ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องกิจกรรมชาวมุนดัส

    ลำดับตอนที่ #32 : [บทที่ 7] ถึงคราวเคราะห์

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 57


                    [ทีมวินเซนต์]

                    [ทีมนายว.ทุกคนได้รับการฟื้นฟูพลังทุกอย่างจนเต็มด้วยพลังของมังกร]

                    “พวกเจ้าเป็นนักเดินทางต่างถิ่น ใช่...ข้าสัมผัสได้ตั้งแต่พวกเจ้าก้าวเข้ามาในถ้ำนี้” เสียงนั้นยังคงดังก้อง พลันบังเกิดแสงสีฟ้าสว่างจ้าออกมา ก่อนที่มังกรขนาดใหญ่จะโผล่ออกมาจากถ้ำใต้น้ำ มันมีความยาวตลอดลำตัวหลายสิบเมตร ทั้งยังใหญ่มากพอจะกลืนพวกท่านทุกคนไปได้ในคราวเดียว

                    “หนึ่งในพวกเจ้า อยากได้สิ่งของในตำนานสินะ...”

                    อัลตอนพยักหน้ารับ

                    “พวกเจ้าควรทุกคน หลงมาในแดนที่ไม่สมควรจะอยู่ นั่นหมายความว่า พวกเจ้าควรออกไปจากที่นี่ กลับไปยังมาตุภูมิของตนเอง” มังกรยักษ์กล่าว ผิวสีนิลของมันสะท้อนกับแสงสีฟ้าจนดูเหมือนผิวของมันเป็นประกายดุจเพชรเม็ดงาม ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองทุกคนไม่กะพริบ

                    “ทางซ้ายจะนำเจ้าไปโผล่ยังถ้ำทิศเหนือ ทางขวาจะนำเจ้าไปโผล่ยังถ้ำทิศใต้ พวกเจ้าเดินเลือกเส้นทางไปต่อเอง”

                    หลังพูดจบ พวกท่านก็หารือกันว่าจะทำเช่นไร

                    “ข้าคือผู้พิทักษ์แห่งถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และหากพวกเจ้ากลับไปแต่โดยดี ก็จะไม่มีเรื่องอะไรให้ปวดหัว และสัญญากับข้าว่าตลอดทางที่เจ้าเดินไป จะไม่วกกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง”

                    “ส่วนเจ้า...”

                    มังกรมองไปทางอัลตอน “เจ้าต้องการสิ่งของในตำนานอย่านั้นหรือ...”

                    อัลตอนพยักหน้ารับ

                    “วิญญาณผู้ร่วมทางของเจ้าสองดวง แลกกับของหนึ่งสิ่งที่เจ้าต้องการ เจ้าหาให้ข้าได้หรือไม่...”

                    อัลตอนเหลือบมองไปยังเพื่อนของตน

                    1              [ทีมนายว.] ไปขึ้นบนไดทางซ้าย

                    2              [ทีมนายว.] ไปขึ้นบนไดทางขวา

                    3              [ทีมนายว.] เดินกลับทางเดิม

                    4              [ทีมนายว.] ฆ่ามังกร

                    5              [อัลตอน] ได้ ข้าจะนำมาให้ เดี๋ยวนี้แหละ

                    6              [อัลตอน] ไม่ ข้าทำไม่ได้

                    7              [อัลตอน] ฆ่ามังกร

                    8              [อัลตอน] ขอเวลาหน่อย ข้าจะไปจัดการคนอื่นมาให้ [ระบุชื่อผู้เล่นสองคน]


     

    [ทีมเซรอธ]

                    “ข้าถามว่านั่นใช่ฝีมือพวกเจ้าหรือไม่” ชายคนหนึ่งบนกริฟฟินที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าว “ไม่ได้บอกให้พวกเจ้ามาเจรจา”

                    “สิ่งที่พวกเจ้าทำได้คือตอบมาตามความจริง ไม่ใช่เจรจา ไยพวกเจ้าจึงทำตัวมีพิรุธนัก” อีกคนเสริม นั่นทำให้พวกท่านมั่นใจได้ว่าทางเลือกที่พวกตนเลือกมันผิดมหันต์

                    ธนูทั้งสามดอกเล็งมาทางกลุ่มของท่านทันที แม้ในตอนแรกพวกท่านคิดว่าอย่างน้อยก็หลบได้ทัน แต่ในเวลาต่อมา หนึ่งในนั้นก็เป่าแตรเขาสัตว์ พลางบินวนรอบตัวพวกท่านทำให้กลุ่มคนขี่กริฟฟินเริ่มบินมาสมทบเรื่อยๆ

                    พวกท่านรีบหาทางตัดสินใจโดยด่วน หากเริ่มสู้ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องดีแน่เพราะศัตรูอยู่บนอากาศ ทั้งขี่สัตว์ที่มีพละกำลังมหาศาล พวกท่านตัดสินใจบางอย่างเพื่อหาทางรอดจากสถานการณ์นี้โดยเร็ว ก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้

                    1              สู้เลย เดี๋ยวก็รู้ว่ารอดรึเปล่า

                    2              รีบสารภาพความจริงก่อนที่จะโดนพวกนั้นยำ

                    3              ประกาศศักดา พวกข้านี่แหละผู้ปราบปิศาจ

                    4              วิ่งหนีสิ อยู่ทำไม!

