คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [บทที่ 4] พบเจอ...
หลังตกลงกันได้แล้ว กลุ่มของท่านตัดสินใจช่วยชายลึกลับดันหินที่ขวางทางอยู่โดยมีอีกส่วนคอยยืนคุ้มกันหลังให้ ทุกคนต่างออกแรงดันอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าหินจะติดอะไรสักอย่างอยู่จริงๆ เพราะพยายามออกแรงดันเท่าไหร่มันก็ไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย
“มันทางตันแล้วหรือเปล่า” อากิระเลิกคิ้ว มองชายลึกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ไม่...ข้าได้ยินเสียงก้องจากอีกฝั่ง” เขาตอบพลางพยายามดันต่อไป
ครู่หนึ่งผ่านไป สถานการณ์ยังคงเหมือนเดิม หินยังคงอยู่ที่เดิม แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม
“เสียงอะไร” ไวลี่ทักขึ้น ดูเหมือนทุกคนจะได้ยินเสียงนั้นด้วยเช่นกัน มันเป็นเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคย เสียงกรีดร้องแหลมๆ กับฝีเท้าจำนวนมากที่เหยียบย่ำลงบนพื้นหินอันแข็งกระด้าง
พวกแมลงยักษ์มันมาอีกแล้ว มันมาพร้อมกับฝูงของมันไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัวเช่นเดิม คราวนี้เกรเกอร์ที่ยืนอยู่ท้ายขบวนกลับกลายเป็นแนวหน้าที่ต้องต่อสู้กับพวกแมลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้สู้ในที่โล่งกว้างแต่สู้ในพื้นที่จำกัด ที่สำคัญ ลักษณะการต่อสู้ยังเป็นแบบหลังชนฝา พวกแมลงกรูมาตามทางแออัดจนดูเหมือนว่ามันวิ่งเข้ามาราวกับมีจำนวนไม่จำกัด
“เฮ้ย งานมา!” คาร์ซาร์อุทาน
“เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อพื้นดินข้างหน้าเราทรุดไปแล้ว” เกรเกอร์ตั้งข้อสังเกต กระชับกริชในมือในลักษณะพร้อมสู้
“เป็นไปได้ว่าพื้นด้านล่างจะเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ ข้าคิดว่านะ” ฟรีซวิเคราะห์ “ต้องรีบหน่อยแล้ว พวกที่ตกลงไปอาจเจอเรื่องแย่ๆอยู่ก็ได้
[อธิบายการต่อสู้ของพวกท่านกับพวกแมลง]
เมื่อจัดการกับเหล่าแมลงหมดสิ้น ดูเหมือนว่าคาร์ซาร์กับกลุ่มของท่านที่พยายามดันหินตลอดเวลาของการต่อสู้จะเริ่มบรรลุผลเล็กน้อย หินก้อนใหญ่เหมือนจะเลื่อนไปด้านหน้าอีกเล็กน้อย หลังจากพยายามดันอีกชั่วครู่ หินก้อนดังกล่าวก็หลุดออกจากช่องดังกล่าวจนไถลไปด้านหน้า มันกลิ้งตกลงไปตามเนิน ไม่นานนักพวกท่านก็ได้ยินเสียงมันตกน้ำไป เบื้องหลังหินก้อนนี้หาใช่แสงสว่างที่สาดส่อง หากแต่เป็นความมืดมิดหาที่สุดไม่ได้จนยากที่จะดูออกว่าในโถงแห่งนี้มีอะไรอยู่บ้าง
“สูงพอสมควรนะนี่” คาร์ซาร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “โถงนี้ดูท่าจะเชื่อมกับตรงจุดที่เพื่อนเจ้าตกลงไป”
พูดจบเขาก็กระโดดไถลตัวลงไปตามเนินอย่างคล่องแคล่วโดยมีพวกท่านยืนดูอยู่ แกรนดีนยกคบเพลิงขึ้นส่องไปรอบๆ แสงไฟไม่อาจส่องกระทบผนังถ้ำได้แสดงถึงความกว้างอย่าที่สุดมิได้ ในตอนนี้คาร์ซาร์หายไปจากระยะแสงไฟแล้ว
“เจ้านั่นคิดจะหนี หรือมันกำลังจะตุกติกอะไรอยู่หรือเปล่า” เกรเกอร์ชะเง้อดู “ข้าจะลงไปดู”
“ลงไปข้าว่าเราอาจเจออะไรออกมาเซอร์ไพรส์แน่” ฟรีซครุ่นคิด
“แล้วมันมีทางไหนอีกล่ะ” แกรนดีนย้อน
“เฮ้ย พวกของเจ้าน่ะ มาสองคนใช่ไหม” เสียงของคาร์ซาร์ลอยขึ้นมา “ดูเหมือนจะหมดสติกันอยู่นะ”
เมื่อได้ยินเสียงของคาร์ซาร์ กลุ่มของท่านก็ตัดสินใจลงเนินไปช้าๆเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่โดนชายลึกลับหลอก แต่ดูเหมือนว่าพวกท่านจะไม่โดนหลอกจริงๆ เขาแบกร่างของแองจีล่ากับไวโอเล็ตที่ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำกับแผลถลอกอยู่เต็มไปหมด คาดว่าน่าจะมาจากการตกจากที่สูงและกระแทกกับก้อนหินต่างๆ
“ที่พวกเราอยู่เมื่อครู่น่าจะเป็นทางเดินในขุนเขา ส่วนตรงนี้...” คาร์ซาร์มองไปรอบๆ “คงไม่ต่างอะไรจากใจกลางขุนเขา”
โดยรอบเป็นผนังหินสีดำมีหินงอกหินย้อยอยู่เต็มไปหมด มีน้ำขังประมาณข้อเท้าหลายพื้นที่ และตรงจุดที่พวกท่านอยู่ก็มีอยู่เช่นกัน...
