้ฟัง เล่าหน่อยได้ไหมเดรโก”
“อ้อน?”
“เปล่า แค่อยากไถ่โทษที่พูดไม่คิด”
“หึ” เสียงในลำคอดังออกมาพร้อมกับอีกฝ่ายเริ่มเปิดปากเล่าให้ฟังถึงรายละเอียดในหนังสือที่เขาเคยอ่านเจอ และแฮร์รี่เองก็รู้สึกเคลิ้มขึ้นมาอีกรอบซะอย่างนั้นราวกับเรื่องเล่าที่เจ้าของห้องกำลังพูดเป็นนิทานกล่อมนอนชั้นดี
บวกกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้รู้เลยว่าติดกับดักของเจ้าแห่งอสรพิษเข้าอย่างจัง …
หึ ก็แค่ทำตัวน่าสงสารนิดหน่อย อีกฝ่ายก็งอนง้อเขาแล้ว นี่ล่ะนะคนที่มี
กลยุทธ์ชั้นดีอยู่กับตัว :)

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นังงูเจ้าเล่ห์ 5555555555555 เออ! สมกับความเป็นสลิธีรินจริงๆ
มัลฟอยเจ้าเลห์
เดี๋ยวก็ไม่ยกลูกให้เลยย
และแล้วก็เผยตัวออกมา!! ร้ายนักนะคุณชาย ลูกเราไม่ปลอดภัย หนีไปแฮร์รี่~~~~