                    5              ใจดีสู้เสือ เดินจากไปแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว


     

    [ทีมลิซ่า]

                    “ทำไมพวกเจ้าถึงอยากเข้าไปเมืองหลวงนัก” ชายคนนั้นถามด้วยความสงสัย

                    “หากพวกนั้นเห็นเจ้า พวกเจ้าจะถูกจับถลกหนังแน่นอน”

                    นั่นคือคำเตือนอีกครั้งของชายคนดังกล่าว

                    หลงจากที่พวกท่านแจ้งเจตจำนงไปแล้วว่าจะไปยังเมือหลวงของเกาะแห่งนี้ให้ได้ นั่นทำให้ชายคนนั้นใจอ่อน เขาตัดสินใจนำพวกท่านไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งที่ขยายกิ่งก้านสาขาไปทั่วจนบังแสงอาทิตย์หมด ใบไม้แต่ละใบมีแสงสีเขียวสว่างไสวและมีออร่าสีเขียวอ่อนห่อหุ้มอยู่

                    “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดอะไรหรอกนะ แต่ทันทีที่จากที่นี่ไปแล้ว พวกเจ้าจะกลับมาอีกไม่ได้เป็นครั้งที่สอง” เขาพูดพลางเด็ดใบไม้สองใบมาให้พวกท่านถือคนละใบ

                    พวกท่านหลับตาลงตามที่เขาบอก กำใบมือนั้นไว้ในมือ ขณะที่ชายคนนั้นท่องคาถาอะไรสักอย่าง พวกท่านก็รู้สึกเสียววูบบริเวณหน้าท้องขึ้นมาอย่างประหลาดราวกับตกลงจากที่สูงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่พวกท่านลืมตาขึ้นมา ตนนี้พวกท่านก็อยู่ในบริเวณเนินไม่ไกลจากเมืองหลวงที่ถูกก่อด้วยหินขัดสูงท่วมหัว โดยรอบมีหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ในขณะที่ข้างทางเต็มไปด้วยซากศพที่ถูกเสียบไม้ไว้ ปักเรียงรายทุกสองร้อยเมตรราวกับเป็นสิ่งที่ช่วยบอกระยะทาง

                    พวกท่านรีบหลบหลังหินขนาดย่อมก้อนหนึ่งเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านล่างเห็น ก่อนจะปรึกษากัน

                     1             หาวิธีเดินเข้าเมืองแบบเนียนๆ

                    2              ไปทางอื่นดีกว่า หาทางลงใต้

                    3              แกล้งเดินไปเป็นลมกลางถนน

                    4              ลอบฆ่าชาวเมืองทีละคน

                    5              รอเข้าเมืองตอนกลางคืน

                    6              วิ่งพุ่งไปที่ประตูเมืองแบบไม่คิดอะไร

                    7              ไม่ทำอะไร นั่งเฉยๆ


     

    [ทีมซีอาเนีย]

                    หลังจากที่วางแผนกันเรียบร้อย หนึ่งในกลุ่มของท่านก็ดำเนินการทันที และนั่น ก็ทำให้พวกนั้นต้องตกมาตามแผนของท่าน

                    “เกิดอะไรขึ้น” หนึ่งในกลุ่มตะโกนถาม ในขณะที่ขบวนทัพยังคงเดินต่อไป ก็มีทหารม้าส่วนหนึ่งขี่ม้ามาสังเกตบริเวณกลางของขบวน ปรึกษาอะไรบางอย่างกันโดยไม่เข้ามาใกล้ระยะของพวกท่าน ก่อนที่พวกท่านจะเห็นว่าขบวนทัพของศัตรูเริ่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย

                    ไม่รอช้า หินก้อนต่อไปถูกโยนออกไปเพื่อทวีความสงสัยในหมู่ศัตรู แต่สิ่งที่ถูกโยนกลับมา ไม่ใช่ก้อนหิน...