“เอาละ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ข้าคิดว่าคงได้เวลาต้องไปตามทางข้าต่อ ถึงจะไม่รู้ทางไหนก็เถอะนะ” คาร์ซาร์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ดูเหมือนเสียงหัวเราะของเขาถูกกลบด้วยเสียงคำรามอันดังกึกก้อง ดังเสียจนพื้นดินสั่นสะเทือน พร้อมทั้งเสียงบางอย่างที่ดังเข้ามาใกล้ทุกขณะ
ครืน... ครืน...
“นี่มีคนดันหินแบบเราอยู่อีกที่หรือเปล่า” เขาพูดติดตลก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีใครตลกออกแล้ว เพราะตรงหน้าของกลุ่ม ปรากฏสัตว์สี่ขาลักษณะเหมือนตุ่นไร้ขนกำลังตรงเข้ามาช้าๆ ดวงตาสีเหลืองของมันสะท้อนแสงไฟดูน่ากลัวขึ้นมาถนัดตา ผิวสีเทาอ่อนหยาบกร้านเต็มไปด้วยรอยถูกโจมตี นั่นมั่นใจได้เลยว่าหลายคนที่หลงเข้ามาในนี้ต้องต่อสู้กับมันมาก่อนแน่แท้ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดต้องจบชีวิตก็เถอะ
ฉัวะ!!!
พวกท่านรีบหันไปมองต้นเสียง พบว่าคาร์ซาร์ใช้ดาบในมือฟันเข้าที่หางปริศนาที่ฟาดมากด้านหลังจนหางนั้นหยุดชะงักไป
มันมีสองตัว...
เจ้าปิศาจนั้นร้องคำรามโหยหวนจากอาการเจ็บปวด ในขณะที่อีกตัวแยกเขี้ยวคมกริบที่เรียงกันหลายสิบซี่พร้อมฉีกร่างศัตรูให้ขาดเป็นชิ้นๆ
“เอาละ เพื่อนของเจ้าก็เจ็บอยู่สองคนละนะ ข้าจะล่อตัวหนึ่งไปให้เอง” เขาพูดก่อนจะโยนของสิ่งหนึ่งไปให้หนึ่งในกลุ่ม มันเป็นกล่องแก้วใส่ขนนกสีขาวเรืองแสงสีฟ้าส่องสว่างยิ่งกว่าคบเพลิง เขาเก็บมันไว้ในกระเป๋าหนังมาตลอด
“สิ่งนี้น่าจะตอบแทนน้ำใจของพวกเจ้าได้ไม่มากก็น้อย แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน” พูดจบเขาก็วิ่งแยกตัวออกจากกลุ่มพร้อมกับปิศาจสี่เท้าตัวหนึ่งที่วิ่งตามเขาไปอย่างบ้าคลั่ง เขาต่อสู้ไปหนีไปจนกระทั่งพ้นเขตแสงไฟ เหลือเพียงเสียงการต่อสู้ที่ยังคงดังกึกก้อง
[คณะเดินทางได้รับไอเทม]
“ขนนกใต้ขุนเขา” x1
(ตำนานร่ำลือไว้ว่าใต้พิภพนั้นมีอีกโลกที่คนทั่วไปไม่อาจย่างกรายเข้าไปถึง สัตว์ทั้งหลายนั้นมีความโหดเหี้ยมและเต็มไปด้วยพลังวิเศษมากมาย วิหคแห่งขุนเขาก็เช่นกัน มันอาศัยอยู่ในถ้ำมืดโดยไม่ออกมาโบยบินบนฟากฟ้า หากแต่เมื่อใจมันนึกจะไปที่ใด ร่างของมันจะไปโผล่ที่นั่นทันที ว่ากันว่าขนนกของมันเต็มไปด้วยพลังออร่าที่เปี่ยมล้น ผู้ใดครอบครองมันไว้จะสามารถนำพาท่านไปยังสถานที่ที่ต้องการได้ดั่งใจนึก แต่เมื่อไปยังสถานที่นั่นแล้ว ขนนกก็จะหายไป)
= = =
เจ้าปิศาจสี่ขาคำรามลั่น ดูเหมือนว่ามันกำลังเดินวนคณะเดินทางราวกับเห็นอาหารอันโอชะ มีเวลาตัดสินใจเพียงน้อยนิด...พวกท่านปรึกษากัน...
โปรดตัดสินใจ...
1 วิ่ง!!!
2 ปักหลักต่อสู้กับมัน!!! (หากเลือกต่อสู้ แอดมินจะมาอธิบายกติกาในตอนถัดไป สามารถเข้าไปหาความงงใส่หัวได้ก่อน >>>ที่นี่<<<)
3 เหมือนขนนกบ้านี่จะวาร์ปได้ ลองสุ่มๆใช้ดู!!!
โรลครั้งต่อไปจะเริ่มในวันที่ 5 มีนาคม เวลา 20.00 น. หากท่านใดมาโรลไม่ได้โปรดแจ้งล่วงหน้าหรือให้เพื่อนร่วมทีมแจ้งให้ทราบ
ขอให้ทุกท่านโชคดี กับการตัดสินใจ...
Shalunla
ความคิดเห็น