                    ...แต่เป็นเกาทัณฑ์

                    พลธนูที่ปรำกองทัพนั้นวิ่งมาเรียงแถวกันอย่างรวดเร็วก่อนสาดลูกธนูจำนวนมากใส่พวกท่านที่นอนหมอบอยู่แบบไม่เสียดาย แต่ละดอกพุ่งเข้าหาพวกท่านอย่างรวดเร็ว

                    พวกท่านอ้าปากค้างกับสิ่งที่ศัตรูทำ และได้ยินเสียงพูดคุยแว่วมาพร้อมกบเสียงฝนธนู

                    “ท่านทำอะไรกัน”

                    “มีบางอย่างอยู่แถวนั้น” เสียงนั้นตะโกนบอก

                    “เหตุใดไม่ไปสำรวจดู”

                    “อาจเป็นศัตรูหรือไม่ก็ได้ แต่เราต้องรีบกลับเมือง ไม่มีเวลามาแวะข้างทาง”

                    และพวกท่านก็รีบตัดสินใจกันอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่หาทางกันอยู่นั้นเอง ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งเข้าปักบริเวณน่องขาขวาของภพเต็มๆ เลือดสดทะลักออกจากบาดแผลอย่างรวดเร็ว และธนูอีกหลายสิบดอก กำลังตามลงมา

                    [ภพ เสียพลังชีวิต 6 หน่วย]

                    1              วิ่งไปลุย

                    2              หาทุกอย่างมาใช้เป็นกำบังเพื่อให้ศัตรูที่อยู่ไกลออกไปคิดว่าตายแล้ว

                    3              วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

                    4              ร้องบอกให้หยุดยิง

                    5              ใช้พลังของใครสักคนในการป้องกันธนู


     

    [เรย์อาเซีย]

                                   ท่านเดินขึ้นเนินไปลำพัง บนเนินนั้นเป็นจุดที่มีลมพัดตลอดเวลา แม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่ท่านเอะใจเกี่ยวกับสถานที่ไม่ว่าจะเป็นรอยล้อเกวียนที่ปรากฏเป็นระยะซึ่งขึ้นเนินชันแบบนี้มาได้ หรือไม่ก็เป็นดอกไม้ทรงประหลาดที่ปรากฏข้างทาง

                    กระทั่งขึ้นมาถึงบนยอดเนิน ท่านสังเกตว่ามีหินขัดสีดำตั้งตระหง่านอยู่ห้าเสา แต่ละเสาบนยอดมีอักขระสีฟ้าเรืองรองอยู่ เป็นภาษาที่ไม่อาจอ่านออกได้ เนื่องจากเหมือนเป็นการขีดเขียนมั่วๆมากกว่า แต่สิ่งที่สะดุดสายตาของท่านคือวงเวทรูปดาวห้าแฉกที่เขียนบนพื้นหิน มีเทียนวางอยู่ตามจุดที่เส้นตัดกัน แน่นอนว่ามันเคยใช้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมแน่นอน

                    สายลมที่พัดมาปะทะร่างของท่านอย่างแผ่วเบา ทำให้ท่านคิดวิเคราะห์บางอย่าง

                    1              ลองเดินไปบนวงเวท

                    2              สำรวจเสา

                    3              ทำลายเสา

                    4              เดินไปชมวิวโดยไม่วนใจ

                    5              หาทางไปติ่อ

     

    [คลาเรียส]

                    ท่านเดินเข้าไปภายในช่องเขา บางช่วงมันก็แคบจนท่านติดอยู่กับช่องนั้นเป็นเวลานานพอสมควร บางช่วงมันก็กว้างจนเดินได้แบบสบายๆ ด้วยความที่เป็นเขาสูงทำให้ทางเดินค่อนข้างมืดและเย็น การเดินทางในช่องเขานั้นใช้เวลานานเป็นวันทีเดียวกว่าจะทะลุออกมาอีกฝั่งซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีส้มของอาทิตย์อัสดง

                    เบื้องหน้าท่านตอนนี้ปรากฏหินหลากหลายรูปทรงกระจัดกระจายอยู่ตามเนินและที่ราบหลายร้อยก้อนจนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันถูกนำมาวางทิ้งไว้ที่นี่เพื่ออะไร

                    หรือบางทีมันอาจจะเคยเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ก็เป็นได้

                    แต่คิดไปแล้วมันก็ชวนแต่ปวดหัว ท่านตัดสินใจสำรวจให้แน่ชัดว่าโดยรอบไม่มีพิษภัยใดๆ ก่อนจะเดินตัดเข้าไปตามทุ่งกว้างทันที

                    หินหลายก้อนมีอักขระโบราณและภาพวาดแกะสลักที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ แต่มันก็ลบเลือนจนมท่านไม่รู้ว่ามันจะสื่ออะไรกันแน่

                    กระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน

                    1              เดินมุ่งหน้าต่อไป เรื่องพักน่ะไม่จำเป็น

                    2              พักสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน

                    3              เดินกลับไปดูเขาหิน

                    4              ลองขึ้นไปบนเนินใกล้ๆและสำรวจหินบริเวณนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×